ฟ่านซู่ฉินเดิมทีก็เป็นผู้หญิงที่เห็นแก่ตัวและชอบใช้ความรุนแรงอยู่แล้ว การสูญเสียลูกชายไปทำให้เธอรู้สึกสิ้นหวัง ตอนนี้แม้กระทั่ง “หลาน” ก็ไม่มีแล้ว แค่ลองคิดดูก็รู้แล้วว่าเธอจะคุ้มคลั่งแค่ไหนเฉียวสือเนี่ยนถามฟู่เถียนเถียน “ตอนนี้ป๋ายอีอีเป็นยังไงบ้าง?”ฟู่เถียนเถียนบอกเธอว่า ป๋ายอีอีทั้งแท้งลูกและถู
ฮั่วเยี่ยนฉือนำบัตรคอนเสิร์ตสองใบออกมา “ได้ยินคุณตาบอกว่าเธอชอบวงดนตรีชิงเฟิงนี้มาก พรุ่งนี้พวกเขาจะมาแสดงที่เมืองไห่เฉิง เธอว่างไปดูด้วยกันไหม?”เมื่อเห็นบัตรคอนเสิร์ตในมือของฮั่วเยี่ยนฉือ จู่ ๆ หัวใจของเฉียวสือเนี่ยนพลันเกิดความรู้สึกที่ไม่รู้จะเรียกว่าเป็นความน่าขันหรือขมขื่นกันแน่ ชาติก่อนเธอก็
โม่ซิวหย่วนบอกว่าเขาได้มาถึงยังชั้นล่างแล้วเฉียวสือเนี่ยนจึงรีบลงไป โม่ซิวหย่วนก็รอเธออยู่แล้วจริง ๆวันนี้โม่ซิวหย่วนแต่งตัวสบาย ๆ เขาใส่เสื้อฮู้ดสีขาวคู่กับกางเกงลำลองสวมสบาย มันจึงทำให้เขาดูหล่อเหลากร้าวใจมากกว่าเดิมส่วนเฉียวสือเนี่ยนก็สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนส์เพื่อความสะดวกและทะมัดทะแมง
เมื่อเทียบกับความชอบของเฉียวสือเนี่ยนที่มีต่อดนตรี สิ่งที่ทำให้โม่ซิวหย่วนเบิกบานใจยิ่งกว่า คือท่าทีที่ดูมีความสุขของเฉียวสือเนี่ยนเขาถือโอกาสขณะเธอกำลังดื่มด่ำกับการร้องและเต้น โม่ซิวหย่วนได้แชะภาพเธอไว้หลายรูปจนกระทั่งการแสดงจบลง เฉียวสือเนี่ยนก็ยังรู้สึกสนุกไม่หายโม่ซิวหย่วนยื่นกระดาษทิชชูให้เ
ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว เฉียวสือเนี่ยนได้ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความเจ็บปวดเธออยากจะลองขยับตัว แต่กลับรู้สึกวิงเวียนศีรษะขึ้นมาทันที เธอจึงส่งเสียง “แหวะ” ออกมาหนึ่งที“เนี่ยนเนี่ยน!” “เฉียวสือเนี่ยน!”เสียงแห่งความห่วงใยสองเสียงดังขึ้นที่ข้างหูเฉียวสือเนี่ยนพยายามลืมตาขึ้น จึงพบว่าตัวเองเหมือนจะอยู่
ในเวลานี้มีเสียงอันเย็นชาของฮั่วเยี่ยนฉือที่ดังขึ้นเบา ๆ จากนอกระเบียงฮั่วเยี่ยนฉือมาได้อย่างไร?ระหว่างที่เธอรู้สึกแปลกใจ ฮั่วเยี่ยนฉือก็ได้เดินเข้ามาในห้องแล้วเขาสวมเสื้อเชิ้ตสีดำ ซึ่งตอนนี้เขาดูแตกต่างจากเดิมที่มักแต่งตัวเนี้ยบ เวลานี้เขาได้ปลดกระดุมด้านบนออกสองสามเม็ด ชายเสื้อก็ไม่ได้ถูกยัดใส่
เมื่อได้ยินคำขอร้องของเฉียวสือเนี่ยน สีหน้าของฮั่วเยี่ยนฉือพลันดูขมขื่นขึ้นเล็กน้อย “นี่ก็ดึกมากแล้ว เธอพักผ่อนก่อนเถอะ”เฉียวสือเนี่ยนยืนกราน “คุณเอามือถือมาให้ฉัน ฉันจะโทรเอง”ฮั่วเยี่ยนฉือจึงทำได้เพียงบอกเธอว่า “มือถือของโม่ซิวหย่วนอยู่ที่พี่ชายของเขา ถึงเธอโทรไป เขาก็รับไม่ได้อยู่ดี”“...” เฉียว
หากเป็นเมื่อชาติก่อน นี่คงเป็นภาพที่เธอไม่กล้าแม้แต่จะคิดวาดฝันด้วยซ้ำเฉียวสือเนี่ยนจึงหลับตาลงวันที่สี่ของการพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาล อาการเวียนหัวของเฉียวสือเนี่ยนในที่สุดก็ทุเลาลงบ้างแล้ว บาดแผลที่แขนและหลังของเธอก็ดีขึ้นมากแล้วเช่นกัน มีแค่แผลบริเวณท้ายทอยที่ค่อนข้างสาหัส เธอจึงยังไม่สามารถแกะผ้