แต่เซี่ยโหย่วสาขาเมืองเย่วซานไม่เคยมีชาวบ้านซื้อขายโสมพันปีมาก่อน อย่างมากสุดก็แค่โสมห้าสิบปีเท่านั้น แม้ตนจะเป็นหมอและเป็นทั้งผู้จัดการร้าน แต่ก็ไม่อาจมีทรัพย์มากพอที่จะซื้อ อย่างมากสุดก็คงรวบเงินได้เพียงต้นเดียวเท่านั้น
“ต้องขอแจ้งฮูหยินฟางก่อนว่า สมุนไพรราคาสูงเช่นนี้ ข้าไม่อาจตัดสินใจซื้อได้ทันที ที่นี่สาขาเล็กและเป็นเมืองที่ห่างไกลจากเมืองหลวง ทำให้ทางร้านไม่ได้มีเงินมากมาย แต่วันนี้แม่นางโชคดีที่นายน้อยทายาทเจ้าของร้านมาเยี่ยมสาขาที่นี่” ฟางเหนียงมองตามอย่างครุ่นคิด ทว่าใบหน้าของนางยังเรียบเฉยเช่นเดิม นางไม่คิดว่าเมืองนี้จะห่างไกลความเจริญถึงเพียงนี้ แต่เพียงสองต้นก็ทำให้ชีวิตชาวบ้านธรรมดาก็มีชีวิตสุขสบายไปหลายปี แต่นางยังคิดจะให้เลี้ยงดูครอบครัวของร่างนี้ เพื่อตอบแทนร่างเดิมจึงต้องหาเงินเพิ่ม“ข้ามีโสมแดงห้าต้น และยังมีเช่อไป่เยี่ยอีกสิบต้น” คำตอบของนางทำให้ชายชราตัวสั่น แค่โสมแดงยังหายากแล้วยังมีเช่อ-ไป่เยี่ยอีก นั่นราคาอย่างต่ำก็สิบตำลึงเงินแล้ว“ฮูหยินฟางโปรดรอข้าสักครู่” ชายชราเอ่ยบอกพร้อมเร่งรีบจากไปตำแหน่งทหารทั่วไปได้เงินเพียงยี่สิบตำลึงเงิน แต่หากเลื่อนเป็นนายกองจะเพิ่มเป็นหนึ่งร้อยตำลึงเงิน แต่นายกองมีหลายสาขาและมีหลายระดับเช่นกัน นายกองเล็กจะได้รับเงินร้อยตำลึงเงินพร้อมทหารในกองห้าสิบนายนายกองกลางจะได้เงินเดือนสามร้อยตำลึง มีทหารในกองห้าร้อยคน นายกองใหญ่เงินเดือนพันตำลึงเงิน และทหารในกองหนึ่งพันห้าร้อยนาย หากสูงกว่านี้จะเป็นรองแม่ทัพและแม่ทัพ เซี่ยอวี้มองคนถามอย่างฉงนสงสัยแต่ก็ไม่ได้ปริปากถามเรื่องที่เสียมารยาทอีก“ขอบคุณคุณชายเซี่ย วันนี้ข้ายังมีธุระต้องขอตัวก่อน”ฟางเหนียงลุกขึ้นยืน พร้อมบอกกล่าวด้วยสีหน้าราบเรียบจนผู้สนทนาด้วยไม่อาจคาดเดาได้ ที่มาของคำถามก็ไม่อาจทำให้คุณชายเจ้าสำราญเดาทางได้เช่นกัน“จริงสิ คุณชายพอทราบหรือไม่ ว่าหัวเสือสามารถขายได้ราคาเท่าไหร่หรือ”ฟางเหนียงนึกขึ้นมาได้ว่านางตั้งราคาไว้ที่ร้อยสิบตำลึงเงิน และน่าจะยังขายไม่ได้เพราะราคาค่อนข้างสูงสำหรับคนธรรมดา อีกทั้งเมืองนี้ค่อนข้างเล็ก“หัวเสือ ?” เซี่ยอวี้เอ่ยถามอย่างแปลกใจ และเอ่ยถามให้แน่ใจว่าตนเองไม่ได้ฟังผิดไป&ldq
“ข้าได้มาสองหมื่นตำลึงทอง”ฟางเหนียงเอ่ยบอกพร้อมหยิบตั๋วเงินส่งให้มารดา นางไม่ได้เอ่ยบอกทั้งหมด เพราะกลัวว่าซูเม่ยจะตกใจจนเป็นลม ทว่าแค่นี้นางก็เบิกตากว้างหัวใจสั่นระรัวแล้ว ยิ่งซูจิ้นได้ยินทำให้รถเกวียนวัวกระตุกไปเช่นกัน เวลานี้พวกเขากลับร่ำรวยในพริบตา“ข้า...ข้าไม่ได้หูหนวก หรือตาลายไปใช่หรือไม่”ซูเม่ยพึมพำเสียงสั่น ขณะที่มือจับตั๋วเงินแน่น เกิดมาจนอายุป่านนี้แล้วไม่เคยเห็นเงินมากมายเช่นนี้มาก่อน นางมองบุตรสาวที่เหมือนเป็นคนนำโชคมาให้ด้วยความชื่นชม“ท่านแม่ข้าจะสร้างบ้านใหม่ ท่านกับพี่ใหญ่มาช่วยข้าได้หรือไม่ บ้านหลังนั้นเก่าเกินไปข้ากลัวพวกอันธพาลจะบุกมาบ้านข้าอีก”“ได้ ๆ ข้าจะช่วยเจ้าสร้างบ้าน”พี่ใหญ่ที่ขับรถเกวียนม้าได้ยินรีบร้องบอก ซึ่งซูเม่ยเองก็เห็นด้วย สร้างบ้านหลังหนึ่งต่อให้สร้างใหญ่แค่ไหนก็เพียงแค่พันตำลึงเงินเท่านั้น แต่เวลานี้พวกเขามีตั้งสองหมื่นตำลึงทองไหนจะยังมีค่าขายเนื้อเสือได้อีกสองพันตำลึงเงินอีก“หลังจากที่สร้างบ้านข้าเสร็จ ข้าอยากให้ท่านแม่สร้างบ้าน
ร่างสูงตวัดดาบฟันขาม้าอย่างรวดเร็ว ม้าที่บาดเจ็บและเสียหลักมันพลิกคว่ำจนคนบนหลังม้าตกลงมา แต่ศัตรูตรงหน้าก็ไม่ใช่ทหารปลายแถว ร่างสูงใหญ่ในชุดเกาะสีดำลุกขึ้นยืน ในมือยังมีทวนยาวถือไว้แน่น แต่ฟางเหยียนอวี้ก็ไม่เปิดโอกาสให้ศัตรู ร่างสูงโปร่งพุ่งเข้าหาศัตรูอย่างว่องไวเคร้ง เคร้ง เคร้งเสียงทวนปะทะดาบจนเกิดเสียงดัง ความแข็งแกร่งของศัตรูตรงหน้าทำให้ฟางเหยียนอวี้หน้าเครียดสองร่างพัวพันกันอย่างรุนแรงและไม่อาจมีใครมาแทรกได้ ระหว่างทั้งคู่ถูกผู้คนหลบหลีกอย่างรวดเร็ว น้อยนักที่จะมีทหารมือดีใช้ดาบต่อสู้กับทวนแหลมคมเคร้ง เคร้ง เคร้งฉัวะ!!ฟางเหยียนอวี้ตวัดดาบในมือตอบโต้อย่างว่องไว แต่ศัตรูก็ไม่อาจดูเบาได้ มีเพียงแต่ใช้กำลังพยายามทำให้ศัตรูทำอาวุธหลุดมือเท่านั้น ร่างกายที่ห่อหุ้มด้วยชุดเกาะเริ่มมีโลหิตไหลซึม ทุกการเคลื่อนไหวบาดแผลเก่าเริ่มฉีกขาดย๊ากกกกฉัวะ!ร่างสูงพุ่งเข้าหาศัตรูด้วยความเร็วและดุดัน ปัดป่ายทวนแหลมยาวที่เป็นอุปสรรคอย่างดุดัน และอาศัยตอนศัตรูพลั้งเผลอแทงเข้าจุดอ่อนของศัตรูอย่างไร้ความปรานี แต่ศัตรูก็ไม่อยู่นิ่งให้เขาสัง
“เจ้า...เจ้ามีปานสีแดงอยู่ที่สะโพกซ้ายใช่หรือไม่”ครั้งนี้ฟางเหยียนอวี้เงยหน้ามองคนถามด้วยสีหน้านิ่งงัน ดวงตาไม่ได้มีความสั่นไหวเลยแม้แต่น้อย“ขอรับ”ฟางเหยียนอวี้ตอบรับด้วยเสียงเรียบง่าย ความจริงตั้งแต่เขาเข้ามากองทัพก็พอคาดเดาได้หลายอย่าง แม้เขาจะไม่ได้พูดคุยกับท่านแม่ทัพเป็นการส่วนตัว ทว่าใบหน้าที่คล้ายกันถึงหกเจ็ดส่วนทำให้ไม่อาจคาดเดาเป็นอื่นได้แต่แล้วอย่างไร ในเมื่อเขาเป็นบุตรที่ถูกทอดทิ้งจะไปร้องขอความยุติธรรมหรืออย่างไร“เจ้าไม่คิดจะตามหาความจริงหรือ”เย่วหมิงเอ่ยถามเสียงเบา ในเมื่อจี้หยกสลักคำว่าเหยียนและยังเป็นหยกจักรพรรดิด้วย ของล้ำค่าเช่นนี้เขาเองก็ไม่คิดว่าคนในครอบครัวที่เลี้ยงดูจะยังเก็บรักษาไว้อย่างดีเช่นนี้“ตามแล้วอย่างไร ไม่ตามแล้วอย่างไรขอรับ”ฟางเหยียนอวี้ตอบกลับด้วยสีหน้านิ่งเฉย ความจริงเขายอมรับชะตากรรมชีวิตตนเองแล้ว หากคนตระกูลเหยียนอยากให้เขากลับตระกูลจริง คงได้ตามหาอย่างสุดความสามารถแล้ว เพราะอำนาจนั้นไม่ใช่ว่าจะไม่มี แต่ต
“หากเจ้ามีจี้หยกตระกูลเหยียนและมีปานแดงที่สะโพกก็คงปฏิเสธไม่ได้ เฮ้อ” เย่วหมิงถอนหายใจอย่างคิดไม่ตก เรื่องนี้มาไกลเกินไปแล้ว“แล้วเด็กอีกคน”ฟางเหยียนอวี้อดที่จะเอ่ยถามอีกคนที่ถูกสับเปลี่ยนไม่ได้ ทว่าร่างสูงสง่าของรองแม่ทัพเย่วกลับชะงักงัน ดวงตาคมกริบมองมาอย่างเสียใจ นกกาเหว่าอยู่ในรังหงส์นั้นยังมีชีวิตสุขสบาย และยังมีตำแหน่งองค์ชายห้าที่ไม่อ่าว เที่ยวเล่นหอนางโลมเป็นวิสัย วัน ๆ ไม่ทำอะไรนอกจากกิน เมามายและก่อความวุ่นวาย“องค์ชายห้า เจ้าคงรู้จักไม่มากก็ไม่น้อย”ฟางเหยียนอวี้นิ่งไป ก่อนจะหัวเราะอย่างฝืดเคือง เรื่องนี้จะโทษว่าใครเป็นคนผิด มารดาผู้หวังดี หรือรองแม่ทัพเย่วที่ทำเขาหายไป ร่างสูงโปร่งลุกขึ้นยืนพร้อมโค้งกายเคารพ“ขอบคุณท่านรองแม่ทัพเย่ว เรื่องวันนี้ถือเสียว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเถอะขอรับ” “เพราะเหตุใด” เย่วหมิงลุกขึ้นยืนตาม น้ำเสียงแหบพร่ายิ่งกว่าเดิม ดวงตาคมกริบมองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ“ทุกวันนี้พวกเขาก็สุขสบายกันดีอยู่แล้ว จะเพิ่มเร
หลังจากได้เงินมาแล้ว ฟางเหนียงไม่รอช้ารีบไปหาผู้ใหญ่บ้าน บอกเล่าเรื่องที่จะสร้างบ้าน โดยมีบ้านฝั่งมารดามาช่วยงานด้วย นางวาดโครงสร้างบ้านให้พี่ชายใหญ่เป็นคนจัดการไปซื้ออุปกรณ์ก่อสร้างในเมือง บ้านที่นางอยากได้ค่อนข้างใหญ่พอสมควร เพราะนางตั้งใจสร้างห้องนอนให้เจ้าแฝดคนละห้อง เพราะหากโตไปพวกเขาจะได้มีเวลาส่วนตัวบ้างนางสร้างสี่ห้องนอน หนึ่งห้องหนังสือไว้สำหรับสั่งสอนบุตรชาย มีห้องครัวและหนึ่งห้องรับแขก อีกทั้งสร้างกำแพงล้อมรอบบ้านด้วยเพราะไม่อยากให้เกิดปัญหามีคนปีนเข้ามาหาอีก นางไม่กลัวที่จัดการพวกโจร แต่ชื่อเสียงในยุคสมัยนี้จำเป็นต้องรักษา การสร้างบ้านของนางครั้งนี้ใหญ่โตและใช้คนจำนวนมาก และครั้งนี้นางได้รู้จักครอบครัวฝ่ายสามีซึ่งมาร้องโวยวายขอเงินส่วนของบุตรชายตนซึ่งทำให้ฟางเหนียงปวดหัวไม่น้อย“นี่ก็เป็นเงินของลูกชายข้า เจ้าต้องแบ่งเงินมาให้ทางบ้านข้าด้วย” น้ำเสียงเกรี้ยวกราดและชี้นิ้วสั่งของหญิงวัยกลางคนที่สวมใส่เสื้อผ้าเก่า ๆ ตรงหน้าทำให้ฟางเหนียงขมวดคิ้วมุ่น นางจับมนุษย์ป้าโยนออกไปจะผิดหรือไม่“เงินเดือนสามีข้าเกี่ยวอะไรกับท่าน ในเมื่อเราก็แยกบ้านกันมาตั้งนานแล้ว” ฟางเหนียงตอบโต้พ
และเงินเดือนนี้แม้เวลานี้จะน้อยนิด แต่มันก็มากพอที่คนธรรมดาใช้ชีวิตไปอีกหลายปี แต่ทำไมนางต้องให้เงินกับแม่สามีเช่นนี้ด้วย นางเก็บไว้ให้เจ้าแฝดไม่ดีกว่าหรือ“ไม่ ท่านลืมไปแล้วหรือว่าพี่ฟางเหยียนอวี้แยกบ้านกับท่านนานแล้ว และข้ากับท่านไม่มีความเกี่ยวข้องกันอีก หากท่านดื้อดึงก็ให้ผู้ใหญ่บ้านมาตัดสิน” ฟางเหนียงตอบกลับอย่างเย็นชา นางไม่อ่อนข้อให้คนเช่นนี้เด็ดขาด นางจะดีกับคนที่ดีกับนางอย่างแท้จริง ส่วนคนที่คิดจะปอกลอกกอบโกยผลประโยชน์จากนางก็ฝันไปเถอะ“เจ้า...” ฟางหรูโกรธจนตัวสั่น แต่นางก็ทำอะไรไม่ได้ เมื่อก่อนนางข่มเหงสะใภ้คนนี้ไม่ได้ ปัจจุบันก็ยิ่งทำไม่ได้ ยิ่งทำให้นางเกลียดชังสะใภ้คนนี้ยิ่งกว่าเดิม“สะใภ้สี่เจ้าพูดแบบนี้ก็ไม่ถูก อย่างไรท่านแม่ก็เลี้ยงดูสามีเจ้ามาตั้งแต่เล็ก บุญคุณไม่ว่าอย่างไรก็ตอบแทนไม่หมด อันที่จริงเงินเดือนของน้องสี่ควรแบ่งให้ท่านแม่อย่างน้อยหกส่วนเสียด้วยซ้ำ แต่หลายปีมานี้เจ้ายึดครองไว้เพียงคนเดียวก็นับว่ามากเกินพอแล้ว” ฟางเหนียงมองคนจีบปากจีบคอพูดอย่างไร้ยางอาย นางกดมุมปากลึกยิ่งกว่าเดิม สตรีตรงหน้าฉลาดพูดเสียด้วยซ้ำไป“ได้ข้าจะให้เงินร้อยตำลึงเงินกับพวกท่าน แต่จ
“ผู้ใหญ่บ้านนี่เป็นเรื่องครอบครัวข้า ข้าจัดการเองได้” ฟางหรูเอ่ยปากและมองอย่างไม่พอใจเมื่อรู้ว่ามีคนไปตามฟางไห่มา และนั่นทำให้นางต้องเสียผลประโยชน์ที่ควรได้“เหอะ!” ฟู้เหลียนเค้นเสียงไม่พูดอะไรให้มากความอีก เพราะพูดไปก็ชวนให้โมโหจนอยากลงไม้ลงมือกับสตรีไร้ยางอายเช่นนี้ เขาเป็นผู้ใหญ่มาหลายปีเห็นผู้คนมาหลายรูปแบบ แต่กับคนไร้ยางอายเช่นฟางหรูนี่เป็นครั้งแรก เพราะคนอื่นยังรู้สึกเกรงใจตนเองบ้าง ยิ่งคิดยิ่งหนวดกระตุกด้วยความโมโห“หนังสือแยกบ้านพวกข้าก็ยังมีอยู่ และมันก็มีผลทางกฎหมายเสียด้วย ข้าไม่ลำบากที่จะพาท่านไปส่งที่จวนผู้ว่าการที่ตัวเมือง” ฟางเหนียงที่เงียบมานานเอ่ยเสียงเนิบนาบ ไม่ได้เร่งรีบหรือมีอารมณ์เกรี้ยวกราดแต่อย่างไร ทว่าแม้นางจะพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ให้ความรู้สึกกดดัน ดวงตาที่งดงามของนางมีแต่ความเย็นชาจนทำให้คนที่ถูกนางมองถอยหลังอย่างลืมตัว ใบหน้างามยังมีรอยยิ้มอ่อนโยน แต่ความรู้สึกที่แผ่ออกมาทำให้คนรอบกายรู้สึกหวาดกลัว“เจ้า...เจ้าอกตัญญูผิดประเพณี กฎหมายก็สามารถเอาผิดเจ้าได้เช่นกัน” ฟางหรูกล่าวตอบโต้ แม้จะรู้สึกหวาดกลัวอย่างน่าประหลาด แต่เรื่องกฎหมายนางก็พอรู้มาบ้าง เ
แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่ลุงหวังเล่าให้ฟังก็รู้สึกปวดใจ ที่ตนปล่อยให้ภรรยาลำบากหาเงินมาสร้างบ้านเองเช่นนี้ แม้เขาจะเป็นทหารมาถึงสี่ปีก็คงไม่ได้บ้านหลังใหญ่เช่นนี้ นอกเสียจากทวงตำแหน่งของตนเองกลับคืนมา แต่แล้วอย่างไรในเมื่อมารดาไม่ได้ต้องการเขาไยจะต่อสู้อย่างไร้ประโยชน์ เมื่อนึกถึงสิ่งที่มารดากระทำ ก็ทำให้เขาหลุดหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น นกกระสาอยู่กินอยู่รังหงส์อย่างสุขสบาย หากเขามีชีวิตที่ดี ครอบครัวคงไม่ต้องลำบากเช่นนี้ แต่เมื่อคิดทบทวนอย่างถี่ถ้วน หากตนเป็นองค์ชายก็คงไม่มีโอกาสเจอภรรยาคนนี้ เขาควรไม่ยึดติดในสิ่งที่ไม่ใช่ของตนเองเวลานี้พระอาทิตย์เริ่มตกดิน ประตูบ้านหลังใหญ่เปิดออก เผยให้เห็นร่างบอบบางราวกับต้นหลิวยืนอยู่เบื้องหน้า ใบหน้างดงามดวงตานิ่งสงบมองมาที่ฟางเหยียนอวี้อย่างเงียบ ๆ กลิ่นไอของนางเวลานี้ทำให้เขารู้สึกไม่คุ้นเคย คนตรงหน้าเขาตอนนี้คือฟางเหนียงที่งดงามและดูอวบอิ่มกว่าแต่ก่อน แววตาที่มองมานั่น มั่นคงและให้ความรู้สึกจิตใจสงบ ทันใดใบหน้างามระบายยิ้มอ่อนโยนออกมา“ยินดีต้อนรับกลับบ้าน ท่านพี่มาเหนื่อย ๆ ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนเถอะเจ้าค่ะ จะได้มากินข้าวกัน” น้ำเสียงอ่อนโยนแ
“ฟางเหริน ฟางหรงไปดูสิใครมาบ้านเรา”“ขอรับ” ทั้งคู่ตอบรับก่อนจะเคลื่อนไหวออกไปทางหน้าบ้านอย่างรวดเร็ว เมื่อทั้งคู่เปิดประตูออกไป ก็เจอกับร่างสูงตระหง่านมีกลิ่นไอแข็งแกร่งเหมือนมารดายืนอยู่เบื้องหน้า ใบหน้านั้นดูน่ากลัวเล็กน้อย เพราะมีรอยแผลเป็นน่ากลัวอยู่ตรงใต้ตาข้างซ้าย ทว่ามารดาสั่งสอนพวกเขามาอย่างดี มนุษย์ไม่อาจตัดสินใจจากภายนอกได้ บางคนพูดจาไพเราะอ่อนหวาน แต่พร้อมจะแทงข้างหลังตลอดเวลา แม้พวกเขาจะไม่ค่อยเข้าใจความหมายมากนัก แต่ก็พอสรุปได้ว่าห้ามตัดสินคนที่หน้าตา ทว่าคนเบื้องหน้าพวกเขากลับไม่รู้จัก“ไม่ทราบท่านลุงเป็นใครหรือขอรับ” ฟางเหรินเอ่ยถามอย่างระวัง ขณะที่คนน้องต่อประโยคให้มารดาที่กำลังทำอาหาร เพราะเขารู้ว่าหากมารดาออกมา อาหารที่นางทำจะไหม้ได้ และกินไม่ได้ ยิ่งวันนี้มีเนื้อกระต่ายพวกเขายิ่งไม่ยอมให้มารดาออกมา จนกว่าจะทำเสร็จ หากฟางเหนียงรู้ความคิดของพวกเขาคงร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออกเป็นแน่“ตอนนี้ท่านแม่กำลังทำกับข้าว ยังออกมาต้อนรับไม่ได้ขอรับ เดี๋ยวอาหารไหม้” ฟางเหยียนอวี้มองเด็กน้อยสองคนที่หน้าตาเหมือนกันอย่างนิ่งงัน ทั้งคู่สวมใส่อาภรณ์สีเดียวกันรวบผมทรงเดียวกันทำให้ย
เขาแค่ทำหน้าที่สามีที่ดี พ่อที่ดีส่งเงินมาเลี้ยงดูเท่านั้น แต่ไม่เคยส่งจดหมายไถ่ถามความเป็นอยู่เลย แต่ฟางเหยียนอวี้ก็ยังพอได้ยินจากทหารคนอื่นว่าภรรยาของตนเป็นเช่นไร แม้จะรู้สึกปวดใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากส่งเงินมาให้เลี้ยงดูบุตรชายเท่านั้น อย่างน้อยก็ขอให้พวกเขามีชีวิต แม้ชีวิตพวกเขาจะไม่ได้ดีมากนักก็ตาม เขานึกถึงใบหน้าของภรรยาในความทรงจำซึ่งมันเลือนรางจนแทบจำไม่ได้ พวกเขาไม่ได้รักกันและแทบไม่ได้มองหน้ากันจึงไม่แปลกที่เขาจะลืมเลือนไปบ้าง ร่างสูงหมุนกายหมายจะไปบ้านผู้ใหญ่บ้านเพื่อไถ่ถามหาภรรยากับลูกของตนเองหวังว่าฟางเหนียงยังมีจิตสำนึกของความเป็นแม่ไม่ขายลูกออกไปก่อนที่เขาจะกลับมา ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อภัยนางตลอดชีวิตเป็นแน่“อ้าวนั่นเหยียนอวี้ใช่หรือไม่ กลับมาแล้วหรือ” ลุงหวังที่กลับมาจากไร่ขณะที่กำลังผ่านหน้าบ้านฟางเหนียงไปเอ่ยทักถามอย่างดีใจ ใบหน้ามีรอยยิ้มดวงตาเป็นประกายยินดี เหยียนอวี้เวลานี้ดูหล่อเหลาและแข็งแกร่งไม่ใช่เด็กหนุ่มคนนั้นอีกแล้ว สนามรบทำให้ผู้คนเปลี่ยนไปจริง ๆ แต่เมื่อมองสำรวจร่างสูงสง่าของฟางเหยียนอวี้แล้วกลับไม่รู้สึกถึงความผิดปกติ เขาไม่รู้สาเหตุของการกลับบ้านแต่
แม้จะปิดจมูกเอาไว้ แต่กลิ่นเหม็นของมันก็ยังคงอยู่ นางไม่รอช้าเร่งมือเก็บกวาดเห็ดหลินจือและต้นไม้ที่ดูแปลก ๆ ใส่เข้าไปในมิติจนหมด จากนั้นก็รีบจากมาอย่างรวดเร็ว เมื่อได้สิ่งที่ต้องการแล้ววันนี้นางจึงเดินทางกลับทันทีอีกทั้งทิศนี้ก็สิ้นสุดที่หน้าผา หากต้องการไปที่ภูเขาลูกต่อไปคงต้องอ้อมไปอีกทิศทางหนึ่ง ซึ่งไว้ให้นางเลื่อนระดับลมปราณให้ได้เสียก่อนอีกอย่างวันนี้นางจะทำสตูว์กระต่ายให้เจ้าก้อนแป้งกินจึงรีบกลับบ้านอย่างรวดเร็ว อีกอย่างพรุ่งนี้เป็นวันเกิดของเจ้าแฝดด้วยนางจะได้ไปทำขนมเค้กให้ซึ่งนางไม่ได้ทำนานแล้วอีกอย่างเตาอบสมัยนี้ไม่รู้ว่าทำออกมาแล้วสีขนมเค้กจะออกมาหอมนุ่มหรือจะไหม้แทน นางต้องไปฝึกทำคืนนี้หากไม่ได้ยังไงจะได้ปรับเปลี่ยนสูตรไปด้วยฟางเหนียงใช้เวลาไม่นานก็กลับมาถึงบ้าน ระหว่างทางกลับบ้านนางก็หาบฟืนมาสองมัดเพื่อให้ชาวบ้านได้เห็นว่านางก็มีฟืนใช้ในฤดูหนาวพวกเขาอาจไม่รู้ว่านางมีทั้งหมดกี่มัดและหาบลงมากี่รอบแล้ว แต่นางไม่ได้สนใจเรื่องนั้น นางแค่ทำให้ไม่ดูแตกต่างจนชาวบ้านสงสัยเท่านั้นเมื่อเข้ามาในบ้านฟางเหนียงก็เอาฟืน
ฟางเหนียงหาเศษใบไม้แถวนั้นมาเผาตรงหน้าโพรงกระต่าย ควันไฟลอยเข้าไปในโพรงไม้จนเจ้าก้อนสำลีตัวอ้วนกระโดดออกมา นางใช้กำลังภายในที่มีเพิ่มความเร็วของมือจับมือของมันโยนเข้าไปในมิติอย่างรวดเร็ว แม้กระทั่งเจ้ากระต่ายตัวอ้วนยังยืนงงอยู่ภายในมิติ ว่ามันมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร มันไม่ทันได้เห็นหน้ามนุษย์ผู้นั้นเสียด้วยซ้ำไปแต่มันก็ยืนงงไม่นาน เมื่อมีครอบครัวของมันตามมาอีกห้าตัวด้วยกัน เมื่อเห็นว่าอยู่กันครบแล้ว พวกมันก็พากันกระโดดไปตามสวนผักอย่างตื่นเต้น และแทะเล็มผักใบเขียวสดใหม่อย่างเอร็ดอร่อยฟางเหนียงมองในมิติเงียบ ๆ ไม่ได้จับพวกมันออกจากสวนผัก เพราะถึงจะกินไปเดี๋ยวมันก็ขึ้นมาอีก แต่ต่อไปนางจะสร้างรั้วกั้นไว้ไม่ให้มันเดินไปทั่วเช่นเดียวกับไก่ แต่ตอนนี้นางยังต้องสำรวจป่าลึกแถวนี้ให้เสร็จก่อนค่ำ เมื่อถึงเวลามื้อเที่ยงนางก็เข้าไปกินข้าวกับเด็ก ๆ ในมิติสวรรค์ ซึ่งทั้งคู่ยังพากันเล่นน้ำอย่างสนุกสนานน้ำกับเด็กนี่เป็นของคู่กันจริง ๆ โชคดีที่พวกเขาว่ายน้ำกันเก่งมากแล้ว แต่หากมีอะไรผิดปกตินางก็สามารถเข้ามาช่วยเหลือได้ตลอดเวลา จึงไม่ได้ทำให้นางเป็นห่วงมากนัก&
ชีวิตในแต่ละวันของฟางเหนียงนั้นเป็นระบบระเบียบมาก เช้ามาออกกำลังกายยามเช้า ให้อาหารไก่ อาหารหมู อาหารม้า และรดน้ำผักในตอนเช้า เวลานี้แตงโมสุกหลายลูกแล้ว นางกินไม่ทันจึงได้เก็บไว้ไปขายในเมืองและผักผลไม้หลายอย่างซึ่งออกดอกออกผลในมิติสวรรค์นั้นงดงามมากแม้เวลานี้นางไม่ได้ขาดแคลนเงินทอง แต่นางก็ไม่ได้รังเกียจหากมันจะมีเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม เพราะอนาคตยังต้องมีค่าใช้จ่ายของเจ้าก้อนแป้งน้อยตามมาด้วย เวลานี้เจ้าก้อนแป้งน้อยขาวอวบอ้วนน่าฟัดยิ่งกว่าวันแรก ที่นางได้พบเจอ แก้มอวบอ้วนนั้นก็น่าบีบน่าจับไปหมด แขนเล็ก ๆ อ้วน ๆ ป้อมนั่นยิ่งทำให้นางเผลอยิ้มมาหลายครั้งอีกหน่อยทั้งคู่คงจะกลิ้งแทนการเดิน ช่วงนี้นางวางแผนไปหาแพะมาเลี้ยงเพื่อจะได้รีดนมให้เจ้าก้อนแป้งกิน ในอนาคตข้างหน้าเจ้าตัวจะได้สูงสมส่วน แม้นางจะชอบที่เจ้าก้อนแป้งอวบอ้วน แต่หากโตขึ้นนางก็อยากให้พวกเขาหล่อเหลา สมส่วนเป็นหนุ่มหล่อให้นางได้มองเจริญหูเจริญตา ยิ่งพวกเขาหน้าตาดีนางยิ่งภูมิใจที่เลี้ยงดูพวกเขามาอย่างดีและในทุกวันจะแบ่งเวลามานั่งเดินลมปราณกันอย่างขยันขันแข็ง ตอนนี้นางอยู่ขั้นต้นระดับห้าแ
ฟางเหนียงให้เด็ก ๆ หัดเล่นหมากล้อมขาวดำ ซึ่งนางซื้อมาเมื่อครั้งเข้าเมืองล่าสุดนี้ นางสอนวิธีเล่นและอธิบายการเล่นหมากล้อมอย่างใจเย็น นางไม่รู้ว่าพวกเขาเข้าใจมากน้อยแค่ไหนแต่พยายามอธิบายแบบง่าย ๆ ให้ฟัง นางใช้เวลาสอนเล่นเพียงครึ่งชั่วยาม ซึ่งฟางเหรินแฝดพี่จะเข้าใจง่ายกว่าคนน้อง แม้คนน้องจะหัวร้อนกว่าแต่ก็พอเล่นไปได้ เมื่อถึงยามซวีจึงพาเด็ก ๆ เข้านอน ห้องนอนตอนนี้กว้างและเตียงนอนขนาดใหญ่ซึ่งเด็ก ๆ นอนกลิ้งได้อย่างสบาย ๆ นางเหน็บผ้าห่มให้ทั้งคู่อย่างเงียบ ๆ เมื่อทั้งสองหลับไปแล้วจึงได้ออกจากห้องไปยังห้องนอนใหญ่อีกห้องหนึ่งซึ่งนางเตรียมไว้ให้ ฟางเหยียนอวี้ ข้าวของที่ซื้อมาก็จัดเก็บไว้ในตู้เรียบร้อยแล้ว มีเพียงผ้าพับที่ยังอยู่ห้องของนางเพราะต้องวัดขนาดของเจ้าตัวก่อนจะตัดเย็บให้ ฟางเหนียงนั่งลงบนเตียงนอนที่มาปัดเช็ดถูอยู่บ่อยครั้ง ผ้าห่มชุดนี้ยังไม่เคยใช้งานแต่ก็ถูกเตรียมไว้รอคนกลับบ้าน นางครุ่นคิดถึงคนในความทรงจำของร่างเดิม ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะบาดเจ็บสาหัสเพียงใด และนางยังสามารถช่วยเหลือได้หรือไม่ สงครามไม่ใช่สนามเด็กเล่นแค่รอดกลับมาได้ก็นับว่าดีมากแล้วฟางเหนียงสงบใจ ก่อนจะเริ่มอ่านคั
นางนำผงถ่านมาผสมกับน้ำมันหมูขั้นตอนการทำค่อนข้างยุ่งยาก เพราะไม่มีN70 หรือ N8000 ในยุคปัจจุบันที่ทำให้สบู่มีฟอง จึงต้องใช้ไขมันหมูทดแทน สบู่นี้สามารถเก็บไว้ได้นานแต่จะมีฟองน้อย หากมีน้ำมันมะกอกจะทำให้มีฟองมากกว่านี้ และยังทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นมากกว่าอีกด้วยส่วนน้ำหอมนางใช้ดอกกุกลาบที่ปลูกไว้ข้างบ้านมาคั้นน้ำผสม ความรู้ส่วนนี้ได้มาจากญาติผู้พี่ที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่วัน ๆ อยู่กับห้องแล็บในวันสิ้นโลก มีช่วงหนึ่งสบู่ขาดแคลนเจ้าตัวก็สอนวิธีโบราณกับคนอื่น ๆ จึงพอถู ๆ ไถ ๆ ไปได้ ตั้งแต่มาที่นี่ฟางเหนียงได้ทดลองทำหลายอย่าง นางไม่ได้เชี่ยวชาญมากนัก ส่วนมากจะจำได้ตอนที่ญาติผู้พี่เล่าให้ฟังเท่านั้น ทว่าตั้งแต่ญาติผู้พี่ถูกพวกทางการเชิญตัวไปทดลองทำยาต้านเชื้อไวรัสนางก็ไม่ค่อยได้พบบ่อยหนักหลังจากที่เด็ก ๆ ไปอาบน้ำฟางเหนียงก็ทำอาหารเย็นวันนี้นางทำไก่ตุ๋นเกาลัดและไข่ตุ๋นอย่างง่ายอีกหนึ่งอย่าง นางเริ่มก่อไฟหุงข้าวไว้ก่อนจะไปลงมือเชือดไก่ในมิติอีกหนึ่งตัว นางลงมือทำอย่างคล่องแคล่วใช้เวลาเพียงไม่นานไก่ก็ถูกทำความสะอาดจนเรียบร้อย จากนั้นจึงได้เตรียมส่วนผสมอื่น ๆ ซึ่งมีเกาลัดหรือที่นี่เรียกว่าลี่จึเป
ทว่าทันทีที่มาถึงบ้านฟางเหนียงก็ได้รับข่าวจากคนในหมู่บ้านว่าลู่หลิ่งบ้านตระกูลลู่ถูกสัตว์ร้ายฆ่าตาย อีกฝ่ายหนีออกจากป่าลึกมาได้ ชาวบ้านจึงได้ให้การช่วยเหลือ แต่เนื่องจากอาการบาดเจ็บสาหัสทำให้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ฟางเหนียงเม้มปากแน่น นางรู้ว่าทำไมพวกเขาเข้าไปในป่าลึกเพราะพวกนั้นหวังจะเจอสมุนไพรและร่ำรวยชั่วข้ามคืนเช่นเดียวกับนาง และทั้งตอนนี้ตระกูลฝั่งมารดาของนางก็มีบ้านหลังใหญ่ให้คนอื่นอิจฉาเช่นกัน จึงทำให้มีบุรุษหลายคนเข้าป่าตามคำสั่งภรรยา นางจำคนชื่อลู่หลิ่งได้เนื่องจากเคยมาช่วยนางสร้างบ้านมาก่อนในโลกนี้ฟางเหนียงไม่รู้ว่าเวลาคนเสียชีวิตต้องทำอย่างไร แต่นางก็ให้ซองเงินช่วยเหลือไปหนึ่งตำลึง เพื่อจะได้ซื้อโลงศพดี ๆ และซื้ออาหารเลี้ยงแขกด้วย ซึ่งลู่ชิงภรรยาอีกฝ่ายแม้จะรับเงินไป แต่ก็มองนางราวกับนางเป็นต้นเหตุการณ์ตายของสามี จากนั้นนางจึงไม่ไปปรากฏตัวในงานอีกเพราะนางก็ได้ช่วยเหลือตามสมควรแล้ว ต่อไปนี้จะเป็นอย่างไรก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกันอีก และนางไม่ได้เป็นคนบอกให้ขึ้นเขาไปป่าลึกเพื่อหาสมุนไพรเสียหน่อย นั่นอยู่ที่ความโลภของพวกเขาเอง ขนาดตัวนางยังบาดเจ็บกลับมาแล้วคนที่ไม่เคยผ่านความเป็นคว