นางลวี่พูดจบ กระทุ้งสามีของตนเองหนึ่งครั้ง แม้ฉินฉายหัวจะไม่อยากทำแม้แต่น้อย แต่สุดท้ายก็ยอมทำ“ท่านพ่อ ท่านแม่”“หลานๆ อาและอาสะใภ้ขอโทษพวกเจ้าด้วย!”นางเย่เห็นเช่นนั้นก็บอกให้ฉินฉายจินและฉินเต๋อโห่วขอโทษพวกฉินเย่ว์เจียว ทั้งยังคำนับเขกหัวเสียงดังเฉินฝานเงียบ ไม่มีใครกล้ายกโทษให้ฉินฉายจินกับฉินฉายหัวยิ่งเวลาผ่านไปนาน สีหน้าของฉินฉายจินก็ยิ่งกระอักกระอ่วน สุดท้ายล้มลงบนพื้น“นายท่าน นายท่าน ท่านเป็นอะไรไป ท่านเป็นอะไร?” นางเย่กอดฉินฉายจินที่ล้มลงบนพื้นด้วยความกระวนกระวาย“ท่านพ่อ ท่านแม่ หลานรัก” นางเย่อ้อนวอน “ฉายจินเป็นถึงขั้นนี้แล้ว พวกท่านยกโทษให้พวกเราเถอะ”“เย่ว์เจียว เย่ว์โหรว” สีหน้านางไป๋ฉายความกังวล “พวกเจ้ายกโทษให้อาของพวกเจ้าเถอะ”“ควรจบลงได้แล้ว คนในหมู่บ้านหัวเราะเยาะนานแล้ว” ฉินเต๋อโห่วก็พูดด้วยอีกคนไม่ว่าในอดีตพวกฉินฉายจินทำสิ่งใด แต่ก็เป็นลูกชายของพวกเขา หากกล่าวว่าฉินเต๋อโห่วกับนางไป๋ไม่ปวดใจเลยสักนิดก็เป็นเรื่องโกหก“นายท่าน...”ฉินเย่ว์โหรวมองเฉินฝาน ดวงตาอ่อนโยนร้องขอความเมตตาเฉินฝานเดินไปหาพวกภรรยา ตอนเดินผ่านฉินฉายจินกับนางเย่ โยนเศษเงินทิ้งสองก้
“ขอบคุณเขยฝาน”คำขอบคุณมากมายหลั่งไหลเข้ามาเฉินฝานรีบโบกมือ “เกรงใจแล้ว เมื่อครู่พวกท่านช่วยข้า นี่คือสิ่งที่ข้าพึงกระทำ!”“พวกข้าเพียงช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ ก็แค่พูดเท่านั้น ต้องขอบคุณความใจกว้างของเจ้า”“เช่นนั้น...ในเมื่อพวกท่านเรียกข้าว่าลูกเขยแล้ว พวกท่านควรขอบคุณบรรดาภรรยาของข้า รวมถึงท่านปู่ท่านย่าที่เลี้ยงดูพวกนางจนเติบใหญ่!”“เขยฝานพูดถูก”ชาวบ้านหันไปขอบคุณพวกฉินเต๋อโห่ว“ข้าและพวกเย่ว์เจียวคงไม่อาจกลับมาทุกวันได้ หลังจากนี้คงต้องรบกวนทุกคนช่วยดูแลคนแก่ทั้งสองด้วย”“แน่นอน แน่นอน”“ไอ้แก่!” นางไป๋น้ำตาคลอเบ้านานแล้ว “ได้หลานเขยอย่างเสี่ยวฝาน เป็นวาสนาของพวกเราจริงๆ”การกระทำนี้ของเฉินฝาน มองผิวเผินคล้ายทำเพียงสิ่งเดียว แต่ความจริงทำสองสิ่ง ทั้งยังเป็นสองสิ่งที่ทำให้พวกเขาใช้ชีวิตอย่างสงบสุขประการแรก ท่ามกลางสายตามากมายของชาวบ้าน อนาคตพวกฉินฉายจินและฉินหายหัวไม่กล้ารังแกพวกเขาพร่ำเพรื่อแน่นอนประการที่สอง เดิมทีไม่มีใครเป็นห่วงและดูแลพวกเขา แต่นับจากนี้ พวกเขาจะได้รับการดูแลจากคนทั้งหมู่บ้าน“ใช่! วาสนาของพวกเราน่าจะเริ่มตั้งแต่รับซูอิงมา นางเป็นมารดาของหลานสาว”
ภาพตอนกลับถึงหมู่บ้านซานเหอกับตอนอยู่หมู่บ้านตระกูลฉินแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงตอนอยู่หมู่บ้านตระกูลฉิน พี่น้องตระกูลฉินได้รับคำชื่นชมจากคนทั้งหมู่บ้าน ตรงกันข้ามกับตอนอยู่หมู่บ้านซานเหอตอนผ่านต้นไหวใหญ่หน้าหมู่บ้าน เริ่มได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์เช่นไร้ยางอาย ใช้เงินของครอบครัวสามีจนหมด ส่งของกลับบ้านก็ไม่แบ่งให้ญาติผู้ใหญ่ของครอบครัวสามีทำให้บุรุษหลงเสน่ห์ ให้สามีมีภรรยาแล้วลืมแม่ของตนเป็นต้นแม้เสียงวิพากษ์วิจารณ์นั้นไม่ได้พูดชื่อ แต่ทุกคนฟังออกว่ากำลังพูดถึงสามพี่น้องตระกูลฉินเฉินฝานลากของเต็มคันรถไปถึงหมู่บ้านตระกูลฉิน เรื่องนี้แพร่สะพัดไปทั้งหมู่บ้านตั้งนานแล้ว มีคนอิจฉาแต่มีคนริษยามากกว่าโดยเฉพาะตอนเรื่องนี้ไปถึงตระกูลฉินและตระกูลเจียง เฉินฟู่และนางโจวรู้สึกแย่ยิ่งนักพวกเขาในฐานะปู่กับย่าของเฉินฝาน หลานชายหาเงินได้ก้อนใหญ่ พวกเขาควรเป็นคนแรกที่ได้เสพสุข แต่เวลานี้กลับเป็นพี่น้องตระกูลที่ได้รับมองรถม้าของเฉินฝานขับออกไป จางเหลียนฮวาที่อุ้มลูกอยู่นั้นพูดขึ้นช้าๆ“แม้เมื่อก่อนเสี่ยวฝานจะทำตัวแย่ไปหน่อย แต่เขาดีกับปู่และย่าของเขามาก ยามมีของอร่อยต้องให้ปู่กับย่าก่อน แ
“เอ่อ เอ่อ...ท่านปู่ของข้ามาเข้าฝัน”หากยอมรับว่าตนพูดจาเหลวไหล เช่นนั้นผู้เฒ่าหลี่ก็ไม่ถูกเรียกว่าจอมปากเสียแล้ว“ปู่ของท่านยังเข้าฝันข้า บอกให้ข้าสั่งสองท่าน!”เฉียนลิ่วยกไม้เท้าขึ้น เคาะศีรษะผู้เฒ่าหลี่ผู้เฒ่าหลี่เอามือป้องศีรษะพูดแก้ตัว“ข้าไม่ได้พูดเกินจริง ข้าพูดความจริงทุกอย่าง ท่านปู่มาเข้าฝันข้าจริงๆ”“ท่านปู่บ้าบออะไร โลกใบนี้มีเทพเซียนผีสางเสียที่ไหน หากมี เหตุใดข้าจึงไม่เคยพบเจอมาก่อน?”“เจ้าไม่เคยเห็น ไม่ได้แปลว่าคนอื่นไม่เคยเห็น”“อ่อ!” เฉียนลิ่วพยักหน้าถามผู้เฒ่าหลี่ “เช่นนั้นท่านเคยเห็นหรือ เล่าให้ข้าฟังสิ พวกเขาหน้าตาอย่างไร?”“ข้า...” ผู้เฒ่าหลี่กลอกตาไปมา “ข้าไม่เคยเห็น แต่ข้าไม่เคยเห็น ไม่ได้แปลว่าคนอื่นไม่เคยเห็น”“อื้ม! ท่านไม่เคยเห็น ข้าไม่เคยเห็น เช่นนั้น...” เฉียนลิ่วหันไปมองชาวบ้าน “ไม่ทราบว่าพวกท่านเคยเห็นหรือไม่?”ทุกคนเงียบไปชั่วขณะแล้วค่อยมีคนส่ายหน้ามีคนแรก ก็มีคนที่สอง ทุกคนต่างบอกว่าไม่เคยเห็น“ทุกคนล้วนไม่เคยเห็น ข้าว่าเรื่องนี้...”เฉียนลิ่วเงียบครู่หนึ่ง แล้วค่อยพูด“มีคนริษยาเฉินฝาน อิจฉาพี่น้องตระกูลฉินที่ตอนนี้มีชีวิตที่ดี หลังจาก
“เฮ้อ!” ผู้เฒ่าหลี่ส่ายหน้าแล้วพูด “ปัญญาชนแตกต่างกับชาวบ้านทั่วไปจริงๆ แม้แต่ภรรยาของปัญญาชนก็ยังพูดเก่งเช่นนี้”“แน่นอน อนาคตพี่เจียงจะได้เป็นถึงขุนนาง พี่เหลียนฮวาก็จะได้เป็นฮูหยินของท่านใต้เท้า สิ่งที่พวกเขาพบเจอย่อมแตกต่างจากพวกเจ้า”“ก็จริง พอเหลียนฮวาพูดแล้วก็แตกต่างออกไป พวกเราไม่อาจลบหลู่เทพเซียน”“ใช่ๆ โชคดีที่เหลียนฮวาเตือน มิเช่นนั้นวันนี้พวกเราทำผิดต่อเทพเซียนโดยไม่รู้ตัว”ภายใต้คำชื่นชม แววตาของจางเหลียนฮวาฉายความผยองความเป็นจริงถ้อยคำนี้ นางไม่ได้เป็นคนคิด เหนือศีรษะสามฟุตมีเทพเทวา ปัญญาชนกราบไว้หลี่ฟูจื่อทุกวัน ฮ่องเต้ก็ทำพิธีเซ่นไหว้ทุกฤดูวสันต์ ทั้งหมดนี้เป็นเนื้อหาในหนังสือที่เฉินเจียงงอ่านให้นางฟังตลอดหลายวันที่ผ่านมา“แม้ปกติผู้เฒ่าหลี่พูดจาเหลวไหล แต่เขาเคารพบรรพบุรุษของตนเองมาก”“อื้ม เหลียนฮวาพูดถูก นอกจากกราบไหว้บรรพบุรุษช่วงเทศกาลแล้ว ทุกวันที่หนึ่งและสิบห้าของเดือนผู้เฒ่าหลี่ก็จุดธูปกราบไหว้บรรพบุรุษเช่นเดียวกัน”“เช่นนี้ การที่บรรพบุรุษของเขามาเข้าฝัน ข้ารู้สึกว่าเป็นไปได้”คำพูดเพียงไม่กี่ถ้อยคำของจางเหลียนฮวา ทำให้ทุกคนคล้อยตามอีกครั้ง“ถูกต้อ
“เฮ้อ!” เฉินต้ายาถอนหายใจแล้วส่ายหน้า“เมื่อก่อนข้ามักได้ยินท่านแม่บอกว่า ตั้งครรภ์ครั้งหนึ่งโง่เขลาสามปี ก่อนหน้านี้ข้าไม่เชื่อ ตอนนี้ข้าได้ยินสิ่งที่น้าสะใภ้พูด ข้าเชื่อแล้วจริงๆ น้าสะใภ้ อาการของท่านต้องรีบหาหมอรับยามาทาน มิเช่นนั้นวันข้างหน้าจะยิ่งอยู่ยิ่งโง่เขลาเจ้าค่ะ”“พี่สะใภ้เหลียนฮวา!” นางหลี่พูดกระซิบข้างหูจางเหลียนฮวา “คล้ายนางบอกว่าท่านโง่เขลา ทั้งยังป่วยต้องรีบรักษา”นางหลี่คิดว่าตนพูดเบา แต่ความเป็นจริงชาวบ้านได้ยินอย่างชัดเจน“ฮ่าๆ!”มีคนกลั้นหัวเราะไม่อยู่จางเหลียนฮวาอับอายจนโมโห “เฉินต้ายา เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”ในตอนนั้นทำให้เฉินเจียงหย่ากับจ้าวเสี่ยวหง เฉินต้ายาจะตกใจง่ายๆ เพราะจางเหลียนฮวาได้อย่างไร นางทั้งน้อยเนื้อต่ำใจทั้งเป็นผู้บริสุทธิ์“อาสะใภ้ ท่านโมโหทำไมเจ้าคะ หลานเป็นห่วงท่านจากใจจริง รีบหาหมอ รีบรักษา อย่าปล่อยทิ้งไว้เจ้าค่ะ”ในตอนนั้นจางเหลียนฮวาก็เป็นคนที่เอาชนะจ้าวเสี่ยวหงได้ เพียงไม่นานก็ใจเย็นลง ยิ้มบางๆ มองเฉินต้ายาแล้วเอ่ยถาม“เช่นนั้นเจ้าพูดมาสิ อาสะใภ้คนนี้ของเจ้าโง่เขลาอย่างไร?”เฉินต้ายาเองก็ยิ้มเช่นเดียวกัน ก่อนหน้านี้นางปูทางไว้
กระเบื้องและคานไม้ที่สั่งเมื่อหลายวันก่อนส่งมาถึงหมู่บ้านทั้งหมดแล้ว หลังจากมอบหมายเรื่องส่งปลาในทุกวันให้เฉินผิงและเฉียนลิ่วรับผิดชอบ เฉินฝานก็ง่วนอยู่กับการซ่อมบำรุงบ้านนอกจากบ้านของเขาแล้ว ยังมีบ้านของฉินเต๋อโห่ว ฉินเต๋อโห่วกลับเข้าไปอยู่บ้านหลังเดิมแล้วโชคดีที่มีแค่คนชราสองคน ปลูกบ้านสองหลังก็พออยู่อาศัยแล้ว มิเช่นนั้น ไม่พอทั้งเงินและเวลาเฉินฝานไปกลับระหว่างหมู่บ้านซานเหอและหมู่บ้านตระกูลฉินประมาณสิบกว่าวัน ในที่สุดก็ซ่อมบ้านเสร็จ ก่อนที่พายุหิมะใหญ่ปิดถนนจะเกิดขึ้นช่วงระยะเวลาที่ซ่อมบ้าน เฉินฝานและครอบครัวพักที่บ้านของเฉินผิง ในที่สุดวันนี้ก็ย้ายกลับไปแล้วหลังจากล้างหน้าแปรงฟันเสร็จเฉินเย่ว์ฉู่ขึ้นไปนอนบนแตกเป็นคนแรก นางกลิ้งตัวไปมาบนเตียงหลังใหม่ด้วยความดีใจช่วงเวลานี้ ท่ามกลางความรักของเฉินฝาน ฉินเย่ว์เจียวและฉินเย่ว์โหรวรวมถึงการมีเอ้อร์ยามาอยู่เคียงข้าง ทำให้ฉินเย่ว์ฉู่สดใสขึ้นมาก ในที่สุดนางก็ไม่มีอะไรแตกต่างจากเด็กสาววัยสิบขวบฉินเย่ว์โหรวขึ้นเตียงเป็นคนที่สอง นางนอนอยู่บนเตียง อ้าแขนทั้งสองข้างขึ้นพร้อมเงยหน้ามองเพดาน พูดด้วยความผ่อนคลาย “ในที่สุดก็กลับมาแล้
แม้พี่สาวทั้งสองไม่ได้พูดอะไร แต่จากการพูดคุยกับเอ้อร์ยาตลอดระเวลาที่ผ่านมานี้ ทำให้นางรู้ว่าพี่สาวทั้งสองคนที่นางเคยโกรธพวกนางที่ไม่มาช่วยตน แท้จริงแล้วก็ไม่มีชีวิตที่สุขสบายเท้าของพี่สี่ถูกทุบตีจนหัก ทั้งยังเกือบถูกขายให้หอนางโลมอี๋ชุนย่วนแม้พี่สามจะมีฝีมือด้านการต่อสู้ แต่ก็ไม่กล้าตอบโต้ ทำได้เพียงถูกทุบตีไปพร้อมกับพี่สี่ นางมักจะปกป้องพี่สี่ตอนโดนทุบตี ทำให้บาดแผลบนตัวนางมีมากกว่าพี่สี่แค่ว่านางแข็งแกร่งเท่านั้น จึงไม่พิการ“พวกพี่ๆ เมื่อก่อนข้าไม่ควรโกรธเคืองพวกท่าน เมื่อก่อนพวกท่านก็ไม่ได้มีชีวิตที่ดี”เมื่อฉินเย่ว์ฉู่พูด ฉินเย่ว์โหรวก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป น้ำตารินไหล ร้องไห้สะอึกสะอื้นเมื่อนางร้องไห้ ฉินเย่ว์ฉู่ก็ร้องไห้ตามขอบตาของฉินเย่ว์เจียวแดงก่ำ แต่นางดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว“วันนี้พวกเราเท่ากับอยู่บ้านหลังใหม่ วันมงคลเช่นนี้ พวกเจ้ากลับร้องไห้เสียใจ ประเดี๋ยวนายท่านเห็นเข้า ต้องไม่พอใจแน่ๆ”ฉินเย่ว์เจียวอ้างชื่อเฉินฝาน ฉินเย่ว์โหรวและฉินเย่ว์ฉู่รีบเช็ดน้ำตาความเป็นจริงบทสนทนาของพวกเขา น้ำตาของพวกเขา เฉินฝานได้ยินและเห็นแล้วเขาล้างหน้าแปรงฟันเป็นคนสุดท้าย
“อะไรนะ!?”“ตอนนี้องค์หญิงเสี่ยวฉู่พาฝ่าบาทไปที่ประตูอู่แล้วขอรับ เจ้าสิ่งนั้น ปะ ปะ...”“ปืนไรเฟิล”“ใช่ ๆ ปืนไรเฟิล ปากกระบอกปืนไรเฟิลจ่อพระเศียรของฝ่าบาทอยู่เลยขอรับ!”“หา นี่เป็นเพราะอะไรกัน?”บรรดาพี่สาวน้องสาวตระกูลฉินได้ยินข่าวขึ้นมา“กราบทูลบรรดาองค์หญิง ข้อเรียกร้องขององค์หญิงเสี่ยวฉู่คืออยากให้ท่านอัครเสนาบดีกับฝ่าบาทอภิเษกสมรสกันเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“เหลวไหล!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไปราวกับพายุเวลานี้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่เพิ่งแสดงท่าทีรีบร้อนทำหน้าร้อนใจกลับมีสีหน้าแจ่มใส ถึงขนาดที่นั่งลงปรึกษาหารือกันฉินเย่ว์โหรว “พี่หญิงรอง ท่านมีฝีมือดี ท่านรีบไปขวางอยู่ที่หอด้านบนประตูอู่ อย่าให้นายท่านลงมา” ฉินเย่ว์เจียว “ไม่มีปัญหา พอถึงเวลานั้นข้าจะเรียกน้องหวั่นเอ๋อร์ นายท่านหนีไม่รอดแน่”ฉินเย่ว์ฉิน “เช่นนั้นข้าจะให้พี่น้องในวังเซียวเหยาก่อนหน้านี้ไปเดินเล่นแถว ๆ ประตูอู่ให้หมดเลย จะต้องครึกครื้นเป็นแน่ รับรองว่าพี่น้องทหารองครักษ์พวกนั้นจะต้องมองสาวงามอย่างไม่หวาดไม่ไหว”สามพี่น้อง “ความปรารถนาของเสี่ยวฉู่ พวกเราในฐานะพี่สาวจะต้องช่วยอย่างเต็มที่!”เมื่อมองถนนละแวกป
“ข้าไม่ได้ขัดขืนจริง ๆ” เย่ลวี่เลี่ยก้มหน้าลง ชายสูงแปดฉื่อทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ เขาอยากขัดขืนอยู่แล้ว แต่ฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ให้โอกาสนั้นกับเขาเลยตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่บุกเข้ามาในกระโจมใหญ่ของเย่ลวี่เลี่ย ก็ยิงปืนกำจัดองครักษ์ของเย่ลวี่เลี่ยก่อนพูดแล้วก็น่าอับอาย เย่ลวี่เลี่ยที่เคยผ่านศึกมาอย่างโชกโชนตกใจกลัวรูเลือดตรงกลางหน้าผากขององครักษ์ เขาไม่เคยเห็นอาวุธที่รวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยได้ยินแค่เสียงดังปัง หน้าผากขององครักษ์ก็มีรูเลือดใหญ่ขนาดนี้แล้ว ความเร็วที่แม้แต่เทพเซียนก็ทำไม่ได้ ความแม่นยำที่แม้แต่เทพเซียนก็ยังทำไม่ได้ในตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่ยกปืนขึ้นแล้วลั่นไกอีกครั้ง เมื่อเย่ลวี่เลี่ยได้ยินเสียง เขาก็ตกใจจนสลบไปทันที หลับไปตื่นหนึ่งถึงค่อยพบว่าฉินเย่ว์ฉินยิงใส่หมวกเล็กของเขาเท่านั้นตกใจสาวน้อยจนสลบไป ไม่ว่าสือจิ่งซานผู้นี้จะถามอย่างไร เย่ลวี่เลี่ยก็ไม่บอกเขา .....ในคืนที่เย่ลวี่เลี่ยถูกจับ ข่าวก็ไปถึงเมืองหลวงแล้ว “เครื่องอัดเสียงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องเสียง...” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยอ่านคำเหล่านี้ก็ถามเฉินฝานด้วยความมึนงงว่า “จดหมายของเสี่ยวฉู่บอกว่า นางแค่อาศ
“นางไม่รู้หรือว่าพวกเราไม่อยากลงมือจริงจัง?” “พอไปถึงค่ายทหารของชาวหู ไม่ใช่แค่โดนฆ่าธรรมดาแบบนั้นหรอกนะ” ชาวหูไม่มีทางปล่อยสตรีชาวต้าชิ่งใด ๆ ที่ตกอยู่ในมือพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีชาวต้าชิ่งที่หน้าตางดงามฐานะสูงศักดิ์อย่างฉินเย่ว์ฉู่ พฤติกรรมของพวกเขาใช้คำว่าเดรัจฉานมาอธิบายยังไม่พอเลย สือจิ่งซานสะบัดแขนเสื้อ “พอได้แล้ว สตรีนางเดียวไม่มีค่าพอให้เราต้องใส่ใจหรอก นางอยากตายก็ปล่อยนางไปเถิด โจวจวี่ เจ้าส่งคนไปบอกเยลวี่เลี่ยว่าให้พวกเขาเหลือศพไว้ครบถ้วน ข้าจะซื้อศพไว้ใช้ประโยชน์” ไม่ต้องให้สือจิ่งซานรอนานเกินไป วันรุ่งขึ้นทหารลาดตระเวนก็มารายงาน “ว่าไงนะ? เยลวี่เลี่ยมาด้วยตนเอง?”“ท่านแม่ทัพใหญ่ หากพูดให้ตรงคือเยลวี่เลี่ยโดนฮูหยินเล็กของท่านอัครเสนาบดีจับกุมมาขอรับ”“เจ้าพูดอีกทีสิ?”ทหารลาดตระเวนพูดซ้ำถึงสามรอบเต็ม ๆ สือจิ่งซานก็ยังไม่เชื่อไม่ใช่แค่สือจิ่งซานที่ไม่เชื่อ ต่อให้เป็นผู้ถูกจับกุมอย่างเยลวี่เลี่ยก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาจะโดนสตรีนางเดียวจับกุมได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้นสตรีผู้นี้ยังอายุน้อย พาทหารหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาแค่ร้อยกว่าคนเมื่อฉินเย่ว์ฉู่พาเยลวี่เล
สือจิ่งซานยกมุมปากยิ้มคลุมเครือ “แปรพักตร์อันใดกัน ฝ่าบาทกับท่านอัครเสนาบดีเห็นอกเห็นใจกองทัพหมาป่าเรา จึงส่งสะใภ้คนเล็กมา เช่นนั้นกองทัพหมาป่าเราย่อมต้องต้อนรับสะใภ้ท่านนี้ให้ดี ๆ”“แม่ทัพใหญ่กล่าวถูกต้อง พวกเราต้อง ‘ต้อนรับ’ ให้ดี ๆ!” โจวจวี่พูดคล้อยตามทันที ไม่นานนักก็มีคำสั่งจากในกระโจมใหญ่ ให้ทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนยุคโบราณที่จารีตเคร่งครัดอย่างยิ่ง การเปลือยท่อนบนเช่นนี้เป็นพฤติกรรมดูหมิ่นไม่ให้ความกียรติสตรีอย่างรุนแรงยิ่งกว่านั้นฉินเย่ว์ฉู่เป็นภรรยาเอกของอัครเสนาบดีขั้นหนึ่ง องค์หญิงแห่งต้าชิ่ง พระขนิษฐาแท้ๆ ของฮ่องเต้หญิงหากฉินเย่ว์ฉู่เป็นเพียงสตรีทั่วไปในยุคนี้ เกรงว่ามีแต่จะตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมดทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนออกจากกระโจม รอดูท่าทางตกใจกลัวจนร้องไห้โฮยกใหญ่ของฉินเย่ว์ฉู่“ผู้ชายมากมายถึงเพียงนี้ข่มขู่เด็กสาวคนเดียวจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” มีบางคนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่คำพูดของเขาก็โดนคนอื่นสวนกลับทันที “เกินไปอันใดเล่า เฉินฝานเป็นคนส่งมา ให้เขาหยามพวกเราได้เท่านั้น แต่ไม่ยอมให้พวกเราตอบโต้คืนหรือ? เปลือย
เย่ว์หนูได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่ปกป้องเฉินฝานครั้งหนึ่ง ร่างกายของนางตอนนี้จึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เดิมทีเฉินฝานอยากให้หวงหวั่นเอ๋อร์ตามฉินเย่ว์ฉู่ไป มีหวงหวั่นเอ๋อร์อยู่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของฉินเย่ว์ฉู่ ผลปรากฏว่าฉินเย่ว์ฉู่ปฏิเสธแม้กระทั่งหวงหวั่นเอ๋อร์ด้วยฉินเย่ว์ฉู่พาทหารหญิงไปหนึ่งร้อยกว่าคน มุ่งตรงสู่ทางเหนือ บุกไปยังกองทัพหมาป่าอย่างกล้าหาญ “เจ้าปล่อยให้นางไปเช่นนี้หรือ?” คนที่ตำหนิเฉินฝาน ไม่ใช่แค่พี่น้องตระกูลฉินทั้งสามคนในจวนสกุลเฉิน แม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่อยู่ในวังหลวงก็รีบออกมาเช่นกันนางคิดว่าไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยที่สุดเฉินฝานต้องให้ฉินเย่ว์ฉู่นำกองพลมือปืนไป“เย่ว์ฉู่เป็นน้องเล็กของพวกเจ้า น้องเล็กของพวกเจ้ามีนิสับแบบไหน พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือไร?” คำพูดประโยคเดียวของเฉินฝานทำให้พวกนางสำลักแล้วแม้ว่าฉินเย่ว์ฉู่จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลฉิน ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต นางมีความคิดของตัวเองมากที่สุด ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้นางเปลี่ยนใจได้“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์โหรวที่เป็นคนกังวลใจมากที่สุด ขมวดคิ้วมุ่น ดูกลัดกล
การปรากฏตัวของนาง ทำให้ทุกคนรู้สึกปีติยินดีกันมากแต่ฉินเย่ว์เจียวกลับถลึงมองสตรีผู้นั้น “พอได้แล้ว เสี่ยวฉู่เจ้าเด็กตัวแสบ แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่อันใด ยังไม่รีบเข้ามาอีก?” ฉินเย่ว์ฉู่ขี่ม้าเข้ามา ขณะที่นางผ่านฉินเย่ว์เจียวยังไม่ลืมเถียงกลับว่า “พี่หญิงรอง ข้าอายุยี่สิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วนะ”ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้นสูง “ไม่ว่าเจ้าจะอายุเท่าไหร่ ถึงอย่างไรในสายตาข้า เจ้าก็เป็นเด็กตลอดกาล” ฉินเย่ว์ฉู่ควบม้าตรงมาหาเฉินฝาน แล้วฟ้องเขาว่า “นายท่านดูสิเจ้าคะ พี่หญิงรองรังแกข้าอีกแล้ว นางรังแกข้ามาตลอด ท่านไม่จัดการนางบ้างหรือ?”เฉินฝานมองฉินเย่ว์ฉู่ที่สดใสมั่นใจในตัวเองตรงหน้า ภาพที่เขาเห็นฉินเย่ว์ฉู่ครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อนฉายขึ้นมาในสมอง เกิดความรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปชาติหนึ่งเด็กสาวที่ขี้กลัวในวันวาน บัดนี้กลายเป็นโฉมสะคราญที่มีสง่าราศี เฉินฝานรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย“เหตุใดที่กลับมาตอนนี้ ไม่ต้องเข้าเรียนแล้วหรือ?” เฉินฝานถามตั้งแต่ฉินเย่ว์ฉู่อายุสิบห้า เฉินฝานก็ส่งนางไปเรียนที่โรงเรียนสตรีในเมืองเซียนตู“นายท่าน ข้าน้อยเรียนจบแล้วเจ้าค่ะ”“เรียนจบแล้ว?”“ข้าน้อยเ
วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อน ซึ่งทั้งเดือนจะมีเพียงวันเดียวเท่านั้น นี่เป็นวันที่หาได้ยาก ในฐานะที่ฉินเย่ว์โหรวเป็นภรรยาเอกที่ดูแลบ้านย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ นางได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าหลายวันแล้วว่าวันนี้พวกเขาจะไปเที่ยวเล่นกินอาหารที่ชานเมืองกันทั้งครอบครัวนี่เป็นสิ่งที่เฉินฝานเสนอขึ้นเมื่อหลายปีก่อน หลังจากครั้งนั้น ฉินเย่ว์โหรวก็หลงใหลอยู่สุดซึ้ง ขอเพียงเฉินฝานมีวันหยุด นางจะต้องออกไปให้ได้สถานที่เที่ยวเล่นกินอาหารกันในครั้งนี้มีทิวทัศน์งดงามราวกับภาพวาดเหมือนเช่นเคยเฉินฝานนั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิง กินผลไม้มองบุตรชายบุตรสาวเล่นกันอย่างสนุกสนานบนทุ่งหญ้า ส่วนบรรดาภรรยาก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารกลางวันกลิ่นอาหารที่เฉินฝานชอบลอยอยู่ในอากาศอาหารของพวกเขาทั้งหมดเป็นรูปแบบยุคปัจจุบัน เนื้อแกะย่างทั้งตัว สเต๊กซี่โครงย่าง หมูสามชั้นย่าง ปีกไก่ย่าง กระดูกอ่อนย่าง... ยังมีหม้อไฟทะเล และผลไม้แช่เย็นต่าง ๆ นานา“อืม~” เฉินฝานสูดจมูก แล้วแค่นเสียงเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจ เขาหลับตาพักผ่อน พักผ่อนสักพักก็เริ่มกินได้แล้ว“ฮี่!”เฉินฝานเพิ่งจะนอนหลับก็ตกใจตื่นกับเสียงร้องฮี่ของม้า “
หลังจากสือจิ่งซานควบคุมกองทัพหมาป่า เขาก็เปลี่ยนตัวแม่ทัพก่อนหน้านี้ทั้งหมด ตอนนี้ทหารเหล่านี้ล้วนเชื่อฟังสือจิ่งซานเท่านั้น“ใครบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทและท่านอัครเสนาบดีที่นี่?”สือจิ่งซานตวาดอย่างเย็นชา เขาเดินแหวกแม่ทัพเหล่านั้นพร้อมกับเอ่ยวาจา หลังจากนั้นก็หันกาย สายตากวาดมองไปบนร่างแม่ทัพเหล่านั้นห“ข้าน้อยไม่บังอาจวิจารณ์ เดิมทีสิ่งที่ข้าน้อยพูดก็เป็นความจริง หากไม่มีกองทัพหมาป่าของเรา ไม่มีท่านแม่ทัพใหญ่ ต้าชิ่งจะสงบสุขเหมือนทุกวันนี้ได้อย่างไร เวลานี้กลับให้เฉินฝานผู้นั้นยึดความดีความชอบทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว” “ถูกต้อง พวกเรารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับท่านแม่ทัพใหญ่เลย”แม้ว่าเสียงของพวกแม่ทัพจะเบาลงแล้ว แต่ความโกรธเกรี้ยวและความไม่พอใจในคำพูดกลับยิ่งรุนแรงขึ้น “เหลวไหล เดิมทีความสงบสุขของต้าชิ่งก็เป็นหน้าที่ของกองทัพหมาป่าเรา ในฐานะที่ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพหมาป่ายิ่งต้องทำเช่นเดียว ต่อไปหากมีใครกล้าบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทกับอัครเสนาบดีอีก ลงโทษโบยด้วยไม้พลองทหาร!”“ท่านแม่ทัพใหญ่...”“ทหาร!” สือจิ่งซานตัดบทคนผู้นั้น “นำตัวสวี่ต๋าออกไปโบยด้วยไม้พลองทหารห้าสิบที!” ไม่นานนัก
ตอนนี้น่าจะถือว่ารักษาสัญญาแล้วกระมังฉินเย่ว์เหมยรับประทานอาหารค่ำที่จวนสกุลเฉิน พี่น้องทั้งห้าคุยเล่นกันในห้องจนดึกดื่น หลี่เต๋อฉวนเร่งอยู่หลายครั้ง ฉินเย่ว์เหมยถึงค่อยอำลาบรรดาน้องสาวของตนด้วยความอาลัยอาวรณ์“พี่หญิงใหญ่ ท่านถอนรับสั่งได้หรือไม่?”เมื่อเห็นฉินเย่ว์เหมยกำลังจะจากไป ฉินเย่ว์ฉินก็รีบเอ่ยขึ้นมา“รับสั่งใดเล่า?” ฉินเย่ว์เหมยหันหน้ากลับมาถาม“ก็เรื่อง ก็เรื่อง...” เสียงของฉินเย่ว์ฉินแผ่วเบา หน้าแดงเล็กน้อย “เข้าหอในวันนี้”แม้ยามนี้ฉินเย่ว์ฉินไม่รังเกียจเฉินฝานแล้ว แต่นางยังไม่ได้เตรียมใจแต่งงานกับเฉินฝาน “เหตุใดต้องถอนคืนด้วย เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรจะมีทายาทให้สามีของเจ้าได้แล้ว เช้านี้ข้าตรวจดูปฏิทินโหรแล้ว วันนี้เป็นวันดี ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธอีก”นี่ก็คือการปราบปรามโดยสายเลือด ก่อนที่ฉินเย่ว์เหมยจะมา พวกฉินเย่ว์เจียวไม่อาจเอ่ยถึงเรื่องเข้าหอได้เลย เวลานี้เมื่อฉินเย่ว์เหมยเอ่ย ฉินเย่ว์ฉินไม่อาจโต้แย้งได้แม้แต่คำเดียว “ยังจะว่าข้าอีก ท่านก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าท่านเองก็หาเหตุผลต่าง ๆ เพื่อหนีนายท่านหรือไร” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยหันกายเดินจากไป ฉินเย่ว์ฉ