เมื่อได้ยินคำถามของฟางเชี่ยนหรู เฉียวสือเนี่ยนก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาผู้ชายคนเมื่อวานแสดงความรักต่อคุณนายฮั่วอย่างชัดเจนตอนนั้นเธอกลัวว่าฮั่วเยี่ยนฉือจะเห็นภาพนั้นแล้วเข้าใจผิด เธอจึงเก็บเรื่องนี้เอาไว้“ขอโทษค่ะคุณป้า”ฟางเชี่ยนหรูหัวเราะเบา ๆ “สือเนี่ยน ฉันไม่ได้มีเจตนาที่จะต่อว่าเธอ เธอเป็นเด็กดี
เมื่อเห็นสองพี่น้องที่กำลังอยู่ในอารมณ์คุกรุ่นและพร้อมลงมือทุกเมื่อแล้ว ซ่งชิงชวนก็เริ่มพูดโน้มน้าวใจโม่ซิวหลินในจังหวะเวลาที่เหมาะสม “พี่หลิน พวกเราต่างก็เป็นพี่น้องกัน ไว้ค่อยหาเวลาที่เหมาะสมมาคุยกับอาหย่วนอีกทีดีกว่านะ”โม่ซิวหลินก็รู้ว่านี่ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมในการพูดคุยกัน เขาจึงพูดกับโม่ซิว
โม่ซิวหย่วนเอ่ย “ไม่ใช่ ไม่ต้องรีบหรอก ไว้ค่อยพูดตอนกินข้าวก็ได้”“…” หลังจากผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง โม่ซิวหย่วนพาเฉียวสือเนี่ยนมาถึงยังร้านอาหารจีนแห่งหนึ่งที่พอมีชื่อเสียงอยู่บ้างในละแวกใกล้ ๆคนทั้งสองทำการสั่งอาหาร หลังจากอาหารมาถึงจนครบแล้ว พวกเขาก็เริ่มรับประทานอาหารรสเลิศด้วยกันจากนั้นโม่ซ
ฟ่านซู่ฉินเดิมทีก็เป็นผู้หญิงที่เห็นแก่ตัวและชอบใช้ความรุนแรงอยู่แล้ว การสูญเสียลูกชายไปทำให้เธอรู้สึกสิ้นหวัง ตอนนี้แม้กระทั่ง “หลาน” ก็ไม่มีแล้ว แค่ลองคิดดูก็รู้แล้วว่าเธอจะคุ้มคลั่งแค่ไหนเฉียวสือเนี่ยนถามฟู่เถียนเถียน “ตอนนี้ป๋ายอีอีเป็นยังไงบ้าง?”ฟู่เถียนเถียนบอกเธอว่า ป๋ายอีอีทั้งแท้งลูกและถู
ฮั่วเยี่ยนฉือนำบัตรคอนเสิร์ตสองใบออกมา “ได้ยินคุณตาบอกว่าเธอชอบวงดนตรีชิงเฟิงนี้มาก พรุ่งนี้พวกเขาจะมาแสดงที่เมืองไห่เฉิง เธอว่างไปดูด้วยกันไหม?”เมื่อเห็นบัตรคอนเสิร์ตในมือของฮั่วเยี่ยนฉือ จู่ ๆ หัวใจของเฉียวสือเนี่ยนพลันเกิดความรู้สึกที่ไม่รู้จะเรียกว่าเป็นความน่าขันหรือขมขื่นกันแน่ ชาติก่อนเธอก็
โม่ซิวหย่วนบอกว่าเขาได้มาถึงยังชั้นล่างแล้วเฉียวสือเนี่ยนจึงรีบลงไป โม่ซิวหย่วนก็รอเธออยู่แล้วจริง ๆวันนี้โม่ซิวหย่วนแต่งตัวสบาย ๆ เขาใส่เสื้อฮู้ดสีขาวคู่กับกางเกงลำลองสวมสบาย มันจึงทำให้เขาดูหล่อเหลากร้าวใจมากกว่าเดิมส่วนเฉียวสือเนี่ยนก็สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนส์เพื่อความสะดวกและทะมัดทะแมง
เมื่อเทียบกับความชอบของเฉียวสือเนี่ยนที่มีต่อดนตรี สิ่งที่ทำให้โม่ซิวหย่วนเบิกบานใจยิ่งกว่า คือท่าทีที่ดูมีความสุขของเฉียวสือเนี่ยนเขาถือโอกาสขณะเธอกำลังดื่มด่ำกับการร้องและเต้น โม่ซิวหย่วนได้แชะภาพเธอไว้หลายรูปจนกระทั่งการแสดงจบลง เฉียวสือเนี่ยนก็ยังรู้สึกสนุกไม่หายโม่ซิวหย่วนยื่นกระดาษทิชชูให้เ
ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว เฉียวสือเนี่ยนได้ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความเจ็บปวดเธออยากจะลองขยับตัว แต่กลับรู้สึกวิงเวียนศีรษะขึ้นมาทันที เธอจึงส่งเสียง “แหวะ” ออกมาหนึ่งที“เนี่ยนเนี่ยน!” “เฉียวสือเนี่ยน!”เสียงแห่งความห่วงใยสองเสียงดังขึ้นที่ข้างหูเฉียวสือเนี่ยนพยายามลืมตาขึ้น จึงพบว่าตัวเองเหมือนจะอยู่