หลังจากสิ้นสุดสนทนา ซ่งชิงชวนก็เก็บโทรศัพท์ลงไปเมื่อเห็นรูปถ่ายที่อยู่บนโต๊ะเหล่านั้น เขากลับหยิบขึ้นมาดูโดยไม่ได้ตั้งใจ และจากนั้นก็โยนเข้าไปในเครื่องทำลายเอกสาร......หลังจากนั้นสามวัน เฉียวสือเนี่ยนตามหาจนเจอว่าโม่ซิวหย่วนอยู่ในห้องของคลับเฮ้าส์แห่งหนึ่งเขากับเพื่อนนิสัยไม่ดีหลายคนกำลังดื่มเหล
บนนิ้วมือที่ว่างเปล่า โม่ซิวหย่วนจึงเล่นกล่องบุหรี่ขึ้นมาซะเลยเมื่อพ่นควันบุหรี่ที่เพิ่งดูดเข้าไปออกมาอย่างช้า ๆ โม่ซิวหย่วนก็เอ่ยปากพูดด้วยเสียงแหบแห้ง “เฉียวสือเนี่ยน ในคืนวันนั้นเธอรู้สึกผิดหวังต่อฉันหรือเปล่า?”“ไม่” เฉียวสือเนี่ยนส่ายหน้าอย่างหนักแน่น “ฉันรู้ว่าคุณไม่ใช่คนที่จะใช้เหล้าเพื่อมีเ
เฉียวสือเนี่ยนเหลือกตามองเขา “คุณโง่หรือเปล่า ตอนนั้นฉันบอกไปแล้วว่าเชื่อใจคุณ ก็คือเชื่อใจ และยังจะเปลี่ยนความคิดต่อคุณเพราะเรื่องแบบนั้นได้อย่างไรอีกล่ะ?”“ใช่ ฉันมันโง่” โม่ซิวหย่วนกลับมาสู่สภาพไร้ยางอายอีกครั้ง “เนี่ยนเนี่ยน เธอด่าฉันอีกเยอะ ๆ เลยสิ!”“...”เมื่อได้ยินเฉียวสือเนี่ยนจึงคล้องแขนขึ
สายตาของโม่ซิวหย่วนเต็มไปด้วยความวาดหวังชัดเจนแจ่มแจ้ง แต่ความกล้าของเฉียวสือเนี่ยนมลายหายไปหมดแล้ว เธอไม่กล้ากระทำการอย่างเมื่อครู่นี้อีกเฉียวสือเนี่ยนรู้ว่าโม่ซิวหย่วนจะต้องผิดหวัง เธอจึงหลุบตาลง “โม่ซิวหย่วน ฉันขอโทษ”“ขอโทษอะไรกัน ต้องโทษสองตัวเกะกะนั่นต่างหากที่ไม่รู้จักเวล่ำเวลา”โม่ซิวหย่วนพ
ซ่งชิงชวนยิ้มออกมาอย่างจนใจ พลางเอ่ยออกมาด้วยความปวดเศียรเวียนเกล้า “ประธานฮั่ว คุณได้คุยกับอาหย่วนแล้วหรือยัง ถึงได้มาสงสัยผมแบบนี้?”ซ่งชิงชวนแสดงตนว่าเขาเป็นคนเดียวในครอบครัวที่เข้มงวดกับซ่งม่านที่สุด ไม่มีทางปกป้องซ่งม่านที่ทำเรื่องผิดกฎหมายเพราะความหุนหันพลันแล่นแน่นอน“ประธานฮั่ว คนแซ่ซ่งอย่าง
เฉียวสือเนี่ยนจงใจพูดถึง ‘ฝ่ามือ’ เดิมทีคิดว่าโม่ซิวหย่วนจะเถียงไม่ออกเพราะเรื่องนี้ แล้วบอกกับเธอว่า ต่อไปนี้เขาจะไม่พูดถึงฮั่วเยี่ยนฉือตามใจชอบอีกแล้วผลที่ได้กลับกลายเป็นว่า เมื่อโม่ซิวหย่วนได้ยินแบบนั้น เขาก็ยื่นใบหน้าหล่อเหลามาตรงหน้าเธอ “เธอตบได้เลย”เฉียวสือเนี่ยน “...”“หน้าฝั่งซ้ายฉันดูดีเก
“มาหาฉันดึกขนาดนี้ มีธุระอะไรเหรอ?” เฉียวสือเนี่ยนมุ่นคิ้วเล็กน้อยฮั่วเยี่ยนฉือไม่ได้พูดอะไร ดวงตาดำขลับของเขาเอาแต่จดจ้องมาที่เธอ หางตาของเขาแดงก่ำ นัยน์ตาเอ้อล้นไปด้วยความรู้สึกต่าง ๆ มากมายทั้งโกรธ ทั้งอิจฉา ทั้งเจ็บปวด ทั้งขัดเคืองผสมปนเปกันอยู่ในนั้นเกิดความตระหนกขึ้นมาในใจเฉียวสือเนี่ยนราง
เห็นท่าทางระแวดระวังของเฉียวสือเนี่ยนแล้ว อารมณ์ในดวงตาของฮั่วเยี่ยนฉือก็กระเพื่อมขึ้นลงไม่หยุดราวกับสายน้ำในฤดูใบไม้ร่วงแสนวุ่นวายเขาอ้าปากอยากจะพูดอะไรออกไป แต่สุดท้ายแล้วก็กลืนคำพูดทุกอย่างลงคอขณะที่เฉียวสือเนี่ยนคอยระวังตัวอยู่นั้น ฮั่วเยี่ยนฉือยื่นเอกสารชุดหนึ่งให้เธอทั้งที่สีหน้านิ่งเฉยเมื่
เท่าที่เฉียวสือเนี่ยนจำความได้ แม่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและใช้ความรู้สึกร่วมกับเหตุผล ต่อให้ในตอนนั้นแม่จะโกรธมากแค่ไหน หลังจากนั้นก็ต้องไปถามหลีพัวถิงให้ชัดเจนดังนั้น เรื่องนี้สาเหตุหลักไม่ได้มาจากการที่แม่ขอเลิกแน่ ๆอีกอย่างการที่แม่หา “คนรักเก่า” มาเป็นข้ออ้างเพื่อขอเลิก ต้องเป็นเพราะมีเหตุผลส
ผลตรวจดีเอ็นเอไม่พลิกผัน หลีซูเหยียนกับหลีพัวไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดตั้งแต่นั้นมา หลีพัวถิงก็เก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ ป่าวประกาศกับคนภายนอกว่าหลีซูเหยียนคือลูกสาวของเขา และเลี้ยงดูเสมือนเป็นลูกแท้ ๆ “ในเมื่อคุณเชื่อว่าแม่ฉันโกหก เด็กก็ไม่ใช่ลูกของคุณ แล้วทำไมคุณยังต้องเลี้
หลีพัวถิงพยักหน้าเล็กน้อยและจมอยู่ในความทรงจำต่อไปหนุ่มสาวมากความสามารถที่อายุน้อย แถมอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอีก หัวใจทั้งสองดวงจึงใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็วหลังรู้จักกันได้ไม่นาน ในวันที่แสงแดดเจิดจ้าเช่นเดียวกัน หลีพัวถิงสารภาพรักกับเมิ่งจินเหยียนท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม และทั้งสองก็กลายเป็นคู่รักอ
แม้หลีซูเหยียนจะพูดอย่างจริงใจ แต่หลีพัวถิงก็ยังคงปฏิเสธ “ซูเหยียน ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว และทำตามที่พ่อบอก ลูกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศซะ”เดิมทีหลีซูเหยียนคิดว่าตัวเองมั่นใจต่อข้อเสนอนี้มาก ถึงอย่างไรทางด้านคุณลุงก็พร้อมจะลงมือ แถมครั้งนี้ยังเกิดเหตุการณ์เลวร้ายถึงขั้นลักพาตัวอีก เธอยินยอมกลายเป็นเป้
พอเฉียวสือเนี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสับสนมึนงงเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ฮั่วเยี่ยนฉือพูดมามันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?ไม่เคยมีคุณแม่แท้ ๆ ของหลีซูเหยียนอยู่ทั้งนั้น หลีซูเหยียนเข้าใจผิดไปเองว่ามารดาที่ให้กำเนิดตัวเองมีความรักลึกซึ้งกับหลีพัวถิง?คนที่หลีพัวถิงรักมาตลอดชั่วชีวิตมีเพียงคุณแม่ของเฉียวสือเนี
หลีซูเหยียนกับตระกูลรองของตระกูลหลีนั้นถือว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในเรื่องของผลประโยชน์ พวกเขาจะไปร่วมมือกันได้อย่างไร?บางทีฮั่วเยี่ยนฉือก็อาจจะคิดถึงจุดนี้เหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรแต่พอพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวสือเนี่ยนก็ฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปถ่ายของคุณแม่กับคุณผู้หญิง
พูดจบ หนิงเสี่ยวเยว่ก็ตัดสายวิดีโอคอลเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกว่าหนิงเสี่ยวเยว่ดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว น่าจะเป็นเพราะหล่อนใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมานาน เลยค่อนข้างเปิดเผยความรู้สึกไปบ้างสินะเวลาล่วงเลยไปอีกสองวันวิดีโอและรูปภาพเกี่ยวกับเฉียวสือเนี่ยนและซ่งชิงชวนทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ตนั้นค้
เฉียวสือเนี่ยนยิ้มพลางบอกว่าไม่ได้รบกวน ทั้งยังถามหนิงเสี่ยวเยว่ว่าโทรมาหาเธอมีธุระอะไรหรือเปล่าหนิงเสี่ยวเยว่ชี้แจงแถลงไขให้ฟังอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า วันนี้เธอไปช็อปปิ้งที่ร้านน้ำหอมของ M•Q แล้วชอบน้ำหอมรุ่นลิมิเต็ดนั่นมาก แต่ก็ได้รับแจ้งว่าสินค้าหมดเสียแล้ว“ฉันได้ยินว่าคุณเป็นคำปรุงน้ำหอมรุ่นน
ซ่งชิงชวนแกะมือมารดาออกด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วหมุนตัวจากไป คล้อยหลังเขา หลีซูเหยียนก็กอบกุมลำคอที่เจ็บระบมของตนเอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าว “ป้าเซิ่ง เมื่อกี้นี้ป้าเซิ่งไม่เห็นสายตาของประธานซ่งเหรอคะ? เขาคิดจะบีบคอหนูให้ตายจริง ๆ นะคะ เขาน่ะเกลียดที่หนูลงมือกับเฉียวสือเนี่ยนชัด ๆ !”เซิ่งจวงฮุ่ยหั