บทที่6
แม่ทัพหลิวเสวียอี้ สั่งให้รองแม่ทัพแฝงตัวออกไปหาข่าวรอบๆ เหลาอาหาร ทุกครั้งที่คุณหนูจูไป๋เสวี่ยมาขับร้องเพลงที่เหลา มักจะมีขุนนางและพ่อค้าจากต่างเมืองมาฟังนางมากมาย ส่วนตัวเขาจะไปซุ่มดูว่าองค์ชายสามคุยอะไรกับคุณหนูจูบ้าง เผื่อเอาไปใช้ประโยชน์ได้
“ให้ข้าไปซุ่มดูองค์ชายสามเถิด” ไป๋ชู่แกล้งขัด เฮอะให้ข้าไปลอบฟังคนอื่น ส่วนท่านไปลอบฟังองค์ชาย ไม่ได้คิดการอื่นแน่หรอ ไม่ใช่ไปแอบดูหน้าแม่นางจูซะมากกว่า
“ตกลงข้าเหรอเจ้าที่เป็นแม่ทัพ”
“แน่นอนว่าท่าน” รองแม่ทัพไป๋ชู่รีบลุกจากโต๊ะตัวปลิวออกจากห้องรับรองทันที ก่อนทีอย่างอื่นจะปลิวลงหัวเขาแทน
หลิวเสวียอวี้ใช้วรยุทธเร้นกายไปหลบซ่อนข้างๆ น้ำตก ทุกครั้งที่มองใบหน้ากระจ่างใสของแม่นางจู หัวใจของเขาเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรงจนเจ็บต้องยกมือมากดแนบหน้าอกเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพบนาง และที่มายืนตรงนี้เพราะเขากลัวนางจะถูกองค์ชายสามล่วงเกินแม้จะอยู่ในที่โล่งแจ้ง มีบ่าวรับใช้ยืนข้างๆ อีก3คน แต่ชื่อเสียขององค์ชายสามก็มีไม่น้อย หากเกิดอะไรขึ้นเขาจะได้เข้าไปช่วยนางทัน แม้นางจะเป็นวรยุทธเขาก็ไม่ไว้ใจ
“แม่นางจู ข้ายังไม่ได้แนะนำตัวอย่างเป็นทางการ ข้าองค์ชายสามหลงเฮ่าเฉิน”
จูไป๋เสวี่ย รีบลุก หยอบกายคารวะ
“ข้าน้อยจูไป๋เสวี่ย คารวะองค์ชายเพคะ” เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายคือใครรอยยิ้มการค้าบนใบหน้าของนางแทบจะไม่เหลืออยู่
“ข้าไม่อ้อมค้อม ข้าอยากรับเจ้าเข้าจวนข้า”
“ข้าต้องขออภัยองค์ชายเพคะ ข้าน้อยมีคู่หมั้นหมายอยู่แล้ว”
“ทำไมข้าไม่เคยได้ข่าวนี้” เขาอุตส่าห์ดันด้นมาดูความงามของนาง พอพบว่างดงามถูกใจ เขาก็ต้องการพานางกลับไปด้วย ไม่เห็นมีใครบอกว่านางหมั้นหมายแล้ว
คนที่ยืนเร้นกายอยู่หลังน้ำตกก็ตกใจไม่แพ้กัน นางหมั้นหมายกับใคร เมื่อไร ทำไมคนของเขาไม่เคยมารายงาน
“ข้ากับเขาหมั้นหมายกันไว้ตั้งแต่เยาว์วัย มีเพียงคนในครอบครัวเท่านั้นที่ทราบ” นางไม่ได้มีคู่หมั้นแต่อย่างใด แต่ก็ยกขึ้นมาอ้างไปก่อน หากนางไร้คนรักและคู่หมั้น นางเชื่อว่าคนแบบองค์ชายที่มีอำนาจในมือต้องบังคับลากนางกลับเมืองหลวงด้วยแน่นอน นิสัยบิดาเป็นเช่นไร บุตรย่อมไม่แตกต่างกัน นางเชื่อว่าองค์ชายสามคงได้นิสัยฮองเต้หลงมาไม่มากก็น้อย
ที่ผ่านมานางหลบเลี่ยงการถูกคนมีอำนาจและขุนนาง แม้กระทั้งคุณชายทั้งหลายมาได้เพราะบารมีพี่ใหญ่ที่เป็นองค์รักษ์เกราะทอง แต่คงจะใช้ไม่ได้กับคนตรงหน้าตอนนี้
“ข้าไม่เชื่อ ข้าของดูหนังสือหมั้นหมาย” องค์ชายสามไม่ยอมแพ้
“องค์ชายใจเย็นก่อนเพคะ เรื่องหนังสือหมั้นหมาย ไว้ดูวันหลังก็ได้ ตอนนี้ให้ข้าดีดกู่เจิงให้พระองค์ฟังดีกว่า ท่านคงไม่ได้เสีย200 ตำลึงเพื่อมานั่งโต้เถียงกับหญิงที่มีคู่หมั้นใช่หรือไม่” รอยยิ้มนางนั้นอ่อนหวาน แต่แววตากลับแฝงไปด้วยอำนาจ ทำเอาองค์ชายสามยอมถอยแล้วนั่งลงฟังนางบรรเลงกู่เจิง
บทที่ 1เหมันต์ฤดู พัดผ่าน จูฮูหยิน คลอดบุตรคนที่ 5 ก่อนหน้านี้ล้วนเป็นบุตรชายทั้งสิ้น หนนี้นางให้กำเนิดบุตรสาว เด็กน้อยผิวขาวราวกับหิมะแรก แก้มแดงราวผลผิงกั๋ว (แอปเปิ้ล)“ยินดีด้วยเจ้าค่ะจูฮูหยิน ท่านได้ลูกสาว” หมอตำแยผู้ที่ทำคลอดให้ทุกท้องรีบเอ่ยบอกทันทีที่ดึงทารกน้อยออกมาจากครรภ์ นางรู้ดีว่าจูฮูหยินอยากได้บุตรสาว ในที่สุดก็สมใจซักที รีบส่งทารกน้อยให้สาวใช้เช็ดด้วยด้วยน้ำอุ่น ทารกก็เปล่งเสียงร้องจ้าออกมาทันที“อุ้มมาให้ข้า ข้าอยากเห็นนาง” จูฮูหยินเสียงแหบพร่าแทบหมดเรียวแรง ทารกตัวโตเหลือเกิน แม้จะผ่านการคลอดบุตรมาถึงสี่ครั้ง แต่ครั้งนี้หนักหนากว่าที่ผ่านมาความเจ็บหน่วงปวดร้าวบนอกยังมิคลายดีก็หมดสติไป เสียงอึกกระทึกวุ่นวาย เจียวเอินจวิ้นจึงค่อยๆ ลืมตา แสบตาจนตาพร่ามัว จนกระทั่งเริ่มมองเห็นชัดเจน นางกำลังถูกผู้คนแปลกหน้ารายล้อม ‘พวกเจ้าเป็นใคร จะทำอะไรข้า ปล่อยข้าเดียวนี้’นางพยายามดีดดิ้นสุดแรงออกจากงื้อมือ แต่นางมิอาจสู้แรงได้ จึงตะโกนร้องจนสุดเสียง แต่เสียงที่เปล่งออกมาเป็นเพียงเสียงของเด็กทารกเท่านั้นสาวใช้ห่อทารกน้อยด้วยผ้าขาวสะอาดและห่อด้วยผ้าห่มสีแดงผื่นเล็กป้องกันความหนาวอีก
บทที่ 2“เสด็จแม่ ออกมาเถอะพ่ะย่ะค่ะ ลูกมิทำอันตรายท่านหรอก ออกมาเถิด ออกมา” ไท่จื่อลากกระบี่ที่เต็มไปด้วยโลหิตเกี่ยวผ้าม่านออกดูว่ามีคนแอบซ่อนอยู่ด้านหลังหรือไม่ เสียงกรีดร้องของเหล่านางกำนัลดังระงมไปทั้งตำหนักกลางดึกคืนหนึ่งพระจันทร์กลายเป็นสีเลือด องค์รัชทายาทนำทหารบุกเข้าวังหลวง สังหารฮองเต้กลางแท่นบรรทมเจียวเอินจวิ้น นางเป็นฮองเฮาและเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดไท่จื่อ นั่งเอาหน้าซุกตรงหว่างขาตัวสั่นงันงก กลั้นลมหายใจและเสียงสะอื้น เกรงกลัวคนที่ถือกระบี่สังหารจะได้ยินหีบใบโตถูกเปิดออก นัยน์ตาองค์ไท่จื่อวาววับ ในที่สุดก็เจอเป้าหมาย กระชากร่างสตรีสูงศักดิ์ลอยลิ่วออกมากระแทกพื้นด้านนอกอั้ก “ฮื่อ หลงเอ๋อร์ เหตุใดจึงทำเช่นนี้” ร่างบางกระแทกพื้นลงอย่างแรง เจียวเอินจวิ้นทั้งเจ็บทั้งจุกไปทั้งร่างกาย แต่ที่เจ็บยิ่งกว่าคือใจของนาง นางช้อนตาแดงกล่ำเต็มไปด้วยน้ำและความเจ็บปวด มองโอรสเพียงคนเดียวของพระนาง“ยังไงบัลลังก์ก็เป็นของเจ้า เปิ่งกงทำทุกอย่างเพื่อเจ้ามาตลอด”ไท่จื่อยิ้มเยาะ สายตาเต็มไปด้วยความเหี้ยมเกรียม“ข้ารอไม่ไหว เสด็จพ่อยังแข็งแรง ในเมื่อเสด็จแม่สร้างอำนาจมาให้ข้าแล้ว สงเคราะห์ข้าอี
บทที่ 3เหมันต์ฤดู พัดผ่านอีกครา ดรุณีน้อยนั่งเท้าคางที่มุมหน้าต่างมองหิมะแรกยามเช้าตรู่จูไป๋เสวี่ยเข้าสู่วัย 17 หนาว ที่ผ่านมาฝันร้ายตามมาหลอกหลอนไม่เลิกรา,เลิกร้าง เป็นนางเองที่ยังจำฝังใจ ใครเลยจะลืมสายตาเย็นชาจากเลือดในอกตนเองได้ลง ตราบาปที่นางเคยฆ่าชิงพรากพลาญชีวิตผู้อื่น ทำให้นางจำอดีตชาติเลวร้ายที่ตนเองทำเอาไว้ทั้งหมด“คุณหนูเจ้าค่ะ ถูกหิมะจนผมชื้นหมดแล้ว เข้าไปอาบน้ำสระผมแช่น้ำให้ตัวอุ่นเถอะเจ้าค่ะ เดี๋ยวจะไม่สบาย”ไป๋เสวี่ยเอี้ยวตัวมาส่งยิ้มหวานให้สาวใช้ประจำตัว ฮวาเจียวเป็นดั่งคนรู้ใจ เหมือนพี่สาวที่ดูแลนางมาตั้งแต่จำความได้ จูไป๋เสวี่ยมีพี่ชายทั้งหมดสี่คน พี่ใหญ่ อายุ21 เป็นองครักษ์เกราะทอง พี่รองอายุ 20เปิดโรงหมอรักษาคนเจ็บไข้ได้ป่วยอยู่ไม่ไกลจวนสกุลจูเท่าไหร่ ส่วนพี่สามและพี่สี่ช่วยบิดาดูแลโรงเตี๊ยมและเหลาอาหาร อายุ18-19ตามลำดับ เกิดหัวปีท้ายปี เท่านี้ก็บ่งบอกแล้วว่าบิดาของนางรักมารดามากขนาดไหน หากไม่เพราะวันที่คลอดนาง จูฮูหยินตกเลือดจนเกือบเสียชีวิต นางคงมีน้องๆ วิ่งตามหลังอีกเป็นขบวนสกุลจู เป็นเพียงคนค้าขายเปิดโรงเตี๊ยมและเหลาอาหาร อยู่หัวเมืองติดกับแคว้นฉู่ แม้จะห่างไ
บทที่ 4จูไป๋เสวี่ยมาช่วยงานที่โรงหมอ สลับกลับไปช่วยงานที่โรงเตี๊ยม ชีวิตนางมีความสุขมากเหลือเกิน ไม่ต้องคิดแผนการ ไม่ต้องกลัวนางสนมคนไหนจะช่วงชิงความโปรดปรานของฮองเต้ไปจากนาง ไม่ต้องค่อยผลักดันตระกูลเจียวให้ยิ่งใหญ่ ไม่ต้องหาเงินทองมากมายมาเลี้ยงกองทัพให้ไท่จื่อระหว่างที่สาละวนเตรียมห่อยาตามเทียบที่ญาติคนป่วยส่งมาให้นางจัดยาให้อยู่นั้น“ได้ข่าวจากเมืองหลวง ฮองเต้จะคัดนางสนมเข้าวัง”“ที่มีอยู่มากมายยังไม่พออีกหรือ”“พระองค์เพิ่งจะอายุ 40 ปีเอง ปีแรกที่ครองราชย์ก็เกณฑ์คุณหนูตะกูลขุนนางเข้าเป็นสนม สงสัยคราวนี้จะเกณฑ์หญิงสาวตามหัวเมืองต่างๆ” พูดแล้วก็เมี่ยงมองมาทางคุณหนูจูที่กำลังห่อเทียบยาอยู่ หากถูกเกณฑ์เข้าวัง ดูแล้วคุณหนูจูคงมีรายชื่ออยู่ในนั้นเป็นแน่ได้ยินเสียงคุยตรงหน้าทำเอาจูไป๋เสวี่ยกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ ฮองเต้องค์ปัจจุบันไม่ใช่ใครอื่น คือโอรสองค์เดียวของฮองเฮาเจียวเอินจวิ้น อดีตของนางในชาติภพเก่าฮองเต้หลงขึ้นครองราชย์ได้ 20 ปีแล้วหลังจากทำการกบฏ สังหารเชื้อพระวงศ์ในวังหลังทุกคนไม่เหลือแม้แต่ชีวิตเดียว องค์ชายที่อยู่ต่างเมืองหรือเชื้อพระวงศ์ที่ไม่ได้อยู่ในรั้ววังก็ถูกสังหารจน
บทที่ 5zuó yè xiaǒ lóu yóu dōng fēngเมื่อลมบูรพาผัดผ่านอีกครั้งsi shi nián jiā guó sān qiān li di shōu rú shui náng zhōngสี่สิบปีแห่งอาณาจักรบ้านเกิด ดินแดนสามพันลี่ ถูกผู้อื่นยึดครองแล้วnán gē zi li chàng yà shēng duàn le pi pá huà zhēngบทเพลงแห่งแดนใต้ ถูกขับร้องด้วยเสียงแหบแห้ง สายผีผาและกู่เจิงขาดสะบั้นxian shàng xiè hóng wú suô shi cóngสายนั้นอาบไปด้วยโลหิต จนไม่รู้ต้องทำอย่างไรyī yàng wu xiù huàn tàng gōngนักคีตร่ายรำเช่นเดียวกับในวังถังyân kàn tā rú wǒ jiāng shān zuò yōngมองดูเขาเช่นที่ข้าเคยมี นั่งบัลลังก์ปกครองแผ่นดินนี้wǒ què rù fēi péngบัดนี้ข้าเป็นเพียงหญ้าป่าที่ล่อลอยอยู่เสียงดีดกู่เจิงและขับร้องบทเพลงจากคุณหนูจูบุตรสาวของเจ้าของเหลา เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เหลาอาหารขึ้นชื่อผู้คนมากมายต่างรู้จัก หากใครมายื่นเมืองหยิ่งตู่ แล้วไม่มาฟังคุณหนูจูไป๋เสวี่ยขับร้องย่อมมาไม่ถึง นางจะมาเพียงสัปดาห์ล่ะ 1 วันเท่านั้น ทำให้ยิ่งเป็นจุดขายให้เหลาอาหาร ผู้คนนักเดินทางต่างพากันจับจองล่วงหน้านับเดือนเพื่อจะมาฟังนางร้องซักครั้ง“คุณหนู คุณชายของข้าอยากเชิญท่านร่วมโต๊ะอาหาร”“
บทที่6แม่ทัพหลิวเสวียอี้ สั่งให้รองแม่ทัพแฝงตัวออกไปหาข่าวรอบๆ เหลาอาหาร ทุกครั้งที่คุณหนูจูไป๋เสวี่ยมาขับร้องเพลงที่เหลา มักจะมีขุนนางและพ่อค้าจากต่างเมืองมาฟังนางมากมาย ส่วนตัวเขาจะไปซุ่มดูว่าองค์ชายสามคุยอะไรกับคุณหนูจูบ้าง เผื่อเอาไปใช้ประโยชน์ได้“ให้ข้าไปซุ่มดูองค์ชายสามเถิด” ไป๋ชู่แกล้งขัด เฮอะให้ข้าไปลอบฟังคนอื่น ส่วนท่านไปลอบฟังองค์ชาย ไม่ได้คิดการอื่นแน่หรอ ไม่ใช่ไปแอบดูหน้าแม่นางจูซะมากกว่า“ตกลงข้าเหรอเจ้าที่เป็นแม่ทัพ”“แน่นอนว่าท่าน” รองแม่ทัพไป๋ชู่รีบลุกจากโต๊ะตัวปลิวออกจากห้องรับรองทันที ก่อนทีอย่างอื่นจะปลิวลงหัวเขาแทนหลิวเสวียอวี้ใช้วรยุทธเร้นกายไปหลบซ่อนข้างๆ น้ำตก ทุกครั้งที่มองใบหน้ากระจ่างใสของแม่นางจู หัวใจของเขาเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรงจนเจ็บต้องยกมือมากดแนบหน้าอกเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพบนาง และที่มายืนตรงนี้เพราะเขากลัวนางจะถูกองค์ชายสามล่วงเกินแม้จะอยู่ในที่โล่งแจ้ง มีบ่าวรับใช้ยืนข้างๆ อีก3คน แต่ชื่อเสียขององค์ชายสามก็มีไม่น้อย หากเกิดอะไรขึ้นเขาจะได้เข้าไปช่วยนางทัน แม้นางจะเป็นวรยุทธเขาก็ไม่ไว้ใจ“แม่นางจู ข้ายังไม่ได้แนะนำตัวอย่างเป็
บทที่ 5zuó yè xiaǒ lóu yóu dōng fēngเมื่อลมบูรพาผัดผ่านอีกครั้งsi shi nián jiā guó sān qiān li di shōu rú shui náng zhōngสี่สิบปีแห่งอาณาจักรบ้านเกิด ดินแดนสามพันลี่ ถูกผู้อื่นยึดครองแล้วnán gē zi li chàng yà shēng duàn le pi pá huà zhēngบทเพลงแห่งแดนใต้ ถูกขับร้องด้วยเสียงแหบแห้ง สายผีผาและกู่เจิงขาดสะบั้นxian shàng xiè hóng wú suô shi cóngสายนั้นอาบไปด้วยโลหิต จนไม่รู้ต้องทำอย่างไรyī yàng wu xiù huàn tàng gōngนักคีตร่ายรำเช่นเดียวกับในวังถังyân kàn tā rú wǒ jiāng shān zuò yōngมองดูเขาเช่นที่ข้าเคยมี นั่งบัลลังก์ปกครองแผ่นดินนี้wǒ què rù fēi péngบัดนี้ข้าเป็นเพียงหญ้าป่าที่ล่อลอยอยู่เสียงดีดกู่เจิงและขับร้องบทเพลงจากคุณหนูจูบุตรสาวของเจ้าของเหลา เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เหลาอาหารขึ้นชื่อผู้คนมากมายต่างรู้จัก หากใครมายื่นเมืองหยิ่งตู่ แล้วไม่มาฟังคุณหนูจูไป๋เสวี่ยขับร้องย่อมมาไม่ถึง นางจะมาเพียงสัปดาห์ล่ะ 1 วันเท่านั้น ทำให้ยิ่งเป็นจุดขายให้เหลาอาหาร ผู้คนนักเดินทางต่างพากันจับจองล่วงหน้านับเดือนเพื่อจะมาฟังนางร้องซักครั้ง“คุณหนู คุณชายของข้าอยากเชิญท่านร่วมโต๊ะอาหาร”“
บทที่ 4จูไป๋เสวี่ยมาช่วยงานที่โรงหมอ สลับกลับไปช่วยงานที่โรงเตี๊ยม ชีวิตนางมีความสุขมากเหลือเกิน ไม่ต้องคิดแผนการ ไม่ต้องกลัวนางสนมคนไหนจะช่วงชิงความโปรดปรานของฮองเต้ไปจากนาง ไม่ต้องค่อยผลักดันตระกูลเจียวให้ยิ่งใหญ่ ไม่ต้องหาเงินทองมากมายมาเลี้ยงกองทัพให้ไท่จื่อระหว่างที่สาละวนเตรียมห่อยาตามเทียบที่ญาติคนป่วยส่งมาให้นางจัดยาให้อยู่นั้น“ได้ข่าวจากเมืองหลวง ฮองเต้จะคัดนางสนมเข้าวัง”“ที่มีอยู่มากมายยังไม่พออีกหรือ”“พระองค์เพิ่งจะอายุ 40 ปีเอง ปีแรกที่ครองราชย์ก็เกณฑ์คุณหนูตะกูลขุนนางเข้าเป็นสนม สงสัยคราวนี้จะเกณฑ์หญิงสาวตามหัวเมืองต่างๆ” พูดแล้วก็เมี่ยงมองมาทางคุณหนูจูที่กำลังห่อเทียบยาอยู่ หากถูกเกณฑ์เข้าวัง ดูแล้วคุณหนูจูคงมีรายชื่ออยู่ในนั้นเป็นแน่ได้ยินเสียงคุยตรงหน้าทำเอาจูไป๋เสวี่ยกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ ฮองเต้องค์ปัจจุบันไม่ใช่ใครอื่น คือโอรสองค์เดียวของฮองเฮาเจียวเอินจวิ้น อดีตของนางในชาติภพเก่าฮองเต้หลงขึ้นครองราชย์ได้ 20 ปีแล้วหลังจากทำการกบฏ สังหารเชื้อพระวงศ์ในวังหลังทุกคนไม่เหลือแม้แต่ชีวิตเดียว องค์ชายที่อยู่ต่างเมืองหรือเชื้อพระวงศ์ที่ไม่ได้อยู่ในรั้ววังก็ถูกสังหารจน
บทที่ 3เหมันต์ฤดู พัดผ่านอีกครา ดรุณีน้อยนั่งเท้าคางที่มุมหน้าต่างมองหิมะแรกยามเช้าตรู่จูไป๋เสวี่ยเข้าสู่วัย 17 หนาว ที่ผ่านมาฝันร้ายตามมาหลอกหลอนไม่เลิกรา,เลิกร้าง เป็นนางเองที่ยังจำฝังใจ ใครเลยจะลืมสายตาเย็นชาจากเลือดในอกตนเองได้ลง ตราบาปที่นางเคยฆ่าชิงพรากพลาญชีวิตผู้อื่น ทำให้นางจำอดีตชาติเลวร้ายที่ตนเองทำเอาไว้ทั้งหมด“คุณหนูเจ้าค่ะ ถูกหิมะจนผมชื้นหมดแล้ว เข้าไปอาบน้ำสระผมแช่น้ำให้ตัวอุ่นเถอะเจ้าค่ะ เดี๋ยวจะไม่สบาย”ไป๋เสวี่ยเอี้ยวตัวมาส่งยิ้มหวานให้สาวใช้ประจำตัว ฮวาเจียวเป็นดั่งคนรู้ใจ เหมือนพี่สาวที่ดูแลนางมาตั้งแต่จำความได้ จูไป๋เสวี่ยมีพี่ชายทั้งหมดสี่คน พี่ใหญ่ อายุ21 เป็นองครักษ์เกราะทอง พี่รองอายุ 20เปิดโรงหมอรักษาคนเจ็บไข้ได้ป่วยอยู่ไม่ไกลจวนสกุลจูเท่าไหร่ ส่วนพี่สามและพี่สี่ช่วยบิดาดูแลโรงเตี๊ยมและเหลาอาหาร อายุ18-19ตามลำดับ เกิดหัวปีท้ายปี เท่านี้ก็บ่งบอกแล้วว่าบิดาของนางรักมารดามากขนาดไหน หากไม่เพราะวันที่คลอดนาง จูฮูหยินตกเลือดจนเกือบเสียชีวิต นางคงมีน้องๆ วิ่งตามหลังอีกเป็นขบวนสกุลจู เป็นเพียงคนค้าขายเปิดโรงเตี๊ยมและเหลาอาหาร อยู่หัวเมืองติดกับแคว้นฉู่ แม้จะห่างไ
บทที่ 2“เสด็จแม่ ออกมาเถอะพ่ะย่ะค่ะ ลูกมิทำอันตรายท่านหรอก ออกมาเถิด ออกมา” ไท่จื่อลากกระบี่ที่เต็มไปด้วยโลหิตเกี่ยวผ้าม่านออกดูว่ามีคนแอบซ่อนอยู่ด้านหลังหรือไม่ เสียงกรีดร้องของเหล่านางกำนัลดังระงมไปทั้งตำหนักกลางดึกคืนหนึ่งพระจันทร์กลายเป็นสีเลือด องค์รัชทายาทนำทหารบุกเข้าวังหลวง สังหารฮองเต้กลางแท่นบรรทมเจียวเอินจวิ้น นางเป็นฮองเฮาและเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดไท่จื่อ นั่งเอาหน้าซุกตรงหว่างขาตัวสั่นงันงก กลั้นลมหายใจและเสียงสะอื้น เกรงกลัวคนที่ถือกระบี่สังหารจะได้ยินหีบใบโตถูกเปิดออก นัยน์ตาองค์ไท่จื่อวาววับ ในที่สุดก็เจอเป้าหมาย กระชากร่างสตรีสูงศักดิ์ลอยลิ่วออกมากระแทกพื้นด้านนอกอั้ก “ฮื่อ หลงเอ๋อร์ เหตุใดจึงทำเช่นนี้” ร่างบางกระแทกพื้นลงอย่างแรง เจียวเอินจวิ้นทั้งเจ็บทั้งจุกไปทั้งร่างกาย แต่ที่เจ็บยิ่งกว่าคือใจของนาง นางช้อนตาแดงกล่ำเต็มไปด้วยน้ำและความเจ็บปวด มองโอรสเพียงคนเดียวของพระนาง“ยังไงบัลลังก์ก็เป็นของเจ้า เปิ่งกงทำทุกอย่างเพื่อเจ้ามาตลอด”ไท่จื่อยิ้มเยาะ สายตาเต็มไปด้วยความเหี้ยมเกรียม“ข้ารอไม่ไหว เสด็จพ่อยังแข็งแรง ในเมื่อเสด็จแม่สร้างอำนาจมาให้ข้าแล้ว สงเคราะห์ข้าอี
บทที่ 1เหมันต์ฤดู พัดผ่าน จูฮูหยิน คลอดบุตรคนที่ 5 ก่อนหน้านี้ล้วนเป็นบุตรชายทั้งสิ้น หนนี้นางให้กำเนิดบุตรสาว เด็กน้อยผิวขาวราวกับหิมะแรก แก้มแดงราวผลผิงกั๋ว (แอปเปิ้ล)“ยินดีด้วยเจ้าค่ะจูฮูหยิน ท่านได้ลูกสาว” หมอตำแยผู้ที่ทำคลอดให้ทุกท้องรีบเอ่ยบอกทันทีที่ดึงทารกน้อยออกมาจากครรภ์ นางรู้ดีว่าจูฮูหยินอยากได้บุตรสาว ในที่สุดก็สมใจซักที รีบส่งทารกน้อยให้สาวใช้เช็ดด้วยด้วยน้ำอุ่น ทารกก็เปล่งเสียงร้องจ้าออกมาทันที“อุ้มมาให้ข้า ข้าอยากเห็นนาง” จูฮูหยินเสียงแหบพร่าแทบหมดเรียวแรง ทารกตัวโตเหลือเกิน แม้จะผ่านการคลอดบุตรมาถึงสี่ครั้ง แต่ครั้งนี้หนักหนากว่าที่ผ่านมาความเจ็บหน่วงปวดร้าวบนอกยังมิคลายดีก็หมดสติไป เสียงอึกกระทึกวุ่นวาย เจียวเอินจวิ้นจึงค่อยๆ ลืมตา แสบตาจนตาพร่ามัว จนกระทั่งเริ่มมองเห็นชัดเจน นางกำลังถูกผู้คนแปลกหน้ารายล้อม ‘พวกเจ้าเป็นใคร จะทำอะไรข้า ปล่อยข้าเดียวนี้’นางพยายามดีดดิ้นสุดแรงออกจากงื้อมือ แต่นางมิอาจสู้แรงได้ จึงตะโกนร้องจนสุดเสียง แต่เสียงที่เปล่งออกมาเป็นเพียงเสียงของเด็กทารกเท่านั้นสาวใช้ห่อทารกน้อยด้วยผ้าขาวสะอาดและห่อด้วยผ้าห่มสีแดงผื่นเล็กป้องกันความหนาวอีก