บทที่8หลิวเสวียอวี้ ลูบไล้ผ้าเช็ดหน้าสีน้ำเงิน มุมผ้ามีลายปักรูปดอกโบตั๋นสีขาวขุ่น เดิมมันเคยขาวสะอาดมาก่อน แต่เป็นเพราะเขาเองที่พกติดตัวเสมอ ไม่ว่าจะออกศึกที่ใดเขาจะนำมันมาผูกไว้ที่ข้อมือ รู้สึกเหมือนได้รับกำลังใจจากนางเสมอ7 ปีที่แล้วหน้าเหลาอาหารของสกุลจู มีขอทานขาพิการ นั่งอยู่หน้าเหลา เนื้อตัวสกปรกกลิ่นเน่าเหม็นโซยมาจากขาข้างที่พิการคละคลุ้ง ทำให้ผู้คนที่เดินทางมากินอาหารมองด้วยสายตารังเกียจ บางคนใช้เท้าเขี่ยให้พ้นทางบางคนถ่มน้ำลายใส่ บางคนด่าทอ จนเสี่ยวเอ้อทนไม่ไหวเดินออกมาเอาน้ำสาดไล่จนเปียกปอนไปทั้งตัวหลิวเสวียอวี้สะดุ้งสุดตัว ทนความเปียกและเหม็นจากน้ำเช็ดพื้นไม่ไหว จึงค่อยๆ คลานไปยังตรอกข้างๆ เหลา เขาไม่ได้ขาพิการ แต่พลาดท่าให้ศัตรูจนบาดเจ็บรุนแรงที่ขา ขยับขาข้างนั้นไม่ได้ เขาเพิ่งเข้ามารับราชเป็นทหาร ตระกูลเขาเป็นนักรบมาทุกสมัย เขาได้ความไว้ใจจากบิดาที่เป็นแม่ทัพ รับคำสั่งให้มาสืบข่าวที่แคว้นเว่ย เขาและกองกำลังลับบุกแฝงตัวเข้าไปถึงในเมืองหลวง ไม่คิดว่า บิดาของเขาที่คิดว่าฮองเต้หลงน่าจะเสียสติถึงได้ก่อนกบฏสังหารทุกชีวิตในวัง หลังจากสถานการณ์ในแคว้นเว่ยสงบเขาและกองกำลังจึง
บทที่9“รูปเหมือนของนาง พ่ะย่ะค่ะ”จางกงกงนำม้วนห่อผ้าวางลงหน้าพระพักตร์ฮองเต้หลงยกยิ้ม ในที่สุดของที่เขารอก็มาถึงเสียที เขาให้นักวาดภาพเหมือนในวังเดินทางไปถึงหยิ่งตู่เพื่อวาดภาพนางกลับมา พระองค์เดินไปยังมุมห้องทรงอักษร คลี่ม้วนภาพวาดกางออกแล้วแขวนไว้ข้างๆ ภาพเหมือนของฮองเฮาเจียวเอินจวิ้น พระมารดาที่ล่วงลับไปแล้วกริ๊ก! เสียงกระบี่ตกกระทบพื้นพระองค์หันไปมองตามเสียงเพียงเล็กน้อย พอเห็นว่าเป็นใครทำเสียงรบกวนก็ยกยิ้ม แล้วโบกพระหัตถ์ให้องค์รักษ์ทั้งหมดออกไป เหลือไว้เพียงจางกงกงเท่านั้น“เสด็จแม่ นางงดงามมากใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ”ปีก่อนเขาลอบออกจากวังเพราะมีข่าวเรื่องกองกำลังจากแคว้นฉู่จึงเดินทางไปด้วยตนเองแบบลับๆ มีเพียงองค์รักษ์ติดตามไป2คนเท่านั้น และที่นั่นเขาได้พบกับนาง สาวงามที่ทำให้หัวใจเขาเต้น แม้จะเคยพบพาหญิงสาวงดงามมากมายแต่สำหรับเขานั้นความงามของสตรีไม่ต่างอะไรจากดอกไม้ให้เด็ดดม ต่อให้กลิ่นหอมเย้ายวนใจมากแค่ไหนไม่ช้าก็เบื่อแล้วก็ทิ้งให้เหี่ยวเฉาร่วงโรยบนแจกัน แต่นางเป็นหญิงงามคนแรกที่ทำให้เขาใจเต้นได้ อาจเพราะใบหน้านั้นคล้ายเสด็จแม่ถึงเก้าส่วน กริยาการวาดนิ้วดีดกู่เจิงไม่ผิดเพี้ยน ทว
บทที่10ยามโฉ่ว (01.00 – 02.59 น.) จูล่งออกกะเวรยาม เดินกลับที่พัก ระหว่างยืนอารักษ์ขาเขาไม่มีแม้สมาธิจดจ่อกับสิ่งรอบกายใดๆ ทั้งสิ้น ในหัวคิดหาแผนการเพื่อวางแผนให้น้องสาวหลุดจากเงื้อมมือฮองเต้ ไม่ว่าทางใดก็มองไม่เห็นจริงๆ เขาอยู่ใกล้ชิดฮองเต้ขนาดนี้ยังไม่รู้ว่าพระองค์สนพระทัยที่ตัวน้องห้าได้อย่างไร จึงตัดสินใจไม่นอนพักเร่งเขียนจดหมายให้ม้าเร็วไปส่งให้ถึงมือสหายให้ช่วยเหลือเป็นการด่วนในเวลานั้นที่หยิ่งตู่ก็มีเหตุการณ์คล้ายๆ กันเกิดขึ้น หลิวเสวียอวี้เรียกสายลับที่แฝงตัวในเมืองหยิ่งตู่ออกมาพบ“ทำไมเจ้าไม่รายงานข้าว่านางหมั้นหมายแล้ว” จอกเหล้าปลิวลอยมากระทบหน้าต่างทันทีที่มีสายเงาร่างหนึ่งปรากฎเฉิงตงเกือบหลบไม่พ้นไม่คาดคิดว่าจะถูกโจมตีในระยะประชิด โชคดีที่เขาเปิดประสาทการรับรู้ตลอดเวลา ไม่งั้นได้มีหัวแตก ปาจอกมาด้วยพลังยุทธขนาดนั้น โดนจังๆ หนังหนาแค่ไหนก็ไม่รอด“หากข้าบาดเจ็บใครจะหาข่าวให้เจ้า” เฉิงตงทรุดกายลงนั่งเก้าอี้ตรงกันข้ามกับสหายอย่างแรงกึ่งประชดประชัน เขาแฝงตัวเป็นพ่อค้าอยู่ในเมืองหยิ่งตู่มา 5ปี นำสินค้าจากหยิ่งตู่เข้าไปขายในเมืองหลวง คอยนำข่าวจากเมืองหลวงออกมาด้านนอก และมีภารก
บทที่11ร่างบางซัดฝ่ามือใส่คนที่โอบกอดนางทันที แม้รู้ว่าเขาป้องปัดอาวุธร้ายให้ แต่บุรุษสตรีไม่ความถูกเนื้อต้องตัวกันแม้นางจะเก่งด้านวิชาตัวเบา แต่พลังยุทธนางไม่ได้เก่งกาจอะไร เรียกว่าไม่มีพรสวรรค์ทางด้านนี้เลยต่างจากพี่ใหญ่“ปล่อยข้า” แม้จะซักฝ่ามือไปสุดแรงแต่ร่างหนาที่โอบกอดไม่ยอมปล่อยมือจากเอวของนาง“เสี่ยวไป๋ เจ้ามาทำอะไรที่นี่” เฉิงตงตกใจไม่น้อยที่เห็นผู้บุกรุกคือน้องสาวข้างบ้าน แถมเมื่อกี้เขาซัดอาวุธลับใส่นาง อาวุธนั้นอาบยาพิษ หากแม่ทัพไม่พุ่งเข้าไปช่วยนางคงเจ็บสาหัส ว่าแต่สหายเขารู้ได้อย่างไรว่าคือนาง ขนาดตัวเองเขาเองยังไม่รู้ว่าคือผู้ใด“พี่เฉิงตง บอกให้สหายท่านปล่อยข้าก่อน” ไป๋เสวี่ยพยามยามรั้งตัวเองออกจากอ้อมกอดคนตัวโต ไม่ว่าจะพลักแรงแค่ไหน ขุนเขาตรงหน้าก็ไม่ไหวติ่งเรื่องอะไรจะปล่อยง่าย นี่เป็นครั้งแรกที่ได้กอดนางหลังจากเฝ้าดูห่างๆ มาถึง 7 ปี ตอนนี้ได้อยู่ใกล้ๆ ห่างกันแค่เพียงฝ่ามือกั้นหลิวเสวี่ยอวี้ แสร้งทำหน้าตายไม่รับรู้สายตากดดันจากจูไป๋เสวี่ย“เจ้าปล่อยนางก่อนเถอะ”“ไม่ได้หรอก เมื่อกี้ข้ากับเจ้าคุยการใหญ่กันอยู่ หากนางหนีไปแล้วเอาไปบอกคนอื่นจะแย่” หลิวเสวี่ยอวี้ปล่อยน
บทที่12เสี่ยวไป๋ เจ้าใจคอโหดเหี้ยมยิ่งนัก ฆ่าคนเพียงคำพูดประโยคเดียวเพียงแค่หลิวเสวี่ยอวี้ขยับกายเฉินตงก็ทะลึ่งพรวดลุกไปยื่นพิงกำแพงหลิวเสวี่ยอวี้เหล่มองเล็กน้อย ก่อนมือหนาจะเอื้อมไปหยิบจอกสุรามายกดื่มเพื่อแก้กระหายเท่านั้นเฉิงตงแก้เก้อโดยการเดินไปมาแทน เขาตกใจที่สหายขยับ กลัวสหายหน้ามืดพลั้งมือทำร้ายมารหัวใจที่ไม่รู้เรื่องราวอย่างเขา เขาจะรู้ได้ยังไงว่าคู่หมั้นที่นางพูดกับองค์ชายสามจะคือเขา เรื่องนี้เขาไม่ผิด ที่สำคัญเขาเพิ่งกลับมาถึงหยิ่งตู่วันนี้ มาถึงก็ถูกเรียกมา ไม่รู้เรื่องราวใดๆ ทั้งสิ้น“เสี่ยวไป๋ ข้าไม่สะดวกจริงๆ เจ้าหาทางอื่นเถอะ” ทางที่ข้าจะยังเป็นสายลับต่อไปได้อย่างสงบสุข“พี่เฉิงตงท่านก็เหมือนพี่ชายข้า ช่วยข้าที่เถอะ ข้าไม่อยากข้องเกี่ยวกับองค์ชายสาม หากข้าปฏิเสธด้วยวิธีอื่น สกุลจูย่อมมีภัย” นางคิดว่าวิธีนี้ดีสุดแล้ว ถึงได้ออกปากพูดกับองค์ชายว่ามีคู่หมั้น คนในราชวงศ์มักจะศักดิ์ศรีค้ำคอ ไม่มีทางลุกมาแก่งแย่งสตรีที่มีคู่หมายอยู่ก่อนแล้ว“หากข้าหมั้นหมายกับเจ้า หญิงใดจะยอมแต่งกับข้ากันเล่า เจ้าก็อย่าเพิ่งใจร้อนเลย เรื่องเพิ่งเกิดเมื่อวาน พี่ชายเจ้าทั้งสี่คนไม่มีทางยอมให
บทที่13สี่พี่น้องสกุลจู นั่งหน้าเครียดอยู่ภายในโถงรับรองจูไป๋เสวี่ยอ่านสารด่วนจากพี่ใหญ่ส่งมาทางเฉิงตงซ้ำไปซ้ำมามือบางกำกระดาษแผ่นน้อยนั้นแน่นจนเกิดรอยยับ“พี่เฉิงตง ท่านต้องช่วยข้าแล้วล่ะ ให้ข้าทำอะไรก็ยอม ข้าไม่มีความคิดที่จะเข้าวังแม้แต่น้อย” หากเป็นจริงดังในจดหมายที่พี่ใหญ่เขียนมา นางคงไม่มีทางรอดพ้นเงื้อมมือฮองเต้ ไอ้ลูกทรพี ฆ่าข้าไปหนหนึ่งยังไม่พอใจ ชาตินี้ยังมาตามจองเวรข้าอีก"เจ้าจะให้เฉิงตงช่วยยังไง" คุณชายรองยกคิ้วถาม"เมื่อวานข้าขอให้พี่เฉิงเขียนจดหมายหมั้นหมายให้ข้า จนกว่าเรื่องราวทุกอย่างจะผ่านพ้นไป แล้วค่อยถอนหมั้นทีหลัง""ข้าเห็นด้วย/ข้าก็ว่าความคิดนี้เข้าท่า" คุณชายสามและคุณชายสี่เห็นด้วย ความคิดนี้ไม่เลว ยังไงเฉิงตงคือคนที่ใกล้ชิดมากที่สุด เข้าออกจวนบ่อยครั้ง หากจะหมั้นหมายกันคงไม่มีใครคิดสงสัย อีกอย่างหากให้ถอนหมั้นเชื่อว่าเฉิงตงจะไม่อิดออด เพราะพวกเขามั่นใจว่าสหายไม่มีทางคิดเป็นอื่นกับน้องห้า"ข้ามีคู่หมั้นที่บิดาหมั้นหมายให้แล้วที่แคว้นฉู่ ไม่อาจหมั้นกับนางได้จริงๆ เมื่อคืนก็บอกนางไปแล้ว หากถูกจับได้โทษคงหนักหนาสาหัส" เข้าท่ากับผีสิ พวกท่านได้ประโยชน์ แต่ข้าอาจได
บทที่14หลังจากที่คุณชายหลิวออกไปเพียงครู่เดียว นางและพี่ชายก็ถูกเรียกไปสอบสวน ด้วยไม่อยากให้บิดาและมารดาเป็นกังวลใจ จึงบอกว่ารู้จักคุณชายหลิวมาสักระยะแล้ว เขาเป็นสหายกับพี่เฉิงตงมาตั้งแต่เยาว์วัยไว้ใจได้ และนางกับเขากำลังคบหาดูใจกันอยู่จึงอยากหมั้นหมายเอาไว้ก่อน บิดาของนางจึงยอมตกลง แม้แรกๆ จะอิดออดไม่ยอม แต่นางก็ออดอ้อนออเซาะจนพวกท่านยอมให้นางหมั้นหมายกับคุณชายหลิววันรุ่งขึ้น แม่สื่อพร้อมของหมั้นอีกหลายสิบหีบ ถูกขนมายังสกุลจู“แค่หมั้นหมายหลอกๆ คุณชายไม่ต้องมอบของล้ำค่าให้มากมายขนาดนี้”“การหมั้นหมายและสมรสคือเรื่องสำคัญของสตรีทุกนาง ข้าจะให้เจ้าน้อยหน้าได้อย่างไรกัน” ข้าห่างไกลจากบ้านเกิด เตรียมการไม่ทันจึงได้ของแค่นี้ ไว้วันแต่งข้าจะนำสินสอดมาให้ยาวสุดถนน ข้ารับรองว่าเจ้าแต่งกับข้าเจ้าไม่มีวันน้อยหน้าสตรีใด แม่ทัพหลิวยืนกอดอกดูหีบของหมั้น เขาค่อนข้างไม่พอใจที่คนของเขานำสินสอดมาได้แค่นี้ ตอนให้รองแม่ทัพจัดการก็โดนเอ่ยหยอกล้อจนทำหน้าไม่ถูก ‘เพิ่งเจอนางสามวันที่แล้ววันนี้หอบสินสอดไปหมั้นหมายท่านแม่ทัพท่านไม่ธรรมดาเลย นอกจากจะต้องเรียนรู้เรื่องการรบจากท่านข้าคงต้องขอเรียนวิชามัดใจสตร
บทที่15ข่าวการหมั้นหมายของจูไป๋เสวี่ยเลื่องลือไปทั้งเมืองฝ่ายชายคือคุณชายหลิวหลานชายของเจ้าเมืองหยิ่งตู่หลิวอวี้เสี้ยวได้ข่าวก็ดีใจ ในที่สุดศัตรูหมายเลขหนึ่งนางก็หมั้นหมายเสียที่แม้จะอดเสียดายญาติผู้พี่ไม่ได้ เพราะหลิวเสวี่ยอวี้ทั้งหล่อทั้งคมคาย รูปร่างสูงใหญ่ หากไม่ได้เป็นญาติกันนางคงบอให้บิดาหมั้นหมายนางกับเขาไปแล้ว อีกทั้งเขาก็ไม่ค่อยอยู่เมืองหยิ่งตู่เท่าไหร่ เดินทางทำการค้าตลอด นานๆ จะมาพักที่จวนเวลานำขบวนสินค้าผ่านเท่านั้น ยิ่งเวลานี้มีราชโองการให้คัดสาวงามเข้าวัง นางย่อมได้รับเลือกแน่นอน ส่วนจูไป๋เสวี่ยหมดสิทธิ์เพราะนางหมั้นหมายก่อนจะติดประกาศเพียงไม่กี่ชั่วยาม หลิวอวี้เสวี่ยยิ้มเยาะนี้ล่ะน่ะแข่งอะไรแข่งได้ แต่แข่งบุญวาสนานั้นแข่งกันไม่ได้ จากคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะมีโอกาสเข้าวังมากกว่านาง แต่กลับเป็นนางที่ได้รับเลือก นางเป็นถึงบุตรสาวเจ้าเมืององค์ชายสามก็เพิ่งได้รับข่าวว่าจูไป๋เสวี่ยหมั้นหมายวันนี้ แสดงว่าวันนั้นที่เหลานางหลอกเขา“นางบังอาจหลอกข้า” มือหนาปาแจกันดอกไม้ทิ้ง ไม่เคยถูกหมิ่นเกียรติเท่านี้มาก่อน ทั้งๆ ที่นางยังไม่มีคู่หมายแต่กลับหลอกเขา หากวันนั้นเขาไม่เชื่อแล้วบุกไปที
ตอนพิเศษ2“โอ๊ยๆ เบาฮูหยิน เบาๆ เดี๋ยวเนื้อข้าหลุด” แม่ทัพที่คุมทหารนับแสน ถูกภรรยาหยิบเข้าที่สีข้างก็ร้องโอดโอย ราวกับถูกกระบี่ฟันเขาแค่ล้อเล่นไหม ใครจะยกลูกให้คนอื่นยืมได้อย่างไรเล่า ตั้งใจปั้นมาขนาดนี้“เจ้าจะเดินทางไปรับเสด็จจูล่งฮองเต้ที่เมืองหน้าด่านที่ลี่เจียงหรือเปล่า” หลังจากฟัดพุงกลมๆ แก้มนิ่มๆ จนพอใจ ก็ส่ง ทารกน้อยหลิวไป๋อิงคืนให้บิดาของนางหลิวเสวี่ยอวี้รับบุตรสาวมานั่งลงบนตักแกร่ง“ไม่ล่ะ ข้าไม่อยากให้เสวี่ยเอ๋อร์อยู่กับเด็กๆ ตามลำพัง อีกอย่างนางตั้งครรภ์อยู่ เกิดเจ้าสามแสบชนหกล้มไปจะทำอย่างไร ข้าไม่ไว้ใจคนอื่นให้ดูแลแทน”เฉิงตงกลอกตามองบน เหตุผลมันก็พอฟังขึ้นอยู่ แต่ไม่ใช่เพราะความรักฮูหยิน ที่มากจนเกินไปหรืออย่างไร ทำให้เสี่ยวไป๋ท้องไม่เคยว่าง ตั้งแต่เดินทางมาอยู่แคว้นฉู่ จนย่างเข้าปีที่ 5 แล้วไม่เคยได้กลับไปเยี่ยมครอบครัวที่แคว้นเว่ยเลย จนทำให้จูล่งฮองเต้ถึงกับต้องเสด็จมาเยี่ยมพระขนิษฐาด้วยพระองค์เองถึงแคว้นฉู่“ข้าอยู่ได้ สามแสบก็ใช่ไม่รู้ความ ข้าปรามอะไรก็ฟังตลอด มีเพียงตอนอยู่กับท่านพี่เท่านั้น ที่พูดอะไรก็ทำเป็นหูทวนลม” ตลอด 5 ปีที่อยู่แคว้นฉู่ นางไม่เคยได้กลับบ้า
ตอนพิเศษ1เสียงเจี๊ยวจ๊าวดังลั่นไปทั้งสวนดอกไม้ สี่พ่อลูกกำลังวิ่งปลุกปล้ำกันมันมาอย่างสนุกสนาน“ท่านพี่ ถ้าต้นดอกไม้ข้าหัก ข้าจะให้ท่านไปนอนที่เรือนรับรอง” ฮูหยินเล็ก จูไป๋เสวี่ย ตะโกนปรามแม่ทัพและเด็กชายแฝดทั้งสาม ตอนนี้เด็กแฝดทั้งสามอายุได้ 4 หนาวแล้ว ชอบเล็กกันรุนแรงจนบ่าวไพร่ พี่เลี้ยงสู้แรงไม่ไหว นอกจากบิดาเท่านั้นที่รับมือนั้นได้ วันหยุดจึงมักจะมาเล่นกันที่สวนปลดปล่อยพลังกันอย่างอย่างบ้าคลั่งหลิวเสวี่ยอวี้ผินหน้ามามองภรรยาด้วยความรู้สึกผิด แต่จะให้เขาทำยังไง เด็กทั้งสามคนซนเหลือเกิน วิ่งจับคนนั้นคนนี้วิ่งหนี วิ่งจับคนนี้คนนั้นวิ่งหนี พอจับสองคนอีกคนก็กระโดดขี่คอ แฝดสามยังเด็กนักบางครั้งจึงไม่รู้น้ำหนักมือของตนเอง พลั้งมือลงแรงมากเกินไปทำเอาบ่าวไพร่เจ็บตัว จนไม่มีใครกล้าเล่นด้วย มีเพียงเขาคนเดียวที่รับมือไหว“สมน้ำหน้า อยากมีสิบคนใช่ไหม ข้าจะคลอดให้ท่านเลี้ยงให้ครบเลย” จูไป๋เสวี่ยขำเครือ เมื่อเห็น สามีถูกเด็กแสบทั้งสามคนตะลุมบอน“ข้าว่าอีกไม่นานหรอกสวนดอกไม้ของเจ้าต้องเหลือแต่ชื่อ” เฉิงตง สอดมือใต้รักแร้ทารกน้อยวัย 1 ขวบเศษ หลิวไป๋อิง นางช่างน่ารักน่าชังเหลือเกิน จนเฉิงตงอดไม่ไ
บทที่37ขุนนางทั้งหลายจากเดิมไม่คิดที่จะให้บุตรสาวแต่งกับแม่ทัพหลิวเพราะคิดว่าภายใต้หน้ากากเหล็กนั้นคือบุรุษอัปลักษณ์ อีกทั้งองค์หญิงฉู่เฉียวหมายปองอยู่คิดกันแค่เพียงว่าองค์หญิงอยากแต่งเพราะเป็นสหายมาตั้งแต่เยาว์วัยและอำนาจทหารที่สกุลหลิวถืออยู่ จึงไม่มีขุนนางคนไหนมาทาบทามไปเป็นเขย แต่หลังจากงานเลี้ยง พอได้เห็นใบหน้าและความมั่นคงของสกุลหลิวแล้ว ก็อยากให้บุตรสาวแต่งเข้าจวนแม่ทัพ ส่งเทียบเชิญไปงานเลี้ยงมาไม่ได้หยุดหย่อน หรือไม่ก็สั่งให้บุตรสาวไปเดินผ่านให้แม่ทัพเห็นสักครั้ง หากแม่ทัพถูกตาต้องใจก็จะได้แต่งเข้าจวน ยิ่งข่าวลือที่ว่าแม่ทัพรักมั่นต่อองค์หญิงเท่าไร สาวงามในเมืองหลวงยิ่งเพ้อฝันอยากแต่งเข้าจวนแม่ทัพ เพราะอยากได้สามีที่รักมั่นกับตนเองแบบนั้นบ้าง แต่ก็ถูกแม่ทัพพูดจาหักหน้าตรงๆ จนเสียหน้าไปหลายราย“ท่านพี่ไม่คิดที่จะไปตามเทียบเชิญบ้างเลยเหรอ ข้าเห็นวันก่อนเสนาบดีฝ่ายขวาก็ส่งเทียบเชิญให้ท่านไปงานเลี้ยงวันเกิด”“ไม่ล่ะ ข้าขี้เกียจปั้นหน้า เดิมแต่ก่อนตัวข้าก็แทบไม่เคยอยู่เมืองหลวงนาน ไม่ตรวจตราตามหัวเมืองชายแดน ก็ไปแอบดูเจ้าที่เมืองหยิ่งตู่” ริมฝีปากหนาก้มลงจุมพิตหน้าท้องขาวนวลที่ขึ้
บทที่36ขบวนราชบุตรเขยและองค์หญิงแห่งแคว้นเว่ยเดินทางมาถึงเมืองหลวงของแคว้นฉู่ในที่สุด ชาวเมืองออกมายืนขนาบสองข้างถนนจนแน่นขนัด ถนนสองข้างทางประดับประดาไปด้วยกระดาษสีแดงและสีทองขบวนรถขับเคลื่อนไปถึงประตูวังหลวง ฮองเต้แคว้นฉู่ และเหล่าขุนนางเตรียมงานเลี้ยงรอไว้ต้อนรับอย่างดีเป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้เห็นใบหน้าของแม่ทัพหลิวเสวี่ยอวี้ชัดๆ เพราะที่ผ่านมาเห็นแค่ครึ่งหน้าเท่านั้น แต่พอล่ะสายตามายังสตรีที่เดินเคียงข้างมาแม้กระทั่งฮองเต้ยังตกตลึงไม่คิดว่าองค์หญิงจูไป๋เสวี่ยจะงดงามได้ถึงเพียงนี้ด้านองค์หญิงฉู่เฉียวที่แต่งตัวงดงามกว่าวันไหนๆ รีบมายืนประจำตำแหน่งของตนเอง ลอบเยาะยิ้มสตรีผู้นั้นบังอาจลงมือทำร้ายพระองค์แถมข่มขู่ไม่ให้บอกใคร แล้วเป็นอย่างไรสุดท้ายก็ถูกแม่ทัพหลิวทิ้งไปแต่งงานกับองค์หญิงต่างแคว้น อยากจะเห็นใบหน้าองค์หญิงจูไป๋เสวี่ยนัก ว่าจะต่อกรกับสตรีหยาบช้าอย่างฮูหยินเอกของหลิวเสวี่ยอวี้ได้หรือไม่“ถวายบังคมฝ่าบาท” แม่ทัพหลิวพาองค์หญิงแห่งแคว้นเว่ยเข้าเฝ้าหน้าพระพักตร์เมื่อได้ยินเสียงองค์หญิงฉูเฉียวรีบเงยหน้าขึ้นมอง ขนกายลุกชู่ไปทั้งร่าง รอยยิ้มบนใบหน้าค่อยๆ เลื่อนหายไป สีหน้าคล้า
บทที่35“น้องเขยมาๆ ดื่มอีกจอก” คุณชายสี่ จูหรงจียกกาสุรามารินเติมให้น้องเขยไม่ให้ขาดตอน จูหรงจีคือคนที่หวงน้องห้ามากที่สุด เดิมทีคิดว่างานจบจะคุยกับพี่ใหญ่ให้ถอนหมั้นกับยกเลิกงานแต่งซะ แต่เพราะความรักและเสียสละของแม่ทัพหลิวทำให้เขายอมปล่อยมือให้น้องแต่งงานในครั้งนี้ คงไม่มีใครดูแลน้องห้าได้ดีเท่าหลิวเสวี่ยอวี้อีกแล้ว“ดื่มๆ” เฉิงตงช่วยดันจอกสุราเข้าปากราชบุตรเขยอีกแรงราชบุตรเขยเดินโซซัดโซเซ เขาโดนมอมสุรา คงกะให้เข้าหอคืนนี้ไม่ไหว พี่ชายทั้งสี่ของฮูหยินเล่นงานเขาแล้ว สหายสุดที่รักก็ร่วมมือด้วย ทั้งๆ ที่เฉิงตงเป็นคนที่รู้ดีที่สุดว่าเขาคาดหวังกับคืนนี้มากแค่ไหน มันน่าตัดเพื่อนทิ้งจริงๆ ได้แต่คิดในใจ ยกจอกเหล้าขึ้นดื่มอย่างเสียไม่ได้ ทั้งพี่ชายจูไป๋เสวี่ยและสหายคงไม่ปล่อยให้เข้าหอง่ายๆ แน่คืนนี้“ถึงฤกษ์เข้าหอแล้ว พอเถอะท่านแม่ทัพยืนแทบจะไม่ไหวแล้ว” รองแม่ทัพไป๋ชูได้รับสัญญาณมือจากแม่ทัพหลิวก็รีบเข้ามาประคอง เดินประคองร่างคนเมาแทบจะหิ้วปีกไปส่งถึงประตูห้องหอที่เจ้าสาวรออยู่เมื่อประตูห้องหอปิดลง คนที่ต้องให้รองแม่ทัพหิ้วปีกมาเมื่อสักครู่ ก็เดินตัวตรงอย่างมั่นคงไปยังเตียงที่เจ้าสาวนั่งรอ
บทที่34หลิวเสวี่ยอวี้อาการดีวันดีคืนด้วยการดูแลอย่างใกล้ชิดของฮูหยิน จูไป๋เสวี่ยตัดสินใจรับตำแหน่งจากพี่ชาย ในฐานะพระขนิษฐาของฮองเต้อีกทั้งยังเป็นฮูหยินของแม่ทัพแห่งแคว้นฉู่ จะช่วยเสริมสร้างฐานอำนาจจูล่งฮองเต้ได้อย่างมาก ใครจะกล้านางได้รู้ความจริงอันเจ็บปวดอีกอย่างจากเจียวเจี้ย ตอนที่เจียวก้านยังมีชีวิตอยู่เคยคิดพลักดันน้องสาวต่างมารดาของฮองเฮาเจียวเอินจวิ้นเข้าวัง ฮองเต้หลงในตอนนั้นยังดำรงตำแหน่งเป็น ไท่จื่อ รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีเพราะเจียวก้านมาขอให้ช่วยไปพูดกับฮองเฮาให้ นั้นคงเป็นสาเหตุที่ทำให้ไทจื่อไม่อาจรอได้อีกต่อไป เพราะหากมีองค์ชายจากตระกูลฮองเฮาเพิ่มขึ้น ตำแหน่งของตนย่อมสั่นคลอนวันนี้เป็นวันที่หลิวเสวี่ยอวี้รอคอย พออาการเริ่มดีขึ้นเขาก็เขียนจดหมายให้บิดามารดาเดินทางมายังวังหลวงแคว้นเว่ย เพราะต้องการจัดพิธีแต่งงานกับพระขนิษฐาของจูล่งฮองเต้ ไม่อยากรอหายแล้วกลับไปแต่งที่แคว้นฉู่แล้ว อยากเข้าหอกับนางสักทีราชบุตรเขยในชุดสีแดง ยืนชะเง้อคอยาวรอเกี้ยวเจ้าสาวที่ตำหนักรับรอง งานแต่งงานครั้งนี้จัดขึ้นในวังหลวง บิดามารดาของเขาขนสินสอดทองหมั้นมาจากแคว้นฉู่ถึง 100 เกวียน บอกแล้วงานแต่
บทที่33ร่างบางเฝ้าคนที่นอนสลบไสลอยู่บนเตียงไม่ห่าง ค่อยป้อนยา เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ตลอด ผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้ว บาดแผลเริ่มดีขึ้นมากแล้ว แต่แม่ทัพหลิวก็ยังไม่ฟื้น พี่ใหญ่หรือจูล่งฮองเต้ส่งราชทูตและสารกระชับไมตรีไปยังแคว้นฉู่ คนที่ถือสารไปไม่ใช่คนอื่นไกล เฉิงตงนั้นเอง เฉิงตงเดินทางกลับแคว้นพร้อมขบวนทหารที่รอดชีวิต จูล่งฮองเต้ตกรางวัลให้ทุกคนแม้กระทั่งครอบครัวของผู้เสียชีวิตก็ได้รับรางวัล อีกทั้งยังฝากจดหมายแจ้งข่าวการบาดเจ็บของแม่ทัพไปยังสกุลหลิวด้วย รับปากจะดูแลรักษาหลิวเสวี่ยอวี้อย่างดีที่สุด“ข้ากับท่านยังได้เข้าหอกันเลย ตอนนี้ทุกคนรู้กันหมดแล้วว่าข้าคือองค์หญิง หากท่านไม่ฟื้น ข้าจะแต่งงานใหม่คอยดู” น้ำเสียงสั่นเครือต่อว่าคนที่หลับไหลไม่จริงจังนัก มือยังกุมมือหนาเอาไว้ตลอด แม้ยามหลับนางก็นอนเตียงเดียวกัน ยามตื่นก็ดูแลไม่ห่างราวกับปาฏิหาริย์แรงบีบโต้ตอบเบาๆ ของคนที่นอนอยู่ ทำเอาร่างบางสะดุ้งจนตาโตจูไป๋เสวี่ยผละออก วิ่งออกจากห้องบรรทมของฮองเต้ไปตามคุณชายรองมาดูอาการทันที“เจ้าแน่ใจน่ะว่าแม่ทัพหลิวฟื้นแล้ว” จูเหวินจาง รีบวิ่งมาจนชายเสื้อปลิว แต่คนที่อยู่บนเตียงก็ยังนอนไม่ไหวติ่ง“ข้าแน
บทที่32จูล่งสถาปนาตนเองขึ้นเป็นจูล่งฮองเต้ โดยใช้ยังคงใช้พระนามเดิมที่บิดามารดาตั้งให้ ขึ้นนั่งบัลลังก์มังกรโดยที่ขุนนางไม่มีใครคิดที่จะจะขัดขวาง วังหลังก็ถูกกวาดล้าง จูล่งฮองเต้สั่งให้ถอดถอนสนมทุกนางให้กลับบ้านเก่าพร้อมจ่ายเบี้ยรายปีให้เป็นครั้งสุดท้าย ส่วนองค์หญิงองค์ชายทุกคนถูกถอดถอนบรรดาศักดิ์พร้อมเบี้ยรายปีครั้งสุดท้ายเช่นเดียวกัน ทุกคนโชคดีที่จำนวนเหล่าองค์หญิงองค์ชายมีจำนวนไม่มาก เพราะฮองเต้หลงมีรับสั่งให้สนมตั้งแต่ขั้นผินลงไปดื่มยาห้ามครรภ์ทุกครั้งที่ทำการรับใช้พระองค์ ทรงไม่โปรดให้สนมชั้นต่ำตั้งครรภ์มังกรจูไป๋เสวี่ยขี่ม้าตามหลังคุณชายสี่และรองแม่ทัพไป๋ชู่จากเมืองลี่เจียงกลับเมืองหลวงแคว้นเว่ยทันทีหลังจากพี่สี่รีบควบม้ากลับมาส่งข่าวด่วน การยึดบัลลังก์คืนจากฮองเต้หลงสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี พี่ๆ ทั้งสี่คนได้แผลกันคนละเล็กละน้อยเท่านั้น แต่แม่ทัพหลิวเสวี่ยอวี้ บาดเจ็บสาหัสเป็นตายเท่ากัน หลังจากที่คุณชายรองดึงกระบี่ออกจากอก จนวันนี้ก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมาจูกูกัดกิ่นและจูฮูหยินตัดสินใจขอเดินทางแยกกับบุตรชายและบุตรสาวเพราะทั้งสองเดินทางด้วยรถม้าต้องใช้เวลา จูไปเสวี่ยขี่ม้าไปคงเดินทางถึงไ
บทที่31แม้จะต้องสังหารคนที่เคยยืนเคียงบ่าเคียงไหล่มาก่อน จูล่งก็ไม่ลังเล เขารู้ฝีมือองครักษ์ของฮองเต้ทุกคนเป็นอย่างดี แต่องครักษ์ทุกคนก็รู้ฝีมือเขาเช่นกันเมื่อถูกลุมล้อม จูล่งจึงพลาดพรั้ง ถูกปลายกระบี่จองฮองเต้แทงเข้าที่หัวไหล่ขวา ฮองเต้หลงหมายจะซ้ำอีกดาบสังหารกบฏแท่ทัพหลิวเห็นจูล่งพลาดพลั้ง จึงกระโดดเอาตัวเข้าบังจูล่งเอาไว้ แทงกระบี่สวนออกไปยังทิศทางที่ฮองเต้แทงหมายจะสังหารจูล่งกระบี่ทั้งสองเล่นจึงปักที่อกข้างซ้ายของทั้งสองฝ่ายพอดี ทั้งคู่ตึงทรุดลงไปนั่งกับพื้น“อย่าอาฆาตแค้นกันเลย คิดซะว่ามันคือเวรกรรมที่พระองค์สังหารคนที่เลี้ยงดูพระองค์” จูล่งตวัดปลายกระบี่ตัดศีรษะของฮองเต้หลงหลุดจากบ่าในกระบี่เดียวรีบไปประคองแม่ทัพหลิวเพื่อดูอาการและให้คนไปตามน้องรองมาดูอาการแม่ทัพทันทีส่วนองครักษ์ที่ยังเหลือรอดชีวิตอยู่ เมื่อเห็นฮองเต้สิ้นพระชนม์จึงวางดาบยอมจำนวน ไม่มีประโยชน์ที่จะสู้ต่อไปอีกแล้วคุณชายรองจูเหวินจางรีบฝ่าเข้ามาดูอาการแม่ทัพหลิวในทันที“แม่ทัพเอาตัวบังให้ข้า ไม่งั้นคนที่นอนอยู่ตรงนั้นอาจเป็นข้าเอง” จูล่งกล่าวบอกน้องชายเสียงเบา เขาเป็นหนี้ชีวิตแม่ทัพหลิวแล้ว หากไม่ได้แม่ทัพ คง