บนใบหน้าอ่อนวัยของลู่หวายหนิง แข็งชะงักไปทันที มองเห็นสายฝนที่ด้านนอกตำหนัก หัวใจก็รู้สึกผิดหวังทันที หันหน้ากลับไปมองเป่ยซิวเยี่ยนอย่างตื่นตระหนกเล็กน้อย“ท่านอาจารย์...”จบเห่ เขาประเมินนักพรตผู้นี้ต่ำไปจริง ๆ คิดไม่ถึงว่าจะพอมีความสามารถอยู่บ้าง หากเป็นเช่นนี้ สถานการณ์ของพี่สาวคนสวยก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว!ใบหน้าของเป่ยซิวเยี่ยนเย็นชาฉาบไปด้วยความทุกข์ สีหน้าแววตาอึมครึมยิ่งกว่าท้องฟ้าด้านนอกเสียงฝนดังเป็นระยะ ข้าราชบริพารในวังต่างพากันมองโจวอี๋เจี่ยนด้วยสีหน้าประหลาดใจมู่หว่านหรงข่มรอยยิ้มลงไป สีหน้าตื่นตะลึง“คิดไม่ถึงว่าฝนจะตกจริง ๆ นักพรตหลิงเซียวเก่งกาจอย่างที่คิดไว้ ดูสิ่งที่ท่านพูดมาทั้งหมดคงเป็นเรื่องจริง พระนางกุ้ยเฟยจะคลอดวันนี้ไม่ได้ โชคดีที่มีท่านเตือนสติ ไม่เช่นนั้นเชื่อคำของพระชายา ก็คงจะแย่!”สีหน้าของกุ้ยเฟยเดี๋ยวแดงเดี๋ยวซีด โมโหเสียจนหายใจหอบนางหันมองฮ่องเต้หย่งอัน น้ำเสียงโมโหปนไปด้วยความน้อยใจ “ฝ่าบาท เสิ่นหรูโจวเกือบจะทำร้ายหม่อมฉันกับเลือดเนื้อเชื้อไขของพระองค์แล้วเพคะ!”“สารเลว!” ฮ่องเต้หย่งอันโมโหเป็นอย่างยิ่ง ดวงตามีแสงแห่งความดุร้ายฉายแววออกมา “ต
เป่ยซิวเยี่ยนราวกับไม่อยากจะโต้เถียงอะไรกับนาง เพียงแค่เก็บสายตากลับมาอย่างเรียบเฉย กล่าวกับลู่หวายหนิงที่กำลังโมโหอยู่ข้างกาย“หวายหนิง ต่อหน้าพระพักตร์ของฝ่าบาท ห้ามเสียมารบาท รีบนั่งลง”ถึงแม้ว่าลู่หวายหนิงจะโมโห แต่ยังเชื่อฟังคำของท่านอาจารย์ หลังจากจ้องมองมู่หว่านหรงอย่างดุร้ายแวบหนึ่งก็นั่งลงโจวอี๋เจี่ยนที่นั่งอยู่ด้านข้างไม่พูดจา ดวงตาเรียวเล็กแอบสังเกตสีหน้าของเป่ยซิวเยี่ยนแต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะมองเป่ยซิวเยี่ยนไม่ออก รู้สึกว่าดวงชะตาของเป่ยซิวเยี่ยนยากจะคาดเดา คนผู้นี้เป็นตัวแปรที่สำคัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างแน่นอน เป็นไปได้สูงที่จะมีอิทธิพลต่อนายหญิงและอ๋องอู่เฉิง ถึงขนาดเปลี่ยนแปลงแคว้นนี้ได้ เก็บเขาไว้ เกรงว่าจะเป็นหายนะในอนาคต!ไม่ได้ จะเก็บทั้งเสิ่นหรูโจวและเป่ยซิวเยี่ยนเอาไว้ไม่ได้!แสงแห่งความโหดร้ายปรากฏขึ้นในดวงตาแวบหนึ่ง ดวงตาทั้งสองข้างของโจวอี๋เจี่ยนเบิกกว้าง กล่าวน้ำเสียงดุดัน“ในดวงชะตาของท่านอุปราช ดาวทันหลาง[footnoteRef:1]ตกอยู่ในวังกระต่าย ไม่มีความซื่อสัตย์และยุติธรรม เกรงว่าการวักระทำในวันนี้ท่านอุปราชจะแอบแฝงไปด้วยเจตนาชั่วร้าย สงสัยว่ามีแผนจะทำลายเลือ
ฉินหมิงพยักหน้า “ข้าน้อยรับคำสั่ง”ในเวลานี้ จวนอ๋องอู่เฉิง“ด้านนอกมีคนหรือไม่ เปิดประตูที!” จุดลมปราณของเสิ่นหรูโจวคลายออกแล้ว แต่มือทั้งสองข้างยังคงถูกมัดอยู่ นางนั่งลงนำมือที่ถูกมัดที่อยู่ด้านหลังสลับมาไว้ด้านหน้า ใช้ฟันแกะปมเชือกออกนางยืนอยู่ด้านหน้าประตูที่ปิดสนิท มองด้านนอกจากร่องประตู ตะโกนและทุบประตูต่อไป“ข้าเห็นเจ้าแล้ว เจ้าช่วยเปิดประตูให้ข้าเถอะ ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบาย!”นางมองเห็นองครักษ์ที่อยู่ด้านนอกแล้ว รีบขอร้องเขา แต่คนที่อยู่ด้านนอกกลับเห็นนางเป็นอากาศ ไม่สนใจนางเลยสักนิดเสิ่นหรูโจวร้อนใจจนถีบประตูอีกสองสามครั้ง มองไปรอบ ๆ ด้าน ประตูหน้าต่างทุกบานถูกปิดสนิท มีเพียงแสงเล็กน้อยที่สาดส่องเข้ามาผ่านลวดลายของหน้าต่างนางอยู่ภายในห้องอันคับแคบนี้เพียงลำพัง อดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนกขึ้นมาความรู้สึกที่ถูกขังอยู่ในวังหลวงเมื่อชาติก่อน ราวกับงูพิษเลื้อยอยู่ในหัวใจของนาง ท่ามกลางความเหม่อลอย ราวกับว่านางได้เห็นเซียวเฉินเหยี่ยนค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้ ปิดล้อมนางเอาไว้ที่หัวเตียง จากนั้นป้อนยาช่วยชีวิตให้นางด้วยตนเองเขากักขังนาง ควบคุมนาง ไม่ให้นางตาย นางตกลงสู่เหวลึกครั้งแ
“เสิ่นหรูโจว!” ตอนที่ประตูเปิดออก เขาก้าวเข้าประตูไป อยากจะเห็นร่างของเสิ่นหรูโจวอย่างอดรนทนไม่ไหวแล้วทันใดนั้นด้านหน้าก็มีผงจำนวนมากลอยเข้ามาที่หน้า เขาไม่ได้ป้องกัน จึงสูดดมเข้าไปไม่น้อย จากนั้นก็เห็นใบหน้างามของเสิ่นหรูโจว ก็ปรากฏขึ้นที่ตรงหน้าของเขานางกำลังจะวิ่งออกไปด้านหน้า เซียวเฉินเหยี่ยนจับนางเอาไว้โดยสัญชาติญาณ เขาไม่ได้สนใจที่จะถามว่าเป็นผงอะไร เมื่อเห็นว่าเสิ่นหรูโจวสบายดี หัวใจที่ถูกความหวาดกลัวครอบงำจึงทรุดลงที่เดิม หลังจากนั้นก็รู้สึกเวียนหัว“เจ้าทำเช่นนี้ คิดไม่ถึงว่าจะหลอกลวงข้า? ผงที่สาดมาเมื่อครู่นี้คืออะไร?”เสิ่นหรูโจวเกลียดที่ตนเองไม่ใช่คนที่ฝึกวรยุทธ์ ออกแรงสะบัดมือของเขาออก “ผงพิษ”เซียวเฉินเหยี่ยนหน้าเปลี่ยนสีทันที มองเสิ่นหรูโจวด้วยดวงตาแดงก่ำ น้ำเสียงแฝงไปด้วยความเหลือเชื่อ“เจ้าจงใจล่อลวงให้ข้ามาที่นี่ จากนั้นก็วางยาข้า?”“ไม่ผิด ข้าขอเตือนให้ท่านไปถอนพิษ ไม่อย่างนั้นท่านจะน่าเวทนามาก!” เสิ่นหรูโจวยิ้มเยาะ ใช้เลือดที่อยู่ในกล่องยาผสมกับน้ำ เทที่ด้านนอก องครักษ์ตื่นตระหนกอย่างที่คิดไว้ และเขาก็มาอย่างที่คิดจริง ๆ นางยกเท้าขึ้นกำลังจะก้าวออกไปด้านน
“ท่านอุปราช!” เสิ่นหรูโจวเหลือบตามองไป สีหน้าดีใจมากทันที ความโกรธบนใบหน้ามีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที พยายามออกแรงดิ้นรน “ท่านอุปราช ช่วยข้าหน่อย!”ในที่สุดก็ได้รับการช่วยเหลือแล้ว!เป่ยซิวเยี่ยนมองเห็นฉากนี้ สีหน้าของใบหน้าอันหล่อเหลาเปลี่ยนไปเล็กน้อย สายตาจ้องมองใบหน้าที่ร้อนใจของเสิ่นหรูโจว กลับอึมครึมขึ้นไม่น้อยฉินหมิงสองมือกอดอก ยืนอยู่ด้านหลังของเป่ยซิวเยี่ยนด้วยสีหน้าเย็นยะเยือกเมื่อครู่เขาไม่ได้ที่อยู่ของเสิ่นหรูโจวจากปากของเซียวเฉินเหยี่ยน จึงแอบเฝ้าดูมาตลอด ก็พบว่าเซียวเฉินเหยี่ยนไม่ได้พูดความจริงอย่างที่คิดไว้ เสิ่นหรูโจวอยู่ในจวนอ๋องชัด ๆ ดังนั้นเขาจึงรีบไปรายงานท่านอ๋อง ทันทีที่มาถึงก็เจอเข้ากับฉากนี้เข้าพอดีเซียวเฉินเหยี่ยนจ้องเป่ยซิวเยี่ยนด้วยดวงตาที่อึมครึม แล้วก็ฉินหมิงที่อยู่ด้านหลังของเขา ดวงตาเย็นยะเยือก หญิงสาวในอ้อมกอดพยายามดิ้นรนสุดแรงเกิด เขาขมวดคิ้วแน่นขึ้น แรงที่กอดนางเอาไว้ก็ยิ่งรุนแรงขึ้น“ยินดีต้อนรับท่านอุปราช เหตุใดจึงไม่บอกกล่าวกันล่วงหน้าเสียหน่อย ข้าจะได้ไปต้อนรับเป็นอย่างดี” เซียวเฉินเหยี่ยนยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงที่เย็นยะเยือกแฝงไปด้วยเจต
เสิ่นหรูโจว นางถึงกับโจมตีจุดอ่อนของเขาต่อหน้าคนนอก!นางยังกล้าจากไปพร้อมชายอื่นต่อหน้าเขาโดยไม่แม้จะหันกลับมามอง!ส่วนฉินหมิงได้เหลือบตามองเขาอย่างเฉยเมยคราหนึ่ง เมื่อเห็นเซียวเฉินเหยี่ยนดูไม่สบอารมณ์อย่างยิ่งแต่ไม่มีเจตนาจะไล่ตาม ก็หมุนกายจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใดเช่นกันเซียวเฉิยเหยี่ยนยืนอยู่ที่เดิม สองตาลุกโชนจนแดงก่ำ คิดถึงฝันนั้นขึ้นมาอีกครั้ง ในฝันล้วนเป็นภาพที่เสิ่นหรูโจวค่อยๆ จากเขาไปทีละก้าว ในสมองเกิดความมึนงงขึ้นเป็นระลอก ร่างของเขาโอนเอนอย่างควบคุมไม่อยู่ องครักษ์ที่อยู่ด้านหลังประคองเขาไว้อย่างรวดเร็ว“ท่านอ๋อง ท่านดูไม่สบายอย่างมาก พักก่อนสักครู่ดีหรือไม่ขอรับ?”“ไม่จำเป็น” เซียวเฉินเหยี่ยนหายใจเข้าลึกทีหนึ่ง ฝืนสงบสติอารมณ์ลง หลังยืนตรงขึ้นมาก็สาวเท้าไล่ตามพวกเขาไปในยามที่เขาเร่งฝีเท้าตามมาถึงหน้าประตู รถม้าของเป่ยซิวเยี่ยนก็ได้เคลื่อนออกไปไกลแล้ว เขาจึงอดกัดฟันอย่างแรงไม่ได้สมควรตาย!ครานี้ เรื่องต่างๆ ก็ยากจะอธิบายขึ้นมาจริงๆ แล้ว!……ในรถม้า เสิ่นหรูโจวมองเป่ยซิวเยี่ยนด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความขอบคุณ“ขอบพระคุณท่านผู้สำเร็จราชการแทนมาก หากไม่ใช่เพราะท่านมา
เป่ยซิวเยี่ยนกวาดตามองไปอย่างช้าๆ ในยามดวงตาที่เยียบเย็นราวน้ำค้างแข็งตกลงบนตัวของคนผู้นั้น คนผู้นั้นก็สั่นสะท้านขึ้นมาอย่างหยุดไม่ได้ฮ่องเต้หย่งอันจับตามองการกระทำของเป่ยซิวเยี่ยน แววตาก็หรี่ลงเป่ยซิวเยี่ยนปล่อยองครักษ์ผู้นั้น จากนั้นมองฮ่องเต้หย่งอันด้วยสีหน้าสงบราบเรียบ “ฝ่าบาท มิสู้ลองฟังว่าพระชายาของอ๋องอู่เฉิงจะอธิบายอย่างไร แล้วค่อยตัดสินโทษเถิดพ่ะย่ะค่ะ” กุ้ยเฟยเป็นคนอารมณ์ร้อน. จึงตำหนิออกมาโดยตรงว่า “ยังมีอะไรให้อธิบายอีก ที่นางไม่ยอมมาเสียที มิใช่ว่าหลบหนีความผิดไปอย่างนั้นหรือ!”เสิ่นหรูโจวมองฮ่องเต้หย่งอันและกุ้ยเฟยด้วยดวงตาสงบ จากนั้นคุกเข่าลง“ที่ลูกมาสายนั้น มีความผิดจริงๆ เพคะ แต่ลูกมิได้หลบหนีเพราะกลัวความผิดเพคะ!”ฮ่องเต้หย่งอันแค่นเสียงเย็นคราหนึ่ง “ถ้าเช่นนั้นเหตุใดจึงไม่มาปรากฏตัวเสียที?!”มู่หว่านหรงและโจวอี๋เจี่ยนต่างก็มีรอยยิ้มเยาะหยัน รอชมละครสนุกของเสิ่นหรูโจวภายใต้สายตาไม่ประสงค์ดีแต่ละคู่ บนใบหน้าอันงดงามของเสิ่นหรูโจวเต็มไปด้วยความสงบราบเรียบ กล่าวด้วยความสงบว่า “เดิมลูกเตรียมตัวออกเดินทางเข้าวังแล้ว ทว่าระหว่างทางพบว่าลืมของบางอย่างไว้ จึงได้ย
สีหน้าของนางแสร้งว่ากังวลอย่างมาก ทว่าคำพูดทั้งทางตรงและทางอ้อมล้วนกำลังฟ้องเรื่องของเสิ่นหรูโจวเมื่อเซียวเฉินเหยี่ยนได้ฟัง สีหน้าก็แข็งค้าง เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเหตุใดเสิ่นหรูโจวจึงมาไม่ได้? แต่เขาคงไม่อาจบอกว่า เป็นเขาจงใจทำกระมัง?เสียงอันสงบและทุ้มต่ำของเป่ยซิวเยี่ยนดังขึ้น “ในยามที่ข้าไปถึงจวนอ๋องนั้น พระชายาของอ๋องอู่เฉิงได้นำของที่ลืมมาแล้ว กำลังจะออกจากจวนเร่งมาที่วังหลวง เวลานั้นท่านอ๋องอู่เฉิงก็อยู่ด้วย ใช่หรือไม่อ๋องอู่เฉิง” แววตาของเซียวเฉิยเหยี่ยนเย็นชาขึ้นสามส่วน มองไปยังเป่ยซิวเยี่ยน แต่สุดท้ายยังตอบคล้อยไปตามคำพูดของเขาว่า “ถูกต้อง” มู่หว่านหรงตะลึงไป “ท่านอ๋อง…”เขาช่วยรับประกันให้เสิ่นหรูโจวได้อย่างไร!เสิ่นหรูโจวไม่สนใจความคิดของเซียวเฉินเหยี่ยน รีบกล่าวว่า “เสด็จพ่อ ลูกมิได้หนีความผิด เรื่องที่เกิดนี้มีที่มาจริงๆ เพคะ” “ต่อให้เป็นเยี่ยงนั้น” เสียงของฮ่องเต้หย่งอันสำแดงความน่าเกรงขาม “เรื่องที่เจ้าเกือบทำร้ายกุ้ยเฟยและครรภ์มังกร ก็ไม่อาจปล่อยผ่านไปเช่นนี้ได้!”เสิ่นหรูโจวขมวดคิ้วเหลือบมองโจวอี๋เจี่ยนครั้งหนึ่ง พูดอย่างเย็นชาว่า “เรื่องที่นักพรตหลิงเซีย
เสิ่นหรูโจวกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “เช่นนั้นก็ไม่ผิดแล้ว ในเวลานี้ ความสามารถในการทำงานของตับของพระองค์ได้รับความเสียหายอย่างมากแล้ว” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เซียวจิ่นซีก็คล้ายจะเจ็บยิ่งกว่าเดิมแล้ว เจ็บจนยืดเอวไม่ขึ้นมองเซียวจิ่นซีที่มีสีหน้าเจ็บปวด เซียวเฉินเหยี่ยนก็ขมวดคิ้ว “เช่นนั้นมีวิธีการรักษาหรือไม่?”เสิ่นหรูโจวมิได้รีบกล่าว นางหยิบขวดยาเล็กๆ ขวดหนึ่งออกมาจากถุงผ้า เทยาลงบนในกลางฝ่ามือเม็ดหนึ่งยื่นไปที่เบื้องหน้าเซียวจิ่นซี “ทรงเสวยสิ่งนี้ลงไปก่อน” เซียวจิ่นซีฝืนยืดเอวขึ้น มองเสิ่นหรูโจวด้วยสีหน้าหวาดระแวง “นี่คือสิ่งใด?”“สายพระเนตรขององค์หญิงทรงไม่ดีหรือเพคะ นี่คือยาอย่างไรเล่าเพคะ”เซียวจิ่นซีไม่เชื่อว่าเสิ่นหรูโจวจะปรารถนาดีเช่นนี้ ลังเลอยู่นานไม่ยอมรับไปเสิ่นหรูโจวจึงชักมือกลับมา กล่าวอย่างไม่อนาทรร้อนใจว่า “ไม่เสวยก็ช่างเถอะ ปล่อยให้ทรงปวดตายก็แล้วกัน” เซียวจิ่นซีกัดฟัน คว้าแย่งมาจากนั้นยัดเข้าปากไปเสิ่นหรูโจวโค้งริมฝีปาก หัวเราะอย่างเย้ยหยันทีหนึ่ง จากนั้นจึงพูดวิธีการรักษาออกมา “ตับของพระองค์ยามนี้เสียหายแล้ว หากทรงต้องการมีชีวิตรอด ก็จะต้องตัดตับของพระองค์ออก
เซียวจิ่นซีคิดจะบันดาลโทสะอีกครั้ง ทว่าเซียวเฉินเหยี่ยนขมวดคิ้วมองนาง เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “เสด็จพี่ แทนที่จะทรงตรัสสิ่งใดด้วยโทสะเพื่อความสะใจเพียงชั่วครู่ มิสู้ทรงให้เสิ่นหรูโจวตรวจอาการให้พระองค์อย่างว่าง่ายดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ การรักษาพระวรกายให้หายดีสำคัญที่สุดนะพ่ะย่ะค่ะ"เต๋อเฟยก็เกลี้ยกล่อมเช่นกัน “นั่นสิ จิ่นซี อย่าได้เสียเวลาอีกเลย รีบให้หรูโจวตรวจให้เจ้าเถอะ” สุดท้ายแล้ว เซียวจิ่นซีก็ต้องการรักษาชีวิตตน ไม่ว่าจะเคียดแค้นเสิ่นหรูโจวอย่างไร ยามนี้ก็มิใช่เวลาที่จะมาก่อเรื่อง นางจึงแค่นเสียงเย็นครั้งหนึ่ง แล้วก็ไม่กล่าวสิ่งใดอีกเซียวเฉินเหยี่ยนมองไปยังเสิ่นหรูโจว พูดเสียงเบาว่า “นี่เป็นพระบัญชาของเสด็จพ่อ เจ้าก็อย่าได้เอาแต่ใจ” เดิมเสิ่นหรูโจวก็ไม่คิดจะจากไปจริงๆ เพียงแค่ขู่เซียวจิ่นซีไปอย่างนั้น บัญชาของฮ่องเต้ไม่อาจฝืน นอกจากนี้ นางก็จำเป็นจะต้องสร้างโอกาสให้ตนได้หย่าเช่นกันนางเดินกลับไปอย่างเรื่อยเฉื่อย นั่งลงข้างกายเซียวจิ่นซี “รบกวนองค์หญิงทรงยื่นพระหัตถ์ออกมาด้วยเพคะ” สีหน้าของเซียวจิ่นซีไม่น่ามอง ทว่ายังคงทำตามครั้งก่อนที่เสิ่นหรูโจวตรวจอาการให้เซียวจิ
เมื่อเสิ่นหรูโจวได้ยินคำพูดประโยคสุดท้าย สีหน้าก็ผ่อนคลายลงไม่น้อยดูไปแล้ว จนถึงตอนนี้ยังคงถือได้ว่าราบรื่น ด่านเคราะห์ของท่านพ่ออยู่ที่การศึกครั้งสุดท้าย ไม่รู้ว่าเวลานี้ยาของนางส่งไปถึงหรือยัง หากดูตามเวลาก็น่าจะทันการอยู่ขอเพียงท่านพ่อใช้ยาของนาง ก็จะไม่ทิ้งโรคเรื้อรังไว้ในภายหลังแล้วนับแต่ได้ถือกำเนิดใหม่กลับมา นางยังมิได้พบท่านพ่อเลย นางจะต้องทำให้ท่านพ่อกลับมาอย่างปลอดภัยให้ได้เซียวเฉินเหยี่ยนเห็นว่าเมื่อนางได้ฟังข่าวของบิดาและพี่ชาย อารมณ์ก็คล้ายจะสงบลงไม่น้อย จึงลองกล่าวว่า “ในอนาคต เจ้ายังคงแก้นิสัยของเจ้าหน่อยเถิด” เสิ่นหรูโจวเงยหน้ามองเขา “นิสัยของข้าเป็นอย่างไร?”“ทุกครั้งที่เจ้าพบกับองค์หญิงเจาหยาง ล้วนมีเรื่องกันจนตึงเครียด” เซียวเฉินเหยี่ยนพยายามพูดอย่างละมุนละม่อม หวังว่านางจะรับฟัง “ถึงอย่างไรนางก็เป็นเสด็จพี่หญิงของข้า เมื่ออยู่ต่อหน้านาง เจ้าก็แสดงท่าทีที่ดีสักหน่อย อย่าใช้อารมณ์ไปเสียทุกเรื่อง” เสิ่นหรูโจวหัวเราะอย่างเยาะหยันทีหนึ่ง กล่าวอย่างดูแคลนว่า “ท่านอย่าได้มาบงการข้า” บนใบหน้าของเซียวเฉินเหยี่ยนมีความไม่พอใจวาบผ่าน "หากเจ้ามีสิ่งใดไม่พอใจ อยาก
เริ่มจากชายแดนส่งข่าวด่วนมา บิดาและพี่ชายของเสิ่นหรูโจวจึงนำทัพไปช่วยที่ชายแดน ภาพเหตุการณ์เปลี่ยนไป กลายเป็นฉากที่รายงานการรบถูกส่งมา ท่านแม่ทัพเสิ่นถูกธนูของศัตรูยิงทะลุมือ เนื่องจากขาดแคลนยาและสิ่งของทำให้ไม่มียารักษา ทว่าก็ยังคงรบชนะต่อมา หลังจากแม่ทัพใหญ่เสิ่นกลับมาถึงเมืองหลวงพร้อมชัยชนะ ก็ล้มป่วยจนต้องนอนอยู่บนเตียงตลอด ส่วนที่จวนอ๋อง เสิ่นหรูโจวกับมู่หว่านหรงทะเลาะกันครั้ง เขาจึงลงโทษกักบริเวณให้นางสำนึกตน นางบังเอิญเป็นหวัดพอดี จึงนอนซมลุกไม่ขึ้น ทำให้ไม่รู้เรื่องที่ท่านแม่ทัพใหญ่เสิ่นได้รับบาดเจ็บผ่านไปไม่กี่วันเมื่อนางรู้ข่าว ก็มาขอร้องต่อหน้าเขา ต้องการให้เขาไปส่งของบำรุงจำนวนหนึ่งไปให้บิดา เขามองใบหน้าที่อ่อนแรงและซีดขาวของนาง ไม่มีความสงสารแม้แต่น้อย มองดูนางอย่างเย็นชาท้ายที่สุดเขายังคงให้คนไปส่งของ ทว่าเด็กรับใช้ส่งไปในนามของเขา รอจนพวกเขารู้เรื่อง เรื่องราวก็ผ่านไปนานแล้ว ความสัมพันธ์ของเสิ่นหรูโจวและตระกูลเสิ่นก็มาถึงจุดเยือกแข็งแล้วเช่นกัน นั่นเป็นครั้งแรกที่นางปวดใจอย่างที่สุด และก็เป็นครั้งแรกที่นางใส่อารมณ์กับเขา ดั่งเช่นในยามนี้เซียวเฉิยเหยี่ยนยันรถม้าไว้
สีหน้าของเซียวเฉินเหยี่ยนไม่น่ามองอยู่บ้าง “หรือเจ้าจะให้ข้ายืนรอเจ้าอยู่ด้านนอก?”“ท่านจะนั่งยองลงก็ได้เช่นกัน” ใบหน้าของเสิ่นหรูโจวไม่มีความรู้สึกแม้แต่น้อย “ข้าขอบอกท่านไว้เลย เวลานี้ไม่ว่าข้าจะมองท่านที่ใดก็ขัดตาไปหมด หากท่านไม่ต้องการสร้างความอับอายให้ตนเอง ก็อย่าได้มายั่วโมโหข้า!”กล่าวจบ นางก็หมุนตัวเดินเข้าประตูไป จากนั้นปิดประตูลงดัง ‘ปัง’เซียวเฉินเหยี่ยนยืนอยู่ที่เดิม เขากำหมัดแน่นมองประตูใหญ่ที่ถูกปิดสนิท เขารู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก ทว่าในใจก็เกิดความรู้สึกถึงความแตกต่างขึ้นมาเช่นกันในอดีต ทั้งดวงตาและหัวใจของเสิ่นหรูโจวล้วนมีแต่เขา ไม่มีทางกีดกันเขาไว้ภายนอกอย่างเด็ดขาด ทว่า ในยามนี้ เขาไม่มีสิทธิ์แม้กระทั่งจะเหยียบเข้าประตูเรือนของนางแล้วอย่างนั้นหรือ?ทว่า ความรู้สึกของคนเปลี่ยนแปลงได้ง่ายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ เหตุใดเขาจึงโชคไม่ดีเช่นนี้ แต่งงานได้เพียงช่วงสั้นๆ สิบกว่าวัน นางก็ไม่หลงเหลือความรักให้เขาแล้วหลังเสิ่นหรูโจวปิดประตูลง ก็เข้าสู่ห้องของตนเมี่ยวตงเดินมาหาพร้อมรอยยิ้ม “คุณหนูกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ ท่านอยากทานสิ่งใด บ่าวจะไปเตรียมให้เจ้าค่ะ” “ไม่ต้องแล้
ชาติก่อนมู่หว่านหรงอาศัยว่าได้รับความโปรดปราน มักแย่งของนางอย่างเปิดเผย ของพระราชทานที่ในวังประทานให้ชายาเอกทุกงานเทศกาลนางก็จะแย่ง ไปช่วยเหลือราษฎรจนสร้างผลงาน นางก็จะแย่งอีก เซียวเฉินเหยี่ยนไม่เคยสนใจแม้แต่น้อย เวลานี้ยิ่งดี แม้แต่ตัวเขาเองก็จะมาแย่งรางวัลของนางด้วย!เซียวเฉินเหยี่ยนถูกคำพูดของเสิ่นหรูโจวซัดไปเป็นชุด ทำให้ภายในใจรู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่บ้างเขาจับข้อมือเสิ่นหรูโจวแน่นไม่ยอมปล่อย ความโมโหในก้นบึ้งของดวงตาปรากฏขึ้นแล้วหายไปอย่างรวดเร็ว แปรเปลี่ยนเป็นความมืดมิด จับจ้องไปที่เสิ่นหรูโจวแล้วกล่าวว่า “หากข้าไม่ชิงลงมือก่อนเจ้าก้าวหนึ่ง เจ้าก็คงจะไปขอให้เสด็จพ่อประทานการหย่าให้แล้ว” “ไม่ผิด!” เสิ่นหรูโจวตอบอย่างไม่ลังเลนี่เป็นเรื่องที่นางเฝ้าปรารถนา รอคอยมาสองชาติ!“เจ้า…" เซียวเฉินเหยี่ยนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ รู้สึกว่าอารมณ์ความรู้สึกอันซับซ้อนนับหมื่นอัดอั้นอยู่ในอก อึดอัดจนหายใจไม่ออก”โดยพื้นฐานแล้ว เขาดูแคลนต่อการแย่งผลงานสตรี ที่ทำเช่นนี้ ประการแรก เป็นเพราะจดหมายฉบับนั้นของมู่หว่านชิง ประการที่สอง…เขาคิดได้ว่า เสิ่นหรูโจวจะใช้คำสัญญานี้มาหย่ากับเขา เขารู้สึกไม่อยากห
ฉินหมิงตะลึงไป ถามอย่างไม่แน่ใจว่า “ท่านอ๋องไม่เป็นอะไร? คำพูดนี้ของนายน้อยหมายความว่าอย่างไร?”ลู่หวายหนิงดึงฉินหมิงเข้ามาใกล้ขึ้นอีกนิด พยายามระงับความตื่นเต้น ลดเสียงเบาลงแล้วกล่าวว่า “ความหมายก็คือบนร่างของอาจารย์ไม่มีผื่นขึ้น อาจารย์อาการภูมิแพ้ไม่กำเริบตอนอยู่กับพี่สาวน่ะสิ” ดวงตาทั้งคู่ของฉินหมิงเบิกกว้าง พูดอย่างตกใจว่า “จริงหรือขอรับ?”ลู่หวายหนิงหัวเราะออกมา “จริงแท้แน่นอน ข้าทำการยืนยันแล้ว” ฉินหมิงรู้สึกไม่อยากเชื่อ “หลายปีมานี้ ไม่ว่าสตรีนางใดสัมผัสท่านอ๋อง ก็ล้วนทำให้ท่านอ๋องเกินอาการแพ้ มีเพียงหญิงที่นายท่านพบในปีที่แล้วนางนั้นที่ไม่เป็นไร” “พูดไปแล้ว ตามหาสตรีนางนั้นไม่เจอเสียที ช่างน่าเสียดายนัก คิดไม่ถึงว่าพระชายาของอ๋องอู่เฉิงก็ไม่ทำให้นายท่านเกิดอาการแพ้เช่นกัน ช่างเป็นเรื่องดีจริงๆ ราวสวรรค์ได้สรรค์สร้างมา” “นั่นสิ!” ลู่หวายหนิงเห็นด้วยอย่างมาก “อาจารย์หาผู้หญิงคนนั้นไม่เจอสักที อย่างนั้นพี่สาวก็เป็นคู่ชะตาที่สวรรค์ลิขิตมาให้อาจารย์แล้ว! ถ้าพวกเขามาอยู่ด้วยกันเร็วหน่อยก็ดี ข้าแทบรอวันนั้นไม่ไหวแล้ว!”ฉินหมิงพยักหน้า จากนั้นก็รีบส่ายหน้าอย่างรุนแรงทันที “
ในขณะที่พูด เขาก็ยื่นศีรษะเข้าไป มองซ้ายมองขวาเป่ยซิวเยี่ยนยื่นมือออกไปผลักหัวของเขาเบาๆ “ไม่ต้องดูแล้ว ไม่มีหรอก” ลู่หวายหนิงตกใจอย่างมาก ดวงตาเบิกจนกลมโตมองไปที่เป่ยซิวเยี่ยนบนใบหน้าเย็นชาดุจน้ำแข็งของเป่ยซิวเยี่ยน ก็มีความประหลาดใจอยู่อย่างเลือนรางเช่นกันลู่หวายหนิงยังคงรู้สึกไม่ยากที่จะเชื่ออยู่บ้าง จึงทำการยืนยันอีกครั้ง “อาจารย์ขอรับ เมื่อครู่พี่สาวสัมผัสถูกท่านแล้วใช่หรือไม่ขอรับ?” เป่ยซิวเยี่ยนเอนกายไปด้านหลัง พิงลงบนพนักเก้าอี้ ดวงตาล้ำลึกดุจบึงน้ำอันเยือกเย็นหรี่ลงเล็กน้อยเรื่องที่เขาเป็นภูมิแพ้ผู้หญิงมีน้อยคนนักที่จะรู้ เมื่อครู่คิดจะหยุดนางเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรง แต่กลับทำให้เรื่องกลับตาลปัตรไปกุมมือของนางเข้าโดยบังเอิญ จนเกิดเป็นผลลัพธ์ที่ไม่ได้ตั้งใจขึ้นมา ด้วยเหตุนี้ เขามั่นใจว่าอีกครู่อาการของตนต้องกำเริบ จึงปล่อยให้นางเปลี่ยนยาให้ตนเสียเลย คิดไม่ถึงว่า จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่มีอาการผิดปกติอะไรอาการคันชาบริเวณเอวคล้ายจะยังไม่จางหายไป ปลายนิ้วที่เย็นเล็กน้อยตกลงบนหน้าท้องของเขาครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับการยั่วเย้า เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ลู่หวายหนิงร้อ
เป่ยซิวเยี่ยนมองดวงหน้าที่งดงามดั่งหยกของนาง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความคาดหวัง หัวใจของเขาก็อ่อนลงอย่างน่าประหลาด “ในเมื่อข้ารับปากเจ้าแล้ว ก็ไม่มีทางผิดคำสัญญา เพราะถึงอย่างไรพวกเราก็ต่างมีผลประโยชน์ร่วมกัน”เสิ่นหรูโจวพลันหัวเราะออกมาแล้ว มองเป่ยซิวเยี่ยนอย่างซาบซึ้ง “ท่านผู้สำเร็จราชการ ท่านเป็นคนดีจริงๆ ข้าจะต้องพยายามสุดความสามารถเพื่อรักษาท่านให้ได้แน่” ไม่ว่าในชาติก่อนเขาจะก่อกบฏ เพราะเหตุใด เหตุใดจึงถูกคนขนานนามว่าเป็นพญามัจจุราชที่มีชีวิต แต่สำหรับนางแล้ว เขาก็คือคนดีคนหนึ่งเป่ยซิวเยี่ยนตะลึงไปเล็กน้อย เมื่อเห็นรอยยิ้มที่แย้มบานราวบุปผาของนาง ริมฝีปากบางก็อดโค้งขึ้นเล็กน้อยไม่ได้เช่นกัน “คำชมของพระชายาช่างแปลกใหม่เหลือเกิน” นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคนพูดว่าเขาเป็นคนดีแปลกใหม่? แปลกใหม่ตรงที่ใดกัน?เสิ่นหรูโจวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ว่าบาดแผลของเขาได้รับการจัดการเรียบร้อยแล้ว นางจึงถือกล่องยาขึ้นมา“ท่านผู้สำเร็จราชการ สองสามวันนี้บาดแผลของท่านกำลังสมานตัว จะคันอย่างมาก เพียงระวังอย่าไปเกาก็จะหายดีแล้ว เช่นนั้นข้าก็ขอตัวก่อนแล้ว” เป่ยซิวเยี่ยนพยักหน้าเบาๆ รอจนเสิ่