ฉินมู่สัมผัสร่างกายของฮั่วหยุนเซียวแล้วตัวแข็งทื่อราวกับว่าเธอติดอยู่บนน้ำแข็งอย่างไรอย่างนั้นเธออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา พลันใช้ปฏิกิริยาโต้ตอบผลักฮั่วหยุนเซียวออกไปทันที มือบางจับผนังห้องน้ำแล้วหอบหายใจแรงให้ตายเถอะ ตอนที่เธอเป็นนักฆ่าชั้นยอด ยังไม่เคยถูกทรมานแบบนี้เลย!ทันใดนั้น เธอก็เห็นมีดผลไม้บนโต๊ะกาแฟ ฉินมู่รีบวิ่งเข้าไปคว้ามีดแล้วบีบมือข้างหนึ่งลงบนใบมีดอย่างไม่ลังเล เลือดสีเข้มพุ่งออกมา ความเจ็บปวดเริ่มทำให้จิตใจของเธอสงบลงทางด้านฮั่วหยุนเซียวที่เห็นว่าฉินมู่ไม่ลังเลใจทำร้ายตัวเองเพื่อดึงสติกลับมาก็ขมวดคิ้ว ก้าวเท้าฉับ ๆ เดินไปหยิบมีดออก ก่อนจะคว้าตัวเธอเข้ามากอดทันที!ขณะที่เพลิดเพลินกับความรู้สึกที่ถูกชายคนหนึ่งโอบกอด อีกใจฉินมู่ก็รู้สึกรังเกียจกับรูปร่างหน้าตาอันน่าเกลียดของตัวเอง เธอกัดฟันพูดเสียงเบา “คุณกล้าแตะต้องตัวฉัน ฉัน…”“ตึกตึก” เสียงหัวใจที่กำลังเต้นแรง พร้อมร่างบางของฉินมู่ที่ถูกโยนลงไปในอ่างอาบน้ำเย็นเฉียบโดยชายคนนั้น...อากาศเย็นพัดผ่านร่างกายของเธอ ทำเอาฉินมู่แทบไม่อยากลืมตาขึ้นเลยลักษณะใบหน้าของหยิงสาวนั้นงดงาม ใบหน้าของเธอเป็นสีแดงอมชมพู ผมและค
“คุณหนูใหญ่...คุณกลับมาแล้ว...” คนรับใช้เห็นเฉินมู่ที่ประตูด้วยท่าทางหงุดหงิดก็เอ่ยเรียกเฉินมู่พยักหน้า ยกเท้าขึ้น และก้าวเดินเข้าไปข้างใน แต่คนรับใช้ก็วิ่งไปดึงตัวเฉินมู่มาอย่างแรงจนร่างนั่นเดินโซเซ หล่อนตะโกนว่า “คุณเข้าไปไม่ได้!”ใบหน้าของเฉินมู่เย็นชาจนน่ากลัว “หลีกไปให้พ้น”เธอรู้ว่าตอนที่เฉินมู่อยู่ในตระกูลเฉินมีแต่คนรังแก แต่ก็คิดไม่ถึงว่าคนรับใช้ที่กวาดน้ำอยู่จะกล้าทำเช่นนี้กับเธอ!จู่ๆ คนรับใช้ก็ยกมือขึ้นชี้หน้าเฉินมู่เชิงไม่ยอมให้เธอก้าวเข้าไป “คุณหนูใหญ่ถูกคุณหนูสามสั่งห้ามไว้แล้ว คุณเข้าไปไม่ได้!”พลันคนรับใช้ที่อยู่ข้าง ๆ อีกคนก็เอ่ยหัวเราะเยาะ “ปล่อยเธอเข้าไปเถอะ! ยังไงซะ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของเรื่องแบบนี้ คนในตระกูลของคุณชายลู่ไม่ต้องการเธอ เธอคงรีบเข้าไปใกล้ชิด!”“โห มอง ๆ ดูแล้วมันน่าเกลียดมาก ถ้าเป็นเราตอนที่ยังเด็กล่ะก็ เราคงต้องโดนคนด่าลับหลังกันแน่!”“นี่จำไม่ได้จริง ๆ เหรอว่าคุณหญิงที่เสียชีวิตได้สั่งสอนเธอว่ายังไงบ้าง ท่านสอนเธอไปแล้ว ทำไมยังไร้ยางอายอยู่อีกล่ะ?”คนรับใช้เหล่านี้ที่ทำงานในตระกูลเฉินมาหลายปีและคุ้นเคยกับพวกเขามานาน เวลาที่พวกหล่อน ๆ เบื่อมั
ลู่ซีเจ๋อตกใจเล็กน้อย “อะไรนะ คุณพูดว่าอะไร เฉินมู่ จะมาล้อเล่นกับผมไม่ได้นะ!”ถ้าเป็นเมื่อก่อน เฉินมู่คงร้องไห้อย่างขมขื่นทันทีที่ได้ยินคำว่า “ถอนหมั้น” และแสดงท่าทางที่ไม่พอใจจนทำให้เขาหมดความอดทนอย่างไรก็ตาม แม้ว่าเธอจะมีบุคลิกที่ขยันดูอ่อนแอ แต่เธอก็ปฏิเสธที่จะยอมแพ้ให้กับลู่ซีเจ๋อนอกจากนี้ แม่ของทั้งสองคนยังเคยเป็นเพื่อนสนิทกัน ไม่ว่าจะพูดอะไรแม่ของลู่มักคัดค้านการปฏิเสธของชายหนุ่มเสมอ จึงทำให้งานแต่งที่ว่านี้ยืดเยื้อมาหลายปีจนสรุปผลอย่างเป็นทางการไม่ได้สุดท้ายเฉินมู่ก็สบตาชายหนุ่มอีกครั้ง “คุณหูหนวกเหรอ? มีประโยคไหนของฉันที่บอกว่าล้อเล่นบ้างล่ะ หรือว่าตอนบ่ายคุณชายลู่ไม่ว่าง? งั้นพรุ่งนี้ก็ได้นะ ฉันได้หมด ถ้าคุณว่าง”เฉินชิงเสวี่ยตกตะลึงกับคำที่เฉินมู่ดุกล่าวลู่ซีเจ๋อว่าหูหนวกจริงเหรอ?ยัยนี่เป็นเฉินมู่ตัวจริงหรือเปล่าเนี่ย?ลู่ซีเจ๋อชะงักค้างอย่างกับถูกเฉินมู่ตบหน้าเป็นครั้งแรกในชีวิตของเขา ผู้หญิงคนนี้...ทำไมถึงก่อกวนเขาไม่หยุด?“เฉินมู่ คุณรู้ไหมว่าคุณกำลังพูดเรื่องอะไรออกมา” ลู่ซีเจ๋อถามเฉินมู่พยักหน้าอย่างเฉยเมย “ฉันรู้ ถอนหมั้นไง ยกเลิกการแต่งงานของเรา แปลว่ามัน
เฉินมู่หันไปมองอีกฝ่ายด้วยสายตาไม่แยแส “เธอพูดว่าอะไรนะ?”“ฉันบอกว่า ตราบใดที่พี่ไปงานเลี้ยง คนอื่นก็จะเห็นรอยแผลเป็นบนใบหน้าของพี่ อย่าว่าแต่งานเลี้ยงเลย พี่จะต้องถูกหัวเราะเยาะทุกครั้งที่พี่ออกไป พี่น่าจะชินกับมันนานแล้วนะ!” เฉินชิงเสวี่ยหัวเราะเยาะ ดวงตาของเธอแพรวพราวมากด้วยความขันเฉินชิงเสวี่ยมีใบหน้าที่สวยงามซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสัตว์ แต่การเสียดสีในดวงตาของเธอมีพิษราวกับงูจะบอกว่าไม่เถียงก็ได้ แต่ด้วยรูปลักษณ์ที่เย่อหยิ่งของเฉินมู่วันนี้ ทำให้เธอไม่ยอมอยู่เฉยให้คนในบ้านของตระกูลเฉินกดขี่ตลอดไปหรอกนะ! เธอจะสู้!เฉินมู่ยกมือขึ้นตบคนน้องเสียงดัง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พูดอีกรอบสิ?”“แก!” เฉินชิงเสวี่ยกรีดร้องเมื่อถูกตบหน้า“เสี่ยวมู่! เธอตบชิงเสวี่ยทำไมล่ะ?” ซู่หรูหลานแผดเสียงทันที “ตอนนี้ลูกรักของพ่อเธอคือชิงเสวี่ยนะ ทำแบบนี้ไม่กลัวพ่อเธอโกรธหรือไง?”ขณะเดียวกัน เฉินลี้ซานก็เดินเข้ามาโดยบังเอิญ เสียงเข้มถาม “ทะเลาะอะไรกันอีกเนี่ย?”เฉินชิงเสวี่ยรีบวิ่งแจ้นเข้าไปร้องไห้ในอ้อมแขนของเฉินลี้ซานทันที “พ่อ…”ซู่หรูหลานถอนหายใจอย่างเจ็บปวด ก่อนตอบ “คุณสามี เป็นเพราะฉั
ทันทีที่ฮั่วหยุนเซียวและโอวจินเดินเข้ามายังประตูด้านหน้า พวกเขาต่างก็ได้รับความสนใจอย่างนับไม่ถ้วนแม้ว่าหลายคนอยากได้ยศถาบรรดาศักดิ์ของตระกูลฮั่ว แต่ฮั่วหยุนเซียวนั่นเป็นคนแปลกที่แค่ได้ยินชื่อเสียงก็ไม่มีใครกล้าที่จะออกมาพูดคุยด้วยฮั่วหยุนเซียวเดินตรงไปที่เฉินลี้ซาน พร้อมเอ่ยเรียก “คุณเฉิน”เพียงประโยคนี้ประโยคเดียวเท่านั้น ก็สามารถดึงดูดสายตานับไม่ถ้วนจากผู้คนได้แล้วตัวตนของฮั่วหยุนเซียวเป็นยังไงน่ะเหรอ? เขาไม่เคยปรากฏตัวในงานเลี้ยงทั่วไปเลยสักครั้ง ทว่าเขาในตอนนี้กลับเข้าไปทักทายเฉินลี้ซานเป็นการส่วนตัวด้วย นี่ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีเลยทีเดียว!“คุณฮั่ว...บอสฮั่วมาแล้วเหรอ!” เฉินลี้ซานประหลาดใจมาก เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นฮั่วหยุนเซียว ออร่าของชายหนุ่มคนนี้ช่างน่ากลัวจริงๆฮั่วหยุนเซียวพยักหน้าเล็กน้อย “เรื่องครั้งก่อน ผมต้องขอบใจคุณเฉินมากสำหรับการช่วยเหลือพิเศษ”“ไม่เป็นไร มันง่ายจนแทบไม่ต้องออกแรงเลย!” เฉินลี้ซานพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณทำตัวตามสบายเลยนะ ผมขอตัวไปหาคุณปู่ที่ด้านหลังก่อน”“เชิญครับ”หลังจากที่เฉินลี้ซานออกไป ฝูงชนก็ร้องอุทานออกมา ฮั่วหยุนเซียวและโอวจินเบนสายตาตาม
จากนั้นก็ทำท่าทางกระแอมไอออกมาเป็นเชิงเข้าใจสถานการณ์ของเพื่อน “ขอโทษที ผมไม่รบกวนดีกว่า! เชิญพวกคุณทำต่อเถอะ…”“เฮ้ ไม่ใช่นะ เดี๋ยวก่อนสิคุณ!” เฉินมู่ยังไม่ทันได้คลี่คลายการเข้าใจผิดนั่น โอวจินกลับวิ่งหนีไปไปในพริบตาเสียอย่างนั้น เธอพูดอย่างหมดกำลังใจ “ทำไมคุณถึงไม่เรียกให้เขาหยุด!”ฮั่วหยุนเซียวคลายมือออก “แก้ออกแล้วล่ะ”ในที่สุดเฉินมู่ก็ได้รับอิสรภาพ เธอยืนตัวตรงและหวีสางผมให้เรียบ เผยให้เห็นรอยแผลเป็นบนแก้มขวาของเธอ ฮั่วหยุนเซียวมันมองอีกครั้งแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อยพลันเฉินมู่ก็แต่งทรงผมปิดรอยแผลเป็น “คุณฮั่ว คุณแน่ใจเหรอว่าต้องการออกไปทานข้าวข้างนอกกับฉัน ใบหน้าฉันไม่ได้งดงาม หรือเปลี่ยนเป็นให้ของขวัญคุณแทนดีกว่าไหม?”“แล้วแต่คุณเลย” ฮั่วหยุนเซียวพูดเฉินมู่ไม่รู้ว่า “แล้วแต่คุณ” ที่เขาหมายถึงคืออะไร ดังนั้นใบหน้าสวยจึงพยักหน้าตอบ “งั้นฉันขอตัวไปก่อนนะ”ทว่าขณะที่เธอหันกลับไป ชายที่อยู่ข้างหลังก็โพล่งเอ่ยบางอย่างจนเฉินมู่หยุดยืนนิ่งชั่วคราว “คำว่ามู่ ที่มาจากการโค่นล้มสามราชวงศ์ใหญ่อย่างเฉา ฉิน ฉู่ สมัยจ้านกั๋วสินะ”เฉินมู่ได้แต่คิดในใจ ชื่อของเธอในตอนนี้นั้นดีกว่ามาก ฉินมู
โอวจินเห็นการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ ของเฉินมู่ ก็รีบปิดริมฝีปากของตัวเองเงียบ ๆ อยู่ด้านหลังฮั่วหยุนเซียว “ฉันขอพนันร้อยหยวน เฉินชิงเสวี่ยลูกสาวผู้มีชื่อเสียงที่ได้รับการฝึกฝนเรื่องมารยาท เดิมทีจะไม่มีวันล้ม”เฉินชิงเสวี่ยไม่ได้ล้ม แต่ชุดของเธอก็หลุดออกไปเธอชะงักไปครู่หนึ่ง และเสียงกรีดร้องก็ดังก้องไปทั่วทั้งห้องจัดเลี้ยง!“กรี๊ด—”เธอกอดชุดขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนก แล้ววิ่งไปที่ประตูหลังผ้าม่านทันที...ผลลัพธ์ก็คือ เธอบังเอิญเหยียบชายกระโปรงตัวเอง และล้มไปที่เค้กบนโต๊ะอาหารโดยไม่ได้ตั้งใจ“ชิงเสวี่ย!” ลู่ซีเจ๋อรีบวิ่งไปหาเธอทันที และมือที่เหยียดออกของเขาหยุดค้างอยู่ในอากาศอย่างเชื่องช้าตอนแรกที่มีคนเห็นเฉินชิงเสวี่ย บางคนก็ผิวปากแซว ทว่าไม่นานต่างก็เงียบเสียงลงไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรกับผู้หญิงคนนี้ที่ตกลงไปในเค้กงานเลี้ยง ซู่หรูหยุนจ้องมองชุดของเฉินชิงเสวี่ยที่หลุดออกมา ดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ เหตุการณ์นี้น่าจะเกิดขึ้นกับเฉินมู่ไม่ใช่เหรอ ทำไมมันถึงกลับกันล่ะ?เฉินมู่แค่อยากจะทำให้เธออาย ซึ่งเธอไม่คิดว่าเฉินชิงเสวี่ยจะจบลงด้วยครีมและผลไม้บนไหล่ของเธอ ร่างเล็กอ้าปากกว้
เฉินมู่ผลักเธอออกไป ใบหน้าของเฉินชิงเสวี่ยถูกบีบด้วยความเจ็บปวดอย่างรุนแรง เฉินชิงเสวี่ยไม่กล้าหาเรื่องเธออีกต่อไป แต่เธอไม่อยากจากไปด้วยความอับอายเช่นนี้ เธอจึงเดินไปหา แล้วพูดเสริม “เฉินมู่ ไม่ว่าเธอจะดีแค่ไหน! ซีเจ๋อก็ไม่ต้องการสัตว์ประหลาดที่น่าเกลียดอย่างเธอหรอก!”“เธอเองก็ไม่ส่องกระจกหรือไงกันนะ! จะมีใครบ้างที่อยากเห็นรอยถลอกบนหน้าของเธอ! รอให้ถึงวันแต่งงานของฉันกับซีเจ๋อก่อน เธอได้ร้องไห้แน่!”เฉินมู่หัวเราะเยาะ “ก็แค่เธอคนเดียวที่ชอบขยะ ไม่ใช่ทุกคนจะชอบเหมือนเธอ การที่เธอเป็นคนยังไง มันมีค่าสำหรับฉันงั้นเหรอ?”หากเป็นเมื่อก่อน แค่ใช้เงินก็สามารถพบเจอฉินมู่ได้ ทว่าเนื้อแท้นั้น ฉินมู่ค่อนข้างจะซ่อนตัวอยู่ในเคโจวและหนานเคอ ขี้เกียจเกินกว่าที่จะออกไปข้างนอก นับประสาอะไรกับลู่ซีเจ๋อแค่คนเดียว?เฉินชิงเสวี่ยหน้าแดง เธอพยายามรั้งไว้เป็นเวลานานเพียงเพื่อสาปแช่งด่าทอ “น่าเกลียด! ในชีวิตนี้เธอคงไม่สามารถแต่งงานได้อีก!”พูดจบก็รีบวิ่งออกมาทันที ราวกับว่ากลัวว่าเฉินมู่จะทำร้ายเธออีกเฉินมู่ปิดประตู นั่งหน้ากระจก เมื่อพูดถึงเคโจว เธออดไม่ได้ที่จะคิดถึงภารกิจที่ตามหลอกหลอนราวฝันร้ายอ
ฮั่วหยุนเซียวไม่รู้ว่าควรจะสงสารสาวน้อยตรงหน้าดี หรือควรจะภูมิใจในความหนักแน่นในสถานการณ์ที่อันตรายของเธอดีเขายกมือพร้อมขมวดคิ้ว “ฮานเฉิง จัดการให้เรียบร้อย”“ครับ บอส”ฮานเฉิงยกโทรศัพย์อยู่หลายสาย และแล้วนักข่าวที่สมควรจะอยู่ที่นี่ต่อ กลับแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็วเฉิงหยวนกระพริบตา “ทำไมพวกเขาไปกันหมดแล้วล่ะ?”เมื่อฝูงชนสลายตัว สายตาเฉินมู่ก็สะดุดเข้ากับรถเบนท์ลีย์หรูที่จอดอยู่ข้างทาง“ปีศาจร้ายปรากฎตัวแล้ว” เธอกล่าวเฉิงหยวนถือถุงขนมของตัวเองตามไปและถามต่อ “อะไรนะ?”เฉินมู่ช่วยถือของในมือเธอ แล้วพูดว่า “ฉันจะไปส่งเธอที่บ้านก่อนแล้วกัน”ใต้แสงแดดอบอุ่นในฤดูหนาว สองสาวพูดคุยถึงเรื่องในอนาคต และรถหรูระดับโลกอย่างเบนท์ลีย์คันนั้นก็ขับตามหลังมาอย่างช้า ๆฮานเฉิงถามอย่างสุขุม “บอสครับ พวกเราจะขับช้าขนาดนี้จริงเหรอครับ?”ฮั่วหยุนเซียวมองแผ่นหลังหญิงสาวตรงหน้าอย่างสนใจ แล้วพยักหน้า “ขับช้ากว่านี้”ฮานเฉิง “...”เมื่อเดินมาถึงใต้อาคาร เฉินมู่ก็พูดว่า “คุณไปเก็บของให้เรียบร้อยแล้วเราไปโรงพยาบาลกัน”เฉิงหยวนปัดมือไปมา “ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน พวกเขาแค่ขว้างปาผักมาขู่ฉัน
เธอลงจากรถแล้วเห็นเฉิงหยวนที่ถูกฝูงชนล้อมเอาไว้ เหมือนแมวที่กำลังตื่นตระหนกตกใจ และไม่มีที่ซ่อนตัวเธอวิ่งฝ่าฝูงชนเข้าไป แล้วดึงเฉิงหยวนเข้ามายังอ้อมอก พร้อมถามอย่างกังวลว่า “เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”เมื่อเฉิงหยวนเห็นเฉินมู่ ก็ถึงกลับปล่อยโฮออกมาเธอยื่นมือไปปัดเศษผักบนตัวของเฉินมู่ออกให้ พร้อมส่ายหัว “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”เฉินมู่ประคองเธอให้ลุกขึ้น และแล้วไข่ไก่ฟองหนึ่งก็ลอยมา แต่เฉินมู่ยกมือขึ้นรับไว้ได้อย่างแม่นยํา“แกร๊ก” ไข่ไก่ในมือถูกบดขยี้จนแหลก และไข่ไก่เหลว ๆ ก็ไหลลงมาตามข้อมือของเธอ แววตาอันโหดเหี้ยมของเฉินมู่ทำให้ฝูงชนและนักข่าวต่างค่อย ๆ สงบลงเธอพูดกับหน้ากล้องที่ใกล้ที่สุด ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “จรรยาบรรณของนักข่าวคือการนำเสนอความเป็นจริง หวังว่าสื่อมวลชนทุกคนจะตระหนักข้อนี้ไว้หน่อย”พลันมีเสียงดังมาจากด้านหลัง “ความจริงก็คือเฉิงหยวนเป็นมือที่สาม! คนทั้งโลกต่างก็รู้เรื่องนี้!”“ใช่ ๆ คุณเป็นใคร! ทำไมถึงได้แก้ตัวแทนเฉิงหยวน!”เฉินมู่ตอบอย่างเยือกเย็น “เธอไม่ใช่มือที่สาม หวังว่าหลังจากวันที่ความจริงกระจ่างแล้ว ทุกคนในที่นี้ต้องขอโทษต่อการกระทำที่ทำต่อเฉิงหยวน”จ
เฉินมู่ซบอยู่ในอ้อมกอดลู่ซีเจ๋อพร้อมเช็ดน้ำตาด้วยท่าทีน้อยใจ “พี่คะ พี่เชื่อฉันสักครั้งเถอะ…”ลู่ซีเจ๋อหมดความอดทนกับเฉินมู่อย่างสิ้นเชิง เขาตะโกนอย่างเหลืออดว่า “ออกไป! ไสหัวออกไป!”เฉินมู่มองท่าทีที่ปวดใจของลู่ซีเจ๋อ แล้วถอนหายใจ “ลู่ซีเจ๋อ คุณ…”ลู่ซีเจ๋อมองหน้าเธอด้วยความโกรธเคืองเฉินมู่จึงได้เงียบลง พลางคิดว่าทำไมต้องปริปากพูดคำนี้ทั้ง ๆ ที่่ก่อนหน้านี้เธองัดหลักฐานเป็นร้อย ๆ อย่างเพื่อให้เห็นถึงจิตใจอันโหดเหี้ยมของเฉินชิงเสวี่ย แต่ลู่ซีเจ๋อก็มองไม่เห็นเธอจะเกลี้ยกล่อมเขาอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ แถมยังต้องถูกเฉินชิงเสวี่ยตอกกลับว่าเธออิจฉา“คุณคิดจะพูดอะไรอีก?” ลู่ซีเจ๋อมองเธอด้วยโกรธเคืองเฉินมู่ส่ายหัว “ไม่มีอะไรแล้ว แต่มีอะไรอยากจะบอกคู่หมั้นสุดที่รักของคุณหน่อย”เฉินชิงเสวี่ยมองเฉินมู่ด้วยสายตาที่หวาดกลัว “พี่มีอะไรอยากให้ฉันช่วยคะ...”เฉินมู่หัวเราะ แล้วพูดว่า “รบกวนเธอฝากบอกซุยซินยี่กับเฉินชิงโหรวด้วยนะ ว่าเฉิงหยวนจะกลับเข้าสู่วงการบันเทิงเร็ว ๆ นี้”เฉินชิงเสวี่ยจ้องมองเฉินมู่อย่างปวดใจ พลันเอ่ย “พี่คะ เฉิงหยวนเป็นมือที่สาม ทำไมพี่ยังจะคบหากับคนแบบนั้นอยู่อีก?”
แผลเป็นที่หน้าเกลียดน่ากลัวเหมือนตัวหนอนเกาะอยู่บนใบหน้า แถมยังมีรอยแดง ๆ อยู่รอบ ๆ เฉินชิงเสวี่ยถอนหายใจอย่างโล่งใจ แผลเป็นยังอยู่!ตอนที่กำลังลองชุดคราวก่อน เธอได้ข่าวว่าเฉินมู่กำลังรักษารอยแผลพวกนี้ มันทำเธอทุรนทุรายไปหลายวันเธอกลัวว่าเฉินมู่จะรักษาร่อยรอยแผลบนใบหน้าจนหายดี เพราะหากใบหน้านี้หายดีแล้ว มันจะกลับมาทำให้ชาวเมืองปินไห่ตกตะลึงอีกครั้ง เฉินชิงเสวี่ยหัวเราะอย่างโล่งใจ แถมยังเย้ยหยันเฉินมู่ต่อว่า “ได้ยินว่าเธอไปรักษาใบหน้า ทำไมยังเป็นแบบนี้อยู่ล่ะ?”เธอชี้ไปยังใบหน้าของเฉินมู่ พร้อมหัวเราะเยาะเย้ย “เธอดูไม่ออกเหรอว่ามันอาการหนักกว่าเมื่อก่อนอีกน่ะ?”“เฉินมู่ อย่าพยายามต่อไปเลย หน้าของเธอยังไงก็รักษาไม่หายหรอก เธอต้องแบกหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลแบบนี้ไปตลอดชีวิต เธอจะถูกผู้คนหัวเราะเยาะตลอดเวลา และถูกทอดทิ้งตลอดไป”เฉินมู่ง้างมือขึ้นแล้วกระแทกไปที่ใบหน้าของคนเจ็บอย่างแรง ใบหน้าของเฉินชิงเสวี่ยหันไปตามเสียงดัง “เพี๊ยะ”เฉินชิงเสวี่ยโดนตบจนโกรธมาก เธอจ้องมองเฉินมู่ด้วยความเคียดแค้น “สมควร ใครให้เธออยู่เป็นหนามยอกอกในตระกูลเฉิน เธอควรตายไปพร้อมกับแม่ของเธอตั้งนานแล้ว!”
“นี่คุณ!” ลู่ซีเจ๋อถูกเฉินมู่ปั่นหัวจนออกอาการโกรธอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่เคยเจอผู้หญิงที่ทั้งป่าเถื่อนและชั่วร้ายอย่างเธอมาก่อนเฉินชิงเสวี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอีกครั้ง “ไม่เป็นไรหรอก พี่สาวก็แค่ล้อเล่น คุณไปเถอะ”เฉินชิงเสวี่ยออดอ้อนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าอยากจะทานของหวานหน้าโรงพยาบาล ลู่ซีเจ๋อจึงได้แต่ทำตามคู่หมั้น แต่ก่อนเดินออกจากห้องก็ไม่ลืมที่จะถลึงตาใส่เฉินมู่อีกหนึ่งทีทันทีที่เขาเดินออกไป เฉินมู่ก็ขมวดคิ้วมองไปทางร่างบนเตียงอย่างเร็ว “เหลือเราแค่สองคนแล้ว มีอะไรอยากพูดไม่ใช่เหรอ?”ครั้งแรกเฉินลี่ซานสั่งให้เธอมาที่นี่ ครั้งที่สองลู่ซีเจ๋อก็พาเธอมาด้วยตัวเองอีกหนึ่งครั้ง เฉินชิงเสวี่ยเป็นคนวางแผนทั้งหมดให้เฉินมู่มาที่นี่ ไม่รู้ว่าเธอจะมีแผนการอะไรอีกเฉินชิงเสวี่ยเปลี่ยนสีหน้าในทันที ใบหน้าอ่อนหวานเมื่อสักครู่หายไปอย่างไร้ร่องรอยเธอมองหน้าเฉินมู่อย่างหงุดหงิด พร้อมพูดว่า “เธออย่ายุ่งเรื่องของตระกูลซุย!”เฉินมู่หัวเราะ ก่อนถามว่า “ทำไมเหรอ? ตระกูลซุยทำไมเหรอ?”เฉินชิงเสวี่ยพูดตรง ๆ ว่า “ฉันเตือนเธอด้วยความหวังดี ตระกูลซุยกับตระกูลเราทำธุรกิจร่วมกันมา ถ้าเธอทำงานแต่งซินยี่
เฉินมู่ยักไหล่เล็กน้อย “ถึงฉันจะทำร้ายเธอจนตาย ฉันก็จะไม่รู้สึกผิด”ลู่ซีเจ๋อขมวดคิ้ว “เฉินมู่ คุณทำร้ายเสวี่ยเอ๋อถึงขั้นนั้น เธอยังไม่ถือโทษโกรธ แค่บอกให้คุณอย่าเข้าไปยุ่งกับตระกูลซุย แค่คุณไปเยี่ยมเธอบ้าง มันยากนักหรือไง?”เธอหัวเราะเยาะเล็กน้อย “แค่เธอบอกว่าไม่ถือโทษโกรธฉัน คุณก็เชื่อเหรอ? ลู่ซีเจ๋อ ฉันสงสัยจริง ๆ ว่าในสมองคุณมันมีรอยหยักบ้างไหม”ลู่ซีเจ๋ออึ้งไปสักพัก เขาไม่ใช่คนที่ทะเลาะวิวาทกับใครบ่อย ๆ ร่างสูงลากเฉินมู่ไปเรื่อย ๆ แล้วพูดว่า “ไปโรงพยาบาลกับผม!”ช่วงเวลาเลิกเรียนนักศึกษาทุกคนเดินลงจากอาคาร ผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาตรงนั้น และแล้วทั้งสองก็เริ่มตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนเฉินมู่ไม่อยากตกเป็นประเด็นของคนทั้งมหาวิทยาลัยในวันพรุ่งนี้ จึงสะบัดมือออกอย่างจำใจและตอบว่า “ปล่อย ฉันเดินเองได้”ลู่ซีเจ๋อปล่อยมือเธอ เฉินหยวนจึงรีบวิ่งมาดึงแขนเฉินมู่ไว้ “ฉันไปเป็นเพื่อนนะ”เฉินมู่แตะมือเธอเบา ๆ “ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรหรอก เธอกลับหอพักไปก่อนเถอะ”เฉินหยวนพูดด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง “งั้นเธอต้องระวังตัวนะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นต้องรีบโทรหาฉันนะ หรือไม่ก็… โทรหาตัวรวจเลย!”เฉินหยวนหัวเ
เช้าวันถัดมา เฉินมู่ไปมหาวิทยาลัยตามปกติเรื่องของเฉิงหยวนยังเป็นที่กล่าวถึงบนโลกโซเชียล ซุยซินยี่ยอมจ่ายให้กับคอมเมนท์พวกนี้ไม่น้อยเลยจริง ๆแต่เฉินมู่ยังต้องกลับไปเรียน ถึงแม้ว่าชาวเน็ตจะยังพากันด่าทอดาราในสังกัดของเธอก็ตามทันทีที่เดินเข้าห้องเรียน เฉินหยวนก็โบกมือเรียก “เฉินมู่ ฉันจองที่ตรงนี้ไว้ให้เธอ”เฉินมู่สาวเท้าเข้าไปพร้อมกระเป๋านักเรียน พลางเผยยิ้มกว้าง “ขอบคุณนะ”จางหยางที่นั่งโต๊ะด้านหน้าก็ยื่นกาแฟกับพร้อมแซนด์วิชให้ “อาหารเช้าของเธอ”เฉินมู่พูดด้วยความปลาบปลื้มใจ “ทำไมพวกเธอดีกับฉันจังเลย?”จางหยางส่ายหัวอย่างเคอะเขิน แล้วตอบว่า “แต่ก่อนฉันไม่ค่อยเป็นมิตรกับเธอ เพราะฉะนั้นตอนนี้ฉันจะแก้ตัว” ตั้งแต่ที่เธอทำให้ผู้คนเกิดความประทับใจในคืนงานเลี้ยงปีใหม่ ทุกคนในชั้นเรียนก็หันมาดีกับเธอเฉินหยวนรีบวิ่งเข้ามาซุบซิบ “เธอเห็นหรือยังว่าข่าวเฉิงหยวนในเน็ตกลับมาฉาวอีกแล้วนะ?”เฉินมู่รับอาหารเข้ากัดไปหนึ่งคำ ก่อนพยักหน้าตอบ “เห็นแล้ว”เฉินหยวนรีบโต้ตอบทันที “เฉินมู่ ฉันเห็นเธอสนิทกับหล่อน หล่อนไม่ใช่คนดีนะ!”เฉินมู่หัวเราะ ก่อนตอบว่า “หล่อนเป็นคนดีมาก แล้วต่อไปเธอจะรู้เอง
แค่คําเดียว ทำให้มุมปากของฮั่วหยุนเซียวกระตุกยกโค้งราวไม่สามารถซ่อนรอยยิ้มไว้ได้เขาแตะมือไปที่ใบหน้าของเฉินมู่ พลางเรียกอย่างอ่อนโยนว่า “มู่มู่”เฉินมู่ลุกขึ้นนั่งอย่างสะลึมสะลือ แล้วถาม “คุณกลับมาแล้วเหรอคะ ตอนนี้กี่โมงแล้ว แล้วคุณทานข้าวหรือยัง?”แม้ว่าเธอไม่ได้งดงามเหมือนเหล่าคนมีชื่อเสียง แต่ก็แฝงด้วยความอ่อนหวานอยู่บ้างฮั่วหยุนเซียวไม่เคยรู้สึกว่า คําว่าเฉินมู่คํานี้จะอบอุ่นและน่าหลงใหลเช่นนี้มาก่อนหญิงสาวที่เขาสนใจนอนอยู่บนโซฟาด้วยท่าทีกำลังงัวเงียผมเผ้ายุ่งเหยิงสามคำถามต่อเนื่องนั้นดึงเขาออกจากภวังค์และเข้าสู่ความเป็นจริง แต่เขาไม่มีทางเลือก และทำตามอย่างเต็มใจเฉินมู่อยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น ดวงตาค่อย ๆ ปิดลงอีกครั้ง ช่วงนี้เธอพักผ่อนไม่เพียงพอ ถ้าอยู่ในความสงบเมื่อไหร่เธอพร้อมจะหลับทันที“อืม…” จู่ ๆ ความเย็นก็เข้ามากระทบริมฝีปาก สมองเฉินมู่รู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันทีสมองของเธอเริ่มประมวลผล พลันฝืนลืมตาขึ้น และเลียริมฝีปากตามสัญชาตญาณเธอมองเข้าไปในสายตาลึกลับของชายตรงหน้า ก่อนถามอย่างงุนงงว่า “อะไรเหรอ?”ปลายลิ้นของฮั่วหยุนเซียวไล่เลียตรงริมฝีปากล่างของตน รา
เมื่อทุกคนออกไป เฉิงหยวนก็ยังคงเกาะแขนของเฉินมู่ด้วยร่างกายอันสั่นอยู่อย่างนั้นเฉินมู่แตะมือเธอ พร้อมปลอบใจว่า “ไม่เป็นไรนะ ฉันจะคอยปกป้องคุณเอง”เฉิงหยวนพยักหน้า “ฉันเชื่อคุณ แต่ฉันไม่เข้าใจ ทำไมคนร้ายแบบพวกนั้น ถึงได้กล้ากล่าวหาเหยื่อแบบนี้”ผู้อำนวยการหยางวิ่งเข้ามาถามอย่างรีบร้อน “ผู้อำนวยการเฉินบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ? ผมพยายามห้ามคุณหนูซุยแล้ว แต่…”เฉินมู่ปัดมือไปมา พลางบอก “ไม่เป็นไรค่ะ ผู้อำนวยการหยางไม่ต้องกังวล นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเรา”เธอมองร่องรอยความเสียหายของข้าวของบนพื้น แล้วพูดต่อ “พวกเธอทำอะไรเสียหายบ้าง ลิสต์ให้ฉันด้วยนะ”ผู้อำนวยการหยางรีบยกปัดไม้ปัดมือปฎิเสธอย่างเร็ว “ไม่ได้ ๆ จะให้ผู้อำนวยการเฉินชดใช้ได้อย่างไร?” เฉินมู่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ใครบอกว่าฉันจะเป็นคนชดใช้ค่าเสียหาย? คุณหยางจัดการลิสต์รายการของที่เสียหายมาก็พอค่ะ”ผู้อำนวยการหยางก็ไม่รู้ว่าเฉินมู่คิดจะมาไม้ไหน จึงทำได้เพียงทำตามคำสั่งเท่านั้นเฉิงหยวนกระแอมเล็กน้อย แล้วถามด้วยความระมัดระวังว่า “คงไม่ใช่ให้ฉันชดใช้ค่าเสียหายหรอกนะ?”“หึหึ” เฉินมู่ยิ้ม “ไม่ใช่ คนที่ลงมือทำลายข้าวของต่าง