เมื่อเห็นสองพี่น้องที่กำลังอยู่ในอารมณ์คุกรุ่นและพร้อมลงมือทุกเมื่อแล้ว ซ่งชิงชวนก็เริ่มพูดโน้มน้าวใจโม่ซิวหลินในจังหวะเวลาที่เหมาะสม “พี่หลิน พวกเราต่างก็เป็นพี่น้องกัน ไว้ค่อยหาเวลาที่เหมาะสมมาคุยกับอาหย่วนอีกทีดีกว่านะ”โม่ซิวหลินก็รู้ว่านี่ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมในการพูดคุยกัน เขาจึงพูดกับโม่ซิว
โม่ซิวหย่วนเอ่ย “ไม่ใช่ ไม่ต้องรีบหรอก ไว้ค่อยพูดตอนกินข้าวก็ได้”“…” หลังจากผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง โม่ซิวหย่วนพาเฉียวสือเนี่ยนมาถึงยังร้านอาหารจีนแห่งหนึ่งที่พอมีชื่อเสียงอยู่บ้างในละแวกใกล้ ๆคนทั้งสองทำการสั่งอาหาร หลังจากอาหารมาถึงจนครบแล้ว พวกเขาก็เริ่มรับประทานอาหารรสเลิศด้วยกันจากนั้นโม่ซ
ฟ่านซู่ฉินเดิมทีก็เป็นผู้หญิงที่เห็นแก่ตัวและชอบใช้ความรุนแรงอยู่แล้ว การสูญเสียลูกชายไปทำให้เธอรู้สึกสิ้นหวัง ตอนนี้แม้กระทั่ง “หลาน” ก็ไม่มีแล้ว แค่ลองคิดดูก็รู้แล้วว่าเธอจะคุ้มคลั่งแค่ไหนเฉียวสือเนี่ยนถามฟู่เถียนเถียน “ตอนนี้ป๋ายอีอีเป็นยังไงบ้าง?”ฟู่เถียนเถียนบอกเธอว่า ป๋ายอีอีทั้งแท้งลูกและถู
ฮั่วเยี่ยนฉือนำบัตรคอนเสิร์ตสองใบออกมา “ได้ยินคุณตาบอกว่าเธอชอบวงดนตรีชิงเฟิงนี้มาก พรุ่งนี้พวกเขาจะมาแสดงที่เมืองไห่เฉิง เธอว่างไปดูด้วยกันไหม?”เมื่อเห็นบัตรคอนเสิร์ตในมือของฮั่วเยี่ยนฉือ จู่ ๆ หัวใจของเฉียวสือเนี่ยนพลันเกิดความรู้สึกที่ไม่รู้จะเรียกว่าเป็นความน่าขันหรือขมขื่นกันแน่ ชาติก่อนเธอก็
โม่ซิวหย่วนบอกว่าเขาได้มาถึงยังชั้นล่างแล้วเฉียวสือเนี่ยนจึงรีบลงไป โม่ซิวหย่วนก็รอเธออยู่แล้วจริง ๆวันนี้โม่ซิวหย่วนแต่งตัวสบาย ๆ เขาใส่เสื้อฮู้ดสีขาวคู่กับกางเกงลำลองสวมสบาย มันจึงทำให้เขาดูหล่อเหลากร้าวใจมากกว่าเดิมส่วนเฉียวสือเนี่ยนก็สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนส์เพื่อความสะดวกและทะมัดทะแมง
เมื่อเทียบกับความชอบของเฉียวสือเนี่ยนที่มีต่อดนตรี สิ่งที่ทำให้โม่ซิวหย่วนเบิกบานใจยิ่งกว่า คือท่าทีที่ดูมีความสุขของเฉียวสือเนี่ยนเขาถือโอกาสขณะเธอกำลังดื่มด่ำกับการร้องและเต้น โม่ซิวหย่วนได้แชะภาพเธอไว้หลายรูปจนกระทั่งการแสดงจบลง เฉียวสือเนี่ยนก็ยังรู้สึกสนุกไม่หายโม่ซิวหย่วนยื่นกระดาษทิชชูให้เ
ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว เฉียวสือเนี่ยนได้ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความเจ็บปวดเธออยากจะลองขยับตัว แต่กลับรู้สึกวิงเวียนศีรษะขึ้นมาทันที เธอจึงส่งเสียง “แหวะ” ออกมาหนึ่งที“เนี่ยนเนี่ยน!” “เฉียวสือเนี่ยน!”เสียงแห่งความห่วงใยสองเสียงดังขึ้นที่ข้างหูเฉียวสือเนี่ยนพยายามลืมตาขึ้น จึงพบว่าตัวเองเหมือนจะอยู่
ในเวลานี้มีเสียงอันเย็นชาของฮั่วเยี่ยนฉือที่ดังขึ้นเบา ๆ จากนอกระเบียงฮั่วเยี่ยนฉือมาได้อย่างไร?ระหว่างที่เธอรู้สึกแปลกใจ ฮั่วเยี่ยนฉือก็ได้เดินเข้ามาในห้องแล้วเขาสวมเสื้อเชิ้ตสีดำ ซึ่งตอนนี้เขาดูแตกต่างจากเดิมที่มักแต่งตัวเนี้ยบ เวลานี้เขาได้ปลดกระดุมด้านบนออกสองสามเม็ด ชายเสื้อก็ไม่ได้ถูกยัดใส่
เท่าที่เฉียวสือเนี่ยนจำความได้ แม่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและใช้ความรู้สึกร่วมกับเหตุผล ต่อให้ในตอนนั้นแม่จะโกรธมากแค่ไหน หลังจากนั้นก็ต้องไปถามหลีพัวถิงให้ชัดเจนดังนั้น เรื่องนี้สาเหตุหลักไม่ได้มาจากการที่แม่ขอเลิกแน่ ๆอีกอย่างการที่แม่หา “คนรักเก่า” มาเป็นข้ออ้างเพื่อขอเลิก ต้องเป็นเพราะมีเหตุผลส
ผลตรวจดีเอ็นเอไม่พลิกผัน หลีซูเหยียนกับหลีพัวไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดตั้งแต่นั้นมา หลีพัวถิงก็เก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ ป่าวประกาศกับคนภายนอกว่าหลีซูเหยียนคือลูกสาวของเขา และเลี้ยงดูเสมือนเป็นลูกแท้ ๆ “ในเมื่อคุณเชื่อว่าแม่ฉันโกหก เด็กก็ไม่ใช่ลูกของคุณ แล้วทำไมคุณยังต้องเลี้
หลีพัวถิงพยักหน้าเล็กน้อยและจมอยู่ในความทรงจำต่อไปหนุ่มสาวมากความสามารถที่อายุน้อย แถมอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอีก หัวใจทั้งสองดวงจึงใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็วหลังรู้จักกันได้ไม่นาน ในวันที่แสงแดดเจิดจ้าเช่นเดียวกัน หลีพัวถิงสารภาพรักกับเมิ่งจินเหยียนท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม และทั้งสองก็กลายเป็นคู่รักอ
แม้หลีซูเหยียนจะพูดอย่างจริงใจ แต่หลีพัวถิงก็ยังคงปฏิเสธ “ซูเหยียน ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว และทำตามที่พ่อบอก ลูกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศซะ”เดิมทีหลีซูเหยียนคิดว่าตัวเองมั่นใจต่อข้อเสนอนี้มาก ถึงอย่างไรทางด้านคุณลุงก็พร้อมจะลงมือ แถมครั้งนี้ยังเกิดเหตุการณ์เลวร้ายถึงขั้นลักพาตัวอีก เธอยินยอมกลายเป็นเป้
พอเฉียวสือเนี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสับสนมึนงงเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ฮั่วเยี่ยนฉือพูดมามันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?ไม่เคยมีคุณแม่แท้ ๆ ของหลีซูเหยียนอยู่ทั้งนั้น หลีซูเหยียนเข้าใจผิดไปเองว่ามารดาที่ให้กำเนิดตัวเองมีความรักลึกซึ้งกับหลีพัวถิง?คนที่หลีพัวถิงรักมาตลอดชั่วชีวิตมีเพียงคุณแม่ของเฉียวสือเนี
หลีซูเหยียนกับตระกูลรองของตระกูลหลีนั้นถือว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในเรื่องของผลประโยชน์ พวกเขาจะไปร่วมมือกันได้อย่างไร?บางทีฮั่วเยี่ยนฉือก็อาจจะคิดถึงจุดนี้เหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรแต่พอพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวสือเนี่ยนก็ฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปถ่ายของคุณแม่กับคุณผู้หญิง
พูดจบ หนิงเสี่ยวเยว่ก็ตัดสายวิดีโอคอลเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกว่าหนิงเสี่ยวเยว่ดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว น่าจะเป็นเพราะหล่อนใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมานาน เลยค่อนข้างเปิดเผยความรู้สึกไปบ้างสินะเวลาล่วงเลยไปอีกสองวันวิดีโอและรูปภาพเกี่ยวกับเฉียวสือเนี่ยนและซ่งชิงชวนทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ตนั้นค้
เฉียวสือเนี่ยนยิ้มพลางบอกว่าไม่ได้รบกวน ทั้งยังถามหนิงเสี่ยวเยว่ว่าโทรมาหาเธอมีธุระอะไรหรือเปล่าหนิงเสี่ยวเยว่ชี้แจงแถลงไขให้ฟังอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า วันนี้เธอไปช็อปปิ้งที่ร้านน้ำหอมของ M•Q แล้วชอบน้ำหอมรุ่นลิมิเต็ดนั่นมาก แต่ก็ได้รับแจ้งว่าสินค้าหมดเสียแล้ว“ฉันได้ยินว่าคุณเป็นคำปรุงน้ำหอมรุ่นน
ซ่งชิงชวนแกะมือมารดาออกด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วหมุนตัวจากไป คล้อยหลังเขา หลีซูเหยียนก็กอบกุมลำคอที่เจ็บระบมของตนเอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าว “ป้าเซิ่ง เมื่อกี้นี้ป้าเซิ่งไม่เห็นสายตาของประธานซ่งเหรอคะ? เขาคิดจะบีบคอหนูให้ตายจริง ๆ นะคะ เขาน่ะเกลียดที่หนูลงมือกับเฉียวสือเนี่ยนชัด ๆ !”เซิ่งจวงฮุ่ยหั