การค้า?เกี่ยวข้องกับการประกาศเกณฑ์ทหารอย่างนั้นหรือ?“ใต้เท้า!” เฉินฝานไล่ตามไปติด ๆ แม้ว่าเขาจะไม่เคยทำการค้ามาก่อน แต่ในฐานะที่เขาเป็นคนสมัยใหม่ที่ข้ามเวลามา เคยเห็นธุรกิจการค้าของปัญญาชนมามาก หากคนโบราณคิดอยากเปรียบเทียบกับเขา ถือว่ายังล้าหลังอยู่มากระหว่างทางไปตัวอำเภอผิงอัน จางเจิ้งห้าวได้เล่าสถานการณ์ให้เฉินฝานฟังโดยประมาณหลี่ซานถูกเจี่ยงหงเหวินใส่ร้าย ทรัพย์สมบัติของตระกูลหลี่ส่วนใหญ่ตกมาอยู่ในมือของตระกูลเจี่ยงเจี่ยงหงเหวิน?เฉินฝานได้ยินมากับหูว่าเขาเป็นคุณชายของตระกูลเจี่ยงที่เปิดการค้าใหญ่โตที่สุดของอำเภอ ทั้งยังได้ยินอีกว่ากระบวนการวางแผนของเขานั้นยอดเยี่ยมอีกด้วย คนคนนี้ดูภายนอกดูดี แต่ภายในกลับคิดไม่ซื่อ และยังมีจิตใจโหดเหี้ยมตระกูลหลี่ในตอนนี้เหลือเพียงหอนางโลมอี๋ชุนย่วนแห่งเดียวหอนางโลมอี๋ชุนย่วนแห่งนี้ไม่ได้ตกอยู่ในมืองของตระกูลเจี่ยงตั้งแต่แรก แต่หลี่ซานดันไปตอบตกลงข้อเสนอของเจี่ยงหงเหวินคือการให้เขาใส่ร้ายเฉินฝานว่าขโมยข้อสอบถึงจะรักษาไว้ได้ ตอนนี้เจี่ยงหงเหวินกลับคำพูด เขาใช้ใบแจ้งหนี้ที่มีรอยประทับนิ้วมือของหลี่ซานมาใช้ยึดหอนางโลมอี๋ชุนย่วนสามวัน
“ดูแล้วเหมือนว่าเจ้าจะไม่พอใจอย่างมาก” ลวี่เหลียงเจ๋ออยู่ในลักษณะยืนอยู่เหนือมวลชน เขาจ้องไปที่หลูเฉิงกวง “ข้าลวี่เหลียงเจ๋อก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่ได้ใจจืดใจดำ”ตอนที่ลวี่เหลียงเจ๋อกำลังพูด ก็กวาดสายตามองกลุ่มพ่อค้าด้านหลังตนเองกลุ่มนั้น “พวกเจ้าพูดสินะ? พวกเราให้โอกาสพวกเขาอีกครั้ง ให้พวกเขาประลองฝีมือกับพวกเราอีกรอบ”“ท่านลวี่ฉลาดล้ำเลิศ ท่านลวี่จิตใจเมตตากรุณา!”มวลเสียงประจบแจง ทำให้ลวี่เหลียงเจ๋อเหลิงลอยละลิ่วขึ้นไปอีก“เจ้าอยากประลองเยี่ยงไร? ประลองอะไร ?” หลูเฉิงกวงถามด้วยเสียงทุ้มต่ำลวี่เหลียงเจ๋อยกคางขึ้นสูงไปทางหลูเฉิงกวง ใช้น้ำเสียงในการให้ทานพูดว่า “ในเมื่อเรื่องเกี่ยวกับหอนางโลมอี๋ชุนย่วนและการค้า พวกพ่อค้าเชี่ยวชาญ เช่นนั้นก็ให้พวกเขาประลองกันในด้านการค้า”“ใต้เท้า!” เจี่ยงหงเหวินทำความเคารพให้กับลวี่เหลียงเจ๋อ “เกี่ยวกับการประลอง ข้าน้อยมีข้อเสนอแนะ”ลวี่เหลียงเจ๋อผายมือ “เจ้าว่ามา!”“ขอบคุณใต้เท้า” เจี่ยงหงเหวินพูดต่อ “ช่วงก่อนข้าน้อยซื้อที่ดินหมู่บ้านเซี่ยกู่ของด้านนอกอำเภอผิงอัน หลังจากที่ยึดหอนางโลมอี๋ชุนย่วน ข้าน้อยวางแผนที่จะปิดหอนางโลมอี๋ชุนย่วนแล้ว จะเปิดหอ
“ไม่มีใครยอมออกมาจริงๆหรือ?” หลูเฉิงกวงบังคับความโกรธไว้ในใจ น้ำเสียงนุ่มนวลความหมายของเขาชัดเจนมากแล้ว ขอเพียงแค่มีคนกล้าออกมาก็ใช้ได้แล้ว เขาไม่สนว่าผลแพ้ชนะสายตาของหลูเฉิงกวงผาดผ่านมวลหมู่พ่อค้าไปมาสามครั้งเต็มๆ ก็ยังไม่มีใครกล้าออกมาเส้นเลือดบนหน้าผากหลูเฉิงกวงปูดขึ้น แววตาของเขาเริ่มดุร้าย “ได้ พวกเจ้าแต่ละคนไม่มีใครกล้าออกมาใช่ไหม!”พวกพ่อค้าตกใจจนตัวสั่นเล็กน้อย ไม่กล้าหายใจดัง ทว่าถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ก็ยังไม่มีใครกล้ารับคำท้าลวี่เหลียงเจ๋อสีหน้าเยาะเย้ย “หลูเฉิงกวง ข้าเคยให้โอกาสพวกเจ้าแล้ว ทว่า... ” ลวี่เหลียงเจ๋อกางมือออกสองข้าง สีหน้าหยิ่งผยองหาสิ่งใดเปรียบมิได้ “ในอำเภอผิงอันของเจ้าไม่มีใครสามารถรับคำท้าได้ เฮ้อ น่าเหนื่อยใจ!”ลวี่เหลียงเจ๋อพูดจบ คิดไม่ถึงว่าจะไปนั่งบนตำแหน่งที่นั่งนายอำเภอของหลูเฉิงกวงตำแหน่งที่นั่งของนายอำเภอ นอกจากตัวนายอำเภอเองแล้ว มีเพียงขุนนางที่ยศสูงกว่านายอำเภอเท่านั้นถึงจะนั่งได้ถึงแม้ว่าจะเป็นแบบนี้ ปกติขุนนางที่มาถึงที่ ต่อให้ตำแหน่งสูงกว่านายอำเภอ เป็นการให้เกียรติก็จะไม่ไปนั่งตำแหน่งหลักทว่าไปนั่งตำแหน่งเสริมข้างๆแทนตอนนี้ลว
ผู้คนต่างพากันมองไปด้านนอกที่ว่าการ เห็นชายหนุ่มที่แต่งกายด้วยชุดสีม่วงอ่อน ก้าวเท้าเข้ามาอย่างมั่นคงเนื่องจากย้อนแสง ชายหนุ่มมายืนต่อหน้ามวลชน พวกเขาถึงจะใบหน้าของชายหนุ่มชัดเจน“เฉินฝาน เป็นเจ้าได้อย่างไร?”ในน้ำเสียงที่ตกใจของมวลชน แฝงไปด้วยความรู้สึกจิตตกอันเข้มข้นเฉินฝานเรียนหนังสือเก่งกาจ และยังชนะบัณฑิตใหญ่เริ่นรุ่ยฟ่าน ทว่าเรียนหนังสือกับทำการค้าขายมันคนละเรื่องกันอย่าว่าแต่ในอำเภอผิงอันเลย ทั้งรัชสมัยต้าชิ่ง ก็ไม่เคยได้ยินว่าคนที่เรียนหนังสือเก่งค้าขายก็เก่งด้วย“เสี่ยวฝาน” หลูเฉิงกวงเดินไปอย่างมีความหวัง ปลัดอำเภอด้านหลังเฉินฝานส่ายหน้าให้หลูเฉิงกวง บอกใบ้ว่าเฉินฝานไม่ใส่ป้ายเงินมา“เจ้าเป็นใคร? ความหมายของเจ้าเมื่อครู่ คือเจ้าจะออกมาแข่งขันกับข้า?”เจี่ยงหงเหวินใช้สายตาสืบเสาะมองไปที่เฉินฝานในฐานะที่เป็นพ่อค้า คนอาชีพเดียวกัน เขาจำได้เกือบจะทุกคน ชายหนุ่มคนนี้เป็นครั้งแรกที่เขาเจอ“นายท่านเจี่ยง หรือว่าท่านก็มีช่วงเวลาที่ตามข่าวสารไม่ทันด้วยสินะ เฉินฝานไง คนสอบอันแรกของการสอบระดับมณฑลอำเภอผิงอัน!”เมื่อคำพูดนี่ออกไป ศาลาที่ว่าที่เดิมทีก็ถือว่าเงียบงันก็เจี๊ย
“ข้าจะชดใช้หรือเปล่าไม่รู้ แต่เจ้าต้องชดใช้แน่นอน”เฉินฝานเอามือไพล่หลัง รังสีความสง่างามและความดุดันแผ่ซ่านออกจากร่างกายของเขา มวลชนที่ยืนอยู่ต่างหน้าเขาไม่ต่างอะไรกับมดช่วงเวลาที่มองเหยียดหยามกัน น้ำเสียงอันสงบนิ่งดังขึ้นอีกครั้ง “ไม่ว่าพวกเจ้าจะค้าขายอะไร ไม่ต้องสามวันหรอก วันเดียวก็พอแล้ว รายได้จากการค้าขายของข้าก็จะเยอะกว่าของพวกเจ้า ไม่เพียงเท่านั้น ตอนที่ข้าเปิดกิจการ พวกเจ้าจะเก็บเกี่ยวอะไรไม่ได้แม้แต่น้อย!”“ฮ่าฮ่าฮ่า!”ในศาลที่ว่าการ เสียงหัวเราะราวกับน้ำที่ทะลักออกมา พวกพ่อค้าอำเภอตูอันพวกนั้นหลายคนหัวเราะจนท้องแข็งเหล่าพ่อค้าอำเภอผิงอันข้างกายเฉินฝานต่างพากันหันข้างปิดหน้าตัวเองเอาไว้คำพูดใหญ่โตไม่ละอายเช่นนี้ พูดออกมาโดยไม่ใช้สมองคิดขายขี้หน้าจัง ขายขี้หน้า“พวกเจ้าดูสิ เขาคงจะอ่านตำราเยอะเกินไป อ่านจนเอ๋อไปแล้ว!” ติงลั่วใช้สายตาห่วงใยคนพิกลพิการมองเฉินฝาน“คนบ้าต้องโดนยาแรงสิ!” รอยยิ้มเจี่ยงหงเหวินแฝงไปด้วยความโหดเหี้ยม “พี่ติง จัดการมันให้ตาย!”ติงลั่วยกมุมปากขึ้น “แน่นอนอยู่แล้ว!”“เจ้าหนุ่ม!” ติงลั่วหันหน้าไปหาเฉินฝาน สีหน้าเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม “ค
ลวี่เหลียงเจ๋อส่งสายตาไปด้านข้าง คนข้างกายเขารับรู้เข้าใจได้ทันที รีบพาคนเดินไปขวางคนของจางเจิ้งห้าวที่จะพาเฉินฝานเดินออกไปนี่เป็นโอกาสดีที่สุดในการกำจัดเฉินฝานให้อยู่หมัด เขาจะปล่อยผ่านไปได้อย่างไร“ใต้เท้าหลู เจ้าทำเช่นนี้ไม่ถูกต้อง เมื่อครู่อำเภอผิงอันของพวกเจ้าไม่มีใครออกมา เจ้าโมโห ตอนนี้มีคนออกมาแล้ว ทำไมถึงจะไล่คนออกไปอีกล่ะ”“ใช่แล้ว คนของใต้เท้าลวี่นำทรัพย์สมบัติมาให้ พวกเราจะไม่เอาได้อย่างไรกัน?”ช่วงเวลาที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม เสียงของเฉินฝานดังกังวานขึ้นกว่าเดิม “ผลแพ้ชนะ พูดปากเปล่าไม่มีผล ใช้ลายลักษณ์อักษรเป็นหลักฐาน!”“ได้สิ!” ลวี่เหลียงเจ๋อหันหน้าไปออกคำสั่งกับขุนนางด้านข้าง “ใช้ลายลักษณ์อักษรเป็นหลักฐาน เอากระดาษกับหมึกมา!”“เฉินฝานเอ๋ยเฉินฝาน เฮ้อ...” หลูเฉิงกวงหลับตาลงอย่างปวดใจพอหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรออกมา จักรพรรดิมาด้วยตนเองการประลองครั้งนี้ก็จำเป็นต้องดำเนินไปการแข่งขันครั้งนี้ยังไม่ได้เริ่มเลย ข่าวที่คนที่ได้อันดับแรกในการสอบระดับมณฑลต้องคุกเข่าเลียฝ่าเท้าของพ่อค้าติงลั่ว ก็แพร่กระจายจนรู้ไปทั่วทั้งอำเภอผิงอัน ไม่เพียงแค่อำเภอผิงอันเท่านั้น
“เสี่ยวฝาน! เจ้าไม่มีประสบการณ์การบริหารทางการค้า อาจจะไม่ค่อยเข้าใจ ร้านค้าของแม่เถียนเสี่ยวอวี่ เปิดขนาบข้างหอนางโลมอี๋ชุนย่วน ขนาดไม่ใหญ่ ขายจำเพาะพวกเครื่องแป้ง”ตอนได้ยินเฉินฝานบอกว่าเป็นร้านค้าขนาดย่อมสองร้าน แม้จางเจิ้งห้าวจะผิดหวัง แต่ก็อธิบายให้เฉินฝานฟังด้วยความใจเย็น“ลูกค้าส่วนมากเป็นสตรีชั้นต่ำของหอนางโลมอี๋ชุนย่วน รายได้ของสตรีชั้นต่ำจะมีเท่าใด ข้าไม่ต้องอธิบายเจ้าก็น่าจะกระจ่างดีกระมัง พวกนางไม่มีปัญญาซื้อเครื่องแป้งราคาแพง ดังนั้นร้านค้าทั้งสองร้านจึงขายเครื่องแป้งราคาถูก กำไรน้อยมาก”“แต่ว่า คนทั่วไป มีร้านค้าสองร้าน ย่อมเป็นเรื่องที่ดี ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย แม้ชีวิตนี้ไม่ทำไร่ ไม่ทำงานหนัก ก็มีชีวิตที่ดีได้”จางเจิ้งห้าวพูดอ้อมค้อม ความจริงความหมายของเขาคือ ร้านค้าที่แม่ของเถียนเสี่ยวอวี่ยกให้เฉินฝาน สำหรับชาวบ้านอย่างเฉินฝานถือเป็นเรื่องที่ดีมากแล้วแต่หากคิดที่จะเทียบกับติงลั่ว นั่นเป็นเรื่องเพ้อฝันเฉินฝานพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ “ร้านค้าหนึ่งร้าน ใช้เพื่อจัดการติงลั่ว อันที่จริงถือว่ามากเกินไปแล้ว”...นอกตัวอำเภอผิงอันจุดพักม้าลวี่เหลียงเจ๋อพาพ่อค้าอำเภอต
คนที่ตามหาเฉินฝานไม่ได้มีแค่ชาวอำเภอตูอัน ชาวอำเภอผิงอันก็ตามหาเขาเช่นเดียวกัน“เขาคงไม่ได้หนีไปแล้วกระมัง?”“ต้องหนีไปแล้วแน่ๆ เฮ้อ ใต้เท้าหลูไม่น่าให้ปลัดอำเภอไปตามตัวเฉินฝานที่หมู่บ้านซานเหอตั้งแต่แรก”พ่อค้าอำเภอผิงอันกระซิบกระซาบคุยกัน แม้หลูเฉิงกวงได้ฟังแล้วจะโมโหมาก แต่ก็ไม่อาจพูดอะไรได้หากรู้ว่าเฉินฝานไม่ยอมไปเอาป้ายห้อยเอว เขาไม่ยอมให้จางเจิ้งห้าวไปตามตัวเฉินฝานอย่างแน่นอน“อะไรนะ? เจ้าแน่ใจว่าไม่ได้หูฝาด? เฉินฝานขายร้านนั้นไปแล้ว หลังจากนั้นซื้อที่ว่างทางทิศตะวันตกของหอนางโลมบุปผาสีชาด?” ติงลั่วถามบ่าวรับใช้ของตนเองด้วยสีหน้าเหลือเชื่อพลบค่ำ ในที่สุดก็มีข่าวคราวของเฉินฝานแล้วไม่รู้ว่าเจตนาหรือไม่เจตนา ผู้ที่ทราบข่าวเฉินฝานเป็นคนแรกคือติงลั่วไม่รอบ่าวรับใช้ตอบคำถาม ติงลั่วรีบถามคำถามถัดไป “เขาได้บอกหรือไม่ว่าซื้อเพราะเหตุใด?”“คนของเราแอบได้ยินว่า เขาบอกกับภรรยา จะเปิดร้านที่นั่นขอรับ”หลังจากได้ยินรายงานของบ่าวรับใช้ เจี่ยงหงเหวินหัวเราะก่อนเป็นอันดับแรก เสียงหัวเราะของเขาดังก้องไปที่จุดพักม้า“ฮ่าๆ ที่ดินว่างทางทิศตะวันตกของหอนางโลมบุปผาสีชาด! พี่ติง เหตุใดท่า
เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ
เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั
“ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม
เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน
เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ