“เด็กๆ ตบปาก”
เสียงเข้มทรงอำนาจ หญิงสองสามคนตรงเข้ามาจับตัวแพรวาไว้ทั้งแขนขา ป้าร่างอวบอ้วนเดินเงื้อมือมาแต่ไกล
“จะทำอะไรฉันปล่อยนะ”
เอาจริงแน่เลย มืออวบอูมเกือบฟาดลงบนปากสวยของแพรวา โหดร้ายเธอป่วยอยู่นะถ้าไม่มีเสียงขานดังมาขัดจังหวะ
“ฮ่องเต้ เสด็จ”
มืออ้วนๆ ชะงัก
“ปล่อยนาง”
คนตัวสูงเดินสาวเท้ายาวๆ เข้ามาอย่างรวดเร็ว
“คารวะฮ่องเต้ทรงพระเจริญหมื่นปี”
ประสานเสียงพร้อมเพรียงกัน
“นางทำอะไรผิด หรือเสด็จแม่”
ไทเฮามองหน้าลูกชายด้วยแววตาสนเท่ห์
“วาจานาง ต่างจากพวกชนชั้นสูง หยาบคาย ทั้งกิริยาไม่น่ามอง”
“เพียงเท่านี้ท่านก็กล่าวโทษนางแล้วหรือ”
“แม่ปกครองวังหลัง ฮ่องเต้ก็ทราบดี ถ้าแม่ไม่ลงโทษนางต่อไปใครจะเกรงกลัว หยางหลงฮ่องเต้ก็รีบแต่งตั้งฮองเฮาเสียแม่จะได้วางใจ”
“นางไม่มีตำแหน่งใดๆ ไม่รู้ที่มาที่ไป อีกทั้ง ไม่ใช่คนในวังต้องห้ามหรือวังใดๆ แล้วยังล้มป่วย เสด็จแม่จะลงทัณฑ์คนป่วยไข้ได้อีกหรือพ่ะย่ะค่ะ”
ไทเฮา ระงับอารมณ์โกรธได้แต่ หันหน้าไปทางอื่น
“กษัตริย์ตัดแล้วไม่คืนคำ แม่เป็นแม่กษัตริย์ฮ่องเต้จะให้แม่คืนคำได้หรือ”
“เสด็จแม่กดดันลูก อย่างนั้นไม่สู้ ลูก... แต่งตั้งนางเป็น ฮองเฮาเสียดีกว่า”
นั่งลงกันอย่างเร็วเสียงกระโปรงดังพรึบพรับทั้งสนมฮุ่ยและ พวกขันที
“ฮ่องเต้ โปรดไตร่ตรอง”
ฮ่องเต้หน้าหล่อมองคนนู้นคนนี้อย่างผู้ชนะ
“ลุกขึ้น ข้าแค่ อยากรู้ว่าในวังนี้ข้าเป็นฮ่องเต้หรือใครกันแน่ที่เป็นฮ่องเต้” ไทเฮายิ้มเยือกเย็น
“ฮ่องเต้ อย่าได้เป็นกังวลไป แม่เองแค่เพียงอยากรู้ว่า แม่นาง ...คนนี้สำคัญกับฮ่องเต้ เหมือนที่สองสามวันมานี้มีข่าวลือไปถึงแม่หรือเปล่า”
แพรวาขมวดคิ้วดกสวยเข้าหากัน คนสำคัญจริงๆ ตัวเธอนี่ มีแขกมาเยือนเต็มไปหมดว่าแต่ นี่เรื่องจริงหรือในหนัง ไม่ได้แล้วแบบนี้ต้องหาคำตอบโดยเร็ว
“ว่าแต่นางมีนามว่าอะไร “
ไทเฮาเปลี่ยนท่าทีเป็นอ่อนหวาน
เวรแล้วชื่ออะไรดีวะ รายชื่อนางเอกหนังจีนหลายชื่อ วนเวียนอยู่ในสมอง หยางมี่ ไม่เอาๆ สวยไป หลิวซือซือ โห่คนรู้จักเยอะ หลิวอี้เฟย ดังไปไหม จ้าวลี่อิง น่ารักไปเหอะ จ้าวลู่ซื่อ เสี่ยวจ้าน หยางจื่อ หมีเซียะเอาชื่อนี้ดีไหม นะชื่อโบราณดี
“เฟยลี่เสด็จแม่ ..นางชื่อเฟยลี่” (โบยบินอย่างงดงาม) เสียงฮ่องเต้หนุ่มเอ่ยออกมาเมื่อเห็นว่าแพรวาไม่มีท่าที จะบอก
“ชื่อ ดี ความหมาย เพราะ เป็นแม่ที่ประเมินนางผิดไป”
“ลูกเองยังไม่รู้จักนางดีเท่าไหร่คงต้องใช้เวลา... กับ...นางอีกนานกว่าจะรู้จักนางมากกว่านี้”
จะมาใช้เวลาอะไรกับเธอแพรวาคิดคงพูดประชดแม่ ไปตามเรื่อง เฮ้อถ้าเป็นการย้อนเวลาเหมือนในหนังคงเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมากไม่ใช่แค่ย้อนเวลาอย่างเดียว ยังมาต่างชาติต่างภาษาอีกซวยเลยแพรวา เธอเองต้องหาทางกลับไปโลกของเธอให้เร็วที่สุด แต่ว่าจะทำอย่างไร
“วันนี้ให้นางพักผ่อนไปก่อน เสี่ยวโอ เจ้าตามหมอหลวงหรือยัง”
ประโยคสุดท้ายหันไปยังเด็กหนุ่ม ที่คงจะเป็นขันทีประจำกาย
“พ่ะย่ะค่ะ หมอหลวงทรงรอพระบัญชาอยู่ข้างนอก”
“หม่อมฉันทูลลาเพค่ะ”
สนมฮุ่ย ย่อตัวพร้อมสาวใช้
“แม่ก็คงต้อง ไปเช่นกัน”
“สนมฮุ่ยเสด็จ”
แววตาอ่อนหวานซ้อนขึ้นมองฮ่องเต้ ด้วยแววตาเชื้อเชิญอาลัยอาวรณ์
“ไทเฮาเสด็จ”
ไปเสียให้หมด คนร่างสูงไม่ยักกะไปมองมาที่เธอเขม็ง
“คราวหลังต้องระวังตัว ในวังแห่งนี้ ถ้าพลาดเพียงก้าวก็เหมือนตกเหวทั้งชีวิต”
ไม่มีคราวหลังยะขอบอก
“เจ้าใช้ชื่อเฟยลี่ ไปก่อนแล้วกันหากนึกชื่อเจ้าได้เมื่อไหร่ค่อยบอกข้า”
รู้ได้อย่างไรฟะ เดาเก่งจริง
“เสี่ยวโอ เชิญหมอหลวง”
ชายแก่ร่างกายยังแข็งแรงหากแต่แววตาค่อนข้างเป็นมิตร
นั่งคุกเข่าก่อนจะ เดินมาจับชีพจรของเธอแพรวาทำตัวนิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อรักษาท่าที
“ร่างกายนางฟื้นฟู เกือบจะเต็มที่แล้ว หม่อมฉันจะจัดยาให้อีกเทียบหนึ่ง “
หันหน้ามาหาแพรวากระซิบเบากริบ
“ยาเทียบนี้เจ้าจะขาดไม่ได้ ไม่เช่นนั้นเจ้าจะฟังภาษาเราไม่เข้าใจ”
แพรวาตะลึงงัน น่านนนนงัยมาแล้วเงื่อนงำ ว่าแล้วทำไมเข้าใจภาษาจีนโบราณเหมือนภาษาตัวเองเลยทีเดียว ตาหมอหลวงคนนี้ต้องมีส่วนรู้เห็นกับการ เดินทางย้อนเวลาของเธอแน่ๆ
“ฉันต้องทำอย่างไรบ้าง”
แพรวากระซิบตอบ
รอยยิ้มที่มีเลศนัยนั้นไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกมา
“เสี่ยวโอ ส่งเทียบยาให้นางกำนัล แล้วให้ปรุงยามาให้นาง”
“น้อมบัญชา ฝ่าบาท”
“มันเป็นชะตาของเจ้า ข้าเป็นเพียงผู้ช่วยเหลือและนำสารมาสู่เจ้า”
งงงงไหมล่ะนั่น ใครเป็นคนทำให้เธอมาอยู่ตรงนี้นะหมอหลวงจากไปเหลือไว้เพียงฮ่องเต้ขี้เก็ก
สงสัยจังในนิยายจีนฮ่องเต้มักจะแก่ง่ำเหงือกทำไมองค์นี้ หล่อ......รัสเซียขนาดนี้ ขยับตัวเข้ามาใกล้เมื่อไม่มีใคร อยู่ภายในห้องแล้วเอาหล่ะว้าฮ่องเต้มักจะสายหื่น สนมมากมาย เสร็จแน่แพรวา
“เจ็บตรงไหนไหม”
ดวงตาเบิกกว้างคิดผิด555เป็นห่วงนี่หน่า
“ไม่ ค่ะเออคือไม่ฉัน เออข้าไม่ได้เจ็บปวดตรงไหน”
รอยยิ้มโลกสว่างนั้นแฝงไว้ด้วยความขบขัน.ใบหน้าหล่อเหลาน่ามองเรียบเนียนเหมือนหลุดมาจากภาพวาด ในกูเกิ้ลมีแต่ภาพฮ่องเต้แก่ๆ พุงพลุ้ย
“ต้องแทนตัวเองว่า หม่อมฉันหรือข้าพระองค์ เจ้านี่สงสัยต้องส่งไปฝึกมารยาท กับไทฮองไทเฮา พระอัยยิกาสักพัก”
แพรวาเชิดหน้าจมูกรั้น ด้วยความทะนงตน หาว่าเธอมารยาทไม่ดี
ขยับเข้ามาใกล้ทรุดตัวลงนั่งข้างๆบนเตียง เอื้อมมือแตะหน้าผากแพรวาเบี่ยงตัวหลบ กับถูกล็อกไว้ด้วยแขนอีกข้างของหยางหลงฮ่องเต้
“อย่าดิ้นไป ข้าแค่จะดูว่ามีไข้ไหม”
แพรวาเม้มริมฝีปากหันหน้าตรง เพียงไม่กี่กระเบียดนิ้ว จมูกเป็นสันอยู่ใกล้แค่นิดเดียวทั้งคู่ชะงักอยู่แค่นั้นใจสั่นในทันที
แพรวาสงบใจ....ไว้ เพิ่งจะผ่านเรื่องราวของผู้ชายหลอกลวง ภาพชายสองคนนอนกกกอดกันอยู่บนเตียง แพรวาเกิดความโมโหขึ้นมาทันทีผู้ชายเป็นแบบนี้ทุกคนไม่สิ คนที่เธอรักนั้นไม่ใช่ผู้ชายเต็มตัวถ้าเป็นผู้ชายต้องไม่เป็นแบบนี้ ส่ายหน้าไปมาช้าๆ หยางหลงฮ่องเต้อมยิ้มในท่าทางของเธอ คงไม่เคย... เข้าใกล้ผู้ชายเป็นแน่แท้ใจไหวยวบด้วยความรู้สึกบางอย่าง ผ่านหญิงมาก็เยอะสนมก็แยะไม่เคยใจสั่นแบบนี้มาก่อน
“เจ้าเขินอายเยี่ยงนี้ ข้าไม่กวนใจเจ้าแล้ว”โอ้โห้ขึ้นเลยสำคัญตัวผิด“ใครบอก ฝ่าบาทพูดเองคิดเอง ข้าพระองค์แค่คิดถึง...คนรักเก่า”คิ้วคมขมวดเข้าหากันแสดงอาการไม่พอใจ“เจ้าเมื่อมาอยู่ในตำหนักข้า ก็คงจิตใจบอบซ้ำจะคิดฆ่าตัวตายก็ไม่แปลก แต่คำพูดนั้นตรงไปหน่อย กิริยาไม่แน่ว่าเป็นหญิงงาม”ล้ำลึกจริงๆ คำพูด“การเป็นหญิงงามก็เหมือนดอกเหมยยามโดนลมหนาว ไหวเอนก็เพียงนิดหน่อยจะแกว่งไกวก็คงไม่เหมาะ เพราะดอกเหมยถูกสร้างมาเพียงเพื่อทานลมหนาว”โอ้แพรวา เจอ คำคมล้วนๆ เป็นดอกเหมยก็ขอเป็นดอกเหมยสีแดงละวะจัดจ้านดี“ฝ่าบาทว่าข้าพระองค์ฆ่าตัวตายมิสู้ เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมว่าหม่อมฉันตกลงไปในน้ำได้อย่างไร”“เจ้าร่วงลงมาจากสะพานหรือที่ไหนไม่อาจรู้ได้ อย่างนั้นข้าจึงเรียกเจ้าว่าเฟยลี่ ข้าเองกำลังหารือกับเสนาบดีอยู่ อากาศหนาวเช่นนั้นใครจะลงไปช่วย”นึกย้อนไปเมื่อครั้งรับเสื้อคลุมมาจาก เสี่ยวโอขันทีน้อย คลุมร่างบางที่เปียกปอนจนเสนาบดีสองสามคนต้องลงทุนคุกเข่าทัดทานว่าเสื้อคลุมมังกรจะใช้คลุมให้หญิงสาวนั้นไม่อาจทำการเป็น ผู้อยู่สูงสุดของแผ่นดีนี่มันยากลำบากนัก“แล้วฝ่าบาททรง เห็นวัตถุอื่นใดไหม”เผื่อจะเห็นรถคันโปรดของ
“หลานน้อมบัญชาเสด็จย่า”“กุ้ยเหริน เจ้ากลับไปก่อนย่ามีเรื่อง หารือกับฮ่องเต้เพียงลำพัง”“ลู่เอินกุ้ยเหริน ทูลลา” กิริยางดงามน่ามองเป็นที่ต้องตาของทั้งบุรุษและสตรี แม่ทั่วหล้าอาจมีเพียงหนึ่งเดียว แม้แต่พระอัยยิกายังพึงพระทัย แต่หาใช่กับฮ่องเต้ไม่“เห็นไหมล่ะเจ้าไม่อาจละเลยหญิงงามอย่างกุ้ยเหรินได้ งดงามหาหญิงใดเปรียบ อย่าเอาอดีต มาทำให้ชีวิต จมอยู่ในความเศร้า”“ลืมได้อาจไม่ลืม ไม่ลืมกลับอยากให้ลืม หลานยังคงยืนยันคำเดิมนางคือนางในดวงใจของหลานเพียงผู้เดียว”“ทำไมฮ่องเต้ยังคงดื้อรั้น ย่าและหลายคนพยายามที่จะสรรหาหญิงงามทั่วหล้าแต่ฮ่องเต้กลับใช้เวลากับพวกนางแค่เพียงหนึ่งคืน”“เป็นเพราะหลานไม่อาจลืม เหมยเจียงนางยังอยู่กับหลานตราบลมหายใจ”“ย่าจะคอยดู ว่าฮ่องเต้จะเป็นแบบนี้อีกสักเท่าไหร่ คนเรามีความรักได้ครั้งที่ร้อย ยิ่งป็นฮ่องเต้ความรัก ไม่ใช่ส่วนประกอบเดียว” รอยยิ้มมีเลศนัยของอัยยิกาทำเอา ฮ่องเต้เริ่มหวาดกลัวหัวใจของตัวเองแพรวานั่งนอนอยู่บนที่นอนจนเบื่อเดินออกมาภายนอกเห็นประตูไม่ได้ล็อก เดินไปบนทางเดินที่มีดอกไม้ที่แพรวาไม่เคยเห็นมาก่อนสองข้างทางสวยงาม ชุดรุ่มร่ามที่ใส่อยู่มองแปลกตาแต่สวยอย
แพรวามัวแต่มองคนที่เป็นฝ่าบาทจนชนเข้ากับคนที่ทำความเคารพ ล้มลงไปบนตัก อ้อมแขนของท่านโหวโอบรอบเอวบางด้วยความรวดเร็วแพรวายิ้มอย่างอายๆเกือบขายหน้า ฮ่องเต้ขยับตัวแต่กลับเปลี่ยนใจทำมาดนิ่งเหมือนเดิม“แม้นางจะยังไม่ได้รับการแต่งตั้งในตำแหน่งใด แต่นางก็พำนักอยู่ที่ตำหนักข้า ท่านโหวกรุณาแล้ว แต่ไม่อาจรบกวน”เดินมาฉุดร่างแพรวาขึ้นจากตักท่านโหวสายตาดุเข็มเชือดเฉือนกัน สงสัยจะไม่ค่อยลงรอยกันแพรวาคิด“ฝ่าบาท กล่าวเกินไปแล้ว โหวหยางจื้อมิกล้า เพียงเพราะบังเอิญได้มีโอกาสสนทนากับแม่นาง...เฟยลี่ จึงทราบว่าแม่นางแค่ผ่านมาพักพิงมิได้ดำรงตำแหน่งใดใดในวังหลัง”โอโห้ เชือดเฉือนเหมือนกัน ไม่เบาไม่เบา แต่ไม่ค่อยจะเข้าใจ ไอ้ที่พูดมาเลย พูดกันตรงๆไม่ได้เหรอ ปากก็บอกมิกล้าแต่ทำไมถึงเหมือนกับเหน็บแนมชอบกลประมาณว่าช้าไม่มีสิทธิ์ฮ่องเต้ก็ไม่มีสิทธิ์“อย่างนั้นข้าคงต้อง มอบตำแหน่งใดให้นางกัน ในเมื่อเจ้าก็ดูเหมือนจะพึงใจในตัวนาง”อะฮ้าพูดกันตรงๆ แบบนี้เลยเหรอฟะ เคยถามแพรวาสักคำไหมว่าพึงใจใครบ้างคงต้องขอเวลาทำใจแป็บเพิ่งจะอกหักมา“ในเมื่อฝ่าบาท เอ่ยมาเช่นนี้โหวหยางจื้อก็อยากเสนอตำแหน่งให้แม่นางเฟยลี่ ด้วยความมิบั
“ฝ่าบาท จะให้ทำอะไร”“เจ้าแค่ยอมเสียสละอิสรภาพตัวเจ้า เข้ามาอาศัยอยู่ในตำหนัก สวมบทบาทว่าเจ้าเป็น คนโปรด”“ทำไมต้องเป็นแบบนั้น”“ข้าไม่อาจขัดบัญชาไทฮองไทเฮา เรื่องการเลือกป้ายรายชื่อสนมให้มาคอยปรนนิบัติในแต่ละคืน”อ๋ออย่างนี้นี่เอง“ถ้าเจ้าสามารถทำให้พวกนาง ออกไปจากตำหนักได้ยิ่งเป็นการดี”“แล้วข้าพระองค์จะไม่ไปลำเส้นใครในนี้รึฝ่าบาท”“เจ้ายังกลัวใครอีกในเมื่อข้าคือ ฮ่องเต้ และเป็นผู้ที่ คอยปกป้องการกระทำของเจ้า”งานง่ายๆแค่เขี่ยพวกผู้หญิงของฮ่องเต้ให้กระเด็น“ข้าพระองค์จะได้อะไรเป็นรางวัล”"ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยากได้ และป้ายหยกนี้ ข้ามอบให้เจ้าเห็นป้ายหยกเสมือนเห็นตัวข้า”ว้าวๆ ๆ ๆ อำนาจในมือแพรวาตาวาว“ข้าจะแต่งตั้งให้เจ้าเป็นข้าหลวงหญิง และระหว่างนี้ไม่ว่ากับใคร เจ้าต้องแสดงท่าทีว่าเป็น...คนสนิท...และเป็นที่โปรดปรานของข้า” ตลกล่ะเพิ่งจะอกหักมาจะมีอารมณ์ทำเรื่องแบบนี้ไหม แล้วทางกลับบ้านของเธอเล่า ฮ่องเต้เหมือนจะจับสังเกตได้เมื่อแพรวาท่าทางเศร้าหมองลงอย่างเห็นได้ชัด“เจ้ามีครอบครัวหรือใครที่ต้องห่วงอยู่ที่ไหนหรือไม่ข้าจะให้คนของข้าไปแจ้งข่าวว่าเจ้าสบายดี”แพรวาส่ายหน้าน้ำตาร่วงกราวป่าน
“ลุกขึ้นไม่ต้องมากพิธี ข้ารอเจ้านานแล้วมาช่วยฝนหมึกให้ข้าหน่อย”แพรวาว่าง่ายเดินตามอย่างเป็นกันเอง ลี่มี่ถอยห่างออกมาก่อนจะปิดประตูลงกุ้ยเหรินมองด้วยสายตาน้อยเนื้อต่ำใจ“วันนี้พระองค์ทรงมีกุ้ยเหรินมาปรนนิบัติ ไยต้องเรียกหาข้าพระองค์ด้วย”โดนไปแล้วหนึ่งดอกหยั่งเชิงดูก่อนฮ่องเต้เชยคางมนเนียนละมุนมือก่อนจะก้มหน้าจนจมูกชนจมูกแพรวา เอาเปรียบเธอมากไปไหม“ใครจะทนคิดถึงข้าหลวงหญิงคนสนิทอย่างเจ้าได้ ร้อยหญิงงามไม่เท่าหนึ่งนางรู้ใจ”โอ้โห้จะลอยแล้วพระองค์แพรวายิ้มแบบฝืนทน ก่อนจะใช้ศอกกระทุ้งเบาๆให้ฮ่องเต้ปล่อยตัวเธอเพราะรู้สึกว่ามันจะเลยเถิดไปใหญ่กุ้ยเหรินกำมือที่ผสานกันแน่น“มาวันนี้เรามาคุยกันยันเช้าไปเลย”หาเอาอย่างนั้นเลยเหรอ แพรวาปรับสีหน้าให้แช่มชื่น“ใครที่ อยู่ข้างนอก ส่งกุ้ยเหรินกลับตำหนักวันนี้เราจะอยู่กับข้าหลวงเฟยลี่”อย่างนี้ก็ได้เหรอ คำประกาศิต เสี่ยวโอลนลานเข้ามาโดยเร็ว กุ้ยเหรินตาแดงๆแต่เมื่อลุกขึ้นยืนได้กลับเชิดคอตั้งตรงด้วยชาติกำเนิดหรือฐานันดรของนางแพรวาไม่อาจคาดเดาได้ ก่อนจะถวายความเคารพเดินเยื้องย่างตามแบบของนางในกุ้ยเหรินจากไปแพรวาขยับตัวจะออกจากห้องมาบ้าง“จะไปไหน”“
“ข้าพระองค์เพียงแค่ ตื่นนอนมาแล้วเห็นฝ่าบาทบรรทมกับพื้นได้ด้วย”ฮ่องเต้หนุ่มพลิกตัวนอนหงายเลิกคิ้วมองหญิงสาวตรงหน้า“ข้ามีอะไรต่างจากคนอื่น ตรงไหนถึงนอนกับพื้นไม่ได้เจ้าคงเป็นอีกคนที่คิดว่าข้าเป็นถึงโอรสสวรรค์”แพรวาจนคำพูด ไม่รู้จะหาคำไหนมาพูดต่อก็เห็นเขาพูดกันแบบนี้“เจ้ามีพ่อแม่ไหม”“มีเพคะ”“แล้วตระกูลของเจ้าว่าอย่างไร กับการที่ลูกสาวต้อง มารอนแรมอย่างนี้”หมายความว่าอย่างไร“ข้าเห็นเจ้าที่มาไม่ชัดเจน แล้วยังไม่เคยได้ข่าวว่าตระกูลไหนลูกสาวหาย”“ข้าพระองค์ไม่ใช่คนเมืองนี้มาจากที่ๆ ไกลแสนไกล ไม่รู้ว่าฝ่าบาทจะเคยได้ยินไหม”สปริงตัวลุกขึ้นเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้“เจ้าคงไม่ได้หมายถึงที่ เหมยเจียงถูกส่งตัวไป” ใครวะเหมยเจียง“เป็นใครเพคะ”“นางอยู่ๆ ก็จากไปเหมือนกับเจ้าที่อยู่ก็มา แต่ต่างกันที่เหมยเจียงข้ามิอาจลืมนางได้แม้เพียงเสี้ยวนาที”จริงรึนั่น รักขนาดนั้นเลย ฮ่องเต้มีรักจริงด้วยเหรอ แพรวาเพิ่งจะผิดหวังกับรักแท้“แล้วทำไมนางถึงจากไป” เงียบไม่มีคำตอบฮ่องเต้เลือกที่จะไม่ตอบ เดินเอามือไพล่หลังเหมือนกำลังครุ่นคิด“เหมยเจียง ก็พูดกับข้าเหมือนกันว่านางจะจากไปที่ที่ไกลแสนไกล เช่นเดียวกับท
“ข้าต้องขอตัวแม่นาง...แพรวา ...ต้องไปจัดยาบำรุงให้กับสนมอีกหลายนางแม่นางจะรับสักเทียบไหม5555”หมอหลวงคนนี้ไม่ธรรมดารู้ด้วยว่าเธอชื่อ แพรวาหมอหลวงจากไปแพรวายังไม่ได้คำตอบตั้งใจจะตามหมอหลวงไป“เฟยลี่เจ้าหยุดก่อน”เสียงแหลมเล็กดังมาจากทางด้านหลัง แพรวาหันไปแบบไม่ค่อยพอใจด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างวางอำนาจ สนมฮุ่ยนั่นเอง คราวนี้มาแปลก ไม่สวยเรียบร้อยเหมือนเมื่อวานไปโมโหอะไรมา ลี่มี่ที่เดินตามมากระตุกชายเสื้อเบาๆ“ถวายพระพรสนมฮุ่ย ข้าน้อยข้าหลวงหญิงเฟยลี่”ยิ้มพรายที่มุมปาก กิริยา เหมือนกับคนละคนจากเมื่อวันนั้น“เขาลือกันให้แซ่ดว่าเป็นเจ้าที่ทำให้กุ้ยเหริน ตาบวมช้ำข้าเลยอยากรู้ความจริง”เอาแล้วอย่างไรงานเข้าแล้ว“ข้าน้อยมิกล้า เป็นฝ่าบาทเพค่ะพระสนมีที่ทรงเรียกให้ข้าน้อยเข้าไปคุย อุ้ย...ไปปรนนิบัติครั้นเมื่อจะออกมาจากห้องบรรทมก็ทรงรั้งตัวไว้แต่ทรงให้ขันที ส่งกุ้ยเหรินกลับตำหนัก ข้าน้อยมิอาจจัดพระราชประสงค์ของฝ่าบาท ครั้นเมื่อเช้าถึงได้มีพระราชานุญาตให้ข้าน้อย ออกมาได้”จัดไปอยากรู้นักไม่ใช่เหรอ สนมฮุ่ย กำมือจนเล็บยาวจิกเข้าไปในเนื้อ ทำไมจะไม่ได้ข่าวก็เจ้าเสี่ยวโอ ขันทีหน้าห้องเที่ยวพูดไปทั่วว่
จะบ้าตาย แพรวายกกำปั้นขึ้นทุบอกแน่นด้วยความอาย“พระองค์ทรงเอาใจใส่เฟยลี่เข้าใจดี แต่ประเจิดประเจ้อไปหรือเปล่าเพค่ะ”เสียงลอดไรฟันจงใจให้เข้าใจความหมาย“ดีแล้วไหนๆ ก็ไหนๆ ให้สมบทบาทหน่อย”เดินเร็วไม่สนใจแพรวา“อย่าดิ้นนักเดี๋ยวจะ ให้อายมากว่านี้"ว่าแล้วก็ก้มลงริมฝีปากเกือบจะประกบริมฝีปากแพรวา“ขอร้อง....คนนี้นี่สำคัญแสดงให้เนียนหน่อย”แพรวานิ่งไม่ไหวติงมันคือการแสดง แพรวาใจอย่าเต้นแรงเดินผ่านกุ้ยเหรินที่คงจะไม่ถวายพระพรเป็นประจำแพรวามองเห็นตาบวมแดง ที่ถูกปกปิดด้วยเครื่องสำอางแต่ไม่สามารถปกปิดได้หมด นางคงร้องไห้ทั้งคืนฮ่องเต้ใจร้าย พระองค์นี้ช่างทำนางได้ลงคอ นั่งลงถวายความเคารพตามแบบก่อนจะก้มหน้านิ่งฮ่องเต้ไม่สนใจอุ้มแพรวาสาวเท้าขึ้นไปบนเรือน รับลมที่ทำเป็นซุ้ม เหมือนเรือนผักผ่อน มีดอกไม่นานาชนิดส่งกลิ่นหอม ตลอดเวลา ขั้นบันไดไปได้เพียงสองสามก้าวแพรวาก็มองเห็นหญิงชราท่าทางสง่างาม นอนเหยียดยาวอยู่บน เบาะผ้าไหมที่ถูกเย็บขึ้นมาอย่างประณีต สวยงาม นางกำนัลโบกพัดไปมา น้ำชายังร้อนๆ เพราะมีไอลอยขึ้นมาบางเบา สายตาเหลือบขึ้นมองจากที่หลับตาพริ้ม เมื่อมีเสียงขานฮ่องเต้เสด็จ ทันมองเห็นตอนที่ฮ่องเต
คะนิ้งลืมตาตื่นมาบนแท่นนอนหนานุ่ม บรรยากาศน่านอนจนไม่อยากชันกายลุกขึ้น รู้สึกว่าผิวแก้มเย็นเฉียบ ยกมือขึ้นลูบแก้มทั้งที่ยังไม่ลืมตา กลิ่นกำยานกลิ่นแปลกๆ โชยมาเข้าจมูกเป็นระยะๆ รู้สึกหนักบนอกอิ่มเหมือนมีอะไรอุ่นๆ มากดทับขยับตัวลำบาก พรึ่บลืมตาตื่นด้วยความตกใจ“กรี๊ดดดดดด” คะนิ้งส่งเสียงร้องดังลั่นเมื่อเห็นว่ามีผู้ชายมานอนอยู่ข้างกาย ….แต่เดี๋ยวก่อนผู้ชายหรือผู้หญิงวะ ทำไมผมยาว ใบหน้าขาวใส เหมือนผู้หญิง แต่จมูกเชิดหยิ่งน่าดึงเล่น ถ้าเป็นผู้หญิงก็คงเป็นทอม แต่ถ้าเป็นผู้ชายก็คงจัดว่าหล่อทีเดียว ดึงผ้าห่มมาคลุมตัวแน่น ผู้ชายแน่ๆคนที่นอนกอดอยู่สะดุ้งสุดตัว“เอะอะ อะไรของเจ้า” น้ำเสียงงัวเงียแต่ทุ้มนุ่มหูพิลึก“นาย นายเขามาได้ยังงัย”นึกขึ้นได้ที่นี่ไม่ใช่ที่นอนของเธอ แต่เป็นที่ไหน สภาพแปลกไป ผ้าม่านยาวบางที่ล้อมแท่นนอนวงกลมปลิวสะบัด โต๊ะตั่งก็แปลกตา แม้แต่หมอนยังเหมือนกับ….หรือว่า ไม่นะ ไม่ไม่ไม่“เจ้านี่อย่างไรกัน ทำไมต้องเอะอะ” คะนิ้งยกมืออุดปากตัวเองเมื่อรู้ว่าไม่ได้สื่อสารด้วยภาษาไทยแต่เป็น ภาษาจีนที่เรียนมาตั้งแต่อยู่อนุบาล“นอนๆ เจ้าจะรีบตื่นไปไหน” เสียงประตูเปิดออกมา หนุ่มน้อยอีก
หย่าจิ้ง ไทฮองไทเฮาและไทเฮาดื่มชาคารวะจากบ่าวสาวพร้อมเพรียงกัน หยางหลงและแพรวาหันมาสบตากันนิ่งนาน“ต่อแต่นี้สิ่งร้ายๆ ได้ผ่านไปแล้ว ย่าหวังว่าจะมีสิ่งดีๆให้ได้ชื่นใจบ้าง”“เสด็จย่า คอยเวลาอุ้มเหลนตัวน้อยได้แล้ว อีกไม่นานหลานหวังอย่างนั้น”เสียงหัวเราะดังขึ้นพร้อมเพรียงกัน ชินอ๋องเผลอสบตาลี่มี่ด้วยประกายตาลึกซึ้ง ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีต้องขอบคุณเฟยลี่ที่นางทำให้ทุกอย่าง เป็นไปตามที่คาดหวังไว้แพรวาสวมชุดเจ้าสาวสีแดงที่ส่งให้แพรวางดงามอย่างหาที่ติไม่ได้บนศีรษะสวมมงกุฎบ่งบอกฐานะฮองเฮาชัดเจนมือบางลูบคลำราวสะพาน ด้วยความรู้สึกขอบคุณ เบื้องล่างน้ำใสไหลเชื่องช้า ลี่มี่ยืนอยู่ด้านหลังถือเสื้อคลุมอากาศหนาวจับใจแต่ภายในอบอุ่นอย่างประหลาดคำพูดของหมอหลวงที่บอกแพรวาก่อนหน้านั้น“ห้วงเวลาที่แม่นางข้ามผ่านถูกปิดแล้วนับจากนี้ไม่ว่าแม่นางอยากจะจากไปแค่ไหนก็ไม่อาจที่จะไปได้ เพราะทุกอย่างเหมือนถูกสวรรค์ลิขิตไว้แล้วแม้แต่ข้าเองยังไม่สามารถข้ามผ่านไปได้เช่นกัน แม่นางแพรวาได้สาบสูญไปจากภพภูมิของนางเหลือเพียงเยว่ถิงหรือแม่นางเฟยลี่เท่านั้นที่ยังอยู่ที่นี่.ในฐานะฮองเฮา”“ฮองเฮาเพคะอากาศหนาว สวมเสื้อคลุมจะดีก
ภาพความทรงจำที่ผุดขึ้นให้เขาเห็นช้ำแล้วช้ำเล่าเมื่อคราวที่แพรวารับกระบี่แทนเขา มันมิใช่เพียงเพิ่งเกิดขึ้นหากเกิดขึ้นถึงสองครั้งสองครา คราวนั้นเขาไม่สามารถมองเห็นเจ้าของกระบี่ แต่ภาพความทรงจำเด่นชัดคราวนี้เป็นเท้าจางที่ส่งกระบี่คมลงกลางอกของแพรวาหากแต่ดีที่ไม่ถูกจุดสำคัญ อย่างนี้จะให้เขายังมีสิ่งใดที่ต้องสงสัยในตัวของเฟยลี่ได้อีกเป็นเขาที่ติดค้างนาง“ฝ่าบาททรงคิดถึงเฟยลี่ใช่ไหม”ใบหน้าหวานยิ้มยียวน“ไม่เคยคิดถึงหากแต่คิดอยู่เสมอว่าทำอย่างไรจะให้เจ้าฟื้นคืนมาเจรจาเหมือนอย่างนี้ได้”“ฝ่าบาททำอย่างไรกับสนมฮุ่ย”“นางในที่รอดชีวิตจากการช่วยเหลือของเสี่ยวโอ เมื่อคราวหลบหนีออกจากวังยอมให้พูดความจริงเรื่องที่ฮุ่ยเหนียงใช้ยาบำรุงครรภ์จนแท้งแต่กลับโยนความผิดให้เจ้าเฟยลี่ ใต้เท้าจางลงมือสังหารหมอที่นำเข้ามาจากนอกวัง แล้วยังสังหารเหล่านางในนับสิบที่รู้เรื่องนี้ ส่วนนางในคนที่เหลือกำลังจะหาทางหนีดีที่เสี่ยวโอพบเข้าเสียก่อน สนมฮุ่ยข้าให้นางสำนึกผิดในตำหนักเย็นชั่วชีวิตของนาง”แพรวาเลิกคิ้วฟังอย่างตั้งใจรู้สึกสบายกายสบายใจอย่างประหลาดแต่ก็อดที่จะสงสารสนมฮุ่ยไม่ได้เพราะเคยดูซีรีส์จีนตำหนักเย็นโดดเดี่ย
แสงเรืองรองตรงขอบฟ้านั่น แพรวาขยับตัวบิดตัวไปมารู้สึกถึงความวาบหวามจากคนข้างกายพลิกตะแคงกอดร่างใหญ่ข้างๆ มือใหญ่ลูบไล้แก้มเนียน“หายป่วยแล้วสงสัยจะได้ยาดี”“ไออุ่นจากฝ่าบาทนั่นอย่างไรที่ทำให้ข้า จากป่วยไข้ก็กลายเป็นสบายดี”หยางหลงเขย่าหัวเบาๆ ยังไม่ทันได้ชื่นจิตเสียงฝีเท้าหนักๆ ก็ดังเล็ดลอดเข้ามาภายในกระท่อมหยางหลงพลิกตัวแพรวาให้ลงไปนอนด้านข้างเตียง เสียงวิ่งกรูกันเข้ามาบ้างมาจากด้านหน้า และวิ่งมาจากด้านหลังถูกล้อมกรอบถึงเพียงนั้นหยางหลงฉุดแขนแพรวาลุกจากที่ยังนอนอยู่ใช้กระบี่ในมือแหวกเป็นทางเพื่อพาตัวเองและแพรวาฝ่าวงล้อมออกไปใต้เท้าจางและทหารองครักษ์นับสิบยืนดาหน้าในมือมีอาวุธครบครัน“ฝ่าบาท ตามข้าน้อยกลับวังหลวงจะดีกว่า ตอนนี้คนของข้าได้เข้ายึดวังหลวงไว้เสียสิ้นฝ่าบาทออกมาเช่นนี้ข้าเห็นทีต้องเชิญฝ่าบาทกลับไปประทับยังวังหลวงตามเดิม”หยางหลงขมวดคิ้วคิดไม่ถึงว่าใต้เท้าจางจะคิดการใหญ่ถึงเพียงนี้ข่าวเรื่องเขาออกจากวังไม่มีใครรู้แต่ทำไมใต้เท้าจางถึงฉวยโอกาสนี้บุกยึดวังหลวง"เหตุใดท่านถึงคิดการใหญ่ขนาดนี้ในเมื่อท่านก็ได้ทุกอย่างไปหมดแล้วทั้งอำนาจก็มีเสียมากมายมีสิ่งใดที่ท่านต้องการอีก”“ฝ
“ปล่อยข่าวออกไปเรื่องที่ข้าสำเร็จโทษพวกนางนั่นเป็นเพราะพวกนางไม่ดูแลพระสนมที่กำลังทรงครรภ์ให้ดีจึงต้องโทษถึงตาย และต่อไปต้องเป็นคราวของแม่นางเฟยลี่บ้างแล้ว เป็นการกดดันฝ่าบาทไม่ให้ใจอ่อนกับหญิงงามล่มเมืองคนนั้น"“แต่ใต้เท้าฝ่าบาทจะทรงสอบสวน”“ข้าจะนำเหล่าขุนนางทั้งหลายร่วมกันกดดันฝ่าบาทอีกทาง อย่างไรเสียพระสนมต้องไม่มีผู้ใดเทียบเคียงหากเรายังต้องการยิ่งใหญ่เหนือผู้ใดในแผ่นดินนี้”ใบหน้าเหี้ยมเกรียมแสยะยิ้มอย่างน่าเกลียดท้องฟ้ามืดไร้ดาราและจันทราส่องแสง นางในนางหนึ่งหอบห่อผ้าที่บรรจุของมีค่าเล็กน้อย วิ่งหลบหลีกเร้นกายตามเงามืดด้วยความรุกลี้รุกรนแต่ดวงตาคมกริบคู่หนึ่งที่จับจ้องความเคลื่อนไหวอยู่ก่อนแล้วกับทะยานขึ้นสู่หลังคาตำหนักวิ่งตามไปทางเดียวกับที่นางเร้นกายทว่าวิชาตัวเบาเยี่ยมยอดจนไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าแม้แต่น้อยอีกด้านทหารยามหน้าห้องขังถูกชายลึกลับที่โพกหน้าด้วยผ้าดำสกัดจุด จนหมดสติแล้วก็ลากร่างหนักอึ้งให้ไปนอนแผ่คุดคู้แสนสบายข้างกำแพงห้องขังกุญแจถูกหยิบมาใช้อย่างง่ายดายแพรวานอนขดตัวด้วยความหนาวเหน็บ ชุดนักโทษสีขาวบางเบาไม่สามารถให้ความอบอุ่นได้ ชายลึกลับไขกุญแจเข้าไปภายในห้องขั
คำแรกที่เห็นหน้าสนมฮุ่ย“ลูกไม่อยากให้โอกาสหลุดลอยไปเราส่งมือสังหารไปฝ่าบาทก็อยู่ที่นั่นปกป้องนาง ครั้งนี้ถือเสียว่ายืมมือฝ่าบาทจัดการกับนางแค่เรื่องปองร้ายพระสนมนางก็ไม่อาจหลุดพ้นโทษประหารแล้วยังจะโทษฐานทำให้ลูกต้องสูญเสียองค์รัชทายาท มีกี่หัวก็ไม่พอให้ตัด”“แล้วเจ้าได้อะไร ได้เพียงให้ตาย ตายจากไปแต่ไม่ช้าไม่นานฝ่าบาทก็จะมีสนมคนอื่นอีกแต่หากเจ้ารั้งที่จะไม่บอกใครเรื่องการสูญเสียองค์รัชทายาทอย่างน้อยข้าก็เตรียมการให้เจ้าแล้วข้าไปเกณฑ์คนที่อายุครรภ์เท่ากับเจ้ามากักไว้เพื่อให้เจ้าได้มีองค์รัชทายาทเป็นแม่ขององค์รัชทายาทและแม่ของแผ่นดิน เจ้ากับทำให้ทุกอย่างพังทลายลงไป”สนมฮุ่ยหน้าเสีย แต่สักพักก็กลับเป็นปกติ“ท่านพ่อ องค์รัชทายาทจะมีเมื่อไหร่ก็ได้ยังคงใช้แผนการของท่านพ่อได้เพียงแต่ลูกแสร้งว่ามีครรภ์แล้วเราก็สรรหาเด็กที่ไหนมาเป็นองค์รัชทายาทก็ได้ แต่โอกาสกำจัดนางนั้นหายากยิ่งตอนนี้ลูกยอมแลกทุกอย่างเพื่อการณ์นี้”“เจ้าอย่างไรก็ทำอะไรไม่หารือพ่อก่อน”“ลูกขออภัยท่านพ่อแต่ลูกเกลียดนาง นางแย่งฝ่าบาทและ แววตาอ่อนโยนของฝ่าบาทไปจากลูก”“ไม่จำเป็นต้องมีความรักความสงสาร มีเพียงอำนาจที่ได้รับเมื่อนั้
แพรวาอดขำไม่ได้“ถ้าอย่างนั้นเราต้องหาทางปกป้องพี่สาว”“ข้าว่าเราแทบไม่ต้องลงแรงตอนนี้ ฝ่าบาททรงมีพระทัยเอนเอียงมาทางแม่นางเฟยลี่เพราะเหตุใดข้าไม่ทราบแน่ชัดหรืออาจเป็นเพราะ สนมฮุ่ยทำการใดไม่รอบคอบจนฝ่าบาทเห็นธาตุแท้ของนางกับตาตนเองด้วยนิสัยของฝ่าบาททรงไม่ชอบการแก่งแย่งและการทำร้ายกันทรงมีความยุติธรรมพอ ไม่เห็นแก่คนผิด”ลี่มี่พยักหน้าหงึกหงัก“อย่างนี้เห็นทีว่าสนมฮุ่ยและใต้เท้าจางต้องหาโอกาสอันดีจัดการกับพี่สาวว่าแต่จะเป็นเรื่องอะไรนะ”แพรวาเริ่มใจคอตุ่มๆต่อมๆ ขึ้นมาบ้างสนมฮุ่ยไม่เหมือนวันวานนางเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดพร้อมทำทุกอย่างเพื่อความรักที่หวังครอบครองเท่านั้นหยางหลงสาวเท้าเร่งรีบไปยังตำหนักฝ่ายซ้าย หากแต่ที่มุมทางเดินสนมฮุ่ยเดินเยื้องย่างด้วยสีหน้าเรียบเฉยยังห้องของแพรวาสวนกันเพียงนิดเดียวแต่หยางหลงไม่อาจมองเห็นนางเนื่องจากมุมกำแพงสูงที่หักมุม ตรงทางเข้าตำหนักพอดีแพรวาอยู่ในห้องเพียงลำพังกับ ลี่มี่สาวใช้สองสามคนเดินเข้ามาในห้องของแพรวาด้วยแววตาประสงค์ร้าย“แม่นางเฟยลี่ พระสนมเรียกหาเจ้า”ลี่มี่คว้ามือแพรวามากำไว้กระซิบเบาๆ“พี่สาวระวังตัวด้วย ข้าน้อยจะไปตามฝ่าบาท”แพรวาพยักห
คราวนี้เองที่เขาสามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส จากร้ายกลับกลายเป็นดีมองแขนข้างที่เจ็บของหยางหลงมีมือบางเกาะเกี่ยวอยู่เขาอดถอนหายใจด้วยความโล่งอกไม่ได้ อย่างน้อยก็ตอนนี้ที่หยางหลงไม่ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของสนมฮุ่ย“พระสนม ทำไมไม่เรียกหมอหลวงเพคะ”สนมฮุ่ยนอนกุมท้องด้วยความเจ็บปวด“ใครให้เจ้ามาออกความเห็น”สาวใช้หดตัวลงนั่งก้มหน้านิ่ง“อย่างไรเสียเจ้าหมอนั่นก็ไม่อาจให้มันล่วงรู้”“ทำไมเพคะ”“เด็กคนนี้ไม่แข็งแรงพวกเจ้าก็รู้ดี แต่อย่างไรเสียข้าต้องพยายามให้องค์รัชทายาทอยู่กับข้าให้ได้”แววตามุ่งมั่น“พระสนมหมอจากนอกวังเข้ามาต้องผ่านเหล่าขันทีตรวจสอบ และเหล่าองครักษ์เกรงว่าไม่อาจปิดบังฝ่าบาท”“ข้าให้ท่านพ่อจัดการแล้ว ก็แค่ท่านพ่อเป็นห่วงข้าส่งหมอที่ดีที่สุดเข้ามาดูแลข้าเป็นพิเศษก็เท่านั้น”“ท่านหมอมาแล้วเพคะ”หญิงรับใช้ปิดม่านจนทึบ สนมฮุ่ยนอนหงายลงบนแท่นนอน“พระสนมอาการท่านเป็นอย่างไรบ้าง”“ข้ารู้สึกปวดท้องจนไม่อาจทานทนได้”“ข้าน้อยขอตรวจดูชีพจรก่อน”สนมฮุ่ยยื่นแขนออกมานอกม่านกำบัง หมอชราจับชีพจรอย่างคล่องแคล่ว ขมวดคิ้วเข้าหากันใบหน้าเคร่งเครียด“พระอาญาไม่พ้นเกล้า พระสนมข้าน้อยไร้สามารถ”คุก
มือใหญ่เชยคางมนให้สบตา ก้มลงจูบหนักหน่วงที่ริมฝีปากบางอีกครั้ง เขาไม่อาจหักใจหากยังปล่อยให้เป็นอย่างนี้ริมฝีปากอ่อนหนุ่มกลิ่นกายหอม ผิวเนื้ออ่อนละมุน ซุกอยู่กับอกกว้างถอนริมฝีปากออก“เราเคยรักกันมาก่อนใช่ไหม ที่ไหน เมื่อไหร่ บอกข้ามาก่อนที่ข้าจะกลืนกินเจ้าไป”สายตาคาดคั้น“ฝ่าบาทเชื่อเรื่องการเดินทางผ่านกาลเวลาไหม”หยางหลงขมวดคิ้ว“เช่นไร”“ข้ากับท่านเราเคยพบกัน ก่อนที่ข้าจะหายไปจากฝ่าบาทและกลับมาอีกครั้ง”หยางหลงครุ่นคิดภาพที่เขาเห็นนั้นเล่าชัดเจนแจ่มชัดในความทรงจำ เหมือนเพิ่งจะเกิดขึ้น“เจ้าใช้เวทมนตร์ใช่ไหม”“ไม่ใช่เวทมนตร์แต่มันคือเรื่องประหลาดที่ข้าไม่อาจอธิบายได้ และข้าเองมิได้กำหนดว่าจะมาจะไปตอนไหน สวรรค์เป็นผู้กำหนดเหมือนที่หมอหลวงบอกข้า ข้าเพียงแต่ไปมาตามแต่สวรรค์ต้องการ”“แล้วหมอหลวงทำไมถึงรู้ว่าเจ้าจะมา”“ท่านหมอบอกข้าว่าเขาเองไม่อาจเปิดเผยบัญชาสวรรค์ตัวเขาเองมีหน้าที่เพียง เป็นผู้แจ้งข่าว”ข้างนอกนั่น“ลี่มี่ เจ้าแน่ใจแล้วรึว่าฝ่าบาท ประทับอยู่ในห้องของแม่นางเฟยลี่”เหอหลงเอ่ยปากถาม“ ข้าเห็นมากับตา ฝ่าบาททรงหายเข้าไปในห้องของพี่สาวข้าจึงรีบมาแจ้งข่าวกับท่าน”เหอหลงยิ้มมี