“น่าจะไม่เร็วขนาดนั้น” พูดตามจริง เฉินฝานไม่อยากให้ฉินเย่ว์โหรวตั้งครรภ์เร็วขนาดนี้ นางยังเด็กเกินไป“เพราะเหตุใดเจ้าคะ? สุขภาพร่างกายของน้องสี่ไม่ดีหรือเจ้าคะ? เช่นนั้นข้าจะรีบพานางไปหาหมอ”“ไม่ใช่” เฉินฝานมองสองคนที่กำลังวิ่งไล่กันในลานบ้าน “เย่ว์โหรวยังเด็ก คลอดลูกตอนโตกว่านี้หน่อยจะดีกว่า”“ไม่ได้เจ้าค่ะ ไม่อาจสายกว่านี้แล้ว มิเช่นนั้นคนพวกนั้นก็จะ...”หืม? เฉินฝานขมวดคิ้วเล็กน้อย เหตุใดจึงไม่พูดต่อเฉินฝานเงยหน้าขึ้น สีหน้าโมโหปนน้อยอกน้อยใจของฉินเย่ว์เจียว อยู่ในระดับสายตาของเขาหญิงสาวโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ ทั้งยังน้อยอกน้อยใจ จะมีชายสักกี่คนที่ทนภาพนี้ได้หัวใจของเฉินฝานค่อยๆ เต้นแรง“จะอะไร?” เสียงของเฉินฝานแหบพร่าเล็กน้อย กดเสียงลงต่ำอย่างไม่อาจหักห้ามได้เสียงของเฉินฝานไพเราะเป็นทุนเดิม โดยเฉพาะตอนที่เสียงของเขาทุ้มต่ำเสียงทุ้มต่ำ อ่อนโยนดังก้องในหูของฉินเย่ว์เจียว ทำให้นางอ่อนยวบไปทั้งตัว“คนพวกนั้นบอกว่าพวกข้าแต่งงานกับนายท่านมานานแล้ว ไม่ตั้งครรภ์สักคน ดังนั้นพวกเขา พวกเขาบอกว่านายท่านไม่ได้เรื่องเจ้าค่ะ!“อื้ม ที่เจ้าพูดก็เป็นปัญหาจริงๆ...” เฉินฝานยื่นมือไปโอบเอว
ราวก้อนหินตกกระทบสร้างคลื่นนับพันคำพูดของเจ้าหน้าที่ว่าการ ทำให้ทุกคนศาลาว่าการตกตะลึง“เจ้าพูดอะไรผิดหรือเปล่า สินค้าของข้าจะขายไม่ออกสักชิ้นได้อย่างไร สินค้าของเขาขายไม่ออกสักชิ้นกระมัง”ใบหน้าของติงลั่วแดงก่ำ โมโหอย่างมากสินค้างานแต่งงานของตระกูลติง เป็นงานฝีมือที่มีความประณีต ทั้งยังสวยงาม ไม่เพียงในอำเภอตูอัน ทั่วทั้งหรงตู ล้วนถือว่ามีชื่อเสียงหลังจากข่าวลือลดราคาเก้าส่วนสิบแพร่สะพัดออกไป ผู้คนมาเข้าแถวตั้งแต่กลางดึก แล้วจะขายไม่ออกสักชิ้นได้อย่างไร“เจ้าหน้าที่ท่านนี้ ท่านกำลังล้อเล่นหรือเปล่า? น่าจะบอกว่าสินค้าตระกูลติงถูกแย่งกันซื้อจนไม่เหลือแม้แต่หนึ่งชิ้นกระมัง?”พ่อค้าอำเภอตูอันคนหนึ่งพูดขึ้น“ถูกต้อง!” เจี่ยงหงเหวินก็พูดเช่นเดียวกัน “ต้องแย่งกันซื้อจนไม่เหลือสักชิ้นอย่างแน่นอน เจ้าหน้าที่ท่านนี้อยากสร้างความสนุก เพียงแต่ เวลาแบบนี้ไม่เหมาะสมเท่าใดนัก”“เจ้าพูดดีๆ!” ลวี่เหลียงเจ๋อถลึงตามองเจ้าหน้าที่ว่าการที่มารายงานด้วยความโมโห“ใต้เท้า เป็นความจริงขอรับ สินค้าขายไม่ได้สักชิ้นจริงๆ ขอรับ!” เสียงของเจ้าหน้าที่ว่าการคนนั้น แปรเปลี่ยนเป็นทั้งเบาและไม่มีความมั่นใจ
หืม?” เฉินฝานเหลือบมอง พูดด้วยน้ำเสียงเกียจคร้าน “ใช้แผนการชั่วร้าย? ข้าทำอย่างไรหรือ? ข้าหยุดการเปิดร้านของท่าน หรือข้าค้าขายโดยผิดกฎของต้าชิ่ง”“เจ้าไร้คุณธรรม ต่ำช้า!” ติงลั่วโมโหจนหน้าแดงก่ำได้ยินคำพูดของติงลั่ว เฉินฝานหัวเราะ “หากกล่าวถึงไร้คุณธรรมและต่ำช้า ข้าจะเทียบพวกท่านได้อย่างไร พวกท่านอาศัยความมั่งคั่งของอำเภอตูอัน อาศัยที่นายอำเภอเป็นคนโปรดของท่านเจ้าเมือง เจตนาวางแผนชั่ว อยากกลืนกินการค้าขายทั้งหมดของอำเภอผิงอัน”“เสี่ยวฝานพูดถูก!”คนที่ช่วยพูดคือชางเฟยอวี่ แม้เขาจะยังคงดูแคลนเฉินฝาน แต่เขาก็เป็นส่วนหนึ่งของอำเภอผิงอันภายใน พวกเขาสู้กันให้ตายไปข้างหนึ่งได้ภายนอก พวกเขาต้องช่วยกันชางเฟยอวี่พูดต่อ “ไม่ว่าทั้งสองฝ่ายค้าขายสิ่งใด ขอเพียงไม่ทำผิดกฎหมายด้านการค้าขายของต้าชิ่ง เงื่อนไขนี้เฉินฝานไม่ได้เป็นคนเสนอ ใต้เท้าหลูของพวกเราก็ไม่ได้เป็นคนเสนอ แต่ใต้เท้าลวี่ของพวกท่านเป็นคนเสนอ”“อื้ม ขอบคุณคุณชายชางที่ช่วยข้าอ่านกฎ” สายตาของเฉินฝานมองไปทางติงลั่ว “ไม่ทราบว่า หอดับจิตของข้าผิดกฎหมายข้อใดของต้าชิ่ง? แล้วกฎหมายข้อใดระบุว่า ข้าไม่อาจเปิดหอดับจิตที่นั่น?”“เจ้า เจ้
จางเจิ้งห้าวโต้เถียงเช่นนี้ ตรงตามเจตนาของลวี่เหลียงเจ๋อพอดีขุนนางชั้นผู้น้อยโต้เถียงชั้นผู้ใหญ่ เป็นความผิดร้ายแรง ลวี่เหลียงเจ๋อรายงานไปถึงเจ้าเมืองได้ แล้วค่อยร้องขอให้ลงโทษจางเจิ้งห้าวหากไม่มีจางเจิ้งห้าว หลูเฉิงกวงก็เหมือนเสียแขนขาไปหนึ่งข้างปลัดอำเภอที่ถูกส่งตัวมาอีกครั้ง ย่อมไม่มีทางเป็นพวกพ้องเดียวกับหลูเฉิงกวงแน่นอนเพราะลวี่เหลียงเจ๋อย่อมยื่นมือเข้าไป แม้ไม่ใช่คนของเขา แต่ก็ต้องเป็นคนที่ไม่ชอบหลูเฉิงกวง“ทำไม?” ลวี่เหลียงเจ๋อกระตุ้นจางเจิ้งห้าวอีกครั้ง “คล้ายเจ้าไม่พอใจข้า ได้ เช่นนั้นเราไปคุยกันต่อหน้าเจ้าเมือง ข้าจะได้ไม่ถูกหาว่าใช้อำนาจบาตรใหญ่กดขี่เจ้า”“ข้าน้อยพอใจขอรับ พอใจขอรับ จะไม่พอใจได้อย่างไรขอรับ?” หลูเฉิงกวงจับแขนจางเจิ้งห้าว ยิ้มประจบลวี่เหลียงเจ๋อลวี่เหลียงเจ๋อระดับเดียวกับเขา แต่เขาไม่อาจโต้เถียง หลูเฉิงกวงไม่รู้สึกถูกหยามเกียรติหรือ?แน่นอนว่าความจริงไม่ใช่แบบนี้เป็นการหยามเกียรติ เป็นการหยามเกียรติอย่างร้ายแรงแต่ เขาไม่อาจแสดงออกมา ยิ่งไม่อาจใช้อารมณ์เหมือนจางเจิ้งห้าวลวี่เหลียงเจ๋อรอเขาผิดพลาด“เช่นนั้นสามการแข่งขันชนะสองครั้ง!”“ใต้เท้
“กลั่นแกล้งกันอย่างเห็นได้ชัด!”“พวกเจ้าไม่ต้องพูดแล้ว แม้จะรู้ว่าพวกเขาตั้งใจรังแกพวกเรา พวกเราก็ทำได้เพียงยอมรับ”“เฮ้อ สุดท้ายแล้วก็เพราะพวกเรายากจนเกินไป”พ่อค้าชาวอำเภอผิงอันส่ายหน้าและถอนหายใจ“ทางเราส่งคนเข้าร่วมการแข่งขันครั้งที่สองแล้ว พี่หลู” ลวี่เหลียงเจ๋อผายมือเชิญ “ถึงคราวของท่านแล้ว”หลูเฉิงกวงหันไปมอง เขาไม่ได้เอ่ยถาม พ่อค้าที่ด้านหลังเปิดเรือนแขก ก้มหน้าต่ำ กลัวว่าหากตนก้มหน้าไม่ต่ำพอ จะถูกหลูเฉิงกวงเลือกไปแข่งขัน“ทุกการแข่งขันมีรางวัล การแข่งขันครั้งที่สองก็เช่นเดียวกัน หากพวกเจ้าชนะ เรือนแขกสำราญสุขจะเป็นของพวกเจ้า! หากพวกเจ้าแพ้ ต้องยอมให้เรือนแขกถงฝูของตระกูลฟางเข้าอำเภอผิงอัน”ฟังถ้อยคำนี้ของลวี่เหลียงเจ๋อ ชาวอำเภอผิงอันทุกคนยิ่งโมโหลวี่เหลียงเจ๋อหน้าไม่อายจริงๆ เรือนแขกสำราญสุขเป็นของอำเภอผิงอันอยู่แล้ว กลับเอามาเดิมพัน แม้พวกเขาแพ้ อำเภอตูอันก็ไม่ขาดทุนคนทั่วไปเพียงโมโหในความไร้ยางอายของลวี่เหลียงเจ๋อ ทว่าพ่อค้าที่ทำธุรกิจเรือนแขกในอำเภอผิงอันกลับถอนหายใจ“เรือนแขกถงฝูเข้ามาเปิดในอำเภอผิงอันเนี่ยนะ? ใต้เท้า ไม่ได้เด็ดขาดขอรับ!”“มีเรือนแขกสำราญสุขร้
เฉินฝานลุกขึ้นแล้วประสานมือคารวะหลูเฉิงกวงก่อน จากนั้นยิ้มแล้วหันไปพูดกับคนที่หัวเราะเยาะเขา “ขอบคุณคำชมของพี่ๆ ทุกคนขอรับ!”“ขอบคุณ? พวกเราบอกว่าเขาเลี้ยงภรรยาจนมีน้ำมีนวล เขาคิดว่าพวกเราชมเขาจริงๆ เช่นนั้นหรือ”“มองท่าทีทึ่มๆ ของเขา อาจจะคิดแบบนั้นจริงๆ ก็ได้”“หนอนหนังสือจริงๆ”“ใต้เท้า อาหารที่ข้าน้อยทำ ได้รับคำชื่นชมจากภรรยาบ่อยครั้ง และคิดว่าตนทำได้อร่อย ยินดีแข่งขันกับว่าที่พ่อครัวหลวงฟางท่านนี้ขอรับ”เฉินฝานหันไปมองฟางทิง ฟางทิงกลับมองเขาด้วยแววตาเย้ยหยัน สีหน้าของเขาฉายความหงุดหงิดเล็กน้อยหากรู้ว่าอำเภอผิงอันส่งเฉินฝานมา เขาไม่ลงแข่งแน่นอนเฉินฝานไม่คู่ควรให้เขาแข่งขันด้วยได้รับคำชมจากภรรยาบ่อยครั้งเช่นนั้นหรือ? คำชมเพียงไม่กี่คำของสตรีชั้นต่ำเหล่านั้น คิดว่าตนทำอาหารอร่อยเช่นนั้นหรือ?ช่างโง่เขลาจริงๆเมื่อก่อนเขามักจะได้ยินผู้คนบอกว่า หนอนหนังสืออ่านหนังสือมากไป ก็จะคิดไปเองดูเหมือนคำพูดนี้จะเป็นจริง ตอนนี้เฉินฝานทั้งหลงตัวเองและโง่เขลา“เสี่ยวทิง อย่าประมาท เฉินฝานร้ายมาก ข้าได้ยินว่าปลาย่างที่ขายดีที่สุดในเรือนแขกสำราญสุข เฉินฝานเป็นคนทำ”เห็นท่าทีไม่ยี่หร่
ก่อนเริ่มการแข่งขัน เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคล้ายกับที่อี้จวง ลวี่เหลียงเจ๋อกำชับเรื่องกฎระเบียบการแข่งขันรอบสองอีกครั้งแท้จริงแล้ว คือการเตือนเฉินฝานให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัดถ้าเป็นการแข่งขันกินอาหารก็ต้องเป็นการทำอาหาร ถ้าเป็นอย่างอื่น แม้ว่าเฉินฝานจะขายได้มากกว่าฟางทิง ก็ถือว่าโมฆะการแข่งขันยังไม่ได้เริ่มอย่างเป็นทางการ แต่ข่าวที่ว่าฟางทิงจะเป็นพ่อครัวหลักที่เรือนแขกสำราญสุขเป็นเวลาสามวันได้แพร่สะพัดไปทั่วอำเภอผิงอันทั้งถนนและตรอกซอกเล็กใหญ่ทั่วอำเภอผิงอันต่างพูดถึงเรื่องนี้“ฟางทิง? ฟางทิงที่เข้าเมืองหลวงไปเป็นพ่อครัวปรุงอาหารให้กับฮ่องเต้หลังจากไว้ทุกข์เสร็จน่ะหรือ?”“ใช่!”“เช่นนั้นก็เป็นพ่อครัวหลวงน่ะสิ? เขาจะมาที่เรือนแขกสำราญสุขได้อย่างไร? พวกเจ้าฟังผิดแล้วหรือไม่?”“ไม่ผิดแน่ มีการประกาศที่เรือนแขกสำราญสุขด้วย”“ถ้าเช่นนั้นพวกเราต้องไปที่นั่น พ่อครัวหลวงเชียวนะ ถึงมีเงินก็ไม่ได้กิน”“จะแพงเกินไปหรือไม่ ถ้าแพงเกินไปก็ช่างมันเถอะ ข้าคงทำไม่ลงหากข้าได้กินแต่เหล่าภรรยาที่เรือนกลับต้องหิวโซ”“ไม่แพง ป้ายประกาศของเรือนแขกสำราญสุขระบุไว้ชัดเจนว่า
สีหน้าของทุกคนแทบเหมือนกันหมด อ้าปากกว้างและมองอาจารย์ปู่ตาค้าง“ปัง!”ลวี่เหลียงเจ๋อวางแก้วสุราลงบนโต๊ะอย่างเสียงดัง “แม้ว่าวันนี้ข้ามีความสุขมาก แต่ไม่ได้แปลว่าพวกเจ้าสามารถหลอกข้าเช่นนี้ได้”“อาจารย์ปู่ ท่านก็ทำมากไป แม้ว่าเจ้าหนอนหนังสือนี่ดูไร้เดียงสา แต่เขาไม่ใช่คนโง่นะขอรับ!”กลุ่มพ่อค้ารายย่อยก็รู้สึกว่าอาจารย์ปู่ทำมากไปเหมือนกัน“ใต้เท้าขอรับ!” อาจารย์ปู่แสดงสีหน้าน้อยใจ “ข้าน้อยไม่ได้หลอกท่านขอรับ เฉินฝานผู้นั้นกำลังเล่นโคลนกับภรรยาของเขาจริง ๆ”ตอนที่ได้ยินนักการในศาลาว่าการมารายงาน ปฏิกิริยาของอาจารย์ปู่รุนแรงยิ่งกว่าลวี่เหลียงเจ๋อเสียอีก เขาถึงกระทั่งตบหน้าคนใช้ผู้นั้นอย่างแรงอีกด้วยนักการในศาลาว่าการยืนกรานว่าเฉินฝานเล่นโคลนจริง ๆ เขาที่ไม่ยอมเชื่อ ก็ลงไปตรวจสอบด้วยตัวเองและพบว่าเฉินฝานกำลังเล่นโคลนอยู่จริง ๆเขาหัวเราะอยู่กับภรรยาและยังแปะโคลนที่หน้าของพวกนาง เสียงหัวเราะคิกคักดังสะพัดไปทั่วลานเล็กนั่นหลังจากยืนยันครั้งแล้วครั้งเล่าว่าเฉินฝานกำลังเล่นโคลนอยู่จริง ลวี่เหลียงเจ๋อก็ลดเสียงลงและกล่าว “เจ้าหนุ่มนั่นคงไม่ได้วางแผนกลอุบายอะไรใช่หรือไม่?”“เหอะ!” ฟาง
เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ
เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั
“ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม
เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน
เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ