เฉินฝานยุ่งตลอดทั้งวันที่โรงงานแปรรูปไข่ปลา เมื่อเขาใกล้ถึงเรือน พลางได้ยินเสียงสั่วน่า [footnoteRef:1]กลองที่บรรเลงอย่างรื่นเริง [1: สั่วน่า เป็นเครื่องดนตรีทางตอนเหนือของจีนที่มีลักษณะคล้ายแตร หรือ ปี่มอญของไทย] หลายปีมานี้มาสถานการณ์ไม่ดี แทบไม่มีใครได้ยินเสียงสั่วน่าและเสียงกลองที่รื่นเริงเช่นนี้ แม้แต่ ฉินเย่ว์โหรวผู้อ่อนโยนและเงียบสงบเสมอมายังมีความสุขกับเสียงที่ได้ยิน นางเปิดม่านขึ้นแล้วถามฉินเย่ว์เจียวที่กำลังขับรถม้าอยู่ข้างหน้า“พี่สาม เสียงนี้มาจากที่ใดหรือ”“ไม่รู้สิ ข้ารู้สึกว่าอยู่ใกล้เรือนเรามาก”“ทำนองของสั่วน่าคึกคักมาก คงมีหญิงสาวสักครอบครัวหนึ่งได้แต่งงานกับผู้ชายดี ๆ กระมัง!”“ต้าชิ่งของเราไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ในอดีต จะเป่าสั่วน่าก็ต่อเมื่อแต่งภรรยา หลังจากที่เรามีผู้ชายลดลงผู้หญิงมากขึ้น ก็เปลี่ยนมาเป็นเป่าสั่วน่าเวลาผู้หญิงออกเรือน”“ดีจัง!”หญิงสาวสองคนแสดงแววตาอิจฉาพร้อมกัน นึกถึงตอนที่พวกนางถูกจัดสรรให้กับเฉินฝานในตอนแรก พี่น้องทั้งสองกอดและร้องไห้ด้วยกันร้องไห้ให้กับโชคชะตาไม่เป็นธรรมและความโหดร้ายจากเบื้องบนโชคดีที่......“นายท่านตื่นแล้วหรือ
“ขาและเท้าของเขาไม่ดี?” เฉินฝานมองขาของเฉินฟู่อย่างจริงจัง“ใช่ ปู่แก่แล้ว” เวลาเดิน เฉินฟู่จงใจเดินกะโผลกกะเผลกดูน่าสงสาร“โห ไม่ดีจริงด้วย เย่ว์เจียว” เฉินฝานหันกลับไปเรียกฉินเย่ว์เจียว“เสี่ยวฝานให้พวกเจ้าหยุด พวกเราจะขึ้นไป ไม่ได้ยินรึ” นางโจวแสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขนางรู้ว่าวิธีนี้ได้ผล ไม่ว่าเฉินฝานจะแข็งแกร่งแค่ไหน พวกเขาก็ยังเป็นปู่ย่าของเขาอยู่ดีเวลานี้ เฉินฝานได้ดึงเชือกบังเหียนออกจากมือของฉินเย่ว์เจียว รถม้าก็หยุดชั่วคราว“ตาแก่ เร็วเข้า ขึ้นรถม้ากัน” นางโจวดึงเฉินฟู่ขึ้นรถม้าอย่างมีความสุขผู้ชายเหนือกว่าผู้หญิง เฉินฟู่ขึ้นรถม้าก่อน เมื่อขาข้างขวาเพิ่งเหยียบลงไปเฉินฝานก็ดึงเชือกบังเหียน"ไป!"“กับ ๆ ๆ ๆ!”รถม้าเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว“โอ้……ย โอ้ย ๆ!” เฉินฟู่ที่ล้มลงกับพื้นร้องด้วยความเจ็บปวด“อ้าว!” เฉินฝานหันกลับมาและถอนหายใจ “ขาของท่านปู่ไม่ดีจริงด้วย ท่านย่าต้องพาไปหาหมอโดยเร็วที่สุดนะขอรับ”“เฉินฝาน ไอ้เด็บ้า เจ้ามันเลวทรามยิ่งนัก......”นางโจดุด่าต่าง ๆ นานา และไม่น่าฟังมาก แต่เฉินฝานกลับไม่ได้ยินเลยเดิมที ฉินเย่ว์โหรวกับฉินเย่ว์เจียวยังรู
เกียรติคุณประจำอำเภอ หมายถึงบุคคลที่ทำคุณประโยชน์อันยิ่งใหญ่ให้กับทั้งอำเภอ การได้รับเกียรตินี้ไม่น้อยหน้าไปกว่าผู้สอบได้ที่หนึ่งของอำเภอจากนี้ไป ไม่ว่าเฉินฝานจะไปที่ไหน ทุกคนต้องทักทายเขาด้วยความเคารพ และมีสถานะทางสังคมที่ทัดเทียมกับหลี่เจิ้งหากกล่าวโดยตรง เฉินฝานสามารถทำได้ทุกสิ่งในหมู่บ้านซานเหอนายอำเภอมอบรางวัลระดับสูงเช่นนั้นให้กับเฉินฝาน ก็เพื่อส่งเสริมให้ผู้ชายที่ร่ำรวยในอำเภอแต่งภรรยาให้มากขึ้น เพื่อช่วยลดจำนวนผู้หญิงที่ถูกบังคับให้กลายเป็นคนเร่ร่อน และตัวเขาเองก็สามารถบรรลุภารกิจทางการเมืองได้อีกด้วยตั้งแต่เฉินฝานกลับมา เฉินเจียงก็แอบฟังอยู่ข้างกำแพงชื่อเสียงของเฉินฝานที่มีอยู่ในหมู่บ้านเพิ่มขึ้นทุกวันจนเกือบเท่ากับเขา เขากลัวว่าเฉินฝานจะเหนือกว่า จึงยุยงให้จูต้าอันไปเรียกผู้หญิงเหล่านั้นมา และใช้โอกาสนี้โค่นล้มเฉินฝาน ต่อให้ล้มเฉินฝานไม่สำเร็จ อย่างน้อยชื่อเสียงของเขาก็ถูกทำลายไม่คาดคิดเลยว่า จะกลับกลายเป็นการส่งเสริมเฉินฝานเมื่อเขาได้ยินว่าเฉินฝานได้รับรางวัลเกียรติคุณประจำอำเภอ เฉินเจียงก็ทนไม่ไหวและสีหน้าของเขาก็ดุร้ายและน่ากลัวมากเฉินฝานผู้ที่เคยถ่อมตัวและ
วันถัดมาเฉินฝานไปตรวจดูสถานการณ์ที่โรงงานแปรรูปไข่ปลา หญิงสาวในโรงงานตาแดงทันทีเมื่อเห็นเขาพวกนางรู้แล้วว่าเฉินฝานจะไม่แต่งงานด้วย และก็รู้ด้วยว่ารายได้ปัจจุบัน ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ได้แต่งงานความจริงแล้ว ทันทีที่ข่าวการยกเลิกแต่งงานของเฉินฝานแพร่กระจายออกไป ที่เรือนของครอบครัวของเหล่าหญิงสาวก็มีคนมาทาบทามจำนวนมากเพียงแต่ว่า......เคยเห็นหนึ่งร้อยแล้วจะชอบหนึ่งได้อย่างไรล่ะคนที่พวกนางต้องการแต่งงานด้วยคือเฉินฝานไม่ว่าเขาจะมีภรรยามากกว่าห้าสิบหรือมากกว่าร้อยคนก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือผู้ชายของพวกนางคือเฉินฝานเฉินฝานทำได้เพียงแกล้งหูหนวกและเป็นใบ้ เขาไม่ใช่นักบุญ แน่นอนว่าเขาชอบผู้หญิงสวยจะให้พวกนางอยู่คนเดียวในห้อง เขาก็คงทำใจไม่ได้แม้ว่าหนึ่งคนต่อหนึ่งวัน ก็ต้องใช้เวลามากกว่าห้าสิบวันในการวนกลับมาเขาไม่อยากให้พวกนางอยู่คนเดียวในห้อง และความสามารถของเขาก็มีจำกัดต่อให้สุขภาพของเขาดีแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถมีอะไรกับคนทุกวันได้เมื่อเฉินฝานเดินผ่านปานิว นางก็ยืนขึ้นและทักทายเฉินฝานตามปกติ “นายท่านสบายดีนะเจ้าคะ!”“ข้าบอกแล้วไงว่าพวกเจ้าเป็นอิสระ และไม่ต้องเรียกข้าว่า
“คุณชาย!” หลิวมามาของจวนตระกูลหลี่แทรกตัวออกมาจากกลุ่มคนใช้ “เสียวกั่วไม่ได้กลับจวนทั้งคืน บ่าวก็ตามหาอยู่เหมือนกันเจ้าค่ะ”หลิวมามาเป็นแม่ของเสียวกั่ว“เสียวกั่วไม่ได้กลับทั้งคืน?” ถึงวินาทีนี้ หลี่ซานเริ่มกังวลแล้วเหมือนกัน เสียวกั่วเป็นผู้คุ้มกันที่ดีมากของจวนตระกูลหลี่ ถ้าเฉินฝานยังหายตัวไปภายใต้การคุ้มกันของเขา แสดงว่าเฉินฝานประสบปัญหาใหญ่แล้วเป็นแน่“ความประพฤติของเสียวกั่วคนนี้ เป็นที่รู้กันดีของทุกคนในจวนตระกูลหลี่ เขาไม่มีทางลักพาตัวนายท่านฝานแน่นอน ที่สำคัญเขาไม่มีเหตุผลจะทำเช่นนั้น การลักพาตัวนายท่านฝานไม่ได้ทำให้เสียวกั่วได้รับผลประโยชน์ใด” นางกลัวหลี่ซานและคนอื่น ๆ จะคิดว่าเสียวกั่วคือคนที่ลักพาตัวเฉินฝาน หลิวมามาจึงออกตัวปกป้องลูกชายไม่หยุดปกติเสียวกั่วเป็นคนนิสัยอ่อนโยนเชื่อฟัง ปกป้องเจ้านายของเขาอย่างภักดี แต่ใจคนยากแท้หยั่งถึง หลี่ซานก็ไม่กล้ารับรองว่าการหายตัวไปของเฉินฝานไม่เกี่ยวข้องกับเสียวกั่วหลี่ซานจึงตัดสินใจแจ้งทางการตระกูลหลี่ร่ำรวยที่สุดในอำเภอผิงอัน นายน้อยของตระกูลหลี่แจ้งต่อทางการด้วยตนเอง แล้วเฉินฝานก็เป็นคนที่เขาเพิ่งมอบรางวัลให้ เมื่อได้รับการแจ
จูจื้ออันตบหน้าผากหนึ่งครั้ง “พี่สะใภ้พูดถูก ข้าเองก็รู้สึกว่าจูต้าอันผิดปกติไป หลายวันมานี้เขามักจะมาเดินป้วนเปี้ยนอยู่ละแวกบ้านของพี่ฝาน และพูดจาเหน็บแนมอยู่หลายครั้ง เขาทนเห็นพี่ฝานได้ดีไม่ได้ แต่วันนี้กลับเงียบเช่นนี้ จะต้องมีเรื่องแน่นอน”“เช่นนั้นจะมัวรอช้าอยู่ใย เรารีบไปกันเถอะ”เฉียนลิ่วพาจูจื้ออัน พวกเขาตามหลังฉินเย่ว์โหรวไป คนกลุ่มหนึ่งเร่งฝีเท้าต่อไปยังบ้านจูต้าอัน “พวกเจ้ามาทำอะไร คิดจะบุกรุกบ้านผู้อื่นโดยพลการเช่นนั้นหรือ? พวกข้าจะไปฟ้องพวกเจ้าที่อำเภอ!”ทันทีที่ทุกคนถึงบ้านจูต้าอัน ภรรยาของจูต้าอันก็ถลันออกมา รวดเร็วเช่นนี้ ไม่น่าจะเพิ่งลุกขึ้นมาจากเตียงเตา คงจะเฝ้าอยู่หน้าประตูเป็นแน่การกระทำของภรรยาจูต้าอันยิ่งทำให้ทุกคนเกิดความสงสัยมากขึ้นหากไม่ได้ทำความผิด ไฉนถึงปลุกภรรยาตัวเองออกมาเฝ้าอยู่หน้าประตูในเวลาดึกดื่นค่อนคืนเช่นนี้เฉียนลั่วผลักไสภรรยาของจูต้าอันออกไป “อย่ามัวเสียเวลากับนาง เรารีบเข้าไปค้นกันเถอะ!”“เหล่าพี่น้องข้า รีบออกมา คนพวกนี้กำลังจะบุกรุกเข้าไปแล้ว!” เมื่อสิ้นสุดเสียงภรรยาของจูต้าอันที่เฝ้าอยู่หน้าประตู หญิงสาวสี่คนได้วิ่งถลาออกมาจากในห้
เจ้าต้องทำถึงเพียงนี้เลยหรือ?” เฉินฝานเอ่ยอย่างจนปัญญาหญิงสาวที่ซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขาดูเหมือนจะไม่ได้ยินคำพูดของเฉินฝานนางปลดกางเกงบนตัวของเฉินฝานออกในขณะที่เขาถูกมัดไว้ พวกนางได้ทำการเปลื้องเสื้อผ้าทั้งหมดของเขาพร้อมกับปากที่พร่ำบ่นไม่หยุดว่าวันนี้จะต้องสำเร็จแน่นอนร่างกายของเฉินฝานแข็งทื่อเล็กน้อยในนี้มืดสนิทอยู่ตลอด เขาจึงแยกไม่ออกว่าตอนนี้คือกลางวันหรือกลางคืนนี่เขาหายตัวไปสองวันแล้วหรือ?“สองวันแล้ว เหล่าภรรยาของข้าต้องเป็นห่วงอย่างแน่นอน หากเจ้าปล่อยข้ากลับไปตอนนี้ ข้าจะถือว่าเรื่องในวันนี้ไม่เคยเกิดขึ้น”หญิงสาวยังคงเมินเฉยต่อคำพูดของเฉินฝาน......ลมหายใจของเฉินฝานหนักหน่วงขึ้น “ติ๋ง!”ความอุ่นของบางอย่างหยดลงมาบนหน้าอกของเขา นั้นคือน้ำตาของหญิงสาวนางทำสำเร็จแล้วนี่สินะคือความเจ็บปวดของการเสียพรหมจรรย์ครั้งแรก“ปานิว!” เสียงของเฉินฝานแหบพร่าคนที่ลักพาตัวเฉินฝานไม่ใช่ใครคนอื่น จะต้องเป็นสองแม่ลูกปานิวแน่นอนระหว่างทางกลับหมู่บ้านซานเหอเมื่อวานนี้ เขาเจอปานิวที่กำลังกลับจากที่ทำงานและแม่ที่มารับนางกลับบ้านปกติแล้วพวกนางจะพักอยู่ในโรงงาน ปานิวกล่าว
คืนนี้เฉินฝานก็ไม่รู้ตัวว่าโผล่มาที่นี่ได้อย่างไรช่างน่าเหลือเชื่อ....หลังจากตื่นนอนในตอนเช้า ทันที่ที่ลืมตาก็พบว่าปานิวนั่งคุกเข่าอยู่ข้างกายของเขาแล้วนางรู้ตัวดีว่าการที่จับเฉินฝานมัดไว้เป็นเวลาสองวัน อีกทั้งตัวเองก็ยังบังคับขืนใจเขาอีก นับเป็นเรื่องไร้เหตุผล“นายท่าน ท่านตื่นแล้ว” ปานิวคุกเข่าและวางถาดอาหารให้เฉินฝาน ในถาดนั้นมีไข่หนึ่งใบและข้าวต้มหนึ่งถ้วย “ในบ้านของข้าน้อยมีแค่ของเหล่านี้ หวังว่านายท่านจะไม่ถือโทษ กินอาหารเช้าเสร็จแล้วข้าน้อยจะส่งท่านกลับบ้าน!”เฉินฝานผลักช้อนที่ปานิวยื่นมาให้ “ข้ายังไม่หิว กลับกันเถอะ”ตอนนี้เขาหายตัวไปสองวันแล้ว ฉินเย่ว์เจียวและฉินเย่ว์โหรวจะต้องร้อนใจมากเป็นแน่ โดยเฉพาะฉินเย่ว์โหรว......เฉินฝานไม่อยากจะคิดเลยว่าหลังจากที่เขาหายตัวไปฉินเย่ว์โหรวจะมีปฏิกิริยาอย่างไร“เจ้าเองก็เก็บข้าวเก็บของกลับไปด้วยกันเถอะ” เฉินฝานกล่าวพลางรัดเข็มขัดของตัวเอง แม้ว่าปานิวจะทำเกินไปบ้าง แต่ยามดึกในภายหลังเขาเองก็สมยอม ดังนั้นก็ควรต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ต้องรับผิดชอบเช่นกัน“มัวยืนอึ้งอยู่ใย รีบไปเก็บของสิ!” เมื่อพบว่าปานิวยังคงยืนนิ่ง เฉินฝานก็หันกลับ
“ผู้จัดสรร มิสามารถแบ่งให้คนนอกที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าเช่นนี้ได้เด็ดขาด!”“ถูกต้องแล้ว แบ่งให้คนที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้ามิได้!”คนรับใช้สองสามคนข้างกายเหลยหย่งอัน พูดเสริมทันที“เช่นนั้นนายน้อยเหลยคิดว่าผู้ใดเป็นผู้จัดสรรจึงจะเหมาะสม?”มีคนตะโกนถามท่ามกลางผู้เหลือรอดเหลยหย่งอันเลิกคิ้วขึ้นทันที ประโยคที่เขารอก็คือประโยคนี้ผู้นั้นเพิ่งจะกล่าวจบ เหลยหย่งอันก็ส่งสายตาไปที่คนรับใช้ข้างกายทันที“ร้านค้าตระกูลเหลยมากมายมหาศาล นายน้อยของพวกเราก็มีส่วนร่วมดูแล ไปตรวจสอบที่ร้านค้าทุกเดือน”ตรวจสอบแบบใดกัน ไปเกี้ยวพาราสีสตรีในร้านเสียมากกว่าเรื่องนี้ทุกคนในเมืองเซียนตูทราบดี เพียงแต่มิอยากให้เหลยหย่งอันมิพอใจ จึงมิมีผู้ใดกล้าพูดเปิดโปง“ดังนั้น...” คนใช้ผู้นั้นกล่าวต่อ “ผู้จัดสรรนี้ นายน้อยของข้าเป็นคนที่เหมาะสมที่สุด “ทุกคนลงเรือลำเดียวกันแล้ว พวกเจ้า...” เหลยหย่งอันยกมือขึ้นทำท่าทางแบกรับรับความผิดชอบไว้เพียงผู้เดียว “คนที่ร่วมทุกข์กับข้าทุกคน ขอเพียงแค่สามารถมีชีวิตรอดออกไปได้ ก็สามารถไปรับเงินหนึ่งร้อยตำลึงได้ที่ตระกูลเหลยของพวกเรา”เพื่อที่จะได้ตำแหน่งผู้จัดสรรนี้ เหลยห
“ต่อให้เสบียงอาหารทั้งหมดต้องถูกจัดสรรปันส่วนอย่างเท่าเทียม เช่นนั้นไฉนอำนาจในการจัดการจัดแบ่งต้องเป็นเจ้าคนเดียวงั้นหรือ? เจ้าเป็นใครกัน?”ชายหนุ่มที่สวมชุดผ้าไหมอย่างดี ศีรษะสวมหมวกสีทองประดับด้วยไข่มุกเดินเข้ามากล่าวถามเฉินฝานด้วยท่าทีโอหังบุคคลนี้คือลูกชายคนโตของตระกูลเหลยเก่าแก่อันดับหนึ่งของเมืองเซียนตู เหลยหย่งอันด้วยความที่ชาติตระกูลมีเงินและอำนาจ เหลยหย่งอันได้รับสมญานามให้เป็นอันธพาลอันดับหนึ่งในเมืองเซียนตู ปกติก็มักจะรังแกผู้ชายข่มเหงผู้หญิง กระทำชั่วทุกรูปแบบสำหรับวีรกรรมของเหลยหย่งอันแล้ว เจ้าเมืองซื่อต้าเผิงต้องยอมปล่อยผ่านไปเหลยหย่งอันรู้สึกว่ามิถูกชะตาเฉินฝานอยู่ก่อนแล้วเรือนเซียนผาสุกมีกฎว่านอกจากผู้ฟังโชคดี่ถูกเมี่ยวอวี่สุ่มเลือกมา บุคคลที่ให้เงินรางวัลจำนวนมากที่สุด เมี่ยวอวี่ก็จะบรรเลงพิณเป็นการส่วนตัวเช่นกันทว่า ทุกปีจะมีเพียงคนเดียวเท่านั้นต้นปีเหลยหย่งอันก็เริ่มให้เงินรางวัลจำนวนมหาศาล ในที่สุดเมื่อมาถึงเดือนท้ายปีก็ได้ลำดับที่หนึ่งมาครองเห็นว่าตนเองสามารถเข้าไปในกระท่อมหิมะพบกับเมี่ยวอวี่ ได้ฟังพิณที่นางบรรเลงให้ตนเองโดยเฉพาะ กลับคาดมิถึงว่าอย
เรือนเซียนผาสุกมีชื่อเสียงเงินทองมหาศาลดังคาด จำนวนเสบียงที่กักตุนไว้ตอนฤดูหนาว มากกว่าเสบียงครึ่งปีของครอบครัวสามัญชนเสียอีกตรงข้ามกับผู้เหลือรอดเหล่านั้น เฉินฝานยิ่งฟัง คิ้วยิ่งขมวดหนักขึ้นเรื่อย ๆน้อยไป น้อยเกินไปแล้วคนสามร้อยกว่าคน ต่อให้กินอาหารวันละหนึ่งมื้อ เสบียงอาหารเหล่านี้ก็หมดเกลี้ยงเพียงในพริบตาเดียว“เสบียงอาหารของกระท่อมหิมะนำออกมาไว้ที่แห่งนี้ทั้งหมดแล้วใช่หรือไม่?” เฉินฝานหันหน้ากล่าวถามเมี่ยวอวี่“กระท่อมหิมะแห่งนี้ของข้ามิได้ใหญ่โตเสียหน่อย ตุนไว้จำนวนมากเพียงนั้น ยังมินับว่าเยอะอีกหรือ?” เมี่ยวอวี่ย้อนถามเฉินฝาน“ก็จริง” เฉินฝานหัวเราะสมเพชตนเองในส่วนลึกของหัวใจ หวังว่าจะมีเยอะกว่านี้“ตอนนี้นับเสบียงเรียบร้อยแล้ว รีบแบ่งให้ทุกคนเถอะ”มีคนเร่งเร้าหิวจนทนมิไหวแล้วจริง ๆ“แบ่งมิได้!” เฉินฝานกล่าว“มิแบ่งงั้นหรือ?”สายตาสามร้อยกว่าคนจับจ้องไปที่เฉินฝานอย่างพร้อมเพียงมิเข้าใจ มิเชื่อเสบียงอาหารทั้งหมดถูกขนย้ายออกมานับจำนวนแล้ว ไม่เพียงแต่จำนวนเสบียงเท่านั้น จำนวนคนก็นับแล้วเช่นกันทำถึงเพียงนี้แล้ว เฉินฝานกลับกล่าวว่ามิแบ่งแล้ว“เจ้าหมายความว่าอย
เขายืนกรานไม่ยอมนำเสบียงออกมามิใช่หรือ ไฉนตอนนี้ต้องการเอาออกมา และยังต้องนำออกมาทั้งหมดอีกด้วยเขากำลังคิดสิ่งใดอยู่กันแน่?“ทำไมล่ะ? แม่นางเมี่ยวอวี่มิเห็นด้วยงั้นหรือ?” เฉินฝานกล่าวถาม“โอ้ ไม่ใช่หรอก!” เมี่ยวอวี่กล่าวอย่างรีบร้อน “แน่นอนว่าข้าต้องเห็นด้วยอยู่แล้ว เจ้ารีบพาคนไปนำเสบียงอาหารในคลังออกมาทั้งหมด”“ช้าก่อน!” เฉินฝานเรียกยายจ้าวไว้ “เพื่อให้มั่นใจว่าเสบียงอาหารทั้งหมดจะถูกขนย้ายออกมา เย่ว์เจียวเจ้าไปตามยายจ้าวไปด้วย พวกเจ้า... ”เฉินฝานหันไปกล่าวกับผู้เหลือรอดเหล่านั้น “ก็ส่งหนึ่งคนตามไปด้วย”ผ่านไปครู่เดียว เสบียงอาหารทั้งหมดในกระท่อมหิมะถูกขนมาไว้ด้านหน้าฝูงชนเฉินฝานมองดูเสบียงอาหารที่กองเป็นพะเนินด้านหน้า กล่าวอย่างเนิบนาบ “โอ้ จำนวนมิน้อยเลยนะเนี่ย”“อากาศเย็น คร้านออกไปจับจ่าย ดังนั้นจึงซื้อจำนวนมากในคราวเดียว” เมี่ยวอวี่กล่าวอย่างมิใส่ใจมากนักเสบียงอาหารเหล่านั้นมีจำนวนมากก็จริงทว่าเป็นเรื่องยากที่จะทำให้คนจำนวนมากเพียงนี้อยู่รอด!ท้ายที่สุด ก็ยังคงต้องตายอยู่ดีเหล่าผู้เหลือรอด มิได้มองการณ์ไกลเช่นนั้น พวกเขาที่หิวมาหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว มองเสบียงอาห
เมื่อมีคนเปิดประเด็นแล้วคนอื่นก็พากันทำตาม คนกลุ่มใหญ่จำนวนมหาศาลคุกเข่าต่อหน้าเฉินฝานเฉินฝานมิได้กล่าวอันใด เมี่ยวอวี่ที่อยู่ด้านข้างชิงพูดก่อน“เหอะ!” เมี่ยวอวี่เยาะเย้ยออกมาทันที กล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ช่างเป็นชายที่ใจดำอำมหิตเสียจริง คิดว่าตนเองมีผู้มากฝีมือที่เก่งกาจอยู่ข้างกาย ก็สามารถมิสนใจชีวิตของผู้คนรอบตัว แม้กระทั่งเด็กและคนชราก็ยังมิยอมช่วย”เมี่ยวอวี่จงใจกล่าวเช่นนี้จงใจที่พัดความโมโหของฝูงชนให้ลุกฮือดังคาด...“เขาใจดำอำมหิตเพียงนั้น แม้กระทั่งเด็กน้อยคนแก่ก็ยังมิยอมให้อาหารกินแม้แต่น้อย เช่นนั้นเรายังต้องกลัวสิ่งใดอีก?”เมื่อมีคนเริ่มก็มีคนตาม“ถูกต้อง อย่างไรเสียก็ถูกขังจนตายอยู่ที่นี้อยู่ดี ก่อนที่จะจากโลกนี้ไป ทุกคนต้องได้กินให้อิ่มท้อง!”“พวกเรามิต้องมาอ้อนวอนอยู่ตรงนี้และ ไปสืบเสาะ ไปค้นหา กระท่อมหิมะอาจจะใหญ่ไปเสียหน่อย แต่พวกเรามีจำนวนคนเยอะจะหาที่ซ่อนของเสบียงอาหารมิได้เชียวหรือ?”กลุ่มคนจำนวนมหาศาลในกระท่อมแต่เดิม รีบออกไปอย่างรวดเร็วราวกับกระแสน้ำลงของมหาสมุทร“เจี้ยนฮวง!” เฉินฝานกล่าวเกรงว่าเซียนเจี้ยนหวงจะเข้าใจผิด เฉินฝานจึงพูดเสริมอีกห
เซียนเจี้ยนหวงมิลงมือทำร้ายสามัญชน ชายรอยบาดแผลคิดว่าชื่อเสียงของเซียนเจี้ยนหวงเป็นสิ่งจอมปลอม และเขาคิดว่าตนเองมีจำนวนมากมาย ต่อให้เซียนเจี้ยนหวงจะเก่งกาจเพียงใดก็มิสามารถลุยเดี่ยวกับคนหนึ่งร้อยคนได้และเฉินฝานก็ดูจะเป็นคนสุภาพเรียบร้อย ดังนั้นชายรอยบาดแผลมิได้รู้สึกเกรงกลัวอันใด ท่าทียโสโอหังยิ่งเขาต้องการเสบียงอาหารในกระท่อมหิมะทั้งหมด และประสงค์ที่จะคุมชะตาคนหลายคนไว้ในกำมือ ในขณะเดียวกันก็สามารถช่วยเมี่ยวอวี่ให้หลุดพ้นได้ด้วยอำนาจ สาวงาม เสบียงอาหารเขาต้องการทั้งหมดเฉินฝานเงยหน้าขึ้น เหลือบมองชายรอยบาดแผลอย่างเรียบนิ่ง “ดูเจ้าพูดเข้าสิ เจ้าเก่งกาจมากสินะ”“เยี่ยนหลิ่งผู้ยิ่งใหญ่!” ชายรอยบาดแผลวางท่าทีใหญ่โต“ว้าว!” เฉินฝานยกนิ้วโป้ง “ชื่อนี้ช่างน่าเกรงขามเสียจริง!”สุดยอด!เซียนเจี้ยนหวงต้องเก็บอาการอยู่ด้านข้างนี่คงจะเป็นความสนุกเพียงอย่างเดียวตอนที่ถูกกักขังอยู่ที่แห่งนี้ดูคนโง่ ที่จริงแล้วก็เป็นเรื่องที่น่าสนุก“เพียงแต่...” เฉินฝานเปลี่ยนเรื่องทันที “มิทราบว่าชื่อที่น่าเกรงขามเช่นนี้ จะชำนาญในการต่อสู้หรือไม่?”ระหว่างที่พูด เฉินฝานหันไปด้านข้างเล็กน้อย “
“ตุ้บ ๆ ๆ ๆ!”เสียงทุบประตูหน้าต่างด้านนอกดังขึ้นเรื่อย ๆ เซียนเจี้ยนหวงฝึกวรยุทธ์จนชำนาญแล้ว สถานการณ์ฝั่งเขานั้นค่อนข้างไปในทิศทางที่ดีฝั่งฉินเย่ว์เจียวและเย่ว์หนูนี้ค่อนข้างลำบาก“เย่ว์หนู เจ้ากันไว้ก่อน ข้าจะไปย้ายเตียงมากันไว้!”“มิจำเป็นหรอก!” เฉินฝานโบกมือเล็กน้อย เขาให้ฉินเย่ว์เจียวและเย่ว์หนูเปิดประตูออก“เปิดประตูงั้นหรือ?” ฉินเย่ว์เจียวส่ายหน้าทันที “ไม่ได้เจ้าค่ะ นายท่าน”คนด้านนอกทุกคนล้วนโกรธเฉินฝานจนกัดฟันกรอด ตะโกนอย่างดุเดือดเพื่อให้ต้องการพวกเขาผ่านเข้าไป เฉินฝานเสี่ยงอันตรายเกินไปแล้ว“พวกเจ้าสามารถกันไว้ได้หนึ่งชั่วยาม จะสามารถกันได้ถึงสองชั่วยามงั้นหรือ?”เมื่อคนตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงตาย มิว่าสิ่งใดก็สามารถทำได้ความเลวทรามของมนุษย์ เป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวที่สุดในโลกใบนี้“นายท่าน ขอเพียงข้ายังอยู่ ข้าก็จะยังคงกันต่อไปเรื่อย ๆ จะมิยอมให้คนด้านนอกเหล่านั้นทำร้ายท่านแม้แต่ปลายเล็บ”ฉินเย่ว์เจียวกำหมัดไว้แน่นขนัดเฉินฝานมองท่าทีที่เศร้าสลดทว่าเข้มแข็งของฉินเย่ว์เจียว รู้สึกซาบซึ้งและหงุดหงิด“นายท่าน บ่าวก็เช่นกันเจ้าค่ะ”เย่ว์หนูเพิ่มแรงในการกันประต
ฉินเย่ว์เจียวง้างมือขึ้นทันที เดิมทีต้องการจะตบหน้าเมี่ยวอวี่เป็นครั้งที่สองพลันยั้งมือกะทันหันกลั้นหายใจ รอฟังคำตอบของเมี่ยวอวี่ด้วยความกังวลเฉินฝานก็อดมิได้ที่จะเงี่ยหูฟังจะรู้ร่องรอยของเย่ว์ฉินแล้ว รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย“หยกห้อยเอวชิ้นนี้...”“ตุ้บ!”อยู่ ๆ ก็มีก้อนหิมะลอยก้อนหนึ่งลอยทะลุหน้าต่างเข้ามา“โอ๊ย!”เมี่ยวอวี่อยู่ใกล้หน้าต่างอย่างมาก ก้อนหิมะขว้างโดนหัวหน้า ทำให้นางตกใจจึงร้องออกมาทันที“ตุ้บ”ครั้งนี้สิ่งที่ขว้างมาคือก้อนหิน“ระวัง!”เมี่ยวอวี่รู้สึกเพียงว่าร่างกายทรงตัวมิอยู่ ตัวไปชนกับอ้อมอกที่ล่ำสันหัวสมองว่างเปล่าราวกับถูกจี้จุด เมี่ยวอวี่มองเฉินฝานด้วยความมึนงงดวงตากลมโตที่เปล่งประกายแวววับดังดวงดารา สภาพอารมณ์แปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็วหาคำตอบมิได้ มิเชื่อ มิเข้าใจ“เจ้า...” เมี่ยวอวี่กลอกตาไปมา “ไยเจ้าจึงช่วยข้า?”หากมิใช่เฉินฝานดึงนางหลบได้ทัน ตอนนี้นางก็คงหัวแตกเลือดไหลนองไปนานแล้วเฉินฝานผลักเมี่ยวอวี่ในอ้อมอกออก เขาที่พลังภายในยังฟื้นฟูมิสมบูรณ์เอนตัวล้มพิงเรือนร่างของฉินเย่ว์เจียว น้ำเสียงเยือกเย็น “อย่าคิดเข้าตัวเอง ข้าทำไปตามสัญชาตญาณเท
ถึงแม้ในทุกวันนางมักจะรับคำเยินยอจากบุรุษเพศอยู่แล้ว ทว่าท่าทางที่รักใคร่หวานยิ่งกว่าน้ำผึ้งราวภาพวาดนี้ นางมิเคยพบเห็นมาก่อนเมี่ยวอวี่ที่สงสัยว่าตัวเองมองผิดไป จึงตั้งใจหันกลับไปดูอีกครั้งภาพที่เฉินฝานช่วยปัดไรผมบนหน้าผากของฉินเย่ว์เจียวออก และฉินเย่ว์เจียวยิ้มตอบกลับให้เฉินฝานอย่างหวานหยาดเยิ้ม เมี่ยวอวี่เหลือบไปเห็นพอดีไม่จริงหรอก!เมี่ยวอวี่รีบหันหน้ากลับไปด้วยความรวดเร็ว ตีหน้าอกตนเองเบา ๆสองสามทีคาดมิถึงว่าจะเป็นเรื่องจริงใต้หล้านี้มีสามีภรรยาที่รักใคร่กันเช่นนี้จริงหรือ ? เป็นเรื่องจริงหรือว่าผู้ชายจะอ่อนโยนกับภรรยาตนเองได้เพียงนั้น?เฉินฝานเป็นชายที่เลวทรามต่ำช้ามิใช่หรือ?เย่ว์หนูชะเง้อมองมาจากทางเข้าเห็นว่าเฉินฝานตื่นแล้ว รีบวิ่งกลับไปที่ในห้อง ยกโจ๊กครึ่งชามที่วางไว้ในห้องไปอุ่นที่ห้องครัว หลังจากที่อุ่นจนร้อนแล้วก็วิ่งกลับมา“โจ๊กมาแล้วเจ้าค่ะ”“เอามาให้ข้า!” ฉินเย่ว์เจียวรับโจ๊กในมือเย่ว์หนูมาทันที“ลำบากเจ้าแล้ว” เฉินฝานหันไปพยักหน้ากับเย่ว์หนู“บ่าวมิลำบากเลยเจ้าค่ะ ขอเพียงนายท่านหายดีก็เพียงพอแล้ว” เย่ว์หนูหน้าแดง ส่ายหน้าอย่างแรงกล่าวว่าตนเองมิลำ