บทที่15ข่าวการหมั้นหมายของจูไป๋เสวี่ยเลื่องลือไปทั้งเมืองฝ่ายชายคือคุณชายหลิวหลานชายของเจ้าเมืองหยิ่งตู่หลิวอวี้เสี้ยวได้ข่าวก็ดีใจ ในที่สุดศัตรูหมายเลขหนึ่งนางก็หมั้นหมายเสียที่แม้จะอดเสียดายญาติผู้พี่ไม่ได้ เพราะหลิวเสวี่ยอวี้ทั้งหล่อทั้งคมคาย รูปร่างสูงใหญ่ หากไม่ได้เป็นญาติกันนางคงบอให้บิดาหมั้นหมายนางกับเขาไปแล้ว อีกทั้งเขาก็ไม่ค่อยอยู่เมืองหยิ่งตู่เท่าไหร่ เดินทางทำการค้าตลอด นานๆ จะมาพักที่จวนเวลานำขบวนสินค้าผ่านเท่านั้น ยิ่งเวลานี้มีราชโองการให้คัดสาวงามเข้าวัง นางย่อมได้รับเลือกแน่นอน ส่วนจูไป๋เสวี่ยหมดสิทธิ์เพราะนางหมั้นหมายก่อนจะติดประกาศเพียงไม่กี่ชั่วยาม หลิวอวี้เสวี่ยยิ้มเยาะนี้ล่ะน่ะแข่งอะไรแข่งได้ แต่แข่งบุญวาสนานั้นแข่งกันไม่ได้ จากคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะมีโอกาสเข้าวังมากกว่านาง แต่กลับเป็นนางที่ได้รับเลือก นางเป็นถึงบุตรสาวเจ้าเมืององค์ชายสามก็เพิ่งได้รับข่าวว่าจูไป๋เสวี่ยหมั้นหมายวันนี้ แสดงว่าวันนั้นที่เหลานางหลอกเขา“นางบังอาจหลอกข้า” มือหนาปาแจกันดอกไม้ทิ้ง ไม่เคยถูกหมิ่นเกียรติเท่านี้มาก่อน ทั้งๆ ที่นางยังไม่มีคู่หมายแต่กลับหลอกเขา หากวันนั้นเขาไม่เชื่อแล้วบุกไปที
บทที่16จูฮหยิน เดิมที่นางรู้แค่ว่าตนเองนั้นเป็นเพียงบุตรสาวของอนุของ เจียวเจี้ย ผู้นำตระกูลเจียวในเวลานี้ ตอนแรกเกิดถูกทำนายว่ามีดวงกาลกิณี บิดาจึงให้แม่นมนำมาเลี้ยงดูยังหัวเมืองห่างไกลแทน ไม่เคยพบปะผู้ใดในตระกูลเลยสักครั้งมีเพียงเงินที่ส่งมาให้ นางเหมือนคนไร้ตัวสำหรับคนสกุลเจียว จนในที่สุดก็พบรักกับจูกัดกิ๋น จึงสร้างครอบครัวร่วมกันหลังจากเกิดการก่อนกบฏในเมืองหลวงไม่นาน เจียวเจี้ยบิดาของนางได้เดินทางมาพบถึงหยิ่งตู่ ช่วงเวลานั้นท่านปู่เจียวก้านที่เป็นเสนาบดีดีถูกฮองเต้หลงประหารชีวิต เพราะคัดค้านการนั่งบัลลังก์มังกรของพระองค์ เจียวเจี้ยจึงนำจดหมายของผู้นำตระกูลคนก่อนมามอบให้ใจความข้างในคือ‘ข้าเจียวก้าน เสนาบดีฝ่ายซ้าย บิดาของฮองเฮาเจียวเอินจวิ้น ในตอนที่พระนางเป็นเพียงเฟยกุ้ยหลิน ได้ตั้งครรภ์มังกรความมักใหญ่ใฝ่สูงของข้าทำให้คิดการใหญ่ เตรียมการกับหมอหลวงที่ดูแลพระครรภ์ ตระเตรียมทารกเพศชายเอาไว้หากเฟยกุ้ยหลินคลอดองค์ชายก็เลี้ยงดูให้ขึ้นเป็นรัชทายาท แต่ถ้าหากเป็นองค์หญิงพวกเขาจะนำทารกที่เตรียมไว้สลับเปลี่ยนให้เป็นองค์ชายแทน แต่แล้วทารกในครรภ์เฟยกุ้ยหลินก็ประสูติเป็นองค์หญิง เรื่องนี้แ
บทที่17เพล๊ง!!“ทำไมไม่มีชื่อนาง” ฮองเต้คลี่ดูรายชื่อสาวงามที่ถูกคัดเลือกจากเมืองหยิ่งตู่ แต่ก็ไม่พบชื่อจูไป๋เสวี่ย คนที่เขาหมายมั่นปั้นมือจะให้เข้าวัง“ทูลฝ่าบาท นางหมั้นหมายกับหลานชายของเจ้าเมืองหยิ่งตู่ ก่อนที่จะติดประกาศราชโองการเพียงไม่กี่ชั่วยาม จึงไม่เข้าเงื่อนไข” จางกงกง คุกเข่าลงศีรษะแนบพื้น ล่วงรู้อารมณ์ของฮองเต้ในตอนนี้ดี ไม่เคยมีใครขัดใจพระองค์ได้ แม้จะลดความเหี้ยมโหดและเผด็จการลง แต่คนใกล้ชิดแบบเขารู้ดีว่าพระองค์ไม่เคยเปลี่ยน“ทูลฝ่าบาท ตอนนี้องค์ชายสามก็อยู่ที่เมืองหยิ่งตู่ องค์ชายสามเรียกให้แม่นางจูไปดีดกู่เจิงให้ฟังเป็นการส่วนพระองค์”“ฮึ คิดจะแย่งสตรีกับเจิ้นงั้นหรือ พอรู้ว่าเจิ้นสนใจในตัวนางก็รีบเข้าไปตีสนิทนาง ทำตัวเงียบสงบมานานในที่สุดก็เผยธาตุแท้ออกมา” ฮองเต้ยิ้มเหี้ยม สงสัยโอรสของพระองค์คนนี้จะเก็บเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่าองค์ชายสามเพียงได้ยินข่าวลือถึงความงามและ ชื่อเสียงการขับร้องของนางจึงเกิดความสนใจตามประสาชายหนุ่มเท่านั้น”“เจิ้นก็หวังให้เป็นเช่นนั้น เพราะเจิ้นยังหาใครมาแทนตำแหน่งหวงกุ้ยเฟยไม่ได้ ตามองค์ชายสามกลับเมืองหลวง อ้อ เรียก
บทที่18“ข้าว่าท่านไม่ต้องมาพบข้าบ่อยนักก็ได้ ไม่มีใครคิดว่าข้าถูกคู่หมั้นทิ้งหรอก” เล่นมารับส่งระหว่างจวนไปโรงหมอแบบนี้มาสามวันแล้ว จูไป๋เสวี่ยแอบรู้สึกว่าคุณชายหลิวจะคิดไม่ซื่อกับนางซะแล้ว แววตาผิดแปลกไปจากวันแรกที่เจอกัน จากบึ้งตึงกลายเป็นยิ้มแย้มตลอดเวลาที่อยู่กับนาง ทำเอาอดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้เลย“ข้าแค่อยากทำอะไรร่วมกับคู่หมั้น อีกทั้งมาช่วยงานที่โรงหมอ ก็เป็นการช่วยเหลือคุณชายรองที่เคยดูแลรักษาข้าตอนบาดเจ็บคร่านั้น หากไม่ได้เจ้าสองพี่น้อง ข้าคงพิการเดินไม่ได้ หนักสุดก็คงสิ้นลมในตรอกนั้น”“คุณชายหลิวจะมาพูดความเป็นตายอะไรในโรงหมอ ผู้ป่วยได้ยินจะเสียกำลังใจเอาได้” จูไป๋เสวี่ย คร้านจะไล่กลับ อยากช่วยก็จะให้ช่วยแล้วกัน “พี่ฮวาเจียว เอาผ้าขาวที่ซักแล้วให้คุณชายหลิวช่วยตากที่สิ”ตั้งแต่พิธีหมั้นหมาย หลิวเสวี่ยอวี้ก็ตามติดหายใจรดต้นคอแม่นางจูทุกฝีก้าว เหตุผลคือในที่สุดก็ได้ใกล้ชิดนางโดยที่ไม่มีใครขัดขวางได้ ส่วนอีกเหตุผลคือตัวเขานั้นถูกนักฆ่าลอบสังหารทุกวัน เกรงนางจะเป็นอันตรายจึงมาค่อยดูแลไม่ห่าง แต่ไม่ว่าจะเหตุผลอะไรข้าล้วนได้ประโยชน์ ฝีมือนักฆ่าปลายแถวพวกนั้น หากจะเอาชีวิตเขา เก
บทที่19“พี่ใหญ่ท่านกลับมาได้ยังไง” หลังจากพาฮวาเจียวไปล้างเนื้อล้างตัว ประคบใบหน้าที่บวมช้ำ นั่งปลอบกันอยู่อีกนานกว่าจะหายขวัญผวา จูไปเสวี่ยจึงรีบมาหาพี่ใหญ่จูล่งเดินทางกลับหยิ่งตู่ทันทีที่ได้รับอนุญาตจากฮองเต้ เขาแสร้งว่าจะมากีดกันไม่ให้น้องห้ากับคู่หมั้นแต่งงานและให้ถอนหมั้นกัน ที่จริงแล้วเขาเพียงหาทางออกจากวังโดยที่ฮองเต้ไม่สงสัยต่างหาก“วังหลวงไม่ปลอดภัยสำหรับข้าอีกแล้ว”คนตัวเล็กพยักหน้า วังหลวงไม่เคยปลอดภัยกับใครเลยทั้งนั้น“น้องห้า พี่ไปสำรวจห้องลับตามแผนที่ ห้องนั้นต้องใช้กุญแจในการเข้าไป”“ในแผนที่ก็มีที่ซ่อนกุญแจเขียนอยู่ พี่ใหญ่ไม่พบงั้นเหรอ” นางว่านางเขียนละเอียดอยู่น่ะ“คนที่เขียนที่ซ่อนกุญแจคือเจ้าใช่ไหม ลายมือบนกระดาษนั้น แม้จะพยามแอบซ่อนตัวตน แต่ข้าที่เป็นคนที่จับมือเจ้าหัดคัดลายมือ ย่อมจำการขีดเส้นของเจ้าได้ ข้าจะไม่ถามว่าเจ้ารู้ที่ซ่อนกุญแจได้อย่างไร อย่างไรก็ใจมาก หากเกิดเหตุร้ายในวัง ข้ายังพอมีที่หลบซ่อนตัว”“พี่ใหญ่ ข้าไม่รู้เหตุผลที่ท่านเข้าวัง ทั้งๆ ที่เดิมทีท่านอยากท่องยุทธภพ ไหนจะพี่เฉิงตงที่เดินทางไปๆ มาๆ ระหว่างเมืองหลวงและหัวเมืองต่างๆ สำหรับพ่อค้าอาจดูไม
บทที่20หลิวเสวี่ยอวี้กระโดดขึ้นบนหลังม้า หลังจากได้รับรายงานจากคนที่ให้สุ่มดูความเคลื่อนไหวขององค์ชายสาม“คิดจะฆ่าข้าแล้วฉุดนางกลับเมืองหลวงด้วยอย่างงั้นหรือ เจ้าสองคนพ่อลูกสันดานไม่ต่างกันเลย” ร่างสูงยืนตระหง่านท่ามกลางกลุ่มคนชุดดำ กอดอกมองดูคนที่เขาจับมา กลางป่าเขา ทางระหว่างเมืองหลวงและหยิ่งตู่ ล้วนมีแต่ป่าเขา เขาจะทำการอะไรก็ไม่มีใครล่วงรู้ ร่างหนาหันไปมองหลุมหลายหลุมที่สั่งให้คนของเขาขุดเตรียมเอาไว้“ปล่อยข้า เจ้าไม่รู้เหรอว่าข้าคือใคร” องค์ชายสามถูกจับมือมือมัดเท้ารวมกับองครักษ์ พยายามดีดให้หลุดจากพันธนาการ เขาส่งนักฆ่าไปฆ่าคู่หมั้นของจูไป๋เสวี่ย แต่ทุกครั้งก็ไม่มีรายงานใดๆ กลับมา เงียบหายไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น วันนี้เขาได้รับจดหมายจากจางกงกงเสด็จพ่อสั่งให้กลับเมืองหลวงทันที จึงร้อนใจคิดพานางกลับไปด้วย จ้างโจรภูเขาทั้งกองโจรไปฉุดนางมาและให้ฆ่าคู่หมั้นนางทิ้งซะ แต่ทำไมคนที่มายังจุดนัดพบกลับเป็น หลิวเสวี่ยอวี้คู่หมั้นของนาง“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นใคร ว่าแต่เจ้าไม่สงสัยหน่อยเหรอว่านักฆ่าที่ส่งมาก่อนหน้านี้หายไปไหน หากเจ้าฉุกคิดชักนิดว่ามันแปลกประหลาด คงไม่คิดจะลงมืออย่างวันนี้” แม่ท
บทที่21ยามจื่อ (23.00 – 24.59 น.) หลังจากจัดการธุระสำคัญเสร็จสิ้นก็อาบน้ำล้างคราบคาวเลือดออกจากตัว รีบเดินทางมาพบจูล่งกลางดึก“เหตุใดเจ้าถึงออกจากเมืองหลวงได้ แล้วเฉิงตงล่ะ ทำไมไม่มากับเจ้า สถานการณ์ในเมืองหลวงแย่มากงั้นเหรอ” หลิวเสวี่ยอวี้เริ่มกังวลใจ หรือฮองเต้จะสั่งให้ลั่นกลองรบ“เฉิงตงคงยังต้องอยู่ในเมืองหลวง ข้าอยากให้ท่านพาไป๋เสวี่ยไปอยู่ที่แคว้นฉู่ก่อน เรื่องอื่นยังคงแผนเดิม แต่เรื่องของไป๋เสวี่ยรอช้าไม่ได้ ข้าไม่รู้ว่าฮองเต้คิดการอะไรอยู่ในตอนนี้ จึงจำเป็นต้องหาทางออกจากวังมาก่อน เกรงว่าหากพระองค์รู้แผนของพวกเรา ข้าคงไม่มีทางหลบหนีออกมากได้ ข้าอยากให้เจ้าพานางไปเงียบๆ ไม่ให้ใครล่วงรู้ ส่วนข้าจะอยู่ทางนี้แสร้งทำเป็นว่านางเก็บตัวอยู่ภายในจวน กว่าฮองเต้จะรู้นางกับเจ้าคงไปถึงที่หมายแล้ว” ขอแค่เพียงท่านพ่อท่านแม่และน้องห้าปลอดภัย เขาและน้องๆ จะอยู่รั้งทางนี้เอง“งั้นก็เริ่มแผนการได้เลย” แม่ทัพจึงหันไปสั่งการ เรียกรองแม่ทัพให้มารู้จักกับจู่ล่ง อธิบายแผนการทั้งหมด ตัวเขาเองจะเป็นคนไปส่งไป๋เสวี่ยที่แคว้นฉู่ ด้วยตนเอง จากนี้ไปจะให้จูล่งเป็นผู้ตัดสินใจและดูแลทั้งหมด“รองแม่ทัพของเจ้าไว
บทที่22จูฮูหยินและจูกัดกิ่น รีบมายังเรือนรับรอง บุตรชายคนโตให้บุตรชายคนที่สามมาตามกลางงดึก คงมีเรื่องด่วนมากเป็นแน่ ยิ่งพรุ่งนี้ต้องออกเดินทางไกล“ข้าขอโทษที่ตามพวกท่านมากลางดึก แต่ข้ามีเรื่องสำคัญต้องบอกน้องห้า จึงอยากให้ทุกคนอยู่ด้วย”เมื่อเห็นทุกคนมาพร้อมหาแล้ว ผู้นำตระกูลรุ่นต่อไปจึงเริ่มบทสนทนา“ดูแล้วคงมีเพียงข้าเท่านั้นที่ไม่รู้ ความลับนั้นคืออะไร ทำไมถึงได้ปิดบังข้าคนเดียว” จูไป๋เสวี่ยอดสะท้อนใจไม่ได้ แม้คนสกุลจูจะรักนางมาก แต่การที่ปิดบังเรื่องบางอย่างกับนางเอาไว้คนเดียวแบบนี้ ทำเอาที่จะอดกลัวไม่ได้ว่ามันซ้ำรอยชาติที่แล้ว“เสวี่ยไป๋ แม่ไม่ได้คิดปิดบังเจ้า แต่เรื่องบางเรื่องไม่อาจบอกกล่าวได้ แม่จึงยกการตัดสินใจให้พี่ชายเจ้าทั้งหมด” จูฮูหยินเดินมานั่งเคียงข้างบุตรสาว จับมือนางเอาไว้แน่น การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ยิ่งใหญ่เกิดไปกลัวนางจะรับไม่ไหว“เฮ้อ ที่ข้าไม่บอกเพราะอยากให้เจ้าใช้ชีวิตแบบที่ปรารถนา เจ้ารักชีวิตสงบ แต่ตอนนี้สถานการณ์มันบีบบังคับให้ข้าต้องบอก ท่านแม่คือองค์หญิงองค์สุดท้ายของราชวงศ์จ้าว”“ฮองเต้สังหารเชื้อพระวงค์จนหมดแล้วไม่ใช่เหรอ” ร่างบางขมวดคิ้วนึกย้อนไปถึงความทร
ตอนพิเศษ2“โอ๊ยๆ เบาฮูหยิน เบาๆ เดี๋ยวเนื้อข้าหลุด” แม่ทัพที่คุมทหารนับแสน ถูกภรรยาหยิบเข้าที่สีข้างก็ร้องโอดโอย ราวกับถูกกระบี่ฟันเขาแค่ล้อเล่นไหม ใครจะยกลูกให้คนอื่นยืมได้อย่างไรเล่า ตั้งใจปั้นมาขนาดนี้“เจ้าจะเดินทางไปรับเสด็จจูล่งฮองเต้ที่เมืองหน้าด่านที่ลี่เจียงหรือเปล่า” หลังจากฟัดพุงกลมๆ แก้มนิ่มๆ จนพอใจ ก็ส่ง ทารกน้อยหลิวไป๋อิงคืนให้บิดาของนางหลิวเสวี่ยอวี้รับบุตรสาวมานั่งลงบนตักแกร่ง“ไม่ล่ะ ข้าไม่อยากให้เสวี่ยเอ๋อร์อยู่กับเด็กๆ ตามลำพัง อีกอย่างนางตั้งครรภ์อยู่ เกิดเจ้าสามแสบชนหกล้มไปจะทำอย่างไร ข้าไม่ไว้ใจคนอื่นให้ดูแลแทน”เฉิงตงกลอกตามองบน เหตุผลมันก็พอฟังขึ้นอยู่ แต่ไม่ใช่เพราะความรักฮูหยิน ที่มากจนเกินไปหรืออย่างไร ทำให้เสี่ยวไป๋ท้องไม่เคยว่าง ตั้งแต่เดินทางมาอยู่แคว้นฉู่ จนย่างเข้าปีที่ 5 แล้วไม่เคยได้กลับไปเยี่ยมครอบครัวที่แคว้นเว่ยเลย จนทำให้จูล่งฮองเต้ถึงกับต้องเสด็จมาเยี่ยมพระขนิษฐาด้วยพระองค์เองถึงแคว้นฉู่“ข้าอยู่ได้ สามแสบก็ใช่ไม่รู้ความ ข้าปรามอะไรก็ฟังตลอด มีเพียงตอนอยู่กับท่านพี่เท่านั้น ที่พูดอะไรก็ทำเป็นหูทวนลม” ตลอด 5 ปีที่อยู่แคว้นฉู่ นางไม่เคยได้กลับบ้า
ตอนพิเศษ1เสียงเจี๊ยวจ๊าวดังลั่นไปทั้งสวนดอกไม้ สี่พ่อลูกกำลังวิ่งปลุกปล้ำกันมันมาอย่างสนุกสนาน“ท่านพี่ ถ้าต้นดอกไม้ข้าหัก ข้าจะให้ท่านไปนอนที่เรือนรับรอง” ฮูหยินเล็ก จูไป๋เสวี่ย ตะโกนปรามแม่ทัพและเด็กชายแฝดทั้งสาม ตอนนี้เด็กแฝดทั้งสามอายุได้ 4 หนาวแล้ว ชอบเล็กกันรุนแรงจนบ่าวไพร่ พี่เลี้ยงสู้แรงไม่ไหว นอกจากบิดาเท่านั้นที่รับมือนั้นได้ วันหยุดจึงมักจะมาเล่นกันที่สวนปลดปล่อยพลังกันอย่างอย่างบ้าคลั่งหลิวเสวี่ยอวี้ผินหน้ามามองภรรยาด้วยความรู้สึกผิด แต่จะให้เขาทำยังไง เด็กทั้งสามคนซนเหลือเกิน วิ่งจับคนนั้นคนนี้วิ่งหนี วิ่งจับคนนี้คนนั้นวิ่งหนี พอจับสองคนอีกคนก็กระโดดขี่คอ แฝดสามยังเด็กนักบางครั้งจึงไม่รู้น้ำหนักมือของตนเอง พลั้งมือลงแรงมากเกินไปทำเอาบ่าวไพร่เจ็บตัว จนไม่มีใครกล้าเล่นด้วย มีเพียงเขาคนเดียวที่รับมือไหว“สมน้ำหน้า อยากมีสิบคนใช่ไหม ข้าจะคลอดให้ท่านเลี้ยงให้ครบเลย” จูไป๋เสวี่ยขำเครือ เมื่อเห็น สามีถูกเด็กแสบทั้งสามคนตะลุมบอน“ข้าว่าอีกไม่นานหรอกสวนดอกไม้ของเจ้าต้องเหลือแต่ชื่อ” เฉิงตง สอดมือใต้รักแร้ทารกน้อยวัย 1 ขวบเศษ หลิวไป๋อิง นางช่างน่ารักน่าชังเหลือเกิน จนเฉิงตงอดไม่ไ
บทที่37ขุนนางทั้งหลายจากเดิมไม่คิดที่จะให้บุตรสาวแต่งกับแม่ทัพหลิวเพราะคิดว่าภายใต้หน้ากากเหล็กนั้นคือบุรุษอัปลักษณ์ อีกทั้งองค์หญิงฉู่เฉียวหมายปองอยู่คิดกันแค่เพียงว่าองค์หญิงอยากแต่งเพราะเป็นสหายมาตั้งแต่เยาว์วัยและอำนาจทหารที่สกุลหลิวถืออยู่ จึงไม่มีขุนนางคนไหนมาทาบทามไปเป็นเขย แต่หลังจากงานเลี้ยง พอได้เห็นใบหน้าและความมั่นคงของสกุลหลิวแล้ว ก็อยากให้บุตรสาวแต่งเข้าจวนแม่ทัพ ส่งเทียบเชิญไปงานเลี้ยงมาไม่ได้หยุดหย่อน หรือไม่ก็สั่งให้บุตรสาวไปเดินผ่านให้แม่ทัพเห็นสักครั้ง หากแม่ทัพถูกตาต้องใจก็จะได้แต่งเข้าจวน ยิ่งข่าวลือที่ว่าแม่ทัพรักมั่นต่อองค์หญิงเท่าไร สาวงามในเมืองหลวงยิ่งเพ้อฝันอยากแต่งเข้าจวนแม่ทัพ เพราะอยากได้สามีที่รักมั่นกับตนเองแบบนั้นบ้าง แต่ก็ถูกแม่ทัพพูดจาหักหน้าตรงๆ จนเสียหน้าไปหลายราย“ท่านพี่ไม่คิดที่จะไปตามเทียบเชิญบ้างเลยเหรอ ข้าเห็นวันก่อนเสนาบดีฝ่ายขวาก็ส่งเทียบเชิญให้ท่านไปงานเลี้ยงวันเกิด”“ไม่ล่ะ ข้าขี้เกียจปั้นหน้า เดิมแต่ก่อนตัวข้าก็แทบไม่เคยอยู่เมืองหลวงนาน ไม่ตรวจตราตามหัวเมืองชายแดน ก็ไปแอบดูเจ้าที่เมืองหยิ่งตู่” ริมฝีปากหนาก้มลงจุมพิตหน้าท้องขาวนวลที่ขึ้
บทที่36ขบวนราชบุตรเขยและองค์หญิงแห่งแคว้นเว่ยเดินทางมาถึงเมืองหลวงของแคว้นฉู่ในที่สุด ชาวเมืองออกมายืนขนาบสองข้างถนนจนแน่นขนัด ถนนสองข้างทางประดับประดาไปด้วยกระดาษสีแดงและสีทองขบวนรถขับเคลื่อนไปถึงประตูวังหลวง ฮองเต้แคว้นฉู่ และเหล่าขุนนางเตรียมงานเลี้ยงรอไว้ต้อนรับอย่างดีเป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้เห็นใบหน้าของแม่ทัพหลิวเสวี่ยอวี้ชัดๆ เพราะที่ผ่านมาเห็นแค่ครึ่งหน้าเท่านั้น แต่พอล่ะสายตามายังสตรีที่เดินเคียงข้างมาแม้กระทั่งฮองเต้ยังตกตลึงไม่คิดว่าองค์หญิงจูไป๋เสวี่ยจะงดงามได้ถึงเพียงนี้ด้านองค์หญิงฉู่เฉียวที่แต่งตัวงดงามกว่าวันไหนๆ รีบมายืนประจำตำแหน่งของตนเอง ลอบเยาะยิ้มสตรีผู้นั้นบังอาจลงมือทำร้ายพระองค์แถมข่มขู่ไม่ให้บอกใคร แล้วเป็นอย่างไรสุดท้ายก็ถูกแม่ทัพหลิวทิ้งไปแต่งงานกับองค์หญิงต่างแคว้น อยากจะเห็นใบหน้าองค์หญิงจูไป๋เสวี่ยนัก ว่าจะต่อกรกับสตรีหยาบช้าอย่างฮูหยินเอกของหลิวเสวี่ยอวี้ได้หรือไม่“ถวายบังคมฝ่าบาท” แม่ทัพหลิวพาองค์หญิงแห่งแคว้นเว่ยเข้าเฝ้าหน้าพระพักตร์เมื่อได้ยินเสียงองค์หญิงฉูเฉียวรีบเงยหน้าขึ้นมอง ขนกายลุกชู่ไปทั้งร่าง รอยยิ้มบนใบหน้าค่อยๆ เลื่อนหายไป สีหน้าคล้า
บทที่35“น้องเขยมาๆ ดื่มอีกจอก” คุณชายสี่ จูหรงจียกกาสุรามารินเติมให้น้องเขยไม่ให้ขาดตอน จูหรงจีคือคนที่หวงน้องห้ามากที่สุด เดิมทีคิดว่างานจบจะคุยกับพี่ใหญ่ให้ถอนหมั้นกับยกเลิกงานแต่งซะ แต่เพราะความรักและเสียสละของแม่ทัพหลิวทำให้เขายอมปล่อยมือให้น้องแต่งงานในครั้งนี้ คงไม่มีใครดูแลน้องห้าได้ดีเท่าหลิวเสวี่ยอวี้อีกแล้ว“ดื่มๆ” เฉิงตงช่วยดันจอกสุราเข้าปากราชบุตรเขยอีกแรงราชบุตรเขยเดินโซซัดโซเซ เขาโดนมอมสุรา คงกะให้เข้าหอคืนนี้ไม่ไหว พี่ชายทั้งสี่ของฮูหยินเล่นงานเขาแล้ว สหายสุดที่รักก็ร่วมมือด้วย ทั้งๆ ที่เฉิงตงเป็นคนที่รู้ดีที่สุดว่าเขาคาดหวังกับคืนนี้มากแค่ไหน มันน่าตัดเพื่อนทิ้งจริงๆ ได้แต่คิดในใจ ยกจอกเหล้าขึ้นดื่มอย่างเสียไม่ได้ ทั้งพี่ชายจูไป๋เสวี่ยและสหายคงไม่ปล่อยให้เข้าหอง่ายๆ แน่คืนนี้“ถึงฤกษ์เข้าหอแล้ว พอเถอะท่านแม่ทัพยืนแทบจะไม่ไหวแล้ว” รองแม่ทัพไป๋ชูได้รับสัญญาณมือจากแม่ทัพหลิวก็รีบเข้ามาประคอง เดินประคองร่างคนเมาแทบจะหิ้วปีกไปส่งถึงประตูห้องหอที่เจ้าสาวรออยู่เมื่อประตูห้องหอปิดลง คนที่ต้องให้รองแม่ทัพหิ้วปีกมาเมื่อสักครู่ ก็เดินตัวตรงอย่างมั่นคงไปยังเตียงที่เจ้าสาวนั่งรอ
บทที่34หลิวเสวี่ยอวี้อาการดีวันดีคืนด้วยการดูแลอย่างใกล้ชิดของฮูหยิน จูไป๋เสวี่ยตัดสินใจรับตำแหน่งจากพี่ชาย ในฐานะพระขนิษฐาของฮองเต้อีกทั้งยังเป็นฮูหยินของแม่ทัพแห่งแคว้นฉู่ จะช่วยเสริมสร้างฐานอำนาจจูล่งฮองเต้ได้อย่างมาก ใครจะกล้านางได้รู้ความจริงอันเจ็บปวดอีกอย่างจากเจียวเจี้ย ตอนที่เจียวก้านยังมีชีวิตอยู่เคยคิดพลักดันน้องสาวต่างมารดาของฮองเฮาเจียวเอินจวิ้นเข้าวัง ฮองเต้หลงในตอนนั้นยังดำรงตำแหน่งเป็น ไท่จื่อ รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีเพราะเจียวก้านมาขอให้ช่วยไปพูดกับฮองเฮาให้ นั้นคงเป็นสาเหตุที่ทำให้ไทจื่อไม่อาจรอได้อีกต่อไป เพราะหากมีองค์ชายจากตระกูลฮองเฮาเพิ่มขึ้น ตำแหน่งของตนย่อมสั่นคลอนวันนี้เป็นวันที่หลิวเสวี่ยอวี้รอคอย พออาการเริ่มดีขึ้นเขาก็เขียนจดหมายให้บิดามารดาเดินทางมายังวังหลวงแคว้นเว่ย เพราะต้องการจัดพิธีแต่งงานกับพระขนิษฐาของจูล่งฮองเต้ ไม่อยากรอหายแล้วกลับไปแต่งที่แคว้นฉู่แล้ว อยากเข้าหอกับนางสักทีราชบุตรเขยในชุดสีแดง ยืนชะเง้อคอยาวรอเกี้ยวเจ้าสาวที่ตำหนักรับรอง งานแต่งงานครั้งนี้จัดขึ้นในวังหลวง บิดามารดาของเขาขนสินสอดทองหมั้นมาจากแคว้นฉู่ถึง 100 เกวียน บอกแล้วงานแต่
บทที่33ร่างบางเฝ้าคนที่นอนสลบไสลอยู่บนเตียงไม่ห่าง ค่อยป้อนยา เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ตลอด ผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้ว บาดแผลเริ่มดีขึ้นมากแล้ว แต่แม่ทัพหลิวก็ยังไม่ฟื้น พี่ใหญ่หรือจูล่งฮองเต้ส่งราชทูตและสารกระชับไมตรีไปยังแคว้นฉู่ คนที่ถือสารไปไม่ใช่คนอื่นไกล เฉิงตงนั้นเอง เฉิงตงเดินทางกลับแคว้นพร้อมขบวนทหารที่รอดชีวิต จูล่งฮองเต้ตกรางวัลให้ทุกคนแม้กระทั่งครอบครัวของผู้เสียชีวิตก็ได้รับรางวัล อีกทั้งยังฝากจดหมายแจ้งข่าวการบาดเจ็บของแม่ทัพไปยังสกุลหลิวด้วย รับปากจะดูแลรักษาหลิวเสวี่ยอวี้อย่างดีที่สุด“ข้ากับท่านยังได้เข้าหอกันเลย ตอนนี้ทุกคนรู้กันหมดแล้วว่าข้าคือองค์หญิง หากท่านไม่ฟื้น ข้าจะแต่งงานใหม่คอยดู” น้ำเสียงสั่นเครือต่อว่าคนที่หลับไหลไม่จริงจังนัก มือยังกุมมือหนาเอาไว้ตลอด แม้ยามหลับนางก็นอนเตียงเดียวกัน ยามตื่นก็ดูแลไม่ห่างราวกับปาฏิหาริย์แรงบีบโต้ตอบเบาๆ ของคนที่นอนอยู่ ทำเอาร่างบางสะดุ้งจนตาโตจูไป๋เสวี่ยผละออก วิ่งออกจากห้องบรรทมของฮองเต้ไปตามคุณชายรองมาดูอาการทันที“เจ้าแน่ใจน่ะว่าแม่ทัพหลิวฟื้นแล้ว” จูเหวินจาง รีบวิ่งมาจนชายเสื้อปลิว แต่คนที่อยู่บนเตียงก็ยังนอนไม่ไหวติ่ง“ข้าแน
บทที่32จูล่งสถาปนาตนเองขึ้นเป็นจูล่งฮองเต้ โดยใช้ยังคงใช้พระนามเดิมที่บิดามารดาตั้งให้ ขึ้นนั่งบัลลังก์มังกรโดยที่ขุนนางไม่มีใครคิดที่จะจะขัดขวาง วังหลังก็ถูกกวาดล้าง จูล่งฮองเต้สั่งให้ถอดถอนสนมทุกนางให้กลับบ้านเก่าพร้อมจ่ายเบี้ยรายปีให้เป็นครั้งสุดท้าย ส่วนองค์หญิงองค์ชายทุกคนถูกถอดถอนบรรดาศักดิ์พร้อมเบี้ยรายปีครั้งสุดท้ายเช่นเดียวกัน ทุกคนโชคดีที่จำนวนเหล่าองค์หญิงองค์ชายมีจำนวนไม่มาก เพราะฮองเต้หลงมีรับสั่งให้สนมตั้งแต่ขั้นผินลงไปดื่มยาห้ามครรภ์ทุกครั้งที่ทำการรับใช้พระองค์ ทรงไม่โปรดให้สนมชั้นต่ำตั้งครรภ์มังกรจูไป๋เสวี่ยขี่ม้าตามหลังคุณชายสี่และรองแม่ทัพไป๋ชู่จากเมืองลี่เจียงกลับเมืองหลวงแคว้นเว่ยทันทีหลังจากพี่สี่รีบควบม้ากลับมาส่งข่าวด่วน การยึดบัลลังก์คืนจากฮองเต้หลงสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี พี่ๆ ทั้งสี่คนได้แผลกันคนละเล็กละน้อยเท่านั้น แต่แม่ทัพหลิวเสวี่ยอวี้ บาดเจ็บสาหัสเป็นตายเท่ากัน หลังจากที่คุณชายรองดึงกระบี่ออกจากอก จนวันนี้ก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมาจูกูกัดกิ่นและจูฮูหยินตัดสินใจขอเดินทางแยกกับบุตรชายและบุตรสาวเพราะทั้งสองเดินทางด้วยรถม้าต้องใช้เวลา จูไปเสวี่ยขี่ม้าไปคงเดินทางถึงไ
บทที่31แม้จะต้องสังหารคนที่เคยยืนเคียงบ่าเคียงไหล่มาก่อน จูล่งก็ไม่ลังเล เขารู้ฝีมือองครักษ์ของฮองเต้ทุกคนเป็นอย่างดี แต่องครักษ์ทุกคนก็รู้ฝีมือเขาเช่นกันเมื่อถูกลุมล้อม จูล่งจึงพลาดพรั้ง ถูกปลายกระบี่จองฮองเต้แทงเข้าที่หัวไหล่ขวา ฮองเต้หลงหมายจะซ้ำอีกดาบสังหารกบฏแท่ทัพหลิวเห็นจูล่งพลาดพลั้ง จึงกระโดดเอาตัวเข้าบังจูล่งเอาไว้ แทงกระบี่สวนออกไปยังทิศทางที่ฮองเต้แทงหมายจะสังหารจูล่งกระบี่ทั้งสองเล่นจึงปักที่อกข้างซ้ายของทั้งสองฝ่ายพอดี ทั้งคู่ตึงทรุดลงไปนั่งกับพื้น“อย่าอาฆาตแค้นกันเลย คิดซะว่ามันคือเวรกรรมที่พระองค์สังหารคนที่เลี้ยงดูพระองค์” จูล่งตวัดปลายกระบี่ตัดศีรษะของฮองเต้หลงหลุดจากบ่าในกระบี่เดียวรีบไปประคองแม่ทัพหลิวเพื่อดูอาการและให้คนไปตามน้องรองมาดูอาการแม่ทัพทันทีส่วนองครักษ์ที่ยังเหลือรอดชีวิตอยู่ เมื่อเห็นฮองเต้สิ้นพระชนม์จึงวางดาบยอมจำนวน ไม่มีประโยชน์ที่จะสู้ต่อไปอีกแล้วคุณชายรองจูเหวินจางรีบฝ่าเข้ามาดูอาการแม่ทัพหลิวในทันที“แม่ทัพเอาตัวบังให้ข้า ไม่งั้นคนที่นอนอยู่ตรงนั้นอาจเป็นข้าเอง” จูล่งกล่าวบอกน้องชายเสียงเบา เขาเป็นหนี้ชีวิตแม่ทัพหลิวแล้ว หากไม่ได้แม่ทัพ คง