ผู้คนต่างพากันมองไปด้านนอกที่ว่าการ เห็นชายหนุ่มที่แต่งกายด้วยชุดสีม่วงอ่อน ก้าวเท้าเข้ามาอย่างมั่นคงเนื่องจากย้อนแสง ชายหนุ่มมายืนต่อหน้ามวลชน พวกเขาถึงจะใบหน้าของชายหนุ่มชัดเจน“เฉินฝาน เป็นเจ้าได้อย่างไร?”ในน้ำเสียงที่ตกใจของมวลชน แฝงไปด้วยความรู้สึกจิตตกอันเข้มข้นเฉินฝานเรียนหนังสือเก่งกาจ และยังชนะบัณฑิตใหญ่เริ่นรุ่ยฟ่าน ทว่าเรียนหนังสือกับทำการค้าขายมันคนละเรื่องกันอย่าว่าแต่ในอำเภอผิงอันเลย ทั้งรัชสมัยต้าชิ่ง ก็ไม่เคยได้ยินว่าคนที่เรียนหนังสือเก่งค้าขายก็เก่งด้วย“เสี่ยวฝาน” หลูเฉิงกวงเดินไปอย่างมีความหวัง ปลัดอำเภอด้านหลังเฉินฝานส่ายหน้าให้หลูเฉิงกวง บอกใบ้ว่าเฉินฝานไม่ใส่ป้ายเงินมา“เจ้าเป็นใคร? ความหมายของเจ้าเมื่อครู่ คือเจ้าจะออกมาแข่งขันกับข้า?”เจี่ยงหงเหวินใช้สายตาสืบเสาะมองไปที่เฉินฝานในฐานะที่เป็นพ่อค้า คนอาชีพเดียวกัน เขาจำได้เกือบจะทุกคน ชายหนุ่มคนนี้เป็นครั้งแรกที่เขาเจอ“นายท่านเจี่ยง หรือว่าท่านก็มีช่วงเวลาที่ตามข่าวสารไม่ทันด้วยสินะ เฉินฝานไง คนสอบอันแรกของการสอบระดับมณฑลอำเภอผิงอัน!”เมื่อคำพูดนี่ออกไป ศาลาที่ว่าที่เดิมทีก็ถือว่าเงียบงันก็เจี๊ย
“ข้าจะชดใช้หรือเปล่าไม่รู้ แต่เจ้าต้องชดใช้แน่นอน”เฉินฝานเอามือไพล่หลัง รังสีความสง่างามและความดุดันแผ่ซ่านออกจากร่างกายของเขา มวลชนที่ยืนอยู่ต่างหน้าเขาไม่ต่างอะไรกับมดช่วงเวลาที่มองเหยียดหยามกัน น้ำเสียงอันสงบนิ่งดังขึ้นอีกครั้ง “ไม่ว่าพวกเจ้าจะค้าขายอะไร ไม่ต้องสามวันหรอก วันเดียวก็พอแล้ว รายได้จากการค้าขายของข้าก็จะเยอะกว่าของพวกเจ้า ไม่เพียงเท่านั้น ตอนที่ข้าเปิดกิจการ พวกเจ้าจะเก็บเกี่ยวอะไรไม่ได้แม้แต่น้อย!”“ฮ่าฮ่าฮ่า!”ในศาลที่ว่าการ เสียงหัวเราะราวกับน้ำที่ทะลักออกมา พวกพ่อค้าอำเภอตูอันพวกนั้นหลายคนหัวเราะจนท้องแข็งเหล่าพ่อค้าอำเภอผิงอันข้างกายเฉินฝานต่างพากันหันข้างปิดหน้าตัวเองเอาไว้คำพูดใหญ่โตไม่ละอายเช่นนี้ พูดออกมาโดยไม่ใช้สมองคิดขายขี้หน้าจัง ขายขี้หน้า“พวกเจ้าดูสิ เขาคงจะอ่านตำราเยอะเกินไป อ่านจนเอ๋อไปแล้ว!” ติงลั่วใช้สายตาห่วงใยคนพิกลพิการมองเฉินฝาน“คนบ้าต้องโดนยาแรงสิ!” รอยยิ้มเจี่ยงหงเหวินแฝงไปด้วยความโหดเหี้ยม “พี่ติง จัดการมันให้ตาย!”ติงลั่วยกมุมปากขึ้น “แน่นอนอยู่แล้ว!”“เจ้าหนุ่ม!” ติงลั่วหันหน้าไปหาเฉินฝาน สีหน้าเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม “ค
ลวี่เหลียงเจ๋อส่งสายตาไปด้านข้าง คนข้างกายเขารับรู้เข้าใจได้ทันที รีบพาคนเดินไปขวางคนของจางเจิ้งห้าวที่จะพาเฉินฝานเดินออกไปนี่เป็นโอกาสดีที่สุดในการกำจัดเฉินฝานให้อยู่หมัด เขาจะปล่อยผ่านไปได้อย่างไร“ใต้เท้าหลู เจ้าทำเช่นนี้ไม่ถูกต้อง เมื่อครู่อำเภอผิงอันของพวกเจ้าไม่มีใครออกมา เจ้าโมโห ตอนนี้มีคนออกมาแล้ว ทำไมถึงจะไล่คนออกไปอีกล่ะ”“ใช่แล้ว คนของใต้เท้าลวี่นำทรัพย์สมบัติมาให้ พวกเราจะไม่เอาได้อย่างไรกัน?”ช่วงเวลาที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม เสียงของเฉินฝานดังกังวานขึ้นกว่าเดิม “ผลแพ้ชนะ พูดปากเปล่าไม่มีผล ใช้ลายลักษณ์อักษรเป็นหลักฐาน!”“ได้สิ!” ลวี่เหลียงเจ๋อหันหน้าไปออกคำสั่งกับขุนนางด้านข้าง “ใช้ลายลักษณ์อักษรเป็นหลักฐาน เอากระดาษกับหมึกมา!”“เฉินฝานเอ๋ยเฉินฝาน เฮ้อ...” หลูเฉิงกวงหลับตาลงอย่างปวดใจพอหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรออกมา จักรพรรดิมาด้วยตนเองการประลองครั้งนี้ก็จำเป็นต้องดำเนินไปการแข่งขันครั้งนี้ยังไม่ได้เริ่มเลย ข่าวที่คนที่ได้อันดับแรกในการสอบระดับมณฑลต้องคุกเข่าเลียฝ่าเท้าของพ่อค้าติงลั่ว ก็แพร่กระจายจนรู้ไปทั่วทั้งอำเภอผิงอัน ไม่เพียงแค่อำเภอผิงอันเท่านั้น
“เสี่ยวฝาน! เจ้าไม่มีประสบการณ์การบริหารทางการค้า อาจจะไม่ค่อยเข้าใจ ร้านค้าของแม่เถียนเสี่ยวอวี่ เปิดขนาบข้างหอนางโลมอี๋ชุนย่วน ขนาดไม่ใหญ่ ขายจำเพาะพวกเครื่องแป้ง”ตอนได้ยินเฉินฝานบอกว่าเป็นร้านค้าขนาดย่อมสองร้าน แม้จางเจิ้งห้าวจะผิดหวัง แต่ก็อธิบายให้เฉินฝานฟังด้วยความใจเย็น“ลูกค้าส่วนมากเป็นสตรีชั้นต่ำของหอนางโลมอี๋ชุนย่วน รายได้ของสตรีชั้นต่ำจะมีเท่าใด ข้าไม่ต้องอธิบายเจ้าก็น่าจะกระจ่างดีกระมัง พวกนางไม่มีปัญญาซื้อเครื่องแป้งราคาแพง ดังนั้นร้านค้าทั้งสองร้านจึงขายเครื่องแป้งราคาถูก กำไรน้อยมาก”“แต่ว่า คนทั่วไป มีร้านค้าสองร้าน ย่อมเป็นเรื่องที่ดี ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย แม้ชีวิตนี้ไม่ทำไร่ ไม่ทำงานหนัก ก็มีชีวิตที่ดีได้”จางเจิ้งห้าวพูดอ้อมค้อม ความจริงความหมายของเขาคือ ร้านค้าที่แม่ของเถียนเสี่ยวอวี่ยกให้เฉินฝาน สำหรับชาวบ้านอย่างเฉินฝานถือเป็นเรื่องที่ดีมากแล้วแต่หากคิดที่จะเทียบกับติงลั่ว นั่นเป็นเรื่องเพ้อฝันเฉินฝานพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ “ร้านค้าหนึ่งร้าน ใช้เพื่อจัดการติงลั่ว อันที่จริงถือว่ามากเกินไปแล้ว”...นอกตัวอำเภอผิงอันจุดพักม้าลวี่เหลียงเจ๋อพาพ่อค้าอำเภอต
คนที่ตามหาเฉินฝานไม่ได้มีแค่ชาวอำเภอตูอัน ชาวอำเภอผิงอันก็ตามหาเขาเช่นเดียวกัน“เขาคงไม่ได้หนีไปแล้วกระมัง?”“ต้องหนีไปแล้วแน่ๆ เฮ้อ ใต้เท้าหลูไม่น่าให้ปลัดอำเภอไปตามตัวเฉินฝานที่หมู่บ้านซานเหอตั้งแต่แรก”พ่อค้าอำเภอผิงอันกระซิบกระซาบคุยกัน แม้หลูเฉิงกวงได้ฟังแล้วจะโมโหมาก แต่ก็ไม่อาจพูดอะไรได้หากรู้ว่าเฉินฝานไม่ยอมไปเอาป้ายห้อยเอว เขาไม่ยอมให้จางเจิ้งห้าวไปตามตัวเฉินฝานอย่างแน่นอน“อะไรนะ? เจ้าแน่ใจว่าไม่ได้หูฝาด? เฉินฝานขายร้านนั้นไปแล้ว หลังจากนั้นซื้อที่ว่างทางทิศตะวันตกของหอนางโลมบุปผาสีชาด?” ติงลั่วถามบ่าวรับใช้ของตนเองด้วยสีหน้าเหลือเชื่อพลบค่ำ ในที่สุดก็มีข่าวคราวของเฉินฝานแล้วไม่รู้ว่าเจตนาหรือไม่เจตนา ผู้ที่ทราบข่าวเฉินฝานเป็นคนแรกคือติงลั่วไม่รอบ่าวรับใช้ตอบคำถาม ติงลั่วรีบถามคำถามถัดไป “เขาได้บอกหรือไม่ว่าซื้อเพราะเหตุใด?”“คนของเราแอบได้ยินว่า เขาบอกกับภรรยา จะเปิดร้านที่นั่นขอรับ”หลังจากได้ยินรายงานของบ่าวรับใช้ เจี่ยงหงเหวินหัวเราะก่อนเป็นอันดับแรก เสียงหัวเราะของเขาดังก้องไปที่จุดพักม้า“ฮ่าๆ ที่ดินว่างทางทิศตะวันตกของหอนางโลมบุปผาสีชาด! พี่ติง เหตุใดท่า
“ดื่มบ้าดื่มบออะไรล่ะ!” หลูเฉิงกวงโมโหถึงขั้นสบถหยาบ “เจ้าดูสภาพข้าตอนนี้มีอารมณ์ดื่มน้ำชาหรือ? สามร้อยตำลึง! เจ้าขายร้านไปหนึ่งร้าน แล้วหันไปซื้อที่ดินเปล่านอกเมืองข้างหอนางโลมบุปผาสีชาดเนี่ยนะ? เจ้าบอกว่าใช้ร้านค้าหนึ่งร้านเอาชนะติงลั่วได้ แท้จริงแล้วเอาชนะเช่นนี้หรือ!”หลูเฉิงกวงพูดจบ มือเท้าเอว โมโหจนหน้าแดงก่ำ“ใต้เท้า ท่านอย่าโมโห โมโหแล้วเสียสุขภาพจะแย่เอา นั่งลงจิบน้ำชาก่อนขอรับ”เฉินฝานยังคงพูดอย่างยิ้มแย้มแต่ไม่ว่าเขาจะพูดอย่างไร หลูเฉิงกวงก็ไม่สนใจเขา พ่อค้าที่อยู่ด้านหลังหลูเฉิงกวงก็มองเขาด้วยแววตาเย็นชาเช่นเดียวกัน“เสี่ยวฝาน!” สุดท้ายปลัดอำเภอจางเจิ้งห้าวเป็นคนทำลายความตึงเครียด “ไม่พูดเรื่องแข่งขัน เจ้าขายร้านค้าในราคาสามร้อยตำลึงถูกเกินไปแล้ว”“ร้านนั้นอยู่ใกล้หอนางโลมอี๋ชุน สามร้อยตำลึงไม่ใช่แค่ถูกเกินไป แม้หนึ่งพันตำลึงก็ไม่สมควรขาย!”“เฮ้อ หนอนหนังสือคนหนึ่ง ทั้งยังเป็นหนอนหนังสือยากจน จะเข้าใจอะไร ในสายตาของเขาเงินสามร้อยตำลึงมีค่ามากกระมัง”พวกพ่อค้าต่างพากันตำหนิเฉินฝาน“ใต้เท้าหลู ใต้เท้าจาง!” เฉินฝานยกน้ำชาให้ทั้งสองอีกครั้ง พูดด้วยรอยยิ้ม “ดื่มน้ำชาก่
เขาจะเปิดร้านบนที่ดินหลุมกว้างข้างหอนางโลมบุปผาสีชาด หากไม่ใช่หลุมกว้างเขาก็ไม่มีทางเปิดเพราะว่า...นั่นเป็น ‘ฮวงจุ้ยเรียกทรัพย์’ ของการเปิดร้านค้า!“ข้ารู้สึกว่าใต้เท้าหลูและใต้เท้าจางพูดถูก เหตุใดนายท่านจึงดื้อรั้นเช่นนี้เจ้าคะ? ขายร้านของน้าหลิวทิ้ง! ทั้งยังซื้อที่ดินข้างหอนางโลมบุปผาสีชาดมาเปิดร้านค้า”หลังจากพวกหลูเฉิงกวงออกไป ฉินเย่ว์เจียวเริ่มบ่นเฉินฝานนั่งพิงเก้าอี้ข้างหน้าต่าง วางตำราในมือลง ก้มหน้ามองข้างเท้าของตนเอง ฉินเย่ว์โหรวที่กำลังทุบขาให้เขา“เย่ว์โหรว”“เจ้าค่ะนายท่าน น้ำหนักมือไม่ดีหรือเจ้าคะ?” ฉินเย่ว์โหรวเงยหน้าขึ้น ถามเฉินฝานด้วยความอ่อนโยน“เปล่า น้ำหนักกำลังดี”“เช่นนั้น...” ดวงตากลมโตราวกับดวงดาของฉินเย่ว์โหรว อ่อนโยนดุจสายน้ำ “มีอะไรจะรับสั่งหรือเจ้าคะ?”“เปล่า ข้าเพียงอยากถาม เหตุใดเจ้าจึงไม่บ่นขา?”ในยามปกติเขาเพียงซื้อผ้า ซื้อเนื้อมากเกินความเจ็บเป็นเล็กน้อย ฉินเย่ว์โหรวบ่นครึ่งค่อนวัน เหตุใดวันนี้จึงเงียบเช่นนี้ตอนเขาบอกว่าจะขายร้าน นางเพียงมองเขาด้วยสายตาตกใจปราดหนึ่งเท่านั้น แค่เท่านั้นจริงๆ“หากข้าน้อยพร่ำบ่น นายท่านจะไม่ขายร้านและไม่ซื้
“น่าจะไม่เร็วขนาดนั้น” พูดตามจริง เฉินฝานไม่อยากให้ฉินเย่ว์โหรวตั้งครรภ์เร็วขนาดนี้ นางยังเด็กเกินไป“เพราะเหตุใดเจ้าคะ? สุขภาพร่างกายของน้องสี่ไม่ดีหรือเจ้าคะ? เช่นนั้นข้าจะรีบพานางไปหาหมอ”“ไม่ใช่” เฉินฝานมองสองคนที่กำลังวิ่งไล่กันในลานบ้าน “เย่ว์โหรวยังเด็ก คลอดลูกตอนโตกว่านี้หน่อยจะดีกว่า”“ไม่ได้เจ้าค่ะ ไม่อาจสายกว่านี้แล้ว มิเช่นนั้นคนพวกนั้นก็จะ...”หืม? เฉินฝานขมวดคิ้วเล็กน้อย เหตุใดจึงไม่พูดต่อเฉินฝานเงยหน้าขึ้น สีหน้าโมโหปนน้อยอกน้อยใจของฉินเย่ว์เจียว อยู่ในระดับสายตาของเขาหญิงสาวโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ ทั้งยังน้อยอกน้อยใจ จะมีชายสักกี่คนที่ทนภาพนี้ได้หัวใจของเฉินฝานค่อยๆ เต้นแรง“จะอะไร?” เสียงของเฉินฝานแหบพร่าเล็กน้อย กดเสียงลงต่ำอย่างไม่อาจหักห้ามได้เสียงของเฉินฝานไพเราะเป็นทุนเดิม โดยเฉพาะตอนที่เสียงของเขาทุ้มต่ำเสียงทุ้มต่ำ อ่อนโยนดังก้องในหูของฉินเย่ว์เจียว ทำให้นางอ่อนยวบไปทั้งตัว“คนพวกนั้นบอกว่าพวกข้าแต่งงานกับนายท่านมานานแล้ว ไม่ตั้งครรภ์สักคน ดังนั้นพวกเขา พวกเขาบอกว่านายท่านไม่ได้เรื่องเจ้าค่ะ!“อื้ม ที่เจ้าพูดก็เป็นปัญหาจริงๆ...” เฉินฝานยื่นมือไปโอบเอว
เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ
เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั
“ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม
เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน
เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ