“แต่ข้าไม่สามารถเอาชนะพวกนางเพียงลำพังได้ ข้าไม่ได้เก่งเหมือนพี่สาม”ฉินเย่ว์ฉู่คอตกและท้อแท้เล็กน้อย“ข้าไม่ได้ให้เจ้าสู้ซึ่งหน้ากับพวกเขาสักหน่อย เจ้าสามารถ……”เฉินฝานยกนิ้วขึ้นแล้วหมุนวนอยู่บนศีรษะ “ลองหาวิธีอื่นดู”ฉินเย่ว์ฉู่ชะงักเล็กน้อยจากนั้นก็ยิ้มทันที“ข้าคิดออกแล้ว” นางยกกระโปรงขึ้นแล้ววิ่งออกไปทันที“อย่าทำเกินไปเชียวล่ะ” เฉินฝานเตือนร่างเล็ก ๆ ที่วิ่งอย่างรวดเร็ว“ข้ารู้แล้ว”หลังจากนั้นไม่นาน เฉินฝานก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นพัก ๆและหลังจากนั้นไม่นาน ฉินเย่ว์ฉู่ก็ยกกระโปรงและวิ่งกลับมาพร้อมกับรอยยิ้ม“เจ้าใช้วิธีไหนหรือ ถึงทำให้พวกนางแต่ละคนกรีดร้องอย่างเจ็บปวดเช่นนั้น” เฉินฝานถามผู้หญิงตัวเล็กที่อยู่ข้างเขาอย่างสงสัยใบหน้าเล็ก ๆ ของฉินเย่ว์ฉู่เต็มไปด้วยความสุข “ข้าซ่อนตัวอยู่ในที่ที่พวกนางมองไม่เห็นและขว้างก้อนหินใส่พวกนาง”“พวกนางไม่ได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่?”“นายท่าน เรื่องนี้ท่านไม่ต้องกังวลเลยเจ้าค่ะ!”ฉินเย่ว์ฉู่เอียงศีรษะเล็ก ๆ ของนางแล้วกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “เสียวฉู่รู้ดีว่าถ้าทำร้ายพวกนาง พวกนางจะตามหาข้าจนเจอ จากนั้นนายท่านก็ต้องจ่ายค่าชดเชย
“อืม! หย่งเหนียนเขียนได้ไม่เลว” แม้ว่าอาจารย์เฉียนพยักหน้า แต่เขาไม่ถูกใจเล็กน้อยด้วยความสามารถของเฉียนหย่งเหนียน เขาควรเขียนได้ดีกว่านี้ท่าทางไม่พอใจของอาจารย์เฉียน นักเรียนต่างก็ดูออก แม้ภายนอกไม่แสดงสิ่งใด แต่แอบดีใจอยู่ภายในใจเฉียนหย่งเหนียนที่สอบผ่านระดับถงเซิง มีความสามารถเพียงเท่านี้ เช่นนั้นแล้วพวกเขาก็ไม่มีความกดดันอีก“คนต่อไป!”“ข้า!”สวีจื้อหมิงจากหมู่บ้านหลิงเป็นคนที่สองที่เดินขึ้นไปหาอาจารย์“บทที่หนึ่ง: สุขในดินแดนอันล้ำค่าและเจริญรุ่งเรืองนับพันปี บทที่สอง: พรส่องแสงมาสู่ครอบครัวและทุกสิ่งเจริญรุ่งเรือง แนวขวาง: ต้อนรับปีใหม่อย่างปรีดา”“ไม่เลว ๆ!”อาจารย์เฉียนพยักหน้าอย่างพอใจ “จื้อหมิง ปีนี้เจ้าก้าวหน้ามาก ลายมือก็ดีขึ้นกว่าปีก่อน!”“ขอบคุณครับอาจารย์!”สวีจื้อหมิงเดินกลับที่นั่งของตนเองอย่างมีความสุขปีนี้เขาเขียนได้ดีกว่าเฉียนหย่งเหนียนปีหน้าคงมีความหวังในการสอบระดับถงเซิง“คนต่อไป!”จากนั้นก็เดินขึ้นไปอ่านอีกหลายคนบ้างก็เขียนได้ดี บ้างก็เขียนได้ไม่ดีเท่าไหร่คนที่เขียนดี อาจารย์ชื่นชมคนที่เขียนได้ธรรมดา อาจารย์เฉียนไม่ได้ตำหนิ แต่ให้กำลังใจ
“ลายมือนั่น......ฮ่า ๆ ๆ ข้าไม่อยากหัวเราะ แต่ข้าอดไม่ได้จริง ๆ”“ข้าอดไม่ได้เช่นกัน เขาฝึกเขียนได้สิบวันแล้วกระมัง เหตุใดถึงยังเขียนได้พอกับหลานสาววัยห้าขวบของข้าเช่นนี้ล่ะ”“อย่าเพิ่งหัวเราะกัน มาดูกันว่าเขาเขียนอะไร”ครั้งนี้ เฉินฝานได้รับการการปฏิบัติคล้ายกับเฉินเจียง เขาไม่ต้องอ่านกลอนคู่ด้วยตนเอง นักเรียนที่อยู่ด้านล่างช่วยเขาอ่าน“บทที่หนึ่ง: หวนคิดถึงอดีต นักเช่าเรือน โสดไร้คู่ ทุกข์ระทม บทที่สอง: มองปัจจุบัน เรือนกระเบื้องหลังใหญ่ ภรรยางามสง่า สุขสมาน แนวขวาง: ข้ามผ่านได้ถูกที่!”“นี่……มันอะไรกัน?”“บทที่สองยังพอเข้าใจได้ว่าเขียนอะไร แต่แนวขวางเขียนว่า ข้ามผ่านได้ถูกที่? ช่างไม่มีความสอดคล้องและไม่มีระเบียบสักนิด บทที่หนึ่งยิ่งประหลาดกว่า นักเช่าเรือน โสดไร้คู่ เขียนสิ่งใดออกมาเนี่ย?”“มองความหมายดูแล้วเหมือนเขียนว่าตนเองเป็นสุนัข?”ทุกคนมองเฉินฝานพร้อมกันเฉินฝานลูบหัวตนเองและฉีกยิ้มอย่างคนซื่อ “สองเดือนก่อน ข้าเป็นคนไร้คู่จริง ๆ”“พรวด!”“ฮ่า ๆ ๆ”“ฮ่า ๆ ๆ”คำพูดของเฉินฝานทำให้คนทั้งห้องหัวเราะลั่น“สุนัข กล้ายอมรับว่าตนเป็นสุนัขจริง ๆ”“ช่างเป็นคนโง่เสียจริง”
หรือว่าทายาทผู้สูงศักดิ์ของตระกูลเฉินที่นักพรตวัดซานชิงกวนกล่าวถึง......คือเฉินฝาน!!!หากเป็นเช่นนั้นจริง…...อาจารย์เฉียนพยักหน้าเงียบ ๆสิ่งที่นักพรตวัดซานชิงกวนพูดอาจเป็นเรื่องจริงเขาเป็นอาจารย์มาหลายปี ได้พบผู้คนนับไม่ถ้วนแม้ว่าเฉินเจียงเป็นคนฉลาด การเรียนก็ดี แต่เขาไม่เห็นด้วย หากกล่าวว่าเขาเป็นทายาทผู้สูงศักดิ์ท้ายที่สุดแล้ว ในตัวของเฉินเจียงยังขาดคุณสมบัติบางอย่าง……ในหมู่บ้านเล็ก ๆ บนภูเขา ไม่มีรายการบันเทิง การนินทาจึงกลายเป็นความบันเทิงเพียงอย่างเดียวในหมู่บ้านกลอนคู่ของเฉินฝานแพร่กระจายจากสถานศึกษาออกไปอย่างรวดเร็ว ภายในหนึ่งชั่วโมง ทุกคนในหมู่บ้านก็รู้เรื่องนี้ยกเว้นครอบครัวของผู้ใหญ่บ้านและกลุ่มของเฉียนลิ่วที่ช่วยเฉินฝานจับปลา ส่วนคนอื่น ๆ ต่างหัวเราะเยาะเขาฉินเย่ว์เจียวและฉินเย่ว์ฉู่ที่รอเฉินฝานอยู่นอกสถานศึกษา กลายเป็นเป้าหมายของการเยาะเย้ยไปด้วยพวกนางถูกภรรยาของนักเรียนเหล่านั้นชี้และเย้ยหยัน“นายท่าน!”เมื่อเฉินฝานเดินออกจากสถานศึกษา ฉินเย่ว์เจียวก็วิ่งเข้าไปและรับตะกร้าไผ่ในมือของเขาระหว่างทางกลับเรือน ฉินเย่ว์เจียวกับฉินเย่ว์ฉู่ไม่พูดสักคำ พ
“หากกล่าวเช่นนี้ พี่สี่ไม่ได้โกรธนายท่านที่เขียนไปเรื่อยจริง ๆ”“ข้าโกรธทำไม? นายท่านเขียนเช่นนี้ย่อมมีเหตุผลของเขา”“ไม่โกรธจริงนะ? ตามข้อกำหนดของอาจารย์ กลอนคู่บทนั้นต้องติดไว้ที่ประตูเรือนของเรา”“ข้าจะโกรธจริง ๆ ก็เมื่อนายท่านไม่ติดเจ้าค่ะ” ฉินเย่ว์โหรวไม่เพียงแต่เสียงเบา แต่ยังรู้สึกตัวลอยเห็นได้ว่าบทกลอนที่เฉินฝานเขียนทำให้นางมีความสุขมากแม้ว่าฉินเย่ว์โหรวไม่เข้าใจว่า นักเช่าเรือน โสดไร้คู่คือสิ่งใด แต่ตัวอักษรภรรยางามสง่า สุขสมานเหล่านี้ นางเข้าใจ”เฉินฝานแสดงความรู้สึกว่าเขามีความสุขมากที่มีพี่น้องอย่างพวกนาง และนี่เป็นการแสดงความรักของเฉินฝานที่มีต่อพวกนางด้วยเขายืนกรานที่จะติดกลอนนี้ไว้ที่ประตู ก็เพื่อต้องการแสดงความรักของเขาให้ทุกคนได้เห็นนายท่านของตนเองแสดงความรักต่อพวกนางอย่างโอ้อวดเช่นนี้ยังเกือบมีความสุขไม่ทัน แล้วเหตุใดจึงต้องโกรธด้วยเล่า?เฉินฝานที่นั่งอยู่ในห้อง ได้ยินบทสนทนาระหว่างฉินเย่ว์โหรวกับฉินเย่ว์ฉู่เสร็จ หัวอกที่สั่นขวัญแขวนเย็นลงเสียทีนอกจากนี้ยังทำให้เขามองฉินเย่ว์โหรวในมุมมองที่เปลี่ยนไปมีผู้คนอยู่มากมาย แต่มีนางคนเดียวที่เข้าใจกลอนคู่ขอ
สำนักบัณฑิตหลี่เซียงออกตัวอย่างข้อสอบทุกปี ข้อสอบข้างในมักตรงตามข้อสอบจริงของทุกปี แม้สอบไม่ผ่าน แต่ประเภทคำถามก็ใกล้เคียงกันมากกล่าวได้ว่า ผู้มีตัวอย่างข้อสอบของสำนักบัณฑิตหลี่เซียงนั้นดั่งเสือติดปีก[footnoteRef:1] [1: เสือติดปีก หมายถึง มีอำนาจเก่งกล้าอยู่แล้ว เสริมความสามารถให้มากขึ้น] นักเรียนทั่วทั้งรัชสมัยต้าชิ่งต่างก็แย่งชิงตัวอย่างข้อสอบของสำนักบัณฑิตหลี่เซียง แต่โดยทั่วไปแล้วสำนักบัณฑิตจะมอบให้กับนักเรียนในสำนักบัณฑิตศึกษาของตนเองเท่านั้นในทุก ๆ ปีสถานศึกษารับนักเรียนเพียงยี่สิบคน ที่สำคัญรับเฉพาะผู้มีวาสนาต่อกันเท่านั้นต่อให้มีอำนาจมีกำลัง แต่หากผู้อำนวยการสถานศึกษารู้สึกว่าไร้วาสนาต่อกัน เขาจะปฏิเสธไม่ให้เสียเวลาทันที“ใช่ แต่พี่สาวของเจ้าบอกว่าเป็นสำเนา ไม่ใช่ต้นฉบับ”“สำเนาก็ได้ขอรับท่านพ่อ ให้ท่านพี่รีบส่งกลับมาเถอะ ไม่!” เฉินเจียงส่ายหัวทันที“ท่านพ่อ พรุ่งนี้ให้คนส่งสารบอกพี่สาวว่าข้าต้องการได้รับวันพรุ่งนี้ให้นางกลับมาพรุ่งนี้นะขอรับ”คำพูดของเฉินเจียงไม่ใช่การส่งสาร แต่เป็นคำสั่งตั้งแต่เล็กจนโต เฉินเจียงปฏิบัติต่อพี่สาวของเขาเหมือนคนใช้ที่มาหาเมื่อบอกใ
ทุก ๆ ปีใหม่ บางครอบครัวมีความสุข บางครอบครัวมีความเศร้าเพราะไม่ใช่ทุกครอบครัวจะได้รับผลเก็บเกี่ยวที่ดีหลังทำงานหนักมาทั้งปีนี่ก็คืออะไร คือเมื่อยังเป็นเด็กทุกคนตั้งตารอเทศกาลปีใหม่มาก แต่เมื่ออายุมากขึ้นกลับยิ่งชอบเทศกาลปีใหม่น้อยลงเท่านั้นเพราะการผ่านพ้นปลายปีเป็นเรื่องยากตั้งเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ไว้ต้นปี ปีใหม่นี้ต้องเก็บเงินได้ให้มากเท่าไหร่ ทำสิ่งสำคัญ/ในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิตให้สำเร็จแต่ทว่าคนส่วนใหญ่ประเมินกำลังของตนสูงเกินไปและประเมินความโหดร้ายของเวลาน้อยไปเวลาจะไม่หยุดเพื่อเจ้าเพียงเพราะเจ้ายากจนไม่ว่าตื่นเช้าหรือกลับดึกแค่ไหน มันจะหมุนดั่งลูกข่าง แต่ชีวิตกลับไม่มีการพัฒนาและยังคงดิ้นรนอย่างทุกข์ยากหลังจากทำงานหนักมาทั้งปี เมื่อมองย้อนกลับไปกลับพบว่าไม่มีสิ่งใดเป็นของตนเองสักอย่างอย่างไรก็ตาม สภาพแวดล้อมของหมู่บ้านซานเหอในปีนี้แตกต่างไปจากปีก่อนมากไม่ใช่บางคนมีความสุขและบางคนโศกเศร้า แต่ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความสุขสมยินดีการมาของเฉินฝาน ทำให้หมู่บ้านซานเหอเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สิบกว่าครอบครัวที่ยากจนที่สุด ล้วนได้รับการช่วยเหลือจนขึ้นมาอยู่ระดับ
วันที่สองหลังจากสถานศึกษาหยุดสอนหลังจากฝึกคัดลายมือครึ่งค่อนวันจนรู้สึกปวดหลัง เฉินฝานจึงวางพู่กันในมือแล้วเดินออกไปยืดกล้ามเนื้อที่ลานเขามาถึงลานไม่นาน เฉินฝานก็ได้ยินเสียงดังมาจากข้างเรือนคงมีคนส่งของไปที่เรือนของเฉินเจียงดั่งเคยกลอนคู่ของเฉินเจียงได้รับการชื่นชมอย่างสูงจากอาจารย์เฉียนถูกแพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้านใกล้เคียงหลายแห่งพร้อมกับกลอนคู่ของเฉินฝานในขณะที่ทุกคนหัวเราะเยาะเฉินฝาน พวกเขาก็ยกย่องเฉินเจียงและเชื่อมั่นว่าเฉินเจียงจะสอบผ่านในอนาคตคนที่มอบของขวัญให้กับเฉินเจียง มีจำนวนมากมายไม่สิ้นสุดเช่นเคย“ท่านป้ากลับมาแล้ว ๆ!”เสียงไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมของหยวนเป่าลูกชายคนโตของเฉินเจียงดังขึ้น และดึงดูดความสนใจของเฉินฝานที่กำลังกลับเข้าห้อง จนต้องหยุดฝีเท้าลงได้อย่างสำเร็จท่านป้า?ท่านป้าของหยวนเป่า ก็เป็นป้าของเขาด้วย?หญิงสาวร่างสูงที่สวมเสื้อผ้าอย่างเรียบร้อยและสง่างามท่าทางใจดี ปรากฏขึ้นในความทรงจำของเฉินฝานในความทรงจำอันเลือนรางผู้หญิงที่เรียกว่าท่านป้าคนนั้น ทุกครั้งที่ปรากฏต่อหน้าเจ้าของร่างเดิม แตกต่างสิ้นเชิงกับเฉินฝู เฉินเจียงและคนอื่น ๆ ที่มีแต่ความรังเก
เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ
เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั
“ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม
เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน
เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ