เฉินฝานลุกขึ้นแล้วประสานมือคารวะหลูเฉิงกวงก่อน จากนั้นยิ้มแล้วหันไปพูดกับคนที่หัวเราะเยาะเขา “ขอบคุณคำชมของพี่ๆ ทุกคนขอรับ!”“ขอบคุณ? พวกเราบอกว่าเขาเลี้ยงภรรยาจนมีน้ำมีนวล เขาคิดว่าพวกเราชมเขาจริงๆ เช่นนั้นหรือ”“มองท่าทีทึ่มๆ ของเขา อาจจะคิดแบบนั้นจริงๆ ก็ได้”“หนอนหนังสือจริงๆ”“ใต้เท้า อาหารที่ข้าน้อยทำ ได้รับคำชื่นชมจากภรรยาบ่อยครั้ง และคิดว่าตนทำได้อร่อย ยินดีแข่งขันกับว่าที่พ่อครัวหลวงฟางท่านนี้ขอรับ”เฉินฝานหันไปมองฟางทิง ฟางทิงกลับมองเขาด้วยแววตาเย้ยหยัน สีหน้าของเขาฉายความหงุดหงิดเล็กน้อยหากรู้ว่าอำเภอผิงอันส่งเฉินฝานมา เขาไม่ลงแข่งแน่นอนเฉินฝานไม่คู่ควรให้เขาแข่งขันด้วยได้รับคำชมจากภรรยาบ่อยครั้งเช่นนั้นหรือ? คำชมเพียงไม่กี่คำของสตรีชั้นต่ำเหล่านั้น คิดว่าตนทำอาหารอร่อยเช่นนั้นหรือ?ช่างโง่เขลาจริงๆเมื่อก่อนเขามักจะได้ยินผู้คนบอกว่า หนอนหนังสืออ่านหนังสือมากไป ก็จะคิดไปเองดูเหมือนคำพูดนี้จะเป็นจริง ตอนนี้เฉินฝานทั้งหลงตัวเองและโง่เขลา“เสี่ยวทิง อย่าประมาท เฉินฝานร้ายมาก ข้าได้ยินว่าปลาย่างที่ขายดีที่สุดในเรือนแขกสำราญสุข เฉินฝานเป็นคนทำ”เห็นท่าทีไม่ยี่หร่
ก่อนเริ่มการแข่งขัน เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคล้ายกับที่อี้จวง ลวี่เหลียงเจ๋อกำชับเรื่องกฎระเบียบการแข่งขันรอบสองอีกครั้งแท้จริงแล้ว คือการเตือนเฉินฝานให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัดถ้าเป็นการแข่งขันกินอาหารก็ต้องเป็นการทำอาหาร ถ้าเป็นอย่างอื่น แม้ว่าเฉินฝานจะขายได้มากกว่าฟางทิง ก็ถือว่าโมฆะการแข่งขันยังไม่ได้เริ่มอย่างเป็นทางการ แต่ข่าวที่ว่าฟางทิงจะเป็นพ่อครัวหลักที่เรือนแขกสำราญสุขเป็นเวลาสามวันได้แพร่สะพัดไปทั่วอำเภอผิงอันทั้งถนนและตรอกซอกเล็กใหญ่ทั่วอำเภอผิงอันต่างพูดถึงเรื่องนี้“ฟางทิง? ฟางทิงที่เข้าเมืองหลวงไปเป็นพ่อครัวปรุงอาหารให้กับฮ่องเต้หลังจากไว้ทุกข์เสร็จน่ะหรือ?”“ใช่!”“เช่นนั้นก็เป็นพ่อครัวหลวงน่ะสิ? เขาจะมาที่เรือนแขกสำราญสุขได้อย่างไร? พวกเจ้าฟังผิดแล้วหรือไม่?”“ไม่ผิดแน่ มีการประกาศที่เรือนแขกสำราญสุขด้วย”“ถ้าเช่นนั้นพวกเราต้องไปที่นั่น พ่อครัวหลวงเชียวนะ ถึงมีเงินก็ไม่ได้กิน”“จะแพงเกินไปหรือไม่ ถ้าแพงเกินไปก็ช่างมันเถอะ ข้าคงทำไม่ลงหากข้าได้กินแต่เหล่าภรรยาที่เรือนกลับต้องหิวโซ”“ไม่แพง ป้ายประกาศของเรือนแขกสำราญสุขระบุไว้ชัดเจนว่า
สีหน้าของทุกคนแทบเหมือนกันหมด อ้าปากกว้างและมองอาจารย์ปู่ตาค้าง“ปัง!”ลวี่เหลียงเจ๋อวางแก้วสุราลงบนโต๊ะอย่างเสียงดัง “แม้ว่าวันนี้ข้ามีความสุขมาก แต่ไม่ได้แปลว่าพวกเจ้าสามารถหลอกข้าเช่นนี้ได้”“อาจารย์ปู่ ท่านก็ทำมากไป แม้ว่าเจ้าหนอนหนังสือนี่ดูไร้เดียงสา แต่เขาไม่ใช่คนโง่นะขอรับ!”กลุ่มพ่อค้ารายย่อยก็รู้สึกว่าอาจารย์ปู่ทำมากไปเหมือนกัน“ใต้เท้าขอรับ!” อาจารย์ปู่แสดงสีหน้าน้อยใจ “ข้าน้อยไม่ได้หลอกท่านขอรับ เฉินฝานผู้นั้นกำลังเล่นโคลนกับภรรยาของเขาจริง ๆ”ตอนที่ได้ยินนักการในศาลาว่าการมารายงาน ปฏิกิริยาของอาจารย์ปู่รุนแรงยิ่งกว่าลวี่เหลียงเจ๋อเสียอีก เขาถึงกระทั่งตบหน้าคนใช้ผู้นั้นอย่างแรงอีกด้วยนักการในศาลาว่าการยืนกรานว่าเฉินฝานเล่นโคลนจริง ๆ เขาที่ไม่ยอมเชื่อ ก็ลงไปตรวจสอบด้วยตัวเองและพบว่าเฉินฝานกำลังเล่นโคลนอยู่จริง ๆเขาหัวเราะอยู่กับภรรยาและยังแปะโคลนที่หน้าของพวกนาง เสียงหัวเราะคิกคักดังสะพัดไปทั่วลานเล็กนั่นหลังจากยืนยันครั้งแล้วครั้งเล่าว่าเฉินฝานกำลังเล่นโคลนอยู่จริง ลวี่เหลียงเจ๋อก็ลดเสียงลงและกล่าว “เจ้าหนุ่มนั่นคงไม่ได้วางแผนกลอุบายอะไรใช่หรือไม่?”“เหอะ!” ฟาง
“ทำได้อร่อยมากจริง ๆ สมกับผู้ที่จะได้เป็นพ่อครัวหลวง”เฉินฝานกินเนื้อคำใหญ่พร้อมกล่าวชื่นชม“อร่อยขนาดนั้นเลยหรือ?” จางเจิ้งห้าวกังวลและไม่ขยับตะเกียบ“ใช่!” เฉินฝานคีบหมูสามชั้นตุ๋นอีกชิ้น “อร่อยจริง ๆ!”เขาไม่ได้กล่าวเยินยอใด ๆ ฟางทิงทำได้อร่อยจริง ๆ ไม่ต้องพูดถึงว่าอยู่ในสมัยโบราณ ต่อให้อยู่ในยุคปัจจุบัน ฟางทิงก็ถือว่าเป็นพ่อครัวชั้นหนึ่ง“แล้วทำไมเจ้ายัง…...” จางเจิ้งห้าวลังเลครู่หนึ่ง แล้วพูดอีกครั้ง “ยังกินลงได้อีก?”มือที่คีบอาหารของเฉินฝานชะงักเล็กน้อย หลังจากชั่วขณะผ่านไปเขาก็คีบอาหารต่อ “ทำได้อร่อยขนาดนี้ ทำไมต้องไม่กินด้วยล่ะ? ใต้เท้าจาง ท่านก็รีบกินเถอะ เย็นแล้วไม่อร่อยนะขอรับ”ภายใต้การกระตุ้นของเฉินฝาน ในที่สุดจางเจิ้งห้าวก็ขยับตะเกียบยิ่งกินมากเท่าไร ใบหน้าของจางเจิ้งห้าวก็ยิ่งมีความกังวลมากขึ้นเท่านั้นอาหารในปาก ทำได้อร่อยมากจริง ๆเฉินฝานที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขา ยังคงกินอย่างเอร็ดอร่อยจนข้าวหมดไปสองชามในคราวเดียวหลังจากกินข้าวไปสองชาม เฉินฝานยังรู้สึกไม่พอใจอยู่เล็กน้อย ถ้าไม่ใช่เพราะข้าวไม่พอ ให้กินอีกสองถ้วยก็คงไม่มีปัญหา“เสี่ยวฝาน เจ้าแอบความสามารถเอาไว
“ขนมที่ข้าทำเมื่อคืนนี้อร่อยไหม?” เฉินฝานถามในสิ่งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว“อร่อยเจ้าค่ะ!”เสียงคมชัดดังมาจากด้านหลังเฉินฝาน ใบหน้าเล็กตุ้ยนุ้ยของฉินเย่ว์ฉู่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเฉินฝาน“หวาน ๆ หอม ๆ ข้าไม่เคยได้กินของที่อร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย”เวลาฉินเย่ว์ฉู่ยิ้ม ดวงตาของนางจะเหมือนพระจันทร์เสี้ยวและมีลักยิ้มคู่หนึ่งบนใบหน้า ประกอบกับท่าทางละโมบดุจแมวตัวน้อยช่างน่ารักจนสามารถทำให้หัวใจละลายได้“อืม!” เฉินฝานหยิกหน้าตุ้ยนุ้ยของฉินเย่ว์ฉู่เบา ๆตอนที่เพิ่งพานางกลับมา นางซูบผอมราวกับลูกแมว ตอนนี้อ้วนตุ้ยนุ้ยมาก รู้สึกถึงการประสบความสำเร็จไม่น้อย“แล้วเพื่อนสาวเหล่านั้นของเจ้าชอบหรือไม่?” เฉินฝานหมายถึงกลุ่มเด็กผู้หญิงที่เคยถูกคุมขังอยู่กับฉินเย่ว์ฉู่และถูกส่งเข้าไปฝึกฝนในหอนางโลมอี๋ชุนย่วนหลังจากได้รับการช่วยเหลือ“พวกนางชอบเหมือนกันเจ้าค่ะ ไม่เพียงแต่พวกนางที่ชอบเท่านั้น ยังมีพี่สาวของพวกนางก็ชอบด้วยเจ้าค่ะ”เสียงชัดแจ๋วของฉินเย่ว์ฉู่ดังขึ้นอีกครั้ง พี่สาวที่นางพูดถึงคือหญิงโสเภณีที่อยู่ในหอนางโลมอี๋ชุนย่วนเหล่านั้น“อืม” หลังจากเฉินฝานพยักหน้าพึงพอใจ เขาก็หันไปหาฉินเย่ว์เจียว “เย่ว์
“ร้านของเฉินฝานขายของแล้วขอรับ!”ลวี่เหลียงเจ๋อโมโหตาโต “เขาเปิดร้านก็เพื่อขายของไม่ใช่รึไง? ตกอกตกใจเรื่องอะไรกัน?”การเสียหน้าต่อหน้าคนอื่นถึงจะเป็นเรื่องใหญ่“ใต้เท้า หน้าร้านของเฉินฝานเต็มไปด้วยพ่อค้าที่มาซื้อของ ขนมอบของเขาขายดีเป็นพลุแตกแล้วขอรับ!”“เจ้าว่าอะไรนะ” ลวี่เหลียงเจ๋อหรี่ตาและมองไปนักการในศาลาว่าการที่คุกเข่าตรงหน้าอย่างสงสัยฟางทิงก็วางถ้วยชาลงพร้อมมองนักการในศาลาว่าการอย่างประหลาดใจ“ใต้เท้า เฉินฝานผู้นั้นทำ…...” นักการในศาลาว่าการพยายามใช้มือวาดเพื่ออธิบาย “เป็นขนมที่พิเศษมาก มีขนาดไม่ใหญ่เกินไป ประมาณฝ่ามือ มีสองชั้น ชั้นบนสุดมีผลไม้ แล้วก็......”“พอเถอะ!”ทันทีที่ได้ยินคำว่าขนมอบสองคำ ใบหน้าของลวี่เหลียงเจ๋อก็ผ่อนคลายลงทันที เขาไม่ทนฟังสิ่งที่นักการในศาลาว่าการจะพูดต่อได้อีก จึงปัดมือขัดจังหวะการพูดของนักการในศาลาว่าการอย่างเบื่อหน่าย“ก็แค่ขนมอบไม่ใช่รึ จะมีมูลค่าเท่าไหร่เชียว? ที่สำคัญเขาเพิ่งเริ่มขายวันนี้ แม้ว่าเขาจะขายมากทะลุเสียดฟ้า เงินที่เขาหามาได้จะเทียบกับของเสี่ยวทิงได้รึ?”ตอนที่ลวี่เหลียงเจ๋อพูดเช่นนี้ ฟางทิงยิ้มอย่างเหยียดหยามพร้อมยกถ้วยชา
“เตาเผา!” นักการในศาลาว่าการเริ่มทำท่าอีกครั้ง “ขนมอบเหล่านั้นเอาออกมาจากเตาเผานั่นทีละชุดขอรับ”ลวี่เหลียงเจ๋อยิ่งฟังยิ่งไม่เข้าใจคำพูดของนักการในศาลาว่าการมากขึ้นเรื่อย ๆเตาเผา?เตาเผาที่ทำขนมอบได้?“ใต้เท้า!” ถ้าอาจารย์ปู่ของลวี่เหลียงเจ๋อไม่ปรากฏตัวทันเวลา นักการในศาลาว่าการคงถูกสาดชาร้อนอีกครั้งหลังจากที่อาจารย์ปู่กระซิบบางอย่างกับลวี่เหลียงเจ๋อ สีหน้าของลวี่เหลียงเจ๋อก็เปลี่ยนไปเป็นถมึงทึงกะทันหัน“เพียงแค่ขนมอบขายดีขนาดนั้นเชียวรึ?” ฟางทิงที่นิ่งมานานเอ่ยถามอย่างสงสัยแต่ทว่า น้ำเสียงที่สงสัยของเขาค่อนข้างเอื่อยเฉื่อยเตาเผาอะไรทำออกมาในปริมาณมากอะไรฟางทิงผู้อยู่ในฐานะคนที่จะได้รับเลือกเป็นพ่อครัวหลวง ไม่สนใจแต่อย่างใด เขาสนใจแค่ว่าอาหารอร่อยหรือไม่ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ยังไม่เชื่อว่าเฉินฝานจะสามารถเอาชนะเขาได้ด้วยขนมอบ“เสี่ยวทิง พวกเราออกไปดูกันหน่อยเถอะ”เพิ่งเดินออกจากเรือนแขกสำราญสุข ลวี่เหลียงเจ๋อก็มองเห็นจากระยะไกลว่าหน้าร้านของเฉินฝาน มีรถม้าเต็มไปหมดคนที่อยู่บนรถม้า ส่วนมากล้วนเป็นใบหน้าที่ลวี่เหลียงเจ๋อคุ้นเคยพวกเขาเป็นพ่อค้าในอำเภอตูอัน“เหออาซื่อ
“เป็นเช่นนี้ย่อมดี!” ลวี่เหลียงเจ๋อพูดกับอาจารย์ปู่ที่อยู่ข้าง ๆ ทันที “เจ้าไปเขียนประกาศให้คนงานติดเร็วเข้า”ฟางทิงเดินกลับไปที่เรือนแขกสำราญสุข“อาจารย์ปู่ขอรับ เมื่อครู่นี้ท่านพูดว่าเค้กของเฉินฝานใช้วิธีการอบหรือขอรับ?” ฟางทิงที่ก้าวเข้ามาในเรือนแขกสำราญสุขเรียบร้อยพลางหันกลับมาถาม“ใช่!” อาจารย์ปู่ของลวี่เหลียงเจ๋อพยักหน้าทันที “ที่พวกเขาเล่นโคลนก่อนหน้านี้ พวกเขากำลังทำเตาเผานั่นแหละ พวกเขาทำเตาเผาไว้หลายอันและเค้กเหล่านั้นก็......”“พอได้แล้ว!” ฟางทิงโบกมือ “ข้ารู้แล้ว ไม่จำเป็นต้องวิธีการกับข้า”ทอด ต้ม นึ่ง ตุ๋น ย่าง ไม่ว่าวิธีการทำอาหารใดก็ตาม เขาเรียนรู้แล้วทั้งหมดตั้งแต่อายุสิบขวบลวี่เหลียงเจ๋อเคยตรวจสอบเฉินฝานเมื่อก่อนเฉินฝานไม่รู้วิธีทำอาหารเลยแม้แต่อย่างเดียว แต่ครึ่งปีที่แล้วจู่ ๆ ก็เกิดเปิดหูเปิดตาขึ้นมาและทำปลาย่างคนจับจดเช่นนี้จะสู้เขาได้อย่างไร?หลังจากเข้ามาถึงห้องครัวของเรือนแขกสำราญสุข ฟางทิงก็สั่งให้คนฆ่าไก่และเป็ดทันทีเฉินฝานใช้วิธีอบใช่หรือไม่ ถ้าเช่นนั้นเขาจะใช้การอบสั่งสอนเขาสักหน่อยมาดูกันว่าผู้คนจะชอบไก่ย่างและเป็ดย่างของเขาหรือสิ่งที่เรียกว
เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ
เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั
“ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม
เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน
เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ