“เตาเผา!” นักการในศาลาว่าการเริ่มทำท่าอีกครั้ง “ขนมอบเหล่านั้นเอาออกมาจากเตาเผานั่นทีละชุดขอรับ”ลวี่เหลียงเจ๋อยิ่งฟังยิ่งไม่เข้าใจคำพูดของนักการในศาลาว่าการมากขึ้นเรื่อย ๆเตาเผา?เตาเผาที่ทำขนมอบได้?“ใต้เท้า!” ถ้าอาจารย์ปู่ของลวี่เหลียงเจ๋อไม่ปรากฏตัวทันเวลา นักการในศาลาว่าการคงถูกสาดชาร้อนอีกครั้งหลังจากที่อาจารย์ปู่กระซิบบางอย่างกับลวี่เหลียงเจ๋อ สีหน้าของลวี่เหลียงเจ๋อก็เปลี่ยนไปเป็นถมึงทึงกะทันหัน“เพียงแค่ขนมอบขายดีขนาดนั้นเชียวรึ?” ฟางทิงที่นิ่งมานานเอ่ยถามอย่างสงสัยแต่ทว่า น้ำเสียงที่สงสัยของเขาค่อนข้างเอื่อยเฉื่อยเตาเผาอะไรทำออกมาในปริมาณมากอะไรฟางทิงผู้อยู่ในฐานะคนที่จะได้รับเลือกเป็นพ่อครัวหลวง ไม่สนใจแต่อย่างใด เขาสนใจแค่ว่าอาหารอร่อยหรือไม่ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ยังไม่เชื่อว่าเฉินฝานจะสามารถเอาชนะเขาได้ด้วยขนมอบ“เสี่ยวทิง พวกเราออกไปดูกันหน่อยเถอะ”เพิ่งเดินออกจากเรือนแขกสำราญสุข ลวี่เหลียงเจ๋อก็มองเห็นจากระยะไกลว่าหน้าร้านของเฉินฝาน มีรถม้าเต็มไปหมดคนที่อยู่บนรถม้า ส่วนมากล้วนเป็นใบหน้าที่ลวี่เหลียงเจ๋อคุ้นเคยพวกเขาเป็นพ่อค้าในอำเภอตูอัน“เหออาซื่อ
“เป็นเช่นนี้ย่อมดี!” ลวี่เหลียงเจ๋อพูดกับอาจารย์ปู่ที่อยู่ข้าง ๆ ทันที “เจ้าไปเขียนประกาศให้คนงานติดเร็วเข้า”ฟางทิงเดินกลับไปที่เรือนแขกสำราญสุข“อาจารย์ปู่ขอรับ เมื่อครู่นี้ท่านพูดว่าเค้กของเฉินฝานใช้วิธีการอบหรือขอรับ?” ฟางทิงที่ก้าวเข้ามาในเรือนแขกสำราญสุขเรียบร้อยพลางหันกลับมาถาม“ใช่!” อาจารย์ปู่ของลวี่เหลียงเจ๋อพยักหน้าทันที “ที่พวกเขาเล่นโคลนก่อนหน้านี้ พวกเขากำลังทำเตาเผานั่นแหละ พวกเขาทำเตาเผาไว้หลายอันและเค้กเหล่านั้นก็......”“พอได้แล้ว!” ฟางทิงโบกมือ “ข้ารู้แล้ว ไม่จำเป็นต้องวิธีการกับข้า”ทอด ต้ม นึ่ง ตุ๋น ย่าง ไม่ว่าวิธีการทำอาหารใดก็ตาม เขาเรียนรู้แล้วทั้งหมดตั้งแต่อายุสิบขวบลวี่เหลียงเจ๋อเคยตรวจสอบเฉินฝานเมื่อก่อนเฉินฝานไม่รู้วิธีทำอาหารเลยแม้แต่อย่างเดียว แต่ครึ่งปีที่แล้วจู่ ๆ ก็เกิดเปิดหูเปิดตาขึ้นมาและทำปลาย่างคนจับจดเช่นนี้จะสู้เขาได้อย่างไร?หลังจากเข้ามาถึงห้องครัวของเรือนแขกสำราญสุข ฟางทิงก็สั่งให้คนฆ่าไก่และเป็ดทันทีเฉินฝานใช้วิธีอบใช่หรือไม่ ถ้าเช่นนั้นเขาจะใช้การอบสั่งสอนเขาสักหน่อยมาดูกันว่าผู้คนจะชอบไก่ย่างและเป็ดย่างของเขาหรือสิ่งที่เรียกว
“ใต้เท้าจาง!” เฉินฝานยิ้ม เป็นใบหน้าไร้เดียงสาเหมือนเดิม “ตอนนี้ยังไม่รู้ผลสุดท้าย เร็วเกินไปที่จะกล่าวว่าฟางทิงพ่ายแพ้นะขอรับ”“พอได้แล้ว คนหนุ่มอย่างเจ้า มักทำสายตาไร้เดียงสาเช่นนี้หลอกผู้คนอยู่เรื่อย!”เสียงที่ดังลั่นของหลูเฉิงกวงดังขึ้น เรือนร่างอันอึกทึกของเขาคั่นกลางระหว่างเฉินฝานกับจางเจิ้งห้าว“ใต้เท้า ท่านพูดเช่นนี้ได้อย่างไร ตอนนี้ผลสุดท้ายยังไม่มีการตัดสินจริงนี่ขอรับ!” เฉินฝานแสดงสีหน้าไม่ได้รับความยุติธรรม“ตัดสินแล้ว!”หลูเฉิงกวงรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เพราะเขาตัวสูง ท่าทางกระโดดโลดเต้นของเขาจึงดูตลกเขากล่าวต่อ “เมื่อข้าหยิบฐานเค้กกับเสี่ยวฉู่เสร็จแล้ว ข้าจะออกไปดูเสียหน่อย มีรถม้ามารับของมากขึ้นกว่าเดิม”เดิมทีหลูเฉิงกวงได้ขอให้ภรรยาและลูกสาวนักการในศาลาว่าการทุกคน รวมถึงภรรยาและลูกสาวของเขาให้มาช่วย แต่ตอนนี้ดูเหมือนทำไม่ทัน“จะว่าไปแล้ว……” หลูเฉิงกวงเหลือบมองแถวด้านนอกร้านที่ไม่เห็นปลายทาง “เสี่ยวฝาน พ่อค้าจากอำเภออื่นรู้ได้อย่างไรว่าเจ้ามีเค้ก?”“อ่อ เรื่องนี้!” เฉินฝานที่กำลังบรรจุพูดอย่างใจเย็น “ช่วงบ่ายของเมื่อวาน ข้าเอาเค้กไปยังอำเภอที่อยู่รอบ ๆ มาขอรับ”
“เจ้าไปบอกคนเหล่านั้นว่าผู้ใดกล่าวเร่งจะไม่ยกอาหารให้”ฟางทิงทิ้งท้ายประโยคนี้เสร็จก็เปิดประตูห้องครัวที่ทะลุไปถึงสวนข้างหลัง เขาทำซอสมากมายขนาดนั้น อยากขึ้นไปพักผ่อนสักหน่อย“นายน้อย ไม่ใช่คนเยอะ แต่คือ…...ไม่มีคน!”ตอนที่คนใช้พูดว่าไม่มีคนสามคำนี้ เสียงของเขาแผ่วเบาและสั่นระริกอีกครู่เดียว คงไม่วายโดนต่อยและเตะแน่“อะไรนะ?”ฟางทิงปล่อยมือที่จับลูกบิดประตู พอหันกลับมาก็ตบหน้าคนใช้ทันที“ตระกูลฟางของข้าเลี้ยงดูเสียข้าวสุกมาตั้งหลายปีจริง ๆ พูดจากระฉับกระเฉงไม่เป็นรึ?”ไม่มีคน?พูดอะไรออกมา ฟางทิงเข้าครัวทำอาหารจะไม่มีคนมา?คนใช้ปิดหน้าที่ถูกตบแล้วกล่าวน้ำเสียงหวาดกลัว “นายน้อย ข้างนอกไม่มีคนจริง ๆ ขอรับ!”“ดูเหมือนว่าท่านแม่ของข้าจะใจดีกับพวกเจ้ามากไป ให้พวกเจ้ากินมากไปจนกลายเป็นคนโง่ไปแล้ว!”ฟางทิงยกฝ่ามือขึ้นอีกครั้งคนใช้รีบกุมหัว “นายน้อย ข้าน้อยไม่ได้โกหกขอรับ นายน้อยฟังดูก็ได้ขอรับว่ามีเสียงข้างนอกบ้างหรือไม่?”“พ่อครัวฟาง ข้างนอกดูเหมือนไม่มีเสียงจริง ๆ” พ่อครัวคนหนึ่งในครัวกล่าว“ไม่มีเสียงเลยจริง ๆ เมื่อวานและเมื่อวานก่อน ข้างนอกนั้นเสียงดังมาก”“พอพวกเจ้าพูดเ
ตอนเห็นป้ายประกาศว่าฟางทิงคือพ่อครัวหลักของเรือนแขกสำราญสุขและลดครึ่งราคา หลูเฉิงกวงยังรู้สึกกังวลปรากฏว่าเวลาผ่านไปไม่นาน คนของลวี่เหลียงเจ๋อก็มาหาและกล่าวว่าเขาวางหมาก ไม่ให้แขกเข้าเรือนแขกสำราญสุขและให้เขาไปอธิบายกับลวี่เหลียงเจ๋อเดิมทีหลูเฉิงกวงรู้สึกโกรธอาจารย์ปู่ผู้ไม่มียศอย่างเป็นทางการใดแต่กล้าพูดกับเขาแบบนี้ แต่เมื่อได้ยินว่าเรือนแขกสำราญสุขไม่มีแขกเลย อารมณ์ของเขาก็ดีขึ้นทันใดเขาตอบอาจารย์ปู่ของลวี่เหลียงเจ๋อทันทีว่าจะไปอธิบายกับลวี่เหลียงเจ๋อเดี๋ยวนี้ลวี่เหลียงเจ๋อจ้องหลูเฉิงกวงอย่างเดือดพล่าน “เรือนแขกสำราญสุขทำไมถึงไม่มีแขก? ท่านในฐานะผู้เป็นนายอำเภอของอำเภอผิงอันรู้อย่างแจ่มแจ้งไม่ใช่รึ?”หลูเฉิงกวงส่ายศีรษะราวกับเคียดแค้นชิงชังเป็นอย่างยิ่ง “นั่นสิขอรับ เรือนแขกสำราญสุขที่มีใต้เท้าลวี่กับผู้จะได้เลือกเป็นพ่อครัวหลวงดูแลด้วยตนเองกลับไม่มีคน ข้าในฐานะปลัดอำเภอถือว่าปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง”“ท่านรู้ตัวย่อมดี ยังไม่รีบนำหมากที่วางไว้กลับไปโดยเร็วอีก!” ลวี่เหลียงเจ๋อยกคางขึ้นสูงมาก“ขอรับ!” หลูเฉิงกวงกล่าวตอบต่อทันทีหลังจากได้ยินคำตอบของหลูเฉิงกวง ลวี่เหลียงเจ๋อก็ก
แม้ว่าจะฟังดูเกินจริง แต่ก็มีคนยอมต่อแถว จองล่วงหน้าเป็นครึ่งวัน ถึงจะได้กินอาหารที่เขาทำในตอนนี้เองคนกลุ่มนี้ก็ได้กล่าวขึ้นว่า....อยากกินเค้กของเฉินฝาน ไม่ได้อยากกินอาหารของเฉินฝานเค้กหน้าแตกจะอร่อยจริง ๆ หรือ?บรรดาแขกในห้องโถงใหญ่ยังคงพูดคุยกันต่อ“นั่นนะสิ น่ารำคาญยิ่งนัก ข้าคิดว่าฟางทิงคนนั้นคงจะมีแค่ชื่อเสียงโด่งดังเท่านั้น เมื่อวานข้าชิมอาหารที่เขาทำแล้ว ก็งั้น ๆ” “ข้ามาตั้งแต่วันก่อน เป็นอย่างที่ใคร ๆ ก็ว่ากันจริง ๆ รสชาติเค้กจัดว่าดี พ่อครัวในวังหลวงก็ชื่นชอบ แต่เมื่อเทียบกับเค้กที่เฉินฝานทำ ข้าชอบเค้กของเฉินฝานมากกว่า”“พวกเจ้าได้กินเค้กแล้วใช่หรือไม่? วันนี้ข้าเดินไปหลายที่มาก เข้าแถวรอนานมาก ก็ยังไม่ได้กิน”“ข้าก็ยังไม่ได้กินเช่นกัน เด็ก ๆ ในบ้านก็เร่งเร้าข้า บอกว่าหากวันนี้ซื้อกลับไปไม่ได้ พวกเขาจะไม่รู้จักบิดาอย่างข้า”“ของเจ้าเป็นเด็ก ๆ บ่นเจ้า เจ้าตะคอกใส่คำสองคำก็ได้แล้ว แต่ของข้าเป็นมารดานี่สิ มารดาของข้าดันไปกินเค้กของเพื่อนบ้านเข้า เลยสั่งให้ข้าออกมาซื้อทันที และยังบอกอีกว่าหากวันนี้ข้าซื้อกลับไปไม่ได้ก็ไม่ต้องกลับบ้าน”คนที่ยังซื้อเค้กไม่ได้มักจะอิจฉาค
“คนหมู่บ้านเดียวกันที่เคยซื้อเค้กไปแล้วรอบนี้เสียสละให้คนที่ยังไม่ได้ซื้อเถอะ คุณชายจาง” หลูเฉิงกวงกล่าวด้วยรอยยิ้มกับเด็กหนุ่มที่อยู่ใกล้ตนที่สุด “ก่อนหน้านั้นท่านได้ซื้อไปแล้ว อีกทั้งข้าเห็นท่านซื้อไปแล้วสองชิ้น”“สองชิ้นไม่พอ ข้ามีบุตรสาวทั้งหมดสิบสองคน ชิ้นก่อนหน้าเป็นของมารดาและบุตรชายของข้า ข้า ภรรยา และบุตรสาวทั้งหมดยังไม่ได้กินเลย”“หากท่านพูดเช่นนี้ เช่นนั้นท่านไม่ต้องซื้ออย่างน้อยแปดถึงสิบชิ้นเลยหรือ ไม่ได้ ๆ!”คนที่อยู่ด้านหลังเบียดคุณชายจางไปอยู่อีกด้านเวลาล่วงเลยผ่านไปไม่นาน หลูเฉิงหวงก็ถูกฟาดหน้า เขาถูกคนที่มาแย่งซื้อเค้กฟาดหน้าด้วยตำลึงเงิน“อย่าแย่งกัน ได้ทุกคน หากไม่พอ ข้าจะให้เสี่ยวฝานเก็บไว้ให้พวกเจ้า” หลูเฉิงกวงถูกเงินเหล่านั้นฟาดหน้าจนไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี“ตกลงกันแล้วนะ ว่าจะให้เฉินฝานเก็บไว้ให้ข้า ไม่อย่างนั้นเราได้เห็นดีกันแน่”นี่มันอะไรกันเนี่ย ประชาราษฎร์ข่มขู่นายอำเภอ นายอำเภอยังหัวเราะได้อยู่อีกสีหน้าของลวี่เหลียงเจ๋อหม่นหมองคล้ายกับฝนที่กำลังตก เขากวาดตามองไปยังฟางทิงที่มีสีหน้าแย่ไม่ต่างกับเขา“ทุกท่าน!ทุกท่าน!” ลวี่เหลียงเจ๋อก้าวขึ้นมา
“สวรรค์ ท่านสร้างแม่น้ำแล้ว เหตุใดยังต้องสร้างมนุษย์อีก?”“เสี่ยวทิง คำกล่าว....ของเจ้ามันหมายความว่าอย่างไร?”“ฮ่า ๆ ฮ่า ๆ!” ฟางทิงไม่ได้ตอบคำถามของลวี่เหลียงเจ๋อ แต่กลับหัวเราะอย่างบ้าคลั่งออกมาแทนหลังจากหัวเราะอย่างบ้าคลั่งแล้ว เขาก็เริ่มพึมพำประโยคที่ว่า “สวรรค์ ท่านสร้างแม่น้ำแล้ว เหตุใดยังสร้างมนุษย์อีก?” ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกระทั่งดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไป ฟางทิงก็ยังพูดย้ำอยู่อย่างนั้น ไม่ว่าลวี่เหลียงเจ๋อหรือคนอื่นจะเรียกเขาอย่างไร เขาก็ไม่ตอบสนองสุดท้ายฟางทิงก็ต้องไปหาหมอหมอบอกว่าฟางทิงทนรับผลกระทบไม่ไหม สมองก็เลยผิดเพี้ยนไปกล่าวได้ว่าฟางถิงเป็นบ้าไปแล้ว!บ้าหรือ? จะเป็นไปได้อย่างไร? หมอกำมะลอ เจ้าเป็นหมอกำมะลอ!”ลวี่เหลียงเจ๋อเตะหมอคนนั้นออกจากห้องไปอย่างรุนแรง“มัวอึ้งทำไม ยังไม่รีบไปเชิญหมอมาอีก!” ลวี่เหลียงเจ๋อตวาดใส่ลูกน้องข้างกาย“ขอรับ ใต้เท้า!” ลูกน้องคนนั้นรีบวิ่งออกไปอย่างรีบร้อน“ช้าก่อน เจ้าห้ามไปเชิญหมอที่อยู่ในอำเภอผิงอันมาเด็ดขาด กลับไปที่อำเภอตูอันของเรา แล้วเชิญหมอเยี่ยน หมอเหอและหมอหลี่ทั้งหมดมาที่นี่”คนของลวี่เหลียงเจ๋อได้นำพาหมอจำนวนหลายสิบคนจ
เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ
เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั
“ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม
เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน
เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ