“หากเจ้ามีจี้หยกตระกูลเหยียนและมีปานแดงที่สะโพกก็คงปฏิเสธไม่ได้ เฮ้อ” เย่วหมิงถอนหายใจอย่างคิดไม่ตก เรื่องนี้มาไกลเกินไปแล้ว
“แล้วเด็กอีกคน” ฟางเหยียนอวี้อดที่จะเอ่ยถามอีกคนที่ถูกสับเปลี่ยนไม่ได้ ทว่าร่างสูงสง่าของรองแม่ทัพเย่วกลับชะงักงัน ดวงตาคมกริบมองมาอย่างเสียใจ นกกาเหว่าอยู่ในรังหงส์นั้นยังมีชีวิตสุขสบาย และยังมีตำแหน่งองค์ชายห้าที่ไม่อ่าว เที่ยวเล่นหอนางโลมเป็นวิสัย วัน ๆ ไม่ทำอะไรนอกจากกิน เมามายและก่อความวุ่นวาย“องค์ชายห้า เจ้าคงรู้จักไม่มากก็ไม่น้อย” ฟางเหยียนอวี้นิ่งไป ก่อนจะหัวเราะอย่างฝืดเคือง เรื่องนี้จะโทษว่าใครเป็นคนผิด มารดาผู้หวังดี หรือรองแม่ทัพเย่วที่ทำเขาหายไป ร่างสูงโปร่งลุกขึ้นยืนพร้อมโค้งกายเคารพ“ขอบคุณท่านรองแม่ทัพเย่ว เรื่องวันนี้ถือเสียว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเถอะขอรับ” “เพราะเหตุใด” เย่วหมิงลุกขึ้นยืนตาม น้ำเสียงแหบพร่ายิ่งกว่าเดิม ดวงตาคมกริบมองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ“ทุกวันนี้พวกเขาก็สุขสบายกันดีอยู่แล้ว จะเพิ่มเรหลังจากได้เงินมาแล้ว ฟางเหนียงไม่รอช้ารีบไปหาผู้ใหญ่บ้าน บอกเล่าเรื่องที่จะสร้างบ้าน โดยมีบ้านฝั่งมารดามาช่วยงานด้วย นางวาดโครงสร้างบ้านให้พี่ชายใหญ่เป็นคนจัดการไปซื้ออุปกรณ์ก่อสร้างในเมือง บ้านที่นางอยากได้ค่อนข้างใหญ่พอสมควร เพราะนางตั้งใจสร้างห้องนอนให้เจ้าแฝดคนละห้อง เพราะหากโตไปพวกเขาจะได้มีเวลาส่วนตัวบ้างนางสร้างสี่ห้องนอน หนึ่งห้องหนังสือไว้สำหรับสั่งสอนบุตรชาย มีห้องครัวและหนึ่งห้องรับแขก อีกทั้งสร้างกำแพงล้อมรอบบ้านด้วยเพราะไม่อยากให้เกิดปัญหามีคนปีนเข้ามาหาอีก นางไม่กลัวที่จัดการพวกโจร แต่ชื่อเสียงในยุคสมัยนี้จำเป็นต้องรักษา การสร้างบ้านของนางครั้งนี้ใหญ่โตและใช้คนจำนวนมาก และครั้งนี้นางได้รู้จักครอบครัวฝ่ายสามีซึ่งมาร้องโวยวายขอเงินส่วนของบุตรชายตนซึ่งทำให้ฟางเหนียงปวดหัวไม่น้อย“นี่ก็เป็นเงินของลูกชายข้า เจ้าต้องแบ่งเงินมาให้ทางบ้านข้าด้วย” น้ำเสียงเกรี้ยวกราดและชี้นิ้วสั่งของหญิงวัยกลางคนที่สวมใส่เสื้อผ้าเก่า ๆ ตรงหน้าทำให้ฟางเหนียงขมวดคิ้วมุ่น นางจับมนุษย์ป้าโยนออกไปจะผิดหรือไม่“เงินเดือนสามีข้าเกี่ยวอะไรกับท่าน ในเมื่อเราก็แยกบ้านกันมาตั้งนานแล้ว” ฟางเหนียงตอบโต้พ
และเงินเดือนนี้แม้เวลานี้จะน้อยนิด แต่มันก็มากพอที่คนธรรมดาใช้ชีวิตไปอีกหลายปี แต่ทำไมนางต้องให้เงินกับแม่สามีเช่นนี้ด้วย นางเก็บไว้ให้เจ้าแฝดไม่ดีกว่าหรือ“ไม่ ท่านลืมไปแล้วหรือว่าพี่ฟางเหยียนอวี้แยกบ้านกับท่านนานแล้ว และข้ากับท่านไม่มีความเกี่ยวข้องกันอีก หากท่านดื้อดึงก็ให้ผู้ใหญ่บ้านมาตัดสิน” ฟางเหนียงตอบกลับอย่างเย็นชา นางไม่อ่อนข้อให้คนเช่นนี้เด็ดขาด นางจะดีกับคนที่ดีกับนางอย่างแท้จริง ส่วนคนที่คิดจะปอกลอกกอบโกยผลประโยชน์จากนางก็ฝันไปเถอะ“เจ้า...” ฟางหรูโกรธจนตัวสั่น แต่นางก็ทำอะไรไม่ได้ เมื่อก่อนนางข่มเหงสะใภ้คนนี้ไม่ได้ ปัจจุบันก็ยิ่งทำไม่ได้ ยิ่งทำให้นางเกลียดชังสะใภ้คนนี้ยิ่งกว่าเดิม“สะใภ้สี่เจ้าพูดแบบนี้ก็ไม่ถูก อย่างไรท่านแม่ก็เลี้ยงดูสามีเจ้ามาตั้งแต่เล็ก บุญคุณไม่ว่าอย่างไรก็ตอบแทนไม่หมด อันที่จริงเงินเดือนของน้องสี่ควรแบ่งให้ท่านแม่อย่างน้อยหกส่วนเสียด้วยซ้ำ แต่หลายปีมานี้เจ้ายึดครองไว้เพียงคนเดียวก็นับว่ามากเกินพอแล้ว” ฟางเหนียงมองคนจีบปากจีบคอพูดอย่างไร้ยางอาย นางกดมุมปากลึกยิ่งกว่าเดิม สตรีตรงหน้าฉลาดพูดเสียด้วยซ้ำไป“ได้ข้าจะให้เงินร้อยตำลึงเงินกับพวกท่าน แต่จ
“ผู้ใหญ่บ้านนี่เป็นเรื่องครอบครัวข้า ข้าจัดการเองได้” ฟางหรูเอ่ยปากและมองอย่างไม่พอใจเมื่อรู้ว่ามีคนไปตามฟางไห่มา และนั่นทำให้นางต้องเสียผลประโยชน์ที่ควรได้“เหอะ!” ฟู้เหลียนเค้นเสียงไม่พูดอะไรให้มากความอีก เพราะพูดไปก็ชวนให้โมโหจนอยากลงไม้ลงมือกับสตรีไร้ยางอายเช่นนี้ เขาเป็นผู้ใหญ่มาหลายปีเห็นผู้คนมาหลายรูปแบบ แต่กับคนไร้ยางอายเช่นฟางหรูนี่เป็นครั้งแรก เพราะคนอื่นยังรู้สึกเกรงใจตนเองบ้าง ยิ่งคิดยิ่งหนวดกระตุกด้วยความโมโห“หนังสือแยกบ้านพวกข้าก็ยังมีอยู่ และมันก็มีผลทางกฎหมายเสียด้วย ข้าไม่ลำบากที่จะพาท่านไปส่งที่จวนผู้ว่าการที่ตัวเมือง” ฟางเหนียงที่เงียบมานานเอ่ยเสียงเนิบนาบ ไม่ได้เร่งรีบหรือมีอารมณ์เกรี้ยวกราดแต่อย่างไร ทว่าแม้นางจะพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ให้ความรู้สึกกดดัน ดวงตาที่งดงามของนางมีแต่ความเย็นชาจนทำให้คนที่ถูกนางมองถอยหลังอย่างลืมตัว ใบหน้างามยังมีรอยยิ้มอ่อนโยน แต่ความรู้สึกที่แผ่ออกมาทำให้คนรอบกายรู้สึกหวาดกลัว“เจ้า...เจ้าอกตัญญูผิดประเพณี กฎหมายก็สามารถเอาผิดเจ้าได้เช่นกัน” ฟางหรูกล่าวตอบโต้ แม้จะรู้สึกหวาดกลัวอย่างน่าประหลาด แต่เรื่องกฎหมายนางก็พอรู้มาบ้าง เ
“ตกลง แต่ท่านต้องทำสัญญากับพวกข้าว่าจะแตกหักกับ ฟางเหยียนอวี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกันอีก”ฟางเหนียงเอ่ยตอบอย่างจริงจัง หากเสียเงินส่วนนี้แต่ได้รับอิสรภาพก็ให้ความรู้สึกไม่เลว และเป็นการตัดปัญหาในอนาคตไปด้วย แต่หากฟางเหยียนอวี้กลับมาแล้วไม่เห็นด้วยกับนาง นั่นก็ถือเสียว่าพวกนางไม่มีวาสนาที่จะลองคบหาดูใจกัน คนที่ความคิดเห็นต่างกันมากเกินไปก็ไม่สามารถเดินร่วมทางไปด้วยกันได้“ได้!”“ไม่ได้!”สองเสียงที่พูดขึ้นพร้อมกัน และสายตาสองคู่ที่มองมายัง ฟางเหนียงด้วยอารมณ์ที่แตกต่างกัน นางส่งรอยยิ้มให้พ่อสามีแล้วกล่าวด้วยสีหน้าจนใจ ปิดบังความยินดีในดวงตาจนมิดชิด“ท่านพ่อ หากข้าไม่ทำเช่นนี้ท่านแม่ก็จะตามรังแกพวกข้าในภายภาคหน้า ให้เงินร้อยตำลึงนี้จบทุกเรื่องราวเถอะเจ้าค่ะ”แม้จะเสแสร้งแต่คนที่ดีด้วยกับฟางเหนียงก็พร้อมที่ยอมอ่อนข้อให้ นางกล่าวด้วยเสียงอ่อนลง เพราะอย่างไรฟางไห่ก็ทำให้ฟางเหยียนอวี้เติมโตมาได้ และมีคุณค่าพอที่จะให้ความเคารพ ดวงตาคู่คมมองอย่างพิจารณา แววตาของฟางไห่ไม่ได้ทำให้นางกลั
“พวกเจ้าไม่ได้ฝันหรอก ลองเลือกห้องนอนตัวเองไว้สิอยากได้ห้องไหน” ฟางเหนียงพูดตามหลังเด็กน้อยที่วิ่งวุ่นวายไปทั่วบ้าน ก่อนจะมากอดขานางคนละข้าง“ท่านแม่ไม่อยากให้ข้านอนด้วยแล้วหรือขอรับ/ท่านแม่ไม่อยากให้ข้านอนด้วยแล้วหรือขอรับ” ทั้งคู่พูดขึ้นพร้อมกันและเงยหน้ามองด้วยสีหน้าซีดขาว ฟางเหนียงก้มหน้ามองแล้วหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะลูบศีรษะทั้งคู่อย่างเอ็นดู“ไม่ใช่เช่นนั้น เพียงแต่เลือกไว้ตอนพวกเจ้าโตแล้ว วันไหนอยากนอนคนเดียวก็กลับไปนอนได้”ฟางเหนียงพยายามอธิบายอย่างใจเย็น เพราะในอนาคตพวกเขาต้องมีครอบครัว และคนในยุคนี้ไม่ค่อยมีการแยกบ้านอยู่นอกจากแตกหักกันจริง ๆ เช่นนางกับตระกูลฟางแต่กระนั้นพวกเด็ก ๆ ก็ยังไม่เข้าใจ เพราะเด็กบ้านอื่นก็นอนกับพ่อแม่ เพียงแต่พวกเขาไม่รู้ว่าเพราะบ้านเด็กเหล่านั้นหลังเล็กและไม่มีห้องส่วนตัวเหมือนพวกเขาเช่นตอนนี้ฟางเหนียงจึงเอ่ยปลอบและไม่ได้ให้เด็กน้อยเลือกห้องอีก เพราะหากโตไปพวกเขาจะเข้าใจเอง เมื่อพวกเขาเข้าใจว่ายังได้นอนกับมารดาก็พากันเดินสำรวจบ้านอีกครั้ง“ท่านแม
“เนื้อหมูสับ กระเทียมกลีบทุบ รากผักชีทุบ น้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว น้ำปลา ซีอิ๊วดำ และน้ำตาลทราย...”ฟางเหนียงพึมพำส่วนผสมของก๋วยเตี๋ยวหลอด นางไม่ใช่เชฟแต่ก็ทำอาหารเป็น เพราะบางครั้งอยู่ในค่ายก็ต้องไปช่วยพ่อครัวบ้างอาหารในค่ายทหารไม่ได้สวยหรู แต่ก็ทำให้อิ่มทุกมื้ออาหารที่นางพอทำได้แค่อาหารที่นางชอบกินเท่านั้น เวลาไม่มีคนทำให้กินบางครั้งต้องทำกินเองเพียงครึ่งชั่วยามกลิ่นหอมของก๋วยเตี๋ยวหลอดก็อบอวลไปทั่วห้องครัว เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงยกไปยังห้องอาหารซึ่งเวลานี้มีโต๊ะกินข้าวขนาดหกคนนั่งเรียบร้อยแล้ว ที่นางสั่งทำหกที่นั่งเพราะเผื่อมีแขกมาบ้านเท่านั้น“เด็ก ๆ ไปล้างมือกินก๋วยเตี๋ยวหลอดกัน”ฟางเหนียงตะโกนเรียกเจ้าก้อนแป้ง ซึ่งพากันวิ่งมาจากหน้าบ้านอย่างรื่นเริง ทั้งคู่ไปล้างมือที่อ่างล้างจานอย่างรู้งาน ก่อนจะกลับมานั่งบนเก้าอี้อย่างเรียบร้อย ดวงตากลมโตมองอาหารแปลกหน้าตาเป็นประกาย มันรูปร่างคล้ายเกี๊ยวแต่ก็ไม่เหมือน“นี่เรียกอะไรขอรับ”ฟางหรงเอ่ยถาม น้ำลายแทบหกเพราะกลิ่นหอมจนอ
ฟางเหนียงใช้เวลาสอนเด็กว่ายน้ำเพียงครึ่งชั่วยามเท่านั้น น้ำค่อนข้างเย็นหากแช่น้ำนานไปอาจจะไม่สบาย แต่นางเป็นกังวลมากไป เพราะน้ำในมิติสวรรค์พิเศษกว่าข้างนอก แม้กระทั่งแช่ทั้งคืนก็ไม่สามารถทำให้เป็นไข้หวัดได้ แต่นางก็สอนเด็ก ๆ เพียงแค่นี้และฟางหรงจะเรียนรู้ได้เร็วกว่าฟางเหริน อาจเพราะเจ้าตัวชอบความสนุกและความท้าทายจึงทำให้ทรงตัวได้ดีกว่าเมื่อครบเวลาที่กำหนดฟางเหนียงก็ให้เด็ก ๆ อาบน้ำแต่งตัวก่อนจะหัดเขียนตัวอักษรและอ่านหนังสือและส่วนนี้ฟางเหรินจะชื่นชอบกว่าการว่ายน้ำ แต่การว่ายน้ำก็ไม่ได้ทำให้เจ้าตัวปฏิเสธแม้ไม่ค่อยชอบแต่ก็อยากจะเรียนรู้ นางมองเจ้าก้อนแฝดแล้ว อมยิ้มอย่างมีความสุข ใบหน้าน่ารักและเฉลียวฉลาดทำให้นางเอ็นดู พวกเขาเป็นเด็กดีและเชื่อฟังมากเวลานี้กำลังเข้ายามเซิน นางปล่อยให้เด็ก ๆ เล่นเขียนอักษรและวาดรูปตามใจชอบ ส่วนตัวนางก็ไปดายหญ้าข้างบ้านและขุดดินทำแปลงผักซึ่งทำใกล้เสร็จแล้ว นางไม่ได้ให้เด็ก ๆ มาช่วยเพราะการพลิกดินที่รกร้างค่อนข้างแข็งไม่เหมาะกับเด็ก ๆ แต่นางจะสอนให้เด็ก ๆ รดน้ำต้นไม้และวางแผนจะขุดบ่อน้ำขนาดเล็กไว้สำหรับรดน
เมื่อถึงยามอิ๋น ฟางเหนียงก็ลุกขึ้นมาออกกำลังกายแต่เช้า ด้วยน้ำจากมิติสวรรค์และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอทำให้ร่างนี้ยืดหยุ่นและแข็งแรงมากขึ้น วันนี้นางตื่นเช้ากว่าทุกวันจึงไม่ได้ปลุกให้เด็ก ๆ มาออกกำลังกายด้วย เมื่อได้เหงื่อแล้ว นางจึงไปทำอาหารไว้ให้เจ้าก้อนแป้งน้อยระหว่างเข้าเมือง วันนี้นางทำอาหารง่าย ๆ อย่างซาลาเปาไส้หมูและไส้เห็ดหอมไว้เป็นของว่างให้เด็ก ๆ และทำอาหารสองอย่าง นางทำไข่ตุ๋นซึ่งเป็นไข่งูที่ยังเหลืออยู่ และทำข้าวผัดไข่แบบง่าย ๆ ให้ เด็ก ๆ เมื่อจัดการเรื่องอาหารการกินเรียบร้อยแล้ว จึงได้ออกเดินทางแต่เช้า นางพาเด็ก ๆ เข้าไปในมิติสวรรค์ด้วยไม่ได้ไปฝากป้าหวัง นางอยากพาเด็ก ๆ ไปเดินเล่นในเมืองด้วยในวันนี้ ร่างบอบบางสวมใส่อาภรณ์สีดำมีหมวกปีกสานสวมใส่ปิดบังใบหน้าจนหมด ข้อเท้าบอบบางของนางเวลานี้กลับมีเชือกผ้าร้อยรัดและมีกระสอบหินผูกเอาไว้ขณะที่เดินเข้าไปในเมือง แรก ๆ การเดินล่าช้าเพราะน้ำหนักหินที่หนักกว่าห้าสิบชั่งถ่วงเอาไว้ แต่เมื่อเริ่มชินการก้าวเดินกลับเร็วขึ้น ด้านหลังที่ก็มีตะกร้าหวายที่มีหินหนักกว่าห้าสิบชั่ง แต่หลังบอบบางกลับเหยียดตรงเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง จากกา
แม้จะปิดจมูกเอาไว้ แต่กลิ่นเหม็นของมันก็ยังคงอยู่ นางไม่รอช้าเร่งมือเก็บกวาดเห็ดหลินจือและต้นไม้ที่ดูแปลก ๆ ใส่เข้าไปในมิติจนหมด จากนั้นก็รีบจากมาอย่างรวดเร็ว เมื่อได้สิ่งที่ต้องการแล้ววันนี้นางจึงเดินทางกลับทันทีอีกทั้งทิศนี้ก็สิ้นสุดที่หน้าผา หากต้องการไปที่ภูเขาลูกต่อไปคงต้องอ้อมไปอีกทิศทางหนึ่ง ซึ่งไว้ให้นางเลื่อนระดับลมปราณให้ได้เสียก่อนอีกอย่างวันนี้นางจะทำสตูว์กระต่ายให้เจ้าก้อนแป้งกินจึงรีบกลับบ้านอย่างรวดเร็ว อีกอย่างพรุ่งนี้เป็นวันเกิดของเจ้าแฝดด้วยนางจะได้ไปทำขนมเค้กให้ซึ่งนางไม่ได้ทำนานแล้วอีกอย่างเตาอบสมัยนี้ไม่รู้ว่าทำออกมาแล้วสีขนมเค้กจะออกมาหอมนุ่มหรือจะไหม้แทน นางต้องไปฝึกทำคืนนี้หากไม่ได้ยังไงจะได้ปรับเปลี่ยนสูตรไปด้วยฟางเหนียงใช้เวลาไม่นานก็กลับมาถึงบ้าน ระหว่างทางกลับบ้านนางก็หาบฟืนมาสองมัดเพื่อให้ชาวบ้านได้เห็นว่านางก็มีฟืนใช้ในฤดูหนาวพวกเขาอาจไม่รู้ว่านางมีทั้งหมดกี่มัดและหาบลงมากี่รอบแล้ว แต่นางไม่ได้สนใจเรื่องนั้น นางแค่ทำให้ไม่ดูแตกต่างจนชาวบ้านสงสัยเท่านั้นเมื่อเข้ามาในบ้านฟางเหนียงก็เอาฟืน
ฟางเหนียงหาเศษใบไม้แถวนั้นมาเผาตรงหน้าโพรงกระต่าย ควันไฟลอยเข้าไปในโพรงไม้จนเจ้าก้อนสำลีตัวอ้วนกระโดดออกมา นางใช้กำลังภายในที่มีเพิ่มความเร็วของมือจับมือของมันโยนเข้าไปในมิติอย่างรวดเร็ว แม้กระทั่งเจ้ากระต่ายตัวอ้วนยังยืนงงอยู่ภายในมิติ ว่ามันมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร มันไม่ทันได้เห็นหน้ามนุษย์ผู้นั้นเสียด้วยซ้ำไปแต่มันก็ยืนงงไม่นาน เมื่อมีครอบครัวของมันตามมาอีกห้าตัวด้วยกัน เมื่อเห็นว่าอยู่กันครบแล้ว พวกมันก็พากันกระโดดไปตามสวนผักอย่างตื่นเต้น และแทะเล็มผักใบเขียวสดใหม่อย่างเอร็ดอร่อยฟางเหนียงมองในมิติเงียบ ๆ ไม่ได้จับพวกมันออกจากสวนผัก เพราะถึงจะกินไปเดี๋ยวมันก็ขึ้นมาอีก แต่ต่อไปนางจะสร้างรั้วกั้นไว้ไม่ให้มันเดินไปทั่วเช่นเดียวกับไก่ แต่ตอนนี้นางยังต้องสำรวจป่าลึกแถวนี้ให้เสร็จก่อนค่ำ เมื่อถึงเวลามื้อเที่ยงนางก็เข้าไปกินข้าวกับเด็ก ๆ ในมิติสวรรค์ ซึ่งทั้งคู่ยังพากันเล่นน้ำอย่างสนุกสนานน้ำกับเด็กนี่เป็นของคู่กันจริง ๆ โชคดีที่พวกเขาว่ายน้ำกันเก่งมากแล้ว แต่หากมีอะไรผิดปกตินางก็สามารถเข้ามาช่วยเหลือได้ตลอดเวลา จึงไม่ได้ทำให้นางเป็นห่วงมากนัก&
ชีวิตในแต่ละวันของฟางเหนียงนั้นเป็นระบบระเบียบมาก เช้ามาออกกำลังกายยามเช้า ให้อาหารไก่ อาหารหมู อาหารม้า และรดน้ำผักในตอนเช้า เวลานี้แตงโมสุกหลายลูกแล้ว นางกินไม่ทันจึงได้เก็บไว้ไปขายในเมืองและผักผลไม้หลายอย่างซึ่งออกดอกออกผลในมิติสวรรค์นั้นงดงามมากแม้เวลานี้นางไม่ได้ขาดแคลนเงินทอง แต่นางก็ไม่ได้รังเกียจหากมันจะมีเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม เพราะอนาคตยังต้องมีค่าใช้จ่ายของเจ้าก้อนแป้งน้อยตามมาด้วย เวลานี้เจ้าก้อนแป้งน้อยขาวอวบอ้วนน่าฟัดยิ่งกว่าวันแรก ที่นางได้พบเจอ แก้มอวบอ้วนนั้นก็น่าบีบน่าจับไปหมด แขนเล็ก ๆ อ้วน ๆ ป้อมนั่นยิ่งทำให้นางเผลอยิ้มมาหลายครั้งอีกหน่อยทั้งคู่คงจะกลิ้งแทนการเดิน ช่วงนี้นางวางแผนไปหาแพะมาเลี้ยงเพื่อจะได้รีดนมให้เจ้าก้อนแป้งกิน ในอนาคตข้างหน้าเจ้าตัวจะได้สูงสมส่วน แม้นางจะชอบที่เจ้าก้อนแป้งอวบอ้วน แต่หากโตขึ้นนางก็อยากให้พวกเขาหล่อเหลา สมส่วนเป็นหนุ่มหล่อให้นางได้มองเจริญหูเจริญตา ยิ่งพวกเขาหน้าตาดีนางยิ่งภูมิใจที่เลี้ยงดูพวกเขามาอย่างดีและในทุกวันจะแบ่งเวลามานั่งเดินลมปราณกันอย่างขยันขันแข็ง ตอนนี้นางอยู่ขั้นต้นระดับห้าแ
ฟางเหนียงให้เด็ก ๆ หัดเล่นหมากล้อมขาวดำ ซึ่งนางซื้อมาเมื่อครั้งเข้าเมืองล่าสุดนี้ นางสอนวิธีเล่นและอธิบายการเล่นหมากล้อมอย่างใจเย็น นางไม่รู้ว่าพวกเขาเข้าใจมากน้อยแค่ไหนแต่พยายามอธิบายแบบง่าย ๆ ให้ฟัง นางใช้เวลาสอนเล่นเพียงครึ่งชั่วยาม ซึ่งฟางเหรินแฝดพี่จะเข้าใจง่ายกว่าคนน้อง แม้คนน้องจะหัวร้อนกว่าแต่ก็พอเล่นไปได้ เมื่อถึงยามซวีจึงพาเด็ก ๆ เข้านอน ห้องนอนตอนนี้กว้างและเตียงนอนขนาดใหญ่ซึ่งเด็ก ๆ นอนกลิ้งได้อย่างสบาย ๆ นางเหน็บผ้าห่มให้ทั้งคู่อย่างเงียบ ๆ เมื่อทั้งสองหลับไปแล้วจึงได้ออกจากห้องไปยังห้องนอนใหญ่อีกห้องหนึ่งซึ่งนางเตรียมไว้ให้ ฟางเหยียนอวี้ ข้าวของที่ซื้อมาก็จัดเก็บไว้ในตู้เรียบร้อยแล้ว มีเพียงผ้าพับที่ยังอยู่ห้องของนางเพราะต้องวัดขนาดของเจ้าตัวก่อนจะตัดเย็บให้ ฟางเหนียงนั่งลงบนเตียงนอนที่มาปัดเช็ดถูอยู่บ่อยครั้ง ผ้าห่มชุดนี้ยังไม่เคยใช้งานแต่ก็ถูกเตรียมไว้รอคนกลับบ้าน นางครุ่นคิดถึงคนในความทรงจำของร่างเดิม ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะบาดเจ็บสาหัสเพียงใด และนางยังสามารถช่วยเหลือได้หรือไม่ สงครามไม่ใช่สนามเด็กเล่นแค่รอดกลับมาได้ก็นับว่าดีมากแล้วฟางเหนียงสงบใจ ก่อนจะเริ่มอ่านคั
นางนำผงถ่านมาผสมกับน้ำมันหมูขั้นตอนการทำค่อนข้างยุ่งยาก เพราะไม่มีN70 หรือ N8000 ในยุคปัจจุบันที่ทำให้สบู่มีฟอง จึงต้องใช้ไขมันหมูทดแทน สบู่นี้สามารถเก็บไว้ได้นานแต่จะมีฟองน้อย หากมีน้ำมันมะกอกจะทำให้มีฟองมากกว่านี้ และยังทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นมากกว่าอีกด้วยส่วนน้ำหอมนางใช้ดอกกุกลาบที่ปลูกไว้ข้างบ้านมาคั้นน้ำผสม ความรู้ส่วนนี้ได้มาจากญาติผู้พี่ที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่วัน ๆ อยู่กับห้องแล็บในวันสิ้นโลก มีช่วงหนึ่งสบู่ขาดแคลนเจ้าตัวก็สอนวิธีโบราณกับคนอื่น ๆ จึงพอถู ๆ ไถ ๆ ไปได้ ตั้งแต่มาที่นี่ฟางเหนียงได้ทดลองทำหลายอย่าง นางไม่ได้เชี่ยวชาญมากนัก ส่วนมากจะจำได้ตอนที่ญาติผู้พี่เล่าให้ฟังเท่านั้น ทว่าตั้งแต่ญาติผู้พี่ถูกพวกทางการเชิญตัวไปทดลองทำยาต้านเชื้อไวรัสนางก็ไม่ค่อยได้พบบ่อยหนักหลังจากที่เด็ก ๆ ไปอาบน้ำฟางเหนียงก็ทำอาหารเย็นวันนี้นางทำไก่ตุ๋นเกาลัดและไข่ตุ๋นอย่างง่ายอีกหนึ่งอย่าง นางเริ่มก่อไฟหุงข้าวไว้ก่อนจะไปลงมือเชือดไก่ในมิติอีกหนึ่งตัว นางลงมือทำอย่างคล่องแคล่วใช้เวลาเพียงไม่นานไก่ก็ถูกทำความสะอาดจนเรียบร้อย จากนั้นจึงได้เตรียมส่วนผสมอื่น ๆ ซึ่งมีเกาลัดหรือที่นี่เรียกว่าลี่จึเป
ทว่าทันทีที่มาถึงบ้านฟางเหนียงก็ได้รับข่าวจากคนในหมู่บ้านว่าลู่หลิ่งบ้านตระกูลลู่ถูกสัตว์ร้ายฆ่าตาย อีกฝ่ายหนีออกจากป่าลึกมาได้ ชาวบ้านจึงได้ให้การช่วยเหลือ แต่เนื่องจากอาการบาดเจ็บสาหัสทำให้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ฟางเหนียงเม้มปากแน่น นางรู้ว่าทำไมพวกเขาเข้าไปในป่าลึกเพราะพวกนั้นหวังจะเจอสมุนไพรและร่ำรวยชั่วข้ามคืนเช่นเดียวกับนาง และทั้งตอนนี้ตระกูลฝั่งมารดาของนางก็มีบ้านหลังใหญ่ให้คนอื่นอิจฉาเช่นกัน จึงทำให้มีบุรุษหลายคนเข้าป่าตามคำสั่งภรรยา นางจำคนชื่อลู่หลิ่งได้เนื่องจากเคยมาช่วยนางสร้างบ้านมาก่อนในโลกนี้ฟางเหนียงไม่รู้ว่าเวลาคนเสียชีวิตต้องทำอย่างไร แต่นางก็ให้ซองเงินช่วยเหลือไปหนึ่งตำลึง เพื่อจะได้ซื้อโลงศพดี ๆ และซื้ออาหารเลี้ยงแขกด้วย ซึ่งลู่ชิงภรรยาอีกฝ่ายแม้จะรับเงินไป แต่ก็มองนางราวกับนางเป็นต้นเหตุการณ์ตายของสามี จากนั้นนางจึงไม่ไปปรากฏตัวในงานอีกเพราะนางก็ได้ช่วยเหลือตามสมควรแล้ว ต่อไปนี้จะเป็นอย่างไรก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกันอีก และนางไม่ได้เป็นคนบอกให้ขึ้นเขาไปป่าลึกเพื่อหาสมุนไพรเสียหน่อย นั่นอยู่ที่ความโลภของพวกเขาเอง ขนาดตัวนางยังบาดเจ็บกลับมาแล้วคนที่ไม่เคยผ่านความเป็นคว
ฟางเหนียงซึ่งอยู่ในร้านเซี่ยโหย่วเอ่ยถามเซี่ยอวี้เสียงเรียบ แม้สีหน้าจะไม่เปลี่ยนไป แต่ในใจตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน แม้นางจะหาเงินมาได้มากในหนึ่งเดือนมานี้แต่หากใช้จ่ายแบบนี้ครอบครัวของพวกเขาจะต้องกลับมายากจนอีกครั้ง “ฮูหยินฟางท่านฟังไม่ผิดหรอก คัมภีร์พวกนี้ใช่ว่าจะมีขายง่าย ๆ จะมีก็จะเป็นของปลอมหากฝึกตามอาจจะเกิดธาตุไฟเข้าแทรก แต่ท่านเองก็มีวรยุทธ์เหตุใดต้องหาคัมภีร์เริ่มต้นด้วย” เซี่ยอวี้เอ่ยถามอย่างสงสัย มองสตรีตรงหน้าที่วันนี้งดงามมีน้ำมีนวลมากกว่าเดิม หากนางไม่ทำทรงผมว่าเป็นสตรีแต่งงานแล้วคงมีคนมาเกี้ยวพาราสีมากมาย และมาวันนี้นางสวมหมวกปีกสานปิดบังใบหน้าไว้อย่างมิดชิด แต่ก็ไม่อาจมองข้ามความงามไปได้ เสียดายคนที่งดงามและมากความสามารถเช่นนี้แต่งงานแล้ว ไม่รู้ว่าบุรุษผู้โชคดีคนนั้นเป็นใคร“ข้าต้องการหนึ่งเล่ม” ฟางเหนียงไม่ได้ตอบคำถามของเซี่ยอวี้ แต่บอกความต้องการของตนเอง พร้อมหยิบตั๋วเงินหนึ่งตำลึงทองให้อีกฝ่ายอย่างจนใจ แม้ราคาจะแพงจนน้ำตานางแทบไหล แต่เพื่ออนาคตจึงต้องยินยอมใจจ่าย อีกทั้งตัวนางเองก็สนใจพวกวรยุทธ์เช่นกัน นางจำได้ว่าเข้าเมืองครั้งที่แล้วมีคนหมายเอาชีวิตเพราะวิชาสะ
หลังจากที่เตรียมเสร็จแล้วจึงเริ่มลงมือก่อไฟและทำทันที นางนำซี่โครงหมูมาลวกกับน้ำในมิติสวรรค์เพื่อดับกลิ่นคาวจากนั้นจึงตักซี่โครงออกแล้วตั้งหม้อน้ำเปล่าต้ม โดยรอให้เดือด ก่อนจะไปขยับไฟให้อยู่ในระดับปานกลาง ขั้นตอนนี้ทำให้นางหงุดหงิดเล็กน้อย หากมีคนมาช่วยใส่ไฟและดูไฟให้คงดีไม่น้อย เมื่อน้ำเดือดก็รีบนำซี่โครงไปต้มทันทีตามด้วยขิงและต้นหอมที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้รอจนกระทั่งเนื้อหมูสุกจึงได้ตักออกอีกครั้ง และนำไปล้างน้ำเปล่าสามสี่รอบจนใส ส่วนขิงกับต้นหอมนั้นทิ้งไปเพราะนางใส่ไว้ไม่ให้มีกลิ่นคาวเท่านั้นจากนั้นจึงตั้งกระทะเทน้ำมันลงเล็กน้อยแล้วนำซี่โครงหมูไปผัดจนผิวเนื้อเริ่มตึง ๆ จึงใส่สวนผสมอื่น ๆ ฟางเหนียงเทน้ำในมิติที่เตรียมไว้เทใส่ในกระทะจากนั้นก็ปิดฝาตุ๋นไว้ประมาณครึ่งชั่วยาม กลิ่นหอมอบอวลไปทั่วห้องครัวอีกครั้งระหว่างนั้นฟางเหนียงก็ทำต้มซุปปลาให้เด็ก ๆ กินเพื่อสุขภาพอีกอย่างหนึ่งปลานางจับมาจากในมิติที่เคยจับไปปล่อยเอาไว้ นางจัดการฆ่าและขอดเกล็ดปลาอย่างชำนาญ ปลาที่เลี้ยงในมิติสวรรค์ไม่มีกลิ่นคาวเหมือนปลาทั่วไปทำให้
“รนหาที่ตาย”ฟางเหนียงพูดอย่างเย็นชา ก่อนจะกระโดดลงจากรถม้าอย่างรวดเร็ว ร่างบอบบางพุ่งเข้าหาชายหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่หวาดกลัว ทันใดนั้นในมือของนางก็ปรากฏดาบเล่มยาวขึ้นอย่างน่าตกใจ สองร่างถอยหลบหนีอย่างตื่นตระหนก“นางมีของวิเศษ”ทั้งคู่พูดขึ้นพร้อมกัน แม้จะตกใจในคราแรกแต่เวลานี้กลับกระหายอยากได้ในสิ่งที่ไม่ใช่ของตนเอง หลังจากตั้งสติได้จึงร่วมมือกันพุ่งเข้าหาสตรีนั้นเต็มกำลัง อย่างไรวันนี้พวกเขาต้องได้ของวิเศษและคัมภีร์นั่นมาให้ได้ ร่างบอบบางเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว ขณะที่มือตวัดแกร่งเข้าหาศัตรูอย่างดุดัน ทุกการลงมือล้วนพุ่งเข้าจุดสำคัญของร่างกายเคร้ง เคร้ง เคร้ง!!!ฉัวะ!!!เปรี๊ยง!สามร่างพัวพันกันอย่างรวดเร็ว และเพียงไม่นานร่างบุรุษทั้งสองก็ถอยห่างออกไป ดวงตามีความตื่นตระหนกตกใจ ความกดดันและไอสังหารที่ส่งมาทำให้พวกเขาขยับตัวอย่างยากลำบาก และนั่นทำให้พวกเขาพลาดพลั้งหลายครั้งจนตอนนี้บาดแผลเริ่มเต็มร่างกาย ทว่าแม้มีบาดแผลหลายแห่งแต่ก็เป็นบาดแผลที่พวกเขาหลบหลีกจุดสำคัญของร่างกายแล้ว หากพวกเขาหลบไม่ทันก็