บทที่ 4 เมื่อผมพยายามชวนสามีปั๊มเบบี้
“หรือพัชควรไปเรียนทำอาหารไหมพี่ปราชญ์?” เช้าวันแรกของการแต่งงานเต็มไปกลิ่นอวลของความสุข พี่ปราชญ์ได้หยุดงานสัปดาห์หนึ่ง แต่ยังไม่มีแพลนฮันนีมูนเพราะเรายังตกลงกันไม่ได้ว่าควรไปที่ไหนดี ผมอยากไปเที่ยวต่างประเทศแต่พี่ปราชญ์อยากพาผมไปเที่ยวเหนือ และความอยากตามใจสามีผมเลยเออออว่าจะไปขึ้นเหนือกับพี่ปราชญ์ เราเลยสรุปแพลนกันไว้ว่าจะไปสิ้นเดือนนี้ คืออีกประมาณสองสัปดาห์ต่อมา หลังจากที่ผมอรุณสวัสดิ์ด้วยความรักกับพี่ปราชญ์จนล้นเต็มใบหน้า เราก็อาบน้ำแล้วลงมาด้านล่างเพื่อทำอาหาร แน่นอนว่ามื้อแรกนี้พี่ปราชญ์เป็นคนทำ
เพราะผมทำอาหารไม่เป็น อาเมน....
“ถ้าน้องพัชอยากเรียนทำอาหารพี่สอนได้นะครับ?” พี่ปราชญ์ในชุดผ้ากันเปื้อนสีเขียวไดโนเสาร์ที่ผมซื้อมาเอ่ยรับด้วยเสียงอารมณ์ดี ใบหน้าแจ่มใส พลางขยับแว่นสายตาหนาเตอะนั่นเบาๆ ก่อนจะหันหลังไปผัดข้าวต่อ
“ดีเลย งั้นทุกวันหยุดพี่เรามาเรียบทำอาหารกัน” ผมเอ่ยพลางลุกขึ้นไปกอดเอวพี่ปราชญ์จากด้านหลัง ก่อนจะชะโงกหน้ามองข้าวผัดในกระทะทำเอาพี่ปราชญ์อมยิ้ม ก่อนจะใช้ช้อนตักข้าวมาให้ผมชิม
“ขาดรสอะไรครับ?”
“อื้ม ขอเค็มอีกหน่อยครับ”
“โอเค” แล้วพี่ปราชญ์ก็เพิ่มความเค็มอีกครั้ง ก่อนที่ผมจะอมยิ้มแล้วเดินขึ้นชั้นบนไปหยิบโทรศัพท์มาถ่ายสตอรี่ว่าสามีตัวเองนุ่มฟูขนาดไหนในวันแต่งงานวันแรก
‘อาหารฝีมือคุณสามี มื้อแรกหลังแต่งงาน’
ผมโพสต์ภาพข้าวผัดธรรมดา และภาพใบหน้าของตัวเองกับข้าวผัดว่ามีความสุขแค่ไหนกับมื้อแรกของอาหารฝีมือคุณสามีหมาดๆ แน่นอนว่าการมีผัวที่ดีเราต้องอวดมันเช้ากลางวันเย็นและก่อนนอน หึหึ
.................................
วันแรกของการแต่งงานหลังมื้ออาหารเรามาดูหนังที่ห้องดูหนังครับ มีหนังหลายเรื่องที่ผมอยากดู และพี่ปราชญ์ก็ละเว้นจากงานมานั่งดูหนังเป็นเพื่อนผมอย่างตั้งใจ ทำเอาใจฟู ถ่ายสตอรี่อวดคนอื่นไปอีกว่าสามีตัวเองน่ารักแค่ไหน ฮึ่ม จบจากดูหนังเรากินมื้อเย็นกันเป็นข้าวนอกบ้านเพราะผมอยากออกมาถ่ายรูปร้านอาหารที่เขารีวิวว่าบรรยากาศสวยมาก และใช่ผมก็ลงสตอรี่อวดผัวไปอีกหนึ่งกรุบ ไม่รู้ว่าตอนนี้มีคนตาร้อนแล้วบ้างหรือยัง ก่อนที่เราจะไปชมวิวที่โป๊ะริมแม่น้ำด้านหลังร้านอาหาร เรียกได้ว่าผมได้ภาพถ่ายสวยๆ มาอีกเป็นกระบุง หลังจากนั้นเราก็กลับบ้าน เมื่อกลับมาผมนอนแผ่หลาบนเตียง ก่อนที่พี่ปราชญ์จะเดินเข้าไปล้างมือล้างเท้าในห้องน้ำแล้วออกมาพร้อมผ้าชุบน้ำมาเช็ดใบหน้าของผมเบาๆ อย่างผ่อนคลาย
“พี่ปราชญ์” ผมครางงึมงำหลับตาให้พี่ปราชญ์เช็ดหน้าเช็ดมือให้อย่างสบายตัว ก่อนจะลืมตามองพี่ปราชญ์ที่เดินเอาผ้าไปใส่ตะกร้า แล้วเดินมานั่งลงที่ด้านข้างเตียง ผมเลยกลิ้งตัวไปนอนหนุนตักพี่ปราชญ์ แล้วเอ่ยด้วยเสียงหยอกเย้าเจ้าตัวให้หน้าแดงเล่นๆ ว่า “พี่ปราชญ์เหลืออย่างหนึ่งที่เรายังไม่ได้ทำ” พี่ปราชญ์ขยับแว่นก่อนจะพยักหน้ารับอย่างตั้งใจฟังผม แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าไม่เข้าใจว่า
“น้องพัชอยากทำอะไรอีกครับ?” ผมอมยิ้มมีเลศนัย ก่อนจะเลื้อยตัวเองไปโอบรอบคอพี่ปราชญ์ แล้วพิงตัวกับพี่ปราชญ์ไว้แล้วเอ่ยด้วยเสียงกระซิบแหบพร่าว่า
“เรายังไม่ได้...กันเลย”
“น้องพัช!!!!” พี่ปราชญ์เอ่ยดุผมเสียงดังก่อนจะรับตัวผมที่โถมตัวไปกอดเจ้าตัวแน่น แล้วล้มไปนอนที่ปลายเตียง ผมเลยขยับไปนั่งบนตัวพี่ปราชญ์แล้วเอ่ยด้วยเสียงถือดีว่า
“พัชอยากมีลูกเยอะๆ พี่ปราชญ์ต้องเหนื่อยหน่อยนะครับ พัชชอบความวุ่นวาย” ผมเอ่ยพลางดึงทึ้งกระดุมเสื้อเชิ้ตพี่ปราชญ์ออก ก่อนจะดึงเอาแว่นออกจากใบหน้าของพี่ปราชญ์
“น้องพัช ใจเย็นก่อนนะครับ” พี่ปราชญ์เอ่ยด้วยความร้อนรนเสียงสั่นพยายามแย่งแว่นจากมือผม แต่เพราะกลัวว่าจะทำร้ายผมเจ้าตัวเลยไม่ได้แว่นกลับคืนไป แต่ได้รับจุ๊บจากผมแทน
“จุ๊บ พัชไม่เย็นแล้วพี่ปราชญ์! พัชอยากท้อง! พัชอยากมีลูก!!!!” ผมเอ่ยพลางดึงเสื้อเชิ้ตของพี่ปราชญ์ออกจนกระดุมขาด เผยให้เห็นพี่ปราชญ์ที่ซ่อนรูปจนผมเลียปากอย่างชอบใจ ใช่ พี่ปราชญ์จริงๆ แล้วมีหน้าท้อง มีเจ้าก้อนแปดแพก และมีกล้ามเนื้อเรียงตัวสวย ภายนอกอาจจะดูเนิร์ดดูเชยแต่ภายในบอกเลยว่าแซ่บลืม!
“น่ะ ....น้องพัช” พี่ปราชญ์เอ่ยด้วยเสียงสั่น เมื่อเห็นท่าทางหื่นกระหายของผม ก่อนที่ผมจะก้มลงจุ๊บที่เจ้าก้อนแปดแพก แล้วช้อนสายตาเงยมองหน้าพี่ปราชญ์ด้วยท่าทางยั่วยวนว่า
“พี่ปราชญ์มามีลูกกันเถอะ” เมื่อผมพูดจบก็ก้มลงเลื้อยไปจูบที่เป้าที่กำลังตุงของพี่ปราชญ์ แล้วแอบช้อนสายตามองคนที่กำลังยกมือขึ้นปิดหน้าเพราะความเขินด้วยความรู้สึกน่ารัก แล้วจัดการเอาเจ้ามังกรที่ไม่น้อยออกมาจากกางเกง ผมเลียริมฝีปากพลางแลบลิ้นทักทายส่วนหัวของเจ้ามังกรไม่น้อยอีกครั้ง ใช่ เมื่อเช้าผมเพิ่งได้กินไป อยากบอกว่าติดใจมาก โดยเฉพาะขนาดเวลามันพองเต็มที่อยู่ในปาก บอกเลยว่าถูกใจผมมาก ผมอ้าอมส่วนปลายก่อนจะค่อยๆ กดลึกปล่อยให้มันขยายขนาดในปาก ก่อนจะอ้าอมขึ้นลงจนท่วมน้ำลายอยู่เกือบห้านาที แล้วผละออก ทำเอาพี่ปราชญ์ตัวสั่นไปหมด ก่อนที่พี่ปราชญ์จะเงยหน้ามองผมด้วยสายตาสั่นไหว
“น้องพัช?” ผมเอียงศีรษะก่อนจะแนบตัวเองไปกับตัวกึ่งเปลือยของพี่ปราชญ์แล้วเอ่ยด้วยเสียงแหบพร่าว่า
“พี่ปราชญ์ไม่อยากถอดเสื้อผ้าให้พัชหรือ?” ผมเอ่ยพลางจับมือที่กำลังกำแน่นกับผ้าปูเตียงของพี่ปราชญ์มาวางแหมะบนเอว ทำเอาพี่ปราชญ์กำแน่น ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงอึกอักว่า
“พี่.... ”
“อยากถอดก็ถอดเลย พัชพร้อมมาก!” ผมพูดพลางแลบลิ้นเลียที่ปลายคางพี่ปราชญ์อย่างยั่วเย้า ทำเอาพี่ปราชญ์ค่อยๆ ยกมือที่กำลังสั่นขึ้นมาถอดเสื้อผ้าผมออก เริ่มจากเสื้อ กางเกง และชั้นในจนผมเปลือยเปล่าบนร่างกายของพี่ปราชญ์ที่กำลังหน้าแดงก่ำ ผมอมยิ้มพลางจับข้อมือพี่ปราชญ์มาวางที่ก้นกลม แล้วเอ่ยด้วยเสียงยั่วเย้าอีกรอบว่า “นิ่มไหมพี่ปราชญ์ พี่ปราชญ์ชอบมันไหม? อื้อ” ผมเอ่ยเสียงกระซิบชิดใบหูพี่ปราชญ์พลางเป่าลมร้อนๆ ใส่ ทำเอาพี่ปราชญ์บีบก้นผมจนเต็มมือ ผมเลยครางเสียงหวานใส่ก่อนที่ผมจะรู้สึกว่าโลกมันพลิกกลับเมื่อตัวเองดันอยู่ใต้ร่างพี่ปราชญ์ด้วยท่าทางน่าอาย
“....................”
“พี่ปราชญ์?” ผมเอ่ยเรียกพี่ปราชญ์ที่กำลังขึ้นคร่อมผมด้วยความตกใจ ก่อนที่พี่ปราชญ์จะยืดตัว จับผมอ้าขาออก แล้วก้มลงไปที่รูจีบของผมที่กำลังหลั่งน้ำออกมาเพราะความเสียว แล้วลงลิ้น “อ๊า พี่ปราชญ์!!!” ผมกรีดร้องเสียงหลงเพราะความเสียวจากลิ้นของพี่ปราชญ์ ผมยกมือขยุ้มเส้นผมของพี่ปราชญ์ที่กำลังลงลิ้นเลียรอบๆ รูอย่างเอาใจ ทำเอาขาสั่นเสียวจนเงยหน้ามองเพดานด้วยดวงตาชุ่มน้ำ ก่อนจะสั่นกระตุกเบาๆ เมื่อพี่ปราชญ์พยายามเลียแล้วส่งลิ้นเข้าไปจนได้เสียงเฉอะแฉะน่าอาย ก่อนที่ผมจะสัมผัสได้ว่านิ้วของพี่ปราชญ์กำลังเข้าไปด้านในอย่างช้าๆ
“ฮ่าส์ อื้อ! เสียว พี่ปราชญ์ พัชเสียว เอาอีก เลียอีกพัชชอบ!” ผมเอ่ยเสียงดังอย่างสั่นไหว เมื่อนิ้วของพี่ปราชญ์กำลังงอกระทบกับจุดเสียวด้านในของผมจนตัวสั่นไปหมด ผมเอาขาโอบรอบคอพี่ปราชญ์แน่น แล้วกระดกเอวเข้าหน้าลิ้นพี่ปราชญ์อย่างร่านร้อน ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาอายอะไรแล้ว ตอนนี้เป็นตอนที่ผมเสียวมาก มากจนเสร็จออกมาเลอะหน้าท้องตัวเอง และรัดลิ้นพี่ปราชญ์และนิ้วทั้งสองแน่นมาก “อ๊า เสร็จ พัชเสร็จแล้ว!”
จ๊วบ
“น้องพัชรัดลิ้นพี่แรงมาก” พี่ปราชญ์ที่ยืดตัว พลางแลบลิ้นที่ปากที่เปื้อนน้ำหล่อลื่นของผมออกมา พร้อมกับผมที่ตัวสั่นกระตุกเกร็ง เสร็จเพราะลิ้นสามีตัวเองอย่างสมบูรณ์ “เสร็จเพราะแค่ลิ้นพี่จริงๆ หรือคะ?” ผมที่กำลังหอบตัวโยนยกยิ้มหวาน พลางจับขาตัวเองอ้าออกกว้างแล้วรัดนิ้วที่สามของพี่ปราชญ์แน่น พลางเอ่ยอย่างยั่วเย้าว่า
“พี่ปราชญ์เครื่องติดแล้ว รีบมา...พัชเร็วๆ!!” ผมเอ่ยเร่งก่อนจะตาเหลือก เมื่อพี่ปราชญ์ขยับนิ้วกระแทกก้นผมเสียงดัง ทั้งเร็ว และแรงถึงใจจนผมกรีดร้องเสียงดังลั่น “อ๊า เสียว อื้อ อ๊า!!!” ผมตัวสั่นจับขาตัวเองเบะออกกว้างกว่าเดิมเมื่อมือของพี่ปราชญ์กระแทกก้นเสียงดังลั่นห้อง ก่อนที่นิ้วที่สี่จะผลุบหายเข้าไป คราวนี้พี่ปราชญ์ไม่ยั้งแรงมือกระแทกแรงจนผมเสร็จไปอีกน้ำ จนตัวสั่น
“เสร็จ อ๊า อ๊า อื้อ!” ผมตัวสั่นนอนขาอ้ากว้าง ตาเหลือกมองเพดาน ก่อนที่พี่ปราชญ์จะโน้มตัวมาแทรกกลาง แล้วเลียน้ำที่ติดมือ พลางก้มลงมาจุ๊บหน้าผากผมอย่างอ่อนโยน แต่การกระทำไม่อ่อนโยนแม้แต่น้อย! “อ๊า!!!!!!!!”
“ร้องเสียงดังจนเสียงแหบหมดแล้วน้องพัช” ผมร้องเสียงดังในระหว่างที่พี่ปราชญ์กระแทกเจ้ามังกรไม่น้อยเข้ามาในตัวผมสุดลำจนผมทั้งเจ็บทั้งเสียวไปหมด ก่อนจะน้ำตาเล็ดเมื่อพี่ปราชญ์แช่ค้างไว้แล้วจุ๊บใบหน้าผมไปทั่ว “โอ๋ เจ็บมากไหมคะ แต่คงไม่มากเท่าไร เพราะน้องพัชตอดพี่แรงมาก” เมื่อเครื่องติดพี่ปราชญ์ก็ไม่อ่อนโยนอีกต่อไป ผมปรือตาฉ่ำน้ำมองพี่ปราชญ์ที่กำลังจับข้อเท้าผมอ้ากว้าง และขยับกระแทกเอวสอบแรงไม่พัก คำพูดอ่อนโยนจนใจเหลว แต่....ดุจนน่ากลัว
“ฮ่าส์ อ๊า อื้อ อื้อ อื้ม!!!!” ผมได้แต่หลับตาร้องลั่นเมื่อแต่ละทีที่พี่ปราชญ์กระแทกมันเข้าลึกสุด ออกสุด เสียงเนื้อกระทบกันดังลั่นห้องจริงๆ
“อีกนิดนะคะน้องพัช พี่จะเสร็จแล้ว ฮืม” พี่ปราชญ์ขยับเอวกระแทกผมจนตัวโยน ผมได้แต่หลับตาร้องเสียงหลง ก่อนที่มือที่จับข้อเท้าจะอ้ากว้างจนผมสัมผัสได้ถึงหน้าขาของของตัวเองที่หน้าอก พร้อมกับเอวที่กระแทกไม่พักอย่างรุนแรง ก่อนที่ตัวเองที่โดนกระแทกจุดเสียวซ้ำๆ จะเสร็จเป็นรอบที่สามพร้อมกับพี่ปราชญ์ที่ฉีดรดอัดแน่นเข้ามาในมดลูกผมจนหมด
“อืม!!!”
“อ๊า!!!!!” ผมครางเสียดังลั่นในขณะที่พี่ปราชญ์กระแทกเอวแรงใส่ผมเพื่อปล่อยลูกๆ เข้ามาในมดลูกผมจนหมด ผมตัวสั่นอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะร้องเสียงหลงเมื่อพี่ปราชญ์พลิกตัวผมหันหลังจนก้นโก้งโค้ง “อื้อ!!!”
“อีกรอบนะคะเผื่อลูกไม่ติด อื้ม” แล้วพี่ปราชญ์ก็กอดเอวผมแน่น กระแทกกระทั้นไม่ยั้งอยู่ค่อนคืน เยเย่ดุสมเป็นสามีผมจริงๆ.....
...................................
ผมลืมตาในตอนสายที่แดดร้อนระอุ พี่ปราชญ์ไม่ได้นอนอยู่ข้างๆ เดาว่าคงลงไปทำอาหารข้างล่าง ผมที่นอนเปลือยเมื่อยตัวไปหมด ไม่ได้รู้สึกเหนียวตัวเท่าไรคิดว่าพี่ปราชญ์คงดูแลเรื่องนั้นให้หลังเสร็จกิจกาม ผมนอนเบลอมองเพดานตัวแห้ง เพราะโดนพี่ปราชญ์รีดน้ำจนเกือบหมดตัว ก่อนจะค่อยๆ ลุกนั่งแล้วเบ้ปากเมื่อเมื่อยเอวเจ็บก้นไปหมด ก่อนจะค่อยๆ ลุกไปเข้าห้องน้ำจัดการตัวเอง แล้วออกมาพบว่าพี่ปราชญ์นั่งรออยู่ก่อนแล้วด้วยสีหน้าสลด ผมมุมปากกระตุกกอดอกที่สวมด้วยชุดคลุมอาบน้ำ แล้วเอ่ยแซวคนที่ตบะแตกเมื่อคืนไปว่า “ทั้งๆ ที่ผมเป็นฝ่ายเริ่มแท้ๆ แต่ทำไมตอนท้ายๆ พี่ปราชญ์กระแทกพัชเอาๆ ไม่หยุดเลยครับ?”
“น้องพัช.....” พี่ปราชญ์เอ่ยเสียงเบา ก่อนจะมองผมด้วยสีหน้าสำนึกผิด ทำเอาผมเดินไปตรงหน้า ก่อนจะโดนพี่ปราชญ์กอดเอวแล้วฝังหน้ากับหน้าท้องขาว “พี่ขอโทษครับ น้องพัชเจ็บตรงไหมครับ พี่เตรียมยากับข้าวไว้แล้ว” ผมอมยิ้มกับท่าทางสำนึกผิดของพี่ปราชญ์ ก่อนจะผละตัวออก แล้วจุ๊บที่หน้าผากของพี่ปราชญ์แล้วเอ่ยเสียงล้อเลียนว่า
“เจ็บเอวครับ เมื่อคืนพี่ปราชญ์กระแทกพัชแรงมาก”
“น้องพัช....” พี่ปราชญ์เงยหน้าเอ่ยเรียกผมเสียงอ่อน ผมหัวเราะยิ้มกว้าง ก่อนจะขึ้นไปนั่งบนตักพี่ปราชญ์บนเตียง แล้วเอ่ยด่วยเสียงอารมณ์ดีว่า
“ตบะแตกบ่อยๆ นะครับ พัชชอบ” พอได้ยินพี่ปราชญ์ก็หน้าแดง ก่อนจะเสหน้าหลบตาผม แต่แอบเห็นหรอกว่ามุมปากยกยิ้มพอใจนะ ฮึ เนิร์ดไม่จริงนี่น่า
“ไปครับ ทานข้าวกัน พี่จะได้ช่วยทายาให้” แล้วพี่ปราชญ์ก็อุ้มผมทั้งแบบนั้นลงไปข้างล่าง ผมที่ได้ยินก็โอบแขนรอบคอ ฮัมเพลงอารมณ์ดี เพราะรู้ดีว่าคงไม่จบแค่ทายาแน่นอน อื้ม ผมชักชอบให้พี่ปราชญ์ตบะแตกจริงๆ แล้วสิ ฮึฮึ
....................................
อีกด้านปรัชจ้องมองโทรศัพท์ด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว ทำไม? คนที่ลักกินขโมยกินถึงได้เต็มไปด้วยความสุขจนไม่รู้สึกผิดแบบนี้? ยิ่งเห็นว่าพัชกับพี่ปราชญ์อยู่ด้วยกันแล้วมีความสุขแค่ไหน ปรัชก็อยากจะเขวี้ยงโทรศัพท์มันทิ้งทุกที และเกิดคำถามซ้ำๆ ว่าทำไมทั้งคู่ถึงไม่รู้สึกผิดต่อตัวเองบ้าง? ที่ลักกินขโมยกินมาเกือบปี ทำไมถึงได้ลอยหน้าลอยตาแต่งงานกันอย่างมีความสุขแบบนี้ ยิ่งคิดปรัชก็ยิ่งไม่พอใจ ทั้งๆ ที่ไม่รู้เลยว่าตัวเองก็ผิดไม่น้อยที่ละเลยคู่หมั้น แถมยังไปแอบได้เสียกับคนอื่นจนตั้งท้องอีก ว่าก็ว่าเถอะความผิดคนอื่นยิ่งใหญ่เท่าภูเขา แต่ความผิดของตัวเองเล็กเท่าเส้นผม “พี่ปรัชครับ?” เสียงหวานเอ่ยเรียกปรัชในขณะที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาภายในห้องนั่งเล่นที่บ้านของณินิน ใช่ บ้านของเลขาที่ต้องลาออกไปเพราะตั้งท้องลูกของปรัชญา
“เราตื่นแล้วหรือ? รู้สึกเวียนหัวหรือ คลื่นไส้บ้างไหม?” ปรัชญาเอ่ยถามณินินที่กำลังตั้งท้องเดินออกมาจากห้องนอนด้วยสีหน้าซีดขาว ใต้ตาดำคล้ำ และรูปร่างที่ผอมลงจนไม่ได้ดูดีเหมือนแต่ก่อน ก่อนจะรีบเข้าไปประคองเจ้าตัวมานั่งลงข้างกัน แล้วณินินก็เอนตัวซบอกสามีอย่างอ่อนแรงเพราะอาการแพ้ท้อง
“นินรู้สึกเวียนหัวครับ ขอกอดพี่ปรัชหน่อยนะครับ” เมื่อได้ยินนัยน์ตาของปรัชก็อ่อนลง ก่อนจะก้มลงจุ๊บที่ข้างขมับของคนแพ้ท้อง แล้วเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยนว่า
“ได้สิครับ เรากอดได้เท่าที่เราอยากกอดเลยนะ” เมื่อได้ยินณินินก็อมยิ้ม ก่อนจะแอบเหลือบตามองหน้าจอโทรศัพท์ที่เป็นรูปแอ็กเคานต์ของพัชชาด้วยสีหน้าหม่นลง ประกายตาเต็มไปด้วยความอิจฉาจนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกพะอืดพะอมอีกครั้ง แล้วต้องวิ่งไปอาเจียนในห้องน้ำ
“นิน!!!” ปรัชญาเอ่ยเรียกคนที่วิ่งเข้าไปอาเจียนในห้องน้ำเสียงดัง ก่อนจะตามไปลูบหลังปลอบใจ แล้วถูกคนแพ้ท้องไล่ออกมาเพราะไม่อยากให้เห็นสภาพน่าเกลียด และปรัชญาก็ตอบตกลงยืนรออยู่หน้าห้องน้ำด้วยความเป็นห่วง ต่างจากปรัชญา ณินินจ้องมองตัวเองหน้ากระจกด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาเต็มอก ทุกครั้งที่เข้าไปส่องไอจีอีกฝ่าย ณินินต้องทนเห็นว่าอีกฝ่ายมีความสุขแค่ไหนก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจแล้ว ทำไม ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นตัวเอกของนิยายเรื่องนี้แท้ๆ แต่คนที่มีความสุขที่สุดกลับไม่ใช่ตัวเอง
ใช่ ณินินเองก็รู้ว่าตัวเองได้มาเกิดใหม่อีกครั้งเช่นกัน และได้รู้ว่านี่คือโลกในนิยายที่มีตัวเองเป็นตัวเอก แต่ทำไมทั้งๆ ที่เป็นแบบนั้น ทั้งๆ ที่พัชชาที่ควรเศร้าโศกเสียใจที่สุดตอนนี้กลับเป็นพัชชาที่มีความสุขในทุกวันจนน่าอิจฉาขนาดนั้นกัน ยิ่งเห็นณินินยิ่งรับไม่ได้ “รอก่อนเถอะ” แล้วณินินก็พึมพำ ก่อนจะเดินไปอาเจียนอีกรอบอย่างหมดแรง รอให้ตนเองคลอดเด็กคนนี้ออกมาก่อน ณินินจะต้องทำให้พัชชาที่เป็นเพียงตัวร้ายต้องเต็มไปด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้งอย่างแน่นอน!!!!
+++++
Lady Zombie
29/10/67
บทที่ 5 เมื่อชีวิตหลังแต่งงานของผมเต็มไปด้วยความสุข“พี่ปราชญ์อย่ากัดนมพัช!!” ผมร้องเสียงหลงเมื่อตื่นมาแล้วเจอพี่ปราชญ์เวอร์ชันตบะแตก ทั้งดูดทั้งดึงหน้าอกผมจนแดงไปหมด แถมเสื้อนอนที่ใส่ไว้เมื่อคืนก็ถูกพี่ปราชญ์ถอดออกทิ้งลงข้างเตียงตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้!ผมล่ะรักพี่ปราชญ์เวอร์ชันนี้จริงๆ!!!“ขอโทษค่ะ นมน้องพัชมันล่อตาพี่ พี่อดใจไม่ไหวจริงๆ ” พี่ปราชญ์พูดทั้งที่กำลังใช้ลิ้นเลียวนรอบๆ ฐาน แล้วเอ่ยพ่นลมร้อนใส่จนผมตัวสั่นเพราะความเสียวไปหมด“อื้อ อย่าเป่าลมใส่พัชนะ!” ผมดันหน้าพี่ปราชญ์ออก แล้วดึงผ้าห่มมาคลุมหน้าอกตัวเองที่เปื้อนรอยดูดและรอยแดงช้ำจนน่ากลัว “พอเลย พัชเจ็บนะพี่ปราชญ์” ผมเอ่ยด้วยเสียงงอนนิดหน่อย พี่ปราชญ์ที่เหมือนสำนึกผิด รีบควานหาแว่นมาสวมก่อนจะเข้ามากอดปลอบผมเสียงอ่อน“โอเคครับ พี่ขอโทษนะ เจ็บมากไหม พี่ขอดูหน่อยค่ะ” เมื่อได้ยินผมหรี่ตาลงมองพี่ปราชญ์ด้วยสายตารู้ทัน ก่อนจะสะบัดตัวเดินหนีเข้าห้องน้ำไปทันที “น้องพัช!!” แล้วพี่ปราชญ์ก็เอ่ยเรียกผมอยู่หน้าห้องน้ำเสียงเศร้า เฮ้อ ไอ้มีความสุขนะใช่ แต่พี่ปราชญ์เล่นทำทุกวันมันก็เหนื่อยเป็นธรรมดาไหม!........................ชีวิตหลังแต่
บทที่ 6 เมื่อผมตั้งท้องน้องโปรดและต้องปะทะฝีปากกับเพื่อนรักหลังจากประกาศเรื่องตั้งท้องผ่านไอจีก็ผ่านมาแล้วเกือบสัปดาห์ คุณแม่ทำตามที่พูดส่งบัตรเชิญมาให้ผมกับพี่ปราชญ์เข้าร่วมงานเต้นรำจริงๆ ผมที่ไม่ได้แพ้ท้องหนักแค่เวียนหัวตอนตื่น กับอาเจียนเมื่อได้กลิ่นคาวปลา นอกนั้นอาการอะไรก็เล็กน้อยมาก เลยคิดจะไปร่วมงานครั้งนี้ ไม่ใช่เพื่อคุณแม่ แต่เพื่อความสะใจของตัวเองล้วนๆ เพราะได้ยินว่าณินินแพ้ท้องหนักมาก เลยมาร่วมงานไม่ได้ และผมจะทำให้ณินินต้องอิจฉาตาร้อนไปเลยว่าผมมีความสุขจากสามีและลูกมากขนาดไหนและเมื่อวันงานมาถึงผมก็แต่งตัวด้วยชุดสูทสุภาพสีขาว คู่กับสูทดำของพี่ปราชญ์ เจ้าตัวที่กำลังขับรถเอ่ยกับผมในระหว่างติดไฟแดงไปด้วยว่า “น้องพัชโอเคใช่ไหมครับ พี่เป็นห่วงเรากับลูกมากนะ” พี่ปราชญ์เขากังวลว่าผมจะไปแพ้ท้องที่งานเลยไม่อยากให้ผมไป แต่เพื่อแสดงความสุขจนแสงออกปากให้คนพวกนั้นได้เห็นมีหรือที่ผมจะยอมแพ้ง่ายๆ และสิ่งที่ผมทำได้คือการใช้ชีวิตให้ดีและมีความสุขเท่านั้น!“พัชพกยามาเผื่อแล้วด้วยครับ พี่ปราชญ์สบายใจได้ พัชสัญญาว่าจะดูแลตัวเองให้ดีครับ” ผมเอ่ยด้วยเสียงจริงจัง ขณะจับมือพี่ปราชญ์มากุมแล้วจุ๊บ
บทที่ 7 เมื่อผมต้องเลี้ยงลูกเพื่อเป็นหม่าม้าที่ดีการเลี้ยงเด็กไม่เคยง่าย ผมเชื่อแบบนั้นและมันก็เป็นไปตามนั้น เมื่อออกจากโรงพยาบาล ผมก็หอบลูกกลับไปเลี้ยงที่บ้านป๊า ป๊ามีสีหน้าอิ่มอกอิ่มใจกับหลานชายตัวอวบอ้วน แน่ล่ะ ถ้าผมไม่เบรกไว้เชื่อเถอะว่าคงเขียนพินัยกรรมยกให้หลานหมด ผมส่ายหน้าไม่สนใจ ก่อนจะนั่งมองน้องโปรดดื่มนมจากขวด เนื่องด้วยผมเป็นเพศพิเศษ จึงไม่มีน้ำนมเป็นธรรมดา เรารับบริจาคน้ำนมจากคุณแม่ที่มีน้ำเหลือเยอะแทน สัปดาห์แรกพี่ปรัชลางานเพื่อมาช่วยผมเลี้ยงลูกที่บ้านป๊า เราสองคนไม่ได้นอนกันหลายคืนติดๆ กันอยู่ แต่พอผ่านไปสักอาทิตย์เราก็เริ่มชินและปรับตัวได้พี่ปราชญ์เลยออกไปทำงานครึ่งวัน แล้วหอบงานกลับมาทำที่บ้านแทน เพื่อช่วยผมเลี้ยงลูก เป็นอยู่แบบนี้เป็นเดือน จนกระทั่งคุณแม่โทรมาหาพี่ปราชญ์บอกให้ผมพาหลานไปหาที่บ้านบ้าง ผมกับพี่ปราชญ์เลยเตรียมเก็บของใส่ตะกร้า แล้วพาน้องโปรดไปที่บ้านคุณแม่ เมื่อมาถึงคนแรกที่ผมเจอไม่ใช่คุณแม่แต่เป็นณินินที่ได้ยินว่าย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านพี่ปรัชแล้ว ผมเม้มปากกอดลูกแน่น พี่ปราชญ์ที่เดินตามหลังถือตะกร้ามาเงยหน้ามองณินินก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบว่า “มารอปรัช
บทที่ 8 เมื่อผมกำลังวางแผนมีลูกคนที่สองผมตื่นตอนหกโมงเช้า อาบน้ำเก็บของและมองพี่ปราชญ์อุ้มลูกออกจากบ้านไปนอนที่คาร์ซีทในรถ ก่อนจะที่เราจะเก็บของและเตรียมตัวออกเดินทางไปที่สวนสัตว์เปิดเขาเขียว แต่ก่อนหน้านั้นเราต้องไปเช็กอินที่โรงแรมใกล้ๆ ก่อน ผมกับพี่ปราชญ์หาอะไรรองท้องเล็กๆ ที่ร้านสะดวกซื้อข้างทาง ก่อนที่ระหว่างแวะปั๊มจะป้อนนมและข้าวเช้าให้น้องโปรดที่กำลังอารมณ์ดี เราใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงนิดๆ เดินทางมาถึงชลบุรี เช็ดอินเข้าโรงแรมที่เป็นบังกะโล 2 ห้องนอนแล้วนั่งพักผ่อน ก่อนจะออกเดินทางไปสวนสัตว์ในช่วงบ่าย ผมเก็บกระเป๋าใส่ตู้ และนั่งเล่นกับลูก รอพี่ปราชญ์ประกอบเตียงให้น้องโปรดอีกห้อง “น้องโปรดอยากมีน้องไหมครับ?” ผมเอ่ยถามลูกอย่างอารมณ์ดี เพราะผมอยากมีลูกกับพี่ปราชญ์อีกหลายๆ คน“น้องคือใยกั๊บ” น้องโปรดมองผมด้วยดวงตาใสซื่อ ก่อนที่ผมจะเอ่ยกับน้องโปรดว่า“น้องคือเพื่อนอีกคนครับ คนที่จะมาเล่นของเล่นกับน้องโปรด” เจ้าตัวย่นคิ้วก่อนจะส่ายหน้า ทำเอาผมหัวเราะครืน“ไม่อาว โปดจาเล่งคนเดียว”“ฮ่าๆ ” ผมก้มลงหอมแก้มเจ้าลูกชายอย่างมันเขี้ยว ก่อนที่เจ้าตัวจะหัวเราะเพราะจั๊กจี้ ผมกับลูกเล่นกอดรัดกันสัก
บทที่ 9 เมื่อเรามีสมาชิกใหม่ของครอบครัวณินินจ้องมองภาพในไอจีด้วยสายตาราบเรียบ แต่แฝงไปด้วยประกายตาของความอิจฉา เนื่องจากอีกฝ่ายกำลังประกาศข่าวดีว่าตนกำลังตั้งท้องลูกคนที่สอง ท่ามกลางครอบครัวที่มีความสุข ก่อนที่ณินินจะเม้มปากเมื่อได้ยินเสียงของสามีดังขึ้นว่า “พี่ปราชญ์กับพัชนี่อย่างไร ลูกเพิ่งไม่กี่ขวบจะมีอีกคนแล้ว วุ่นวายจริงๆ ” ณินินยกยิ้มก่อนจะสมทบกับสามีด้วยความไม่เต็มใจว่า“นั่นสิครับ รีบร้อนกันจริงๆ ” ณินินเงยหน้ามองสามีที่กำลังถอดเสื้อผ้าหลังกลับมาจากที่ทำงาน “ว่าแต่คุณพ่อคุณแม่ว่าอย่างไรบ้างครับเรื่องพี่ปราชญ์มีลูกอีกคน” เมื่อได้ยินปรัชญายักไหล่ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงไร้อารมณ์ว่า“ไม่ว่าอย่างไร แค่คิดว่าเร็วไปจริงๆ ” ณินินพยักหน้ารับ ก่อนจะเอ่ยถามเย้าสามีไปว่า“แล้วพี่ปรัชอยากมีลูกอีกคนไหมครับ?” เมื่อได้ยินปรัชญามองหน้าภรรยา ก่อนจะส่ายหน้าแล้วเอ่ยด้วยเสียงอ่อนแรงว่า“แค่น้องนายก็พอแล้ว แต่ถ้านินอยากมีอีกคนรอน้องนายเข้าอนุบาลก่อนค่อนว่ากันนะ”“ครับ” ณินินพยักหน้ารับ ก่อนจะมองสามีเข้าไปในห้องน้ำ พลางกดปลดล็อกโทรศัพท์ ดูโพสต์ที่ค้างไว้ด้วยดวงตาของความคับข้องใจ ทั้งๆ ที่ตนเป็นตัวเอกข
บทที่ 10 เมื่อผมต้องเลี้ยงลูกพร้อมกันสองคนเมื่อเดือนที่แล้วเพิ่งผ่านวันเกิดน้องโปรดครบ 2 ขวบ และน้องปลื้มตอนนี้อายุได้ 3 เดือนแล้วครับ ใช่ ผมอยู่ที่บ้านป๊าเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือได้พี่นิ้งมาช่วยเลี้ยงเด็กๆ ด้วย พี่ปราชญ์อยากลางานมาช่วยผมเลี้ยงลูก แต่ดูเหมือนทางพิพิศภักดีกำลังดีลงานกับชาวต่างชาติทำให้มูลค่าโครงการแตะที่หลักร้อยล้าน จนพี่ปราชญ์ไม่สามารถปลีกเวลาออกมาช่วยผมเลี้ยงลูกได้เลย เพราะต้องโฟกัสที่งาน เพราะแบบนั้นเราเลยตกลงกันว่าจะให้ผมกับลูกอยู่ที่บ้านป๊าไปจนกว่าโครงการในมือของพี่ปราชญ์จะเสร็จสิ้น ซึ่งคงใช้เวลายันปีหน้าแน่นอน ผมรู้และเข้าใจไม่ได้งอแงอะไร เพราะกว่าจะรู้ตัวแต่ละทีผมก็หัวหมุนเพราะต้องเลี้ยงลูกจนหมดวันไปแล้วบอกตามตรงว่าไม่มีเวลาทำอะไรเลยจริงๆ และโชคดีที่มีพี่นิ้งจริงๆ ผมถอนหายใจเมื่อเห็นว่าทั้งน้องโปรดและน้องปลื้มนอนหลับสนิท ก็หันไปมองพี่นิ้งที่มีสภาพยุ่งเหยิงไม่ต่างกัน “อยากมีอีกไหมคะคุณพัช?” พี่นิ้งถามยิ้มๆ มองสภาพผมก่อนเถอะ ผมเม้มปากก่อนจะกลอกตาแล้วเอ่ยด้วยเสียงอ้อมแอ้มว่า“พักก่อนครับ อย่างน้อยให้น้องโปรดเข้าอนุบาลก่อนแล้วกัน” ผมเอ่ยเพราะเข็ดจริงๆ กับการเลี้ยงล
บทที่ 11 เมื่อน้องโปรดเข้าเตรียมอนุบาลน้องโปรดอายุ 3 ขวบแล้ว ผ่านมาได้สัปดาห์กว่าแล้วที่เราเพิ่งจัดงานวันเกิดให้น้องโปรดไป พี่ปราชญ์ช่วงนี้กำลังช่วยพี่ปรัชเรื่องส่งต่องานจากคุณพ่อ เพื่อเข้าเป็นประธานของพิพิศภักดี และเพราะแบบนั้นทุกวันหยุดกิจกรรมของครอบครัวเราจึงเป็นการว่ายน้ำ น้องโปรดว่ายน้ำได้แต่ยังไม่แข็ง และคนต่อไปที่ผมจะสอนว่ายน้ำคือน้องปลื้ม แต่วันหยุดนี้เราไม่ได้มาว่ายน้ำแต่พากันมาที่สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ กรุงเทพฯ ตั้งอยู่ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ผมพาเด็กๆ มาดูสัตว์โลกใต้น้ำกันเพราะน้องปลื้มอยากมา และน้องโปรดที่ตามใจน้องก็ตอบตกลงวันหยุดนี้เราเลยพากันมาเที่ยวที่นี่ ตอนแรกคนไม่เยอะเท่าไร ผมกับพี่ปราชญ์เลยปล่อยให้สองพี่น้องพากันเดินเที่ยว แต่หลังจากเดินไปชั้นสองชั้นสามคนยิ่งโล่ง เราเลยปล่อยเลยตามเลย นั่งรอเด็กๆ เกาะตู้กระจกดูตู้ปลาอย่างเพลิดเพลิน ก่อนจะพากันกลับเมื่อคนเริ่มเยอะในตอนเที่ยง เราหาอะไรทานเป็นข้าวเที่ยงใกล้ที่นั่น ก่อนจะพากันกลับบ้าน พี่ปราชญ์พาเด็กๆ ไปอาบน้ำในขณะที่ผมเตรียมของว่างรอเด็กๆ ลงมาที่ห้องดูหนังเพื่อเตรียมตัวดูหนังรอบบ่าย ซึ่งเด็กๆ อาจจะนอนกลางวันท
บทที่ 12 เมื่อผมไปงานเลี้ยงรุ่นเข้าเดือนมิถุนายน ต้นเดือนนี้มีงานเลี้ยงรุ่นมหาลัยของผม แน่นอนว่าผมนัดกับเก้า นิลและยี่หวาไว้ที่งานแล้ว รวมไปถึงพี่ปราชญ์ด้วยที่ลางานตอนบ่ายเพื่อพาผมไปงานเลี้ยงรุ่น โดยที่ผมจะฝากน้องปลื้มไว้กับป๊าและพี่นิ้ง วันนี้ผมแต่งตัวจัดเต็มอย่าบอกใคร ลงโพสต์สตอรี่ตั้งแต่เมื่อวานที่ไปร้านทำผมซื้อเสื้อผ้า แล้วฝากน้องปลื้มไว้กับพี่นิ้งแล้ว และโชคดีที่น้องโปรดไปโรงเรียนแล้วไม่อย่างนั้นผมคงหัวหมุนกว่านี้ แน่นอนว่าวันนี้มีเรื่องให้เซอร์ไพรส์ผมรู้สึกตัวเองมาสักพักแล้วว่ากินเก่งขึ้น มันหิวแบบผมต้องกินอันนั้นอันนี้ให้ได้พอไม่ได้กินก็จะเก็บไปนอยเองคนเองเงียบๆ อาการแปลกๆ ที่ผมคุ้นชินเร่งเร้าให้เมื่อวานนี้ผมแวะซื้อที่ตรวจครรภ์มาหลายยี่ห้อก่อนกลับบ้าน แล้วมาแอบตรวจวันนี้คนเดียว เพราะป๊ามารับน้องปลื้มตั้งแต่เช้าเช้าที่แปลว่าเช้าจริงๆ ตั้งแต่ 7 โมงนู้น ผมเลยอยู่บ้านคนเดียวแต่งตัวแต่งหน้าทำผมเตรียมไปงานเลี้ยงรุ่นตอนบ่ายสามโมง งานจัดที่ร้านอาหารริมน้ำแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ นี่แหละครับ ผมเลยมาเตรียมลุ้นว่าตัวเองท้องหรือไม่ตอนนี้คนเดียว ก่อนจะยิ้มบ้างยกมือลูบท้องที่นูนขึ้นมาเล็กน้อยขอ
บทสุดท้าย เมื่อผมกลายเป็นภรรยาและหม่าม้าที่ดีเข้าเดือนเมษายนที่แสนร้อนระอุ เป็นช่วงปิดเทอมของเด็กๆ และเป็นปีที่เจ้าแฝดต้องเข้าเรียนด้วย เราเลยตกลงกันว่าจะพาเด็กๆ ไปที่ทะเลในช่วงนี้แทน เพราะฉะนั้นเหตุการณ์วุ่นวายจึงเกิดขึ้น ผมนั่งเก็บกระเป๋าให้ตัวเองและพี่ปราชญ์ในห้อง แต่เด็กๆ วิ่งเข้ามาทีละคนแล้วชูของในมืออย่างอารมณ์ดีพลางถามว่า“หม่าม้าโปรดเอากางเกงในสีเหลืองเป็ดไปได้ไหม?”“หม่าม้าเปลี่ยมเอารองเท้าผ้าใบคู่นี้ไปด้วยได้ไหม?”“หม่าม้าปลื้มไม่รู้จะเอาอะไรไป หม่ามาเก็บกระเป๋าให้ปลื้มได้ไหมครับ?”“หม่าม้าปกเอาของเล่นไปด้วยได้ไหม?”“ปักษ์เอาคุณเสือไปด้วยนะหม่าม้า”“.....................” นั่นแหละครับ ผมเลยทำได้เพียงต้อนเด็กๆ กลับห้องแล้วเก็บกระเป๋าให้ทีละคน พลางคิดในใจว่าเมื่อไรจะเปิดเทอม!! ก่อนจะเดินเข้าไปเก็บของให้น้องปันเป็นคนสุดท้าย แล้วเดินกลับห้องไปเก็บกระเป๋า ก่อนที่เสียงรถยนต์จะทำให้เด็กๆ วิ่งกรูกันลงไปข้างล่างพลางส่งเสียงดังไปตลอดทางว่า“พ่อมาแล้วววววววววว”ผมนวดขมับ ก่อนจะเก็บของชิ้นสุดท้ายลงกระเป๋าแล้วเดินลงไปข้างล่าง ทันเห็นว่าพี่ปราชญ์กำลังถูกเด็กๆ ล้อมหน้าล้อมหลังวุ่นวายไปหมด
บทที่ 19 เมื่อผมได้กลับมาอยู่กับครอบครัวที่รักผมมองไปรอบๆ ด้วยความรู้สึกแปลกๆ จำได้ว่าเพิ่งนั่งรถกลับบ้านหลังไปส่งเด็กๆ ที่โรงเรียน? แล้วทำไมผมกลับมาที่บ้านได้? ผมก้าวเดินไปที่ห้องนั่งเล่นก่อนจะพบว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายผมกำลังนั่งที่เก้าอี้โยกในห้องนั่งเล่น เธอนั่งลูบท้องในขณะที่กำลังยกยิ้มพลางฮัมเพลงในลำคอ ก่อนจะเงยหน้าหันมามองผมแล้วเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “สวัสดีค่ะน้องพัช” เมื่อได้ยินผมรู้สึกสั่นไหวในใจ ก่อนจะก้าวขาไปหาอีกฝ่าย แล้วนั่งลงบนพื้นตรงขาของอีกฝ่าย แล้วเอ่ยด้วยเสียงสั่นไหวว่า“ม้า?” ผู้หญิงที่ผมมักจะเห็นในรูปยกยิ้มหวานให้ผม ก่อนจะมือขึ้นมาลูบศีรษะผมอย่างอ่อนโยน แล้วเอ่ยด้วยเสียงเบาว่า“ค่ะ หม่าม้าดีใจนะคะที่ได้เห็นน้องพัชมีความสุข” ผมเม้มปากน้ำตาคลอ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงกลั้นน้ำตาว่า“แต่พัชจะมีความสุขกว่านี้ถ้าม้าอยู่กับพัชด้วย” หม่าม้ายกยิ้มก่อนจะส่ายหน้าแล้วเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยนว่า“ถึงจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่หม่าม้าเฝ้ามองน้องพัชมาตลอดเลยนะคะ” ผมเงยหน้ามองหม่าม้า ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงสั่นเทาว่า“ถ้าอย่างนั้นหม่าม้าก็คงเห็นว่าพัชเป็นคนดีใช่ไหมครับ?” เมื่อ
บทที่ 18 เมื่อผมต้องไปงานแข่งกีฬาสีโรงเรียนของลูกปีนี้น้องโปรดขึ้นชั้นป.1 แล้ว แน่นอนว่ามีกิจกรรมหนึ่งที่พลาดไม่ได้ งานกีฬาสีที่จัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน น้องโปรดแข่งวิ่ง 100 เมตร กับวิ่งผลัด และลงแข่งฟุตบอลตัวสำรองด้วย วันเวลาที่ผ่านมาผมมองเห็นได้ว่าน้องโปรดตั้งใจมากกับงานกีฬาสีครั้งแรกนี้ของตัวเอง ส่วนเด็กๆ คนอื่นก็เติบโตขึ้นเป็นอย่างดีด้วยความรักของผมและพี่ปราชญ์ น้องปลื้มอายุได้ 5 ขวบตอนี้ขึ้นอนุบาลหนึ่ง น้องเปลี่ยม 3 ขวบ และเจ้าแฝด 1 ขวบ ส่วนพี่ปราชญ์กับผมก็มีความสุขดีครับ วันนี้เป็นวันศุกร์กีฬาสีจัดขึ้นวันแรก ผมในฐานะหม่าม้าจึงขนเด็กๆ และพี่ปราชญ์มาให้กำลังใจน้องโปรด ที่โรงเรียน “ปก ปักษ์อย่าดิ้นครับ” พี่ปราชญ์ที่อุ้มลูกชายสองคนไว้ในมือเอ่ยขึ้นเมื่อเจ้าแฝดพยายามจะดิ้นออกจากพี่ปราชญ์“หาพี่” น้องปกเอ่ยพลางชี้นิ้วไปที่น้องโปรดที่กำลังเดินขบวน ก่อนที่น้องปักษ์จะเบะปากแล้วเอ่ยด้วยเสียงไม่ชัดเจนนักว่า“พี่โปด หาพี่โปด” พี่ปราชญ์เลยต้องปลอบเจ้าแฝดยกใหญ่ น้องปลื้มหยิบเอาป้ายกระดาษแข็งที่นั่งวาดหลายวันมานี้ขึ้นชู แล้วมีน้องเปลี่ยมเอ่ยเสียงดังเป็นลำโพงเล็กๆ ว่า“พี่โปรดฉู้ๆ พี่โปรด!!!” ผม
บทที่ 17 เมื่อผมคลอดลูกแฝดหลังสงกรานต์ผมเตรียมตัวซื้อเสื้อผ้าให้น้องปลื้มเพื่อเตรียมไปโรงเรียนเดือนหน้านี้ ส่วนน้องโปรดกำลังขึ้นอนุบาลสอง ผมซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้น้องโปรดอีกชุด เพราะชุดเก่าเจ้าตัวคับแน่นไปหน่อย ช่วยไม่ได้ที่น้องโปรดกำลังโตก็แบบนี้ เนื่องด้วยผมท้องลูกแฝดท้องจึงใหญ่กว่าปกติจนน่ากลัว ผมเลยเคลื่อนไหวน้อยมาก และโชคดีที่มีพี่นิ้งคอยดูเด็กๆ ในช่วงนี้ เดือนเมษายนไม่มีอะไรมากไปกว่าความซนของเด็กๆ ที่เพิ่มขึ้น จนกระทั่งเปิดเทอมในเดือนต่อมา น้องโปรดและน้องปลื้มต้องไปโรงเรียน แน่นอนว่าวันแรกผมอยากไปส่งลูกที่โรงเรียน แต่เพราะหน้าท้องที่ใหญ่มากทำให้เคลื่อนไหวไม่สะดวก ผมจึงทำได้เพียงมองป๊าพาเด็กๆ ไปส่งที่โรงเรียนแทน“บ๊ายบ่ายฮะหม่าม้า” น้องปลื้มพูดพลางกลั้นน้ำตาสุดชีวิต ผมเดินไปลูบหัวก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงปลอบโยนว่า“เดี๋ยวพี่โปรดไปส่งที่ห้องนะครับ น้องปลื้มไม่ต้องร้องนะ” น้องโปรดเข้ามากอดน้องปลื้มก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงอารมณ์ดีว่า“เดี๋ยวพี่ไปส่งที่ห้องเรียนน้าน้องปลื้ม”“อื้ม” น้องปลื้มปาดน้ำตา ก่อนจะยกยิ้มจับมือพี่ชายเดินขึ้นรถตู้ตามด้วยป๊าที่อารมณ์ดีทำหน้าที่ไปส่งหลาน พี่ปราชญ์ไปทำงานตั้ง
บทที่ 16 เมื่อผมกำลังทำลูกกับพี่ปราชญ์ตามธรรมชาติ“อ๊ะ อ๊า.....” ผมกรีดร้องเสียงดังเมื่อพี่ปราชญ์จับไหล่ผม แล้วดึงไปข้างหลัง พลางกระแทกกระทั้นเข้ามาในตัวผมอย่างรุนแรง ผมนัยน์ตาพร่ามัวก้มหน้าลงยันแขนกับเตียง ก่อนจะกรีดร้องเมื่อแก่นกายของพี่ปราชญ์เข้ามากระแทกย้ำๆ ที่ปากมดลูกจนผมเสียวไปทั้งตัว ก่อนจะปล่อยออกมารอบที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ ผมตัวอ่อนเหลวไปกับเตียง ก่อนที่แก่นกายของพี่ปราชญ์จะหลุดออกจากช่องทางของผม จนน้ำด้านในไหลทะลักออกมาข้างนอก ผมนอนหอบหายใจเสียงดัง ก่อนจะถูกพี่ปราชญ์พลิกตัวกลับมานอนหงาย “พี่ปราชญ์?” ผมเอ่ยเรียกพี่ปราชญ์เสียงเบา เมื่ออีกฝ่ายจับขาผมพาดไว้กับไหล่ทั้งสองข้าง ก่อนจะถูไถแก่นกายที่กำลังอ่อนตัวที่ปากทางของผมที่กำลังอ้าออก เพราะหุบไม่ลง“อีกรอบนะคะเผื่อลูกไม่ติด” ผมเม้มปากก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงออดอ้อนไปว่า“จูบพัชหน่อย” เมื่อได้ยินพี่ปราชญ์ก็ก้มลงจูบผมก่อนจะค่อยๆ สอดแก่นกายที่กำลังแข็งตัวเข้ามาในร่างกายของอีกครั้งอย่างช้าๆ แล้วเริ่มขยับเข้าออกช้าๆ “อื้อ” ผมร้องครางพลางหลับตาก่อนจะหมดสติไปเพราะความอ่อนเพลีย แล้วผมก็ไม่รู้แล้วว่าต่อจากนั้นพี่ปราชญ์ทำอะไรต่อ เพราะหลับไปตื่
บทที่ 15 เมื่อผมต้องดูแลพี่ปราชญ์“คนไข้ดูเหมือนจะมีบุคลิกแตกแยกครับ” ผมมองหน้าหมออย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะเม้มปากกอดตัวเอง แน่นแล้วเอ่ยถามเสียงสั่นว่า“หมายถึงพี่ปราชญ์อีกคนหรือครับ?” คุณหมอพยักหน้ารับ ก่อนจะเอ่ยเสียงเครียด“จากการส่งตรวจเอกซเรย์สมองพบว่าคนไข้ปกติดีครับ แต่จากการสอบถามทางจิตวิทยาพบว่าคนไข้เหมือนจะแตกแยกบุคลิกออกมาอีกหนึ่งบุคลิกครับ หมอสงสัยว่าอาจจะเพราะสมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงส่งผลให้ส่วนของความจำและบุคลิกมีปัญหา เลยทำให้คนไข้สร้างเรื่องราวใหม่ๆ ขึ้นมาเพื่อปกป้องตัวเอง....”“ถ้าอย่างนั้นมีโอกาสหายไหมครับ?” ผมเอ่ยถามหมอเสียงเครือ พลางปาดน้ำตาออกจากหางตา“แน่นอนครับ แต่ญาติต้องอดทนหน่อยนะครับ เพราะดูเหมือนเรื่องราวที่คนไข้สร้างขึ้นมาจะเป็นในแง่ลบทั้งสิ้นส่งผลให้จำเป็นต้องดูแลอย่างใกล้ชิด”“ครับ” ผมเอ่ยเสียงตอบรับก่อนจะพูดคุยอีกนิดหน่อยก็ออกมา แล้วเดินกลับที่ห้องพักของพี่ปราชญ์ พอเข้าไปเจ้าตัวกำลังนั่งอ่านอะไรบางอย่างในไอแพด ก่อนจะกดปิดหน้าจอฯ เมื่อเห็นผมเข้ามาแล้วเอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า“หมอว่าอย่างไรบ้าง?” ผมเม้มปากกลั้นน้ำตา เพราะความเย็นชาห่างเหินที่พี่ปราชญ
บทที่ 14 เมื่อผมพาครอบครัวไปเที่ยวทะเลเข้าเดือนเมษายนเพราะช่วงเทศกาลสงกรานต์ผมคิดว่าคนเยอะ เราเลยเลือกที่จะไปทะเลต้นเดือนแทน แต่นักท่องเที่ยวก็เยอะอยู่ดีช่วงนี้ ตอนนี้น้องเปลี่ยม 5 เดือนแล้วเจ้าตัวจ้ำม่ำมาก แขนเป็นปั้นๆ ให้กินอะไรกินหมด แถมกินเก่งอีกต่างหาก เป็นขวัญใจของป๊าเลยที่ได้หลานอ้วนจ้ำม่ำแบบน้องเปลี่ยม วันที่เราเลือกไปทะเลเราออกจากบ้านตั้งแต่ 7 โมงเช้า เดินทางไปถึงพัทยาคงประมาณ 9-10 โมงเช้าได้ เราเลยขับรถไปเองชิวๆ ไม่เครียดหรือเร่งรีบอะไร ผมนั่งที่เบาะหน้าหยิบโทรศัพท์เอามาถ่ายเด็กๆ3 คนที่นั่งเรียงกันในคาร์ซีทอย่างตลก โดยมีน้องเปลี่ยมนั่งตรงกลาง น้องโปรดข้างซ้าย และน้องปลื้มข้างขวา ผมลงสตอรี่มีคนกดเข้ามาดู เยอะมาก ก่อนจะหันกลับมาเปิดเพลงเด็กๆ คลอไปตลอดทางให้เด็กข้างหลังเปิดคอนเสิร์ตร้องตามกันอย่างสบายใจ ได้สตอรี่ไปอีกหนึ่งตะเข็บ“พี่ว่าเราต้องเปลี่ยนรถแล้วน้องพัช” พี่ปราชญ์เอ่ยเมื่อผมเอาแต่ถ่ายสตอรี่เด็กๆ ร้องเพลงอยู่ข้างหลัง ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะเอ่ยพร้อมกับกดเซฟคลิปไว้ในเครื่อง“พัชเห็นด้วยเลย เดี๋ยวพอเด็กๆ โตกว่านี้จะไม่มีที่นั่งเอา” ผมพูดก่อนจะหันหน้ากลับไปมองพี่ปราชญ์ที่ฮั
บทที่ 13 เมื่อผมต้องเลี้ยงเด็กสามคนในเดือนถัดมาพี่ปราชญ์ลาออกจากรองประธานของพิพิศภักดีแล้ว ป๊าแทบจะจุดพลุฉลองเมื่อรู้ว่าพี่ปราชญ์จะเข้ามาช่วยบริหารงานแทน และตอนนี้ที่อายุครรภ์ผมได้ 5 เดือนแล้วเราก็เพิ่งไปตรวจเพศลูกมาและเป็นผู้ชายอีกครั้ง พี่ปราชญ์แทบปล่อยโฮเพราะอยากได้ลูกสาว ส่วนผมเฉยๆ เพราะจะเพศไหนผมก็รักทั้งหมด และเพราะพี่ปราชญ์ต้องเริ่มเรียนรู้งานกับป๊า เพื่อความสะดวกและอะไรหลายๆ อย่างป๊าเลยเสนอว่าจะยกบ้านเป็นชื่อผม แล้วให้ผมกับพี่ปราชญ์ และเด็กๆ ย้ายกลับไปที่นั่น เพื่อความสะดวกในอะไรหลายๆ อย่าง ส่วนเรื่องรถรับ-ส่งของน้องโปรดก็ต้องยกเลิกไป เพราะต่อไปป๊าที่ว่างงานแล้วจะเป็นคนขับรถไปรับ-ส่งหลานเองเช้า-เย็นเรียกได้ว่าป๊าเห่อหลานสุดๆ และดูเหมือนน้องโปรดเองก็ชอบที่อากงไปรับตัวเองที่โรงเรียนมากกว่าด้วยเช่นกัน ผมย้ายกลับไปอยู่ที่ห้องตัวเองกับพี่ปราชญ์ เด็กๆ แยกห้องไปนอนคนละห้องตามที่ป๊าต้องการ เจ้าตัวถึงกับรีโนเวทบ้านเพื่อเด็กๆ เป็นเดือนๆ เลย ที่สำคัญคือทำห้องให้เจ้าก้อนที่สามในท้องผมล่วงหน้าไปแล้วด้วย เรียกได้ว่าเดือนนี้เป็นเดือนที่ผมมีความสุขมาก และก็อยากแบ่งปันกับทุกคนด้วยจึงลงสตอรี่
บทที่ 12 เมื่อผมไปงานเลี้ยงรุ่นเข้าเดือนมิถุนายน ต้นเดือนนี้มีงานเลี้ยงรุ่นมหาลัยของผม แน่นอนว่าผมนัดกับเก้า นิลและยี่หวาไว้ที่งานแล้ว รวมไปถึงพี่ปราชญ์ด้วยที่ลางานตอนบ่ายเพื่อพาผมไปงานเลี้ยงรุ่น โดยที่ผมจะฝากน้องปลื้มไว้กับป๊าและพี่นิ้ง วันนี้ผมแต่งตัวจัดเต็มอย่าบอกใคร ลงโพสต์สตอรี่ตั้งแต่เมื่อวานที่ไปร้านทำผมซื้อเสื้อผ้า แล้วฝากน้องปลื้มไว้กับพี่นิ้งแล้ว และโชคดีที่น้องโปรดไปโรงเรียนแล้วไม่อย่างนั้นผมคงหัวหมุนกว่านี้ แน่นอนว่าวันนี้มีเรื่องให้เซอร์ไพรส์ผมรู้สึกตัวเองมาสักพักแล้วว่ากินเก่งขึ้น มันหิวแบบผมต้องกินอันนั้นอันนี้ให้ได้พอไม่ได้กินก็จะเก็บไปนอยเองคนเองเงียบๆ อาการแปลกๆ ที่ผมคุ้นชินเร่งเร้าให้เมื่อวานนี้ผมแวะซื้อที่ตรวจครรภ์มาหลายยี่ห้อก่อนกลับบ้าน แล้วมาแอบตรวจวันนี้คนเดียว เพราะป๊ามารับน้องปลื้มตั้งแต่เช้าเช้าที่แปลว่าเช้าจริงๆ ตั้งแต่ 7 โมงนู้น ผมเลยอยู่บ้านคนเดียวแต่งตัวแต่งหน้าทำผมเตรียมไปงานเลี้ยงรุ่นตอนบ่ายสามโมง งานจัดที่ร้านอาหารริมน้ำแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ นี่แหละครับ ผมเลยมาเตรียมลุ้นว่าตัวเองท้องหรือไม่ตอนนี้คนเดียว ก่อนจะยิ้มบ้างยกมือลูบท้องที่นูนขึ้นมาเล็กน้อยขอ