ฟ่านอวิ๋นเจ๋อถือสมุดบันทึกยืนอยู่ตรงหน้าเขาด้วยสีหน้าที่ไม่เต็มใจ:“หลินโจว สวี่เนี่ยนชูอยากจะอยู่กลุ่มกับนาย นายมีความคิดเห็นอะไรไหม?”"ไม่มี……"ฟ่านอวิ๋นเจ๋อเขียนชื่อของเขาด้วยความโกรธ จนสมุดบันทึกแทบจะทะลุหลินโจวแทบจะเดาได้เลยว่าเขาอยากจะพูดอะไรไม่มีอะไรมากไปกว่า"นายคอยดูเถอะ อวิ๋นรั่วซีเป็นของฉัน ไม่ว่านายจะเรียนกับสวี่เนี่ยนชูดีแค่ไหนมันก็ไร้ประโยชน์"หลินโจวจนใจเล็กน้อยเขาลุกยืนขึ้น และตบไปที่ไหล่ฟ่านอวิ๋นเจ๋อ“เพื่อนร่วมชั้น อยากจะแนะนำนายสักอย่างว่า อย่าไปเป็นหมาเลียแข้งเลียขาเอาใจผู้หญิงเลย! ผู้หญิงสองขามีอยู่ทุกที่...”ฟ่านอวิ๋นเจ๋อทำเสียงอึดอัดอย่างเย็นชา และสะบัดมือเขาออก:"ไร้ยางอาย!"พอพูดจบ เขาก็หันหลังกลับแล้วจากไปด้วยความโกรธหลินโจวส่ายหัว นั่งลงและสนใจแต่เรื่องของตัวเองเพื่อนร่วมโต๊ะตัวน้อยยังไม่กลับมา เขาจึงเริ่มคิดถึงการเปลี่ยนแปลงหลังจากเกิดใหม่ด้วยความเบื่อหน่ายสวี่เนี่ยนชูนั่งโต๊ะเดียวกันกับเขา ดูเหมือนว่า จะรู้สึกดีกับเขาไม่น้อยเรื่องของความรู้สึกจะใจร้อนไม่ได้ หลินโจววางแผนว่าจะค่อยเป็นค่อยไปผลการเรียนของเขาดีขึ้นทีละนิดทีละน้อย การสอบเข
เฉียนกั๋วกั่วชะงักเล็กน้อย ไม่อยากจะเชื่อนิดหน่อยเมื่อกี้ตอนที่พบว่ารายชื่อของตนเองตกหล่น เธอก็เห็นชื่อของหลินโจวกับสวี่เนี่ยนชูแต่หลินโจวเป็นคนอันธพาลในโรงเรียน ไม่ชอบแยแสผู้หญิง และชอบกลั่นแกล้งคนอื่นไปทั่วเธอรู้สึกกลัวเล็กน้อย จึงไม่กล้าไปหาหลินโจว และทำได้แค่เลือกสิ่งที่ดีรองลงมาก็คือการไปหาสวี่เนี่ยนชูแต่คิดไม่ถึงว่า สวี่เนี่ยนชูจะเย็นชายิ่งกว่าสลัดเธอออกเลยเฉียนกั๋วกั่วรู้สึกน้อยใจมากไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดีชั่วขณะเธอคิดไม่ถึงว่า หลินโจวจะเอ่ยปากพูดจริงๆเดิมทีอยากจะปฏิเสธ แต่พอคำพูดมาจ่อที่ปากก็กลืนมันลงไปถ้าหากลุ่มเรียนรู้ไม่ได้ มันจะน่าสงสารเกินไปไหม?"ฉัน ฉันร่วมได้เหรอ?"“ได้แน่นอน! กลุ่มของพวกเราขาดคนพอดีเลย เพื่อนร่วมโต๊ะตัวน้อย เธอคิดว่าอย่างไร?”คราวนี้สวี่เนี่ยนชูก็ตอบสนองเช่นกันเธอเก็บมือด้วยความเขินอายเล็กน้อย"ได้สิ"แม้ว่าเธอจะไม่ชอบติดต่อกับผู้คนมากนัก แต่ในเมื่อหลินโจวเห็นด้วย เธอก็เห็นด้วยเช่นกันหลินโจวมองไปที่หลิวซื่อหมิงอีกครั้งหลิวซื่อหมิงก็พยักหน้าตาม: "พี่โจวพูดแล้ว ผมไม่มีอะไรที่จะคัดค้าน""อืม งั้นก็เอาแบบนี้ก็แล้วกัน! ยินดี
ตอนนี้ไปซื้อข้าว คงจะโดนจับได้กันเข้าไปใหญ่ตอนที่เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรอยู่นั้น เขาก็เห็นหลิวซื่อหมิงถือกล่องอาหารโบกไม้โบกมือสุดฤทธิ์:“พี่โจว ไหนว่าจะไม่มากินข้าวที่โรงอาหารไง?”หลินโจวดีใจมาก รีบเอากล่องอาหารที่อยู่ในมือมอบให้หลิวซื่อหมิงจากนั้นก็แย่งอาหารที่เพิ่งจะไปตักมาจากในมือของเขา:“ได้ทีเลยนะ! กินเนื้อซะ แต่ไม่ต้องกินข้าวนะ”ท้ายที่สุดแล้ว อาหารหลักคือสิ่งที่ทำให้อ้วน"ห๊า?"หลิวซื่อหมิงไม่เข้าใจจุดประสงค์ของหลินโจวเลย ในสายตาเขามีเพียงซี่โครงหมู่ที่จู่ๆก็มาอยู่ที่ในมือ“โธ่? พี่โจว พี่เป็นพี่น้องแท้ๆของผมจริงๆ!”และหลินโจว ก็ได้นั่งตรงข้ามกับสวี่เนี่ยนชูอย่างสมใจ และเอาน่องไก่บนจานของตนเองแบ่งปันให้กับเธอได้สำเร็จสวี่เนี่ยนชูรู้สึกลังเลเล็กน้อย“ซี่โครงหมูของนายล่ะ?”“ถูกหลิวซื่อหมิงแย่งไปแล้ว”หลินโจวตอบอย่างมั่นใจ: "ผู้ชายคนนี้น่ากลัวจริงๆ จะกินซี่โครงหมูของฉันให้ได้ ฉันแย่งไม่ชนะเขา ถึงทำได้แค่มากินข้าวที่โรงอาหาร"สวี่เนี่ยนชูคีบขาไก่ที่อยู่บนจานขึ้นมาอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง:“แต่ว่า ฉันสามารถกินอิ่มได้ โดยที่ไม่ต้องกินน่องไก่”“ฉันรู้ แต่พวกเรา
เฉียนกั๋วกั่วครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแต่ก็ไม่เข้าใจในที่สุดเธอก็เลือกที่จะยอมแพ้…...การศึกษาด้วยตนเองในช่วงเย็นเป็นเวลาทบทวนอิสระสำหรับนักเรียนมัธยมปลายเนื่องจากมีกลุ่มศึกษาเกิดขึ้น หัวหน้าห้องแนะนำว่า แต่ละกลุ่มสามารถรวมตัวกันเพื่อทบทวนบทเรียนได้ตามอิสระเฉียนกั๋วกั่วที่ห่วงหงาวหาวนอน หอบหนังสือเรียนแล้วไปที่แถวสุดท้ายเพื่อหาหลินโจวและคนอื่นๆเพื่อนร่วมโต๊ะของหลิวซื่อหมิงไปที่อีกกลุ่มหนึ่งเธอจึงนั่งคว่ำหน้าบนที่นั่งว่างๆข้างหลิวซื่อหมิงแล้วก็เริ่มนอนถึงแม้จะถูกบังคับให้กินข้าวด้วยกันแต่เฉียนกั๋วกั่วยังคงรู้สึกว่า เป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะศึกษาอย่างไรเสียในกลุ่มนี้ก็มีหลินโจวกับหลิวซื่อหมิงสองคนนี้เรียนแย่มาก สวี่เนี่ยนชูอยากจะศึกษาสักแค่ไหนก็คงจะไม่เป็นผลอย่างแน่นอนดังนั้นเธอจึงไม่สนใจเลย แค่มาพอเป็นพิธีก็เท่านั้นการนอนคราวนี้ เฉียนกั๋วกั่วนอนหลับไปครึ่งชั่วโมงเธอถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงเขียนตัวอักษรที่ดัง"แคว่กแคว่ก"เป็นระยะเฉียนกั๋วกั่วลืมตาขึ้น ก็เห็นหลิวซื่อหมิงกำลังหอบกระดาษข้อสอบ และเขียนตัวอักษรอย่างแรงปลายปากกาแทบจะหักเฉียนกั๋วกั่วรู้สึกสับสนเล็กน้อย:
“ไม่ไปค่ะแม่ หนูอยากนอน”"เอ๊ะ?"ซุนฮุ่ยหรูรู้สึกงุนงงเล็กน้อย:“เป็นอะไรไป? กั๋วกั่ว ไม่สบายหรือเปล่า?”“เปล่าค่ะ แค่อ่านหนังสือนานเกินไปหน่อย เลยนอนไม่ดี”“เอ๊ะ? อ่านหนังสือเหรอ? ลูกสาวฉันรู้จักอ่านหนังสือด้วยเหรอ?”เฉียนกั๋วกั่วพลิกตัวกลับมาา "ใช่ค่ะ ไม่มีทางเลือก คุณครูของพวกเราให้พวกเราจัดตั้งกลุ่มการเรียนรู้ และคนในกลุ่มของพวกเราต่างก็อ่านหนังสือกันอย่างเต็มที่!"“เป็นอย่างนี้นี่เอง มิน่าล่ะ! ถ้าอย่างนั้นเพื่อนร่วมชั้นในกลุ่มของลูกก็ไม่เลวเลย กั๋วกั่ว ตั้งใจศึกษาเรียนรู้กับพวกเขาให้ดี ถ้าลูกสามารถก้าวหน้าได้ วันหลังให้พ่อของลูกเลี้ยงข้าวเพื่อแสดงความขอบคุณ”สำหรับเรื่องการเรียนของเฉียนกั๋วกั่ว ซุนฮุ่ยหรูสองสามีภรรยาคิดพยายามอย่างสุดความสามารถแล้วแต่ก็ไม่มีความก้าวหน้าใดๆมาโดยตลอดพวกเขากลัดกลุ้มใจมากพอได้ยินว่าลูกสาวรักเรียนแล้ว พวกเขาก็ดีใจเป็นอย่างมากเฉียนโหย่วฉายที่อยู่บนโซฟาก็พูดว่า: "ใช่แล้วกั๋วกั่ว ตั้งใจเรียนนะ"ขอบคุณพวกเขาเหรอ?เมื่อเฉียนกั๋วกั่วได้ยินคำนี้ ก็รีบลุกขึ้นนั่ง:“พ่อคะ แม่คะ พวกท่านอยากจะขอบคุณพวกเขาจริงๆเหรอ?”"ใช่สิ"“งานเลี้ยงผูกสัมพัน
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เจียงหนันหลิวซื่อหมิงยืนมาครึ่งชั่วโมงแล้ววันนี้เขาสวมเสื้อสีหนังที่เต็มไปด้วยเครื่องประดับกรุ๊งกริ๊ง กางเกงขายาวแบบไม่มีหมุด หวีผมทรงแอฟโฟรที่ได้รับความนิยมมากที่สุด และก็ทาแว็กซ์ผมหลิวซื่อหมิงพิงบนมอเตอร์ไซค์ และโพสท่าที่ตนคิดว่าหล่อที่สุดตอนที่เขาเห็นหลินโจว เขาก็ส่ายหัวอย่างเย้ายวน จากนั้น ก็แสดงสีหน้างุนงงออกมา“เอ๊ะ? พี่โจว ทำไมถึงแต่งตัวเรียบขนาดนี้ล่ะ?”วันนี้หลินโจว สวมเสื้อสเวตเตอร์สีเทา และเสื้อโค้ทขนเป็ดสีขาวแบบสบายๆท่อนล่างเป็นกางเกงลำลองหลวมๆ สีเทาอ่อนและรองเท้าผ้าใบ ซึ่งไม่เข้ากับผมยุ่งๆนั่นเลยหลินโจวมองหลิวซื่อหมิงด้วยความดูถูกเหยียดหยาม:"นี่นาย?"“จะไปงานเลี้ยงผูกสัมพันธ์ไม่ใช่เหรอ? งานเลี้ยงผูกสัมพันธ์ล้วนเป็นพี่นางฟ้าสุดเซ็กซี่ไม่ใช่เหรอ? พี่จะแต่งตัวเหมือนเด็กแบบนี้ได้ยังไงกัน?”วันนี้เป็นวันที่ตระกูลเฉียนจัดงานเลี้ยงผูกสัมพันธ์เดิมหลินโจวเรียกสวี่เนี่ยนชูด้วย แต่เธอบอกว่าตนเองมีธุระ จึงไม่สามารถมาได้มีเพียงหลิวซื่อหมิงเท่านั้นที่กระตือรือร้นมาก และพูดอย่างแปลกประหลาดว่าตนเองจะต้องทำได้อย่างแน่นอน พี่โจวเก่งจริงๆในเวลานั้น ห
“ไม่เลวเลย ขอบคุณเถ้าแก่มาก!”“ไม่ต้องขอบคุณ”เถ้าแก่โบกมือด้วยความลนลาน แต่เขาก็ยังดีใจที่ได้รับคำชมหลังจากจ่ายเงินแล้ว หลินโจวก็มองไปที่หลิวซื่อหมิงที่กำลังนั่งงีบหลับนั่งอยู่ข้างๆเด็กคนนี้พูดอยู่ตั้งนานแต่ก็ไม่อาจห้ามหลินโจวเอาไว้ได้ จึงผล็อยหลับไปหลินโจวก้าวไปข้างหน้าแล้วตบเขาอย่างจนใจหลิวซื่อหมิงที่กำลังน้ำลายไหลก็ตื่นขึ้นมา:“พี่โจว? เกิดอะไรขึ้น? ตัดน่าเกลียดมากเลยใช่ไหม? ให้ผมพาคุณไปตัดผมที่ร้านนั้น...”หลิวซื่อหมิงพูดไปได้ครึ่งหนึ่ง ก็เหมือนว่ามีอะไรติดอยู่ในลำคอเขามองหลินโจวที่อยู่ตรงหน้าอย่างเหลือเชื่อ ผ่านไปสักพักถึงได้เค้นคำพูดที่ไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อยออกมาว่า:“พี่โจว พี่เปลี่ยนศีรษะแล้วเหรอ?”"...."หลินโจวไม่ได้ตอบหลิวซื่อหมิง และพูดตรงๆว่า:“เจ้าอ้วน เอาเงินมาไหม?”“ห๊า?เอามา!”หลิวซื่อหมิงควักเงินหนึ่งพันบาทออกมาจากกระเป๋าอย่างงุนงงหลินโจวรับมา:“ขอบใจ เดี๋ยวตอนเย็นคืนให้”ว่าไปแล้วก็พูดไม่ออก ในมือเขาเหลือแค่ห้าร้อยบาทที่หลินฉางเจิงให้เขาเมื่อไม่กี่วันก่อนเงินอื่นๆ ถูกใช้ไปกับอวิ๋นรั่วซีหมดแล้วไม่อย่างนั้นตอนที่ออกไปข้างนอกในตอนเช้า ก็คงจะไม
หลิวซื่อหมิงมองดูหลินโจวเก็บเครื่องอุ่นมือนับร้อยอัน จากนั้นก็จ่ายเงินแล้วออกไปข้างนอกเขายังไม่ทันได้ตอบสนอง“พี่โจว ต่อราคาอย่างนี้ได้ด้วยเหรอ?”“ทำไมเหรอ?นี่เรียกว่าศิลปะในการพูด นายไม่เข้าใจ”"ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ผมไปซื้อเสื้อผ้าก็จะต่อราคาอย่างนี้!"หลิวซื่อหมิงทำราวกับว่าค้นพบพื้นแผ่นดินใหม่หลินโจว: "นายคิดว่ามีความเป็นไปได้ไหมที่ คนหล่อเท่านั้นถึงจะเรียกว่าพี่สาวได้?"????จากนั้น หลินโจวก็พาหลิวซื่อหมิง ไปหาร้านอาหารที่เพิ่งเปิดใช้เงินร้อยห้าสิบบาทใช้หม้อขนาดใหญ่ของพวกเขาต้มน้ำร้อน และใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงเพื่อขอให้พวกเขาช่วยเติมน้ำร้อนให้เต็มถุงน้ำร้อนท่ามกลางสายตาที่งุนงงของหลิวซื่อหมิง ถือถุงน้ำร้อนเหล่านี้ มุ่งหน้าไปที่งานเลี้ยงผูกสัมพันธ์…......สำนักงานออฟฟิศเฉียนซื่อกรุ๊ปเฉียนโหย่วฉายกำลังประชุมเกี่ยวกับงานเลี้ยงผูกสัมพันธ์ครั้งนี้ ซึ่งดำเนินไปนานกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้วเกือบจะสิบโมงแล้วเฉียนโหย่วฉายได้ทำการสรุปเป็นครั้งสุดท้าย“ระดับความสำคัญของงานเลี้ยงผูกสัมพันธ์ในครั้งนี้คิดว่าทุกคนคงจะทราบแล้ว ทุกคนได้โปรดให้ความสำคัญด้วย”“ครับ เถ้าแก่!”“ดี