Home / รักโบราณ / ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช / ตอนที่ 28 มีปีกก็ค่อยบินหนีไปเถอะ!

Share

ตอนที่ 28 มีปีกก็ค่อยบินหนีไปเถอะ!

last update Last Updated: 2025-01-27 02:32:51

"แล้วเจ้าเห็นคนวางยารึไม่?"

"..." จูมี่เอินส่ายหน้า นางรู้...แต่นางเลือกที่จะโกหก

ยามนี้นางก้มหน้าอยู่เหรินโยว่หลุนเลยไม่รู้ว่านางพูดปลด

"คนที่ตัดขาของแท่นพิธีเล่า?"

"..." จูมี่เอินก็ส่ายหน้าอีก ครั้งนั้นนางเห็นเพียงฮ่องเต้ตกลงมาเท่านั้น และได้ยินคนของฮ่องเต้ตะโกนมาว่าขาแท่นพิธีถูกเลื่อยไว้ นางจึงพูดออกไปตามที่ได้ยินเท่านั้น

"ไปกับเรา" เหรินโย่วหลุนที่คราแรกยังมีสีหน้าเรียบเฉยตอนนี้กลายเป็นบูดบึ่งขึ้นมา ก้าวขาเดินมาหานักบวชหญิงจับข้อมือของนางไว้แล้วลากนางเดินออกมาจากกระโจมด้วยกัน

"พระองค์จะเสด็จไปไหนเพคะ?" จูมี่เอินเร่งเท้าเดินตามคนตัวสูงจนรู้สึกเจ็บที่แผล เขาเดินไวมาก ไวจนนางเกือบตามไม่ทัน จากตอนแรกที่เดินนางจึงเริ่มเปลี่ยนเป็นวิ่งแทนแล้ว

"กลับวังหลวง" เสียงทุ้มตอบกลับมา

"หม่อมฉันไม่..."

"ในเมื่อเจ้าเองก็รู้สึกผิดเรื่องฮ่องเต้พระองค์ก่อนงั้นก็กลับไปกับเรา" เหรินโย่วหลุนหยุดเดิน หันมาบอกนาง จงใจใช้เรื่องที่อีกฝ่ายรู้สึกผิดต่อตนมาเป็นข้อต่อรองเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการ ทว่าพอหันมามองคนตัวเล็กที่ตนลากมาด้วยก็เห็นเลือดที่ซึมผ่านชุดส
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนที่ 29 หาใช่คนรักกลับเป็นนักบวชหญิงท่านหนึ่ง

    ระหว่างเดินทางกลับวังหลวง เหรินโย่วหลุนก็ได้รับรายงานการสอบสวนอวี้ซูหนี่ที่เพิ่งเสร็จสิ้นไป พบว่านางไม่ได้มีส่วนรู้เห็น จึงสั่งให้ส่งนางกลับได้ และการสอบสวนด้านการลอบปลงพระชนม์กลางป่าก็ไม่ได้ความเช่นกัน มือธนูพอถูกจับได้ก็ฆ่าตัวตายทันที การลอบโจมตีในครั้งนั้นไม่มีใครรอดชีวิตมาให้เขาสอบสวนสักคน เหลือแค่อีกทางเดียวเท่านั้นคือด้านคนที่ตัดขาแท่นพิธีที่ยังจับไม่ได้ ไม่แน่บางทีอาจถูกสั่งเก็บไปแล้ว และเรื่องทั้งหมดน่าจะมาจากคนๆ เดียวกัน แต่เหรินโยว่หลุนไม่รีบอยู่ในวังมานานเจอเรื่องแบบนี้จนชินชาไปแล้ว ส่วนทางด้านจูมี่เอินนั้นเงียบมาก เงียบมาตลอดทาง นอกจากนั่งสมาธิเงียบๆ ในรถม้าแล้วก็ไม่ทำอันใดอีกเลย ไม่พูดไม่จาราวกลับคนใบ้ เหรินโย่วหลุนเห็นแล้วก็รู้สึกแปลกตา น้อยมากที่จะได้เห็นนักบวชหญิง แถมท่าทางของนางก็น่าเลื่อมใสยิ่งนัก เขาเองก็รักความสงบ ยามอยู่ด้วยกันในรถม้าเขาก็อ่านฎีกาบ้าง ตำราพิชัยสงครามบ้าง กลายเป็นว่าห้าวันที่ผ่านมาก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากเลย จนกระทั่งมาถึงวังหลวง จูมี่เอินเดินตามนางกำนัลฝาแฝดไปที่ตำหนักด้านหลังในวัง ส่วนของนักบวชและโหราศาสตร์ ยามจากกัน เหริ

    Last Updated : 2025-01-27
  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนที่ 30 เข้าทาง

    "ท่านนักบวชจูมี่เอิน" "..." ผู้ถูกเรียกลืมตาขึ้นมา เมื่อเห็นว่าเป็นใครนางก็ยืนขึ้นก้มหัวลงเล็กน้อยพลางยกมือขึ้นมาข้างหนึ่งเคารพเขาตามแบบนักบวชทั่วไป เหรินโยว่หลุนมองชุดนักบวชที่นางสวมอยู่ นั่นคือชุดประจำตำแหน่งของนักบวชหลวงแต่มันเป็นชุดของผู้ชาย เขาเองก็ไม่เคยเห็นชุดของนักบวชหญิงมาก่อนว่าเป็นแบบไหน ในใจคิดว่าคงต้องบอกทางกองเสื้อผ้าให้ดูแลเรื่องนี้สักหน่อย ถึงนางจะดูเข้ากับชุดดีแต่ยังไงเสียนักบวชท่านนี้ก็เป็นสตรี เหลือบตามองดูริมฝีปากที่มีสีเลือดแล้วก็รู้ว่านางคงดีขึ้นบ้าง ใบหน้าที่เคยไร้สีเลือดพอกลับมาปกติก็ดูมีชีวิตชีวายิ่งนัก ถึงนางจะยังชอบทำหน้านิ่งก็ตาม "ช่วงนี้เจ้าไม่เห็นนิมิตรเลย?" ยามพูดนั้นตีหน้าเรียบเฉยเฉกเช่นที่ทำอยู่เป็นประจำ ที่เพิ่มเติมมาคือการยกมือพ่ายหลังยืดตัวอีกเล็กน้อยให้ดูสง่ามากกว่าเดิม กดตาลงต่ำมองคนที่ตัวเล็กกว่าตนเอง "เห็นเพคะ" นางตอบออกไป "แต่เป็นของคนอื่น" แล้วก็ไม่ได้ถึงขั้นเสียชีวิตหรือเป็นอุบัติเหตุร้ายแรง ตั้งแต่ได้ทำสมาธิมากขึ้นก็จิตใจสงบขึ้นด้วย เห็นนิมิตรมากกว่าปกติแต่เป็นนิมิตรที่ไม่ร้ายแรงเท่าไหร่ นางจึงเบาใจไม่น้อย

    Last Updated : 2025-01-27
  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนที่ 31 เหรินเยว่เทียน

    "ท่านนักบวช" ชายคนหนึ่งที่ผ่านมาทางอารามได้ยินบทสนทนาเมื่อครู่พอดี เขาเดินเข้ามาหาจูมี่เอินหลังจากขบวนของกงกงจากไป ร่างสูงยกมือข้างหนึ่งขึ้นทักทายนาง เรียนแบบท่าทางของนักบวช "ได้ยินว่าท่านนักบวชอยากไปที่อารามในเมืองหลวง?" "..." จูมี่เอินมองการแต่งตัวของเขา นางไม่รู้จะเรียกเขาว่าอย่างไร ชุดที่เขาสวมไม่เหมือนชุดของขุนนางในวัง อีกทั้งการพบปะพูดคุยกับผู้คนก็ไม่ใช่ทางถนัดของนาง จึงทำได้เพียงนิ่งเงียบและยกมือขึ้นมาข้างหนึ่งที่อกเท่านั้น "ข้าเสียมารยาทแล้ว ลืมแนะนำตัวไปเสียได้" เหรินเยว่เทียนปกติไม่ต้องแนะนำตัวเอง คนทั้งวังต่างก็รู้จักเขากันหมดว่าเขาคืออ๋องห้าพระอนุชาของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ยามนี้อยู่ต่อหน้าคนที่เพิ่งเข้าวังมาก็ลืมไปเสียสนิทว่าต้องแนะนำตัวก่อน "ข้าเหรินเยว่เทียน" ก่อนหน้านี้เมื่อประมาณอาทิตย์ก่อนได้ยินข่าวมาว่าฮ่องเต้พานักบวชคนหนึ่งกลับมาและเป็นนักบวชหญิงด้วยเขาก็รู้สึกสนใจขึ้นมา เพราะนักบวชหญิงเป็นอะไรที่พบเห็นไม่ค่อยบ่อยนักในแคว้นเซียว เลยลองเดินผ่านมาทางนี้ดู แถมเมื่อครู่ถ้าไม่ได้ยินกงกงเรียกนางว่าท่านนักบวช เขาคงคิดว่านางเป็นสนมคนใหม่ของเสด็จพี่เป

    Last Updated : 2025-01-27
  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนที่ 32 วันๆ คิดแต่จะจากไป

    การกระทำของฮ่องเต้นั้นอยู่ในสายตาของเหรินเยว่เทียนทั้งหมด หากหญิงสาวข้างกายเขาไม่ใช่นักบวชเขาคงคิดว่าพี่ชายตนกำลังไม่พอใจอะไรในตัวนาง คล้ายคนกำลังหึงเพราะสายตาที่มองนางนั้นไม่เหมือนปกติ "เกิดอะไรขึ้นหรือฝ่าบาท" เหรินเยว่เทียนพยายามช่วยทำลายความอึดอัดภายในห้อง ยามปกติพี่ชายเขามักจะมีสีหน้าเรียบเฉย น้ำเสียงน่าฟัง แทบจะไม่ค่อยได้เห็นเขาเป็นเช่นนี้มาก่อนเลย เมื่อถามออกไปก็เลือกใช้คำสุภาพเพื่อให้พี่ชายใจเย็นลงมาบ้าง เหรินโยว่หลุนมองหน้าของน้องชาย ที่เขาถามว่ามาทำไมคือถามน้องชายเขา แต่หญิงสาวซื่อบื้อนั้นกลับคิดว่าถามตนเอง แถมยังเดินออกไปอีก วันๆ คิดแต่จะหนีจากเขาไป นางไปเอาความกล้านี้มาจากที่ใดกัน?ไหนจะเรื่องที่โกหกเขาว่าเป็นนักบวชอีก น่าหงุดหงิดยิ่งนัก "เยว่เทียนเจ้ามาทำไม" คราวนี้เขาเลยเรียกชื่อแทน นักบวชปลอมนั้นจะได้ไม่เข้าใจผิดอีก แต่ตอนที่พูดประโยคนี้กับน้องชายเขากลับเอาแต่มองไปที่จูมี่เอินแทน คนที่กล้าหลอกหลวงเขาแต่กับซื้อบื้อขนาดนี้ เหอะ ทำไมเขาถึงโดนนางหลอกได้นะ ต่อมาเหรินโย่วหลุนเบนสายตาออกจากร่างในชุดขาวของจูมี่เอิน หันมามองตัวตนเหตุที่ทำให้เขาอารมณ์เสียเม

    Last Updated : 2025-01-27
  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนที่ 33 เป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิด

    "ได้ยินว่าเจ้าต้องการไปที่อารามในเมืองหลวง?" เขากุมข้อมือของนางไว้ในมือของตนเอง ผิวสัมผัสนุ่มลื่นเหมือนเต้าหูทำให้เขารู้สึกแปลกใจ แม้มองภายนอกจะรู้ว่านางเป็นหญิงสาวที่มีผิวพรรณดีคนหนึ่งทั้งทีอาศัยอยู่ในหมู่บ้านที่ห่างไกล แต่ใครจะไปคิดว่าตัวนางจะนุ่มขนาดนี้ นุ่มจนเขาเผลอออกแรงบีบไปไม่น้อย และยิ่งพอได้รู้ว่านางยังไม่ได้ผ่านพิธีกรรมเป็นนักบวชโดยแท้จริงเขาก็ไม่สนใจที่จะห้ามตนเองไม่ให้ถูกเนื้อต้องตัวนาง ตอนอยู่ในรถม้าเขายังให้นางพิงเขาไว้นานสองนาน เขาเองก็ใช่ว่าไม่เปลืองตัวนี่น่า ยามนี้แค่เขาขอจับนิดจับหน่อยคงไม่เป็นไรสินะ "เพคะ" พอได้ฟังคำตอบแล้วก็เผลอบีบข้อมือนั้นเพิ่มขึ้นอีกโดยไม่รู้ตัว นางยังตั้งใจจะไปจากเขาจริงๆ ช่างเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นอะไรเช่นนี้ เหรินโยว่หลุนหลุบตามองข้อมือเล็กที่พยายามจะดึงกลับไปหาเจ้าของ รอบมือของเขาที่กำแขนของนางอยู่บนผิวขาวๆ นั้นเป็นรอยขึ้นมา แค่เขาออกแรงบีบเบาๆ ยังเริ่มแดงขนาดนี้เลย ถ้าทำมากกว่านี้มันจะเป็นยังไงนะ...ความคิดไม่ดีมากมายผุดขึ้นในหัวที่ชั่วร้ายของเขา เหรินโยว่หลุนเงยหน้ากลับขึ้นไปมองคนที่อยู่ด้านบนหัวของตน "เจ้าอยาก

    Last Updated : 2025-01-27
  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนที่ 34 พอเป็นข้าเจ้าไม่ยินดี?

    "เพคะ?" นางตกใจจนเผลอเงยหน้าขึ้นมองเขาก่อนจะรีบหลบตาลงต่ำอีกครั้ง กฏของวังหลวงนางได้อ่านแล้ว ถึงการเข้าออกวังจะเข้มงวด แต่นักบวชไม่ได้มีคำสั่งห้ามออกจากวังนี่น่า หรือนางอ่านข้ามส่วนไหนไปกันนะ "ต้องให้พูดซ้ำอีกรอบรึไม่?" แม้น้ำเสียงเขาจะราบเรียบแต่ตอนนี้จูมี่เอินรู้แล้วว่าเสียงแบบนั้นของเขาไม่ปกติ "หม่อมฉันทราบแล้วเพคะ" จูมี่เอินโค้งหัวลงและยกฝ่ามือขึ้นกลางอกหนึ่งข้างทำท่ารับทราบในแบบนักบวช เหรินโยว่หลุนยิ้มบางพออกพอใจที่สามารถสั่งการนางได้ดั่งใจ แถมหลังๆ มานางก็รู้จักพูดมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน ตอนพานางมาจากอารามวันๆ ถามอะไรไปก็ทำเพียงส่ายหน้า ไม่ก็พยักหน้าแค่นั้น และไม่รู้ว่าเป็นเพราะนางอยู่ในอารามนานเกินไปรึยังไงใบหน้าเล็กๆ นั้นนอกจากจะตกใจแล้วก็ไม่ค่อยแสดงสีหน้าแบบอื่นให้เห็นอีกเลย ร่างสูงยืนขึ้น คิดจะทำตามความคิดในหัวเมื่อครู่ที่ตนนิ่งไป ก่อนหน้านี้ ที่เขานิ่งไปก็คือเขาวางแผนจะหาทางแกล้งนางยังไงดี ตอนนี้จึงเดินไปหานาง ตั้งใจจะหยิบถาดไม้มาถือ แต่ก็แอบเอามือของตนกุมมือเล็กไว้ปลายๆ เป็นดังที่เขาคาด จูมี่เอินตกใจจนชักมือกลับไปทันทีที่เขาสัมผัสโดนมือของนา

    Last Updated : 2025-01-27
  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนที่ 35 โรคระบาดของหมู่บ้านที่ไม่รู้ชื่อ

    "โรคระบาด ท้องร่วง มากับน้ำ หมู่บ้านทางเหนือ" จูมี่เอินคล้ายยังจมดิ่งไปกับความรู้สึกที่ได้เห็นภาพเมื่อครู่ในหัวของนาง "รู้ชื่อหมู่บ้านรึไม่?" "ไม่ทราบเพคะ" จูมี่เอินไม่รู้ว่าหมู่บ้านแห่งนั้นชื่ออะไร นางได้เห็นหมอคนหนึ่งส่งจดหมายขอความช่วยเหลือจากทางการ บนแผ่นกระดาษนั้นเขียนเพียงตัวสมุนไพรที่ต้องการและชนิดของโรคเท่านั้น ภายนอกโรงหมอนั้นนางได้ยินคนพูดถึงแค่ว่าหมู่บ้านทางเหนือ ภาพต่อมาก็เห็นผู้คนล้มตายจำนวนมาก "มีอะไรที่เป็นจุดน่าสังเกตรึไม่ จะได้รีบส่งทหารออกไปค้นหาหมู่บ้านที่เจ้าเห็น เผื่อจะได้ยับยังไม่ให้คนในหมู่บ้านดื่มน้ำนั้น" เหรินโยว่หลุนกำลังจะหันไปทางหน้าประตูเพื่อจะเรียกองครักษ์ด้านหน้ามาสั่งงาน แต่มือเล็กที่กำต้นแขนเขาไว้ก็บีบแน่น เขาหันกลับมามองนางก่อน เห็นดวงหน้างามเมื่อครู่ที่คราแรกมมีเพียงอาการตกใจตอนนี้กลับน้ำตานองเต็มสองแก้มนวล นางส่ายหน้า คล้ายเหม่อลอย แม้ดวงตาจะจ้องมองมาที่เขาโดยตรงแต่ราวกลับมองผ่านร่างของเขาไป "ฝ่าบาท..." นางเรียกเขาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เหรินโยว่หลุนรู้สึกถึงน้ำหนักที่แขนที่ตนเกี่ยวเอวบางไว้ รับรู้ได้ว่ายามนี้เ

    Last Updated : 2025-01-28
  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนที่ 36 ยัยเด็กซื่อบื้อรู้จักวางแผนเสียด้วย?

    "อะฮึ่มๆ" เหรินโยว่หลุนกระแอมไอรีบหันมองไปทางอื่น นึกถึงเมื่อครู่ว่าตนจะส่งให้ใครดูแลแล้วเสบียงกลับถูกยักยอกก็ยกยิ้มขึ้นมา คิดหาทางจัดการตัวโกงกินบ้านเมืองไว้ในหัวเรียบร้อย นอกจากจูมี่เอินจะช่วยเหลือชาวบ้านได้แล้ว นางยังได้ช่วยเขาจับโจรที่ชอบคดโกงบ้านเมืองได้ด้วย ถึงแม้นางจะไม่ได้เห็นว่าเป็นใครแต่ผลสรุปของเรื่องราวทำให้เขารู้ว่าคนที่เขาจะส่งไปช่วยชาวบ้านนั้นไว้ใจไม่ได้ ถึงเขาจะทำเป็นหลับหูหลับตามาตลอดกับเรื่องคดโกงบ้านเมืองของเหล่าขุนนาง หากแต่ครั้งนี้ความตายของราษฎรขึ้นอยู่กับเสบียงและยาในครั้งนี้ มันมากเกินจะทนหลับตาไม่สนใจได้อีก "ฝ่าบาทเพคะ" พอได้ยินเสียงหวานเรียกเขา เหรินโยว่หลุนก็หันกลับมามองนาง "ทำแผนซ้อนแผนดีรึไม่เพคะ?" คราแรกนางคิดจะให้ฮ่องเต้จัดการเรื่องยักยอกด้วยตนเอง แต่พอคิดไปคิดมารวมกับนิมิตรที่ได้เห็น นางว่านางสามารถช่วยเขาได้ แถมยังได้ช่วยชาวบ้านด้วย เหรินโยว่หลุนเลิกคิ้ว นางที่เขาเข้าใจว่าซื่อบื้ออ่อนต่อโลกกลับรู้จักวางแผนเสียด้วย จูมี่เอินยังไม่ได้บอกแผนในทันที นางขอให้เขาสั่งคนไปเตรียมยาสมุนไพรตามที่นางเขียนไว้ก่อนเพื่อไม่ให้เป็นการ

    Last Updated : 2025-01-28

Latest chapter

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนพิเศษ 8

    วันสถาปนา กัวเจียงมิ่งยืนอยู่รวมกับผู้คนสองฟากฝั่งของทางเดินในงานพิธี ดวงตาคู่คมมองสตรีตัวเล็กที่แต่งชุดเต็มยศ บนหัวเล็กๆ นั้นประดับไปด้วยเครื่องหัวหลากชิ้น ท่าทางการเดินที่มั่งคง ใบหน้าที่เรียบนิ่งแต่เป็นมิตร อาภรณ์สีแดงสดที่นางสวมคือลายหงษ์ปักด้วยด้ายทอง พอเห็นลูกศิษย์ใส่ชุดนี้แล้วก็นึกถึงวันแรกที่เจอกัน ยามนั้นเด็กน้อยก็สวมชุดสีแดงอยู่บนหลังของอาชาตัวใหญ่ คนตัวเล็กควบม้ามาหานางที่ลอยน้ำมาติดอยู่ข้างทาง กระโดดลงจากม้าด้วยความคล่องแคล่ว ออกแรงลากนางให้ห่างจากแม่น้ำที่ไหลเชี่ยว "แม่นาง แม่นางทำใจดีๆ ไว้ ข้าจะช่วยท่านเอง" นั่นคือคำที่จูมี่เอินกล่าวกับนางในครั้งแรกที่เจอกัน กัวเจียงมิ่งคิดว่าตนจะตายอยู่ที่นั่นเสียแล้ว นางได้รับบาดเจ็บมีแผลหลายแห่งแล้วพลัดตกน้ำมาไกล อีกทั้งที่ซึ่งนางพยายามตะเกียกตะกายขึ้นมาจากแม่น้ำนั้นก็ห่างไกลไร้ผู้คน แถมทางด้านหน้าที่สตรีชุดแดงควบม้าผ่านมายังมีต้นไม้และหญ้าหนาทึบ ต่อให้มีคนผ่านมาก็ไม่น่ามองเห็นนาง ทว่าสตรีตัวเล็กผู้นี้มาจากไหนไม่รู้ ราวกับตั้งใจมาหานางโดยเฉพาะ คนตัวเล็กสั่งม้าให้นั่งลงแล้วยกนางที่ตัวใหญ่กว่าให้ขึ้นไ

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนพิเศษ 7

    "เพราะนางคือหัตถ์เซียน นามเดิมของอาจารย์คือกู่เฟยเซียน" จูมี่เอินได้รู้ความลับนี้ผ่านการมองเห็นของนางในช่วงจังหวะหนึ่งหลังจากที่ใช้ชีวิตอยู่กับอาจารย์มาสักพักแล้ว หลอมรวมกับที่เคยสังเกตการณ์ดูก็พบว่ากัวเจียงมิ่งนั้นสามารถทำให้คนเจ็บหายป่วยได้ในเร็ววันกว่าที่ตำราบอกไว้มากนัก "ตอนเด็กข้าเคยอ่านเจอเกี่ยวกับคนที่มีพลังวิเศษเหนือคนทั่วไป นั่นเป็นครั้งแรกที่ข้าได้สัมผัสความรู้สึกดีอย่างหนึ่งว่าตนเองไม่ใช่คนที่แตกต่างจากคนอื่น ยังมีอีกหลายคนที่คล้ายกันกับข้า คราแรกที่ได้อ่านข้าสะดุดชื่อของนางและความสามารถของนางเป็นที่สุด ตอนที่ได้เจอกันข้ายังไม่รู้ว่านางคือคนที่ข้าเคยอ่านเจอในตำรา แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งในนิมิตร ข้าเห็นคนเจ็บและคนผู้นั้นไม่รอด ข้าพยายามเปลี่ยนนิมิตร ต่อมาจึงเกิดนิมิตรใหม่ขึ้น ในนิมิตรที่สองข้าไปช่วยคนเจ็บไว้แล้วพามาให้นางรักษา คนที่ไม่น่ารอดก็สามารถรอดได้อย่างปาฏิหาริย์ แต่เรื่องเหล่านั้นก็ไม่ได้เกิดขึ้นจริง เพราะข้าหาของไปขวางทางไว้ก่อนที่คนผู้นั้นจะเดินทางผ่านถนนเส้นหนึ่งซึ่งจะมีต้นไม้โค่นลงมาใส่เขา ภายหลังพอจับสังเกตดูและแน่ใจแล้วก็ลองถามท่านอาจารย์ออกไป นางก็เลยเล่

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนพิเศษ 6

    ...... วันต่อมาก็ได้เวลาเดินทางกลับวังหลวง รอบนี้มีอาจารย์และโม่โฉวติดตามกลับไปร่วมงานสถาปนาด้วย นอกเหนือจากนั้นแล้วยังมีคนเจ็บอีกคนที่ต้องพาเขากลับไปส่งบ้าน ซึ่งเป็นทางผ่านพอดี ที่รถม้าคันหน้า "กัวเจียงมิ่งท่านมายืนทำอะไรหน้ารถม้าผู้อื่น" เหรินโย่วหลุนเอามือพ่ายหลัง หันมองไปที่อื่น แสดงท่าทางวางอำนาจเต็มที่ แผ่รังสีความเป็นฮ่องเต้ที่มีมาแต่กำเนิดออกไปโดยรอบเพื่อกดดันสตรีชุดฟ้าหน้าไม่อายข้างกาย "สตรีก็ต้องนั่งไปกับสตรีด้วยกันสิ นู้น บุรุษไปขึ้นคันหลัง" กัวเจียงมิ่งเลียนแบบท่าทางเหรินโย่วหลุน นางหมุนตัวเอาหลังหันให้รถม้า ยืนเคียงข้างคนตัวสูงที่สูงเกือบเท่ากันแถมมือพ่ายหลังและหันหน้าไปทางเดียวกัน "สตรีหรือ? ท่านเหมือนสตรีตรงไหนกัน" รถม้าคันหลังนั้นมีคนเจ็บขึ้นไปก่อนแล้วและมีโม่โฉวเป็นคนคุมม้า ความจริงเขาก็ไม่ติดอะไรแม้รถม้าเก่ามากและจะต้องนั่งไปกับราษฎรของตนเอง แต่ที่นั่นไม่มีทั้งภรรยาไม่มีทั้งบุตรชาย เขาจึงไม่อยากไปนั่ง เขาห่างจากภรรยามาถึงสองปีแล้ว ได้อยู่ด้วยกันทั้งวันก็ยังคิดว่ายังไม่พออยู่ดี ยามนี้ยังต้องมานั่งแยกกันอีกเกือบสามวัน ยังไงเขาก็ไม่ยอม "เห

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนพิเศษ 5

    "เดี๋ยว! ท่านจะทำอันใด?" จูมี่เอินรีบเอาตัวไปยืนขวางโม่โฉวไว้ "เจ้าปกป้องเขา?" เหรินโย่วหลุนแทบไม่อยากเชื่อ "อย่าบอกนะว่าเขาเป็นพ่อของเด็กคนนั้น" ทั้งที่ได้ยินเต็มสองหูแล้ว แต่เขาก็ยังอยากจะถามย้ำให้แน่ใจอีกรอบ "ใช่...อย่า!" จูมี่เอินเห็นเหรินโย่วหลุนยกมือสั่งฟางอี้ให้เข้ามาทางโม่โฉวนางก็รีบเบี่ยงตัวปิดคนด้านหลังไว้มากกว่าเดิม "เขาเป็นพ่อบุญธรรม เป็นพ่อบุญธรรม!" ก่อนจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นนางรีบพูดต่อให้จบประโยค เพราะไม่คิดว่าก่อนหน้านี้เขาจะไม่เข้าใจจริงๆ ตอนนั้นฟางอี้ก็หยุดเท้าลงพอดี พร้อมกับเก็บมีดลับที่ดึงออกมาจากไหนไม่รู้กลับไป เพราะการเดินทางฮองเฮาบอกไม่ให้สะดุดตา จึงต้องเก็บดาบที่ใช้ประจำไว้ในรถม้า แต่เขาเป็นองครักษ์ส่วนพระองค์ย่อมไม่อาจปล่อยปะละเลยความปลอดภัยของฮ่องเต้ได้ จึงได้พกมีดสั้นที่ยาวจนถึงข้อศอกซ่อนไว้ในกายด้วย "?!" เหรินโย่วหลุนเลิกคิ้วขึ้นสูง ตอนที่ได้ยินจูมี่เอินบอกว่านั่นเป็นลูกนางเขาก็คาดเดาไปหลายอย่าง คิดว่าอาจเป็นลูกของเขาแต่เพราะท่าทางที่สนิทสนมของภรรยากับคนผู้นั้นดูไม่ปกติ แถมเด็กน้อยก็เรียกคนด้านหลังว่าท่านพ่อ แล้วภรรยาก็ดันมาบอกอีกว่

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนพิเศษ 4

    ....... "เจ้าอยู่ที่นี่มาตลอดหรือ" "ใช่แล้ว" จูมี่เอินยกกาชามาวางที่โต๊ะน้ำชา นั่งลงแล้วรินชาให้สามีก่อนจะรินให้ตัวเองทีหลัง "นี่ก็เป็นชาที่ข้าดื่มตลอดสองปีเช่นกัน ไม่หอมมาก หากแต่เมื่อลองได้จิบทีละนิดและมองออกไปที่ป่าไผ่ ต่อจากนั้นค่อยๆ หลับตาฟังเสียงลมที่กระทบผ่านไป ก็พอที่จะทำให้ชารสชาติธรรมดาเช่นนี้พิเศษขึ้นมามากกว่าเดิม ชนิดที่ว่าต่อให้หาที่ไหนก็หาไม่ได้อีกแล้ว" จูมี่เอินยกจอกชาขึ้นมาจิบทำท่าหลับตาพลางพูดอธิบายไปด้วย "..." เหรินโย่วหลุนก็ลองทำตาม จิบชามองป่าไผ่ หลับตาและฟังเสียงลมที่กระทบกับใบของต้นไผ่ "สงบยิ่งนัก" แถมยังได้กลิ่นของธรรมชาติที่สดชื่นลอยมาตามลมด้วย จูมี่เอินเองสองปีกว่าที่ผ่านมา ทุกครั้งที่มีเวลาว่างมานั่งจิบชาและได้ใช้เวลาอยู่กับตนเอง เมื่อจิบชาไปด้วยแล้วได้มองป่าไผ่ ทั้งที่ทำให้รู้สึกสบายใจแต่กลับทำให้นางนึกถึงสามีทุกครั้ง หลังจากที่มานั่งจิบชาคนเดียวทีไรต่อมานางก็จะต้องหาอะไรทำเพื่อไม่ให้ตัวเองได้มีเวลาคิดถึงเขาอีก ช่างเป็นช่วงเวลาที่สงบสุขแต่ก็เศร้าใจในคราเดียว "เสียดายที่ไม่มีท่านอยู่ที่นี่" จูมี่เอินเอ่ยความรู้สึกออกมาจากใจจริง ลืมตาข

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนพิเศษ 3

    ....... การเดินทางด้วยรถม้าเพื่อมาที่หมู่บ้านตงนั้นใช้เวลาเกือบสามวันเพราะมีแวะพักบ้าง ไม่เหมือนกับตอนแรกที่เหรินโย่วหลุนเร่งเดินทางอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อแบกภรรยากลับวังในตอนนั้น แต่ก็ใช้เวลาไม่นานเกินที่คาดการณ์ไว้พวกเขาก็มาถึง หน้าโรงหมอกัว หมู่บ้านตง "แปลกจัง..." จูมี่เอินที่ถูกเหรินโย่วหลุนประคองลงรถม้ามาก็มองไปที่รั้วไม้ไผ่ของโรงหมอซึ่งถูกเปิดแง้มไว้ "มีอะไรผิดปกติหรือ?" เหรินโย่วหลุนถามพลางยกมือขึ้นในระดับหัว เตรียมจะส่งสัญญาณให้องครักษ์เงาของตนที่แอบอยู่รอบตัวบุกเข้าไปด้านใน "เดี๋ยว!" ดีที่จูมี่เอินสังเกตทัน รีบยกมือดึงแขนของเขาลงทันที พอห้ามคนสั่งการได้แล้วนางก็ผ่อนลมหายใจออกมาแผ่วเบา เกือบเป็นเรื่องไปเสียแล้ว "ข้าแค่แปลกใจเล็กน้อย อาจารย์ปกติมักจะเอาแต่นั่งดื่มชามองต้นไผ่อยู่ที่โต๊ะน้ำชาตรงนั้นและไม่ค่อยเปิดรั้วทิ้งไว้ แต่บางทีนางอาจไปพักด้านในแล้วก็ได้" "อ่อ..." เหรินโย่วหลุนลากเสียงยาว ที่แท้นอกจากปากเสียแล้วก็ไม่ทำอะไรนอกจากจิบชาสินะ เป็นคนที่ขี้เกียจเสียจริง จูมี่เอินเปิดประตูเข้าไปด้วยความเคยชินและออกตัวเดินนำไปก่อน เมื่อได้กลับมา

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนพิเศษ 2

    ....... รถม้าเดินทางออกจากวังแล้ว จูมี่เอินเลือกรถม้าที่ดูธรรมดาที่สุดแต่ก็ยังถือว่าค่อนข้างเตะตาไม่น้อย การเดินทางรอบนี้มีเพียงฟางอี้ที่เป็นคนขับรถม้าตามมาด้วยเท่านั้น เพราะจูมี่เอินไม่อยากให้สะดุดตา แต่นางก็รู้ว่าสามีได้เตรียมองครักษ์เงาให้ตามอยู่ห่างๆ แล้ว "ข้างนอกคึกคักยิ่งนัก" จูมี่เอินเลิกม่านมองดูเมืองหลวงที่ตนไม่ได้กลับมานานถึงสองปี ตื่นเต้นจนถึงขั้นเกาะขอบหน้าต่างดูเหมือนเด็กน้อยที่ไม่เคยออกจากบ้าน "อดีตผู้สำเร็จราชการแทนทำงานได้ดี" เหรินโย่วหลุนยามนี้ใส่ชุดสีเขียวอ่อนกำลังนั่งกอดอกพิงพนักที่นั่งและมองดูด้านนอกรถม้าเช่นกัน ตอนนี้คือยามอู่[1] ผู้คนเลยสัญจรไปมาค่อนข้างมาก ของขายข้างทางก็มีไม่น้อย เหรินโย่วหลุนเองก็รู้สึกแปลกตาเช่นกัน แต่ก็รักษาท่าทีสุขุมไว้ ([1] ยามอู่ 11.00 น. -12.59 น.) "..." จูมี่เอินนิ่งไปสักพักเมื่อเห็นสตรีงดงามผู้หนึ่งเดินเคียงมากับบุรุษที่เหมือนจะคุ้นหน้าก็ขมวดคิ้วมอง "อาหลุน คนนั้นไม่ใช่...ฟู่เจาหยางกระมัง" "..."เหรินโย่วหลุนทันทีที่ได้ยินชื่อบุรุษอื่นออกจากปากของภรรยาก็หรี่ตาลงด้วยความไม่สบอารมณ์ ขยับเอนตัวไปมองผ่านศีรษะขอ

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนพิเศษ 1

    ตอนพิเศษ 1 หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป เหรินโย่วหลุนเห็นถิงถิงวิ่งเข้ามาขอเข้าเฝ้าหน้าตื่นก็ลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา ด้วยวางใจว่าตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา ภรรยาดูท่าตกลงปลงใจจะอยู่กับเขาไม่หนีไปไหนอีก เขาจึงกลับมาทำงานดังเดิม แต่ท่าทางของถิงถิงก็ทำกังวลขึ้นมา เหรินโย่วหลุนไม่แม้แต่จะรอเรื่องที่ถิงถิงได้รายงานก็รีบวิ่งออกจากห้องทรงงานของตนไปแล้ว เป็นดังคาด เมื่อเข้ามาถึงที่ห้องก็พบว่าภรรยากำลังเก็บเสื้อผ้าอยู่ "มี่เอิน เจ้าจะไปไหน!!!" เหรินโย่วหลุนตะโกนลั่นตำหนัก ดังไปไกลหลายจั้ง[1] ทำเอาคนที่กำลังหันหลังจัดห่อผ้าอยู่สะดุ้งเฮือก "อาหลุน..." คนตัวเล็กหันมาเรียกหาเขาเสียงเบา ตอนแรกยังยกยิ้มตาหยีส่งไปเพื่อระงับโทสะของอีกฝ่าย หากแต่เมื่อเห็นสามีเดินหน้าตั้งเข้ามาหาด้วยใบหน้าโกรธขึงนางก็หุบยิ้มลง หมุนกายรีบปีนหนีขึ้นเตียงไป ด้วยความตัวเล็กท่าทางตอนหนีเลยดูเหมือนกระต่ายน้อยกำลังกระโดดไปมา "ท่าน ท่าน! ใจเย็นก่อน" นางร้องเสียงหลง ไต่ตัวเข้าไปด้านในสุดของเตียง แต่พบว่าตนเองตัดสินใจผิดเสียแล้ว นอกจากทางที่เพิ่งขึ้นมาเมื่อครู่ รอบด้านก็ไม่มีทางให้หลบหนีอีก "จะหนีไปไหนอีก" เ

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   167 สัญญาที่จะอยู่ด้วยกันจนผมขาวนั้น จะคงเป็นนิรันดร์ตลอดไป (จบบริบูรณ์)

    จูมี่เอินยืนนิ่ง จ้องมองบานประตูตำหนักของเหรินเยว่เทียนเพราะเพิ่งโดนไล่ออกมา ก่อนจะหันมองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของตน เอาเถอะ แม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังโดนไล่ออกมา นางเองก็ควรปล่อยให้เหรินเยว่เทียนได้พักผ่อน จูมี่เอินจึงคิดจะกลับตำหนักของตนเอง "จะไปที่ใด?" เหรินโย่วหลุนเพียงแค่เห็นภรรยาขยับกายก็เอ่ยปากถามอีกรอบ วันนี้เขาพูดประโยคนี้ไปกี่ครั้งแล้วก็ไม่อาจนับได้ครบ "กลับตำหนัก" ความจริงแล้วเหรินโย่วหลุนไม่น่าถาม ที่ที่จูมี่เอินจะไปก็มีแค่ตำหนักของตนเองเท่านั้น หรือในตอนนี้ก็คือตำหนักบรรทมของฮ่องเต้นั่นเอง เพราะเขาไม่ยอมให้นางย้ายไปอยู่ที่ตำหนักในวังหลังเหมือนเมื่อก่อน กฏวังหลังถูกเขาเมินไปเสียแล้ว ครั้นพอได้นึกถึงก็คิดว่าที่แห่งนั้นยามนี้ต่อให้ไม่เหมือนในนิมิตรที่ถูกรื้อจนไม่เหลือเค้าเดิม แต่ก็คงเงียบเหงาไม่ต่างกัน พอคนตัวเล็กเดินนำ เหรินโย่วหลุนก็เดินตาม "..." ระหว่างทางเขาก็มองท้องฟ้า ยังไม่มืด หันมองภรรยาที่ร่างกายยังไม่หายดีจากรอยช้ำที่เขาทำไว้ก็ได้แต่ถอนหายใจเบาๆ หากรู้ว่าเรื่องจะมาถึงยามที่เขาและนางสามารถกลับมาอยู่ด้วยกันได้ปกติโดยที่นางไม่คิดหนีไปอีก หลายวันที่

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status