“ดังนั้นท่านอ๋องจึงสั่งให้ข้าน้อยเข้าวังโดยเร็ว เชิญหมอหลวงไปรักษาเขาขอรับ!”หัวใจของลู่หวายหนิงตึงเครียดทันที ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความกังวล “จะเป็นไปได้อย่างไร”เขาจัดแจงให้ฉินอวี่ไปจวนอ๋องอู่เฉิง แล้วทำไมถึงได้บังเอิญถูกลอบสังหารอย่างนี้ล่ะ?!“พระชายาอ๋องอู่เฉิง?” คนในรถม้าเอ่ยห้าคำนี้ เสียงของเขาทุ้มต่ำ เนิบนาบและไร้อารมณ์ฉินหมิงก้มศีรษะลงและตอบทันที: “นายท่าน พระชายาอ๋องอู่เฉิงเป็นบุตรีของแม่ทัพเสิ่น นามเสิ่นหรูโจวขอรับ”“นางไม่ต่างจากลูกผู้ดีมีเงิน รักเดียวต่ออ๋องอู่เฉิง ด้วยเหตุนี้อาจจะทำให้นางทุบตีบุตรีขุนนางในบ้าน และที่ทำร้ายผู้หญิงในบ้าน ทั้งหมดก็เพราะหึงหวงและมักจะมีชื่อเสียงฉาวโฉ่อยู่เสมอ”“ถ้าเป็นการปกป้องชีวิตตน นางสามารถทำเรื่องอย่างเช่นการผลักฉินอวี่ออกมารับดาบแทนได้อย่างแน่นอน”จู่ ๆ ลู่หวายหนิงก็เริ่มกังวลเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้นอย่างเด็ดขาด: “อาจารย์ พี่หญิงคนงามไม่ใช่คนแบบนั้น ข้าได้รู้จักกับพี่หญิงคนงามแล้ว นางเป็นคนที่มีจิตใจดี และจะไม่มีวันทำเรื่องแบบนั้นออกมาได้แน่ เรื่องนี้คงจะมีอะไรเข้าใจผิดกันแน่นอน”เรื่องอาการบาดเจ็บของฉินอวี่อย่างไรก็ต้องมีคำอธิบาย แ
ใบหน้าของลู่หวายหนิงจริงจัง น้ำเสียงหนักแน่น “อาจารย์ แม้ว่าข้ากับพี่หญิงคนงามจะรู้จักกันได้ไม่นาน แต่นางก็เป็นคนดีและน่าเชื่อถือจริง ๆ นะขอรับ”“ท่านอย่าฟังคำพูดของคนเหล่านี้ฝ่ายเดียว เชื่อง่าย ๆ ว่านางทำร้ายคน หวายหนิงคิดว่า เรื่องของฉินอวี่จะต้องมีการเข้าใจผิดกันแน่นอน! เรื่องเร่งด่วนในตอนนี้คือการช่วยเหลือฉินอวี่ รอจนกว่าจะช่วยเขาได้ ทุกอย่างก็จะพูดคุยกันง่ายขึ้น!”เด็กชายตัวสั่นเมื่อได้ยินแบบนี้พลางลอบบ่นกับตัวเองแม้ว่าเขาจะไม่ได้เห็นพระชายาผลักคนมารับดาบด้วยตาตัวเอง แต่เขาได้ยินสิ่งที่สาวรับใช้พูดกับหูตัวเอง ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ไม่กล้าแพร่งพรายข่าวลือหมอหลวงมีเหงื่อเย็นหยดย้อยลงมา ไม่กล้าพูดอะไรสักคำชายในเกี้ยวนั่งอยู่ท่ามกลางแสงสว่างและความมืดมิด ดวงตาเฉยเมย ในน้ำเสียงเฉียบคมไม่แยแสต่อสิ่งใด“ไม่ง่ายเลยที่เจ้าจะมีคนที่เข้าตา ถ้าอย่างนั้นก็พาข้าไปพบหน่อยเถอะ”เสียงของเป่ยซิวเยี่ยนเยือกเย็น ไร้อารมณ์ใด ๆ แต่ฉินหมิงกลับพินิจได้ว่ามีบางสิ่งที่ผิดปกติเจ้านายของเขาคือใคร ?แค่การที่ฉินอวี่ได้รับบาดเจ็บนั้นไม่เพียงพอที่จะให้เขาไปถามคนร้ายถึงประตูด้วยตนเองด้วยซ้ำ เพียงจับกุม
ยิ่งเจียหนิงถ่วงเวลานางมากเท่าใด ฉินอวี่ก็จะยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น!เจียหนิงได้ยินเสียงก็หัวเราะเย้ยหยัน “เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อหรือ?”เสิ่นหรูโจวเป็นคนที่ผลักฉินอวี่ออกไปรับดาบ มาพูดถึงเรื่องนี้ตอนนี้คงจะอับอายล่ะสิ!เสิ่นหรูโจวมีท่าทางวิตกกังวล พยายามที่จะไม่ใช้ความรุนแรง ก่อนจะเอ่ยกระซิบ: “ข้ารู้ว่าท่านชอบฉินอวี่”“ยิ่งสถานการณ์เร่งด่วนก็ยิ่งต้องใจเย็น ต้องไม่ให้ความกังวลนำไปสู่ความวุ่นวายได้ กว่าที่หมอหลวงจะมาต้องใช้เวลาสักพัก อาการของเขารอไม่ได้ ยิ่งรอนานเท่าใดก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น ข้ามีทักษะแพทย์ สามารถช่วยเขาได้! ถ้าท่านไม่อยากเห็นเขาตายก็อย่ามารั้งข้าไว้!”เจียหนิงตกใจมากที่เสิ่นหรูโจวรู้ความลับของนาง แต่เมื่อได้ยินคำพูดของเสิ่นหรูโจวอีกครั้งก็พูดด้วยความโกรธ“ที่ฉินอวี่ได้รับบาดเจ็บก็เพราะถูกเจ้าทำร้าย ตอนนี้ยังจะมาพูดถึงเรื่องช่วยเขาอะไรอีก ข้าเห็นว่าเจ้าแค่อยากจะไปฆ่าปิดปากเขา!”“ถ้ากล้า เจ้าก็ฆ่าข้าตอนนี้เสียสิ ท่านน้าและท่านแม่ของข้าจะได้ฝังจวนแม่ทัพทั้งหมดไปด้วยกัน ถ้าเจ้าไม่กล้าลงมือกับข้า ก็รอจนกว่าข้าจะฆ่าเจ้าแล้วกัน!”พูดจบ นางกลอกตา เอ่ยกับทหารยามทั้
ชายหนุ่มสวมชุดแพร่สีดำ รูปร่างสูงโปร่งสง่างาม เส้นผมสีเงินส่องประกายภายใต้แสงอาทิตย์ที่ตกสะท้อน ทำให้ผู้ที่พบเห็นเหมือนต้องมนต์สะกด ราวกับมีรัศมีจาง ๆ ปกคลุมอยู่รอบกายใบหน้าของเขาหล่อเหลาไม่ธรรมดา มีดวงตาเรียวยาวเหมือนดอกท้อ ดำขลับเหมือนหินชนวนดูลึกซึ้ง มอบเพียงแวบเดียวก็ทำให้รู้สึกเหมือนถูกดูดเข้าไป ทั้งตัวเผยให้เห็นถึงความสูงส่งที่มีมาแต่กำเนิด ราวกับพระจันทร์ที่ลอยสูงอยู่บนท้องฟ้า ยังคงให้ความรู้สึกไกลเกินเอื้อมเช่นเดียวกับชาติที่แล้วลมหายใจของเสิ่นหรูโจวหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ส่งเสียงพูดออกมาจากปากเบา ๆ ว่า : “ผู้สำเร็จราชการแทน เป่ยซิวเยี่ยน ?”เขามาได้อย่างไร ?เจียหนิงและมู่หว่านหรงกลับมองตาค้าง เซียวเฉินเหยี่ยนนับว่าหล่อเหลามากพอแล้ว ในใต้หล้าผู้ที่จะเทียบความงามกับเขาได้มีอยู่น้อยมาก แต่เมื่อเขายืนคู่กับเป่ยซิวเยี่ยนที่มีผมทั้งหัวเป็นสีเงิน กลับถูกแย่งชิงความสนใจไปเสียได้ผู้สำเร็จราชการแทนที่มีชื่อเสียงและทรงพลานุภาพ เมื่อเห็นแล้วทำให้รู้สึกประทับใจอย่างลึกซึ้งดังว่าจริง ๆ เป่ยซิวเยี่ยนก้าวเท้าเดินเข้าไปในจวนอ๋อง ลู่หวายหนิงเดินตามไปด้านหลังติด ๆ เซียวเฉินเหยี่ยนหันไ
เซียวเฉินเหยี่ยนฟังจบ แววตาก็อำมหิตขึ้นมาจนดูน่ากลัวลู่หวายหนิงหันมองเสิ่นหรูโจวด้วยสีหน้าร้อนใจเขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่า ที่เกิดเรื่องขึ้นกันฉินอวี่ มันมีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่เสิ่นหรูโจวหันมองเป่ยซิวเยี่ยน แววตากระจ่างใสสงบนิ่งอย่างยิ่งชาติก่อนนางมีปฏิสัมพันธ์กับเป่ยซิวเยี่ยนไม่มากนัก แต่ทุกครั้งที่พบกับชายคนนี้ ก็จะถูกใบหน้าที่ทรงเสน่ห์ของเขา รวมถึงพลานุภาพอันแข็งแกร่งที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวเขา ทำให้รู้สึกหวั่นไหวจะว่าไปแล้ว เป่ยซิวเยี่ยนกับนางนับว่ามีบุญคุณต่อกัน นางจำได้ว่าเมื่อชาติก่อนในงานเลี้ยงงานหนึ่ง มีคนลอบสังหาร สถานการณ์วุ่นวายอย่างยิ่ง เซียวเฉินเหยี่ยนเกรงว่ามู่หว่านชิงจะได้รับอันตราย จึงวิ่งเข้าไปปกป้องมู่หว่านชิง ส่วนนางกลับถูกทิ้งให้อยู่กับที่ ตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูกนางรู้วิชาแพทย์ แต่ไม่รู้วรยุทธ์ นี่เป็นจุดอ่อนของนางมาโดยตลอด ตอนนั้นจู่ ๆ ก็มีธนูยิงเข้าใส่นาง นางหลบไม่ทัน ขณะที่คิดว่าคงต้องจบชีวิตลงที่นี่ ก็มีมือเรียวยาวเห็นข้อกระดูกที่ชัดเจน คว้าลูกธนูดอกนั้นไว้อย่างฉับพลันตอนนั้น นางเงยหน้ามองไปด้วยความตะลึง เห็นเพียงใบหน้าที่หล่อเหลาไร้ที่เปรียบของ
แม้นางจะทำตัวน่ารำคาญ แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เขากลับไม่อยากให้นางตายอย่างบอกไม่ถูกคิดไม่ถึงว่าเสิ่นหรูโจวยังไม่ทันพูดอะไร เจียหนิงก็กระโดดออกมาเสียก่อนเมื่อครู่นางถูกเสิ่นหรูโจวจับตัวไว้จึงรู้สึกโกรธจัด เมื่อได้ยินท่านน้าตำหนิเสิ่นหรูโจว ก็ไม่อาจระงับโทสะเอาไว้ได้อีก“นางจะยอมรับผิดได้อย่างไร ? นางเป็นผู้หญิงจิตใจหยาบช้า ! แม้แต่ข้าก็ยังกล้าจับตัวไว้ ยังมีอะไรที่นางไม่ล้าทำอีกบ้าง ! ฉินอวี่ต้องถูกนางทำร้ายแน่นอน !”“ท่านน้ากับผู้สำเร็จราชการแทนอย่าได้ฟังคำแก้ตัวของนางอีกเลย ผู้หญิงที่โหดเหี้ยมเช่นนี้ ควรตัดคอให้ตายเสีย จะได้ไม่เป็นภัยต่อโลกมนุษย์ !”ยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห เจียหนิงทนไม่ไหวอีกต่อไป ชั่วพริบตาเดียว เมื่อมองเห็นกระบี่ที่แขวนอยู่ตรงเอวของฉินหมิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ชักออกมาแล้วแทงเข้าใส่เสิ่นหรูโจวทันที“เจียหนิง หยุดนะ !” เซียวเฉินเหยี่ยนเผยความตกตะลึงออกมาบนใบหน้า และยื่นมือออกไปขวางตามสัญชาตญาณ ยังไม่ทันที่จะคว้าแขนเสื้อของเจียหนิงไว้ได้ จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียง “เก๊ง” ดังขึ้น ——กระบี่ที่พุ่งเข้ามาตรงหน้าเสิ่นหรูโจว กระเด็นออกไปเพราะลูกปัดขนาดเท่าปลายนิ้ว กระบี่ร่วงลงจากม
ลู่หวายหนิงตกใจ รีบเอ่ยปากขึ้นทันที : “อาจารย์อย่าได้รีบร้อน พี่หญิงต้องอธิบายอย่างกร่างแน่นอน”เขาหันกลับไปมองเสิ่นหรูโจว : “พี่สาวคนสวย ท่านรีบเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้นออกมาอย่างละเอียดเร็วเข้า”สีหน้าของเสิ่นหรูโจวยังคงเหมือนเดิม เงยหน้าขึ้นมองเป่ยซิวเยี่ยนนางเตี้ยกว่าเป่ยซิวเยี่ยนประมาณหนึ่งช่วงหัว เมื่อยืนอยู่ต่อหน้าเขา ก็ถูกรูปร่างที่สูงใหญ่ของเขาบดบังสายตา รู้สึกอึดอัดเป็นอย่างยิ่ง“ตอนนั้นมีคนลอบสังหาร ในลานโกลาหลวุ่นวาย ข้าแทบจะเอาตัวเองไม่รอด เมื่อตั้งสติได้ ฉินอวี่ก็ถูกดาบแทงเสียแล้ว ส่วนถูกแทงได้อย่างไรนั้น ข้าไม่แน่ใจนัก”“แต่ข้าไม่ได้เป็นคนผลักเขาไปรับดาบอย่างแน่นอน ตอนนั้นฉินอวี่ป้องกันศัตรูอยู่ด้านหน้ามู่หว่านหรง ข้าอยู่ห่างจากพวกเขาเกือบสองจ้าง แล้วจะผลักเขาได้อย่างไร”“อีกอย่าง ข้าพยายามอย่างสุดความสามารถ ช่วยรักษาฉินอวี่ในทันที หากข้าเป็นคนผลักฉินอวี่ออกไปรับดาบ หากข้าช่วยเขา ไม่เท่ากับหาเรื่องใส่ตัวหรอกหรือ ?”“หากเขาถูกคนผลักออกไปรับดาบจริง คนที่ขัดขวางไม่ให้ข้าช่วยเขาต่างหาก ถึงจะเป็นฆาตกรตัวจริง”ขณะที่พูดอยู่นั้น นางก็กวาดสายตาผ่านมู่หว่านหรงตอ
ใบหน้าหล่อเหลาสง่างามดูเซียวเฉินเหยี่ยนดูเคร่งเครียดเล็กน้อย สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงแค่เชิญเขาเข้าไปพักผ่อนในศาลาด้านข้าง ส่วนฉินอวี่จะเป็นหรือตาย คงต้องรอดูผลลัพธ์แล้วในศาลามีโต๊ะไม้มะฮอกกานีฝังด้วยหินอ่อน เป่ยซิวเยี่ยนและเซียวเฉินเหยี่ยนนั่งตรงข้ามกัน ส่วนคนอื่น ๆ นั่งพิงอยู่ที่ราวบันได ลู่หวายหนิงร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง ยืนอยู่ด้านล่างศาลา หันมองไปทางเรือนปีกไม่หยุด สีหน้าเต็มไปด้วยความร้อนรน“อาจารย์ หวายหนิงอยากไปดูสักหน่อย”เมื่อเจียหนิงได้ยินเขาพูดเช่นนั้น ก็อยากตามไปด้วยเช่นกัน ขณะที่กำลังจะเอ่ยปาก ก็ถูกเซียวเฉินเหยี่ยนมองฟาดด้วยสายตาจนไม่กล้าส่งเสียงนางปิดปากเงียบอย่างไม่เต็มใจ“เจ้าไปแล้วก็ช่วยอะไรไม่ได้” เป่ยซิวเยี่ยนหันมองลู่หวายหนิง จากนั้นจึงผละสายตาอย่างไม่แยแส พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาไร้ความปรานี : “นั่งลง รอฟังข่าว”ได้ยินดังนั้น ลู่หวายหนิงก็นั่งลงหน้าจ๋อยมู่หว่านหรงกะพริบตาเล็กน้อย น้ำเสียงอ่อนโยนดุจสายน้ำในฤดูใบไม้ผลิ “นายน้อยไม่ต้องร้อนใจไป พระยาชาและหมอหลวงต่างอยู่กันครบ จะต้องมีหนทางอย่างแน่นอน”ลู่หวายหนิงหันมองนางด้วยสายตาเย็นชา ไม่ปิดบังความ
เสิ่นหรูโจวกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “เช่นนั้นก็ไม่ผิดแล้ว ในเวลานี้ ความสามารถในการทำงานของตับของพระองค์ได้รับความเสียหายอย่างมากแล้ว” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เซียวจิ่นซีก็คล้ายจะเจ็บยิ่งกว่าเดิมแล้ว เจ็บจนยืดเอวไม่ขึ้นมองเซียวจิ่นซีที่มีสีหน้าเจ็บปวด เซียวเฉินเหยี่ยนก็ขมวดคิ้ว “เช่นนั้นมีวิธีการรักษาหรือไม่?”เสิ่นหรูโจวมิได้รีบกล่าว นางหยิบขวดยาเล็กๆ ขวดหนึ่งออกมาจากถุงผ้า เทยาลงบนในกลางฝ่ามือเม็ดหนึ่งยื่นไปที่เบื้องหน้าเซียวจิ่นซี “ทรงเสวยสิ่งนี้ลงไปก่อน” เซียวจิ่นซีฝืนยืดเอวขึ้น มองเสิ่นหรูโจวด้วยสีหน้าหวาดระแวง “นี่คือสิ่งใด?”“สายพระเนตรขององค์หญิงทรงไม่ดีหรือเพคะ นี่คือยาอย่างไรเล่าเพคะ”เซียวจิ่นซีไม่เชื่อว่าเสิ่นหรูโจวจะปรารถนาดีเช่นนี้ ลังเลอยู่นานไม่ยอมรับไปเสิ่นหรูโจวจึงชักมือกลับมา กล่าวอย่างไม่อนาทรร้อนใจว่า “ไม่เสวยก็ช่างเถอะ ปล่อยให้ทรงปวดตายก็แล้วกัน” เซียวจิ่นซีกัดฟัน คว้าแย่งมาจากนั้นยัดเข้าปากไปเสิ่นหรูโจวโค้งริมฝีปาก หัวเราะอย่างเย้ยหยันทีหนึ่ง จากนั้นจึงพูดวิธีการรักษาออกมา “ตับของพระองค์ยามนี้เสียหายแล้ว หากทรงต้องการมีชีวิตรอด ก็จะต้องตัดตับของพระองค์ออก
เซียวจิ่นซีคิดจะบันดาลโทสะอีกครั้ง ทว่าเซียวเฉินเหยี่ยนขมวดคิ้วมองนาง เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “เสด็จพี่ แทนที่จะทรงตรัสสิ่งใดด้วยโทสะเพื่อความสะใจเพียงชั่วครู่ มิสู้ทรงให้เสิ่นหรูโจวตรวจอาการให้พระองค์อย่างว่าง่ายดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ การรักษาพระวรกายให้หายดีสำคัญที่สุดนะพ่ะย่ะค่ะ"เต๋อเฟยก็เกลี้ยกล่อมเช่นกัน “นั่นสิ จิ่นซี อย่าได้เสียเวลาอีกเลย รีบให้หรูโจวตรวจให้เจ้าเถอะ” สุดท้ายแล้ว เซียวจิ่นซีก็ต้องการรักษาชีวิตตน ไม่ว่าจะเคียดแค้นเสิ่นหรูโจวอย่างไร ยามนี้ก็มิใช่เวลาที่จะมาก่อเรื่อง นางจึงแค่นเสียงเย็นครั้งหนึ่ง แล้วก็ไม่กล่าวสิ่งใดอีกเซียวเฉินเหยี่ยนมองไปยังเสิ่นหรูโจว พูดเสียงเบาว่า “นี่เป็นพระบัญชาของเสด็จพ่อ เจ้าก็อย่าได้เอาแต่ใจ” เดิมเสิ่นหรูโจวก็ไม่คิดจะจากไปจริงๆ เพียงแค่ขู่เซียวจิ่นซีไปอย่างนั้น บัญชาของฮ่องเต้ไม่อาจฝืน นอกจากนี้ นางก็จำเป็นจะต้องสร้างโอกาสให้ตนได้หย่าเช่นกันนางเดินกลับไปอย่างเรื่อยเฉื่อย นั่งลงข้างกายเซียวจิ่นซี “รบกวนองค์หญิงทรงยื่นพระหัตถ์ออกมาด้วยเพคะ” สีหน้าของเซียวจิ่นซีไม่น่ามอง ทว่ายังคงทำตามครั้งก่อนที่เสิ่นหรูโจวตรวจอาการให้เซียวจิ
เมื่อเสิ่นหรูโจวได้ยินคำพูดประโยคสุดท้าย สีหน้าก็ผ่อนคลายลงไม่น้อยดูไปแล้ว จนถึงตอนนี้ยังคงถือได้ว่าราบรื่น ด่านเคราะห์ของท่านพ่ออยู่ที่การศึกครั้งสุดท้าย ไม่รู้ว่าเวลานี้ยาของนางส่งไปถึงหรือยัง หากดูตามเวลาก็น่าจะทันการอยู่ขอเพียงท่านพ่อใช้ยาของนาง ก็จะไม่ทิ้งโรคเรื้อรังไว้ในภายหลังแล้วนับแต่ได้ถือกำเนิดใหม่กลับมา นางยังมิได้พบท่านพ่อเลย นางจะต้องทำให้ท่านพ่อกลับมาอย่างปลอดภัยให้ได้เซียวเฉินเหยี่ยนเห็นว่าเมื่อนางได้ฟังข่าวของบิดาและพี่ชาย อารมณ์ก็คล้ายจะสงบลงไม่น้อย จึงลองกล่าวว่า “ในอนาคต เจ้ายังคงแก้นิสัยของเจ้าหน่อยเถิด” เสิ่นหรูโจวเงยหน้ามองเขา “นิสัยของข้าเป็นอย่างไร?”“ทุกครั้งที่เจ้าพบกับองค์หญิงเจาหยาง ล้วนมีเรื่องกันจนตึงเครียด” เซียวเฉินเหยี่ยนพยายามพูดอย่างละมุนละม่อม หวังว่านางจะรับฟัง “ถึงอย่างไรนางก็เป็นเสด็จพี่หญิงของข้า เมื่ออยู่ต่อหน้านาง เจ้าก็แสดงท่าทีที่ดีสักหน่อย อย่าใช้อารมณ์ไปเสียทุกเรื่อง” เสิ่นหรูโจวหัวเราะอย่างเยาะหยันทีหนึ่ง กล่าวอย่างดูแคลนว่า “ท่านอย่าได้มาบงการข้า” บนใบหน้าของเซียวเฉินเหยี่ยนมีความไม่พอใจวาบผ่าน "หากเจ้ามีสิ่งใดไม่พอใจ อยาก
เริ่มจากชายแดนส่งข่าวด่วนมา บิดาและพี่ชายของเสิ่นหรูโจวจึงนำทัพไปช่วยที่ชายแดน ภาพเหตุการณ์เปลี่ยนไป กลายเป็นฉากที่รายงานการรบถูกส่งมา ท่านแม่ทัพเสิ่นถูกธนูของศัตรูยิงทะลุมือ เนื่องจากขาดแคลนยาและสิ่งของทำให้ไม่มียารักษา ทว่าก็ยังคงรบชนะต่อมา หลังจากแม่ทัพใหญ่เสิ่นกลับมาถึงเมืองหลวงพร้อมชัยชนะ ก็ล้มป่วยจนต้องนอนอยู่บนเตียงตลอด ส่วนที่จวนอ๋อง เสิ่นหรูโจวกับมู่หว่านหรงทะเลาะกันครั้ง เขาจึงลงโทษกักบริเวณให้นางสำนึกตน นางบังเอิญเป็นหวัดพอดี จึงนอนซมลุกไม่ขึ้น ทำให้ไม่รู้เรื่องที่ท่านแม่ทัพใหญ่เสิ่นได้รับบาดเจ็บผ่านไปไม่กี่วันเมื่อนางรู้ข่าว ก็มาขอร้องต่อหน้าเขา ต้องการให้เขาไปส่งของบำรุงจำนวนหนึ่งไปให้บิดา เขามองใบหน้าที่อ่อนแรงและซีดขาวของนาง ไม่มีความสงสารแม้แต่น้อย มองดูนางอย่างเย็นชาท้ายที่สุดเขายังคงให้คนไปส่งของ ทว่าเด็กรับใช้ส่งไปในนามของเขา รอจนพวกเขารู้เรื่อง เรื่องราวก็ผ่านไปนานแล้ว ความสัมพันธ์ของเสิ่นหรูโจวและตระกูลเสิ่นก็มาถึงจุดเยือกแข็งแล้วเช่นกัน นั่นเป็นครั้งแรกที่นางปวดใจอย่างที่สุด และก็เป็นครั้งแรกที่นางใส่อารมณ์กับเขา ดั่งเช่นในยามนี้เซียวเฉิยเหยี่ยนยันรถม้าไว้
สีหน้าของเซียวเฉินเหยี่ยนไม่น่ามองอยู่บ้าง “หรือเจ้าจะให้ข้ายืนรอเจ้าอยู่ด้านนอก?”“ท่านจะนั่งยองลงก็ได้เช่นกัน” ใบหน้าของเสิ่นหรูโจวไม่มีความรู้สึกแม้แต่น้อย “ข้าขอบอกท่านไว้เลย เวลานี้ไม่ว่าข้าจะมองท่านที่ใดก็ขัดตาไปหมด หากท่านไม่ต้องการสร้างความอับอายให้ตนเอง ก็อย่าได้มายั่วโมโหข้า!”กล่าวจบ นางก็หมุนตัวเดินเข้าประตูไป จากนั้นปิดประตูลงดัง ‘ปัง’เซียวเฉินเหยี่ยนยืนอยู่ที่เดิม เขากำหมัดแน่นมองประตูใหญ่ที่ถูกปิดสนิท เขารู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก ทว่าในใจก็เกิดความรู้สึกถึงความแตกต่างขึ้นมาเช่นกันในอดีต ทั้งดวงตาและหัวใจของเสิ่นหรูโจวล้วนมีแต่เขา ไม่มีทางกีดกันเขาไว้ภายนอกอย่างเด็ดขาด ทว่า ในยามนี้ เขาไม่มีสิทธิ์แม้กระทั่งจะเหยียบเข้าประตูเรือนของนางแล้วอย่างนั้นหรือ?ทว่า ความรู้สึกของคนเปลี่ยนแปลงได้ง่ายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ เหตุใดเขาจึงโชคไม่ดีเช่นนี้ แต่งงานได้เพียงช่วงสั้นๆ สิบกว่าวัน นางก็ไม่หลงเหลือความรักให้เขาแล้วหลังเสิ่นหรูโจวปิดประตูลง ก็เข้าสู่ห้องของตนเมี่ยวตงเดินมาหาพร้อมรอยยิ้ม “คุณหนูกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ ท่านอยากทานสิ่งใด บ่าวจะไปเตรียมให้เจ้าค่ะ” “ไม่ต้องแล้
ชาติก่อนมู่หว่านหรงอาศัยว่าได้รับความโปรดปราน มักแย่งของนางอย่างเปิดเผย ของพระราชทานที่ในวังประทานให้ชายาเอกทุกงานเทศกาลนางก็จะแย่ง ไปช่วยเหลือราษฎรจนสร้างผลงาน นางก็จะแย่งอีก เซียวเฉินเหยี่ยนไม่เคยสนใจแม้แต่น้อย เวลานี้ยิ่งดี แม้แต่ตัวเขาเองก็จะมาแย่งรางวัลของนางด้วย!เซียวเฉินเหยี่ยนถูกคำพูดของเสิ่นหรูโจวซัดไปเป็นชุด ทำให้ภายในใจรู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่บ้างเขาจับข้อมือเสิ่นหรูโจวแน่นไม่ยอมปล่อย ความโมโหในก้นบึ้งของดวงตาปรากฏขึ้นแล้วหายไปอย่างรวดเร็ว แปรเปลี่ยนเป็นความมืดมิด จับจ้องไปที่เสิ่นหรูโจวแล้วกล่าวว่า “หากข้าไม่ชิงลงมือก่อนเจ้าก้าวหนึ่ง เจ้าก็คงจะไปขอให้เสด็จพ่อประทานการหย่าให้แล้ว” “ไม่ผิด!” เสิ่นหรูโจวตอบอย่างไม่ลังเลนี่เป็นเรื่องที่นางเฝ้าปรารถนา รอคอยมาสองชาติ!“เจ้า…" เซียวเฉินเหยี่ยนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ รู้สึกว่าอารมณ์ความรู้สึกอันซับซ้อนนับหมื่นอัดอั้นอยู่ในอก อึดอัดจนหายใจไม่ออก”โดยพื้นฐานแล้ว เขาดูแคลนต่อการแย่งผลงานสตรี ที่ทำเช่นนี้ ประการแรก เป็นเพราะจดหมายฉบับนั้นของมู่หว่านชิง ประการที่สอง…เขาคิดได้ว่า เสิ่นหรูโจวจะใช้คำสัญญานี้มาหย่ากับเขา เขารู้สึกไม่อยากห
ฉินหมิงตะลึงไป ถามอย่างไม่แน่ใจว่า “ท่านอ๋องไม่เป็นอะไร? คำพูดนี้ของนายน้อยหมายความว่าอย่างไร?”ลู่หวายหนิงดึงฉินหมิงเข้ามาใกล้ขึ้นอีกนิด พยายามระงับความตื่นเต้น ลดเสียงเบาลงแล้วกล่าวว่า “ความหมายก็คือบนร่างของอาจารย์ไม่มีผื่นขึ้น อาจารย์อาการภูมิแพ้ไม่กำเริบตอนอยู่กับพี่สาวน่ะสิ” ดวงตาทั้งคู่ของฉินหมิงเบิกกว้าง พูดอย่างตกใจว่า “จริงหรือขอรับ?”ลู่หวายหนิงหัวเราะออกมา “จริงแท้แน่นอน ข้าทำการยืนยันแล้ว” ฉินหมิงรู้สึกไม่อยากเชื่อ “หลายปีมานี้ ไม่ว่าสตรีนางใดสัมผัสท่านอ๋อง ก็ล้วนทำให้ท่านอ๋องเกินอาการแพ้ มีเพียงหญิงที่นายท่านพบในปีที่แล้วนางนั้นที่ไม่เป็นไร” “พูดไปแล้ว ตามหาสตรีนางนั้นไม่เจอเสียที ช่างน่าเสียดายนัก คิดไม่ถึงว่าพระชายาของอ๋องอู่เฉิงก็ไม่ทำให้นายท่านเกิดอาการแพ้เช่นกัน ช่างเป็นเรื่องดีจริงๆ ราวสวรรค์ได้สรรค์สร้างมา” “นั่นสิ!” ลู่หวายหนิงเห็นด้วยอย่างมาก “อาจารย์หาผู้หญิงคนนั้นไม่เจอสักที อย่างนั้นพี่สาวก็เป็นคู่ชะตาที่สวรรค์ลิขิตมาให้อาจารย์แล้ว! ถ้าพวกเขามาอยู่ด้วยกันเร็วหน่อยก็ดี ข้าแทบรอวันนั้นไม่ไหวแล้ว!”ฉินหมิงพยักหน้า จากนั้นก็รีบส่ายหน้าอย่างรุนแรงทันที “
ในขณะที่พูด เขาก็ยื่นศีรษะเข้าไป มองซ้ายมองขวาเป่ยซิวเยี่ยนยื่นมือออกไปผลักหัวของเขาเบาๆ “ไม่ต้องดูแล้ว ไม่มีหรอก” ลู่หวายหนิงตกใจอย่างมาก ดวงตาเบิกจนกลมโตมองไปที่เป่ยซิวเยี่ยนบนใบหน้าเย็นชาดุจน้ำแข็งของเป่ยซิวเยี่ยน ก็มีความประหลาดใจอยู่อย่างเลือนรางเช่นกันลู่หวายหนิงยังคงรู้สึกไม่ยากที่จะเชื่ออยู่บ้าง จึงทำการยืนยันอีกครั้ง “อาจารย์ขอรับ เมื่อครู่พี่สาวสัมผัสถูกท่านแล้วใช่หรือไม่ขอรับ?” เป่ยซิวเยี่ยนเอนกายไปด้านหลัง พิงลงบนพนักเก้าอี้ ดวงตาล้ำลึกดุจบึงน้ำอันเยือกเย็นหรี่ลงเล็กน้อยเรื่องที่เขาเป็นภูมิแพ้ผู้หญิงมีน้อยคนนักที่จะรู้ เมื่อครู่คิดจะหยุดนางเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรง แต่กลับทำให้เรื่องกลับตาลปัตรไปกุมมือของนางเข้าโดยบังเอิญ จนเกิดเป็นผลลัพธ์ที่ไม่ได้ตั้งใจขึ้นมา ด้วยเหตุนี้ เขามั่นใจว่าอีกครู่อาการของตนต้องกำเริบ จึงปล่อยให้นางเปลี่ยนยาให้ตนเสียเลย คิดไม่ถึงว่า จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่มีอาการผิดปกติอะไรอาการคันชาบริเวณเอวคล้ายจะยังไม่จางหายไป ปลายนิ้วที่เย็นเล็กน้อยตกลงบนหน้าท้องของเขาครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับการยั่วเย้า เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ลู่หวายหนิงร้อ
เป่ยซิวเยี่ยนมองดวงหน้าที่งดงามดั่งหยกของนาง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความคาดหวัง หัวใจของเขาก็อ่อนลงอย่างน่าประหลาด “ในเมื่อข้ารับปากเจ้าแล้ว ก็ไม่มีทางผิดคำสัญญา เพราะถึงอย่างไรพวกเราก็ต่างมีผลประโยชน์ร่วมกัน”เสิ่นหรูโจวพลันหัวเราะออกมาแล้ว มองเป่ยซิวเยี่ยนอย่างซาบซึ้ง “ท่านผู้สำเร็จราชการ ท่านเป็นคนดีจริงๆ ข้าจะต้องพยายามสุดความสามารถเพื่อรักษาท่านให้ได้แน่” ไม่ว่าในชาติก่อนเขาจะก่อกบฏ เพราะเหตุใด เหตุใดจึงถูกคนขนานนามว่าเป็นพญามัจจุราชที่มีชีวิต แต่สำหรับนางแล้ว เขาก็คือคนดีคนหนึ่งเป่ยซิวเยี่ยนตะลึงไปเล็กน้อย เมื่อเห็นรอยยิ้มที่แย้มบานราวบุปผาของนาง ริมฝีปากบางก็อดโค้งขึ้นเล็กน้อยไม่ได้เช่นกัน “คำชมของพระชายาช่างแปลกใหม่เหลือเกิน” นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคนพูดว่าเขาเป็นคนดีแปลกใหม่? แปลกใหม่ตรงที่ใดกัน?เสิ่นหรูโจวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ว่าบาดแผลของเขาได้รับการจัดการเรียบร้อยแล้ว นางจึงถือกล่องยาขึ้นมา“ท่านผู้สำเร็จราชการ สองสามวันนี้บาดแผลของท่านกำลังสมานตัว จะคันอย่างมาก เพียงระวังอย่าไปเกาก็จะหายดีแล้ว เช่นนั้นข้าก็ขอตัวก่อนแล้ว” เป่ยซิวเยี่ยนพยักหน้าเบาๆ รอจนเสิ่