“ขอบคุณเขยฝาน”คำขอบคุณมากมายหลั่งไหลเข้ามาเฉินฝานรีบโบกมือ “เกรงใจแล้ว เมื่อครู่พวกท่านช่วยข้า นี่คือสิ่งที่ข้าพึงกระทำ!”“พวกข้าเพียงช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ ก็แค่พูดเท่านั้น ต้องขอบคุณความใจกว้างของเจ้า”“เช่นนั้น...ในเมื่อพวกท่านเรียกข้าว่าลูกเขยแล้ว พวกท่านควรขอบคุณบรรดาภรรยาของข้า รวมถึงท่านปู่ท่านย่าที่เลี้ยงดูพวกนางจนเติบใหญ่!”“เขยฝานพูดถูก”ชาวบ้านหันไปขอบคุณพวกฉินเต๋อโห่ว“ข้าและพวกเย่ว์เจียวคงไม่อาจกลับมาทุกวันได้ หลังจากนี้คงต้องรบกวนทุกคนช่วยดูแลคนแก่ทั้งสองด้วย”“แน่นอน แน่นอน”“ไอ้แก่!” นางไป๋น้ำตาคลอเบ้านานแล้ว “ได้หลานเขยอย่างเสี่ยวฝาน เป็นวาสนาของพวกเราจริงๆ”การกระทำนี้ของเฉินฝาน มองผิวเผินคล้ายทำเพียงสิ่งเดียว แต่ความจริงทำสองสิ่ง ทั้งยังเป็นสองสิ่งที่ทำให้พวกเขาใช้ชีวิตอย่างสงบสุขประการแรก ท่ามกลางสายตามากมายของชาวบ้าน อนาคตพวกฉินฉายจินและฉินหายหัวไม่กล้ารังแกพวกเขาพร่ำเพรื่อแน่นอนประการที่สอง เดิมทีไม่มีใครเป็นห่วงและดูแลพวกเขา แต่นับจากนี้ พวกเขาจะได้รับการดูแลจากคนทั้งหมู่บ้าน“ใช่! วาสนาของพวกเราน่าจะเริ่มตั้งแต่รับซูอิงมา นางเป็นมารดาของหลานสาว”
ภาพตอนกลับถึงหมู่บ้านซานเหอกับตอนอยู่หมู่บ้านตระกูลฉินแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงตอนอยู่หมู่บ้านตระกูลฉิน พี่น้องตระกูลฉินได้รับคำชื่นชมจากคนทั้งหมู่บ้าน ตรงกันข้ามกับตอนอยู่หมู่บ้านซานเหอตอนผ่านต้นไหวใหญ่หน้าหมู่บ้าน เริ่มได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์เช่นไร้ยางอาย ใช้เงินของครอบครัวสามีจนหมด ส่งของกลับบ้านก็ไม่แบ่งให้ญาติผู้ใหญ่ของครอบครัวสามีทำให้บุรุษหลงเสน่ห์ ให้สามีมีภรรยาแล้วลืมแม่ของตนเป็นต้นแม้เสียงวิพากษ์วิจารณ์นั้นไม่ได้พูดชื่อ แต่ทุกคนฟังออกว่ากำลังพูดถึงสามพี่น้องตระกูลฉินเฉินฝานลากของเต็มคันรถไปถึงหมู่บ้านตระกูลฉิน เรื่องนี้แพร่สะพัดไปทั้งหมู่บ้านตั้งนานแล้ว มีคนอิจฉาแต่มีคนริษยามากกว่าโดยเฉพาะตอนเรื่องนี้ไปถึงตระกูลฉินและตระกูลเจียง เฉินฟู่และนางโจวรู้สึกแย่ยิ่งนักพวกเขาในฐานะปู่กับย่าของเฉินฝาน หลานชายหาเงินได้ก้อนใหญ่ พวกเขาควรเป็นคนแรกที่ได้เสพสุข แต่เวลานี้กลับเป็นพี่น้องตระกูลที่ได้รับมองรถม้าของเฉินฝานขับออกไป จางเหลียนฮวาที่อุ้มลูกอยู่นั้นพูดขึ้นช้าๆ“แม้เมื่อก่อนเสี่ยวฝานจะทำตัวแย่ไปหน่อย แต่เขาดีกับปู่และย่าของเขามาก ยามมีของอร่อยต้องให้ปู่กับย่าก่อน แ
“เอ่อ เอ่อ...ท่านปู่ของข้ามาเข้าฝัน”หากยอมรับว่าตนพูดจาเหลวไหล เช่นนั้นผู้เฒ่าหลี่ก็ไม่ถูกเรียกว่าจอมปากเสียแล้ว“ปู่ของท่านยังเข้าฝันข้า บอกให้ข้าสั่งสองท่าน!”เฉียนลิ่วยกไม้เท้าขึ้น เคาะศีรษะผู้เฒ่าหลี่ผู้เฒ่าหลี่เอามือป้องศีรษะพูดแก้ตัว“ข้าไม่ได้พูดเกินจริง ข้าพูดความจริงทุกอย่าง ท่านปู่มาเข้าฝันข้าจริงๆ”“ท่านปู่บ้าบออะไร โลกใบนี้มีเทพเซียนผีสางเสียที่ไหน หากมี เหตุใดข้าจึงไม่เคยพบเจอมาก่อน?”“เจ้าไม่เคยเห็น ไม่ได้แปลว่าคนอื่นไม่เคยเห็น”“อ่อ!” เฉียนลิ่วพยักหน้าถามผู้เฒ่าหลี่ “เช่นนั้นท่านเคยเห็นหรือ เล่าให้ข้าฟังสิ พวกเขาหน้าตาอย่างไร?”“ข้า...” ผู้เฒ่าหลี่กลอกตาไปมา “ข้าไม่เคยเห็น แต่ข้าไม่เคยเห็น ไม่ได้แปลว่าคนอื่นไม่เคยเห็น”“อื้ม! ท่านไม่เคยเห็น ข้าไม่เคยเห็น เช่นนั้น...” เฉียนลิ่วหันไปมองชาวบ้าน “ไม่ทราบว่าพวกท่านเคยเห็นหรือไม่?”ทุกคนเงียบไปชั่วขณะแล้วค่อยมีคนส่ายหน้ามีคนแรก ก็มีคนที่สอง ทุกคนต่างบอกว่าไม่เคยเห็น“ทุกคนล้วนไม่เคยเห็น ข้าว่าเรื่องนี้...”เฉียนลิ่วเงียบครู่หนึ่ง แล้วค่อยพูด“มีคนริษยาเฉินฝาน อิจฉาพี่น้องตระกูลฉินที่ตอนนี้มีชีวิตที่ดี หลังจาก
“เฮ้อ!” ผู้เฒ่าหลี่ส่ายหน้าแล้วพูด “ปัญญาชนแตกต่างกับชาวบ้านทั่วไปจริงๆ แม้แต่ภรรยาของปัญญาชนก็ยังพูดเก่งเช่นนี้”“แน่นอน อนาคตพี่เจียงจะได้เป็นถึงขุนนาง พี่เหลียนฮวาก็จะได้เป็นฮูหยินของท่านใต้เท้า สิ่งที่พวกเขาพบเจอย่อมแตกต่างจากพวกเจ้า”“ก็จริง พอเหลียนฮวาพูดแล้วก็แตกต่างออกไป พวกเราไม่อาจลบหลู่เทพเซียน”“ใช่ๆ โชคดีที่เหลียนฮวาเตือน มิเช่นนั้นวันนี้พวกเราทำผิดต่อเทพเซียนโดยไม่รู้ตัว”ภายใต้คำชื่นชม แววตาของจางเหลียนฮวาฉายความผยองความเป็นจริงถ้อยคำนี้ นางไม่ได้เป็นคนคิด เหนือศีรษะสามฟุตมีเทพเทวา ปัญญาชนกราบไว้หลี่ฟูจื่อทุกวัน ฮ่องเต้ก็ทำพิธีเซ่นไหว้ทุกฤดูวสันต์ ทั้งหมดนี้เป็นเนื้อหาในหนังสือที่เฉินเจียงงอ่านให้นางฟังตลอดหลายวันที่ผ่านมา“แม้ปกติผู้เฒ่าหลี่พูดจาเหลวไหล แต่เขาเคารพบรรพบุรุษของตนเองมาก”“อื้ม เหลียนฮวาพูดถูก นอกจากกราบไหว้บรรพบุรุษช่วงเทศกาลแล้ว ทุกวันที่หนึ่งและสิบห้าของเดือนผู้เฒ่าหลี่ก็จุดธูปกราบไหว้บรรพบุรุษเช่นเดียวกัน”“เช่นนี้ การที่บรรพบุรุษของเขามาเข้าฝัน ข้ารู้สึกว่าเป็นไปได้”คำพูดเพียงไม่กี่ถ้อยคำของจางเหลียนฮวา ทำให้ทุกคนคล้อยตามอีกครั้ง“ถูกต้อ
“เฮ้อ!” เฉินต้ายาถอนหายใจแล้วส่ายหน้า“เมื่อก่อนข้ามักได้ยินท่านแม่บอกว่า ตั้งครรภ์ครั้งหนึ่งโง่เขลาสามปี ก่อนหน้านี้ข้าไม่เชื่อ ตอนนี้ข้าได้ยินสิ่งที่น้าสะใภ้พูด ข้าเชื่อแล้วจริงๆ น้าสะใภ้ อาการของท่านต้องรีบหาหมอรับยามาทาน มิเช่นนั้นวันข้างหน้าจะยิ่งอยู่ยิ่งโง่เขลาเจ้าค่ะ”“พี่สะใภ้เหลียนฮวา!” นางหลี่พูดกระซิบข้างหูจางเหลียนฮวา “คล้ายนางบอกว่าท่านโง่เขลา ทั้งยังป่วยต้องรีบรักษา”นางหลี่คิดว่าตนพูดเบา แต่ความเป็นจริงชาวบ้านได้ยินอย่างชัดเจน“ฮ่าๆ!”มีคนกลั้นหัวเราะไม่อยู่จางเหลียนฮวาอับอายจนโมโห “เฉินต้ายา เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”ในตอนนั้นทำให้เฉินเจียงหย่ากับจ้าวเสี่ยวหง เฉินต้ายาจะตกใจง่ายๆ เพราะจางเหลียนฮวาได้อย่างไร นางทั้งน้อยเนื้อต่ำใจทั้งเป็นผู้บริสุทธิ์“อาสะใภ้ ท่านโมโหทำไมเจ้าคะ หลานเป็นห่วงท่านจากใจจริง รีบหาหมอ รีบรักษา อย่าปล่อยทิ้งไว้เจ้าค่ะ”ในตอนนั้นจางเหลียนฮวาก็เป็นคนที่เอาชนะจ้าวเสี่ยวหงได้ เพียงไม่นานก็ใจเย็นลง ยิ้มบางๆ มองเฉินต้ายาแล้วเอ่ยถาม“เช่นนั้นเจ้าพูดมาสิ อาสะใภ้คนนี้ของเจ้าโง่เขลาอย่างไร?”เฉินต้ายาเองก็ยิ้มเช่นเดียวกัน ก่อนหน้านี้นางปูทางไว้
กระเบื้องและคานไม้ที่สั่งเมื่อหลายวันก่อนส่งมาถึงหมู่บ้านทั้งหมดแล้ว หลังจากมอบหมายเรื่องส่งปลาในทุกวันให้เฉินผิงและเฉียนลิ่วรับผิดชอบ เฉินฝานก็ง่วนอยู่กับการซ่อมบำรุงบ้านนอกจากบ้านของเขาแล้ว ยังมีบ้านของฉินเต๋อโห่ว ฉินเต๋อโห่วกลับเข้าไปอยู่บ้านหลังเดิมแล้วโชคดีที่มีแค่คนชราสองคน ปลูกบ้านสองหลังก็พออยู่อาศัยแล้ว มิเช่นนั้น ไม่พอทั้งเงินและเวลาเฉินฝานไปกลับระหว่างหมู่บ้านซานเหอและหมู่บ้านตระกูลฉินประมาณสิบกว่าวัน ในที่สุดก็ซ่อมบ้านเสร็จ ก่อนที่พายุหิมะใหญ่ปิดถนนจะเกิดขึ้นช่วงระยะเวลาที่ซ่อมบ้าน เฉินฝานและครอบครัวพักที่บ้านของเฉินผิง ในที่สุดวันนี้ก็ย้ายกลับไปแล้วหลังจากล้างหน้าแปรงฟันเสร็จเฉินเย่ว์ฉู่ขึ้นไปนอนบนแตกเป็นคนแรก นางกลิ้งตัวไปมาบนเตียงหลังใหม่ด้วยความดีใจช่วงเวลานี้ ท่ามกลางความรักของเฉินฝาน ฉินเย่ว์เจียวและฉินเย่ว์โหรวรวมถึงการมีเอ้อร์ยามาอยู่เคียงข้าง ทำให้ฉินเย่ว์ฉู่สดใสขึ้นมาก ในที่สุดนางก็ไม่มีอะไรแตกต่างจากเด็กสาววัยสิบขวบฉินเย่ว์โหรวขึ้นเตียงเป็นคนที่สอง นางนอนอยู่บนเตียง อ้าแขนทั้งสองข้างขึ้นพร้อมเงยหน้ามองเพดาน พูดด้วยความผ่อนคลาย “ในที่สุดก็กลับมาแล้
แม้พี่สาวทั้งสองไม่ได้พูดอะไร แต่จากการพูดคุยกับเอ้อร์ยาตลอดระเวลาที่ผ่านมานี้ ทำให้นางรู้ว่าพี่สาวทั้งสองคนที่นางเคยโกรธพวกนางที่ไม่มาช่วยตน แท้จริงแล้วก็ไม่มีชีวิตที่สุขสบายเท้าของพี่สี่ถูกทุบตีจนหัก ทั้งยังเกือบถูกขายให้หอนางโลมอี๋ชุนย่วนแม้พี่สามจะมีฝีมือด้านการต่อสู้ แต่ก็ไม่กล้าตอบโต้ ทำได้เพียงถูกทุบตีไปพร้อมกับพี่สี่ นางมักจะปกป้องพี่สี่ตอนโดนทุบตี ทำให้บาดแผลบนตัวนางมีมากกว่าพี่สี่แค่ว่านางแข็งแกร่งเท่านั้น จึงไม่พิการ“พวกพี่ๆ เมื่อก่อนข้าไม่ควรโกรธเคืองพวกท่าน เมื่อก่อนพวกท่านก็ไม่ได้มีชีวิตที่ดี”เมื่อฉินเย่ว์ฉู่พูด ฉินเย่ว์โหรวก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป น้ำตารินไหล ร้องไห้สะอึกสะอื้นเมื่อนางร้องไห้ ฉินเย่ว์ฉู่ก็ร้องไห้ตามขอบตาของฉินเย่ว์เจียวแดงก่ำ แต่นางดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว“วันนี้พวกเราเท่ากับอยู่บ้านหลังใหม่ วันมงคลเช่นนี้ พวกเจ้ากลับร้องไห้เสียใจ ประเดี๋ยวนายท่านเห็นเข้า ต้องไม่พอใจแน่ๆ”ฉินเย่ว์เจียวอ้างชื่อเฉินฝาน ฉินเย่ว์โหรวและฉินเย่ว์ฉู่รีบเช็ดน้ำตาความเป็นจริงบทสนทนาของพวกเขา น้ำตาของพวกเขา เฉินฝานได้ยินและเห็นแล้วเขาล้างหน้าแปรงฟันเป็นคนสุดท้าย
“ถ้วยชามและตะเกียบในเรือนมีไม่มาก ทั้งยังเก่าควรซื้อชุดใหม่หนึ่งชุดเจ้าค่ะ”“ได้!”“แล้วก็ถังข้าวสารด้วยเจ้าค่ะ ก็ต้อง...”“เหตุใดพี่สี่เป็นคนพูดตลอดเลย ทางข้าก็มีสิ่งที่ต้องซื้อเหมือนกัน” ฉินเย่ว์ฉู่เบ้ปากด้วยความไม่สบอารมณ์“ได้ๆ เย่ว์โหรวเจ้าหยุดก่อน ถึงคราวของเสียวฉู่พูดแล้ว”เฉินฝานส่ายหน้าด้วยความจนปัญญา เด็กจริงๆ“นายท่าน ข้าจะซื้อตู้เสื้อผ้าเจ้าค่ะ ตอนนี้ในเรือนมีแค่อันเดียว ทั้งยังเก่าและเล็ก ใส่เสื้อผ้าได้ไม่กี่ตัวเท่านั้น”ฉินเย่ว์โหรวและฉินเย่ว์ฉู่เป็นคนซักผ้า แต่ตากผ้า เก็บผ้าและพับผ้างานสบายเช่นนี้ เป็นหน้าที่ของฉินเย่ว์ฉู่“อื้ม เสียวฉู่พูดถูก ต้องซื้อตู้เสื้อผ้าจริงๆ แต่ว่า...” เฉินฝานมองสามพี่น้อง “อันหนึ่งไม่พอ น้อยสุดต้องซื้อห้าอัน”“ห้าอัน?” สีหน้าของสามพี่น้องฉายความตกใจ “เยอะเกินไปแล้วกระมังเจ้าคะ”“นายท่าน แม้คุณภาพชีวิตของพวกเราตอนนี้จะดีขึ้น มีเงินเยอะขึ้นด้วย แต่ก็ไม่อาจใช้จ่ายเช่นนี้”ฉินเย่ว์โหรวจอมรักเงินเริ่มบ่น“ไม่มาก ตู้เสื้อผ้าห้าอัน อันหนึ่งเก็บพวกผ้าห่ม อีกสี่อัน พวกเราคนละหนึ่งอัน”“คนละหนึ่งอันหรือเจ้าคะ? พวกเราจะเอาเสื้อผ้ามากมายจากไห
เสิ่นหมิงหยวนในวันนี้เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ มั่นใจว่าตนต้องเป็นฝ่ายชนะเพราะถอยหลังก้าวหนึ่ง แม้เฉินฝานจะออกนอกโรงเตี๊ยมได้ แต่เขาจะไปหาหลักฐานที่ใด สิ่งที่เกี่ยวข้องกับคนวางยาพิษ นอกจากไป่ชงซาน คนอื่นๆ ล้วนอยู่ระหว่างทางเตรียมเกิดใหม่แล้วเสิ่นหมิงหยวนก้าวไปข้างหน้าก้าวใหญ่ พูดเสียงดัง “เฉินฝานและองค์หญิงแคว้นหลู่ร่วมมือกับวางยาพิษให้กับชาวต้าชิ่ง ฝ่าบาทโปรดรับสั่งจับเขาด้วยพ่ะย่ะค่ะ พร้อมทั้งประหารชีวิตเขา เอาหัวเสียบประจารบนกำแพงเมืองลู่ตู เพื่อสยบความขุ่นเคืองของราษฎรพ่ะย่ะค่ะ!”พูดถึงท้ายประโยค เสิ่นหมิงหยวนคุกเข่าลง “ฝ่าบาทโปรดรับสั่งด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”ลง “ฝ่าบาทโปรดรับสั่งด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”ขุนนางด้านหลังเสิ่นหมิงหยวนต่างคุกเข่า เพียงชั่วพริบตาภาพตรงหน้าฉินเย่ว์เหมยคือผู้คนมากมายชาวบ้านด้านหน้าเห็นฉินเย่ว์เหมยไม่ออกคำสั่ง ยิ่งโมโหมากกว่าเดิม กองทัพลาดตระเวนของเหอจื่อหลินถอยหลังแล้วถอยหลังอีก“ฝ่าบาท ทางด้านแม่ทัพเหอไม่อาจต้านทานแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”หงอิงก็ร้อนใจยิ่งนัก หากฉินเย่ว์เหมยยังไม่มีคำสั่งให้เหอจื่อหลินใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด เช่นนั้นชาวบ้านก็จะฝ่าวงล้อมเข้ามาแล้วทุกคนล้ว
“เสิ่นไต้มั่นท้องหรือ? เป็นไปไม่ได้กระมัง”เฉินฝานส่ายหน้าทันที เขาไม่อยากให้เสิ่นไต้มั้นตั้งครรภ์ ดังนั้นโดยทั่วไปเขาจะให้ฉินเย่ว์เหมยเปิดป้ายของเสิ่นไต้มั่น ในช่วงระยะปลอดภัยเท่านั้น แม้จะเป็นช่วงปลอดภัย ตอนเขาร่วมหฤหรรษ์กับเสิ่นไต้มั่นก็ล้วนปล่อยน้ำรักด้านนอกแม้วิธีการนี้ไม่อาจเลี่ยงการตั้งครรภ์ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ลดโอกาสการตั้งครรภ์ได้มาก มากไปกว่านั้นทุกครั้งที่เขาร่วมรักกับนาง เขาล้วนให้ฉินเย่ว์เหมยลอบให้เขาใส่ยาคุมเข้าไปในอาหารของเสิ่นไต้มั่นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เสิ่นไต้มั่นยังตั้งครรภ์ได้เช่นนั้นก็หมายความว่าเสิ่นไต้มั่นรู้ว่าในอาหารมียาคุม แล้วตั้งครรภ์ภายใต้สถานการณ์ที่โอกาสในการตั้งครรภ์ต่ำมิเช่นนั้นก็หมายความว่าเสิ่นไต้มั่นแอบมีชายอื่นในวังหลวงแม้เสิ่นไต้มั่นจะเป็นบุตรีของเสิ่นหมิงหยวน แต่เขามีช่วงเวลาหฤหรรษ์กับนางหลายครั้ง ถือว่าเป็นสามีภรรยากัน อีกทั้งนางยังมอบช่วงเวลาดีๆ ให้เขาหลายครั้ง ด้วยเหตุนี้ เฉินฝานจึงไม่เคยคิดอยากจะเอาชีวิตของเสิ่นไต้มั่นหากนางลักลอบมีคนอื่น...แววตาของเฉินฝานลุ่มลึกม่านตาหดเล็ก แววตาของเขาเอ่อล้นด้วยไอสังหารเช่นนั้นอย่าหาว่าเ
ฉินเย่ว์เจียวยังอยากจะพูดบางอย่าง แต่ถูกเฉินฝานลากตัวไปที่ใต้กำแพงด้านหน้ามีก้อนหินนับไม่ถ้วนถูกโยนมาแม้เหอจื่อหลินจะคอยตักเตือนตลอดเวลา ทว่าชาวบ้านโมโหจนขาดสติแล้ว ภายในใจของพวกเขาเปี่ยมไปด้วยความโมโหและความแค้นภายใต้การชักจูงของเสิ่นหมิงหยวน บวกกับชื่อเสียงด้านลบของโอวหยางน่าหลันในแคว้นต้าชิ่ง ชาวบ้านเชื่อเสิ่นหมิงหยวนไปแล้ว คิดว่าเฉินฝานที่แต่งงานกับโอวหยางน่าหลันและเข้ารับตำแหน่งอัครเสนาบดีของแคว้นหลู่ ต้องร่วมมือกับโอวหยางน่าหลันวางยาพิษในแหล่งน้ำอย่างแน่นอน“วันนี้ต้องสังหารคนขายชาติให้ได้”“ฆ่าเฉินฝาน ฆ่าเฉินฝาน!”เสียงร้องตะโกนของชาวบ้านที่กำลังโมโหราวกับฟ้าผ่า ดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า แม้กระทั่งฉินเย่ว์เหมยยังต้องถอยหลังสถานการ์อยู่เหนือการควบคุมแล้ว หากเหอจื่อหลินยังไม่ออกคำสั่งขั้นเด็ดขาด ชาวบ้านที่กำลังโมโหต้องบุกเข้าโรงเตี๊ยมอย่างแน่นอน อีกทั้งความขุ่นเคืองของชาวบ้านก็ได้ย้ายจากเฉินฝานไปที่ฉินเย่ว์เหมยแทนแล้วเฉินฝานทำถึงขั้นนี้แล้ว แต่ฝ่าบาทยังไม่มีรับสั่งประหารชีวิตเขา เช่นนั้นฝ่าบาทก็มีปัญหาเช่นเดียวกัน“ท่านแม่ทัพ มีคำสั่งเร็วเข้า!”รองแม่ทัพที่อยู่ข้างเ
“กล้าแตะต้องนายท่านของข้า ข้าจะสังหารเจ้า!”ฉินเย่ว์เจียวคว้าเกาทัณฑ์ขึ้นยิง ไม่รอช้าแม้กระทั่งเสี้ยววินาทีหวงหวั่นเอ๋อร์ที่อยู่บนหลังคาคว้าธนูของฉินเย่ว์เจียวเอาไว้อย่างง่ายดาย“เจ้า...เป็นไปได้อย่างไร?” ฉินเย่ว์เจียวถอยหลังหนึ่งก้าวด้วยความตกตะลึง มองหวงหวั่นเอ๋อร์อย่างไม่อยากเชื่อสายตาฉินเย่ว์เจียวถือเป็นมือธนูอันดับหนึ่ง ลูกศรที่ถูกยิงไปจากนาง ทั้งเร็วและแม่นยำ แม้กระทั่งยอดฝีมือบู๊ลิ้มก็ทำได้เพียงหลบเท่านั้น คนที่สามารถรับลูกศรของฉินเย่ว์เจียวได้ หวงหวั่นเอ๋อร์เป็นคนแรกหวงหวั่นเอ๋อร์ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย แววตาของนางเคล้าไปด้วยความดูแคลน“เอาคืนไป!” ขณะพูด หวงหวั่นเอ๋อร์โยนทิ้งอย่างแรง“คืนก็คืนดีๆ นางเป็นภรรยาของข้า ไม่อาจทำร้ายพร่ำเพรื่อได้” เฉินฝานตอบเวลาเดียวกันกับที่เฉินฝานพูดจบ หวงหวั่นเอ๋อร์ก็โยนลูกธนูในมือทิ้งแล้วลูกธนูตกลงมาด้วยความเร็วสูง ปักลงบนพื้นใกล้กับเท้าของฉินเย่ว์เจียว หากลูกศรนี้ขึ้นหน้าอีกเพียงหนึ่งมิลลิเมตร ก็จะโดนเท้าของฉินเย่ว์เจียวแล้ว“ของเล่นเด็ก!” หวงหวั่นเอ๋อร์ปัดมือ มองฉินเย่ว์เจียวด้วยความทระนง“ของเล่นเด็กเช่นนั้นหรือ? ข้าจะดูสิว่าเจ้าจ
“ความร่ำรวยเกิดจากความเสี่ยง ก้าวใหญ่เพียงใดก็จะได้รับผลตอบแทนมากเท่านั้น อีกอย่าง...” น้ำเสียงและแววตาของเฉินฝานแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม ชาวแคว้นต้าชิ่ง ไม่อาจมีชีวิตเช่นนี้ต่อไปได้แล้ว”ความเป็นจริงเขาไม่ได้ก้าวใหญ่ แต่เสิ่นหมิงหยวนก้าวใหญ่เกินไปหากเสิ่นหมิงหยวนไม่ส่งคนไปวางยาพิษในแหล่งน้ำของแคว้นหลู่ที่ไหลเข้ามา ค่อยๆ สู้กับเขาต่อไป เสิ่นหมิงหยวนคงจะอยู่ได้นานกว่านี้ด้านนอกชุลมุนวุ่นวาย เฉินฝานเพิ่งออกจากห้อง ไป่เผยหรานที่รออยู่นานรีบเดินมาหาเฉินฝานพร้อมอธิบายสถานการณ์ด้านนอกให้ฟังเฉินฝานช่วยชีวิตคนป่วย ตอนบ่ายชาวบ้านล้วนซาบซึ้งในความดีของเขาจนน้ำตารินไหล ขอบคุณที่เขาช่วยชีวิตชาวต้าชิ่ง ทว่าตอนพลบค่ำ เสียงของชาวบ้านกลับแตกออกไปมีคนบอกว่า นี่เป็นการแสดงละครครั้งใหญ่ของเฉินฝาน เขาตั้งใจวางยาพิษลงในแหล่งน้ำ จากนั้นให้ยาถอนพิษกับคนป่วย เพื่อหลอกเอาใจจากชาวบ้านข่าวลือนี้ถูกพูดถึงมากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งเล่าลือก็ยิ่งไปไกล สุดท้ายกลายเป็นว่าน้ำจากแคว้นหลู่นี้ หากชายต้าชิ่งดื่มกินแล้วจะทำให้เป็นหมัน สาเหตุที่เฉินฝานช่วยชีวิตคนถูกยาพิษ เพราะต้องการให้ชาวบ้านคิดว่าเขาทำทุกอย่างเพื่อราษฎ
“ข้า ข้า...”พวงแก้มของฉินเย่ว์เจียว แดงเป็นผลตำลึงทันที อย่ามองว่าตอนทำงานนางเก่งกาจ ยามนิ่งสงบ นางเขินอายเสียยิ่งกว่าฉินเย่ว์หรูเสียอีกขณะพูด ฉินเย่ว์เจียวใช้มือปิดป้องเรือนร่างของตนเอง ทว่าป้องด้านบนไม่อาจป้องด้านล่าง เรือนร่างตรงหน้าสั่นกระเพื่อมยิ่งกว่าเดิมเฉินฝานกลืนน้ำลายอย่างไม่อาจหักห้ามใจ เดิมทีเขาเพียงอยากแกล้งฉินเย่ว์เจียวเท่านั้น ทว่าตอนนี้...“พวกเรานอนกันอีกสักครู่เถอะ” เฉินฝานคว้าเอวของฉินเย่ว์เจียวพร้อมดึงนางเข้ามาในผ้าห่ม“นายท่าน ท่านควรรับประทานอาหารก่อนเจ้าค่ะ”“อื้อ ข้าจะกินเจ้าก่อน”“...อื้อ...เจ้าค่ะ!”เวลานี้ ฉินเย่ว์เจียวมีความสุขยิ่งกว่าเฉินฝานภายในห้อง อบอวลไปด้วยบรรยากาศของความรัก กลิ่นอายความรักมากถึงขั้นเอ่อล้นออกมา...-ตอนเฉินฝานลุกจากเตียงอีกครั้ง เกือบเที่ยงคืนแล้ว“นายท่าน” ฉินเย่ว์เจียวขยี้ตา น้ำเสียงเกียจคร้านเล็กน้อย “ท่านหิวอีกแล้วหรือเจ้าคะ?”เมื่อครู่ระหว่างหฤหรรษ์ด้วยกันอยู่นั้นเขาพักกินอาหารแล้ว ฉินเย่ว์เจียวคิดว่าตอนนี้เฉินฝานหิวอีกแล้ว”“ไม่ใช่ พวกเราไม่อาจนอนแล้ว” เฉินฝานพลิกตัวลงจากเตียง ไม่รอสาวใช้ด้านนอกเข้ามาสวมเสื้อผ้าใ
เฉินฝานจำได้ว่าตอนเขาเข้ามาในห้องเป็นเวลาเที่ยงวัน ทว่าตอนฉินเย่ว์เจียวลงมาจากตัวเขา ฟ้ามืดสนิทแล้ว“เฮ้อ~” ฉินเย่ว์เจียวถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ผ่อนคลายจริงๆ”เฉินฝานคิดอยากจะพูดบางอย่าง เสียงหายใจแผ่วเบาดังขึ้นข้างหูเป็นไปไม่ได้กระมัง นางผล็อยหลับไปแล้วหรือ?“เย่ว์เจียว?” เฉินฝานร้องเรียกเสียงเบา แต่คำตอบที่ได้กลับเป็นเสียงลมหายใจของฉินเย่ว์เจียว“ใครก็ได้มานี่หน่อย!” เฉินฝานหันไปที่ประตูแล้วร้องตะโกนอย่างรวดเร็ว มีคนเปิดประตูเข้ามาคือสาวใช้ที่หลี่เต๋อฉวนสั่งให้มาดูแลเฉินฝาน“จุดไฟ!”“เจ้าค่ะ ใต้เท้า”ไม่นาน สาวใช้ก็จุดไฟในห้องจนสว่างไสว“ใต้เท้า จะรับประทานอาหารไหมเจ้าคะ?” สาวใช้ถามเสียงเบาเฉินฝานครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วค่อยตอบ “อีกครึ่งชั่วยามค่อยมาส่ง”ความจริงแล้วตอนนี้เฉินฝานหิวจนท้องร้องจ๊อกจ๊อก แต่เขารู้จักฉินเย่ว์เจียวเป็นอย่างดี ใช้เวลาด้วยกันมานานค่อนวัน อีกทั้งนางยังเป็นคนอยู่ด้านบน เวลานี้หากไม่ให้นางนอนสักงีบ นางคงตื่นไม่ไหวจริงๆ“อื้อ~”อาจจะเป็นเพราะแสงเทียนแสบตา ฉินเย่ว์เจียวที่นอนหลับสนิทจึงร้องโอดครวญเล็กน้อย นางพลิกตัวซุกเข้าไปในอ้อมกอดของเฉินฝานแล้วหลับ
“ช้าก่อน!”ขณะหลี่เต๋อฉวนเดินไปถึงประตู เฉินฝานก็เอ่ยปากร้องเรียกเขาไว้“ใต้เท้า มีอะไรให้รับใช้ขอรับ?” หลี่เต๋อฉวนหยุดลงทันทีเฉินฝานชี้ไปยังสตรีสองคนด้านหน้า พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ “พาตัวพวกนางกลับไปด้วย”“ใต้เท้า?” หลี่เต๋อฉวนฉงนครู่หนึ่ง ทว่าก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว พลันสายตามองไปทางสตรีทั้งสองสตรีนามเสี่ยวเจินและเสี่ยวฮวารีบขยับเข้าใกล้เฉินฝาน“ท่านอัครเสนาบดี ให้พวกข้าปรนนิบัติท่านเถอะเจ้าค่ะ”“ใต้เท้า ทักษะการขัดตัวของพวกข้ายอดเยี่ยมมากนะเจ้าคะ”ขณะพูด เสี่ยวเจินและเสี่ยวฮวาที่ยืนขนาบซ้ายขวาของเฉินฝาน เริ่มบิดเอวเป็นงู ปทุมอวบอิ่มทั้งสองเริ่มเลื้อยขึ้นลงบนตัวเฉินฝาน“... ‘ทักษะ’ ขัดตัวของพวกเจ้าจัดเป็นอันดับหนึ่งจริงๆ เพียงแต่วันนี้ผิวพรรณของข้าแพ้ง่าย ไม่อาจ ‘ขัดตัว’ ได้”ขณะพูด เฉินฝานก็ผลักเสี่ยวเจินและเสี่ยวฮวาออกไป“ใต้เท้า ท่าน...”“สถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไร ทางศูนย์บรรเทาทุกข์ยังคงวุ่นวาย ความปลอดภัยของฝ่าบาทยังไม่ได้รับการรับประกัน ความใคร่เปรียบดั่งดาบบนศีรษะ แม้กระทั่งเด็กหนุ่มวัยสิบต้นๆ ยังรู้หลักการนี้ ทว่าท่านหัวหน้าหลี่กลับไม่รู้เช่นนั้นหรือ? หื้ม
ตอนที่จวนจะเดินออกมาจากโรงเตี๊ยมแล้ว เฉินฝานพบว่าตัวของเขามีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวเขาหันหน้ากลับไปมองห้องบรรทมของฉินเย่ว์เหมย ยกยิ้มขึ้นทันที กลิ่นตัวเขาแรงปานนั้น ฉินเย่ว์เหมยยังมิรังเกียจให้เขานอนบนเตียงยังจะพูดว่ามิมีทางชอบเขาอีก ช่างเป็นสาวน้อยที่ปากแข็งยิ่งนัก!“หลี่เต๋อฉวน!”เฉินฝานตะโกนไปทางห้องของฉินเย่ว์เหมย“เสิ่นหมิงหยวนยังมีที่พักอาศัย แต่ข้าที่เป็นอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายกลับมิมีงั้นรึ?”เฉินฝานพูดยังมิทันจบดี หลี่เต๋อฉวนก็วิ่งออกมาจากห้องฉินเย่ว์เหมย หลี่เต๋อฉวนทั้งอ้วนและเตี้ย เมื่อออกวิ่งก็เหมือนก้อนเนื้อกลมๆก้อนหนึ่ง ท่าทางน่าขันยิ่งนัก“โถ่ ๆ ใต้เท้า ท่านจะประหารข้าน้อยงั้นรึ ท่านจะมิมีที่พักได้อย่างไร ห้องของท่านข้าน้อยได้ตระเตรียมไว้ให้นานแล้วขอรับ”หลี่เต๋อฉวนวิ่งไปพลางส่งสายตาให้ขันทีน้อยข้างกายไปพลาง ขันทีที่รับทราบสัญญาณรีบวิ่งออกไปทันที“โถ่ ๆ ใต้เท้า ท่านร่างกายกำยำบึกบึน ร่างกายไร้ประโยชน์ของข้ามิมีทางเทียบได้ ใต้เท้า ท่านโปรดรอข้าน้อยประเดี๋ยวหนึ่งเถิด” หลี่เต๋อฉวนวิ่งตามหลังเฉินฝาน พูดอย่างกระหืดกระหอบ“หัวหน้าหลี่ ร่างเจ้าเนื้อของเจ้า ขาวๆนุ่มนิ่ม มองแ