“ถ้วยชามและตะเกียบในเรือนมีไม่มาก ทั้งยังเก่าควรซื้อชุดใหม่หนึ่งชุดเจ้าค่ะ”“ได้!”“แล้วก็ถังข้าวสารด้วยเจ้าค่ะ ก็ต้อง...”“เหตุใดพี่สี่เป็นคนพูดตลอดเลย ทางข้าก็มีสิ่งที่ต้องซื้อเหมือนกัน” ฉินเย่ว์ฉู่เบ้ปากด้วยความไม่สบอารมณ์“ได้ๆ เย่ว์โหรวเจ้าหยุดก่อน ถึงคราวของเสียวฉู่พูดแล้ว”เฉินฝานส่ายหน้าด้วยความจนปัญญา เด็กจริงๆ“นายท่าน ข้าจะซื้อตู้เสื้อผ้าเจ้าค่ะ ตอนนี้ในเรือนมีแค่อันเดียว ทั้งยังเก่าและเล็ก ใส่เสื้อผ้าได้ไม่กี่ตัวเท่านั้น”ฉินเย่ว์โหรวและฉินเย่ว์ฉู่เป็นคนซักผ้า แต่ตากผ้า เก็บผ้าและพับผ้างานสบายเช่นนี้ เป็นหน้าที่ของฉินเย่ว์ฉู่“อื้ม เสียวฉู่พูดถูก ต้องซื้อตู้เสื้อผ้าจริงๆ แต่ว่า...” เฉินฝานมองสามพี่น้อง “อันหนึ่งไม่พอ น้อยสุดต้องซื้อห้าอัน”“ห้าอัน?” สีหน้าของสามพี่น้องฉายความตกใจ “เยอะเกินไปแล้วกระมังเจ้าคะ”“นายท่าน แม้คุณภาพชีวิตของพวกเราตอนนี้จะดีขึ้น มีเงินเยอะขึ้นด้วย แต่ก็ไม่อาจใช้จ่ายเช่นนี้”ฉินเย่ว์โหรวจอมรักเงินเริ่มบ่น“ไม่มาก ตู้เสื้อผ้าห้าอัน อันหนึ่งเก็บพวกผ้าห่ม อีกสี่อัน พวกเราคนละหนึ่งอัน”“คนละหนึ่งอันหรือเจ้าคะ? พวกเราจะเอาเสื้อผ้ามากมายจากไห
“เจ้าจะเปลี่ยนธนูคันใหม่หรือไม่?”ฉินเย่ว์เจียวหันกลับมาขวับและจ้องเฉินฝานอยู่นานกว่าจะพูด“ข้า……ไม่อยากเปลี่ยน!”เมื่อก่อน เฉินฝานเตือนนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นผู้หญิงใช้ธนูอะไรกันเขาไม่อนุญาตให้นางสัมผัสธนูมาระยะหนึ่งแล้ว นางกังวลว่าเฉินฝานเพียงต้องการทดสอบนาง“ไม่เปลี่ยนจริงหรือ? เช่นนั้นก็ช่าง…...”“จริงหรือเจ้าคะ?” ฉินเย่ว์เจียวเกือบจะตะครุบเฉินฝานเฉินฝานก้มศีรษะลงเล็กน้อยและเห็นใบหน้าที่สวยงามของฉินเย่ว์เจียว ดวงตาที่เหมือนหยดน้ำของนางเต็มไปด้วยความคาดหวัง โหนกแก้มสองข้างแดงก่ำ รอบตัวเต็มไปด้วยลมหายใจที่มีชีวิตชีวาเฉินฝานอดไม่ได้จึงแตะปลายจมูกของฉินเย่ว์เจียวแผ่วเบา “จริงสิ”เขาไม่ใช่คนโบราณ ความคิดของเขาก็ไม่ได้ล้าหลังขนาดนั้น ผู้หญิงไม่สามารถร่ำเรียนหรือรู้ศิลปะการต่อสู้ได้ล้วนแต่เป็นสิ่งเพ้อเจ้อเมื่อก่อนเขาไม่อนุญาตให้นางใช้ เพราะนางระวังเขามากเกินไป ที่สำคัญก็มีนิสัยหุนหันพลันแล่น เขากลัวว่านางจะก่อปัญหาจึงไม่ให้นางใช้ตอนนี้ไม่ต้องกังวลแล้วสมัยโบราณแตกต่างจากสมัยปัจจุบัน บางทีก็มีสัตว์ป่าปรากฏตัว ประกบอกับสถานการณ์ในปัจจุบันไม่ดีและการรักษาความปลอดภัยก็ยุ่งเหยิ
“เช่นนั้นข้าขอปิ่นปักยาวดอกไม้มุกหนึ่งอันก็พอแล้ว”ใบหน้าที่อ่อนโยนและเรียบนิ่งของฉินเย่ว์โหรว แสดงไว้ด้วยรอยยิ้มอันแสนหวานคำว่า “ดอกไม้มุก” สามคำ เผยให้เห็นถึงความชอบในความงามของนาง“แค่ปิ่นยาวดอกไม้มุกหนึ่งอันได้อย่างไร? ข้าบอกแล้วว่าห้าอย่างก็ต้องมีห้าอย่างสิ”“นายท่านพูดถูก” ฉินเย่ว์ฉู่เอียงหัว ดวงตาไข่มุกสีดำจ้องไปที่ฉินเย่ว์ฉู่“พี่สี่ พี่เกิดมาสวยขนาดนี้ มีแค่ปิ่นยาวอย่างเดียวไม่พอจริง ๆ พี่ควรมีปิ่นระย้า ปิ่นสับ[footnoteRef:1] ปลอกแขนและสายคาดเอวพวกนี้ด้วย” [1: ปิ่นสับ คือ ส่วนหัวของปิ่นทำเป็นแผ่นทรงเหลี่ยมหรือทรงกลม] “ไม่ได้ ๆ ของเหล่านี้มีแต่บุตรีคนโตกับคุณหนูตระกูลร่ำรวยเท่านั้นถึงจะใช้ได้ ถ้าข้าใส่มันคงจะดูโอ่อ่าเกินไป”“อะไรที่ไม่เหมาะสม เรายังไม่ซื้อตอนนี้ อันไหนที่เหมาะสม พวกเจ้าค่อยซื้อพรุ่งนี้ วันหลังเมื่อพวกเรากลายเป็นตระกูลใหญ่ สิ่งที่เย่ว์ฉู่กล่าวถึงเหล่านั้นข้าจะชดเชยให้ทั้งหมด”คำพูดประโยคหลังของเฉินฝาน ไม่เพียงแต่พูดกับภรรยาของเขาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงตัวเขาด้วย“ซื้อสร้อยหยกและพลอยที่สวมใส่ตรงคอแบบเรียบง่ายให้กับเสียวฉู่เถอะเจ้าค่ะ” ฉินเย่ว์โหรวกล่า
“อืม”เสียงงึมงำที่เกียจคร้านและละเอียดอ่อนดังมาจากอ้อมแขนของเฉินฝาน และมีสิ่งนุ่มนวลและอบอุ่นกำลังดิ้นเล็กน้อยอยู่ในอ้อมแขนของเขาทันทีที่เฉินฝานเคลื่อนไหว เสียงงึมงำดังขึ้นต่อเนื่องพร้อมกับขยับตัวเข้าไปในอ้อมแขนและทิ้งศีรษะลงบนแขนของเขาตามมาด้วยกลิ่นหอมสดชื่นแตะที่ปลายจมูกนี่คือ......“หนาว~” เป็นเสียงพึมพำที่แผ่วเบาและอ่อนโยนเป็นเสียงของฉินเย่ว์โหรวหืม?ทำไมนางถึงนอนในอ้อมแขนของเขา?เฉินฝานถอยตัวออกเล็กน้อยตามสัญชาตญาณ พยายามคิดว่าเกิดสิ่งใดขึ้นปรากฏว่า เมื่อเขาเพิ่งถอยตัว…...เท้าเล็ก ๆ ข้างหนึ่งก็พาดจากอีกข้างขึ้นมาอยู่บนท้องของเขาเฉินฝานหันกลับมาก็พบว่ามีหัวเล็กปุกปุยอยู่ตรงหน้าเด็กอายุสิบขวบจะมีท่านอนที่ดีได้อย่างไร ขาข้างหนึ่งพาดอยู่บนท้องของเฉินฝาน จากนั้นขาอีกข้างหนึ่งก็พาดขึ้นไปอีกทั้งตัวอยู่ในแนวนอนอย่างสมบูรณ์ ท่านอนนั้นเผด็จการยิ่งนัก“เสียวฉู่ อย่าขยับสิ!”ฉินเย่ว์เจียวที่อยู่ริมสุดตีฉินเย่ว์ฉู่หนึ่งทีแล้วหันหลังกลับไปนอนต่อ“นายท่าน!”ฉินเย่ว์เจียวที่เพิ่งหันกลับไปพลันลุกขึ้นนั่งเมื่อพบว่าน้องสาวนอนหลับในสภาพระเกะระกะบนตัวเฉินฝาน นางก็แสดงสีห
เมื่อพูดถึงเรื่องของชายและหญิง พี่น้องสองสามคนนี้ แต่ละคนขี้กลัวและขี้อายกว่าอีกคนหนึ่งช่างเถอะ ไม่หยอกล้อพวกนางแล้วเฉินฝานลงจากเตียงเตาก่อน เมื่อหันกลับมาก็พบว่าพี่น้องสองสามคนนั้นยังอยู่ในท่าเดิม“ท้องฟ้าสว่างหมดแล้ว จะไม่ไปซื้อของใช้ในเรือนกับเครื่องประดับใหม่ที่ตัวอำเภอแล้วหรือ? ยังนั่งอยู่ทำไม ยังไม่รีบมาช่วยข้ามัดผมอีก”ในสมัยโบราณผู้ชายทุกคนไว้ผมยาว แม้ว่าเดินทางผ่านกาลเวลามานานขนาดนี้ เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีในความเป็นจริง ไม่ใช่แค่เฉินฝานเท่านั้นที่มัดผมไม่เป็น ผู้ชายส่วนใหญ่ในราชวงศ์ต้าชิ่งก็มัดผมไม่เป็นผู้ชายในราชวงศ์ต้าชิ่ง ก่อนแต่งงานแม่เป็นผู้มัดผมให้ หลังจากแต่งงานแล้วภรรยาเป็นผู้มัดให้หากเฉินฝานตื่นเช้า เขาจะมัดมันด้วยเชือกแบบสบาย ๆ และรอกระทั่งพี่น้องตระกูลฉินตื่น จากนั้นถึงขอให้พวกนางช่วยมัดผมให้เขาอีกที“นายท่าน ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!”ฉินเย่ว์โหรวลุกออกจากเตียงเตาด้วยความตื่นตระหนก หากเฉินฝานจับนางไม่ทัน นางคงล้มฟาดพื้นแล้ว“ระวัง” เฉินฝานก้มศีรษะลงและเตือนไม่ต้องมองก็รู้ว่าใบหน้าเล็กของคนในอ้อมแขนคงแดงระเรื่ออีกครั้งเป็นแน่“ขอบคุณนายท่านเจ้าค่ะ”เสียง
“น้องสี่ ทำไมวันนี้ช้ากว่าเมื่อวานล่ะ? เพราะว่านายท่านไม่โกรธเจ้าเลยยิ่งทำตามอำเภอใจรึ หากทำเช่นนี้อีกก็ให้เสียวฉู่มัดผมให้นายท่านเถอะ”เสียงของฉินเย่ว์เจียวเรียกเฉินฝานกับฉินเย่ว์โหรวที่เหม่อลอยกลับมาพร้อมกัน……เนื่องจากเขาต้องไปซื้อของ เฉินฝานจึงให้เฉินผิงหยุดหนึ่งวัน และวันนี้เขาจะไปส่งปลาเองนอกเหนือไปส่งปลา เขายังมีเรื่องจะหารือกับหลี่ซานนั่นคือหากถนนถูกปกคลุมด้วยหิมะ เขาอาจไม่สามารถจัดหาปลาให้ได้ แต่จะขอให้หลี่ซานเขียนหลักประกันว่าหากถนนโล่งแล้วเขาจะเป็นผู้จัดหาปลาให้ดั่งเคยหลี่ซานเป็นคนเด็ดขาดเหมือนกันเขากล่าวว่าหากถนนถูกปิดด้วยหิมะที่ตกหนัก แล้วเฉินฝานไม่สามารถจัดหาปลาได้ เขาจะหยุดขายปลาชั่วคราวและจะกลับมาขายปลาอีกครั้งหลังจากที่เฉินฝานสามารถจัดหาปลาได้ตามปกติเมื่อเป็นการค้าขายก็หารือตามระเบียบการค้าขายหลี่ซานตอบตกลงอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่เพราะน้ำใจทั้งหมดส่วนโรงงานไข่ปลา เมื่อเทศกาลปีใหม่ใกล้มาถึง สินค้าทั้งหมดที่ควรส่งออกก็ส่งออกไปหมดแล้ว เฉินฝานเสนอกับหลี่ซานว่าเช่นนั้นก็หยุดพักผ่อนชั่วคราวและกลับมาทำงานต่อหลังผ่านพ้นเทศกาลปีใหม่ ให้เหล่าหญิงสาวได้กลับเรือนไปฉลอ
หิมะตกหนักจนปิดถนนและไม่สามารถออกไปซื้อวัตถุดิบสดใหม่ได้ปลาและเนื้อรมควันก็เป็นอาหารจานหนึ่ง“เสี่ยวฝาน”“พี่ฝาน”ระหว่างทางไปเรือนเฉินผิง มีคนมากมายทักทายเฉินฝานเมื่อก่อนใช้เวลาเพียงห้าหรือหกนาทีก็ถึงเรือนเฉินผิง แต่ตอนนี้ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบนาที เพราะเขาอยากตอบกลับกับผู้คนที่ทักทายเขายกเว้นคนที่ไม่ชอบเฉินฝานเอามาก ตอนนี้คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านปฏิบัติกับเฉินฝานสุภาพมากคนที่ไม่อยากเห็นเฉินฝาน แทนที่จะกล่าวว่าไม่อยากเห็น มิสู้กล่าวว่ารู้สึกอิจฉาคนที่พวกเขาเคยหัวเราะเยาะตลอดทั้งวัน ตอนนี้มีชีวิตดีกว่า ไม่เพียงดีกว่าเล็กน้อย แม้จะเขย่งเท้าแต่ก็ไม่สามารถไปถึงระดับของเฉินฝานได้ทุกวันนี้เฉินฝานนำหน้าครอบครัวที่ร่ำรวยอย่างเฉินเจียงในหมู่บ้านไปแล้ว และเกือบจะอยู่ในระดับเดียวกับหัวหน้าหมู่บ้านเมื่อเฉินฝานมาถึง เฉินผิงเพิ่งกลับมาจากหมู่บ้านใกล้เคียง เขาไปหาหม่าเซียนเพื่อหาฤกษ์“เสี่ยวฝาน”เมื่อเฉินฝานกล่าวคำอำลากับเฉินผิงเตรียมจะกลับเรือน เฉินผิงเรียกตัวไว้หลังจากเฉินฝานหันกลับมา เขาก็ทำท่าลังเลราวกับว่าอยากพูดแต่ไม่กล้าพูด“ท่านลุง มีอะไรก็จงพูดเถอะขอรับ”“เสี่ยวฝาน ในอดี
เมื่อใกล้ถึงเวลาเหม่า[footnoteRef:1] ข้างนอกเรือนของเฉินฝานเริ่มคึกคัก [1: เวลาเหม่า หมายถึงช่วงเวลาระหว่าง 05:00 น. - 07:00 น.] เฉียนลิ่ว จูจื้ออันและคนอื่น ๆ แบกหมูตัวหนึ่งที่ถูกเชือดมาถึงหน้าประตูหน้าเรือนของเฉินฝานและรอเวลาเข้าไปเฉินฝานซื้อหมูก่อนที่ถนนจะถูกปิดหลายวันที่ผ่านมาฝากเลี้ยงไว้ที่เรือนของเฉินผิง“ถึงเวลาเหม่าแล้ว!” เฉินซิ่นลุงคนที่สามของตระกูลเฉินยืนประกาศเวลาอยู่ข้างประตูเสียงของเฉียนลิ่วดังขึ้นตามหลังลุงสามอย่างต่อเนื่อง เขาตะโกนลั่นใส่ประตูที่ปิดอยู่ตรงหน้า “เข้าเรือน!”“นายท่าน!” ฉินเย่ว์ฉู่กระโดดขึ้นลงอยู่ด้านข้างเฉินฝาน “รีบจุดประทัดเร็วเข้า ๆ!”“ได้เลย”เมื่อได้รับการปลุกเร้า เฉินฝานมีความสุขมากเช่นกัน ธูปหนึ่งดอกที่ถืออยู่ในมือยื่นเข้าหาประทัดแถวยาวที่แขวนอยู่ตรงประตู“เข้าเรือนกัน เข้าเรือนกัน!”ท่ามกลางเสียงปลุกเร้าเป็นพัก ๆ และเสียงประทัดที่ดังเปรี้ยงปร้าง เฉียนลิ่วและคนอื่นๆ ก็แบกหมูเดินเข้าเรือนของเฉินฝานงานขึ้นเรือนใหม่เริ่มต้นขึ้น ณ เวลานี้คนที่เดินเข้ามาในเรือนของเฉินฝานและเดินตามหลังเฉียนลิ่วกับคนอื่น ๆ คือกลุ่มภรรยาของสมาชิกของตระกูล
เสิ่นหมิงหยวนในวันนี้เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ มั่นใจว่าตนต้องเป็นฝ่ายชนะเพราะถอยหลังก้าวหนึ่ง แม้เฉินฝานจะออกนอกโรงเตี๊ยมได้ แต่เขาจะไปหาหลักฐานที่ใด สิ่งที่เกี่ยวข้องกับคนวางยาพิษ นอกจากไป่ชงซาน คนอื่นๆ ล้วนอยู่ระหว่างทางเตรียมเกิดใหม่แล้วเสิ่นหมิงหยวนก้าวไปข้างหน้าก้าวใหญ่ พูดเสียงดัง “เฉินฝานและองค์หญิงแคว้นหลู่ร่วมมือกับวางยาพิษให้กับชาวต้าชิ่ง ฝ่าบาทโปรดรับสั่งจับเขาด้วยพ่ะย่ะค่ะ พร้อมทั้งประหารชีวิตเขา เอาหัวเสียบประจารบนกำแพงเมืองลู่ตู เพื่อสยบความขุ่นเคืองของราษฎรพ่ะย่ะค่ะ!”พูดถึงท้ายประโยค เสิ่นหมิงหยวนคุกเข่าลง “ฝ่าบาทโปรดรับสั่งด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”ลง “ฝ่าบาทโปรดรับสั่งด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”ขุนนางด้านหลังเสิ่นหมิงหยวนต่างคุกเข่า เพียงชั่วพริบตาภาพตรงหน้าฉินเย่ว์เหมยคือผู้คนมากมายชาวบ้านด้านหน้าเห็นฉินเย่ว์เหมยไม่ออกคำสั่ง ยิ่งโมโหมากกว่าเดิม กองทัพลาดตระเวนของเหอจื่อหลินถอยหลังแล้วถอยหลังอีก“ฝ่าบาท ทางด้านแม่ทัพเหอไม่อาจต้านทานแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”หงอิงก็ร้อนใจยิ่งนัก หากฉินเย่ว์เหมยยังไม่มีคำสั่งให้เหอจื่อหลินใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด เช่นนั้นชาวบ้านก็จะฝ่าวงล้อมเข้ามาแล้วทุกคนล้ว
“เสิ่นไต้มั่นท้องหรือ? เป็นไปไม่ได้กระมัง”เฉินฝานส่ายหน้าทันที เขาไม่อยากให้เสิ่นไต้มั้นตั้งครรภ์ ดังนั้นโดยทั่วไปเขาจะให้ฉินเย่ว์เหมยเปิดป้ายของเสิ่นไต้มั่น ในช่วงระยะปลอดภัยเท่านั้น แม้จะเป็นช่วงปลอดภัย ตอนเขาร่วมหฤหรรษ์กับเสิ่นไต้มั่นก็ล้วนปล่อยน้ำรักด้านนอกแม้วิธีการนี้ไม่อาจเลี่ยงการตั้งครรภ์ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ลดโอกาสการตั้งครรภ์ได้มาก มากไปกว่านั้นทุกครั้งที่เขาร่วมรักกับนาง เขาล้วนให้ฉินเย่ว์เหมยลอบให้เขาใส่ยาคุมเข้าไปในอาหารของเสิ่นไต้มั่นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เสิ่นไต้มั่นยังตั้งครรภ์ได้เช่นนั้นก็หมายความว่าเสิ่นไต้มั่นรู้ว่าในอาหารมียาคุม แล้วตั้งครรภ์ภายใต้สถานการณ์ที่โอกาสในการตั้งครรภ์ต่ำมิเช่นนั้นก็หมายความว่าเสิ่นไต้มั่นแอบมีชายอื่นในวังหลวงแม้เสิ่นไต้มั่นจะเป็นบุตรีของเสิ่นหมิงหยวน แต่เขามีช่วงเวลาหฤหรรษ์กับนางหลายครั้ง ถือว่าเป็นสามีภรรยากัน อีกทั้งนางยังมอบช่วงเวลาดีๆ ให้เขาหลายครั้ง ด้วยเหตุนี้ เฉินฝานจึงไม่เคยคิดอยากจะเอาชีวิตของเสิ่นไต้มั่นหากนางลักลอบมีคนอื่น...แววตาของเฉินฝานลุ่มลึกม่านตาหดเล็ก แววตาของเขาเอ่อล้นด้วยไอสังหารเช่นนั้นอย่าหาว่าเ
ฉินเย่ว์เจียวยังอยากจะพูดบางอย่าง แต่ถูกเฉินฝานลากตัวไปที่ใต้กำแพงด้านหน้ามีก้อนหินนับไม่ถ้วนถูกโยนมาแม้เหอจื่อหลินจะคอยตักเตือนตลอดเวลา ทว่าชาวบ้านโมโหจนขาดสติแล้ว ภายในใจของพวกเขาเปี่ยมไปด้วยความโมโหและความแค้นภายใต้การชักจูงของเสิ่นหมิงหยวน บวกกับชื่อเสียงด้านลบของโอวหยางน่าหลันในแคว้นต้าชิ่ง ชาวบ้านเชื่อเสิ่นหมิงหยวนไปแล้ว คิดว่าเฉินฝานที่แต่งงานกับโอวหยางน่าหลันและเข้ารับตำแหน่งอัครเสนาบดีของแคว้นหลู่ ต้องร่วมมือกับโอวหยางน่าหลันวางยาพิษในแหล่งน้ำอย่างแน่นอน“วันนี้ต้องสังหารคนขายชาติให้ได้”“ฆ่าเฉินฝาน ฆ่าเฉินฝาน!”เสียงร้องตะโกนของชาวบ้านที่กำลังโมโหราวกับฟ้าผ่า ดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า แม้กระทั่งฉินเย่ว์เหมยยังต้องถอยหลังสถานการ์อยู่เหนือการควบคุมแล้ว หากเหอจื่อหลินยังไม่ออกคำสั่งขั้นเด็ดขาด ชาวบ้านที่กำลังโมโหต้องบุกเข้าโรงเตี๊ยมอย่างแน่นอน อีกทั้งความขุ่นเคืองของชาวบ้านก็ได้ย้ายจากเฉินฝานไปที่ฉินเย่ว์เหมยแทนแล้วเฉินฝานทำถึงขั้นนี้แล้ว แต่ฝ่าบาทยังไม่มีรับสั่งประหารชีวิตเขา เช่นนั้นฝ่าบาทก็มีปัญหาเช่นเดียวกัน“ท่านแม่ทัพ มีคำสั่งเร็วเข้า!”รองแม่ทัพที่อยู่ข้างเ
“กล้าแตะต้องนายท่านของข้า ข้าจะสังหารเจ้า!”ฉินเย่ว์เจียวคว้าเกาทัณฑ์ขึ้นยิง ไม่รอช้าแม้กระทั่งเสี้ยววินาทีหวงหวั่นเอ๋อร์ที่อยู่บนหลังคาคว้าธนูของฉินเย่ว์เจียวเอาไว้อย่างง่ายดาย“เจ้า...เป็นไปได้อย่างไร?” ฉินเย่ว์เจียวถอยหลังหนึ่งก้าวด้วยความตกตะลึง มองหวงหวั่นเอ๋อร์อย่างไม่อยากเชื่อสายตาฉินเย่ว์เจียวถือเป็นมือธนูอันดับหนึ่ง ลูกศรที่ถูกยิงไปจากนาง ทั้งเร็วและแม่นยำ แม้กระทั่งยอดฝีมือบู๊ลิ้มก็ทำได้เพียงหลบเท่านั้น คนที่สามารถรับลูกศรของฉินเย่ว์เจียวได้ หวงหวั่นเอ๋อร์เป็นคนแรกหวงหวั่นเอ๋อร์ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย แววตาของนางเคล้าไปด้วยความดูแคลน“เอาคืนไป!” ขณะพูด หวงหวั่นเอ๋อร์โยนทิ้งอย่างแรง“คืนก็คืนดีๆ นางเป็นภรรยาของข้า ไม่อาจทำร้ายพร่ำเพรื่อได้” เฉินฝานตอบเวลาเดียวกันกับที่เฉินฝานพูดจบ หวงหวั่นเอ๋อร์ก็โยนลูกธนูในมือทิ้งแล้วลูกธนูตกลงมาด้วยความเร็วสูง ปักลงบนพื้นใกล้กับเท้าของฉินเย่ว์เจียว หากลูกศรนี้ขึ้นหน้าอีกเพียงหนึ่งมิลลิเมตร ก็จะโดนเท้าของฉินเย่ว์เจียวแล้ว“ของเล่นเด็ก!” หวงหวั่นเอ๋อร์ปัดมือ มองฉินเย่ว์เจียวด้วยความทระนง“ของเล่นเด็กเช่นนั้นหรือ? ข้าจะดูสิว่าเจ้าจ
“ความร่ำรวยเกิดจากความเสี่ยง ก้าวใหญ่เพียงใดก็จะได้รับผลตอบแทนมากเท่านั้น อีกอย่าง...” น้ำเสียงและแววตาของเฉินฝานแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม ชาวแคว้นต้าชิ่ง ไม่อาจมีชีวิตเช่นนี้ต่อไปได้แล้ว”ความเป็นจริงเขาไม่ได้ก้าวใหญ่ แต่เสิ่นหมิงหยวนก้าวใหญ่เกินไปหากเสิ่นหมิงหยวนไม่ส่งคนไปวางยาพิษในแหล่งน้ำของแคว้นหลู่ที่ไหลเข้ามา ค่อยๆ สู้กับเขาต่อไป เสิ่นหมิงหยวนคงจะอยู่ได้นานกว่านี้ด้านนอกชุลมุนวุ่นวาย เฉินฝานเพิ่งออกจากห้อง ไป่เผยหรานที่รออยู่นานรีบเดินมาหาเฉินฝานพร้อมอธิบายสถานการณ์ด้านนอกให้ฟังเฉินฝานช่วยชีวิตคนป่วย ตอนบ่ายชาวบ้านล้วนซาบซึ้งในความดีของเขาจนน้ำตารินไหล ขอบคุณที่เขาช่วยชีวิตชาวต้าชิ่ง ทว่าตอนพลบค่ำ เสียงของชาวบ้านกลับแตกออกไปมีคนบอกว่า นี่เป็นการแสดงละครครั้งใหญ่ของเฉินฝาน เขาตั้งใจวางยาพิษลงในแหล่งน้ำ จากนั้นให้ยาถอนพิษกับคนป่วย เพื่อหลอกเอาใจจากชาวบ้านข่าวลือนี้ถูกพูดถึงมากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งเล่าลือก็ยิ่งไปไกล สุดท้ายกลายเป็นว่าน้ำจากแคว้นหลู่นี้ หากชายต้าชิ่งดื่มกินแล้วจะทำให้เป็นหมัน สาเหตุที่เฉินฝานช่วยชีวิตคนถูกยาพิษ เพราะต้องการให้ชาวบ้านคิดว่าเขาทำทุกอย่างเพื่อราษฎ
“ข้า ข้า...”พวงแก้มของฉินเย่ว์เจียว แดงเป็นผลตำลึงทันที อย่ามองว่าตอนทำงานนางเก่งกาจ ยามนิ่งสงบ นางเขินอายเสียยิ่งกว่าฉินเย่ว์หรูเสียอีกขณะพูด ฉินเย่ว์เจียวใช้มือปิดป้องเรือนร่างของตนเอง ทว่าป้องด้านบนไม่อาจป้องด้านล่าง เรือนร่างตรงหน้าสั่นกระเพื่อมยิ่งกว่าเดิมเฉินฝานกลืนน้ำลายอย่างไม่อาจหักห้ามใจ เดิมทีเขาเพียงอยากแกล้งฉินเย่ว์เจียวเท่านั้น ทว่าตอนนี้...“พวกเรานอนกันอีกสักครู่เถอะ” เฉินฝานคว้าเอวของฉินเย่ว์เจียวพร้อมดึงนางเข้ามาในผ้าห่ม“นายท่าน ท่านควรรับประทานอาหารก่อนเจ้าค่ะ”“อื้อ ข้าจะกินเจ้าก่อน”“...อื้อ...เจ้าค่ะ!”เวลานี้ ฉินเย่ว์เจียวมีความสุขยิ่งกว่าเฉินฝานภายในห้อง อบอวลไปด้วยบรรยากาศของความรัก กลิ่นอายความรักมากถึงขั้นเอ่อล้นออกมา...-ตอนเฉินฝานลุกจากเตียงอีกครั้ง เกือบเที่ยงคืนแล้ว“นายท่าน” ฉินเย่ว์เจียวขยี้ตา น้ำเสียงเกียจคร้านเล็กน้อย “ท่านหิวอีกแล้วหรือเจ้าคะ?”เมื่อครู่ระหว่างหฤหรรษ์ด้วยกันอยู่นั้นเขาพักกินอาหารแล้ว ฉินเย่ว์เจียวคิดว่าตอนนี้เฉินฝานหิวอีกแล้ว”“ไม่ใช่ พวกเราไม่อาจนอนแล้ว” เฉินฝานพลิกตัวลงจากเตียง ไม่รอสาวใช้ด้านนอกเข้ามาสวมเสื้อผ้าใ
เฉินฝานจำได้ว่าตอนเขาเข้ามาในห้องเป็นเวลาเที่ยงวัน ทว่าตอนฉินเย่ว์เจียวลงมาจากตัวเขา ฟ้ามืดสนิทแล้ว“เฮ้อ~” ฉินเย่ว์เจียวถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ผ่อนคลายจริงๆ”เฉินฝานคิดอยากจะพูดบางอย่าง เสียงหายใจแผ่วเบาดังขึ้นข้างหูเป็นไปไม่ได้กระมัง นางผล็อยหลับไปแล้วหรือ?“เย่ว์เจียว?” เฉินฝานร้องเรียกเสียงเบา แต่คำตอบที่ได้กลับเป็นเสียงลมหายใจของฉินเย่ว์เจียว“ใครก็ได้มานี่หน่อย!” เฉินฝานหันไปที่ประตูแล้วร้องตะโกนอย่างรวดเร็ว มีคนเปิดประตูเข้ามาคือสาวใช้ที่หลี่เต๋อฉวนสั่งให้มาดูแลเฉินฝาน“จุดไฟ!”“เจ้าค่ะ ใต้เท้า”ไม่นาน สาวใช้ก็จุดไฟในห้องจนสว่างไสว“ใต้เท้า จะรับประทานอาหารไหมเจ้าคะ?” สาวใช้ถามเสียงเบาเฉินฝานครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วค่อยตอบ “อีกครึ่งชั่วยามค่อยมาส่ง”ความจริงแล้วตอนนี้เฉินฝานหิวจนท้องร้องจ๊อกจ๊อก แต่เขารู้จักฉินเย่ว์เจียวเป็นอย่างดี ใช้เวลาด้วยกันมานานค่อนวัน อีกทั้งนางยังเป็นคนอยู่ด้านบน เวลานี้หากไม่ให้นางนอนสักงีบ นางคงตื่นไม่ไหวจริงๆ“อื้อ~”อาจจะเป็นเพราะแสงเทียนแสบตา ฉินเย่ว์เจียวที่นอนหลับสนิทจึงร้องโอดครวญเล็กน้อย นางพลิกตัวซุกเข้าไปในอ้อมกอดของเฉินฝานแล้วหลับ
“ช้าก่อน!”ขณะหลี่เต๋อฉวนเดินไปถึงประตู เฉินฝานก็เอ่ยปากร้องเรียกเขาไว้“ใต้เท้า มีอะไรให้รับใช้ขอรับ?” หลี่เต๋อฉวนหยุดลงทันทีเฉินฝานชี้ไปยังสตรีสองคนด้านหน้า พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ “พาตัวพวกนางกลับไปด้วย”“ใต้เท้า?” หลี่เต๋อฉวนฉงนครู่หนึ่ง ทว่าก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว พลันสายตามองไปทางสตรีทั้งสองสตรีนามเสี่ยวเจินและเสี่ยวฮวารีบขยับเข้าใกล้เฉินฝาน“ท่านอัครเสนาบดี ให้พวกข้าปรนนิบัติท่านเถอะเจ้าค่ะ”“ใต้เท้า ทักษะการขัดตัวของพวกข้ายอดเยี่ยมมากนะเจ้าคะ”ขณะพูด เสี่ยวเจินและเสี่ยวฮวาที่ยืนขนาบซ้ายขวาของเฉินฝาน เริ่มบิดเอวเป็นงู ปทุมอวบอิ่มทั้งสองเริ่มเลื้อยขึ้นลงบนตัวเฉินฝาน“... ‘ทักษะ’ ขัดตัวของพวกเจ้าจัดเป็นอันดับหนึ่งจริงๆ เพียงแต่วันนี้ผิวพรรณของข้าแพ้ง่าย ไม่อาจ ‘ขัดตัว’ ได้”ขณะพูด เฉินฝานก็ผลักเสี่ยวเจินและเสี่ยวฮวาออกไป“ใต้เท้า ท่าน...”“สถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไร ทางศูนย์บรรเทาทุกข์ยังคงวุ่นวาย ความปลอดภัยของฝ่าบาทยังไม่ได้รับการรับประกัน ความใคร่เปรียบดั่งดาบบนศีรษะ แม้กระทั่งเด็กหนุ่มวัยสิบต้นๆ ยังรู้หลักการนี้ ทว่าท่านหัวหน้าหลี่กลับไม่รู้เช่นนั้นหรือ? หื้ม
ตอนที่จวนจะเดินออกมาจากโรงเตี๊ยมแล้ว เฉินฝานพบว่าตัวของเขามีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวเขาหันหน้ากลับไปมองห้องบรรทมของฉินเย่ว์เหมย ยกยิ้มขึ้นทันที กลิ่นตัวเขาแรงปานนั้น ฉินเย่ว์เหมยยังมิรังเกียจให้เขานอนบนเตียงยังจะพูดว่ามิมีทางชอบเขาอีก ช่างเป็นสาวน้อยที่ปากแข็งยิ่งนัก!“หลี่เต๋อฉวน!”เฉินฝานตะโกนไปทางห้องของฉินเย่ว์เหมย“เสิ่นหมิงหยวนยังมีที่พักอาศัย แต่ข้าที่เป็นอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายกลับมิมีงั้นรึ?”เฉินฝานพูดยังมิทันจบดี หลี่เต๋อฉวนก็วิ่งออกมาจากห้องฉินเย่ว์เหมย หลี่เต๋อฉวนทั้งอ้วนและเตี้ย เมื่อออกวิ่งก็เหมือนก้อนเนื้อกลมๆก้อนหนึ่ง ท่าทางน่าขันยิ่งนัก“โถ่ ๆ ใต้เท้า ท่านจะประหารข้าน้อยงั้นรึ ท่านจะมิมีที่พักได้อย่างไร ห้องของท่านข้าน้อยได้ตระเตรียมไว้ให้นานแล้วขอรับ”หลี่เต๋อฉวนวิ่งไปพลางส่งสายตาให้ขันทีน้อยข้างกายไปพลาง ขันทีที่รับทราบสัญญาณรีบวิ่งออกไปทันที“โถ่ ๆ ใต้เท้า ท่านร่างกายกำยำบึกบึน ร่างกายไร้ประโยชน์ของข้ามิมีทางเทียบได้ ใต้เท้า ท่านโปรดรอข้าน้อยประเดี๋ยวหนึ่งเถิด” หลี่เต๋อฉวนวิ่งตามหลังเฉินฝาน พูดอย่างกระหืดกระหอบ“หัวหน้าหลี่ ร่างเจ้าเนื้อของเจ้า ขาวๆนุ่มนิ่ม มองแ