“ฮูหยินเชิญทางนี้ขอรับ” เสี่ยวเอ้อมาต้อนรับอย่างดี ที่นี่เป็นโรงเตี๊ยมสองชั้น ชั้นหนึ่งสำหรับลูกค้าธรรมดาที่ไม่ค่อยมีเงินมากนัก ส่วนชั้นสองจะเป็นลูกค้าที่มีหน้ามีตา อย่างเช่นพวกบุตรหลานนายอำเภอ หรือคนที่มีเงินจ่ายหนัก ฟางเหนียงเลือกชั้นสองเพราะไม่ค่อยวุ่นวายนัก และนางอยากให้ลูกมีเวลากินของอร่อย แม้ชั้นสองจะไม่มีห้องแยกส่วนตัวแต่ก็มีความสงบมากกว่าชั้นล่าง “ฮูหยินรับอะไรดีขอรับ” เสี่ยวเอ้อเอ่ยถามหลังจากที่พวกเขานั่งลงแล้ว ฟางเหนียงให้เด็ก ๆ นั่งข้างนางคนละฝั่งจะได้สะดวกเวลาดูแลเจ้าก้อนแป้ง ซึ่งเด็กน้อยก็นั่งอย่างเรียบร้อยและเชื่อฟัง ดวงตากลมโตสอดส่องมองไปรอบร้านอย่างอยากรู้อยากเห็น เมื่อเห็นลูกชายนั่งเรียบร้อยแล้วจึงได้เงยหน้าไปมองเสี่ยวเอ้อที่รอให้บริการอยู่“ที่นี่มีอาหารอะไรขึ้นชื่อ”“มีหลายรายการขอรับ อย่างเช่นผัดปูม้าขอรับเป็นอาหารที่ทางร้านมีเพียงห้าจานต่อหนึ่งวันเท่านั้นขอรับในราคาเพียงสิบตำลึงเงินขอรับ” ฟางเหนียงเงยหน้ามองเสี่ยวเอ้อที่แนะนำอาหารให้นางอย่างอึ้ง ๆ ราคาแพงมากแต่เมื่อนึกถึงที่มาของปูม้าก็ได้แต่ถอนหายใจเพราะมันอยู่ทางทิศใต้ในแคว้นเป่ยหนาน“แล้วมีรายการอาหารทะเลอื
นางลูบศีรษะปลอบโยนเจ้าก้อนแป้งน้อยที่ตัวสั่นอย่างโกรธเคืองที่มีคนจะแย่งมารดาตนไป แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากกอดมารดาตนไว้แน่นจิตสังหารที่แผ่ออกมานั้น คมกริบราวกับใบมีดที่มองไม่เห็น บาดลึกลงไปในหัวใจของหวังเล่อที่ยืนตัวแข็งทื่ออย่างหวาดกลัว คำพูดหยุดลงอย่างกะทันหัน ดวงตาที่คอยล่อกแล่กมองสบกับดวงตาที่มืดมิดอย่างเลื่อนลอย“ไสหัวไปซะอย่าให้ข้าได้เห็นเจ้าอีก” ฟางเหนียงกล่าวอย่างเย็นชา แม้จะมีรอยยิ้มบนใบหน้าแต่แววตากลับทำให้ผู้คนหวาดกลัว แม้กระทั่งบุรุษสองคนที่อยู่ห่างออกไปยังต้องลุกขึ้นยืนมองอย่างระวัง ดวงตาของทั้งคู่มองสบตากันโดยไม่ต้องพูดก็รู้ความหมายว่า สตรีตรงหน้ามีวรยุทธ์หวังเล่อได้ยินเช่นนั้น ก็เดินออกจากร้านไปด้วยท่าทางแข็งทื่อและดวงตาเลื่อนลอย แม้กระทั่งสหายสองคนที่มาด้วยก็เร่งรีบเดินตามออกมา และร้องเรียกก็ไม่ได้มีการตอบโต้ ภายในโรงเตี๊ยมชั้นสองต่างหันไปมองสตรีที่ดูธรรมดาอย่างสับสน ทว่าบุรุษสองคนที่สวมใส่อาภรณ์เหมือนกันราวกับอยู่สำนักเดียวกันต่างมองสตรีตรงหน้าอย่างระมัดระวังทว่าฟางเหนียงไม่ได้สนใจใครอีก เมื่อครู่นางใช้วิชาสะกดจิตที่เรียนมาอย่างยากลำบาก หากไม่มีจิตสังหารที่ทำให้หวัง
ฟางเหนียงอมยิ้มก่อนจะกินข้าวตามเด็ก ๆ บ้าง มีเพียงปูเท่านั้นที่เด็กน้อยยังแกะไม่เป็น ส่วนอาหารจานอื่นเด็กน้อยก็คีบกินอย่างระมัดระวัง เพราะพวกเขาเคยอดอยากมาก่อนทำให้อาหารบนโต๊ะไม่มีหกเลยสักอย่างเนื้อปูที่ฟางเหนียงชิมดูไม่ได้สดใหม่ รสชาติค่อนข้างจืดชืดหมดแล้ว แต่เพราะเด็ก ๆ ไม่เคยกินอาหารประเภทนี้ทำให้ถูกปากไม่น้อย พวกเขากินข้าวกันไม่นานอาหารตรงหน้าก็พร่องไปเยอะพอควร แต่พวกเขาก็มองอาหารที่เหลือตรงหน้าอย่างเสียดาย ดวงตากลมโตมองมารดาอย่างเว้าวอน“ท่านแม่เราเอากลับบ้านได้หรือไม่ขอรับ”ฟางหรงเอ่ยถามอย่างนึกเสียดายอาหารตรงหน้าที่พวกเขาพยายามกินแล้วแต่กินไม่หมด เพราะเคยอดอยากมาก่อนเมื่อเห็นอาหารตรงหน้าที่เหลืออยู่จึงทำให้รู้สึกไม่มีความสุขนัก ที่จะกินทิ้งกินขว้างเช่นนี้“เดี๋ยวเย็นนี้แม่ทำอาหารอร่อย ๆ ให้พวกเจ้าได้กิน แต่หากห่อกลับเย็นนี้พวกเจ้าจะไม่กินข้าวฝีมือแม่นะ”ฟางเหนียงยิ้มรับ ก่อนจะเอ่ยบอกเด็ก ๆ ว่ากลับบ้านไปมารดาจะทำของอร่อยให้กิน ถ้าห่อกลับนางจะไม่ได้ทำอาหารเย็นซึ่งเด็ก ๆ ชอบฝีมือมารดาของตนมากกว่า จึงพยักหน้ายอมรับอย่า
“พวกเราจะเลี้ยงหมูกันหรือขอรับ”ฟางเหรินเอ่ยถามดวงตาเป็นประกาย พลางคิดว่าต่อไปนี้พวกเขาจะมีเนื้อหมูกินทุกวันจะไม่ได้อดอยากอีกแล้วเพียงคิดแค่นั้นดวงตาก็เป็นประกาย ขณะที่ฟางหรงตบมืออย่างตื่นเต้นหมายมั่นว่าจะเป็นคนให้อาหารหมูเอง“ใช่แล้วละ พวกเจ้าต้องช่วยแม่เลี้ยงหมูและเลี้ยงไก่”ฟางเหนียงเอ่ยบอกเด็ก ๆ ด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะพาเลือกซื้อหมูซึ่งนางไม่ได้ซื้อมาเยอะเพราะจะเป็นภาระหนักเกินไป ตอนนี้นางทำงานคนเดียวและมีเพียงเด็กเท่านั้น จึงซื้อมาเพียงแค่สองตัวเท่านั้น ซึ่งทางร้านจะนำไปส่งในหมู่บ้านเย่วซินให้นับว่าเป็นเรื่องดี เพราะชาวบ้านจะได้ไม่ต้องมาสงสัยว่าอยู่ ๆ มีหมูโผล่มาได้อย่างไรเมื่อจัดการส่วนนี้ได้แล้วฟางเหนียงจึงพาเด็ก ๆ เลือกซื้อเกวียนม้า ซึ่งราคาแพงถึงสองร้อยตำลึง ส่วนเกวียนวัวราคาร้อยตำลึง ฟางเหนียงเลือกซื้อม้าแทน เพราะการเดินทางจะได้สะดวกมากขึ้น ส่วนวัวนั้นนางก็อยากเลี้ยงไว้จะได้ช่วยงานด้วย แต่ตอนนี้นางเพิ่งจะเริ่มต้น คนเดียวกลัวจะดูแลไม่ทั่วถึงเพราะยังต้องดูแลเด็ก ๆ ด้วย
“รนหาที่ตาย”ฟางเหนียงพูดอย่างเย็นชา ก่อนจะกระโดดลงจากรถม้าอย่างรวดเร็ว ร่างบอบบางพุ่งเข้าหาชายหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่หวาดกลัว ทันใดนั้นในมือของนางก็ปรากฏดาบเล่มยาวขึ้นอย่างน่าตกใจ สองร่างถอยหลบหนีอย่างตื่นตระหนก“นางมีของวิเศษ”ทั้งคู่พูดขึ้นพร้อมกัน แม้จะตกใจในคราแรกแต่เวลานี้กลับกระหายอยากได้ในสิ่งที่ไม่ใช่ของตนเอง หลังจากตั้งสติได้จึงร่วมมือกันพุ่งเข้าหาสตรีนั้นเต็มกำลัง อย่างไรวันนี้พวกเขาต้องได้ของวิเศษและคัมภีร์นั่นมาให้ได้ ร่างบอบบางเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว ขณะที่มือตวัดแกร่งเข้าหาศัตรูอย่างดุดัน ทุกการลงมือล้วนพุ่งเข้าจุดสำคัญของร่างกายเคร้ง เคร้ง เคร้ง!!!ฉัวะ!!!เปรี๊ยง!สามร่างพัวพันกันอย่างรวดเร็ว และเพียงไม่นานร่างบุรุษทั้งสองก็ถอยห่างออกไป ดวงตามีความตื่นตระหนกตกใจ ความกดดันและไอสังหารที่ส่งมาทำให้พวกเขาขยับตัวอย่างยากลำบาก และนั่นทำให้พวกเขาพลาดพลั้งหลายครั้งจนตอนนี้บาดแผลเริ่มเต็มร่างกาย ทว่าแม้มีบาดแผลหลายแห่งแต่ก็เป็นบาดแผลที่พวกเขาหลบหลีกจุดสำคัญของร่างกายแล้ว หากพวกเขาหลบไม่ทันก็
หลังจากที่เตรียมเสร็จแล้วจึงเริ่มลงมือก่อไฟและทำทันที นางนำซี่โครงหมูมาลวกกับน้ำในมิติสวรรค์เพื่อดับกลิ่นคาวจากนั้นจึงตักซี่โครงออกแล้วตั้งหม้อน้ำเปล่าต้ม โดยรอให้เดือด ก่อนจะไปขยับไฟให้อยู่ในระดับปานกลาง ขั้นตอนนี้ทำให้นางหงุดหงิดเล็กน้อย หากมีคนมาช่วยใส่ไฟและดูไฟให้คงดีไม่น้อย เมื่อน้ำเดือดก็รีบนำซี่โครงไปต้มทันทีตามด้วยขิงและต้นหอมที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้รอจนกระทั่งเนื้อหมูสุกจึงได้ตักออกอีกครั้ง และนำไปล้างน้ำเปล่าสามสี่รอบจนใส ส่วนขิงกับต้นหอมนั้นทิ้งไปเพราะนางใส่ไว้ไม่ให้มีกลิ่นคาวเท่านั้นจากนั้นจึงตั้งกระทะเทน้ำมันลงเล็กน้อยแล้วนำซี่โครงหมูไปผัดจนผิวเนื้อเริ่มตึง ๆ จึงใส่สวนผสมอื่น ๆ ฟางเหนียงเทน้ำในมิติที่เตรียมไว้เทใส่ในกระทะจากนั้นก็ปิดฝาตุ๋นไว้ประมาณครึ่งชั่วยาม กลิ่นหอมอบอวลไปทั่วห้องครัวอีกครั้งระหว่างนั้นฟางเหนียงก็ทำต้มซุปปลาให้เด็ก ๆ กินเพื่อสุขภาพอีกอย่างหนึ่งปลานางจับมาจากในมิติที่เคยจับไปปล่อยเอาไว้ นางจัดการฆ่าและขอดเกล็ดปลาอย่างชำนาญ ปลาที่เลี้ยงในมิติสวรรค์ไม่มีกลิ่นคาวเหมือนปลาทั่วไปทำให้
“ท่านแม่ตื่น ๆ พวกข้าหิวแล้ว”เสียงร้องเรียกพร้อมร่างที่ถูกเขย่าทำให้ฟางเหนียงลืมตาขึ้น ทว่าดวงตาของนางมีแต่กลิ่นไอสังหาร แม้แต่เด็กน้อยที่ไร้เดียงสายังถอยหลังอย่างหวาดกลัว ดวงตาคู่งามมองก้อนแป้งน้อยอย่างฉงนสงสัย ในยุคที่สิ้นหวังเช่นนี้ไม่ควรมีเด็กน้อยในวัยนี้ นางพยายามลุกขึ้นนั่งมองสถานที่แห่งนี้อย่างไม่เข้าใจ แม้โลกจะใกล้ล่มสลายแต่ไม่ควรทรุดโทรมเช่นนี้ ฟางเหนียงหลับตาแผ่สัมผัสไปรอบรัศมีรอบตัวหนึ่งกิโลเมตร ก็ต้องประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม เพราะเวลานี้นางไม่อาจสัมผัสเหล่าซอมบี้ได้เลยแม้แต่น้อย ที่สำคัญสถานที่แห่งนี้ราวกับไม่ใช่โลกที่ใกล้ล่มสลาย แต่เมื่อนึกไปถึงอดีตเวลานี้นางควรตายไปแล้ว เกิดใหม่ ? นั่นเป็นสิ่งที่นางพอคิดได้“ท่านแม่” เด็กน้อยก้อนแป้งเอ่ยเรียกมารดาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ‘ก้อนแป้งคู่นี้คือลูกข้า ?’ฟางเหนียงมองก้อนแป้งแฝดตรงหน้าตาไม่พริบ นางลุกขึ้นยืนเดินวนรอบร่างของก้อนแป้งน้อยอย่างฉงนสงสัย ก่อนจะหยิกแก้มอวบอ้วนของก้อนแป้งอย่างใคร่รู้ หวังว่าเรื่องราวที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ จะไม่ใช่แค่ความฝันเท่านั้น เพราะนางเองก็เบื่อที่จะฆ่าสังหารกับซอมบี้ทุกวันแล้วเช่นกัน เนื้อน
นางไม่มีไอเทมที่ทำให้มันเชื่อง แต่เพียงแค่นี้ก็มีชีวิตรอดมาหลายปี นางไม่ชอบโลกนั้นแต่ก็ไม่อยากตายจึงได้ดิ้นรนมาหลายปี จนโชคร้ายที่มาเจอกับราชาซอมบี้เข้า ไม่สิไม่นับว่าโชคร้ายเพราะตอนนี้นางได้รับชีวิตใหม่แล้วจริง ๆ นางหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างอารมณ์ดีเสียงหัวเราะของนาง ทำให้ก้อนแป้งทั้งสองมาเมี่ยงมองอย่างอยากรู้อยากเห็น สองแฝดสบตากันเมื่อเห็นมารดาหัวเราะอยู่คนเดียวกัน หรือท่านแม่จะป่วยหนักจริง ๆฟางเหนียงเหลือบมองเด็กน้อยนิดหนึ่ง ก่อนจะไล่ให้ทั้งคู่ไปนั่งรอทานข้าว จากนั้นจึงเดินไปยังเตาไฟ สำรวจมันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรู้ว่ามันใช้งานยังไง มันไม่ยากเกินความสามารถหรอก ไม่เช่นนั้นนางจะมีชีวิตในวันสิ้นโลกมาได้ตั้งหลายปีได้อย่างไร นางหยิบวัสดุบางอย่างมาวางพร้อมหินไฟสองก้อนถูกันไปมาจนเกิดประกายไฟ จากนั้นก็เอาเศษไม้เล็ก ๆ มาใส่เมื่อเห็นไฟเริ่มติดเศษไม้แล้ว จึงหยิบท่อนไม้ใหญ่มาวาง ทุกการกระทำคล่องแคล่วราวกับมาหลายครั้งแล้วจากนั้นจึงมองข้าวของในมิติ ซึ่งมีไม่มากนัก มันเหลือแค่ผักที่กลายพันธุ์ที่กินได้เท่านั้น ผักกาดขาวหัวใหญ่ปรากฏขึ้นบนมือนาง วันนี้ผัดผักแบบง่าย ๆ ไปก่อนพร้อมทั้งเผามันหวานไปด้ว
หลังจากที่เตรียมเสร็จแล้วจึงเริ่มลงมือก่อไฟและทำทันที นางนำซี่โครงหมูมาลวกกับน้ำในมิติสวรรค์เพื่อดับกลิ่นคาวจากนั้นจึงตักซี่โครงออกแล้วตั้งหม้อน้ำเปล่าต้ม โดยรอให้เดือด ก่อนจะไปขยับไฟให้อยู่ในระดับปานกลาง ขั้นตอนนี้ทำให้นางหงุดหงิดเล็กน้อย หากมีคนมาช่วยใส่ไฟและดูไฟให้คงดีไม่น้อย เมื่อน้ำเดือดก็รีบนำซี่โครงไปต้มทันทีตามด้วยขิงและต้นหอมที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้รอจนกระทั่งเนื้อหมูสุกจึงได้ตักออกอีกครั้ง และนำไปล้างน้ำเปล่าสามสี่รอบจนใส ส่วนขิงกับต้นหอมนั้นทิ้งไปเพราะนางใส่ไว้ไม่ให้มีกลิ่นคาวเท่านั้นจากนั้นจึงตั้งกระทะเทน้ำมันลงเล็กน้อยแล้วนำซี่โครงหมูไปผัดจนผิวเนื้อเริ่มตึง ๆ จึงใส่สวนผสมอื่น ๆ ฟางเหนียงเทน้ำในมิติที่เตรียมไว้เทใส่ในกระทะจากนั้นก็ปิดฝาตุ๋นไว้ประมาณครึ่งชั่วยาม กลิ่นหอมอบอวลไปทั่วห้องครัวอีกครั้งระหว่างนั้นฟางเหนียงก็ทำต้มซุปปลาให้เด็ก ๆ กินเพื่อสุขภาพอีกอย่างหนึ่งปลานางจับมาจากในมิติที่เคยจับไปปล่อยเอาไว้ นางจัดการฆ่าและขอดเกล็ดปลาอย่างชำนาญ ปลาที่เลี้ยงในมิติสวรรค์ไม่มีกลิ่นคาวเหมือนปลาทั่วไปทำให้
“รนหาที่ตาย”ฟางเหนียงพูดอย่างเย็นชา ก่อนจะกระโดดลงจากรถม้าอย่างรวดเร็ว ร่างบอบบางพุ่งเข้าหาชายหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่หวาดกลัว ทันใดนั้นในมือของนางก็ปรากฏดาบเล่มยาวขึ้นอย่างน่าตกใจ สองร่างถอยหลบหนีอย่างตื่นตระหนก“นางมีของวิเศษ”ทั้งคู่พูดขึ้นพร้อมกัน แม้จะตกใจในคราแรกแต่เวลานี้กลับกระหายอยากได้ในสิ่งที่ไม่ใช่ของตนเอง หลังจากตั้งสติได้จึงร่วมมือกันพุ่งเข้าหาสตรีนั้นเต็มกำลัง อย่างไรวันนี้พวกเขาต้องได้ของวิเศษและคัมภีร์นั่นมาให้ได้ ร่างบอบบางเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว ขณะที่มือตวัดแกร่งเข้าหาศัตรูอย่างดุดัน ทุกการลงมือล้วนพุ่งเข้าจุดสำคัญของร่างกายเคร้ง เคร้ง เคร้ง!!!ฉัวะ!!!เปรี๊ยง!สามร่างพัวพันกันอย่างรวดเร็ว และเพียงไม่นานร่างบุรุษทั้งสองก็ถอยห่างออกไป ดวงตามีความตื่นตระหนกตกใจ ความกดดันและไอสังหารที่ส่งมาทำให้พวกเขาขยับตัวอย่างยากลำบาก และนั่นทำให้พวกเขาพลาดพลั้งหลายครั้งจนตอนนี้บาดแผลเริ่มเต็มร่างกาย ทว่าแม้มีบาดแผลหลายแห่งแต่ก็เป็นบาดแผลที่พวกเขาหลบหลีกจุดสำคัญของร่างกายแล้ว หากพวกเขาหลบไม่ทันก็
“พวกเราจะเลี้ยงหมูกันหรือขอรับ”ฟางเหรินเอ่ยถามดวงตาเป็นประกาย พลางคิดว่าต่อไปนี้พวกเขาจะมีเนื้อหมูกินทุกวันจะไม่ได้อดอยากอีกแล้วเพียงคิดแค่นั้นดวงตาก็เป็นประกาย ขณะที่ฟางหรงตบมืออย่างตื่นเต้นหมายมั่นว่าจะเป็นคนให้อาหารหมูเอง“ใช่แล้วละ พวกเจ้าต้องช่วยแม่เลี้ยงหมูและเลี้ยงไก่”ฟางเหนียงเอ่ยบอกเด็ก ๆ ด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะพาเลือกซื้อหมูซึ่งนางไม่ได้ซื้อมาเยอะเพราะจะเป็นภาระหนักเกินไป ตอนนี้นางทำงานคนเดียวและมีเพียงเด็กเท่านั้น จึงซื้อมาเพียงแค่สองตัวเท่านั้น ซึ่งทางร้านจะนำไปส่งในหมู่บ้านเย่วซินให้นับว่าเป็นเรื่องดี เพราะชาวบ้านจะได้ไม่ต้องมาสงสัยว่าอยู่ ๆ มีหมูโผล่มาได้อย่างไรเมื่อจัดการส่วนนี้ได้แล้วฟางเหนียงจึงพาเด็ก ๆ เลือกซื้อเกวียนม้า ซึ่งราคาแพงถึงสองร้อยตำลึง ส่วนเกวียนวัวราคาร้อยตำลึง ฟางเหนียงเลือกซื้อม้าแทน เพราะการเดินทางจะได้สะดวกมากขึ้น ส่วนวัวนั้นนางก็อยากเลี้ยงไว้จะได้ช่วยงานด้วย แต่ตอนนี้นางเพิ่งจะเริ่มต้น คนเดียวกลัวจะดูแลไม่ทั่วถึงเพราะยังต้องดูแลเด็ก ๆ ด้วย
ฟางเหนียงอมยิ้มก่อนจะกินข้าวตามเด็ก ๆ บ้าง มีเพียงปูเท่านั้นที่เด็กน้อยยังแกะไม่เป็น ส่วนอาหารจานอื่นเด็กน้อยก็คีบกินอย่างระมัดระวัง เพราะพวกเขาเคยอดอยากมาก่อนทำให้อาหารบนโต๊ะไม่มีหกเลยสักอย่างเนื้อปูที่ฟางเหนียงชิมดูไม่ได้สดใหม่ รสชาติค่อนข้างจืดชืดหมดแล้ว แต่เพราะเด็ก ๆ ไม่เคยกินอาหารประเภทนี้ทำให้ถูกปากไม่น้อย พวกเขากินข้าวกันไม่นานอาหารตรงหน้าก็พร่องไปเยอะพอควร แต่พวกเขาก็มองอาหารที่เหลือตรงหน้าอย่างเสียดาย ดวงตากลมโตมองมารดาอย่างเว้าวอน“ท่านแม่เราเอากลับบ้านได้หรือไม่ขอรับ”ฟางหรงเอ่ยถามอย่างนึกเสียดายอาหารตรงหน้าที่พวกเขาพยายามกินแล้วแต่กินไม่หมด เพราะเคยอดอยากมาก่อนเมื่อเห็นอาหารตรงหน้าที่เหลืออยู่จึงทำให้รู้สึกไม่มีความสุขนัก ที่จะกินทิ้งกินขว้างเช่นนี้“เดี๋ยวเย็นนี้แม่ทำอาหารอร่อย ๆ ให้พวกเจ้าได้กิน แต่หากห่อกลับเย็นนี้พวกเจ้าจะไม่กินข้าวฝีมือแม่นะ”ฟางเหนียงยิ้มรับ ก่อนจะเอ่ยบอกเด็ก ๆ ว่ากลับบ้านไปมารดาจะทำของอร่อยให้กิน ถ้าห่อกลับนางจะไม่ได้ทำอาหารเย็นซึ่งเด็ก ๆ ชอบฝีมือมารดาของตนมากกว่า จึงพยักหน้ายอมรับอย่า
นางลูบศีรษะปลอบโยนเจ้าก้อนแป้งน้อยที่ตัวสั่นอย่างโกรธเคืองที่มีคนจะแย่งมารดาตนไป แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากกอดมารดาตนไว้แน่นจิตสังหารที่แผ่ออกมานั้น คมกริบราวกับใบมีดที่มองไม่เห็น บาดลึกลงไปในหัวใจของหวังเล่อที่ยืนตัวแข็งทื่ออย่างหวาดกลัว คำพูดหยุดลงอย่างกะทันหัน ดวงตาที่คอยล่อกแล่กมองสบกับดวงตาที่มืดมิดอย่างเลื่อนลอย“ไสหัวไปซะอย่าให้ข้าได้เห็นเจ้าอีก” ฟางเหนียงกล่าวอย่างเย็นชา แม้จะมีรอยยิ้มบนใบหน้าแต่แววตากลับทำให้ผู้คนหวาดกลัว แม้กระทั่งบุรุษสองคนที่อยู่ห่างออกไปยังต้องลุกขึ้นยืนมองอย่างระวัง ดวงตาของทั้งคู่มองสบตากันโดยไม่ต้องพูดก็รู้ความหมายว่า สตรีตรงหน้ามีวรยุทธ์หวังเล่อได้ยินเช่นนั้น ก็เดินออกจากร้านไปด้วยท่าทางแข็งทื่อและดวงตาเลื่อนลอย แม้กระทั่งสหายสองคนที่มาด้วยก็เร่งรีบเดินตามออกมา และร้องเรียกก็ไม่ได้มีการตอบโต้ ภายในโรงเตี๊ยมชั้นสองต่างหันไปมองสตรีที่ดูธรรมดาอย่างสับสน ทว่าบุรุษสองคนที่สวมใส่อาภรณ์เหมือนกันราวกับอยู่สำนักเดียวกันต่างมองสตรีตรงหน้าอย่างระมัดระวังทว่าฟางเหนียงไม่ได้สนใจใครอีก เมื่อครู่นางใช้วิชาสะกดจิตที่เรียนมาอย่างยากลำบาก หากไม่มีจิตสังหารที่ทำให้หวัง
“ฮูหยินเชิญทางนี้ขอรับ” เสี่ยวเอ้อมาต้อนรับอย่างดี ที่นี่เป็นโรงเตี๊ยมสองชั้น ชั้นหนึ่งสำหรับลูกค้าธรรมดาที่ไม่ค่อยมีเงินมากนัก ส่วนชั้นสองจะเป็นลูกค้าที่มีหน้ามีตา อย่างเช่นพวกบุตรหลานนายอำเภอ หรือคนที่มีเงินจ่ายหนัก ฟางเหนียงเลือกชั้นสองเพราะไม่ค่อยวุ่นวายนัก และนางอยากให้ลูกมีเวลากินของอร่อย แม้ชั้นสองจะไม่มีห้องแยกส่วนตัวแต่ก็มีความสงบมากกว่าชั้นล่าง “ฮูหยินรับอะไรดีขอรับ” เสี่ยวเอ้อเอ่ยถามหลังจากที่พวกเขานั่งลงแล้ว ฟางเหนียงให้เด็ก ๆ นั่งข้างนางคนละฝั่งจะได้สะดวกเวลาดูแลเจ้าก้อนแป้ง ซึ่งเด็กน้อยก็นั่งอย่างเรียบร้อยและเชื่อฟัง ดวงตากลมโตสอดส่องมองไปรอบร้านอย่างอยากรู้อยากเห็น เมื่อเห็นลูกชายนั่งเรียบร้อยแล้วจึงได้เงยหน้าไปมองเสี่ยวเอ้อที่รอให้บริการอยู่“ที่นี่มีอาหารอะไรขึ้นชื่อ”“มีหลายรายการขอรับ อย่างเช่นผัดปูม้าขอรับเป็นอาหารที่ทางร้านมีเพียงห้าจานต่อหนึ่งวันเท่านั้นขอรับในราคาเพียงสิบตำลึงเงินขอรับ” ฟางเหนียงเงยหน้ามองเสี่ยวเอ้อที่แนะนำอาหารให้นางอย่างอึ้ง ๆ ราคาแพงมากแต่เมื่อนึกถึงที่มาของปูม้าก็ได้แต่ถอนหายใจเพราะมันอยู่ทางทิศใต้ในแคว้นเป่ยหนาน“แล้วมีรายการอาหารทะเลอื
เมื่อถึงยามอิ๋น ฟางเหนียงก็ลุกขึ้นมาออกกำลังกายแต่เช้า ด้วยน้ำจากมิติสวรรค์และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอทำให้ร่างนี้ยืดหยุ่นและแข็งแรงมากขึ้น วันนี้นางตื่นเช้ากว่าทุกวันจึงไม่ได้ปลุกให้เด็ก ๆ มาออกกำลังกายด้วย เมื่อได้เหงื่อแล้ว นางจึงไปทำอาหารไว้ให้เจ้าก้อนแป้งน้อยระหว่างเข้าเมือง วันนี้นางทำอาหารง่าย ๆ อย่างซาลาเปาไส้หมูและไส้เห็ดหอมไว้เป็นของว่างให้เด็ก ๆ และทำอาหารสองอย่าง นางทำไข่ตุ๋นซึ่งเป็นไข่งูที่ยังเหลืออยู่ และทำข้าวผัดไข่แบบง่าย ๆ ให้ เด็ก ๆ เมื่อจัดการเรื่องอาหารการกินเรียบร้อยแล้ว จึงได้ออกเดินทางแต่เช้า นางพาเด็ก ๆ เข้าไปในมิติสวรรค์ด้วยไม่ได้ไปฝากป้าหวัง นางอยากพาเด็ก ๆ ไปเดินเล่นในเมืองด้วยในวันนี้ ร่างบอบบางสวมใส่อาภรณ์สีดำมีหมวกปีกสานสวมใส่ปิดบังใบหน้าจนหมด ข้อเท้าบอบบางของนางเวลานี้กลับมีเชือกผ้าร้อยรัดและมีกระสอบหินผูกเอาไว้ขณะที่เดินเข้าไปในเมือง แรก ๆ การเดินล่าช้าเพราะน้ำหนักหินที่หนักกว่าห้าสิบชั่งถ่วงเอาไว้ แต่เมื่อเริ่มชินการก้าวเดินกลับเร็วขึ้น ด้านหลังที่ก็มีตะกร้าหวายที่มีหินหนักกว่าห้าสิบชั่ง แต่หลังบอบบางกลับเหยียดตรงเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง จากกา
ฟางเหนียงใช้เวลาสอนเด็กว่ายน้ำเพียงครึ่งชั่วยามเท่านั้น น้ำค่อนข้างเย็นหากแช่น้ำนานไปอาจจะไม่สบาย แต่นางเป็นกังวลมากไป เพราะน้ำในมิติสวรรค์พิเศษกว่าข้างนอก แม้กระทั่งแช่ทั้งคืนก็ไม่สามารถทำให้เป็นไข้หวัดได้ แต่นางก็สอนเด็ก ๆ เพียงแค่นี้และฟางหรงจะเรียนรู้ได้เร็วกว่าฟางเหริน อาจเพราะเจ้าตัวชอบความสนุกและความท้าทายจึงทำให้ทรงตัวได้ดีกว่าเมื่อครบเวลาที่กำหนดฟางเหนียงก็ให้เด็ก ๆ อาบน้ำแต่งตัวก่อนจะหัดเขียนตัวอักษรและอ่านหนังสือและส่วนนี้ฟางเหรินจะชื่นชอบกว่าการว่ายน้ำ แต่การว่ายน้ำก็ไม่ได้ทำให้เจ้าตัวปฏิเสธแม้ไม่ค่อยชอบแต่ก็อยากจะเรียนรู้ นางมองเจ้าก้อนแฝดแล้ว อมยิ้มอย่างมีความสุข ใบหน้าน่ารักและเฉลียวฉลาดทำให้นางเอ็นดู พวกเขาเป็นเด็กดีและเชื่อฟังมากเวลานี้กำลังเข้ายามเซิน นางปล่อยให้เด็ก ๆ เล่นเขียนอักษรและวาดรูปตามใจชอบ ส่วนตัวนางก็ไปดายหญ้าข้างบ้านและขุดดินทำแปลงผักซึ่งทำใกล้เสร็จแล้ว นางไม่ได้ให้เด็ก ๆ มาช่วยเพราะการพลิกดินที่รกร้างค่อนข้างแข็งไม่เหมาะกับเด็ก ๆ แต่นางจะสอนให้เด็ก ๆ รดน้ำต้นไม้และวางแผนจะขุดบ่อน้ำขนาดเล็กไว้สำหรับรดน
“เนื้อหมูสับ กระเทียมกลีบทุบ รากผักชีทุบ น้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว น้ำปลา ซีอิ๊วดำ และน้ำตาลทราย...”ฟางเหนียงพึมพำส่วนผสมของก๋วยเตี๋ยวหลอด นางไม่ใช่เชฟแต่ก็ทำอาหารเป็น เพราะบางครั้งอยู่ในค่ายก็ต้องไปช่วยพ่อครัวบ้างอาหารในค่ายทหารไม่ได้สวยหรู แต่ก็ทำให้อิ่มทุกมื้ออาหารที่นางพอทำได้แค่อาหารที่นางชอบกินเท่านั้น เวลาไม่มีคนทำให้กินบางครั้งต้องทำกินเองเพียงครึ่งชั่วยามกลิ่นหอมของก๋วยเตี๋ยวหลอดก็อบอวลไปทั่วห้องครัว เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงยกไปยังห้องอาหารซึ่งเวลานี้มีโต๊ะกินข้าวขนาดหกคนนั่งเรียบร้อยแล้ว ที่นางสั่งทำหกที่นั่งเพราะเผื่อมีแขกมาบ้านเท่านั้น“เด็ก ๆ ไปล้างมือกินก๋วยเตี๋ยวหลอดกัน”ฟางเหนียงตะโกนเรียกเจ้าก้อนแป้ง ซึ่งพากันวิ่งมาจากหน้าบ้านอย่างรื่นเริง ทั้งคู่ไปล้างมือที่อ่างล้างจานอย่างรู้งาน ก่อนจะกลับมานั่งบนเก้าอี้อย่างเรียบร้อย ดวงตากลมโตมองอาหารแปลกหน้าตาเป็นประกาย มันรูปร่างคล้ายเกี๊ยวแต่ก็ไม่เหมือน“นี่เรียกอะไรขอรับ”ฟางหรงเอ่ยถาม น้ำลายแทบหกเพราะกลิ่นหอมจนอ