ใบหน้าของเสิ่นหรูโจวดูมีความสุข คลี่กระดาษอ่านอย่างระมัดระวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า บนนั้นระบุเวลาไว้อย่างชัดเจน อธิบายไว้ถึงความไม่ลงรอยกันทางอารมณ์ ดังนั้นจึงจะแยกห่างจากกันไปหาความสุขของตน ทั้งสองไม่ข้องเกี่ยวกันอีก ดีมาก นางยิ้มมุมปาก พับหนังสือหย่าอย่างพิถีพิถันและเก็บมันไว้อย่างดี เมื่อถึงจวนอ๋อง รถม้าหยุดลง เซียวเฉินเหยี่ยนเหลือบมองเสิ่นหรูโจวจากใบหน้าด้านข้าง ลงรถม้าด้วยสีหน้าจมดิ่ง จากนั้นเดินตรงกลับห้องหนังสือ เสิ่นหรูโจวไม่สนใจว่าเขาจะมีสีหน้าอย่างไร และกลับมายังเรือนตนโดยมีหนังสือหย่าอยู่ในอ้อมแขนพร้อมกับรอยยิ้ม เมี่ยวตงไม่รู้ว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นในรถม้า เพียงเห็นสีหน้าของเซียวเฉินเหยี่ยนไม่ค่อยสู่ดีนัก อีกทั้งใบหน้าของเสิ่นหรูโจวก็ยิ้มแย้มแจ่มใสซึ่งดูแปลกอยู่บ้าง จึงเอ่ยถาม“พระชายา เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ? ท่านอ๋องรีบร้อนเรียกท่านกลับมาเพียงนี้ เขาจะทำอันใดกันแน่” เสิ่นหรูโจวส่งเสียง “อ่อ” แล้วรินชาหนึ่งถ้วย เอ่ยอย่างใจเย็นเรื่องที่เซียวเฉินเหยี่ยนขอให้นางกรีดเลือดเพื่อช่วยมู่หว่านหรง เมี่ยวตงฟังจบก็ตกใจ ดวงตากลมโตจ้องพลางส่งเสียงด้วยความโกรธ: “ท่านอ๋องทำเกิ
เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ ถงอวิ๋นจึงถอนสายตาจากการมองไปรอบ ๆ ในใจยิ่งรู้สึกหยิ่งผยอง นางเหลือบมองไปด้านข้างของเมี่ยวตง เอ่ยอย่างเหยียดหยาม: “อย่าให้พลาดล่ะ อาการป่วยของพระชายารองของข้าจะหายก็ต่อเมื่อพระชายากรีดเลือด เจ้าเอาเลือดมาให้ข้าเร็วเข้า”เมื่อเห็นนางมีท่าทางน่าหมั่นไส้ ในใจของเมี่ยวตงก็มีแต่ความเกลียดชัง นางระงับความโกรธพลางยื่นชามเลือดให้ถงอวิ๋นรับมันมาอย่างระมัดระวัง ยกขึ้นดูอย่างถ้วนถี่ ยืนยันว่ามันเป็นเลือดมนุษย์ อีกทั้งชามยังใหญ่และมีเลือดเยอะมาก ดังนั้นจึงไม่อาจหาเหตุผลจับผิดได้ในเวลานี้นางมองท่าทางโกรธเกรี้ยวของเมี่ยวตง อดไม่ได้ที่จะแสดงท่าทีเย่อหยิ่งและพูดด้วยน้ำเสียงดูถูก: “เมื่อก่อนพระชายาเคยยโสเพียงนั้น แต่ตอนนี้นางกลับต่อสู้ดิ้นรนไม่ได้เลย”ใบหน้าเล็กของเมี่ยวตงเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความโกรธ นางชี้ถงอวิ๋นด้วยนิ้วอันสั่นเทาแล้วพูดขึ้น “เจ้ากล้าพูดเรื่องเหลวไหลถึงพระชายาได้อย่างไร ในสายตาเจ้าไม่มีที่สูงที่ต่ำเลยหรือ?"ถงอวิ๋นแบมืออย่างหยาบคายพลางเยาะเย้ย: “ที่สูงที่ต่ำอะไรกัน พระชายาแล้วอย่างไร? นี่ไม่ได้ให้เลือดกับพระชายารองของข้าหรือ?"นางมองชามที่เต็มไปด้วยเลือ
เอ่ยเช่นนั้นจบ นางก็โน้มตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเซียวเฉินเหยี่ยน กลับกลายเป็นว่าเซียวเฉินเหยี่ยนกดตัวนาง ช่วยนางดึงเสื้อผ้าขึ้นอย่างเรียบร้อย สองมือวางบนไหล่ของสองข้างนาง และดันตัวนางไปด้านหลังความเขินอายเล็กน้อยบนใบหน้าของมู่หว่านหรงจางหายไป เปลี่ยนกลับเป็นความตกตะลึง "ท่านอ๋อง?"ใบหน้าที่หล่อเหลาของเซียวเฉินเหยี่ยนไม่ได้แยแส ไม่ได้สะทกสะท้านกับอ้อมกอดของมู่หว่านหรงที่ส่งมาเลย“ร่างกายเจ้าเพิ่งดีขึ้น พักผ่อนให้ดีก่อนเถอะ”มู่หว่านหรงกัดริมฝีปาก ลอบบีบนิ้วตนแน่น นางอยู่ข้างกายเซียวเฉินเหยี่ยนมานานปานนี้แล้ว แต่เซียวเฉินเหยี่ยนกลับไม่เคยแตะต้องนางเลยเขาทั้งเก่งทั้งมีคุณธรรม รูปโฉมหล่อเหลาเอาการ มีความรับผิดชอบ อีกทั้งยังเป็นมิตรมาก นางจะไม่เฝ้าคะนึงหาเพียงเขาได้อย่างไร?แม้ว่าจะถูกปฏิเสธ นางก็ยังไม่ยอมแพ้ วางสองมือบนแขนของเซียวเฉินเหยี่ยน น้ำเสียงนุ่มนวลราวกับน้ำพุหนึ่งสาย“ท่านอ๋อง หว่านหรงสบายดี ตอนนี้มียาดีแล้ว หว่านหรงจึงสบายดี รู้สึกสบายตัวขึ้นกว่าแต่ก่อน…”“อย่าเหลวไหล” เสียงของเซียวเฉินเหยี่ยนทุ้มลึกลง ผลักมือของนางออกไป “เจ้าเพิ่งฟื้น จะร่วมหอเลยได้อย่างไร อีกอย่าง อา
ทว่าในเรื่องนี้ เขารู้สึกโกรธอย่างอธิบายไม่ถูกอยู่เล็กน้อยแต่สิ่งสำคัญที่สุดในขณะนี้ไม่ใช่เรื่องเหล่านี้ ได้ยินมาว่าเป่ยซิวเยี่ยนจะกลับเมืองหลวงพรุ่งนี้แล้ว กงฉางจื้อเสียชีวิตไปแล้ว จะไปหาหมอจากที่ไหนมารักษาเขากัน? เรื่องนี้เขาตอบรับมาแล้ว แต่ตอนนี้กลับส่งคนไปไม่ได้ นี่มิใช่เป็นการตบหน้าตัวเองหรอกหรือ ทำให้ผู้สำเร็จราชการขุ่นเคือง ไม่มีเรื่องใดน่าขันไปกว่านี้แล้ว! เมื่อมู่หว่านหรงเห็นท่าทีเป็นกังวลของเซียวเฉินเหยี่ยน ก็ส่งเสียงอ่อนหวานปลอบทันที: "ท่านอ๋อง เหตุการณ์ในอดีตก็ไม่ต้องกล่าวถึงแล้ว ช่วงนี้ในจวนยุ่งวุ่นวายอยู่หลายวัน คงเหนื่อยเป็นแน่ วันนี้พักอยู่กับหว่านหรงเถิด" แม้ว่านางจะไม่สามารถร่วมหอได้ แต่นางก็ยังคงออดอ้อนให้เขาพักแรมได้ แต่เซียวเฉินเหยี่ยนกลับมองนาง ใบหน้าหล่อเหลาของเขาไม่มีอารมณ์ความรู้สึกอื่นใด การแต่งงานกับนางเป็นความรับผิดชอบของเขา นางเป็นผู้ช่วยชีวิตเขา การร่วมหอก็เป็นสิ่งที่ควรทำ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาไม่อาจรวบรวมความสนใจได้เลยแม้แต่น้อย “ข้ายังมีงานต้องทำ คืนนี้จะไม่รั้งอยู่ที่นี่” “ร่างกายเจ้าไม่ดีนัก พักผ่อนก่อนเถอะ มีเวลาข
“ถูกต้อง ถึงเวลานั้นหากเสิ่นหรูโจวรักษาผู้สำเร็จราชการแทนไม่ได้ ข้าว่านางจะมีหัวไม่พอให้ตัดออกด้วยซ้ำ!” มู่หว่านหรงยิ้มมุมปาก แทบรอไม่ไหวที่จะเห็นวันนั้นมาถึง ถงอวิ๋นมองมู่หว่านหรง เอ่ยชมเชยอย่างประจบประแจง “พระชายารองหลักแหลมยิ่งนัก ครั้งนี้เสิ่นหรูโจวจะต้องจบเห่เป็นแน่! ท่านวางใจได้ ข้าจะจัดการเรื่องนี้อย่างแน่นอน!” มู่หว่านหรงส่งเสียง “อืม” ด้วยความพอใจ จากนั้นจึงกวาดตามองไปรอบห้องโดยไม่ตั้งใจ ก่อนจะถามขึ้น “หลิงเฟิงเล่า? ตั้งแต่เมื่อวานก็ไม่เห็นนางเลย” มีความวาววับในดวงตาของถงอวิ๋น “หากพระชายารองมีเรื่องอะไร ก็ให้เป็นหน้าที่ของข้าเถิด ข้าจะจัดการอย่างสุดความสามารถ" “เมื่อวานนี้พี่หลิงเฟิงบอกว่าป่วย บอกว่าถูกโบยจนปวดเมื่อยไปทั้งตัว ทั้งวันก็เอาแต่พักผ่อนอยู่ในห้อง ขี้เกียจเกินกว่าจะขยับตัว บางทีอาจจะอยากพักอีกสองสามวัน” มู่หว่านหรงได้ยินก็ไม่พอใจเล็กน้อย เจ้าเด็กหลิงเฟิงจอมขี้เกียจคนนี้ คงจะเอาประโยชน์จากอาการบาดเจ็บมาใช้ในความขี้เกียจ! ตอนนี้อารมณ์ดีขึ้นมาแล้ว จะไม่ต่อปากต่อคำกับนางในตอนนี้แล้วกัน “ในห้องคลังมียาบำรุงมากมาย วันหลังเจ้าค่อยส่งไปให้นาง
เสิ่นหรูโจวเม้มริมฝีปากเบา ๆคำพูดนี้ไม่ผิด เป่ยซิวเยี่ยนทรงอำนาจในราชสำนัก ไม่ว่าใครที่พูดถึงเขาก็ต่างหวาดหวั่น แม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังทั้งเคารพและหวาดกลัวในตัวเขาเล็กน้อย ไม่กล้ายั่วยุคนเช่นนี้ง่าย ๆ หากเรื่องการรักษาเป่ยซิวเยี่ยนจะทำให้นางเกิดปัญหาจริง ๆ เกรงว่ามันจะยุ่งยากมาก“คุณหนู ท่านมั่นใจหรือว่าสามารถรักษาโรคของผู้สำเร็จราชการแทนได้” ดวงตาของเมี่ยวตงเต็มไปด้วยความกังวล หัวใจก็เต้นแรงเสิ่นหรูโจวส่ายหัว “ข้าไม่เคยเห็นอาการป่วยของเขามาก่อน ข้าไม่มั่นใจ”หัวใจของเมี่ยวตงก็เย็นวาบลงทันใด เมื่อนึกถึงหมอที่ผู้สำเร็จราชการแทนตัดหัว ก็มีเหงื่อเย็นไหลออกมาบนฝ่ามือ เอ่ยอย่างกังวล: “แล้วควรทำอย่างไรดี? ภายนอกมีข่าวลืออยู่ทุกที่เลย เกรงว่าคนจำนวนมากจะรู้ว่าท่านมีทักษะแพทย์แล้ว!”กระจกทองเหลืองสะท้อนใบหน้างดงามราวบุปผาแลจันทราของเสิ่นหรูโจว บนใบหน้าสดใสไม่มีแววหวาดกลัวแต่อย่างใด “อย่ารีบร้อน”นางยิ้มเล็กน้อย “นางกระจายข่าวได้ เราก็สามารถกระจายข่าวได้เช่นกัน เจ้าก็ไปปล่อยข่าวด้วยสิ แค่บอกว่าเพื่อให้เลือดกับมู่หว่านหรง ข้าเสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ ตอนนี้ล้มหมอนนอนเสื่อแล้ว”เมี่ยวตงครุ่น
เสิ่นหรูโจวเดินไปที่โต๊ะ หยิบโสมขึ้นมามอง “ของดีเชียว”เมี่ยวตงรู้สึกว่าท่าทีของท่านอ๋องที่มีต่อคุณหนูดีขึ้นไม่น้อย คุณหนูเองก็นับได้ว่าอดทนถึงที่สุด จนวันหนึ่งความยากลำบากผ่านพ้นไป นางก็มีความสุขจากก้นบึ้งของหัวใจเช่นกัน“ท่านอ๋องส่งยาบำรุงมามากมายเพียงนี้ ดูเหมือนจะยังนึกถึงท่านอยู่”เสิ่นหรูโจวส่งเสียง “หึ” อย่างเย็นชา บนใบหน้างามมีร่องรอยของการเหยียดหยามฉายแววใครอยากให้เขานึกถึงกันเล่า? อย่าเพิ่งรังเกียจนางเป็นพอ!“ข้าจะนำสิ่งเหล่านี้ไปที่ห้องคลังนะเจ้าคะ” เมี่ยวตงยิ้มและจัดเก็บยาทั้งหมดอย่างเรียบร้อยแต่เสิ่นหรูโจวหยุดนางไว้: “ไม่จำเป็น เอาไปขายเถอะ”นางเหยียดนิ้วออกก่อนจะชี้ไป พลางส่งยิ้มด้วยความพึงพอใจ “ของพวกนี้ล้วนมีค่ามาก ต้องขายได้ราคาดีแน่นอน”“อะไรนะ?” เมี่ยวตงตกใจ “ท่านจะขายทั้งหมดนี้เลยหรือ? ยากนักที่ท่านอ๋องจะส่งของให้ท่าน…”แม้ว่าของขวัญชิ้นนี้จะได้รับมาเพราะพระชายารอง แต่ก็ยังถือว่าเป็นของขวัญอยู่ดี คุณหนูจะขายจริงหรือ?!มันเหลือเชื่อมากจริง ๆ !เสิ่นหรูโจวมองสมุนไพรอันล้ำค่า บนใบหน้างามสงบราบเรียบ “มันไม่ได้พิเศษกว่าสิ่งใดเลยนี่ ทำตามที่บอกเถอะ”ของของเซ
“แต่ข่าวลือยิ่งกระจายก็ยิ่งเลวร้ายมากขึ้น พูดกันว่าพระชายาเป็นหมอเทวดาหาตัวจับยาก มิว่าโรคใด ๆ เพียงแค่อยู่ในมือนางก็สามารถรักษาให้หายขาดได้ กระทั่งคนตายก็รักษาให้ฟื้นคืนชีพได้ ข้าน้อยคิดว่าข่าวลือเหล่านี้ค่อนข้างแปลก คล้ายมีคนจงใจกระจายข่าว” สีหน้าของลู่หวายหนิงสับสนเล็กน้อย ทำท่าเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง “ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ กระจายข่าวว่าทักษะแพทย์ของนางมหัศจรรย์ยิ่งนัก เห็นได้ชัดว่ารู้ดีว่าอาจารย์จะกลับเมืองหลวงในเร็ววันนี้ ต้องการให้หมอไปดูอาการป่วย คิดจะผลักพี่สาวคนงามออกไป” เขาเคยอยู่ในจวนอ๋องมาก่อน รู้ดีว่าอ๋องอู่เฉิงปฏิบัติต่อเสิ่นหรูโจวได้ไม่ดีเลย พระชายารองผู้นั้นก็ยิ่งไม่มีไมตรีจิต จึงไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ฉินอวี่ยกมือแตะคาง สีหน้าดูไม่มีความสุข “กงฉางจื้อนั่นตายไปแล้ว หรือว่าจวนอ๋องอยากให้พระชายามารักษาอาการป่วยของนายท่านแทนเขา” เขาชะงักไปเล็กน้อย ขมวดคิ้วเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยอย่างกังวล: “แต่พระชายาได้กรีดเลือดตนให้พระชายารองผู้นั้น ตอนนี้นางร่างกายอ่อนแอมากจนนอนซมอยู่บนเตียงทั้งวัน" “อะไรนะ?!” ลู่หวายหนิงตกใจ ดวงตาใสราวผืนน้ำเบิกกว้างด้วย