หน้าประตูมหาวิทยาลัยยามเช้าตรู่ ไม่มีผู้คนมากนักหลินจืออี้ที่เหนื่อยเพลียถูกกงเฉินลากเข้าไปในรถ ไม่ว่าเธอจะขัดขืนยังไง ก็มักจะมีแรงหนึ่งดึงเธอกลับมาเสมอเธอปรายตาขึ้นมองถึงได้พบว่าเขากำลังหยอกล้อเธอเหมือนของเล่นก็ไม่ปาน ราวกับว่าการขัดขืนของเธอเป็นเพียงวิธีดึงดูดเขาเท่านั้นเธอเหนื่อยแล้วจริงๆ จึงปล่อยแขนลงกงเฉินดึงเธอมาอยู่ตรงหน้า เชิดหน้าเธอขึ้น ลูบหน้าผากที่แดงจากการกระแทก“ดูเหมือนจะยังไม่จำ ทำไมถึงออกจากโรงพยาบาล?”เขากล่าวอย่างไม่ใส่ใจ ประหนึ่งว่าเขาไม่ใช่คนเสนอให้เธอยอมความอยู่นอกห้องผู้ป่วยหลินจืออี้มองเขา ราวกับเธอมองเขาไม่ออกทั้งสองชาติเมื่อเห็นว่าเธอไม่พูด กงเฉินจึงออกแรงบีบคางเธอเล็กน้อยเธอเป็นเหมือนของเล่นในมือกงเฉิน อยากจะทำอะไรก็ทำอย่างนั้นหลินจืออี้รู้สึกอัปยศอย่างยิ่ง เธอกัดฟันออกแรงปัดมือเขาออกเสียงเพี๊ยะดังสนั่นทั่วภายในรถทั้งรถตกอยู่ในความเงียบสงัดบนหลังมือขาวนวลของกงเฉินมีรอยนิ้วมือสี่นิ้วทิ้งรอยเอาไว้หลินจืออี้ตื่นตระหนกอย่างอธิบายไม่ได้ จึงเบือนหน้าหนีทันที“อาเล็ก ขอบคุณที่เป็นห่วง แต่อายุ่งขนาดนี้ ฉันไม่รบกวนแล้ว”สิ้นเสียง เธอก็หมายจะ
หลินจืออี้ถูกบังคับให้ตามกงเฉินไปที่อพาร์ตเมนต์ของซ่งหว่านชิวทันทีที่ดินออกมาจากลิฟต์ ก็เห็นคราบเลือดกระจัดกระจายเต็มพื้น และคราบสีน้ำมันแดงบนประตูทั้งหมดดูน่าสยดสยองอย่างมากไม่รอให้หลินจืออี้ได้สติ กงเฉินพุ่งเข้าไปในอพาร์ตเมนต์แล้ว ก่อนเสียงกรีดร้องของผู้ชายและเสียงร้องไห้ของซ่งหว่านชิวจะดังตามมา“นายท่านสาม! ฉันกลัวเหลือเกิน! ฉันกลัว...”เสียงสะอื้นทำให้หลินจืออี้ได้สติ เธอรีบเดินเข้าไปในอพาร์ตเมนต์สิ่งที่ปรากฏในสายตาคือชายคนหนึ่งนอนอยู่บนพื้น แววตาเขาดุร้าย เลือดพุ่งออกมาจากปาก ในมือถือกริชไว้แน่นตรงข้าม ซ่งหว่านชิวเอามือกุมแขนที่เลือดไหล พิงตัวอยู่ในอ้อมแขนกงเฉินอย่างอ่อนแรง ใบหน้าสวยงามเต็มไปด้วยความเสียใจชายคนนั้นยังคงกนด่าซ่งหว่านชิว "นังสารเลว! คลานขึ้นเตียงเก่งขนาดนั้น ทำให้ฉันมีความสุขหน่อยจะเป็นไรไป? เดิมเธอก็เป็นผู้หญิงแบบนี้อยู่แล้วนี่!"ซ่งหว่านชิวกล่าวด้วยท่าทีจะร้องไห้ออกมา "ไม่ ไม่ใช่ ฉันไม่ใช่..."ชายคนนั้นหัวเราะเยาะ “อย่ามาเสแสร้ง! บนอินเทอร์เน็ตต่างพูดกันแบบนี้! มีคนบอกฉันแล้ว เธอนอนด้วยง่ายมาก! อีกทั้งยังมีผู้ชายเข้าๆ ออกๆ ในห้องเธอทุกวัน จะแกล้งทำ
เธอมองดูตัวเองเลือดไหลออกมาอยู่อย่างนั้น ขณะกงเฉินที่อยู่ฝั่งตรงข้ามดึงซ่งหว่านชิวไปอยู่ข้างหลังเขาซ่งหว่านชิวยิ้มอยู่ข้างหลังเขาหลินจืออี้มองภาพนี้ สีหน้าซีดขาว แค่นยิ้มออกมา…จวบจนตำรวจบุกเข้ามา“ใครแจ้งตำรวจ”“ผมเอง” กงเฉินชี้ไปที่หลินจืออี้ด้วยความเย็นชา “เธอ พาตัวไป”ตำรวจเห็นมองบาดแผลของหลินจืออี้ และกล่าวอย่างตกใจ “เลือดเยอะมาก พันแผลก่อน”กงเฉินกล่าวเสียงขรึมแทบไม่มอง“ผมบอกให้พาตัวไป เรื่องที่ตัวเองทำลงไป ก็ต้องรับผลด้วยตัวเอง”สิ้นเสียง หลินจืออี้ก็ถูกใส่กุญแจมือตำรวจเป็นห่วงเธอมาก จึงใช้ผ้าพันแผลที่พกติดตัวมากดห้ามเลือดตรงบาดแผลเธอไว้เมื่อกดลงไปเบาๆ หลินจืออี้ถึงได้รู้สึกเจ็บจนเหงื่อเย็นผุดออกมาตอนที่เธอถูกพาตัวไป ได้หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง และพยายามพูดออกมา “ฉันไม่ได้ทำ”ในตอนที่กงเฉินปรายตามองไปทางเธอ ซ่งหว่านชิวก็สลบไปเขาย่อมไม่สนใจเธอ อุ้มซ่งหว่านชิวขึ้นมาอย่างระมัดระวังหลินจืออี้ปรายตาขึ้น มองไปรอบๆ ถึงได้พบว่าทั่วอพาร์ทเม้นท์ของซ่งหว่านชิวล้วนมีร่องรอยของกงเฉินขณะที่ละสายตากลับมา ก็สบเข้ากับแววตาไร้หัวใจของกงเฉินพอดีเหมือนเขากำลังรอให้เธอเปิดปากขอร
หลิ่วเหอมาถึงสถานีตำรวจอย่างเร่งรีบ ครั้นเห็นมือของหลินจืออี้ ก็ตกใจจนหน้าซีด“เกิดอะไรขึ้น? เพิ่งออกจากโรงพยาบาลทำไมถึงเกิดเรื่องขึ้นอีก? แกคือนักออกแบบ มือของแกสำคัญมาก!”ขนาดหลิ่วเหอยังรู้ กงเฉินจะไม่รู้เหรอ?แต่เขากลับเตะปลายมีดของชายคนนั้นมาทางเธอในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็ก่อเรื่องต่อไปเถอะหลินจืออี้จัดผมครู่หนึ่ง ก่อนกล่าว“ฉันไม่เป็นไร แม่ ฉันขอพูดทีเดียว เรื่องที่ฉันให้แม่ช่วยไปถาม แม่ถามมาหรือยัง?”หลิ่วเหอกุมมือหลินจืออี้ไว้ น้ำตารินไหลด้วยความปวดใจ ครู่หนึ่งถึงได้ตอบสนองกลับ“ถามแล้ว ถามแล้ว แกดูนี่”หลิ่วเหอล้วงมือถือออกมา นำเนื้อหาในนั้นให้แค่หลินจืออี้อ่านหลินจืออี้อ่านเสร็จ ก็รู้สึกโล่งใจไม่น้อย “ เป็นแบบนี้จริงด้วย”หลิ่วเหอเมมริมฝีปาก “ จืออี้ ตอนนี้เราจะทำยังไงดี? เรื่องของจ้าวเฉิงเพิ่งจบไป แกก็เกิดเรื่องขึ้นอีก ด้วยนิสัยของคุณท่านต้องขับไล่แกแน่”“ เกรงว่าจะไม่ใช่แค่ไล่ธรรมดา”เธอกับหลิ่วเหอมองหน้ากัน รู้ดีทุกอย่างอยู่แก่ใจเรื่องคืนนั้นของหลินจืออี้กับกงเฉิน คุณท่านรู้ เขาอบรมเลี้ยงดูกงเฉินมาอย่างยากลำบาก ไม่มีทางให้เรื่องนี้กลายมาเป็นจุดด่างพร้อยของกงเ
“ไม่ใช่เธอไม่เหมือนกับจ้าวเฉิง แต่เป็นเธอไม่เหมือนกับฉัน เธอสูงศักดิ์มีเกียรติ เป็นผู้หญิงของอา ฉันไม่ใช่อะไรทั้งนั้น ดังนั้นฉันไม่ควรทะเลาะกับซ่งหว่านชิว ไม่ควรต่อต้าน ไม่ควรเถียง ฉันควรก้มหน้ายอมรับชะตากรรม ควรยกสองมือเหนือหัว ควรยอมรับผิด ใช่ไหม?”“อาเล็ก งั้นอาเคยคิดถึงผลที่ตามมาจากที่ฉันทำแบบนี้ไหม?”“พวกคุณจะปล่อยฉันไปไหม?”“ดังนั้นฉันควรทำยังไง?ไปตายเหรอ?”หลินจืออี้กล่าวออกมาอย่างแทงใจ พูดจบตัวเองกลับหัวเราะเธอยกมือที่เจ็บส่ายไปมาตรงหน้ากงเฉิน “เหลืออีกไม่กี่มิลก็จะตัดเส้นประสาทขาดแล้ว อาเล็กคงผิดหวังมากสินะ? ขอแค่มือฉันเสียหาย ซ่งหว่านชิวของอาก็จะกลายเป็นตัวแทนเข้าร่วมแข็งขันของโรงเรียนเพียงคนเดียว แล้วคำวิจารณ์บนอินเทอร์เน็ตก็จะเปลี่ยนเป็นฉันใส่ร้ายนินทา ทำตัวเองรับกรรมเอง คุณท่านก็สามารถใช่จุดนี้กำจัดฉันไปได้ ส่วนซ่งหว่านชิวของอาก็จะยังคงเป็นเทพธิดาผู้สูงส่งเหมือนเดิม”“พวกอาไม่เคยสนเลยว่าฉันพูดอะไร และไม่สนว่าฉันจะทำอะไร พวกอาแค่สนใจผลที่พวกอาอยากได้”“ทำไมต้องแสร้งมาพูดว่าจะลงโทษอะไรที่นี่อีก?”“คนที่จ้าวเฉิงเคยทำร้ายมีน้อยเหรอ? เขาไม่ควรได้รับโทษเหรอ? แต่อากลับบ
หลินจืออี้สงบสติอารมณ์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เข้าไปใกล้ตำรวจหญิงที่ไว้ใจได้เพียงคนเดียว“รบกวนคุณ…”“อืม ได้” ตำรวจหญิงพยักหน้าหลังจากมอบหมายทุกอย่างเสร็จ หลินจืออี้ก็เบาใจลงในที่สุดเพื่อไม่ให้ตำรวจหญิงทำงานลำบาก เธอสูดหายใจเข้าลึกกล่าว “สิ่งที่ควรพูดฉันพูดหมดแล้ว ฉันไม่ให้คุณไปล่วงเกินคนอื่นหรอก จะจัดการฉันยังไงก็จัดการเถอะ”ตำรวจหญิงดีกับหลินจืออี้อยู่บ้าง หากไปล่วงเกินกงเฉินเข้าเพราะเธอ เธอคงเสียใจมาก จึงยกมือที่ถูกใส่กุญแจขึ้นแต่โดยดีตำรวจหญิงมองเธออย่างลังเล ก่อนยิ้มออกมา “ความจริงแล้ว…”เธอเปิดปาก ทว่าคำพูดต่อจากนั้นไม่ได้พูดมันออกไปเธอกล่าวอย่างมีนัยขึ้นมาทันที “คุณไม่คิดว่าอยู่ในนี้กลับปลอดภัยที่สุดหรอกเหรอ?”“ปลอดภัย?” หลินจืออี้ไม่เข้าใจเล็กน้อย แต่ก็ยังพยักหน้า “ขอบคุณค่ะ”ตำรวจหญิงอึกอัก สุดท้ายก็ส่ายหน้าไม่พูดอะไร หลังจากปลดกุญแจมือหลินจืออี้ ก็ออกจากห้องไปเรื่องนี้ไม่รู้ว่าถูกเผยแพร่อยู่บนอินเทอร์เน็ตได้ยังไง ตอนซ่งหว่านชิวสัมภาษณ์น้ำตาไหลรินนองหน้า ยืนกรานตลอดว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับหลินจืออี้ แต่ท่าทางกลับเต็มไปด้วยความอดกลั้นและน้อยใจ กระทั่งเผย
“คุณฉันหลิน ในฐานะทนาย ผมมีหน้าที่ต้องบอกคุณว่า นี่คือผลลัพธ์ที่ดีที่สุดของคุณแล้ว”ทนายหวังกล่าวอย่างเฉียบแหลมมาก ราวกับยืนยันว่าผู้หญิงไร้ที่พึ่งอย่างหลินจืออี้ทำได้เพียงแค่ยอมรับชะตากรรมหลินจืออี้ปิดคำแถลงลง ปรายตาขึ้นจ้องทนายหวัง ไม่กล่าวสิ่งใดภายใต้แววตาอันสดใสของเธอ ทนายหวังรู้สึกไม่มั่นใจเล็กน้อย “คุณฉันหลิน คุณมองอะไร?”“ทนายหวัง ฉันจำได้ว่าเพราะคุณทำคดีช่วยคนจนฟรีจนโดนไล่ฆ่า ถึงถูกตระกูลกงชื่นชมใช่ไหม?”หลินจืออี้ถามด้วยเสียงอ่อนทนายหวังเบิกตากว้าง เรื่องในอดีตนี้มีเพียงกงเฉินกับคุณท่านเท่านั้นที่รู้ เธอรู้ได้ยังไง?ถึงยังไงก็เป็นทนาย คุ้นเคยกับเหตุการณ์ใหญ่ๆ พริบตาเดียวก็สงบลงได้“แล้วยังไง?”“‘งั้นตอนคุณพูดเรื่องเหล่านี้กับฉัน รู้สึกสบายใจจริงไหม? ไม่ต้องพูดถึงเรื่องซ่งหว่านชิวเต็มไปด้วยความสงสัย ในฐานะทนาย ฉันไม่เชื่อว่าคุณไม่เคยอ่านม้วนคดีของจ้าวเฉิง ฉันเป็นข้อยกเว้นเหรอ? ตอนที่คุณโน้มน้าวฉันยอมรับผิดด้วยความชอบธรรม เคยคิดบ้างไหมว่าวันหน้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก ก็จะไม่มีใครเชื่อเหยื่ออีกแล้วเหรอ? คุณรู้สึกผิดกับตัวเองในอดีตไหม?”เสียงหลินจืออี้เบาลงๆ ถึงขั้นเ
กงเฉินไม่พูดจา ปราดสายตามองข้างหลังหลินจืออี้ สายตาแปรเปลี่ยนเป็นความเย็นชา ประหนึ่งธารน้ำแข็งเย็นเยือก ปฏิเสธเข้าใกล้คนแปลกหน้าหลินจืออี้ยิ้มเย็นในใจ สมแล้วที่เป็นกงเฉินเวลานั้น เสียงเคร่งขรึมของใครบางคนพลันดังขึ้น“หลินจืออี้ ยังยืนบื้ออะไรอยู่ตรงนั้น? ทุกคนรอเธออยู่นะ”คุณท่านกงนั่นเองหลินจืออี้หันมา ก่อนพบว่าข้างหลังคุณท่านกงคือหลิวเหอและกงสือเหยียนปกติแล้ว ทั้งสองคนไม่มีคุณสมบัติยืนอยู่ตำแหน่งศูนย์กลางแบบนี้ ไม่คิดว่าเพียงครั้งเดียวยังจะอยู่ในสถานการณ์แบบนี้อีกด้วยเห็นชัดว่าคุณท่านกงกลัวหลินจืออี้ไม่ขึ้นเวที“จืออี้...”กงสือเหยียนสีหน้าแข็งกร้าว อยากเข้าไปปกป้องหลินจืออี้หลินจืออี้รีบส่ายหน้าใส่เขาทันที “คุณลุง ลุงอยู่กับแม่ฉันก็พอแล้ว”ท่ามกลางสายตากล่าวเตือนของคุณท่านกง หลินจืออี้เดินขึ้นเวทีจ้าวเฉิงที่อยู่ด้านล่างเวทีพันผ้าปิดหน้าไว้ ยังเดินเข้ามาด้วยท่าทางสนใจนักข่าวกลุ่มหนึ่งเคลื่อนตัว หลินจืออี้ยังไม่ทันปริปาก ก็มีคนด่าทอตำหนิโทษเธอแทบทันที“คุณหนูหลิน ได้ยินว่าคุณหนูซ่งเป็นตัวแทนโรงเรียนเข้าร่วมการแข่งออกแบบอัญมณี คุณอิจฉาคุณหนูซ่งใช่ไหมถึงได้ลงมืออย่
"นายท่านสาม? “นายท่านสาม?”นอกประตู เสียงของซ่งหว่านชิวใกล้เข้ามาเรื่อยๆหลินจืออี้ตัวแข็งทื่อ เหงื่อบางๆ ผุดออกมาจากหน้าผากพอคิดว่าซ่งหว่านชิวอาจจะเห็นพวกเธอสองคนเป็นแบบนี้ เธอก็ตื่นตระหนกซ่งหว่านชิวเป็นคนเจ้าแผนการและมีความสามารถในการแสดงละคร เธอจะไม่ปล่อยตัวเองไปอย่างง่ายดายแน่นอนแต่กงเฉินมักจะปกป้องซ่งหว่านชิวเสมอ เธอไม่มีโอกาสชนะเลยหลินจืออี้กดแขนที่ยุ่งเหยิงของกงเฉินและขอร้องว่า “อย่า อย่าทําแบบนี้! คนที่คุณรักคือซ่งหว่านชิว”เธอเตือนกงเฉินเดิมคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสองคนสามารถปลุกกงเฉินให้ตื่นขึ้นมาได้แต่สิ่งที่ทําให้เธอคาดไม่ถึงก็คือ กงเฉินไม่เพียงแต่ไม่หยุดมือ กลับเอามือล้วงเข้าไปในเสื้อผ้า ปลายนิ้วเลื่อนไปมา ทุกที่ที่ไปถึง ล้วนทําให้เธอตัวสั่นเทาเขาแนบชิดกับใบหน้าของเธอ พูดเสียงแหบแห้งว่า “ตอนนี้เรียกฉันว่าอาเล็กก็มีความรู้สึกที่แตกต่างดีนะ”“……”หลินจืออี้ทั้งอายทั้งโกรธด้วยความสิ้นหวังเธอจึงตัดสินใจทุบประตูด้วยเท้าของเธอเสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วห้องซ่งหว่านชิวหยุดอยู่ที่ประตูและเคาะ "นายท่านสาม? คุณอยู่ข้างในหรือเปล่า?”หลินจืออี้ไม่เช
หลินจืออี้ที่หายใจได้กลับเหงื่อแตกพลั่ก พูดอย่างขาดๆ หายๆ ว่า “ฉัน มือฉัน...”กงเฉินที่จู่ๆ ก็หยุดลง หอบหายใจอย่างหนักหน่วง เส้นเลือดดําที่ลําคอปูดโปนอยู่หลายครั้งถึงค่อยยันตัวขึ้นมาประคองมือของเธอขึ้นมาหลินจืออี้กลับพลิกตัวพันผ้าห่มให้แน่นเล่นเล่ห์เหลี่ยมเป็นแล้วกงเฉินหยุดชั่วคราวและไม่โกรธ เขานอนอยู่ข้าง'บ๊ะจ่าง'โดยตรงและเอื้อมมือออกไปเพื่อรัดคนและผ้าห่มให้แน่นเขานอนตะแคงลากศีรษะแนบชิดข้างหูเธอ เอ่ยเสียงแหบแห้งว่า “เธอจะหลบได้กี่ครั้งกัน?”หลินจืออี้อยากจะเถียงกลับมาก แต่ร่างกายของเธอไม่อนุญาตจริงๆ การกระทําเมื่อสักครู่ได้ใช้สติที่เหลืออยู่ของเธอไปแล้วในเวลานี้เธอรู้สึกว่าเสียงของกงเฉินดังไกลออกไปเรื่อยๆ และในที่สุดเธอก็ตกลงไปในความมืดดึกดื่นเที่ยงคืน ไข้ของหลินจืออี้ที่ลดไข้ลงก็กําเริบขึ้นอีกแล้ว ทั้งตัวเบลอไปหมดถ้ากงเฉินทําอะไรจริงๆ เธอไม่สามารถต่อต้านได้เลยแต่เขาไม่ได้ทําอะไรเลยกลับรู้สึกว่ามีคนจับหน้าผากเธออยู่ตลอดทั้งคืนเธอคิดว่าตนเองอาจจะป่วยจนเลอะเลือน หรืออาจจะเป็นเพราะชาติก่อนปรารถนาที่จะได้รับความรักมากเกินไป จึงเกิดอาการประสาทหลอนเมื่อตื่นขึ้นมาในวั
พูดจบเธอก็เดินตรงไปที่ห้องรับแขกกงเฉินสูบบุหรี่และรินชาให้ตัวเองอย่างไม่สนใจอะไร จิบไปคําหนึ่งแล้วก็ขมวดคิ้วเขาหยิบกระป๋องใบชาที่อยู่บนโต๊ะข้างๆ ขึ้นมา เหมือนกําลังคิดอะไรอยู่……กลางดึกหลินจืออี้ถูกตัวเองไอจนตื่น คอทั้งแห้งทั้งคัน เมื่อลุกขึ้นยิ่งหมุนติ้วเธอทําได้แค่เกาะกําแพงเดินไปหาน้ำดื่มอึดอัดอยู่ครึ่งวัน ไม่ง่ายเลยที่จะดื่มน้ำได้ แต่กลับรู้สึกเวียนหัวมากขึ้นเธอเดินไปได้สองก้าว เท้าก็อ่อนปวกเปียก ล้มลงไปกับพื้นทั้งตัวยังดีที่ยังไม่ทันได้แตะพื้นก็ถูกคนอุ้มขึ้นมา“ทําไมร่างกายถึงแย่ขนาดนี้?”เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ร่างกายของหลินจืออี้ที่มีความทรงจําในชาติก่อนก็เริ่มสั่น“อย่า อย่าแตะต้องฉัน ฉันผิดไปแล้ว ฉันผิดไปแล้ว อย่าแตะต้องฉัน...”เธอพึมพําและจับคอเสื้อของกงเฉินไว้แน่นกงเฉินได้ยินแม้กระทั่งเสียงกระดูกนิ้วของเธอที่ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดเพราะแรง ราวกับว่าเธอสูญเสียการควบคุมอย่างกะทันหันในโรงพยาบาลเขาขมวดคิ้ว หันหลังพาหลินจืออี้เข้าไปในห้องนอนใหญ่หลังจากวางเธอลงบนเตียงแล้ว เธอยิ่งต่อต้านหนักขึ้น ฝืนข่วนหน้าอกของกงเฉินเป็นรอยสามรอย“จืออี้ จืออี้...”"อย่
หลินจืออี้ชะงัก หน้าแดงอย่างเลี่ยงไม่ได้เธอไม่รู้ว่าช่องประตูเล็กๆ นี้เผยให้เห็นเงาที่สะท้อนอยู่ในกระจกพอดีผมยาวสยายอยู่บนหลังขาวสะอาด เผยให้เห็นหน้าอกที่ปกปิดด้วยแขนอย่างรําไร เคลื่อนไหวไปตามการเคลื่อนไหว ราวกับจะสูญเสียการควบคุมในวินาทีต่อไปกงเฉินกําแหวนบนนิ้วหัวแม่มือแน่น จึงควบคุมแรงกระตุ้นที่พลุ่งพล่านบางอย่างได้หลินจืออี้สู้ไม่ได้ จึงปิดประตูอย่างแรงมองดูเสื้อเชิ้ตและกางเกงผู้ชายในมือ เธอได้แต่เลือกใส่เท่านั้นเมื่อเดินออกจากห้องน้ำอีกครั้ง กงเฉินกําลังนั่งดื่มชาอยู่บนโซฟากลิ่นหอมของชาฟุ้งกระจาย ทําให้ผู้คนสงบลงทันทีหลินจืออี้เดินเข้าไป ไม่รู้ว่าชาร้อนเกินไปหรือเปล่า กงเฉินชําเลืองมองเธอแวบหนึ่ง น้ำชาในมือหกไปครึ่งหนึ่งแต่ไม่นาน เขาก็เอ่ยปากอย่างไม่สะทกสะท้าน “ดื่มชา”เขาวางถ้วยชาลง ก็ไปอาบน้ำแล้ว ไม่ได้พูดอะไรมากหลินจืออี้ยกขึ้นมาดื่มคําหนึ่ง ยังไม่ทันลงท้องก็อาเจียนออกมาแล้วเมื่อมองไปที่ซุปชาที่ใสสะอาด เธอไม่สามารถดึงสติกลับมาได้เป็นเวลานาน แม้กระทั่งดวงตาของเธอค่อนข้างขมขื่นชานี้... เธอเกลียดที่สุดเลยไม่ใช่เพราะชาพันธุ์นี้ไม่ดีในทางตรงกันข้ามใบชานี้
เธอสัมผัสชุดสูทที่เพิ่งสวมและออกแรงเล็กน้อยเพื่อบีบน้ำออกเธอเพิ่งใส่เอง ทําไมถึงมีน้ำมากขนาดนี้หลินจืออี้หันไปมองกงเฉิน ด้านซ้ายของเขาเปียกโชกไปหมด เสื้อเชิ้ตติดอยู่บนร่างกายโชว?เค้าโครงที่ทําให้คนโหยหาเกิดอะไรขึ้น?ระหว่างทางที่ขับรถ กงเฉินให้คนขับรถเปิดเครื่องทําความร้อนให้เต็ม และใช้นิ้วชี้ไปที่หน้าจอด้านหลังสองครั้งหลินจืออี้ที่เดิมทีร่างกายเย็นเยือก รู้สึกถึงความอบอุ่นที่พัดมาจากทุกทิศทุกทาง แม้แต่ใต้ก้นก็ยังรู้สึกอบอุ่นเธอก้มหน้าลง ไม่เข้าใจเจตนาของเขาเลยจริงๆในที่สุดเธอก็ถูกพาไปที่อพาร์ทเมนต์ก่อนหน้านี้โดยกงเฉิน“ไปอาบน้ำ” กงเฉินหยิบรองเท้าแตะผู้หญิงคู่หนึ่งจากตู้ให้หลินจืออี้หลินจืออี้มองแวบหนึ่งแล้วนึกถึงของใช้ประจําวันของกงเฉินในอพาร์ทเมนต์ของซ่งหว่านชิวทันทีนี่ต้องเป็นรองเท้าแตะของซ่งหว่านชิวแน่ๆ“ฉันไม่ใส่”หลินจืออี้เดินเข้าไปข้างในด้วยเท้าเปล่า พื้นเย็นๆ จากนั้นเธอก็อยากจะเดินเขย่งเท้ากงเฉินเห็นเธอเดินเขย่งเท้า ก็เลิกคิ้วเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรหลินจืออี้ซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำ จามสองครั้งอย่างรุนแรงถึงจะสงบลงได้เมื่อคิดว่ายังมีการแข่งขันในอนาคต เธอจะ
ระหว่างทาง กงเยี่ยนรับโทรศัพท์ที่บ้าน บอกว่าคุณนายใหญ่เป็นโรคไขข้ออักเสบแล้วฝนตกแบบนี้เป็นโรคไขข้ออักเสบ เมื่อเจ็บจะนอนไม่หลับทั้งคืนหลังจากสามีเสียชีวิต คุณนายเฉินซู่หลานไปไหว้พระขอพรแทบทุกวัน ก็ถือเป็นเครื่องยังชีพอย่างหนึ่ง สุดท้ายเข่าก็ทรุดหลินจืออี้ยกนิ้วชี้ไปทางปากทางข้างหน้า “พี่ใหญ่ พี่ส่งฉันลงตรงนั้นก็พอ ฉันนั่งรถไฟใต้ดินกลับโรงเรียนเองได้ แค่ต้องขอยืมเสื้อโค้ทของพี่หน่อย”“จืออี้...” กงเยี่ยนรู้สึกผิดเล็กน้อย“พี่ใหญ่ ฉันอายุยี่สิบกว่าแล้ว ไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้คุณนายใหญ่ต้องไม่สบายแน่นอน พี่รีบกลับไปอยู่เป็นเพื่อนเถอะ”“ได้”เมื่อจอดรถ กงเยี่ยนก็ถอดเสื้อนอกให้เธอ แล้วกําชับเธอให้ระวังหน่อยหลินจืออี้ตอบรับคําหนึ่งแล้วก็ลงจากรถมองดูรถจากไป เธอก็ขึ้นรถไฟใต้ดินกลับโรงเรียน สถานีรถไฟใต้ดินยังห่างจากโรงเรียนอีกไกล ดังนั้นเธอจึงใช้ร่มต้านลมและฝนเดินไปข้างหน้ายังไม่ทันถึงประตูโรงเรียน ไฟหน้ารถก็สว่างขึ้นมา เธอยกมือบังไว้ คิดว่าตัวเองเดินผิดทางแล้วกําลังจะหลีกทางให้ ก็มีเงาร่างหนึ่งมาขวางอยู่ตรงหน้าเธออย่างเลือนรางเมื่อมองดูรองเท้าหนังผู้ชายที่คุ้นเคย หลินจืออี้ก็ขม
คุณท่านกงไม่ค่อยพอใจกับภูมิหลังของครอบครัวซ่งหว่านชิวอยู่แล้วแต่โชคดีที่ภาพลักษณ์และชื่อเสียงของซ่งหว่านชิวนั้นดีมาก อยู่เคียงข้างกงเฉินก็ดีกว่าผู้หญิงที่ยุ่งเหยิงข้างนอกเหล่านั้นมากแต่งานแถลงข่าวครั้งนี้ ซ่งหว่านชิวทําให้คนผิดหวังมากใบหน้าของกงเฉินยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แม้แต่การตอบสนองของเขาก็ยังจืดจางจนน่ากลัว“อืม”หลังจากคุยกันเสร็จ ทั้งสองก็ออกไปด้วยกันหลังจากนั้นไม่นาน ซ่งหว่านชิวก็เดินออกมาจากด้านหลังภูเขาจําลองมือของเธอพันรอบกระโปรงจนเกือบจะหักเพราะความตื่นตระหนกเธอต้องชนะให้ได้……หลิ่วเหอบอกให้หลินจืออี้พักที่นี่คืนหนึ่ง แต่หลินจืออี้ปฏิเสธตระกูลกงไม่มีความทรงจําที่ดีสําหรับเธออยู่ที่นี่ เธอก็จะนึกถึงการดูถูกเหยียดหยามของทุกคนในชาติก่อนแล้วก็จะนึกถึงลูกสาวที่น่าสงสารของตัวเองด้วยดังนั้นเมื่อท้องฟ้าใกล้จะมืด เธอก็จากไปแล้วแต่เพิ่งเดินไปได้ครึ่งทาง จู่ๆ ลมก็โหมกระหน่ำ ท้องฟ้ามืดครึ้มราวกับฝนจะเทลงมาหลินจืออี้เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น แต่ยังไม่ทันได้วิ่งออกไปไกลเท่าไร ฝนก็เทลงมาปานฟ้ารั่ว ทําให้เธอเปียกโชกไปทั้งตัวทันใดนั้นมีเสียงเบรกดังมาจากด้านหลัง เธอใ
หลังจากชงชาเสร็จ หลินจืออี้ยกไปที่ห้องรับแขกยากนักที่วันนี้จะมีคนมากมายมาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ใบหน้าที่เคร่งขรึมของคุณท่านกงก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มหลังจากแบ่งชาแล้ว หลินจืออี้ก็ยืนอยู่ข้างหลังหลิ่วเหอและกงสือเหยียน และทําหน้าที่เป็นคนไม่จําเป็นต่อไปในเวลานี้ กงเฉินเข้ามาแล้ว คราบน้ำที่คอเสื้อยังคงอยู่เฉินซู่หลานอุทานอย่างประหลาดใจว่า “เจ้าสาม ปกตินายชอบความสะอาดที่สุด ทําไมเสื้อผ้าถึงสกปรกล่ะ?”กงเฉินนั่งลง ยกถ้วยชากวาดตามองหลินจืออี้ เอ่ยเสียงเรียบว่า “โดนแมวถูไถมาน่ะ”เฉินซู่หลานจิบชาหนึ่งคํา ยิ้มแล้วพูดว่า “แมวตัวนี้น่าสนใจจริงๆ ชนปากด้วยนายหรือเปล่า?”กงเฉินเป่าชาและตอบเบาๆ"อืม แรงเยอะมาก”ได้ยินดังนั้น หลินจืออี้ก็ก้มหน้าลงทันที ความร้อนพุ่งใส่หน้าเป็นพักๆหลังจากคุยกันสักพัก คุณท่านกงจะไปพักเที่ยง ทุกคนจึงลุกขึ้นเตรียมแยกย้าย“กงเฉิน แกกลับเรือนเป็นเพื่อนฉันหน่อย”“ครับ”กงเฉินลุกขึ้นและเดินเคียงข้างคุณท่านหลินจืออี้ที่ก้มหน้ามาตลอด มักจะรู้สึกว่ามีสายตากวาดผ่านร่างไปคล้ายมีคล้ายไม่มีแต่เธอไม่ได้เงยหน้าขึ้นและยืนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่สองวินาทีนี้ ซ่งห
พอสัมผัสก็รู้สึกเหมือนมีไฟฟ้าช็อตไปทั่วร่าง สั่นไหวเล็กน้อยอย่างควบคุมไม่ได้หลังจากกงเฉินสังเกตเห็น แววตาลึกล้ำ ก้มตัวลงเล็กน้อยเพื่อเข้าใกล้เธอ น้ำชาบนปกเสื้อหยดลงบนท้องหลินจืออี้ตัวสั่นเทิ้มอย่างเห็นได้ชัดนัยน์ตาของกงเฉินมีสีเข้มขึ้น เขาจ้องมองหลินจืออี้โดยตรง ดวงตาลึกล้ำไม่ปิดบังความปรารถนาของตัวเองแม้แต่น้อย“อ่อนไหวเหมือนคืนนั้นเลยนะ”“เปล่าสักหน่อย” หลินจืออี้โต้กลับ"จริงเหรอ? คืนนั้นเธอไม่ได้พูดแบบนี้นี่”เขาหัวเราะเสียงต่ำ สีหน้าแฝงไว้ด้วยความชั่วร้ายนิ้วหัวแม่มือที่สวมแหวนอยู่ถูกับหยดน้ำในช่องท้องของหลินจืออี้ หยกที่อบอุ่นมีอุณหภูมิที่พิเศษ สบายและแปลกมากหน้าท้องของหลินจืออี้หดเล็กลง หอบเสียงเบาๆ ท่วงทํานองที่เหลือถูกกงเฉินตัดออกไปอีกครั้ง“อืม...”กงเฉินบ้าไปแล้ว!ถ้าถูกคนในตระกูลกงพบเข้า เธอต้องตายแน่แต่แรงของหลินจืออี้สู้เขาไม่ได้ เธอถูกเขาหิ้วขึ้นมาจูบทันใดนั้น เสียงเคาะประตูดังขึ้น“จืออี้ เธออยู่ข้างในหรือเปล่า?”เป็นกงเยี่ยนหลินจืออี้ตกตะลึงไปทั้งร่างใครจะรู้ว่า กงเฉินกลับหรี่ตาและอุ้มเธอเดินไปที่ประตูหลินจืออี้ตกใจจนทําได้เพียงกอดเขาไว้แน่