Share

บทที่ 167

Author: เฉินเจียเสี่ยวเกอ
“เฮ้อ!” เฉินต้ายาถอนหายใจแล้วส่ายหน้า

“เมื่อก่อนข้ามักได้ยินท่านแม่บอกว่า ตั้งครรภ์ครั้งหนึ่งโง่เขลาสามปี ก่อนหน้านี้ข้าไม่เชื่อ ตอนนี้ข้าได้ยินสิ่งที่น้าสะใภ้พูด ข้าเชื่อแล้วจริงๆ น้าสะใภ้ อาการของท่านต้องรีบหาหมอรับยามาทาน มิเช่นนั้นวันข้างหน้าจะยิ่งอยู่ยิ่งโง่เขลาเจ้าค่ะ”

“พี่สะใภ้เหลียนฮวา!” นางหลี่พูดกระซิบข้างหูจางเหลียนฮวา “คล้ายนางบอกว่าท่านโง่เขลา ทั้งยังป่วยต้องรีบรักษา”

นางหลี่คิดว่าตนพูดเบา แต่ความเป็นจริงชาวบ้านได้ยินอย่างชัดเจน

“ฮ่าๆ!”

มีคนกลั้นหัวเราะไม่อยู่

จางเหลียนฮวาอับอายจนโมโห “เฉินต้ายา เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”

ในตอนนั้นทำให้เฉินเจียงหย่ากับจ้าวเสี่ยวหง เฉินต้ายาจะตกใจง่ายๆ เพราะจางเหลียนฮวาได้อย่างไร นางทั้งน้อยเนื้อต่ำใจทั้งเป็นผู้บริสุทธิ์

“อาสะใภ้ ท่านโมโหทำไมเจ้าคะ หลานเป็นห่วงท่านจากใจจริง รีบหาหมอ รีบรักษา อย่าปล่อยทิ้งไว้เจ้าค่ะ”

ในตอนนั้นจางเหลียนฮวาก็เป็นคนที่เอาชนะจ้าวเสี่ยวหงได้ เพียงไม่นานก็ใจเย็นลง ยิ้มบางๆ มองเฉินต้ายาแล้วเอ่ยถาม

“เช่นนั้นเจ้าพูดมาสิ อาสะใภ้คนนี้ของเจ้าโง่เขลาอย่างไร?”

เฉินต้ายาเองก็ยิ้มเช่นเดียวกัน ก่อนหน้านี้นางปูทางไว้
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 168

    กระเบื้องและคานไม้ที่สั่งเมื่อหลายวันก่อนส่งมาถึงหมู่บ้านทั้งหมดแล้ว หลังจากมอบหมายเรื่องส่งปลาในทุกวันให้เฉินผิงและเฉียนลิ่วรับผิดชอบ เฉินฝานก็ง่วนอยู่กับการซ่อมบำรุงบ้านนอกจากบ้านของเขาแล้ว ยังมีบ้านของฉินเต๋อโห่ว ฉินเต๋อโห่วกลับเข้าไปอยู่บ้านหลังเดิมแล้วโชคดีที่มีแค่คนชราสองคน ปลูกบ้านสองหลังก็พออยู่อาศัยแล้ว มิเช่นนั้น ไม่พอทั้งเงินและเวลาเฉินฝานไปกลับระหว่างหมู่บ้านซานเหอและหมู่บ้านตระกูลฉินประมาณสิบกว่าวัน ในที่สุดก็ซ่อมบ้านเสร็จ ก่อนที่พายุหิมะใหญ่ปิดถนนจะเกิดขึ้นช่วงระยะเวลาที่ซ่อมบ้าน เฉินฝานและครอบครัวพักที่บ้านของเฉินผิง ในที่สุดวันนี้ก็ย้ายกลับไปแล้วหลังจากล้างหน้าแปรงฟันเสร็จเฉินเย่ว์ฉู่ขึ้นไปนอนบนแตกเป็นคนแรก นางกลิ้งตัวไปมาบนเตียงหลังใหม่ด้วยความดีใจช่วงเวลานี้ ท่ามกลางความรักของเฉินฝาน ฉินเย่ว์เจียวและฉินเย่ว์โหรวรวมถึงการมีเอ้อร์ยามาอยู่เคียงข้าง ทำให้ฉินเย่ว์ฉู่สดใสขึ้นมาก ในที่สุดนางก็ไม่มีอะไรแตกต่างจากเด็กสาววัยสิบขวบฉินเย่ว์โหรวขึ้นเตียงเป็นคนที่สอง นางนอนอยู่บนเตียง อ้าแขนทั้งสองข้างขึ้นพร้อมเงยหน้ามองเพดาน พูดด้วยความผ่อนคลาย “ในที่สุดก็กลับมาแล้

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 169

    แม้พี่สาวทั้งสองไม่ได้พูดอะไร แต่จากการพูดคุยกับเอ้อร์ยาตลอดระเวลาที่ผ่านมานี้ ทำให้นางรู้ว่าพี่สาวทั้งสองคนที่นางเคยโกรธพวกนางที่ไม่มาช่วยตน แท้จริงแล้วก็ไม่มีชีวิตที่สุขสบายเท้าของพี่สี่ถูกทุบตีจนหัก ทั้งยังเกือบถูกขายให้หอนางโลมอี๋ชุนย่วนแม้พี่สามจะมีฝีมือด้านการต่อสู้ แต่ก็ไม่กล้าตอบโต้ ทำได้เพียงถูกทุบตีไปพร้อมกับพี่สี่ นางมักจะปกป้องพี่สี่ตอนโดนทุบตี ทำให้บาดแผลบนตัวนางมีมากกว่าพี่สี่แค่ว่านางแข็งแกร่งเท่านั้น จึงไม่พิการ“พวกพี่ๆ เมื่อก่อนข้าไม่ควรโกรธเคืองพวกท่าน เมื่อก่อนพวกท่านก็ไม่ได้มีชีวิตที่ดี”เมื่อฉินเย่ว์ฉู่พูด ฉินเย่ว์โหรวก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป น้ำตารินไหล ร้องไห้สะอึกสะอื้นเมื่อนางร้องไห้ ฉินเย่ว์ฉู่ก็ร้องไห้ตามขอบตาของฉินเย่ว์เจียวแดงก่ำ แต่นางดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว“วันนี้พวกเราเท่ากับอยู่บ้านหลังใหม่ วันมงคลเช่นนี้ พวกเจ้ากลับร้องไห้เสียใจ ประเดี๋ยวนายท่านเห็นเข้า ต้องไม่พอใจแน่ๆ”ฉินเย่ว์เจียวอ้างชื่อเฉินฝาน ฉินเย่ว์โหรวและฉินเย่ว์ฉู่รีบเช็ดน้ำตาความเป็นจริงบทสนทนาของพวกเขา น้ำตาของพวกเขา เฉินฝานได้ยินและเห็นแล้วเขาล้างหน้าแปรงฟันเป็นคนสุดท้าย

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 170

    “ถ้วยชามและตะเกียบในเรือนมีไม่มาก ทั้งยังเก่าควรซื้อชุดใหม่หนึ่งชุดเจ้าค่ะ”“ได้!”“แล้วก็ถังข้าวสารด้วยเจ้าค่ะ ก็ต้อง...”“เหตุใดพี่สี่เป็นคนพูดตลอดเลย ทางข้าก็มีสิ่งที่ต้องซื้อเหมือนกัน” ฉินเย่ว์ฉู่เบ้ปากด้วยความไม่สบอารมณ์“ได้ๆ เย่ว์โหรวเจ้าหยุดก่อน ถึงคราวของเสียวฉู่พูดแล้ว”เฉินฝานส่ายหน้าด้วยความจนปัญญา เด็กจริงๆ“นายท่าน ข้าจะซื้อตู้เสื้อผ้าเจ้าค่ะ ตอนนี้ในเรือนมีแค่อันเดียว ทั้งยังเก่าและเล็ก ใส่เสื้อผ้าได้ไม่กี่ตัวเท่านั้น”ฉินเย่ว์โหรวและฉินเย่ว์ฉู่เป็นคนซักผ้า แต่ตากผ้า เก็บผ้าและพับผ้างานสบายเช่นนี้ เป็นหน้าที่ของฉินเย่ว์ฉู่“อื้ม เสียวฉู่พูดถูก ต้องซื้อตู้เสื้อผ้าจริงๆ แต่ว่า...” เฉินฝานมองสามพี่น้อง “อันหนึ่งไม่พอ น้อยสุดต้องซื้อห้าอัน”“ห้าอัน?” สีหน้าของสามพี่น้องฉายความตกใจ “เยอะเกินไปแล้วกระมังเจ้าคะ”“นายท่าน แม้คุณภาพชีวิตของพวกเราตอนนี้จะดีขึ้น มีเงินเยอะขึ้นด้วย แต่ก็ไม่อาจใช้จ่ายเช่นนี้”ฉินเย่ว์โหรวจอมรักเงินเริ่มบ่น“ไม่มาก ตู้เสื้อผ้าห้าอัน อันหนึ่งเก็บพวกผ้าห่ม อีกสี่อัน พวกเราคนละหนึ่งอัน”“คนละหนึ่งอันหรือเจ้าคะ? พวกเราจะเอาเสื้อผ้ามากมายจากไห

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 171

    “เจ้าจะเปลี่ยนธนูคันใหม่หรือไม่?”ฉินเย่ว์เจียวหันกลับมาขวับและจ้องเฉินฝานอยู่นานกว่าจะพูด“ข้า……ไม่อยากเปลี่ยน!”เมื่อก่อน เฉินฝานเตือนนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นผู้หญิงใช้ธนูอะไรกันเขาไม่อนุญาตให้นางสัมผัสธนูมาระยะหนึ่งแล้ว นางกังวลว่าเฉินฝานเพียงต้องการทดสอบนาง“ไม่เปลี่ยนจริงหรือ? เช่นนั้นก็ช่าง…...”“จริงหรือเจ้าคะ?” ฉินเย่ว์เจียวเกือบจะตะครุบเฉินฝานเฉินฝานก้มศีรษะลงเล็กน้อยและเห็นใบหน้าที่สวยงามของฉินเย่ว์เจียว ดวงตาที่เหมือนหยดน้ำของนางเต็มไปด้วยความคาดหวัง โหนกแก้มสองข้างแดงก่ำ รอบตัวเต็มไปด้วยลมหายใจที่มีชีวิตชีวาเฉินฝานอดไม่ได้จึงแตะปลายจมูกของฉินเย่ว์เจียวแผ่วเบา “จริงสิ”เขาไม่ใช่คนโบราณ ความคิดของเขาก็ไม่ได้ล้าหลังขนาดนั้น ผู้หญิงไม่สามารถร่ำเรียนหรือรู้ศิลปะการต่อสู้ได้ล้วนแต่เป็นสิ่งเพ้อเจ้อเมื่อก่อนเขาไม่อนุญาตให้นางใช้ เพราะนางระวังเขามากเกินไป ที่สำคัญก็มีนิสัยหุนหันพลันแล่น เขากลัวว่านางจะก่อปัญหาจึงไม่ให้นางใช้ตอนนี้ไม่ต้องกังวลแล้วสมัยโบราณแตกต่างจากสมัยปัจจุบัน บางทีก็มีสัตว์ป่าปรากฏตัว ประกบอกับสถานการณ์ในปัจจุบันไม่ดีและการรักษาความปลอดภัยก็ยุ่งเหยิ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 172

    “เช่นนั้นข้าขอปิ่นปักยาวดอกไม้มุกหนึ่งอันก็พอแล้ว”ใบหน้าที่อ่อนโยนและเรียบนิ่งของฉินเย่ว์โหรว แสดงไว้ด้วยรอยยิ้มอันแสนหวานคำว่า “ดอกไม้มุก” สามคำ เผยให้เห็นถึงความชอบในความงามของนาง“แค่ปิ่นยาวดอกไม้มุกหนึ่งอันได้อย่างไร? ข้าบอกแล้วว่าห้าอย่างก็ต้องมีห้าอย่างสิ”“นายท่านพูดถูก” ฉินเย่ว์ฉู่เอียงหัว ดวงตาไข่มุกสีดำจ้องไปที่ฉินเย่ว์ฉู่“พี่สี่ พี่เกิดมาสวยขนาดนี้ มีแค่ปิ่นยาวอย่างเดียวไม่พอจริง ๆ พี่ควรมีปิ่นระย้า ปิ่นสับ[footnoteRef:1] ปลอกแขนและสายคาดเอวพวกนี้ด้วย” [1: ปิ่นสับ คือ ส่วนหัวของปิ่นทำเป็นแผ่นทรงเหลี่ยมหรือทรงกลม] “ไม่ได้ ๆ ของเหล่านี้มีแต่บุตรีคนโตกับคุณหนูตระกูลร่ำรวยเท่านั้นถึงจะใช้ได้ ถ้าข้าใส่มันคงจะดูโอ่อ่าเกินไป”“อะไรที่ไม่เหมาะสม เรายังไม่ซื้อตอนนี้ อันไหนที่เหมาะสม พวกเจ้าค่อยซื้อพรุ่งนี้ วันหลังเมื่อพวกเรากลายเป็นตระกูลใหญ่ สิ่งที่เย่ว์ฉู่กล่าวถึงเหล่านั้นข้าจะชดเชยให้ทั้งหมด”คำพูดประโยคหลังของเฉินฝาน ไม่เพียงแต่พูดกับภรรยาของเขาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงตัวเขาด้วย“ซื้อสร้อยหยกและพลอยที่สวมใส่ตรงคอแบบเรียบง่ายให้กับเสียวฉู่เถอะเจ้าค่ะ” ฉินเย่ว์โหรวกล่า

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 173

    “อืม”เสียงงึมงำที่เกียจคร้านและละเอียดอ่อนดังมาจากอ้อมแขนของเฉินฝาน และมีสิ่งนุ่มนวลและอบอุ่นกำลังดิ้นเล็กน้อยอยู่ในอ้อมแขนของเขาทันทีที่เฉินฝานเคลื่อนไหว เสียงงึมงำดังขึ้นต่อเนื่องพร้อมกับขยับตัวเข้าไปในอ้อมแขนและทิ้งศีรษะลงบนแขนของเขาตามมาด้วยกลิ่นหอมสดชื่นแตะที่ปลายจมูกนี่คือ......“หนาว~” เป็นเสียงพึมพำที่แผ่วเบาและอ่อนโยนเป็นเสียงของฉินเย่ว์โหรวหืม?ทำไมนางถึงนอนในอ้อมแขนของเขา?เฉินฝานถอยตัวออกเล็กน้อยตามสัญชาตญาณ พยายามคิดว่าเกิดสิ่งใดขึ้นปรากฏว่า เมื่อเขาเพิ่งถอยตัว…...เท้าเล็ก ๆ ข้างหนึ่งก็พาดจากอีกข้างขึ้นมาอยู่บนท้องของเขาเฉินฝานหันกลับมาก็พบว่ามีหัวเล็กปุกปุยอยู่ตรงหน้าเด็กอายุสิบขวบจะมีท่านอนที่ดีได้อย่างไร ขาข้างหนึ่งพาดอยู่บนท้องของเฉินฝาน จากนั้นขาอีกข้างหนึ่งก็พาดขึ้นไปอีกทั้งตัวอยู่ในแนวนอนอย่างสมบูรณ์ ท่านอนนั้นเผด็จการยิ่งนัก“เสียวฉู่ อย่าขยับสิ!”ฉินเย่ว์เจียวที่อยู่ริมสุดตีฉินเย่ว์ฉู่หนึ่งทีแล้วหันหลังกลับไปนอนต่อ“นายท่าน!”ฉินเย่ว์เจียวที่เพิ่งหันกลับไปพลันลุกขึ้นนั่งเมื่อพบว่าน้องสาวนอนหลับในสภาพระเกะระกะบนตัวเฉินฝาน นางก็แสดงสีห

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 174

    เมื่อพูดถึงเรื่องของชายและหญิง พี่น้องสองสามคนนี้ แต่ละคนขี้กลัวและขี้อายกว่าอีกคนหนึ่งช่างเถอะ ไม่หยอกล้อพวกนางแล้วเฉินฝานลงจากเตียงเตาก่อน เมื่อหันกลับมาก็พบว่าพี่น้องสองสามคนนั้นยังอยู่ในท่าเดิม“ท้องฟ้าสว่างหมดแล้ว จะไม่ไปซื้อของใช้ในเรือนกับเครื่องประดับใหม่ที่ตัวอำเภอแล้วหรือ? ยังนั่งอยู่ทำไม ยังไม่รีบมาช่วยข้ามัดผมอีก”ในสมัยโบราณผู้ชายทุกคนไว้ผมยาว แม้ว่าเดินทางผ่านกาลเวลามานานขนาดนี้ เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีในความเป็นจริง ไม่ใช่แค่เฉินฝานเท่านั้นที่มัดผมไม่เป็น ผู้ชายส่วนใหญ่ในราชวงศ์ต้าชิ่งก็มัดผมไม่เป็นผู้ชายในราชวงศ์ต้าชิ่ง ก่อนแต่งงานแม่เป็นผู้มัดผมให้ หลังจากแต่งงานแล้วภรรยาเป็นผู้มัดให้หากเฉินฝานตื่นเช้า เขาจะมัดมันด้วยเชือกแบบสบาย ๆ และรอกระทั่งพี่น้องตระกูลฉินตื่น จากนั้นถึงขอให้พวกนางช่วยมัดผมให้เขาอีกที“นายท่าน ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!”ฉินเย่ว์โหรวลุกออกจากเตียงเตาด้วยความตื่นตระหนก หากเฉินฝานจับนางไม่ทัน นางคงล้มฟาดพื้นแล้ว“ระวัง” เฉินฝานก้มศีรษะลงและเตือนไม่ต้องมองก็รู้ว่าใบหน้าเล็กของคนในอ้อมแขนคงแดงระเรื่ออีกครั้งเป็นแน่“ขอบคุณนายท่านเจ้าค่ะ”เสียง

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 175

    “น้องสี่ ทำไมวันนี้ช้ากว่าเมื่อวานล่ะ? เพราะว่านายท่านไม่โกรธเจ้าเลยยิ่งทำตามอำเภอใจรึ หากทำเช่นนี้อีกก็ให้เสียวฉู่มัดผมให้นายท่านเถอะ”เสียงของฉินเย่ว์เจียวเรียกเฉินฝานกับฉินเย่ว์โหรวที่เหม่อลอยกลับมาพร้อมกัน……เนื่องจากเขาต้องไปซื้อของ เฉินฝานจึงให้เฉินผิงหยุดหนึ่งวัน และวันนี้เขาจะไปส่งปลาเองนอกเหนือไปส่งปลา เขายังมีเรื่องจะหารือกับหลี่ซานนั่นคือหากถนนถูกปกคลุมด้วยหิมะ เขาอาจไม่สามารถจัดหาปลาให้ได้ แต่จะขอให้หลี่ซานเขียนหลักประกันว่าหากถนนโล่งแล้วเขาจะเป็นผู้จัดหาปลาให้ดั่งเคยหลี่ซานเป็นคนเด็ดขาดเหมือนกันเขากล่าวว่าหากถนนถูกปิดด้วยหิมะที่ตกหนัก แล้วเฉินฝานไม่สามารถจัดหาปลาได้ เขาจะหยุดขายปลาชั่วคราวและจะกลับมาขายปลาอีกครั้งหลังจากที่เฉินฝานสามารถจัดหาปลาได้ตามปกติเมื่อเป็นการค้าขายก็หารือตามระเบียบการค้าขายหลี่ซานตอบตกลงอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่เพราะน้ำใจทั้งหมดส่วนโรงงานไข่ปลา เมื่อเทศกาลปีใหม่ใกล้มาถึง สินค้าทั้งหมดที่ควรส่งออกก็ส่งออกไปหมดแล้ว เฉินฝานเสนอกับหลี่ซานว่าเช่นนั้นก็หยุดพักผ่อนชั่วคราวและกลับมาทำงานต่อหลังผ่านพ้นเทศกาลปีใหม่ ให้เหล่าหญิงสาวได้กลับเรือนไปฉลอ

Latest chapter

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1022

    ลักพาตัวอ๋องแคว้นจ้าวต่อหน้าต่อตาองครักษ์หนึ่งหมื่นกว่าคน และยังสามารถทำให้เขายอมถอยทัพแต่โดยดี จะต้องมิใช่การประเมินศัตรูต่ำไปเพียงอย่างเดียวแน่นอนใต้เท้าด้านนอกผู้นั้นจะต้องมีวรยุทธ์และสติปัญญาเหนือมนุษย์เป็นแน่ได้ยินว่า เขามีสิ่งของที่เป็นเหล็กปลายแหลมสามารถโจมตีได้ น่าหวาดกลัวอย่างมาก สามารถต่อกรกับศัตรูจำนวนมหาศาลได้ด้วยตัวคนเดียวดังนั้น เฉินฝานต้องมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมจึงมาเยือนต่อให้มิมีความมั่นใจว่าจะชนะได้ ทว่าพวกเขาก็ต้องมั่นใจว่าตนเองจะสามารถถอยกลับได้อย่างปลอดภัยแน่นอนหากล่าถอยไปแล้วกลับมาอีกครั้ง คงจะมิได้มีเพียงสองคน แต่เป็นกองกำลังจำนวนมหาศาลพื้นที่ธารน้ำอันคับแคบจะสามารถต่อต้านกองกำลังมหาศาลได้อย่างไร?“เสี่ยวฝาน เจ้าดูสิ!”อ๋องตวนตะโกนด้วยความตื่นตกใจทันที เขาชี้ไปร่างเงาตรงโพรงหญ้า “โจรป่าเหล่านั้นออกมาแล้ว และยังมาจำนวนมหาศาลอีกด้วย ตอนนี้น่าจะประมาณหนึ่งพันคน”“ฮี่ ๆ ๆ!”อ๋องตวนฉีกยิ้ม มองเฉินฝานด้วยความนับถือ“เสี่ยวฝาน เจ้าคาดการณ์ได้ดั่งเทพ เจ้าบอกว่าขอแค่พวกเราสองคนมา โจรป่าจะต้องออกมาแน่นอน”“มิใช่ว่าข้าคาดการณ์ได้ดั่งเทพ นี่คือจิตวิทยา” เฉิน

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1021

    ผู้ที่เสนอตัวขอออกรบก่อนคือ หัวหน้าสามกั้วเจียงหลงชื่อที่โหดเหี้ยมปานนี้ มิใช่เพราะเขาเก่งกาจแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะตอนยังเด็กเขาซุกซนจนถูกแม่ไล่ตี ตอนที่หน้าสิ่วหน้าขวาน จึงกระโดดลงแม่น้ำว่ายไปฝั่งตรงข้ามเพื่อหนีแม่ของตนเองจึงเป็นที่มาของชื่อกั้วเจียงหลง“ออกไปรบงั้นรึ? กำจัดพวกเขาให้สิ้นซากรึ?” หัวหน้าใหญ่เหอหรันถีบกั้วเจียงหลงด้วยความโมโหทันที “เจ้าเก่งกว่ากองกำลังรักษาพระองค์แคว้นจ้าวรึ?”“หัวหน้าใหญ่ ข้าคิดว่าเจ้าระแวงเกินไป หัวหน้าสามพูดถูก ควรจะออกไปสู้!”เสียงเคร่งขรึมดูมีอายุดังขึ้น ชายชราผมหงอกทั้งหัวเดินเข้ามาจากด้านนอก“ท่านอาจารย์!”เมื่อเห็นชายชราผู้นั้น เหอหรันรีบทำมือเคารพอย่างลนลาน คนอื่นก็พากันทำตามเมื่อชายชราเห็นด้วย กั้วเจียงหลงจึงเงยหน้าทันที “หัวหน้าใหญ่ ท่านอาจารย์ยังคิดว่าท่านระแวงเกินไป พวกเรามิได้เป็นแบบกองกำลังรักษาพระองค์แคว้นจ้าวเสียหน่อย”กั้วเจียงหลงพูดจบ ชายชรารีบพูดต่อทันที “หัวหน้าใหญ่ หัวหน้าสามพูดถูกแล้ว พวกเรามิใช่กองกำลังรักษาพระองค์แคว้นจ้าว สาเหตุที่พวกเขาพ่ายแพ้เพราะประเมินศัตรูต่ำและอวดดีเกินไป ตอนนี้ผู้ที่อวดดีและประเมินศัตรูต่ำ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1020

    “ท่านอัครเสนาบดีกับท่านอ๋องออกจากเมืองไปแล้ว พวกเขาไม่ได้กลับเมืองหลวง แต่ว่ามุ่งหน้าไปยังพื้นที่ต้าเฮยแล้วขอรับ!”พื้นที่ต้าเฮยก็คือรังของพวกโจร“เช่นนั้นพวกเราก็รีบตามไป ท่านอัครเสนาบดีกับท่านอ๋องให้หลี่ฉวินไปด้วยหรือไม่”หลี่ฉวินเป็นนายกองพิทักษ์เมืองเฟิ่งหวง เป็นแม่ทัพของกองทัพพิทักษ์เมืองเฟิ่งหวงเมืองเฟิ่งหวงเป็นเพียงเมืองป้อมปราการภายใต้เมืองเหอตู ไม่ควรมีนายกอง แต่เนื่องจากเมืองเฟิ่งหวงอยู่ติดชายแดน ดังนั้นจึงมีกองทัพพิทักษ์เมือง มีนายกองเช่นกันเพียงแต่ว่าต้าชิ่งขาดแคลนชายฉกรรจ์ เมืองป้อมปราการติดชายแดนที่ยากจนข้นแค้นอย่างเมืองเฟิ่งหวงยิ่งมีชายฉกรรจ์น้อยลงไปอีก กอปรกับก่อนหน้านี้ต่อสู้ต้านทานกองทหารของแคว้นจ้าว ตอนนี้กำลังพลในมือหลี่ฉวินจึงมีไม่ถึงสามร้อยนายเหอจื้อเฟยวิ่งกลับไปที่ห้องหยิบรองเท้าของตนขึ้นมา สวมพลางเดินออกไป “พวกเราก็รีบตามไปด้วย!” “ใต้เท้า!” เวลานี้เองหลี่ฉวินก็มาถึงแล้วเช่นกัน“หลี่ฉวิน?” เหอจื้อเฟยมองหลี่ฉวินด้วยความประหลาดใจ “เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? ตอนนี้เจ้าควรไปที่พื้นที่ต้าเฮยกับท่านอัครเสนาบดีมิใช่หรือ?”“ใต้เท้า ท่านอัครเสนาบดีกับท่านอ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1019

    สิ่งปลูกสร้างที่ดีที่สุดในเมืองกลับเป็นราชนิเวศน์ที่ฮ่องเต้จ้าวพำนักก่อนหน้านี้ ราชนิเวศน์นั้นยังเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นมาหลังจากที่แคว้นจ้าวยึดครองเมืองเฟิ่งหวงอีกด้วยก่อนหน้านี้เฉินฝานรู้สึกว่าการได้เป็นอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายนั้นเก่งกาจมากแล้ว มีอำนาจล้นฟ้า แม้แต่เสิ่นหมิงหยวนก็ไม่อาจแตะต้องเขาได้ตามใจชอบตอนนี้เขาถึงค่อยรู้สึกว่ายิ่งมีอำนาจบนตัวมาก ภาระบนบ่าก็ยิ่งหนักมากต้าชิ่งยังคงยากจนข้นแค้นมากเมื่อเห็นเฉินฝานอารมณ์หดหู่มากถึงเพียงนั้น อ๋องตวนก็ไม่กล้าลากเขาไปดื่มเหล้าทายตัวเลขแล้ว เขาอยู่ทางด้านข้าง แม้แต่เสียงดื่มเหล้าก็ยังเบามาก“เฮ้อ นี่มันปัญหาใหญ่จริง ๆ!”อ๋องตวนที่ดื่มจนเมากรึ่มแล้ววางไหเหล้าลงข้าง ๆ พิงกำแพงเมืองอย่างเอียงเอน“เสี่ยวฝาน เจ้าคิดว่าโจรพวกนี้ยังควรจะปราบหรือไม่?”“โจรย่อมต้องถูกปราบอยู่แล้ว!” เฉินฝานเอ่ยอย่างหนักแน่น“แล้วบุตรชายของเหอจื้อเฟยจะจัดการอย่างไร? เขาถูกเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้เป็นหัวหน้าโจรที่ดื้อรั้นเสียแล้ว”“เหอจื้อเฟยฆ่าบุตรชายกับมือไปแล้วหนึ่งคน หากสังหารอีกคน ดูเหมือนว่า...”อ๋องตวนยกไหเหล้าจากทางด้านข้างขึ้นมากรอกอีกคำแล้วค่อ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1018

    ใบหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าเหอเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและความสิ้นหวัง“ความเมตตาของสวรรค์ก็ไม่อาจทนต่อความโหดร้ายในโลกนี้ได้ ตอนที่ลูกชายของข้าออกไปปราบโจรครั้งที่ห้า โจรพวกนั้นฉวยโอกาสบุกเข้ามาในเมือง และเอาหลานชายฝาแฝดที่เพิ่งเกิดมาได้ไม่นานของข้า...”เมื่อพูดถึงตรงนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าเหอก็สะอื้นไม่หยุด ริมฝีปากอ้าอยู่หลายครั้งแต่ก็พูดไม่ออก“หลานชายฝาแฝดของเจ้าถูกโจรพวกนั้นฆ่าไปแล้วหรือ?”อ๋องตวนถามขึ้น ความจริงไม่ต้องให้ฮูหยินผู้เฒ่าตอบ อ๋องตวนก็นึกคำตอบได้แล้ว เขากำหมัดแน่นจนข้อนิ้วส่งเสียงดังกร๊อบ“เจ้าวางใจเถิด ข้าจะต้องสังหารหัวหน้าโจรเหล่านั้นให้หมดอย่างแน่นอน!”“ท่านอ๋อง!”ฮูหยินผู้เฒ่าเหอคุกเข่าลงอีกครั้ง “ทหารแคว้นจ้าวถูกขับไล่ไปแล้ว ขอร้องท่านกลับไปยังเมืองหลวงเสียเถิด”“หญิงชราผู้นี้เป็นอะไรไป?” อ๋องตวนโกรธจัดจนเต้นเร่า ๆ แล้ว“พวกเจ้าบอกว่าโจรส่วนมากล้วนเป็นลูกชายของชาวบ้านเหล่านี้ ข้าจะไม่ฆ่าโจรทั่วไป จะฆ่าแค่หัวหน้าของพวกมันก็ไม่ได้หรือ?”“ท่านอ๋อง!” เฉินฝานดึงอ๋องตวนไว้"ผู้อาวุโส" เฉินฝานก้มตัวประคองนางเหอให้ลุกขึ้นมา“โจรให้หลานชายฝาแฝดของพวกท่านเป็นหัวหน้าแล้วใช่

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1017

    “พวกสตรีชั่วช้าอยากจะฆ่าอัครเสนาบดีก็เหมือนก่อกบฏอย่างไม่ต้องสงสัย เจ้ายังจะขอร้องแทนพวกนางอีกหรือ?”อ๋องตวนเตะเหอจื้อเฟยด้วยความเดือดดาลเหอจื้อเฟยคลานขึ้นมาคุกเข่าต่อหน้าเฉินฝานต่อเพื่อขอร้องแทนสตรีเหล่านั้น “พวกนางก็ไม่มีทางเลือกเช่นกัน ลูกชายของพวกนางล้วนอยู่ในกำมือของโจรพวกนั้น หลายคนถูกจับตัวไปตั้งแต่ที่ยังเด็กมาก ๆ พวกเขากลายเป็นโจรก็เพราะถูกบีบบังคับ”“เพราะว่าหากพวกเขาไม่ยอมเข้าร่วมฝึกฝนกลายเป็นโจร หัวหน้าโจรเหล่านั้นก็จะสังหารมารดาของพวกเขาแทน”เหอจื้อเฟยเอ่ยคำพูดสองประโยคนี้ก็มีเสียงร้องไห้ดังขึ้นทั่วบริเวณแม้ว่าเฉินฝานจะคาดเดาคำตอบได้แล้ว แต่เมื่อได้ยินเองกับหูถึงสิ่งที่เหอจื้อเฟยพูดออกมา เขาก็ยังรู้สึกสะเทือนใจมาก แม่กลัวลูกต้องตาย จึงห้ามไม่ให้ทางการส่งทหารออกไปปราบโจรลูกกลัวแม่ต้องตาย จึงฝึกฝนสุดชีวิตเพื่อเป็นโจรที่มีคุณสมบัติเหมาะสมต้องยอมรับว่าหัวหน้าโจรพวกนั้นเฉลียวฉลาดมาก“นั่นเป็นเพราะเจ้าบกพร่องต่อหน้าที่!” อ๋องตวนเตะเหอจื้อเฟยอีกครั้ง “หากเจ้าส่งคนไปกำจัดโจรพวกนี้ตั้งแต่แรก จะมีผลที่ตามมาเยอะถึงเพียงนี้หรือ?”ทันทีที่อ๋องตวนพูดจบก็มีสตรีผู้หนึ่งออก

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1016

    “เมื่อครู่ข้าได้ยินชัดเจนว่าเจ้าแค่สั่งให้เหอจื้อเฟยไปปราบโจรเท่านั้น เหตุใดถึงไปทำร้ายลูกของพวกเขา...”อ๋องตวนพลันหยุดชะงัก“โจร?!” อ๋องตวนร้องอุทานขึ้นมา “หรือว่าโจรพวกนั้นก็คือลูกชายของพวกนาง?”“ข้าคิดว่ามีความเป็นไปได้แปดเก้าส่วน” เฉินฝานพยักหน้าเช่นกัน“พวกเขาไม่ใช่โจรร้าย ขุนนางใหญ่สูงส่งอย่างพวกท่านจะไปเข้าใจอะไร?” บทสนทนาระหว่างอ๋องตวนกับเฉินฝานทำให้สตรีเหล่านั้นอารมณ์ร้อนมาก แต่ละคนเหมือนกับไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วก็ไม่ปาน ผลักดันเบียดเสียดกันห้อมล้อมนักการในศาลาว่าการข้างกายเฉินฝานกับอ๋องตวนไว้ เมื่อเห็นว่าผลักไม่ได้แล้ว ก็ใช้มีดหั่นผักในมือฟันใส่ทันที“เพล้ง!”อ๋องตวนโยนไหเหล้าในมือลงกับพื้น“พวกสตรีชั่วช้า พอพยัคฆ์ไม่แสดงบารมี พวกเจ้าก็เห็นว่าเป็นแมวป่วยใช่หรือไม่?” พวกนางคิดว่าข้าเป็นแมวป่วยหรืออย่างไร? ถ้าเสือไม่คำราม พวกเจ้าไม่เห็นรัศมีหรืออย่างไร?”อ๋องตวนก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เตะสตรีหลายคนจนกระเด็นไปทันทีอย่างไรก็ตามแม้สตรีหลายคนจะถูกถีบกระเด็น แต่ก็ไม่เกิดผลให้หวาดกลัวใด ๆ เลย สตรีเหล่านั้นกลับฮึกเหิมมากยิ่งขึ้น ปากตะโกนว่าจะให้พวกเฉินฝานตายไปพร้อมกั

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1015

    หญิงชราวัยประมาณหกสิบปีผู้หนึ่งขวางหน้าเหอจื้อเฟยไว้“ท่านแม่ ลูกต้องไปทำงาน ท่านอย่าขัดขวางลูกเลย” เหอจื้อเฟยเอ่ยด้วยความเจ็บปวดใจคนที่ยืนขวางเหอจื้อเฟยไม่ให้เหอจื้อเฟยไปทำร้ายโจร ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นมารดาของเขาเองนางเหอเหลือบมองดาบในมือของเหอจื้อเฟยแล้วเอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า “งานของเจ้าอยู่ในที่ว่าการไม่ใช่หรือ? เจ้าเป็นขุนนาง ไม่อยู่ในที่ว่าการ ถือดาบวิ่งออกมา นี่จะไปทำสิ่งใด? เจ้าเป็นเพชฌฆาตหรือไร? เจ้าเป็นคนฆ่าสัตว์หรือไร?”“ท่านแม่ ลูกมีงานราชการเร่งด่วนจริง ๆ ใครก็ได้!”เหอจื้อเฟยพูดพลางหันหน้าไปสั่งนักการในศาลาว่าการที่อยู่ข้างหลังเสียงดัง “พาฮูหยินผู้เฒ่ากลับจวน!” “ใครกล้าแตะต้องข้า!”นางเหอหยิบกรรไกรออกมาทันที แล้วชี้ไปยังนักการในศาลาว่าการที่เดินมาหานางหลังจากที่นักการในศาลาว่าการหยุดเดินไม่กล้าเดินข้างหน้า นางเหอก็ใช้กรรไกรจ่อคอตัวเองทันที“เหอจื้อเฟย เจ้าอย่าคิดว่าแม่แก่แล้วหูตาฟ้าฟาง ไม่รู้ว่าเจ้าจะไปที่ใด หากเจ้าไปสังหารโจรก็สังหารแม่ก่อน หลังจากนั้นค่อยข้ามศพของแม่ไป”“ท่านแม่ นี่ท่านทำอะไร?” ใบหน้าของเหอจื้อเฟยเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและอับจนปัญญาอ๋องตวนถ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1014

    โจรเข้ามาในเมืองกันหมดแล้ว แต่เหอจื้อเฟยกลับทำเป็นไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นเมื่อครู่สตรีวัยกลางคนยังบอกว่าเหอจื้อเฟยเป็นขุนนางที่ดี หรือว่าจะไม่กล้าพูดความจริงเฉินฝานบอกลาครอบครัวของสตรีวัยกลางคน แล้วรีบรุดไปยังที่ว่าการเมืองเฟิ่งหวงด้านนอกศาลาว่าการ เฉินฝานยังจงใจมองรอบหนึ่ง มีชายหลายคนเดินป้วนเปี้ยนอยู่ด้านนอกศาลาว่าการจริง ๆ ดวงตาชำเลืองมองศาลาว่าการของเมืองเฟิ่งหวงเป็นครั้งคราวสายตาของชายเหล่านั้นดูอำมหิตดุดัน มองแวบเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาพวกเขาน่าจะเป็นโจรที่สตรีวัยกลางคนพูดถึงโจรป่าคอยนั่งเฝ้าอยู่หน้าประตูที่ว่าการช่างอุกอาจนัก!เฉินฝานสาวเท้ายาว ๆ เข้าไปในที่ว่าการ“ท่านอัครเสนาบดีฝ่ายซ้าย!”เมื่อเห็นเฉินฝาน เหอจื้อเฟยก็วิ่งเข้ามาหาทันทีเฉินฝานเองก็ก้าวเท้ายาว ๆ เดินเข้าไปหาเช่นกัน เมื่ออยู่ห่างจากเหอจื้อเฟยไม่ถึงห้าเมตร...“เคร้ง!”เฉินฝานชักดาบคู่กายของนักการในศาลาว่าการคนหนึ่งออกมาอย่างฉับไว“ตะ ใต้...”ขณะที่นักการในศาลาว่าการพูดติดอ่าง เฉินฟานก็ถือดาบชี้ไปที่เหอจื้อเฟยแล้วเหอจื้อเฟยมองเฉินฟานอย่างตกตะลึง สุดท้ายก็คุกเข่าลงอย่างเงียบงัน

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status