ถานซูหงเรียกคนใช้ให้ไปยกน้ำชามา ส่วนตัวเองก็นั่งลงกลางเก้าอี้“เนี่ยนเนี่ยน เกิดอะไรขึ้น?” เฉียวตงไห่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนได้เห็นสีหน้าที่รักทะนุถนอมผสมกับความจนใจของคุณตาที่มีให้เธอเสมอ เวลาที่เธอไปก่อนเรื่องวุ่นวายตั้งแต่สมัยตอนเป็นเด็ก ๆ แล้ว เฉียวสือเนี่ยนก็แสบจมูกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก“คุณ
“ใช่ค่ะ ถ้าข่าวการหย่าแพร่งพรายออกไป ไม่รู้ว่าจะมีคนมากน้อยแค่ไหนมาเหยียบย่ำตระกูลเฉียวของพวกเรา ถึงตอนนั้น พอเล่อเยียนอยากจะหาคนที่มีครอบครัวดี ๆ ก็คงจะถูกคนอื่นเอาไปหัวเราะเยาะกันสนุกปาก!”เผชิญกับความรั้นของลูกชายกับลูกสะใภ้แล้ว เฉียวตงไห่จึงต้องพูดอีกครั้ง “พวกแกกลับไปเถอะ ฉันรู้ว่าอะไรควรไม่ควร
ขณะที่กำลังเหม่อลอยเอาหัวพิงหน้าต่างอยู่นั้น ฟู่เถียนเถียนก็โทรมาถามถึงความคืบหน้าเรื่องหย่าของเธอพอรู้ว่าเธอหย่าไม่สำเร็จ ฟู่เถียนเถียนก็หัวเราะสะใจออกมาดังลั่น “เป็นไงล่ะ ฉันพูดถูกใช่ไหม! ฮั่วเยี่ยนฉือไม่ยอมหย่ากับเธอง่าย ๆ หรอก!”เฉียวสือเนี่ยนค้อนปะหลับปะเหลือกใส่อากาศ “ไม่ได้เกี่ยวกับฮั่วเยี่ย
พอนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องทำงานของเขาเมื่อตอนกลางวันแล้ว เฉียวสือเนี่ยนก็กดตัดสายทิ้งทันทีส่วนทางนี้ โจวหยางอิงได้ยินวิธีที่เธอถามออกมาโต้ง ๆ แบบนั้นแล้ว หูก็แดงเถือกไปหมดเขาละล่ำละลักอธิบาย “พี่สาว ผมไม่ได้หมายความเป็นอื่นนะ ผมก็แค่คิดว่าผู้หญิงควรจะเรียนศิลปะป้องกันตัวไว้เยอะ ๆ หน่อยจะดีกว่
หยวนหงจื้อเป็นคนที่รู้จักวางเบ็ด เขาไม่ได้รีบบอกว่าจะมา แต่กลับพูดอย่างสมเหตุสมผลว่า “พี่พอจะส่งให้ผมได้ไหม เดี๋ยวผมจะเอาไปเทียบกับฟิตเนสทั่วไปดู”เฉียวสือเนี่ยนยิ้มละไม “ได้สิ”วางสายแล้ว เฉียวสือเนี่ยนก็ส่งชื่อห้องซ้อมไปให้เขายิ่งติดต่อกันมาก เธอก็จะได้รู้ถึงความก้าวหน้าของเขากับเฉียวเล่อเยียนมาก
ฟ่านซู่ฉินถือบัตรเอทีเอ็มไว้ ดวงตาทอประกาย “วางใจเถอะ หงจื้อต้องลงแรงมากกว่านี้แน่ เดิมทีเมื่อวานเขาอยากจะเล่นบทอัศวินช่วยสาวงาม แต่น่าเสียดายที่ยายคนแซ่เฉียวนั่นเกิดติดธุระต้องกลับไปกะทันหัน เขาเลยบอกว่าคราวหน้าจะคิดหาวิธีคว้าคนไว้ในเงื้อมมือให้ได้!”ป๋ายอีอีไม่ได้ถามอะไรอีก แต่กำชับซ้ำอีกครั้ง “ต่
“คุณฮั่วคะ จู่ ๆ เมื่อกี้คุณป๋ายก็เป็นลม คุณรีบมาดูเธอหน่อยนะคะ!”ฮั่วเยี่ยนฉือได้ยินแบบนั้นก็ขมวดคิ้วเป็นปมแน่น “ได้”ตอบเสร็จ เขาก็เก็บโทรศัพท์ เหลือบมองเฉียวสือเนี่ยนหนหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร เก็บชุดอยู่บ้านของตัวเองกลับเข้าที่ แล้วเดินออกไปจากห้องเฉียวสือเนี่ยนอยู่ไม่ได้ไกลจากฮั่วเยี่ยน
แถมป๋ายอีอียังเขียนใต้รูปไว้ว่า ตอนเด็ก ๆ ตนเองเคยพูดแค่ครั้งเดียวว่าดอกไม้ที่ชอบที่สุดก็คือดอกกล้วยไม้ และใครบางคนก็จำได้ขึ้นใจ เธอรู้สึกเป็นเกียรติเหลือเกินที่ได้รับต่างหูที่เหมาะกับเธอแบบนี้ เลยอยากถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกสักหน่อยตอนนั้นเธอทั้งอิจฉาทั้งริษยา เลยทรมานตัวเองด้วยการบันทึกรูปพวกนั
เท่าที่เฉียวสือเนี่ยนจำความได้ แม่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและใช้ความรู้สึกร่วมกับเหตุผล ต่อให้ในตอนนั้นแม่จะโกรธมากแค่ไหน หลังจากนั้นก็ต้องไปถามหลีพัวถิงให้ชัดเจนดังนั้น เรื่องนี้สาเหตุหลักไม่ได้มาจากการที่แม่ขอเลิกแน่ ๆอีกอย่างการที่แม่หา “คนรักเก่า” มาเป็นข้ออ้างเพื่อขอเลิก ต้องเป็นเพราะมีเหตุผลส
ผลตรวจดีเอ็นเอไม่พลิกผัน หลีซูเหยียนกับหลีพัวไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดตั้งแต่นั้นมา หลีพัวถิงก็เก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ ป่าวประกาศกับคนภายนอกว่าหลีซูเหยียนคือลูกสาวของเขา และเลี้ยงดูเสมือนเป็นลูกแท้ ๆ “ในเมื่อคุณเชื่อว่าแม่ฉันโกหก เด็กก็ไม่ใช่ลูกของคุณ แล้วทำไมคุณยังต้องเลี้
หลีพัวถิงพยักหน้าเล็กน้อยและจมอยู่ในความทรงจำต่อไปหนุ่มสาวมากความสามารถที่อายุน้อย แถมอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอีก หัวใจทั้งสองดวงจึงใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็วหลังรู้จักกันได้ไม่นาน ในวันที่แสงแดดเจิดจ้าเช่นเดียวกัน หลีพัวถิงสารภาพรักกับเมิ่งจินเหยียนท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม และทั้งสองก็กลายเป็นคู่รักอ
แม้หลีซูเหยียนจะพูดอย่างจริงใจ แต่หลีพัวถิงก็ยังคงปฏิเสธ “ซูเหยียน ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว และทำตามที่พ่อบอก ลูกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศซะ”เดิมทีหลีซูเหยียนคิดว่าตัวเองมั่นใจต่อข้อเสนอนี้มาก ถึงอย่างไรทางด้านคุณลุงก็พร้อมจะลงมือ แถมครั้งนี้ยังเกิดเหตุการณ์เลวร้ายถึงขั้นลักพาตัวอีก เธอยินยอมกลายเป็นเป้
พอเฉียวสือเนี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสับสนมึนงงเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ฮั่วเยี่ยนฉือพูดมามันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?ไม่เคยมีคุณแม่แท้ ๆ ของหลีซูเหยียนอยู่ทั้งนั้น หลีซูเหยียนเข้าใจผิดไปเองว่ามารดาที่ให้กำเนิดตัวเองมีความรักลึกซึ้งกับหลีพัวถิง?คนที่หลีพัวถิงรักมาตลอดชั่วชีวิตมีเพียงคุณแม่ของเฉียวสือเนี
หลีซูเหยียนกับตระกูลรองของตระกูลหลีนั้นถือว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในเรื่องของผลประโยชน์ พวกเขาจะไปร่วมมือกันได้อย่างไร?บางทีฮั่วเยี่ยนฉือก็อาจจะคิดถึงจุดนี้เหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรแต่พอพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวสือเนี่ยนก็ฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปถ่ายของคุณแม่กับคุณผู้หญิง
พูดจบ หนิงเสี่ยวเยว่ก็ตัดสายวิดีโอคอลเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกว่าหนิงเสี่ยวเยว่ดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว น่าจะเป็นเพราะหล่อนใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมานาน เลยค่อนข้างเปิดเผยความรู้สึกไปบ้างสินะเวลาล่วงเลยไปอีกสองวันวิดีโอและรูปภาพเกี่ยวกับเฉียวสือเนี่ยนและซ่งชิงชวนทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ตนั้นค้
เฉียวสือเนี่ยนยิ้มพลางบอกว่าไม่ได้รบกวน ทั้งยังถามหนิงเสี่ยวเยว่ว่าโทรมาหาเธอมีธุระอะไรหรือเปล่าหนิงเสี่ยวเยว่ชี้แจงแถลงไขให้ฟังอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า วันนี้เธอไปช็อปปิ้งที่ร้านน้ำหอมของ M•Q แล้วชอบน้ำหอมรุ่นลิมิเต็ดนั่นมาก แต่ก็ได้รับแจ้งว่าสินค้าหมดเสียแล้ว“ฉันได้ยินว่าคุณเป็นคำปรุงน้ำหอมรุ่นน
ซ่งชิงชวนแกะมือมารดาออกด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วหมุนตัวจากไป คล้อยหลังเขา หลีซูเหยียนก็กอบกุมลำคอที่เจ็บระบมของตนเอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าว “ป้าเซิ่ง เมื่อกี้นี้ป้าเซิ่งไม่เห็นสายตาของประธานซ่งเหรอคะ? เขาคิดจะบีบคอหนูให้ตายจริง ๆ นะคะ เขาน่ะเกลียดที่หนูลงมือกับเฉียวสือเนี่ยนชัด ๆ !”เซิ่งจวงฮุ่ยหั