เฉียนกั๋วกั่วครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแต่ก็ไม่เข้าใจในที่สุดเธอก็เลือกที่จะยอมแพ้…...การศึกษาด้วยตนเองในช่วงเย็นเป็นเวลาทบทวนอิสระสำหรับนักเรียนมัธยมปลายเนื่องจากมีกลุ่มศึกษาเกิดขึ้น หัวหน้าห้องแนะนำว่า แต่ละกลุ่มสามารถรวมตัวกันเพื่อทบทวนบทเรียนได้ตามอิสระเฉียนกั๋วกั่วที่ห่วงหงาวหาวนอน หอบหนังสือเรียนแล้วไปที่แถวสุดท้ายเพื่อหาหลินโจวและคนอื่นๆเพื่อนร่วมโต๊ะของหลิวซื่อหมิงไปที่อีกกลุ่มหนึ่งเธอจึงนั่งคว่ำหน้าบนที่นั่งว่างๆข้างหลิวซื่อหมิงแล้วก็เริ่มนอนถึงแม้จะถูกบังคับให้กินข้าวด้วยกันแต่เฉียนกั๋วกั่วยังคงรู้สึกว่า เป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะศึกษาอย่างไรเสียในกลุ่มนี้ก็มีหลินโจวกับหลิวซื่อหมิงสองคนนี้เรียนแย่มาก สวี่เนี่ยนชูอยากจะศึกษาสักแค่ไหนก็คงจะไม่เป็นผลอย่างแน่นอนดังนั้นเธอจึงไม่สนใจเลย แค่มาพอเป็นพิธีก็เท่านั้นการนอนคราวนี้ เฉียนกั๋วกั่วนอนหลับไปครึ่งชั่วโมงเธอถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงเขียนตัวอักษรที่ดัง"แคว่กแคว่ก"เป็นระยะเฉียนกั๋วกั่วลืมตาขึ้น ก็เห็นหลิวซื่อหมิงกำลังหอบกระดาษข้อสอบ และเขียนตัวอักษรอย่างแรงปลายปากกาแทบจะหักเฉียนกั๋วกั่วรู้สึกสับสนเล็กน้อย:
“ไม่ไปค่ะแม่ หนูอยากนอน”"เอ๊ะ?"ซุนฮุ่ยหรูรู้สึกงุนงงเล็กน้อย:“เป็นอะไรไป? กั๋วกั่ว ไม่สบายหรือเปล่า?”“เปล่าค่ะ แค่อ่านหนังสือนานเกินไปหน่อย เลยนอนไม่ดี”“เอ๊ะ? อ่านหนังสือเหรอ? ลูกสาวฉันรู้จักอ่านหนังสือด้วยเหรอ?”เฉียนกั๋วกั่วพลิกตัวกลับมาา "ใช่ค่ะ ไม่มีทางเลือก คุณครูของพวกเราให้พวกเราจัดตั้งกลุ่มการเรียนรู้ และคนในกลุ่มของพวกเราต่างก็อ่านหนังสือกันอย่างเต็มที่!"“เป็นอย่างนี้นี่เอง มิน่าล่ะ! ถ้าอย่างนั้นเพื่อนร่วมชั้นในกลุ่มของลูกก็ไม่เลวเลย กั๋วกั่ว ตั้งใจศึกษาเรียนรู้กับพวกเขาให้ดี ถ้าลูกสามารถก้าวหน้าได้ วันหลังให้พ่อของลูกเลี้ยงข้าวเพื่อแสดงความขอบคุณ”สำหรับเรื่องการเรียนของเฉียนกั๋วกั่ว ซุนฮุ่ยหรูสองสามีภรรยาคิดพยายามอย่างสุดความสามารถแล้วแต่ก็ไม่มีความก้าวหน้าใดๆมาโดยตลอดพวกเขากลัดกลุ้มใจมากพอได้ยินว่าลูกสาวรักเรียนแล้ว พวกเขาก็ดีใจเป็นอย่างมากเฉียนโหย่วฉายที่อยู่บนโซฟาก็พูดว่า: "ใช่แล้วกั๋วกั่ว ตั้งใจเรียนนะ"ขอบคุณพวกเขาเหรอ?เมื่อเฉียนกั๋วกั่วได้ยินคำนี้ ก็รีบลุกขึ้นนั่ง:“พ่อคะ แม่คะ พวกท่านอยากจะขอบคุณพวกเขาจริงๆเหรอ?”"ใช่สิ"“งานเลี้ยงผูกสัมพัน
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เจียงหนันหลิวซื่อหมิงยืนมาครึ่งชั่วโมงแล้ววันนี้เขาสวมเสื้อสีหนังที่เต็มไปด้วยเครื่องประดับกรุ๊งกริ๊ง กางเกงขายาวแบบไม่มีหมุด หวีผมทรงแอฟโฟรที่ได้รับความนิยมมากที่สุด และก็ทาแว็กซ์ผมหลิวซื่อหมิงพิงบนมอเตอร์ไซค์ และโพสท่าที่ตนคิดว่าหล่อที่สุดตอนที่เขาเห็นหลินโจว เขาก็ส่ายหัวอย่างเย้ายวน จากนั้น ก็แสดงสีหน้างุนงงออกมา“เอ๊ะ? พี่โจว ทำไมถึงแต่งตัวเรียบขนาดนี้ล่ะ?”วันนี้หลินโจว สวมเสื้อสเวตเตอร์สีเทา และเสื้อโค้ทขนเป็ดสีขาวแบบสบายๆท่อนล่างเป็นกางเกงลำลองหลวมๆ สีเทาอ่อนและรองเท้าผ้าใบ ซึ่งไม่เข้ากับผมยุ่งๆนั่นเลยหลินโจวมองหลิวซื่อหมิงด้วยความดูถูกเหยียดหยาม:"นี่นาย?"“จะไปงานเลี้ยงผูกสัมพันธ์ไม่ใช่เหรอ? งานเลี้ยงผูกสัมพันธ์ล้วนเป็นพี่นางฟ้าสุดเซ็กซี่ไม่ใช่เหรอ? พี่จะแต่งตัวเหมือนเด็กแบบนี้ได้ยังไงกัน?”วันนี้เป็นวันที่ตระกูลเฉียนจัดงานเลี้ยงผูกสัมพันธ์เดิมหลินโจวเรียกสวี่เนี่ยนชูด้วย แต่เธอบอกว่าตนเองมีธุระ จึงไม่สามารถมาได้มีเพียงหลิวซื่อหมิงเท่านั้นที่กระตือรือร้นมาก และพูดอย่างแปลกประหลาดว่าตนเองจะต้องทำได้อย่างแน่นอน พี่โจวเก่งจริงๆในเวลานั้น ห
“ไม่เลวเลย ขอบคุณเถ้าแก่มาก!”“ไม่ต้องขอบคุณ”เถ้าแก่โบกมือด้วยความลนลาน แต่เขาก็ยังดีใจที่ได้รับคำชมหลังจากจ่ายเงินแล้ว หลินโจวก็มองไปที่หลิวซื่อหมิงที่กำลังนั่งงีบหลับนั่งอยู่ข้างๆเด็กคนนี้พูดอยู่ตั้งนานแต่ก็ไม่อาจห้ามหลินโจวเอาไว้ได้ จึงผล็อยหลับไปหลินโจวก้าวไปข้างหน้าแล้วตบเขาอย่างจนใจหลิวซื่อหมิงที่กำลังน้ำลายไหลก็ตื่นขึ้นมา:“พี่โจว? เกิดอะไรขึ้น? ตัดน่าเกลียดมากเลยใช่ไหม? ให้ผมพาคุณไปตัดผมที่ร้านนั้น...”หลิวซื่อหมิงพูดไปได้ครึ่งหนึ่ง ก็เหมือนว่ามีอะไรติดอยู่ในลำคอเขามองหลินโจวที่อยู่ตรงหน้าอย่างเหลือเชื่อ ผ่านไปสักพักถึงได้เค้นคำพูดที่ไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อยออกมาว่า:“พี่โจว พี่เปลี่ยนศีรษะแล้วเหรอ?”"...."หลินโจวไม่ได้ตอบหลิวซื่อหมิง และพูดตรงๆว่า:“เจ้าอ้วน เอาเงินมาไหม?”“ห๊า?เอามา!”หลิวซื่อหมิงควักเงินหนึ่งพันบาทออกมาจากกระเป๋าอย่างงุนงงหลินโจวรับมา:“ขอบใจ เดี๋ยวตอนเย็นคืนให้”ว่าไปแล้วก็พูดไม่ออก ในมือเขาเหลือแค่ห้าร้อยบาทที่หลินฉางเจิงให้เขาเมื่อไม่กี่วันก่อนเงินอื่นๆ ถูกใช้ไปกับอวิ๋นรั่วซีหมดแล้วไม่อย่างนั้นตอนที่ออกไปข้างนอกในตอนเช้า ก็คงจะไม
หลิวซื่อหมิงมองดูหลินโจวเก็บเครื่องอุ่นมือนับร้อยอัน จากนั้นก็จ่ายเงินแล้วออกไปข้างนอกเขายังไม่ทันได้ตอบสนอง“พี่โจว ต่อราคาอย่างนี้ได้ด้วยเหรอ?”“ทำไมเหรอ?นี่เรียกว่าศิลปะในการพูด นายไม่เข้าใจ”"ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ผมไปซื้อเสื้อผ้าก็จะต่อราคาอย่างนี้!"หลิวซื่อหมิงทำราวกับว่าค้นพบพื้นแผ่นดินใหม่หลินโจว: "นายคิดว่ามีความเป็นไปได้ไหมที่ คนหล่อเท่านั้นถึงจะเรียกว่าพี่สาวได้?"????จากนั้น หลินโจวก็พาหลิวซื่อหมิง ไปหาร้านอาหารที่เพิ่งเปิดใช้เงินร้อยห้าสิบบาทใช้หม้อขนาดใหญ่ของพวกเขาต้มน้ำร้อน และใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงเพื่อขอให้พวกเขาช่วยเติมน้ำร้อนให้เต็มถุงน้ำร้อนท่ามกลางสายตาที่งุนงงของหลิวซื่อหมิง ถือถุงน้ำร้อนเหล่านี้ มุ่งหน้าไปที่งานเลี้ยงผูกสัมพันธ์…......สำนักงานออฟฟิศเฉียนซื่อกรุ๊ปเฉียนโหย่วฉายกำลังประชุมเกี่ยวกับงานเลี้ยงผูกสัมพันธ์ครั้งนี้ ซึ่งดำเนินไปนานกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้วเกือบจะสิบโมงแล้วเฉียนโหย่วฉายได้ทำการสรุปเป็นครั้งสุดท้าย“ระดับความสำคัญของงานเลี้ยงผูกสัมพันธ์ในครั้งนี้คิดว่าทุกคนคงจะทราบแล้ว ทุกคนได้โปรดให้ความสำคัญด้วย”“ครับ เถ้าแก่!”“ดี
เขาถูมือ แล้วเดินไปเดินมาไม่หยุด“นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย? ไม่ได้ดูพยากรณ์อากาศล่วงหน้าเหรอ?”“ขอโทษครับเถ้าแก่ นี่เป็นความสะเพร่าของพวกเราจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจู่ๆอุณหภูมิจะลดลงแล้วหิมะตก ตอนนี้พวกเขากำลังติดตั้งเรือนกระจกแล้ว แต่ว่า...”“แต่อะไร?”“แต่ข้างนอกหนาวมาก ผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นโรคประจำตัวที่ทนไม่ไหวเหล่านั้น ต่างก็พาเอะอะโวยวายบอกว่าจะกลับบ้าน”“หาห้องภายในไม่ได้เหรอ?”“เถ้าแก่ครับ คนเกือบสองร้อยคน พวกเราคงไม่สามารถหาสถานที่ในร่มขนาดใหญ่เช่นนี้ได้เร็วขนาดนี้ แถมยังมีมินิเกมที่เพิ่มปฏิสัมพันธ์ด้วย จึงยากมากที่จะจัดการ”“งั้น งั้นควรทำยังไงดี? ไม่มีอุปกรณ์ทำความอุ่นเลยเหรอ?”“ให้คนรีบไปซื้อแล้วครับ!”"ไร้ประโยชน์!"เฉียนโหย่วฉายเกรี้ยวโกรธมากในช่วงเวลาสั้นๆนี้ เขาได้รับโทรศัพท์หลายสายผู้สูงวัยในสถานที่จัดงานต่างก็พร่ำบ่นกันว่าหนาวเกินไป ให้เขาคิดหาวิธีตอนนี้เขาสามารถทำอะไรได้บ้าง?ขณะที่เขาไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงอยู่นั้น ทันใดนั้นเฉียนโหย่วฉายก็เห็น เฉียนกั๋วกั่วกำลังหอบของที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไรจำนวนมาก และมีวัยรุ่นสองคนเดินตามหลัง ไปยังสถานที่จัดงานเฉียนโหย่วฉาย
ดูเหมือนว่าชายชราจะหูตาสว่างทันที จู่ๆก็รู้วิธีการเอาชนะใจหญิงชราทั้งหลายพวกเขารีบเฮโลกันเดินเข้ามา:“ไอ้หนู ฉันก็เอาอันหนึ่ง!”“ฉันก็ซื้อด้วยฉันก็ซื้อด้วย!”“ฉันเอาอันสีชมพูนั่น!”“ฉันเอาสีน้ำเงิน สาวงามชอบสีน้ำเงิน”…......ทั้งสถานที่ตรงนั้นครึกครื้นมากเดิมทีหลิวซื่อหมิงกับเฉียนกั๋วกั่วยังคงงุนงงอยู่ แต่กลับถูกหลินโจวลากไปทำงานเฉียนโหย่วฉายก็ตะลึงจนพูดอะไรไม่ถูกนี่คือ……เพื่อนร่วมชั้นของกั๋วกั่วเหรอ?พวกเขาให้กั๋วกั่วพาเข้ามา ก็เพื่อขายเครื่องอุ่นมือเหรอ?ฉลาดเหมือนกันนะเนี่ย คว้าช่วงเวลาที่ดีที่สุดเอาไว้ได้ทันคำพูดที่ชายหนุ่มคนนั้นเพิ่งจะพูดไปก็มีวาทะศิลป์มากเช่นกันชั่วครู่หนึ่งเฉียนโหย่วฉาย นึกว่าได้เห็นนักธุรกิจคนหนึ่งที่มีอายุใกล้เคียงกับตนเองแต่สถานการณ์แบบนี้ วุ่นวายเกินไปแล้วไม่รู้ว่าจะส่งผลกระทบต่องานเลี้ยงผูกสัมพันธ์ไหมเฉียนโหย่วฉายครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ส่งสัญญาณเรียกผู้ช่วยมา หลังจากที่พูดกับผู้ช่วยไปสองสามประโยคแล้วผู้ช่วยก็พยักหน้าแล้วเดินไป“เพื่อนนักเรียนทั้งหลาย”หลินโจว เฉียนกั๋วกั่วและหลิวซื่อหมิงก็เงยหน้าขึ้นมาผู้ช่วยพูดอีกว่า:“เถ
คำพูดเหล่านั้นที่เขาเพิ่งพูดไป เห็นได้ชัดว่ากำลังช่วยตนเองให้รอดพ้นจากวิฤติเพราะคำพูดเหล่านั้น เขาที่เดิมทีถูกตำหนิ ในเวลานี้กลายเป็นผู้จัดงานที่ใจกว้างและมีน้ำใจไมตรีไปแล้วเหล่าชายชราได้รับความโปรดปรานจากเหล่าหญิงชรา พลางเล่นเกมปฏิสัมพันธ์กัน พลางชื่นชมผู้จัดงานไปด้วยเขาเป็นแค่นักเรียนมัธยมปลายคนหนึ่ง เก่งขนาดนี้เลยเหรอ?….......หลังจากที่ยุ่งไปหนึ่งชั่วโมง เครื่องอุ่นมือก็ขายหมดรวมเป็นเงินทั้งหมดห้าพันบาทถ้าหักต้นทุนไปหนึ่งพันามร้อยห้าสิบบาท กำไรสุทธิจะอยู่ที่สามพันหกร้อยห้าสิบบาทยังต้องให้เงินหลิวซื่อหมิงกับเฉียนกั๋วกั่วอีก จะไม่ปล่อยให้พวกเขาทำงานเปล่าๆไม่ได้หลินโจวถือเงินเอาไว้ และนั่งงุนงงอยู่ริมถนนความเร็วในการหาเงิน ยังช้าเกินไปต้องคิดหาวิธีถึงจะถูกหลิวซื่อหมิงและเฉียนกั๋วกั่วต่างก็ตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก“สามพันหกร้อยห้าสิบบาท!”“เช้าวันหนึ่งหาเงินได้สามพันหกร้อยห้าสิบบาท! นี่มันเป็นความเร็วแบบไหนกัน?”“เงินเดือนของแม่ผมแค่หกพันบาทเอง ในเวลาครึ่งวันพี่ทำเงินได้มากกว่าครึ่งหนึ่งของเงินเดือนแม่ผมเสียอีก พี่โจว พี่ยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า?”หลิวซื่อหมิงแสด