“เด็กๆ ตบปาก”
เสียงเข้มทรงอำนาจ หญิงสองสามคนตรงเข้ามาจับตัวแพรวาไว้ทั้งแขนขา ป้าร่างอวบอ้วนเดินเงื้อมือมาแต่ไกล
“จะทำอะไรฉันปล่อยนะ”
เอาจริงแน่เลย มืออวบอูมเกือบฟาดลงบนปากสวยของแพรวา โหดร้ายเธอป่วยอยู่นะถ้าไม่มีเสียงขานดังมาขัดจังหวะ
“ฮ่องเต้ เสด็จ”
มืออ้วนๆ ชะงัก
“ปล่อยนาง”
คนตัวสูงเดินสาวเท้ายาวๆ เข้ามาอย่างรวดเร็ว
“คารวะฮ่องเต้ทรงพระเจริญหมื่นปี”
ประสานเสียงพร้อมเพรียงกัน
“นางทำอะไรผิด หรือเสด็จแม่”
ไทเฮามองหน้าลูกชายด้วยแววตาสนเท่ห์
“วาจานาง ต่างจากพวกชนชั้นสูง หยาบคาย ทั้งกิริยาไม่น่ามอง”
“เพียงเท่านี้ท่านก็กล่าวโทษนางแล้วหรือ”
“แม่ปกครองวังหลัง ฮ่องเต้ก็ทราบดี ถ้าแม่ไม่ลงโทษนางต่อไปใครจะเกรงกลัว หยางหลงฮ่องเต้ก็รีบแต่งตั้งฮองเฮาเสียแม่จะได้วางใจ”
“นางไม่มีตำแหน่งใดๆ ไม่รู้ที่มาที่ไป อีกทั้ง ไม่ใช่คนในวังต้องห้ามหรือวังใดๆ แล้วยังล้มป่วย เสด็จแม่จะลงทัณฑ์คนป่วยไข้ได้อีกหรือพ่ะย่ะค่ะ”
ไทเฮา ระงับอารมณ์โกรธได้แต่ หันหน้าไปทางอื่น
“กษัตริย์ตัดแล้วไม่คืนคำ แม่เป็นแม่กษัตริย์ฮ่องเต้จะให้แม่คืนคำได้หรือ”
“เสด็จแม่กดดันลูก อย่างนั้นไม่สู้ ลูก... แต่งตั้งนางเป็น ฮองเฮาเสียดีกว่า”
นั่งลงกันอย่างเร็วเสียงกระโปรงดังพรึบพรับทั้งสนมฮุ่ยและ พวกขันที
“ฮ่องเต้ โปรดไตร่ตรอง”
ฮ่องเต้หน้าหล่อมองคนนู้นคนนี้อย่างผู้ชนะ
“ลุกขึ้น ข้าแค่ อยากรู้ว่าในวังนี้ข้าเป็นฮ่องเต้หรือใครกันแน่ที่เป็นฮ่องเต้” ไทเฮายิ้มเยือกเย็น
“ฮ่องเต้ อย่าได้เป็นกังวลไป แม่เองแค่เพียงอยากรู้ว่า แม่นาง ...คนนี้สำคัญกับฮ่องเต้ เหมือนที่สองสามวันมานี้มีข่าวลือไปถึงแม่หรือเปล่า”
แพรวาขมวดคิ้วดกสวยเข้าหากัน คนสำคัญจริงๆ ตัวเธอนี่ มีแขกมาเยือนเต็มไปหมดว่าแต่ นี่เรื่องจริงหรือในหนัง ไม่ได้แล้วแบบนี้ต้องหาคำตอบโดยเร็ว
“ว่าแต่นางมีนามว่าอะไร “
ไทเฮาเปลี่ยนท่าทีเป็นอ่อนหวาน
เวรแล้วชื่ออะไรดีวะ รายชื่อนางเอกหนังจีนหลายชื่อ วนเวียนอยู่ในสมอง หยางมี่ ไม่เอาๆ สวยไป หลิวซือซือ โห่คนรู้จักเยอะ หลิวอี้เฟย ดังไปไหม จ้าวลี่อิง น่ารักไปเหอะ จ้าวลู่ซื่อ เสี่ยวจ้าน หยางจื่อ หมีเซียะเอาชื่อนี้ดีไหม นะชื่อโบราณดี
“เฟยลี่เสด็จแม่ ..นางชื่อเฟยลี่” (โบยบินอย่างงดงาม) เสียงฮ่องเต้หนุ่มเอ่ยออกมาเมื่อเห็นว่าแพรวาไม่มีท่าที จะบอก
“ชื่อ ดี ความหมาย เพราะ เป็นแม่ที่ประเมินนางผิดไป”
“ลูกเองยังไม่รู้จักนางดีเท่าไหร่คงต้องใช้เวลา... กับ...นางอีกนานกว่าจะรู้จักนางมากกว่านี้”
จะมาใช้เวลาอะไรกับเธอแพรวาคิดคงพูดประชดแม่ ไปตามเรื่อง เฮ้อถ้าเป็นการย้อนเวลาเหมือนในหนังคงเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมากไม่ใช่แค่ย้อนเวลาอย่างเดียว ยังมาต่างชาติต่างภาษาอีกซวยเลยแพรวา เธอเองต้องหาทางกลับไปโลกของเธอให้เร็วที่สุด แต่ว่าจะทำอย่างไร
“วันนี้ให้นางพักผ่อนไปก่อน เสี่ยวโอ เจ้าตามหมอหลวงหรือยัง”
ประโยคสุดท้ายหันไปยังเด็กหนุ่ม ที่คงจะเป็นขันทีประจำกาย
“พ่ะย่ะค่ะ หมอหลวงทรงรอพระบัญชาอยู่ข้างนอก”
“หม่อมฉันทูลลาเพค่ะ”
สนมฮุ่ย ย่อตัวพร้อมสาวใช้
“แม่ก็คงต้อง ไปเช่นกัน”
“สนมฮุ่ยเสด็จ”
แววตาอ่อนหวานซ้อนขึ้นมองฮ่องเต้ ด้วยแววตาเชื้อเชิญอาลัยอาวรณ์
“ไทเฮาเสด็จ”
ไปเสียให้หมด คนร่างสูงไม่ยักกะไปมองมาที่เธอเขม็ง
“คราวหลังต้องระวังตัว ในวังแห่งนี้ ถ้าพลาดเพียงก้าวก็เหมือนตกเหวทั้งชีวิต”
ไม่มีคราวหลังยะขอบอก
“เจ้าใช้ชื่อเฟยลี่ ไปก่อนแล้วกันหากนึกชื่อเจ้าได้เมื่อไหร่ค่อยบอกข้า”
รู้ได้อย่างไรฟะ เดาเก่งจริง
“เสี่ยวโอ เชิญหมอหลวง”
ชายแก่ร่างกายยังแข็งแรงหากแต่แววตาค่อนข้างเป็นมิตร
นั่งคุกเข่าก่อนจะ เดินมาจับชีพจรของเธอแพรวาทำตัวนิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อรักษาท่าที
“ร่างกายนางฟื้นฟู เกือบจะเต็มที่แล้ว หม่อมฉันจะจัดยาให้อีกเทียบหนึ่ง “
หันหน้ามาหาแพรวากระซิบเบากริบ
“ยาเทียบนี้เจ้าจะขาดไม่ได้ ไม่เช่นนั้นเจ้าจะฟังภาษาเราไม่เข้าใจ”
แพรวาตะลึงงัน น่านนนนงัยมาแล้วเงื่อนงำ ว่าแล้วทำไมเข้าใจภาษาจีนโบราณเหมือนภาษาตัวเองเลยทีเดียว ตาหมอหลวงคนนี้ต้องมีส่วนรู้เห็นกับการ เดินทางย้อนเวลาของเธอแน่ๆ
“ฉันต้องทำอย่างไรบ้าง”
แพรวากระซิบตอบ
รอยยิ้มที่มีเลศนัยนั้นไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกมา
“เสี่ยวโอ ส่งเทียบยาให้นางกำนัล แล้วให้ปรุงยามาให้นาง”
“น้อมบัญชา ฝ่าบาท”
“มันเป็นชะตาของเจ้า ข้าเป็นเพียงผู้ช่วยเหลือและนำสารมาสู่เจ้า”
งงงงไหมล่ะนั่น ใครเป็นคนทำให้เธอมาอยู่ตรงนี้นะหมอหลวงจากไปเหลือไว้เพียงฮ่องเต้ขี้เก็ก
สงสัยจังในนิยายจีนฮ่องเต้มักจะแก่ง่ำเหงือกทำไมองค์นี้ หล่อ......รัสเซียขนาดนี้ ขยับตัวเข้ามาใกล้เมื่อไม่มีใคร อยู่ภายในห้องแล้วเอาหล่ะว้าฮ่องเต้มักจะสายหื่น สนมมากมาย เสร็จแน่แพรวา
“เจ็บตรงไหนไหม”
ดวงตาเบิกกว้างคิดผิด555เป็นห่วงนี่หน่า
“ไม่ ค่ะเออคือไม่ฉัน เออข้าไม่ได้เจ็บปวดตรงไหน”
รอยยิ้มโลกสว่างนั้นแฝงไว้ด้วยความขบขัน.ใบหน้าหล่อเหลาน่ามองเรียบเนียนเหมือนหลุดมาจากภาพวาด ในกูเกิ้ลมีแต่ภาพฮ่องเต้แก่ๆ พุงพลุ้ย
“ต้องแทนตัวเองว่า หม่อมฉันหรือข้าพระองค์ เจ้านี่สงสัยต้องส่งไปฝึกมารยาท กับไทฮองไทเฮา พระอัยยิกาสักพัก”
แพรวาเชิดหน้าจมูกรั้น ด้วยความทะนงตน หาว่าเธอมารยาทไม่ดี
ขยับเข้ามาใกล้ทรุดตัวลงนั่งข้างๆบนเตียง เอื้อมมือแตะหน้าผากแพรวาเบี่ยงตัวหลบ กับถูกล็อกไว้ด้วยแขนอีกข้างของหยางหลงฮ่องเต้
“อย่าดิ้นไป ข้าแค่จะดูว่ามีไข้ไหม”
แพรวาเม้มริมฝีปากหันหน้าตรง เพียงไม่กี่กระเบียดนิ้ว จมูกเป็นสันอยู่ใกล้แค่นิดเดียวทั้งคู่ชะงักอยู่แค่นั้นใจสั่นในทันที
แพรวาสงบใจ....ไว้ เพิ่งจะผ่านเรื่องราวของผู้ชายหลอกลวง ภาพชายสองคนนอนกกกอดกันอยู่บนเตียง แพรวาเกิดความโมโหขึ้นมาทันทีผู้ชายเป็นแบบนี้ทุกคนไม่สิ คนที่เธอรักนั้นไม่ใช่ผู้ชายเต็มตัวถ้าเป็นผู้ชายต้องไม่เป็นแบบนี้ ส่ายหน้าไปมาช้าๆ หยางหลงฮ่องเต้อมยิ้มในท่าทางของเธอ คงไม่เคย... เข้าใกล้ผู้ชายเป็นแน่แท้ใจไหวยวบด้วยความรู้สึกบางอย่าง ผ่านหญิงมาก็เยอะสนมก็แยะไม่เคยใจสั่นแบบนี้มาก่อน
“เจ้าเขินอายเยี่ยงนี้ ข้าไม่กวนใจเจ้าแล้ว”โอ้โห้ขึ้นเลยสำคัญตัวผิด“ใครบอก ฝ่าบาทพูดเองคิดเอง ข้าพระองค์แค่คิดถึง...คนรักเก่า”คิ้วคมขมวดเข้าหากันแสดงอาการไม่พอใจ“เจ้าเมื่อมาอยู่ในตำหนักข้า ก็คงจิตใจบอบซ้ำจะคิดฆ่าตัวตายก็ไม่แปลก แต่คำพูดนั้นตรงไปหน่อย กิริยาไม่แน่ว่าเป็นหญิงงาม”ล้ำลึกจริงๆ คำพูด“การเป็นหญิงงามก็เหมือนดอกเหมยยามโดนลมหนาว ไหวเอนก็เพียงนิดหน่อยจะแกว่งไกวก็คงไม่เหมาะ เพราะดอกเหมยถูกสร้างมาเพียงเพื่อทานลมหนาว”โอ้แพรวา เจอ คำคมล้วนๆ เป็นดอกเหมยก็ขอเป็นดอกเหมยสีแดงละวะจัดจ้านดี“ฝ่าบาทว่าข้าพระองค์ฆ่าตัวตายมิสู้ เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมว่าหม่อมฉันตกลงไปในน้ำได้อย่างไร”“เจ้าร่วงลงมาจากสะพานหรือที่ไหนไม่อาจรู้ได้ อย่างนั้นข้าจึงเรียกเจ้าว่าเฟยลี่ ข้าเองกำลังหารือกับเสนาบดีอยู่ อากาศหนาวเช่นนั้นใครจะลงไปช่วย”นึกย้อนไปเมื่อครั้งรับเสื้อคลุมมาจาก เสี่ยวโอขันทีน้อย คลุมร่างบางที่เปียกปอนจนเสนาบดีสองสามคนต้องลงทุนคุกเข่าทัดทานว่าเสื้อคลุมมังกรจะใช้คลุมให้หญิงสาวนั้นไม่อาจทำการเป็น ผู้อยู่สูงสุดของแผ่นดีนี่มันยากลำบากนัก“แล้วฝ่าบาททรง เห็นวัตถุอื่นใดไหม”เผื่อจะเห็นรถคันโปรดของ
“หลานน้อมบัญชาเสด็จย่า”“กุ้ยเหริน เจ้ากลับไปก่อนย่ามีเรื่อง หารือกับฮ่องเต้เพียงลำพัง”“ลู่เอินกุ้ยเหริน ทูลลา” กิริยางดงามน่ามองเป็นที่ต้องตาของทั้งบุรุษและสตรี แม่ทั่วหล้าอาจมีเพียงหนึ่งเดียว แม้แต่พระอัยยิกายังพึงพระทัย แต่หาใช่กับฮ่องเต้ไม่“เห็นไหมล่ะเจ้าไม่อาจละเลยหญิงงามอย่างกุ้ยเหรินได้ งดงามหาหญิงใดเปรียบ อย่าเอาอดีต มาทำให้ชีวิต จมอยู่ในความเศร้า”“ลืมได้อาจไม่ลืม ไม่ลืมกลับอยากให้ลืม หลานยังคงยืนยันคำเดิมนางคือนางในดวงใจของหลานเพียงผู้เดียว”“ทำไมฮ่องเต้ยังคงดื้อรั้น ย่าและหลายคนพยายามที่จะสรรหาหญิงงามทั่วหล้าแต่ฮ่องเต้กลับใช้เวลากับพวกนางแค่เพียงหนึ่งคืน”“เป็นเพราะหลานไม่อาจลืม เหมยเจียงนางยังอยู่กับหลานตราบลมหายใจ”“ย่าจะคอยดู ว่าฮ่องเต้จะเป็นแบบนี้อีกสักเท่าไหร่ คนเรามีความรักได้ครั้งที่ร้อย ยิ่งป็นฮ่องเต้ความรัก ไม่ใช่ส่วนประกอบเดียว” รอยยิ้มมีเลศนัยของอัยยิกาทำเอา ฮ่องเต้เริ่มหวาดกลัวหัวใจของตัวเองแพรวานั่งนอนอยู่บนที่นอนจนเบื่อเดินออกมาภายนอกเห็นประตูไม่ได้ล็อก เดินไปบนทางเดินที่มีดอกไม้ที่แพรวาไม่เคยเห็นมาก่อนสองข้างทางสวยงาม ชุดรุ่มร่ามที่ใส่อยู่มองแปลกตาแต่สวยอย
แพรวามัวแต่มองคนที่เป็นฝ่าบาทจนชนเข้ากับคนที่ทำความเคารพ ล้มลงไปบนตัก อ้อมแขนของท่านโหวโอบรอบเอวบางด้วยความรวดเร็วแพรวายิ้มอย่างอายๆเกือบขายหน้า ฮ่องเต้ขยับตัวแต่กลับเปลี่ยนใจทำมาดนิ่งเหมือนเดิม“แม้นางจะยังไม่ได้รับการแต่งตั้งในตำแหน่งใด แต่นางก็พำนักอยู่ที่ตำหนักข้า ท่านโหวกรุณาแล้ว แต่ไม่อาจรบกวน”เดินมาฉุดร่างแพรวาขึ้นจากตักท่านโหวสายตาดุเข็มเชือดเฉือนกัน สงสัยจะไม่ค่อยลงรอยกันแพรวาคิด“ฝ่าบาท กล่าวเกินไปแล้ว โหวหยางจื้อมิกล้า เพียงเพราะบังเอิญได้มีโอกาสสนทนากับแม่นาง...เฟยลี่ จึงทราบว่าแม่นางแค่ผ่านมาพักพิงมิได้ดำรงตำแหน่งใดใดในวังหลัง”โอโห้ เชือดเฉือนเหมือนกัน ไม่เบาไม่เบา แต่ไม่ค่อยจะเข้าใจ ไอ้ที่พูดมาเลย พูดกันตรงๆไม่ได้เหรอ ปากก็บอกมิกล้าแต่ทำไมถึงเหมือนกับเหน็บแนมชอบกลประมาณว่าช้าไม่มีสิทธิ์ฮ่องเต้ก็ไม่มีสิทธิ์“อย่างนั้นข้าคงต้อง มอบตำแหน่งใดให้นางกัน ในเมื่อเจ้าก็ดูเหมือนจะพึงใจในตัวนาง”อะฮ้าพูดกันตรงๆ แบบนี้เลยเหรอฟะ เคยถามแพรวาสักคำไหมว่าพึงใจใครบ้างคงต้องขอเวลาทำใจแป็บเพิ่งจะอกหักมา“ในเมื่อฝ่าบาท เอ่ยมาเช่นนี้โหวหยางจื้อก็อยากเสนอตำแหน่งให้แม่นางเฟยลี่ ด้วยความมิบั
“ฝ่าบาท จะให้ทำอะไร”“เจ้าแค่ยอมเสียสละอิสรภาพตัวเจ้า เข้ามาอาศัยอยู่ในตำหนัก สวมบทบาทว่าเจ้าเป็น คนโปรด”“ทำไมต้องเป็นแบบนั้น”“ข้าไม่อาจขัดบัญชาไทฮองไทเฮา เรื่องการเลือกป้ายรายชื่อสนมให้มาคอยปรนนิบัติในแต่ละคืน”อ๋ออย่างนี้นี่เอง“ถ้าเจ้าสามารถทำให้พวกนาง ออกไปจากตำหนักได้ยิ่งเป็นการดี”“แล้วข้าพระองค์จะไม่ไปลำเส้นใครในนี้รึฝ่าบาท”“เจ้ายังกลัวใครอีกในเมื่อข้าคือ ฮ่องเต้ และเป็นผู้ที่ คอยปกป้องการกระทำของเจ้า”งานง่ายๆแค่เขี่ยพวกผู้หญิงของฮ่องเต้ให้กระเด็น“ข้าพระองค์จะได้อะไรเป็นรางวัล”"ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยากได้ และป้ายหยกนี้ ข้ามอบให้เจ้าเห็นป้ายหยกเสมือนเห็นตัวข้า”ว้าวๆ ๆ ๆ อำนาจในมือแพรวาตาวาว“ข้าจะแต่งตั้งให้เจ้าเป็นข้าหลวงหญิง และระหว่างนี้ไม่ว่ากับใคร เจ้าต้องแสดงท่าทีว่าเป็น...คนสนิท...และเป็นที่โปรดปรานของข้า” ตลกล่ะเพิ่งจะอกหักมาจะมีอารมณ์ทำเรื่องแบบนี้ไหม แล้วทางกลับบ้านของเธอเล่า ฮ่องเต้เหมือนจะจับสังเกตได้เมื่อแพรวาท่าทางเศร้าหมองลงอย่างเห็นได้ชัด“เจ้ามีครอบครัวหรือใครที่ต้องห่วงอยู่ที่ไหนหรือไม่ข้าจะให้คนของข้าไปแจ้งข่าวว่าเจ้าสบายดี”แพรวาส่ายหน้าน้ำตาร่วงกราวป่าน
“ลุกขึ้นไม่ต้องมากพิธี ข้ารอเจ้านานแล้วมาช่วยฝนหมึกให้ข้าหน่อย”แพรวาว่าง่ายเดินตามอย่างเป็นกันเอง ลี่มี่ถอยห่างออกมาก่อนจะปิดประตูลงกุ้ยเหรินมองด้วยสายตาน้อยเนื้อต่ำใจ“วันนี้พระองค์ทรงมีกุ้ยเหรินมาปรนนิบัติ ไยต้องเรียกหาข้าพระองค์ด้วย”โดนไปแล้วหนึ่งดอกหยั่งเชิงดูก่อนฮ่องเต้เชยคางมนเนียนละมุนมือก่อนจะก้มหน้าจนจมูกชนจมูกแพรวา เอาเปรียบเธอมากไปไหม“ใครจะทนคิดถึงข้าหลวงหญิงคนสนิทอย่างเจ้าได้ ร้อยหญิงงามไม่เท่าหนึ่งนางรู้ใจ”โอ้โห้จะลอยแล้วพระองค์แพรวายิ้มแบบฝืนทน ก่อนจะใช้ศอกกระทุ้งเบาๆให้ฮ่องเต้ปล่อยตัวเธอเพราะรู้สึกว่ามันจะเลยเถิดไปใหญ่กุ้ยเหรินกำมือที่ผสานกันแน่น“มาวันนี้เรามาคุยกันยันเช้าไปเลย”หาเอาอย่างนั้นเลยเหรอ แพรวาปรับสีหน้าให้แช่มชื่น“ใครที่ อยู่ข้างนอก ส่งกุ้ยเหรินกลับตำหนักวันนี้เราจะอยู่กับข้าหลวงเฟยลี่”อย่างนี้ก็ได้เหรอ คำประกาศิต เสี่ยวโอลนลานเข้ามาโดยเร็ว กุ้ยเหรินตาแดงๆแต่เมื่อลุกขึ้นยืนได้กลับเชิดคอตั้งตรงด้วยชาติกำเนิดหรือฐานันดรของนางแพรวาไม่อาจคาดเดาได้ ก่อนจะถวายความเคารพเดินเยื้องย่างตามแบบของนางในกุ้ยเหรินจากไปแพรวาขยับตัวจะออกจากห้องมาบ้าง“จะไปไหน”“
“ข้าพระองค์เพียงแค่ ตื่นนอนมาแล้วเห็นฝ่าบาทบรรทมกับพื้นได้ด้วย”ฮ่องเต้หนุ่มพลิกตัวนอนหงายเลิกคิ้วมองหญิงสาวตรงหน้า“ข้ามีอะไรต่างจากคนอื่น ตรงไหนถึงนอนกับพื้นไม่ได้เจ้าคงเป็นอีกคนที่คิดว่าข้าเป็นถึงโอรสสวรรค์”แพรวาจนคำพูด ไม่รู้จะหาคำไหนมาพูดต่อก็เห็นเขาพูดกันแบบนี้“เจ้ามีพ่อแม่ไหม”“มีเพคะ”“แล้วตระกูลของเจ้าว่าอย่างไร กับการที่ลูกสาวต้อง มารอนแรมอย่างนี้”หมายความว่าอย่างไร“ข้าเห็นเจ้าที่มาไม่ชัดเจน แล้วยังไม่เคยได้ข่าวว่าตระกูลไหนลูกสาวหาย”“ข้าพระองค์ไม่ใช่คนเมืองนี้มาจากที่ๆ ไกลแสนไกล ไม่รู้ว่าฝ่าบาทจะเคยได้ยินไหม”สปริงตัวลุกขึ้นเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้“เจ้าคงไม่ได้หมายถึงที่ เหมยเจียงถูกส่งตัวไป” ใครวะเหมยเจียง“เป็นใครเพคะ”“นางอยู่ๆ ก็จากไปเหมือนกับเจ้าที่อยู่ก็มา แต่ต่างกันที่เหมยเจียงข้ามิอาจลืมนางได้แม้เพียงเสี้ยวนาที”จริงรึนั่น รักขนาดนั้นเลย ฮ่องเต้มีรักจริงด้วยเหรอ แพรวาเพิ่งจะผิดหวังกับรักแท้“แล้วทำไมนางถึงจากไป” เงียบไม่มีคำตอบฮ่องเต้เลือกที่จะไม่ตอบ เดินเอามือไพล่หลังเหมือนกำลังครุ่นคิด“เหมยเจียง ก็พูดกับข้าเหมือนกันว่านางจะจากไปที่ที่ไกลแสนไกล เช่นเดียวกับท
“ข้าต้องขอตัวแม่นาง...แพรวา ...ต้องไปจัดยาบำรุงให้กับสนมอีกหลายนางแม่นางจะรับสักเทียบไหม5555”หมอหลวงคนนี้ไม่ธรรมดารู้ด้วยว่าเธอชื่อ แพรวาหมอหลวงจากไปแพรวายังไม่ได้คำตอบตั้งใจจะตามหมอหลวงไป“เฟยลี่เจ้าหยุดก่อน”เสียงแหลมเล็กดังมาจากทางด้านหลัง แพรวาหันไปแบบไม่ค่อยพอใจด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างวางอำนาจ สนมฮุ่ยนั่นเอง คราวนี้มาแปลก ไม่สวยเรียบร้อยเหมือนเมื่อวานไปโมโหอะไรมา ลี่มี่ที่เดินตามมากระตุกชายเสื้อเบาๆ“ถวายพระพรสนมฮุ่ย ข้าน้อยข้าหลวงหญิงเฟยลี่”ยิ้มพรายที่มุมปาก กิริยา เหมือนกับคนละคนจากเมื่อวันนั้น“เขาลือกันให้แซ่ดว่าเป็นเจ้าที่ทำให้กุ้ยเหริน ตาบวมช้ำข้าเลยอยากรู้ความจริง”เอาแล้วอย่างไรงานเข้าแล้ว“ข้าน้อยมิกล้า เป็นฝ่าบาทเพค่ะพระสนมีที่ทรงเรียกให้ข้าน้อยเข้าไปคุย อุ้ย...ไปปรนนิบัติครั้นเมื่อจะออกมาจากห้องบรรทมก็ทรงรั้งตัวไว้แต่ทรงให้ขันที ส่งกุ้ยเหรินกลับตำหนัก ข้าน้อยมิอาจจัดพระราชประสงค์ของฝ่าบาท ครั้นเมื่อเช้าถึงได้มีพระราชานุญาตให้ข้าน้อย ออกมาได้”จัดไปอยากรู้นักไม่ใช่เหรอ สนมฮุ่ย กำมือจนเล็บยาวจิกเข้าไปในเนื้อ ทำไมจะไม่ได้ข่าวก็เจ้าเสี่ยวโอ ขันทีหน้าห้องเที่ยวพูดไปทั่วว่
จะบ้าตาย แพรวายกกำปั้นขึ้นทุบอกแน่นด้วยความอาย“พระองค์ทรงเอาใจใส่เฟยลี่เข้าใจดี แต่ประเจิดประเจ้อไปหรือเปล่าเพค่ะ”เสียงลอดไรฟันจงใจให้เข้าใจความหมาย“ดีแล้วไหนๆ ก็ไหนๆ ให้สมบทบาทหน่อย”เดินเร็วไม่สนใจแพรวา“อย่าดิ้นนักเดี๋ยวจะ ให้อายมากว่านี้"ว่าแล้วก็ก้มลงริมฝีปากเกือบจะประกบริมฝีปากแพรวา“ขอร้อง....คนนี้นี่สำคัญแสดงให้เนียนหน่อย”แพรวานิ่งไม่ไหวติงมันคือการแสดง แพรวาใจอย่าเต้นแรงเดินผ่านกุ้ยเหรินที่คงจะไม่ถวายพระพรเป็นประจำแพรวามองเห็นตาบวมแดง ที่ถูกปกปิดด้วยเครื่องสำอางแต่ไม่สามารถปกปิดได้หมด นางคงร้องไห้ทั้งคืนฮ่องเต้ใจร้าย พระองค์นี้ช่างทำนางได้ลงคอ นั่งลงถวายความเคารพตามแบบก่อนจะก้มหน้านิ่งฮ่องเต้ไม่สนใจอุ้มแพรวาสาวเท้าขึ้นไปบนเรือน รับลมที่ทำเป็นซุ้ม เหมือนเรือนผักผ่อน มีดอกไม่นานาชนิดส่งกลิ่นหอม ตลอดเวลา ขั้นบันไดไปได้เพียงสองสามก้าวแพรวาก็มองเห็นหญิงชราท่าทางสง่างาม นอนเหยียดยาวอยู่บน เบาะผ้าไหมที่ถูกเย็บขึ้นมาอย่างประณีต สวยงาม นางกำนัลโบกพัดไปมา น้ำชายังร้อนๆ เพราะมีไอลอยขึ้นมาบางเบา สายตาเหลือบขึ้นมองจากที่หลับตาพริ้ม เมื่อมีเสียงขานฮ่องเต้เสด็จ ทันมองเห็นตอนที่ฮ่องเต
“บัลลังก์เป็นสิ่งที่ข้าต้องการ และสิ่งที่ข้าต้องทำต่อจากการนั่งบัลลังก์ก็คือมอบสิ่งนี้ให้แก่ท่าน”ไทเฮารับพาน มาถือไว้ด้วยมืออันสั่นเทาชินอ๋องสะบัดชายเสื้อเดินออกจากตำหนักด้วยใบหน้าเศร้าหมองมองขึ้นไปบนฟ้ากว้างความแค้นที่ถูกชำระลงไปในวันนี้ เหตุใดทำจิตใจเขาเศร้าหมองยิ่งสิ่งที่ได้มาต้องแลกกับอะไรมากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้จิตใจของ ชินอ๋องรู้สึกมีสุขและสว่างดังแสงเทียนยามค่ำคืน คือใบหน้าหวานสวยของแพรวาที่ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้าไทเฮาคลี่ผ้าขาวออกก่อนจะโยนผ้าขาวฟาดบนขื่อคา ผูกให้เป็นบ่วงสอดลำคอระหงลงบนบ่วงผ้าขาวหลับตาลงบนช้าช้า“เซี้ยนตี้ข้ากำลังจะตามท่านไปมารับข้าด้วย"................................................................ตำหนักใหญ่“พบตัวนางหรือยัง"เสียงตื่นเต้นดีใจเมื่อทหารองครักษ์เดินเข้ามาภายในตำหนัก“หานางไม่พบ พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” “เจ้าแน่ใจแล้วรึ”“ค้นจนทั่วเขตวังหลวง แต่ไม่มีแม้เงาของข้าหลวงหญิงเฟยลี่ ก่อนนั้นมีคนเห็นหญิงสาวลักษณะเหมือนแม่นางเฟยลี่หนีไปพร้อมกับหยางหลงที่สวมชุดขันที”กำปั้นถูกทุบลงบนพื้นโต๊ะ“ไม่ผิดแน่ใช่ไหม”“ขันทีหน้าห้องหลายคนยืนยันว่านางอยู่ในห้องบรรทม
“ข้าขี่ม้าไม่เป็น”หยางหลงฮ่องเต้ไม่พูดพล่าม ตวัดแขนเกี่ยวเอวบางส่งขึ้นไปบนหลังม้าแล้วกระโดดขึ้นคร่อมบนหลังม้าตัวเดียวกัน“ให้นางไปกับข้า เชิญท่านนำทาง” ชายกลางคนมองคนทั้งคู่อย่างพิจารณา“ถ้า หากเป็นเช่นนี้ข้าคงต้อง ผูกม้าอีกตัวไว้ที่นี่ แต่การนั่งบนหลังม้าถึงสองคน ทำให้ม้าวิ่งได้ช้าลง“ไม่เป็นไรเราคงต้องอาศัย ท่านช่วยนำทางไปยังทางที่ไม่ใช่ทางหลักถึงจะไกลหน่อยแต่ข้ารับรองว่าท่าน จะได้สิ่งตอบแทนที่ท่านพอใจ”ชายกลางคนพยักหน้าก่อนจะขึ้นไปบนหลังม้าของตัวเอง กระตุกบังเหียนใช้ส้นเท้ากระแทกสีข้างม้าให้พุ่งทะยานไปข้างหน้า ฮ่องเต้ ควบม้าตาม ด้วยความรวดเร็วไม่แพ้กัน เสียงฝีเท้าม้าดังประสานเสียงพร้อมกับเสียงตะโกนกระตุ้นม้าให้วิ่งแพรวาพิงร่างลงบนอกของฮ่องเต้ระยะทางแสนไกลไม่มีที่สิ้นสุดหมอหลวงหอบห่อผ้าพะรุงพะรังไปยังสุสานบรรพชน แสงเทียนภายในห้องของหย่าจิ้งยังไม่มอดลง“หย่าจิ้ง ถึงเวลาที่ท่านกับข้าต้องรีบเดินทางเสียแล้ว”“ท่านหมายความว่าอย่างไร”“ตอนนี้ชินอ๋อง ได้บุกเข้าไปในวังหลวงและขึ้นนั่งบัลลังก์แทนหยางหลงเสียแล้วหากว่า หย่าจิ้งยังอยู่ที่นี่เกรงจะมีอันตรายถึงชีวิต เพราะไทฮองไทเฮาทรงอยู่เบื้องห
ค่ำคืนเปี่ยมสุขนั้น หยางหลงฮ่องเต้หลับใหลโดยข้างกายมีแพรวาเคียงข้างไม่ถึงหนึ่งชั่วยามความร้อนที่อยู่รอบกาย ทำเอาฮ่องเต้สะดุ้งตื่นจากนิทราหลับใหล มองเห็นเพียงแสงสว่างแดงฉานกับความร้อนที่ทวีความรุนแรง เสียงกระบี่กระทบกันดังเข้ามาใกล้เสียงวิ่งวุ่นวายแพรวางัวเงียตื่นขึ้นมาเหมือนกันเสี่ยวโอเปิดประตูเข้ามา ใบหน้าตื่นตระหนก“ฝ่าบาท ทรงเสด็จออกทางด้านหลังตำหนักขณะนี้ชินอ๋องนำทัพหน้าล้อมวังหลวงไว้ทุกด้าน หัวหน้าองครักษ์ให้ข้าพระองค์มาแจ้งข่าว และนำเสด็จ”“คุ้มกันฝ่าบาท คุ้มกันฝ่าบาท"เสียงตะโกนดังสนั่นใกล้เข้ามาทุกที่ภาพความทรงจำเก่าๆ ย้อนเข้ามาในหัวแพรวา อดไม่ได้ยกมือกุมขยับเสี่ยวโอโยนเสื้อผ้าขันทีลงตรงหน้าพระพักตร์ ก่อนจะคว้าเสื้อคลุมมังกรที่แขวนอยู่ขึ้นมาสวมทับชุดขันทีหยิบพระมาลาของฮ่องเต้ ที่ถอดวางไว้มาสวม“ฝ่าบาทเราไม่มีเวลาแล้ว ทรงสวมชุดขันทีแล้วหนีไปกับเจี่ยเจียข้าพระองค์วันนี้อยากเป็นฮ่องเต้ สวมชุดมังกรแทนท่าน”ยื่นหมวกขันทีส่งให้ฮ่องเต้“เสี่ยวโอ ข้าไม่อยากใช้เจ้าเป็นกำบัง”“ไม่มีเวลาคิดแล้ว แค่ให้ฝ่าบาทสามารถรอดจากเงื้อมมือของชินอ๋องได้และกลับมาทวงบัลลังก์คืนก็พอแล้ว”ปากก็พูดมือก
วาจาคล้ายจะหยั่งเชิง จับพิรุธจากคำพูด“นางตัวคนเดียว ไร้ที่พึ่งพิง”“เจ้าช่างรู้ดีว่าตัวคนเดียวไร้ที่พึ่ง”หมอหลวงรู้แล้วว่าตัวเองพลาดไปถนัดใจหาก ไทฮองไทเฮารู้ฐานะที่แท้จริงของแพรวาสิ่งที่ต้องแลกมาคงไม่อาจคาดเดา“พระองค์ทรง เป็นกังวลอะไรกับเด็กสาวไร้ที่มาเพียงคนเดียว"ไทฮองไทเฮา ยิ้มเยือกเย็น“ข้าไม่สนใจ แค่เพียงคนที่ไร้ที่มาหากนางไร้ที่มาจริงจริงและพอจะเข้าใจบางอย่าง ไม่รบกวนท่านแล้วไว้ข้ามีเรื่องขัดข้องอันใดคงได้ คำตอบจากท่านอีกเป็นแน่ แม้วันนี้ท่าทีของท่านไม่อยากตอบคำถามข้านักก็ตาม”หมอหลวงผู้นี้ต้องมีเรื่องใดปิดบังอยู่เป็นแน่แท้ หากจะคาดคั้นไปยิ่งเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นหมอหลวงจากมาด้วยการแบกรับภาระที่หนักอึ้งไทฮองไทเฮา เจ้าเล่ห์ฉลาดเฉลียวไม่แน่อาจระแคะระคายอะไรบางอย่างถึงตอนนี้เองต้องหาทางบอกกล่าวแพรวาไว้บ้างเพราะนางจะได้หาทางหนีทีไล่ไว้เขาเองก็คงช่วยไม่ได้มาก ยังมีอีกคนหมอหลวงสาวเท้าเดินออกนอกเส้นทางเพื่อไปยังสุสานบรรพชนหย่าจิ้งร่ายรำวิทยายุทธที่นางฝึกฝนมานานกระบี่ในมือกวัดแกว่งรวดเร็วจนเกิดการเสียดสีกับอากาศเกิดเสียงดัง ยามแกว่งไกวหมอหลวง หยุดอยู่เบื้องหลังก่อนที่ปลายกระบี่จะ
“ไม่จริงเสด็จย่า หลานหวังเพียงแต่นางเพียงผู้เดียว”ไทฮองไทเฮายิ้มเยือกเย็น“เป็นเช่นนั้นเจ้าต้องเร่งมือทำการ ใหญ่ให้สำเร็จเสียก่อนแล้วเฟยลี่ก็คง... ไม่พ้นมือเจ้า”ชินอ๋องจากไป ไทฮองไทเฮาเรียกองครักษ์คนสนิทเข้าพบหมุนแหวนหยกบนนิ้วชี้ไปมายิ้มโหดเหี้ยม“ข้าให้เจ้า สืบเรื่องของข้าหลวงหญิงไปถึงไหนแล้ว ป่านนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใดใด”“ขอไทฮองไทเฮาโปรดอภัยข้าน้อยตามสืบเรื่องของข้าหลวงหญิงแต่ไร้ร่องรอยของนาง ไม่เพียงเท่านั้นยังไม่เคยมีใครได้พบเจอนางมาก่อน”ไทฮองไทเฮาตบ โต๊ะดังสนั่น“นางที่มาที่ไปไร้ร่องรอย นางเป็นใครกันแน่”“แต่ที่ประหลาดคือ ทุกทุกเดือนหมอหลวงจะนำยาเทียบหนึ่งมาให้นางเป็นประจำ และนางเองมักจะ มีเรื่องพูดคุยกับหมอหลวงเป็นประจำ”“ฮึฮึ.. อย่างนั้นข้าคงต้อง เรียกตัวหมอหลวงเข้าพบเสียทีดูว่าหมอหลวงเจ้าเล่ห์จะมีอะไรเกี่ยวข้องกับนาง ที่่บังอาจปิดบังข้าได้”เพียงครู่เดียวหมอหลวงชราก็อยู่ต่อหน้าไทฮองไทเฮา“ข้า จางจื้อเยว่หมอหลวง ถวายพระพรไทฮองไทเฮา อายุยืนหมื่นปีหมื่นปีมีเรื่องอันใดให้ข้าพระองค์รับใช้ข้าพระองค์น้อมรับบัญชา”ยิ้ม ที่เหมือนฉาบทาด้วยยาพิษ“ข้าไม่ใช่คนอ้อมค้อม เพียงแค่อยากรู
“ข้าน่าจะปล่อยให้ ชินอ๋อง ... บอกเจ้ากี่ครั้งนิสัยดื้อรั้นของเจ้าตำหนักข้าน่าเบื่อมากหรืออย่างไร เจ้าถึงต้องนั่งดื่มอยู่ ในตำหนักชินอ๋อง” แพรวาเม้มปากแน่นรู้ว่าผิดแล้วจะตอกย้ำทำไม สะบัดแขนใจให้หลุดจากการลากถูนั้นแต่เปล่าประโยชน์“แค่อยากออกมาเดินเล่นเท่านั้นพอดีเจอชินอ๋อง จะปฏิเสธอย่างไรเล่าในเมื่อเขาเป็นอนุชาของ ฝ่าบาท”ฮ่องเต้ถอนหายใจ“ในวังหลวงแห่งนี้ เจ้าคิดว่าใครบ้างที่จริงใจกับเจ้าเหมือนข้าต้องรู้จักระวังตน ไม่เช่นนั้นเจ้าอาจจะพลาดท่าเสียที จำเอาไว้ “แพรวา ทำตาละห้อยสำนึกผิดหากหยางหลงฮ่องเต้มาไม่ทัน จะเกิดอะไรขึ้นแพรวาไม่อาจคาดเดา“ลมหนาวแม้ พัดตามฤดูกาล หากแต่ก็มีช่วงเวลาที่พัดผ่านคนเราหากไม่รอเวลาที่เหมาะสมไหนเลยจะพบกับความสุข เจ้าอดทนรอ อีกสักนิด เมื่อเวลานั้นมาถึงทุกอย่างในวังหลวงแห่งนี้ข้าแบ่งให้เจ้าครึ่งหนึ่ง จะไปไหนทำอะไรข้าจะไม่หวงห้ามเจ้าเพียงแต่ตอนนี้เรายังไม่อาจคาดเดา หลายคนหลายฝ่ายได้เท่านั้นเอง”แพรวาพยักหน้า เป็นเชิงเข้าใจลี่มี่ประคองชินอ๋องก่อนจะเรียกให้หญิงรับใช้สองสามคนมาดูแล ยืนนิ่งมองด้วยความสงสารจับใจ หันหลังกลับเดินตามหยางหลงฮ่องเต้และแพรวา กลับวังหลวงด้ว
“ถาม ถามยังไม่หมด แล้วฝ่าบาททำไมถึง ...รักเหมยเจียง”แพรวาถามไปอย่างนั้นเพราะคิดคำถามไม่ออก ฮ่องเต้เลิกคิ้วสูงคาดไม่ถึงกับคำถามนั้น“เหมยเจียงเป็นสิ่งเดียวหลังจากที่ท่านแม่ตายไปนางเป็นทั้งเพื่อนเล่น และพี่สาวในเวลาเดียวกัน เหมยเจียงเป็นผู้ใหญ่เกินตัวทั้งยังมีจิตใจอ่อนโยนโอบอ้อมอารี”ดีเว่อร์ไปไหมถ้าเทียบกับแพรวา ที่ไม่มีคุณสมบัติที่ว่าเลยตำหนักไทฮองไทเฮา“ย่า ว่าเราคงต้องจัดการทุกอย่าง ให้มันเร็วขึ้นกว่าเดิมเสียแล้ว”ไทฮองไทเฮาใบหน้าเคร่งเครียด ยามที่เปล่งวาจาชินอ๋องก้มหน้านิ่งอย่างใช้ความคิด“เหมยหลิวไม่สามารถดำเนินแผนการให้สำเร็จได้ เพราะไทเฮาที่มาขัดขว้างนาง ช่างมาได้ถูกจังหวะทำให้แผนของเราปั่นป่วนตั้งแต่ครั้งที่แม่ของเจ้าต้องโทษให้ถูกจองจำในตำหนักเย็นก็เป็นไทเฮา”ชินอ๋องตาวาวโรจน์ด้วย อารมณ์คุกรุ่นภายใน เมื่อคำพูดเสียดแทงจิตใจ“หลานยังเตรียมการได้ไม่ดีเท่าที่ควร อยากให้เสด็จย่ารออีกสักระยะให้ทุกอย่างรัดกุมกว่านี้”ไทฮองไทเฮาทำเสียงจิจ๊ะ อย่างขัดใจ“ดอกเหมยจะงามเมื่อถึงเวลาเบ่งบาน เสด็จย่าโปรดรอวันที่หลานจะได้นั่งบัลลังก์”ไทฮองไทเฮายิ้มอย่างสมใจ“ถ้าเป็นเจ้าชินอ๋องหากว่าเซี้ยนตี้
เรามาทำความรู้จักกับ บรรดาผู้ที่เป็นตัวละครของเรื่องนี้กันค่ะฮ่องเต้ (หยางหลง) -ลูกของฮ่องเต้ องค์ก่อนที่ชิงบัลลังก์มาจากพ่อของแพรวา ซึ่งปู่ของแพรวาและฮ่องเต้ เป็นลูกพี่ลูกน้องกันแพรวา -อายุ หกขวบก็ เดินทางข้ามเวลามาที่ไทยโดยการกระโดดลงน้ำพร้อมกับ ฮองเฮาหย่าจิ้งผู้เป็นมารดา และพออายุได้18 ปีก็เดินทางกลับมายังที่เดิมอีกครั้งชินอ๋อง-น้องต่างมารดา ที่แม่เป็นสนมเอกของเซี้ยนตี้ (พ่อของหยางหลงฮ่องเต้) และตาเป็นถึง ขุนนางใหญ่ในราชสำนัก กุมอำนาจทางทหารไว้ทั้งหมด แต่ถูกเลี้ยงดูและ ฟูมฟักโดยไทฮองไทเฮาที่เป็นย่าเพราะชินอ๋องมีความเหมือนปู่ (ซึ่งเป็นปู่ของ หยางหลงฮ่องเต้ด้วย แต่หยางหลงฮ่องเต้ ได้นิสัยรักสงบจิตใจอ่อนโยนมาจากแม่) ชินอ๋องเป็นคนที่คนข้างเด็ดขาด และค่อนข้างโหดตามนิสัยทหาร ถ้าชินอ๋องมีความภักดี หยางหลงจะได้ทั้งฝ่ายบุ๋นและบู๋เลยที่เดียวโหวหยางจื้อ- น้องชายต่างมารดา ของหยางหลงฮ่องเต้ ซึ่งแม่เป็นสามัญชนเหมือนแม่ของหยางหลง แต่ เป็นที่โปรดปรานของเซี้ยนตี้ถึงกับแต่งตั้งให้เป็นกุ้ยเหริน มีความภักดีต่อพี่ชาย และ มักจะเก่งทางด้านบุ๋น เป็นเหมือนมันสมองของ หยางหลงไทเฮา- ผู้ที่ดำรงตำแหน่งฮองเฮ
“แน่เสียยิ่งกว่าแน่ ฮ่องเต้หลายฝ่ายเป็นห่วงเรื่องนี้ สักวันจะเสียทีให้กับคนที่คิดไม่ซื่อรีบแต่งตั้งสนมฮุ่ยเป็นฮองเฮา รีบมีรัชทายาท เมื่อนั้นก็ไม่มีใครทำอะไรฝ่าบาทได้ เมื่อตระกูลใหญ่ทั้งสี่สนับสนุน ฐานะบนบัลลังก์มั่นคงอย่างนั้น”นึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาเป็นเพราะฮ่องเต้องค์เก่า ที่เหมือนกับหยางหลงเหลือเกินรักความสงบปกครองบ้านเมืองอย่างสงบสุข ไม่รบรากับใครเทิดทูนความรักไม่ยอมมีรัชทายาทกับสนมคนใดรอเพียงให้มีกับหย่าจิ้งคนเดียว ซึ่งนางก็ให้กำเนิดเพียงแค่องค์หญิง สุดท้ายก็ต้องถูก แย่งชิงบัลลังก์จากเซี้ยนตี้ ถอนหายใจอีกครั้งหรือว่าประวัติศาตร์จะซ้ำรอย“ลูกขอเวลาตรึกตรอง ตอนนี้เองฮุ่ยเหนียงก็ยังไม่พ้นมลทินคงต้องรอให้นางพิสูจน์ตัวเองเสียก่อน”“แม่หวังว่าฝ่าบาทจะคิดให้ถ้วนถี่เฟยลี่ฝ่าบาทจะให้นางดำรงตำแหน่งอะไรก็ได้ จะอยู่กับนางทุกคืนก็ได้นางให้ได้แค่ความสำราญ พระทัย แต่เพื่อความมั่นคงของฝ่าบาทต้องเป็นสนมฮุ่ยเท่านั้น”ไทเฮาจากไป ฮ่องเต้หนุ่มอยากจะไปบอกข่าวดีนี้แก่แพรวาเหลือเกิน แต่นึกถึงใบหน้าเย็นชานั้นเล่าจะหายไปหรือยังป่านนี้คงได้ข่าว เรื่องเหมยหลิวที่ เล็ดลอดออกไปแพร่สะพัดไปทั่ว หยางหลงฮ่องเต้