“หลี่ซาน!” หลูเฉิงกวงพูดแทรกหลี่ซานหลูเฉิงกวงกวาดสายตามองไปรอบๆ ตอนถอนสายตากลับ เขาพูดเสียงเบา “ท่านเจ้าเมืองคือคนที่เจ้าพูดจาหยามเกียรติได้หรือ?”หลี่ซานรีบเงียบและก้มหน้าลงทันทีเมื่อครู่เขาบุ่มบ่ามเกินไปจริงๆ หากที่นี่มีคนของลวี่เหลียงเจ๋อ ลวี่เหลียงเจ๋อนำไปรายงานท่านเจ้าเมือง เช่นนั้นชีวิตของเขาก็จบเห่แล้ว“พวกเจ้ากลับไปก่อนเถอะ!”หลูเฉิงกวงไล่คนกลุ่มใหญ่ออกไป ในศาลาว่าการเหลือเพียงจางเจิ้งห้าว เหออี้หมิน รวมถึงเฉินฝานและหลี่ซานเท่านั้น เหตุผลในการให้เฉินฝานและหลี่ซานอยู่ต่อเพราะการปราบโจรในครั้งนี้ทั้งสองจะเป็นคนสนับสนุนด้านค่าใช้จ่ายในห้องโถงเหลือเพียงพวกเขา หลี่ซานพูดอีกครั้ง “ใต้เท้า เมื่อวานลำพังผู้ชมก็นับหมื่นคนแล้ว คนมากมายเห็นแล้ว ลูกดอกเหล่านั้นหมายจะพุ่งไปสังหารเฉินฝาน เห็นชัดว่าพวกเจี่ยหงเหวินเป็นคนจ้างพวกโจรภูเขา พวกเราให้ชาวบ้านเหล่านั้นเป็นพยานต่อหน้าท่านเจ้าเมืองได้”หลูเฉิงกวงถลึงตามองค้อน “สิ่งที่เจ้าพูดข้าไม่รู้เช่นนั้นหรือ?”“เช่นนั้นใต้เท้า...”“พี่หลี่ พี่พูดน้อยลงหน่อยเถอะขอรับ”เฉินฝานดึงตัวหลี่ซานหรงตูมีสิบอำเภอ อำเภอตูอันร่ำรวยที่สุด ภาษีส่วน
“กรึกๆๆ”“วี๊ดวือๆๆ”เฉินฝานและหลี่ซานออกมาจากศาลาว่าการ พบว่าบนท้องถนนเต็มไปด้วยรถม้าเวลานี้ยามซูแล้ว ปกติเวลานี้ บนท้องถนนไม่มีผู้คน“เกิดเรื่องอะไรขึ้น? เหตุใดจู่ๆ จึงมีรถม้าเข้าเมืองมากมายเช่นนี้? พ่อบ้านมั่ว เจ้ารู้หรือไม่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”“ไม่รู้ขอรับ แปลกจริงๆ ข้าอยู่ที่นี่มานานกว่าห้าสิบปีแล้ว ไม่เคยพบเจอสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน”บรรดาพ่อบ้านและสารถทีที่รอพวกเฉินฝานด้านนอกศาลาว่าการก็กำลังเสวนาเรื่องนี้เฉินฝานและหลี่ซานสบตากันครู่หนึ่ง หากเดาไม่ผิด คนพวกนี้ทราบเรื่องปราบโจรแล้ว“เจ้าหน้าที่ ท่านปล่อยพวกเราเข้าไปเถอะขอรับ”“ได้โปรด ให้พวกเราเข้าไปเถอะ!”ตอนพวกเฉินฝานผ่านประตูเมือง ด้านนอกมีชาวบ้านมากมายกำลังอ้อนวอนขอเข้า อีกทั้งชาวบ้านเหล่านั้นยังเต็มไปด้วยสัมภาระ เห็นชัดว่าจะย้ายเข้ามาอยู่“ไม่ได้ ยามซูแล้ว หากไม่มีตราคำสั่งไม่อาจเข้ามาได้”“ปิดประตูเมือง!”ภายใต้คำสั่งของหัวหน้าเฝ้าประตูเมือง ประตูเมืองปิดลง ปล่อยให้ชาวบ้านที่กำลังอ้อนวอนเหล่านั้นอยู่ด้านนอก“เสี่ยวฝาน อย่ามองเลย ปิดประตูเมืองตอนยามซู เป็นกฎระเบียบ พรุ่งนี้รุ่งสางเมื่อถึงยามเหม่าประตูเมืองเ
“นายท่าน นายท่านกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ?”พี่น้องตระกูลฉินที่ได้ยินเสียงเปิดประตูจากด้านในออกมา พวกนางคิดว่าเฉินฝานกลับมาแล้วเมื่อเห็นพี่น้องตระกูลฉิน เฉินฟู่ นางโจว เฉินเจียง จางเหลียนฮวาอิจฉาตาร้อนอิจฉา ริษยา โลภนี่ยังใช่พี่น้องตระกูลฉินซูบผอม เสื้อผ้าซอมซ่อในความทรงจำพวกเขาหรือไม่ตอนนี้พวกนาง...สวมผ้าต้วน ใส่เครื่องประดับเงินทอง ทั้งยังมีสาวใช้ติดตามอยู่ข้างกาย นี่คือฮูหยินตระกูลใหญ่อย่างเห็นได้ชัดความริษยาในแววตาของนางโจวและจางเหลียนฮวา ร้อนแรงเป็นพิเศษนางโจว ‘นางเป็นท่านย่าของเฉินฝาน คนที่ได้สวมเครื่องประดับเงินทองควรเป็นนาง’จางเหลียนฮวา ‘เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? เป็นไปได้อย่างไร? สามสาวยากไร้ตระกูลฉิน มีชีวิตที่ดีกว่านางได้อย่างไร เฉินเจียงคือผู้มีวาสนาที่นักพรตวัดซานชิงกวนพูดถึง คนที่ควรอยู่อย่างสุขสบาย ใช้ชีวิตเป็นฮูหยินผู้สูงศักดิ์ ควรคือนางจางเหลียนฮวา!’เฉินฟู่และเฉินเจียงอิจฉาตาร้อน ความริษยาแทบจะเอ่อล้นออกมาจากสายตาเฉินฟู่ ‘เรือนโอ่อ่าเช่นนี้ เขาจะอยู่ที่นี่ เป็นเจ้าของที่นี่ ผู้คุ้มกันทุกคนที่นี่ต้องเชื่อฟังคำสั่งของเขา’เฉินเจียง ‘สาวใช้มากมายเช่นนี้ ดูเล
ยืนอยู่หน้าเฉินเจียง เจ้าหน้าที่ว่าการสองคนที่ขวางพวกเขามาโดยตลอด จู่ๆ ประสานสองมือ โน้มตัวลงทำความเคารพ“ทำเช่นนี้แต่แรกก็สิ้นเรื่องแล้วไม่ใช่หรือ? ข้าขอบอกพวกเจ้า ตอนนี้สายไปแล้ว”เฉินเจียงคิดว่าเจ้าหน้าที่ว่าการสองคนนั้นทำความเคารพตน วางมาดด้วยความลำพองใจ“รู้ว่าข้าเป็นใคร ยังไม่หลีกทางให้ข้าอีก!”เฉินเจียงตำหนิเจ้าหน้าที่ว่าการ พร้อมกับเดินเข้าไป“ถอยไป!”“โอ๊ย โอ๊ย!”ไม่มีใครมองทันว่าเจ้าหน้าที่ว่าการใช้กำลังอย่างไร ตอนได้ยินเสียงโอดครวญของเฉินเจียง เฉินเจียงล้มลงบนพื้นแล้ว“เจียงเอ๋อร์!”“นายท่าน!”พวกเฉินฟู่ จางเหลียนฮวาพุ่งตัวไปหาเฉินเจียง“เจียงเอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไรหรือไม่”“นายท่าน ท่านบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่เจ้าคะ?”เฉินเจียงผลักจางเหลียนฮวาทิ้งด้วยความหงุดหงิด มือชี้หน้าเจ้าหน้าที่ว่าการทั้งสองคน “พวกเจ้ากล้าเตะข้าเนี่ยนะ!”เจ้าหน้าที่ว่าการไม่สนใจเฉินเจียง พวกเขาประสานสองมือโน้มตัวทำความเคารพอีกครั้ง “คุณชาย!”คุณชาย?พวกเฉินเจียงมองไปตามทางที่เจ้าหน้าที่ว่าการทำความเคารพเฉินฝานเดินอย่างมั่นคง มาทางพวกเขาน่าเกรงขาม สง่าผ่าเผย สุขุมหลักแหลมจางเหลียนฮวาตกใจ
“พวกโจรภูเขาวิฬาร์ใกล้บุกเข้ามา ข้ากับตาเฒ่าเพียงต้องการซ่อนตัว เมื่อโจรจากไป พวกเราก็จะกลับไปที่หมู่บ้าน จะไม่อยู่ที่นี่นานแน่นอน”ภายใต้การชี้นำของเฉินเจียง นางโจวเริ่มกล่าวพร้อมทั้งน้ำตา“แต่คิดไม่ถึงเลยว่า……” นางโจวร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความร้าวรานคนที่ไม่รู้ความจริง มองแล้วชวนให้รู้สึกสงสารนางมากและคิดว่าเฉินฝานทำเกินไป“โอ้สวรรค์ มีเรือนหลังใหญ่ขนาดนี้ ไม่ไปเชิญท่านปู่ของตนมาอยู่ที่นี่ด้วยตนเองก็ช่างปะไร เมื่อปู่มาถึงและมาเพราะพวกโจรก่อปัญหา แม้แต่ข้ามประตูไปก็ยังไม่อนุญาต?”“นี่คือผู้ที่สอบได้อันดับหนึ่งประจำจังหวัดของอำเภอผิงอันเราหรือ ที่สำคัญยังชนะผู้ที่สอบได้อันดับหนึ่งของสำนักบัณฑิตด้วย?”“ไม่มีแม้กระทั่งความกตัญญูที่เป็นขั้นพื้นฐาน แต่ได้อันดับหนึ่งแล้วจะมีประโยชน์อย่างไร ชนะบัณฑิตแล้วมีประโยชน์อย่างไร?”“เขาไม่กลัวถูกฟ้าผ่าหรือ?”คนโบราณให้ความสำคัญเรื่องชื่อเสียง โดยเฉพาะปัญญาชนเฉินเจียงสบตากับเฉินฝานโดยตรงเป็นสายตาที่ยั่วยุสถานการณ์ดำเนินมาถึงจุดนี้แล้วเจ้ายังกล้าไม่ให้พวกเราเข้าไป?เฉินเจียงวางแผนไว้แล้ว เมื่อเฉินฝานอนุญาตให้พวกเขาเข้าไป พวกเขาจะไม่เข
“นายท่าน” ฉินเย่ว์โหรวหน้าแดงใจเต้น หมัดสีอมชมพูทุบเฉินฝานไม่หยุด “ปล่อยข้านะเจ้าคะ!”“ข้าไม่ปล่อย!”“นายท่าน…...”มีเสียงที่ชวนให้คนรู้สึกหน้าแดงดังมาจากข้างในฉินเย่ว์เจียวเดินไปที่สนามเพื่อฝึกยิงธนูโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าใดฉินเย่ว์ฉู่หาผ้าสองชิ้นมาอุดหูการกระทำเหล่านี้ สองพี่น้องทำอย่างช่ำชองและไม่รู้สึกประหลาดใจนานแล้วแต่พวกสาวใช้แตกต่างออกไปก่อนที่หลี่ซานจะส่งพวกนางมาที่นี่ เขาบอกพวกนางว่า พวกนางมาไม่ได้มาเพื่อเป็นแค่สาวใช้ แต่ยังต้องช่วยเฉินฝานผลิดอกออกผลพร้อมสั่งให้มัวมัวสอนวิธีร่วมหอแก่พวกนางถึงจะบอกว่าเข้าใจแต่พวกนางก็ไม่ได้เข้าใจจริง ๆ จะบอกว่าไม่เข้าใจ มัวมัวก็อธิบายละเอียดขนาดนั้นพอเวลานี้ได้ยินเสียงไพเราะเหล่านั้น แต่ละคนก็หน้าแดงมากเสียงของนายท่านมีไม่มากแต่หนักแน่นและทรงพลังมัวมัวบอกว่า ผู้ชายแบบนี้ แข็งแกร่งมากและสามารถทำให้ผู้หญิงท้องได้ง่ายผู้หญิงที่ได้เจอผู้ชายแบบนี้นับว่าโชคดีฟังไป คิดไปพวกสาวใช้ บางคนหน้าแดงกว่าเดิม ในขณะที่บางคนก็กลืนน้ำลายอย่างอดไม่ได้ความปรารถนาในด้านนั้นของผู้หญิง ไม่น้อยไปกว่าความปรารถนาของผู้ชาย เพียงแค่ปรัชญาดั้งเดิมก
“พี่หลี่ เกิดอะไรขึ้น?” เฉินฝานลุกขึ้นไปถามเขา“พวกเขา พวกเขา…...”ไม่รู้ว่าเพราะวิ่งเร็วเกินไปหรือกังวลมากไป ผ่านไปนานมากหลี่ซานแทบพูดไม่ออกเฉินฝานยื่นชาหนึ่งแก้วให้เขา “พี่หลี่ ใจเย็นก่อน ดื่มชาก่อนแล้วค่อยพูด”หลี่ซานโบกมือ “ไม่ดื่มแล้ว คนพวกนั้นมุ่งหน้าไปยังที่ทำการแล้ว!”เฉินฝานตกตะลึง “มุ่งหน้าไปที่ทำการ? ใคร? ทำไม?”“ทันทีที่ประตูเมืองเปิดเมื่อเช้านี้ ชาวบ้านจากนอกเมืองก็หลั่งไหลเข้ามาจำนวนมาก หลังจากรู้ว่าใต้เท้าหลูจะนำทัพไปปราบโจรด้วยตนเอง พวกเขาก็ตรงไปยังที่ทำการและไม่ให้ท่านหลูไป”“อ่อ ใต้เท้าหลูเป็นคนเอาใจใส่พลเมือง เขาเป็นข้าราชการที่ดี พวกชาวบ้านคงกลัวว่าจะตกอยู่ในอันตรายกระมัง”“ไม่ใช่ มันตรงกันข้ามกับที่เจ้าพูดเลยเสี่ยวฝาน” เมื่อเห็นว่าเฉินฝานเข้าใจผิด หลี่ซานก็ร้อนใจอีกครั้ง “ชาวบ้านเหล่านั้นไม่ได้เป็นห่วงใต้เท้าหลู แต่พวกเขาประณามใต้เท้า ว่าใต้เท้าหลูกำลังยั่วยุพวกโจรและจะนำพาความเสี่ยงถึงชีวิตมาสู่พวกเขา ด้วยเหตุนี้พวกเขาถึงได้ปิดกั้นประตูที่ทำการและไม่ให้ใต้เท้าออกไป”“คำสั่งปราบโจรมาจากท่านเจ้าเมืองไม่ใช่หรือ? ถ้าใต้เท้าหลูไม่ไปก็เท่ากับฝ่าฝืนคำสั่ง ใต้เท
“ใช่ เพราะอะไรล่ะ?”ชาวบ้านที่ถอยกลับไปเมื่อครู่นี้ พลันหยุดก้าวเท้า“ข้ารู้แล้ว!” ชายชุดเขียวอยู่ในฝูงชนพลันยกมือ“หืม พี่ชาย ถ้าท่านรู้ก็จงบอกทุกคนเร็วเข้า” เสียงของชายชุดเทาที่ยืนบนที่สูงดังกว่าเดิมสายตาของผู้คนเพ่งไปที่ชายชุดเขียวพร้อมกัน“ทุกคนยังจำลูกธนูทั้งสิบที่ซ่อนอยู่ แล้วยิงอย่างต่อเนื่องที่สนามแข่งได้ใช่หรือไม่!”“แน่นอน ลูกธนูนั่นไม่เพียงแต่ฆ่าเจี่ยงหงเหวิน แต่ยังต้องการฆ่าเฉินฝานด้วย”เหตุการณ์อันน่าตกตะลึงนั่น เวลานี้ในอำเภอผิงอัน อำเภอตูอันและอำเภอเหออัน กลายเป็นหัวข้อสนทนาของผู้คนหลังจากกินข้าวเสร็จพวกเขารู้สึกเสียดายเจี่ยงหงเหวินและประหลาดใจกับโชคชะตาของเฉินฝานจนถึงตอนนี้ ก็ไม่มีใครเชื่อว่าเฉินฝานมีความสามารถจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการสอบขุนนางหรือชนะเจี่ยงหงเหวิน พวกเขาต่างคิดว่าเพราะโชคชะตาช่วยเขา“ใต้เท้าเจ้าเมืองตรวจสอบพบว่าลูกธนูที่ยิงนายน้อยเจี่ยงมาจากภูเขาวิฬาร์!”“ภูเขาวิฬาร์? เจ้ากำลังบอกว่าโจรภูเขาวิฬาร์คือคนยิงนายน้อยเจี่ยงงั้นรึ? ข่าวของเจ้าเชื่อถือได้หรือไม่?”“นี่คือสิ่งที่ญาติของข้าที่ทำงานอยู่ในที่ทำการเจ้าเมืองหรงตูบอกแก่ข้า จะเชื่อไม่ได้ได้
“อะไรนะ!?”“ตอนนี้องค์หญิงเสี่ยวฉู่พาฝ่าบาทไปที่ประตูอู่แล้วขอรับ เจ้าสิ่งนั้น ปะ ปะ...”“ปืนไรเฟิล”“ใช่ ๆ ปืนไรเฟิล ปากกระบอกปืนไรเฟิลจ่อพระเศียรของฝ่าบาทอยู่เลยขอรับ!”“หา นี่เป็นเพราะอะไรกัน?”บรรดาพี่สาวน้องสาวตระกูลฉินได้ยินข่าวขึ้นมา“กราบทูลบรรดาองค์หญิง ข้อเรียกร้องขององค์หญิงเสี่ยวฉู่คืออยากให้ท่านอัครเสนาบดีกับฝ่าบาทอภิเษกสมรสกันเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“เหลวไหล!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไปราวกับพายุเวลานี้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่เพิ่งแสดงท่าทีรีบร้อนทำหน้าร้อนใจกลับมีสีหน้าแจ่มใส ถึงขนาดที่นั่งลงปรึกษาหารือกันฉินเย่ว์โหรว “พี่หญิงรอง ท่านมีฝีมือดี ท่านรีบไปขวางอยู่ที่หอด้านบนประตูอู่ อย่าให้นายท่านลงมา” ฉินเย่ว์เจียว “ไม่มีปัญหา พอถึงเวลานั้นข้าจะเรียกน้องหวั่นเอ๋อร์ นายท่านหนีไม่รอดแน่”ฉินเย่ว์ฉิน “เช่นนั้นข้าจะให้พี่น้องในวังเซียวเหยาก่อนหน้านี้ไปเดินเล่นแถว ๆ ประตูอู่ให้หมดเลย จะต้องครึกครื้นเป็นแน่ รับรองว่าพี่น้องทหารองครักษ์พวกนั้นจะต้องมองสาวงามอย่างไม่หวาดไม่ไหว”สามพี่น้อง “ความปรารถนาของเสี่ยวฉู่ พวกเราในฐานะพี่สาวจะต้องช่วยอย่างเต็มที่!”เมื่อมองถนนละแวกป
“ข้าไม่ได้ขัดขืนจริง ๆ” เย่ลวี่เลี่ยก้มหน้าลง ชายสูงแปดฉื่อทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ เขาอยากขัดขืนอยู่แล้ว แต่ฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ให้โอกาสนั้นกับเขาเลยตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่บุกเข้ามาในกระโจมใหญ่ของเย่ลวี่เลี่ย ก็ยิงปืนกำจัดองครักษ์ของเย่ลวี่เลี่ยก่อนพูดแล้วก็น่าอับอาย เย่ลวี่เลี่ยที่เคยผ่านศึกมาอย่างโชกโชนตกใจกลัวรูเลือดตรงกลางหน้าผากขององครักษ์ เขาไม่เคยเห็นอาวุธที่รวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยได้ยินแค่เสียงดังปัง หน้าผากขององครักษ์ก็มีรูเลือดใหญ่ขนาดนี้แล้ว ความเร็วที่แม้แต่เทพเซียนก็ทำไม่ได้ ความแม่นยำที่แม้แต่เทพเซียนก็ยังทำไม่ได้ในตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่ยกปืนขึ้นแล้วลั่นไกอีกครั้ง เมื่อเย่ลวี่เลี่ยได้ยินเสียง เขาก็ตกใจจนสลบไปทันที หลับไปตื่นหนึ่งถึงค่อยพบว่าฉินเย่ว์ฉินยิงใส่หมวกเล็กของเขาเท่านั้นตกใจสาวน้อยจนสลบไป ไม่ว่าสือจิ่งซานผู้นี้จะถามอย่างไร เย่ลวี่เลี่ยก็ไม่บอกเขา .....ในคืนที่เย่ลวี่เลี่ยถูกจับ ข่าวก็ไปถึงเมืองหลวงแล้ว “เครื่องอัดเสียงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องเสียง...” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยอ่านคำเหล่านี้ก็ถามเฉินฝานด้วยความมึนงงว่า “จดหมายของเสี่ยวฉู่บอกว่า นางแค่อาศ
“นางไม่รู้หรือว่าพวกเราไม่อยากลงมือจริงจัง?” “พอไปถึงค่ายทหารของชาวหู ไม่ใช่แค่โดนฆ่าธรรมดาแบบนั้นหรอกนะ” ชาวหูไม่มีทางปล่อยสตรีชาวต้าชิ่งใด ๆ ที่ตกอยู่ในมือพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีชาวต้าชิ่งที่หน้าตางดงามฐานะสูงศักดิ์อย่างฉินเย่ว์ฉู่ พฤติกรรมของพวกเขาใช้คำว่าเดรัจฉานมาอธิบายยังไม่พอเลย สือจิ่งซานสะบัดแขนเสื้อ “พอได้แล้ว สตรีนางเดียวไม่มีค่าพอให้เราต้องใส่ใจหรอก นางอยากตายก็ปล่อยนางไปเถิด โจวจวี่ เจ้าส่งคนไปบอกเยลวี่เลี่ยว่าให้พวกเขาเหลือศพไว้ครบถ้วน ข้าจะซื้อศพไว้ใช้ประโยชน์” ไม่ต้องให้สือจิ่งซานรอนานเกินไป วันรุ่งขึ้นทหารลาดตระเวนก็มารายงาน “ว่าไงนะ? เยลวี่เลี่ยมาด้วยตนเอง?”“ท่านแม่ทัพใหญ่ หากพูดให้ตรงคือเยลวี่เลี่ยโดนฮูหยินเล็กของท่านอัครเสนาบดีจับกุมมาขอรับ”“เจ้าพูดอีกทีสิ?”ทหารลาดตระเวนพูดซ้ำถึงสามรอบเต็ม ๆ สือจิ่งซานก็ยังไม่เชื่อไม่ใช่แค่สือจิ่งซานที่ไม่เชื่อ ต่อให้เป็นผู้ถูกจับกุมอย่างเยลวี่เลี่ยก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาจะโดนสตรีนางเดียวจับกุมได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้นสตรีผู้นี้ยังอายุน้อย พาทหารหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาแค่ร้อยกว่าคนเมื่อฉินเย่ว์ฉู่พาเยลวี่เล
สือจิ่งซานยกมุมปากยิ้มคลุมเครือ “แปรพักตร์อันใดกัน ฝ่าบาทกับท่านอัครเสนาบดีเห็นอกเห็นใจกองทัพหมาป่าเรา จึงส่งสะใภ้คนเล็กมา เช่นนั้นกองทัพหมาป่าเราย่อมต้องต้อนรับสะใภ้ท่านนี้ให้ดี ๆ”“แม่ทัพใหญ่กล่าวถูกต้อง พวกเราต้อง ‘ต้อนรับ’ ให้ดี ๆ!” โจวจวี่พูดคล้อยตามทันที ไม่นานนักก็มีคำสั่งจากในกระโจมใหญ่ ให้ทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนยุคโบราณที่จารีตเคร่งครัดอย่างยิ่ง การเปลือยท่อนบนเช่นนี้เป็นพฤติกรรมดูหมิ่นไม่ให้ความกียรติสตรีอย่างรุนแรงยิ่งกว่านั้นฉินเย่ว์ฉู่เป็นภรรยาเอกของอัครเสนาบดีขั้นหนึ่ง องค์หญิงแห่งต้าชิ่ง พระขนิษฐาแท้ๆ ของฮ่องเต้หญิงหากฉินเย่ว์ฉู่เป็นเพียงสตรีทั่วไปในยุคนี้ เกรงว่ามีแต่จะตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมดทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนออกจากกระโจม รอดูท่าทางตกใจกลัวจนร้องไห้โฮยกใหญ่ของฉินเย่ว์ฉู่“ผู้ชายมากมายถึงเพียงนี้ข่มขู่เด็กสาวคนเดียวจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” มีบางคนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่คำพูดของเขาก็โดนคนอื่นสวนกลับทันที “เกินไปอันใดเล่า เฉินฝานเป็นคนส่งมา ให้เขาหยามพวกเราได้เท่านั้น แต่ไม่ยอมให้พวกเราตอบโต้คืนหรือ? เปลือย
เย่ว์หนูได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่ปกป้องเฉินฝานครั้งหนึ่ง ร่างกายของนางตอนนี้จึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เดิมทีเฉินฝานอยากให้หวงหวั่นเอ๋อร์ตามฉินเย่ว์ฉู่ไป มีหวงหวั่นเอ๋อร์อยู่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของฉินเย่ว์ฉู่ ผลปรากฏว่าฉินเย่ว์ฉู่ปฏิเสธแม้กระทั่งหวงหวั่นเอ๋อร์ด้วยฉินเย่ว์ฉู่พาทหารหญิงไปหนึ่งร้อยกว่าคน มุ่งตรงสู่ทางเหนือ บุกไปยังกองทัพหมาป่าอย่างกล้าหาญ “เจ้าปล่อยให้นางไปเช่นนี้หรือ?” คนที่ตำหนิเฉินฝาน ไม่ใช่แค่พี่น้องตระกูลฉินทั้งสามคนในจวนสกุลเฉิน แม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่อยู่ในวังหลวงก็รีบออกมาเช่นกันนางคิดว่าไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยที่สุดเฉินฝานต้องให้ฉินเย่ว์ฉู่นำกองพลมือปืนไป“เย่ว์ฉู่เป็นน้องเล็กของพวกเจ้า น้องเล็กของพวกเจ้ามีนิสับแบบไหน พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือไร?” คำพูดประโยคเดียวของเฉินฝานทำให้พวกนางสำลักแล้วแม้ว่าฉินเย่ว์ฉู่จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลฉิน ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต นางมีความคิดของตัวเองมากที่สุด ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้นางเปลี่ยนใจได้“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์โหรวที่เป็นคนกังวลใจมากที่สุด ขมวดคิ้วมุ่น ดูกลัดกล
การปรากฏตัวของนาง ทำให้ทุกคนรู้สึกปีติยินดีกันมากแต่ฉินเย่ว์เจียวกลับถลึงมองสตรีผู้นั้น “พอได้แล้ว เสี่ยวฉู่เจ้าเด็กตัวแสบ แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่อันใด ยังไม่รีบเข้ามาอีก?” ฉินเย่ว์ฉู่ขี่ม้าเข้ามา ขณะที่นางผ่านฉินเย่ว์เจียวยังไม่ลืมเถียงกลับว่า “พี่หญิงรอง ข้าอายุยี่สิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วนะ”ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้นสูง “ไม่ว่าเจ้าจะอายุเท่าไหร่ ถึงอย่างไรในสายตาข้า เจ้าก็เป็นเด็กตลอดกาล” ฉินเย่ว์ฉู่ควบม้าตรงมาหาเฉินฝาน แล้วฟ้องเขาว่า “นายท่านดูสิเจ้าคะ พี่หญิงรองรังแกข้าอีกแล้ว นางรังแกข้ามาตลอด ท่านไม่จัดการนางบ้างหรือ?”เฉินฝานมองฉินเย่ว์ฉู่ที่สดใสมั่นใจในตัวเองตรงหน้า ภาพที่เขาเห็นฉินเย่ว์ฉู่ครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อนฉายขึ้นมาในสมอง เกิดความรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปชาติหนึ่งเด็กสาวที่ขี้กลัวในวันวาน บัดนี้กลายเป็นโฉมสะคราญที่มีสง่าราศี เฉินฝานรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย“เหตุใดที่กลับมาตอนนี้ ไม่ต้องเข้าเรียนแล้วหรือ?” เฉินฝานถามตั้งแต่ฉินเย่ว์ฉู่อายุสิบห้า เฉินฝานก็ส่งนางไปเรียนที่โรงเรียนสตรีในเมืองเซียนตู“นายท่าน ข้าน้อยเรียนจบแล้วเจ้าค่ะ”“เรียนจบแล้ว?”“ข้าน้อยเ
วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อน ซึ่งทั้งเดือนจะมีเพียงวันเดียวเท่านั้น นี่เป็นวันที่หาได้ยาก ในฐานะที่ฉินเย่ว์โหรวเป็นภรรยาเอกที่ดูแลบ้านย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ นางได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าหลายวันแล้วว่าวันนี้พวกเขาจะไปเที่ยวเล่นกินอาหารที่ชานเมืองกันทั้งครอบครัวนี่เป็นสิ่งที่เฉินฝานเสนอขึ้นเมื่อหลายปีก่อน หลังจากครั้งนั้น ฉินเย่ว์โหรวก็หลงใหลอยู่สุดซึ้ง ขอเพียงเฉินฝานมีวันหยุด นางจะต้องออกไปให้ได้สถานที่เที่ยวเล่นกินอาหารกันในครั้งนี้มีทิวทัศน์งดงามราวกับภาพวาดเหมือนเช่นเคยเฉินฝานนั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิง กินผลไม้มองบุตรชายบุตรสาวเล่นกันอย่างสนุกสนานบนทุ่งหญ้า ส่วนบรรดาภรรยาก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารกลางวันกลิ่นอาหารที่เฉินฝานชอบลอยอยู่ในอากาศอาหารของพวกเขาทั้งหมดเป็นรูปแบบยุคปัจจุบัน เนื้อแกะย่างทั้งตัว สเต๊กซี่โครงย่าง หมูสามชั้นย่าง ปีกไก่ย่าง กระดูกอ่อนย่าง... ยังมีหม้อไฟทะเล และผลไม้แช่เย็นต่าง ๆ นานา“อืม~” เฉินฝานสูดจมูก แล้วแค่นเสียงเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจ เขาหลับตาพักผ่อน พักผ่อนสักพักก็เริ่มกินได้แล้ว“ฮี่!”เฉินฝานเพิ่งจะนอนหลับก็ตกใจตื่นกับเสียงร้องฮี่ของม้า “
หลังจากสือจิ่งซานควบคุมกองทัพหมาป่า เขาก็เปลี่ยนตัวแม่ทัพก่อนหน้านี้ทั้งหมด ตอนนี้ทหารเหล่านี้ล้วนเชื่อฟังสือจิ่งซานเท่านั้น“ใครบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทและท่านอัครเสนาบดีที่นี่?”สือจิ่งซานตวาดอย่างเย็นชา เขาเดินแหวกแม่ทัพเหล่านั้นพร้อมกับเอ่ยวาจา หลังจากนั้นก็หันกาย สายตากวาดมองไปบนร่างแม่ทัพเหล่านั้นห“ข้าน้อยไม่บังอาจวิจารณ์ เดิมทีสิ่งที่ข้าน้อยพูดก็เป็นความจริง หากไม่มีกองทัพหมาป่าของเรา ไม่มีท่านแม่ทัพใหญ่ ต้าชิ่งจะสงบสุขเหมือนทุกวันนี้ได้อย่างไร เวลานี้กลับให้เฉินฝานผู้นั้นยึดความดีความชอบทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว” “ถูกต้อง พวกเรารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับท่านแม่ทัพใหญ่เลย”แม้ว่าเสียงของพวกแม่ทัพจะเบาลงแล้ว แต่ความโกรธเกรี้ยวและความไม่พอใจในคำพูดกลับยิ่งรุนแรงขึ้น “เหลวไหล เดิมทีความสงบสุขของต้าชิ่งก็เป็นหน้าที่ของกองทัพหมาป่าเรา ในฐานะที่ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพหมาป่ายิ่งต้องทำเช่นเดียว ต่อไปหากมีใครกล้าบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทกับอัครเสนาบดีอีก ลงโทษโบยด้วยไม้พลองทหาร!”“ท่านแม่ทัพใหญ่...”“ทหาร!” สือจิ่งซานตัดบทคนผู้นั้น “นำตัวสวี่ต๋าออกไปโบยด้วยไม้พลองทหารห้าสิบที!” ไม่นานนัก
ตอนนี้น่าจะถือว่ารักษาสัญญาแล้วกระมังฉินเย่ว์เหมยรับประทานอาหารค่ำที่จวนสกุลเฉิน พี่น้องทั้งห้าคุยเล่นกันในห้องจนดึกดื่น หลี่เต๋อฉวนเร่งอยู่หลายครั้ง ฉินเย่ว์เหมยถึงค่อยอำลาบรรดาน้องสาวของตนด้วยความอาลัยอาวรณ์“พี่หญิงใหญ่ ท่านถอนรับสั่งได้หรือไม่?”เมื่อเห็นฉินเย่ว์เหมยกำลังจะจากไป ฉินเย่ว์ฉินก็รีบเอ่ยขึ้นมา“รับสั่งใดเล่า?” ฉินเย่ว์เหมยหันหน้ากลับมาถาม“ก็เรื่อง ก็เรื่อง...” เสียงของฉินเย่ว์ฉินแผ่วเบา หน้าแดงเล็กน้อย “เข้าหอในวันนี้”แม้ยามนี้ฉินเย่ว์ฉินไม่รังเกียจเฉินฝานแล้ว แต่นางยังไม่ได้เตรียมใจแต่งงานกับเฉินฝาน “เหตุใดต้องถอนคืนด้วย เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรจะมีทายาทให้สามีของเจ้าได้แล้ว เช้านี้ข้าตรวจดูปฏิทินโหรแล้ว วันนี้เป็นวันดี ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธอีก”นี่ก็คือการปราบปรามโดยสายเลือด ก่อนที่ฉินเย่ว์เหมยจะมา พวกฉินเย่ว์เจียวไม่อาจเอ่ยถึงเรื่องเข้าหอได้เลย เวลานี้เมื่อฉินเย่ว์เหมยเอ่ย ฉินเย่ว์ฉินไม่อาจโต้แย้งได้แม้แต่คำเดียว “ยังจะว่าข้าอีก ท่านก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าท่านเองก็หาเหตุผลต่าง ๆ เพื่อหนีนายท่านหรือไร” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยหันกายเดินจากไป ฉินเย่ว์ฉ