แพรวามัวแต่มองคนที่เป็นฝ่าบาทจนชนเข้ากับคนที่ทำความเคารพ ล้มลงไปบนตัก อ้อมแขนของท่านโหวโอบรอบเอวบางด้วยความรวดเร็วแพรวายิ้มอย่างอายๆ
เกือบขายหน้า ฮ่องเต้ขยับตัวแต่กลับเปลี่ยนใจทำมาดนิ่งเหมือนเดิม
“แม้นางจะยังไม่ได้รับการแต่งตั้งในตำแหน่งใด แต่นางก็พำนักอยู่ที่ตำหนักข้า ท่านโหวกรุณาแล้ว แต่ไม่อาจรบกวน”
เดินมาฉุดร่างแพรวาขึ้นจากตักท่านโหวสายตาดุเข็มเชือดเฉือนกัน สงสัยจะไม่ค่อยลงรอยกันแพรวาคิด
“ฝ่าบาท กล่าวเกินไปแล้ว โหวหยางจื้อมิกล้า เพียงเพราะบังเอิญได้มีโอกาสสนทนากับแม่นาง...เฟยลี่ จึงทราบว่าแม่นางแค่ผ่านมาพักพิงมิได้ดำรงตำแหน่งใดใดในวังหลัง”
โอโห้ เชือดเฉือนเหมือนกัน ไม่เบาไม่เบา แต่ไม่ค่อยจะเข้าใจ ไอ้ที่พูดมาเลย พูดกันตรงๆไม่ได้เหรอ ปากก็บอกมิกล้าแต่ทำไมถึงเหมือนกับเหน็บแนมชอบกลประมาณว่าช้าไม่มีสิทธิ์ฮ่องเต้ก็ไม่มีสิทธิ์
“อย่างนั้นข้าคงต้อง มอบตำแหน่งใดให้นางกัน ในเมื่อเจ้าก็ดูเหมือนจะพึงใจในตัวนาง”
อะฮ้าพูดกันตรงๆ แบบนี้เลยเหรอฟะ เคยถามแพรวาสักคำไหมว่าพึงใจใครบ้าง
คงต้องขอเวลาทำใจแป็บเพิ่งจะอกหักมา
“ในเมื่อฝ่าบาท เอ่ยมาเช่นนี้โหวหยางจื้อก็อยากเสนอตำแหน่งให้แม่นางเฟยลี่ ด้วยความมิบังอาจเพื่อความยุติธรรมแก่ฝ่าบาทและข้าพระองค์”
“บังอาจ เจ้าคิดว่าเจ้า จะสามารถเอาชนะใจนางได้รึ” ไปกันใหญ่
“ข้าพระองค์เกรงว่าฝ่าบาท จะใช้อำนาจบังคับนาง”
“ข้าไม่ได้ เป็นชายที่ชอบใช้กำลังหากนางไม่สมัครใจ”
เหลือบตามองมายังแพรวา มาทนฟังใครเขาพูดถึงเธอได้แบบนี้นะว่าแต่จะหนีไปไหนได้
“งั้นเพียงแต่ยังไม่ต้องให้นางกินตำแหน่งใด”
“เจ้าก็รู้ กระแสน้ำใสเย็นย่อมมีเขาสูง นางไม่อาจไม่รู้ที่มาที่ไป การใช้ชีวิตที่นี่แน่นอน ไม่อาจวางใจพลาดเพียงก้าวเดียว ถึงกับนั่งอยู่ในแดนประหาร”
“ตำแหน่งใดจะเหมาะกับนาง ก็เป็นเพียงฝ่าบาท ที่ตัดสินใจ”
“ไว้ข้านึกออก เมื่อไหร่ ตำแหน่งของนาง ในวังแห่งนี้ คงต้องอยู่ที่ความพึงใจ ของข้า”
จบป่าว จบ ใครจะกล้าเถียงฮ่องเต้
“ระหว่างนี้เจ้าเองก็คงต้องอาศัยอยู่ภายในตำหนักของข้าไปก่อน”
พูดเองสรุปเอง มันคงจะจริงที่ฮ่องเต้มักจะเอาแต่ใจ
“เสี่ยวโอ พานางไปที่พักจัดนางกำนัลคอยดูแล”
ดูแลตัวเองได้ไม่ต้องห่วง
“เชิญแม่นางทางนี้”
ขันทีน้อยโค้งตัวก่อนจะผายมือให้แพรวา แพรวาเดินตามไปอย่างรวดเร็ว สายตาคมมองตามจนสุดสายตา
“เสี่ยวโอ เจ้าอายุเท่าไหร่”
ก้มหน้านิ่งไม่กล้าสบตาเวลาพูด คนขี้อาย
“ข้าน้อย....อายุ17ปี แม่นาง”
ยังเด็กอยู่เลย
“แล้วอยู่ที่นี่นานหรือยัง”
“ข้าน้อยเข้าวังมายังไม่ครบขวบปี เลยแม่นาง”
“ข้าเบื่อคำว่าข้าน้อยกับแม่นางคราวหลังเจ้าเรียกข้าว่า เจี่ยเจีย (พี่สาว) ก็แล้วกัน”
“ข้าน้อย...”
“ยังอีกอย่าพูดคำว่าไม่กล้าข้าไม่ชอบ”
“ข้าน้อยรับบัญชา”
แนะยังจะอีก
“ฮ่องเต้ของเจ้ามีเมียกี่คน”
“ได้โปรดอย่าคาดคั้นเลยแม่...เจี่ยเจีย เรื่องนี้ไม่เหมาะจะพูดคุย”
“เอะ ถ้าเจ้าไม่บอกพี่สาวไม่พูดใครจะรู้ว่าเจ้าเล่าให้พี่สาวฟัง”
เสี่ยวโอนิ่งไปแหงนหน้ามองเพดานก่อนจะทำท่าครุ่นคิด
“30 รวมทั้งหมด30 ทั้งสนม ทั้งกุ้ยเหรินกุ้ยเฟย”
“โอ้มายก๊อด”
เสี่ยวโอตกใจกับคำอุทาน ของแพรวา
“ไมเยอะอย่างนี้แล้ว....เปลี่ยนเวร เฮ้ยไม่ใช่ แบ่งเวลาการปรนนิบัติฮ่องเต้ของเจ้าอย่างไรไม่ตีกันตายเหรอ”
“ไม่แย่งกัน เพราะฮ่องเต้จะเรียกพวกนางแค่คนล่ะคืน ครั้งเดียวเมื่อแรกเข้าวังเท่านั้น”
“แล้วตำแหน่งอะไรทำไมล่ะ”
“ก็แล้วแต่ผลงานของคืนแรก ข้าน้อยพูดมากไปแล้ว เจี่ยเจีย อย่าบีบคั้น”
“ก็ได้ก็ได้ ไม่บีบคั้น”
เฮ้อสงสัยฮ่องเต้คงโหดชะมัดเจ้าเสี่ยวโอถึงไม่กล้าพูด พาแพรวาเดินมาจนสุดทางเดินในตำหนัก หน้าห้องมีหญิงสาวนางหนึ่งยืนอยู่
“ลี่มี่ เจ้าคอยรับใช้แม่นางเฟยลี่”
“น้อมบัญชาใต้เท้า”
ลี่มี่สาวน้อยใสซื่อคงเพิ่งเข้าวังเหมือนกัน
“ฮ่องเต้เสด็จ” มาอีกแล้วตามมาทำไมนะ
“พวกเจ้าออกไปก่อนข้ามีเรื่องหารือกับแม่นางเฟยลี่”
สายตาดุแกมบังคับทำเอาสองคนเดินตัวลีบออกไปทันที เข้าห้องปิดประตู ...@_@หรืออารมณ์ค้างจากเมื่อเช้าหว่า เดินเข้ามาหา แพรวาเดินถอยหลังไปเรื่อยๆจนชนเข้ากับขอบเตียงแววตาดุมีอาการขบขัน
“กลัวหรืออย่างไร ข้าไม่อาจฝืนใจหญิงใด แต่โดยมากแล้วมีแต่หญิงงามร้องขอการได้เข้ามาปรนนิบัติ”
หลงตัวเองก็บังคับชาวบ้านเขาซะขนาดนั้น
“ข้ามีข้อเสนอให้เจ้า ข้าเลือกเจ้าเพราะคิดว่าอย่างไรเสียสวรรค์คงส่งเจ้ามาในยามคับขัน”
“ฝ่าบาท จะให้ทำอะไร”“เจ้าแค่ยอมเสียสละอิสรภาพตัวเจ้า เข้ามาอาศัยอยู่ในตำหนัก สวมบทบาทว่าเจ้าเป็น คนโปรด”“ทำไมต้องเป็นแบบนั้น”“ข้าไม่อาจขัดบัญชาไทฮองไทเฮา เรื่องการเลือกป้ายรายชื่อสนมให้มาคอยปรนนิบัติในแต่ละคืน”อ๋ออย่างนี้นี่เอง“ถ้าเจ้าสามารถทำให้พวกนาง ออกไปจากตำหนักได้ยิ่งเป็นการดี”“แล้วข้าพระองค์จะไม่ไปลำเส้นใครในนี้รึฝ่าบาท”“เจ้ายังกลัวใครอีกในเมื่อข้าคือ ฮ่องเต้ และเป็นผู้ที่ คอยปกป้องการกระทำของเจ้า”งานง่ายๆแค่เขี่ยพวกผู้หญิงของฮ่องเต้ให้กระเด็น“ข้าพระองค์จะได้อะไรเป็นรางวัล”"ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยากได้ และป้ายหยกนี้ ข้ามอบให้เจ้าเห็นป้ายหยกเสมือนเห็นตัวข้า”ว้าวๆ ๆ ๆ อำนาจในมือแพรวาตาวาว“ข้าจะแต่งตั้งให้เจ้าเป็นข้าหลวงหญิง และระหว่างนี้ไม่ว่ากับใคร เจ้าต้องแสดงท่าทีว่าเป็น...คนสนิท...และเป็นที่โปรดปรานของข้า” ตลกล่ะเพิ่งจะอกหักมาจะมีอารมณ์ทำเรื่องแบบนี้ไหม แล้วทางกลับบ้านของเธอเล่า ฮ่องเต้เหมือนจะจับสังเกตได้เมื่อแพรวาท่าทางเศร้าหมองลงอย่างเห็นได้ชัด“เจ้ามีครอบครัวหรือใครที่ต้องห่วงอยู่ที่ไหนหรือไม่ข้าจะให้คนของข้าไปแจ้งข่าวว่าเจ้าสบายดี”แพรวาส่ายหน้าน้ำตาร่วงกราวป่าน
“ลุกขึ้นไม่ต้องมากพิธี ข้ารอเจ้านานแล้วมาช่วยฝนหมึกให้ข้าหน่อย”แพรวาว่าง่ายเดินตามอย่างเป็นกันเอง ลี่มี่ถอยห่างออกมาก่อนจะปิดประตูลงกุ้ยเหรินมองด้วยสายตาน้อยเนื้อต่ำใจ“วันนี้พระองค์ทรงมีกุ้ยเหรินมาปรนนิบัติ ไยต้องเรียกหาข้าพระองค์ด้วย”โดนไปแล้วหนึ่งดอกหยั่งเชิงดูก่อนฮ่องเต้เชยคางมนเนียนละมุนมือก่อนจะก้มหน้าจนจมูกชนจมูกแพรวา เอาเปรียบเธอมากไปไหม“ใครจะทนคิดถึงข้าหลวงหญิงคนสนิทอย่างเจ้าได้ ร้อยหญิงงามไม่เท่าหนึ่งนางรู้ใจ”โอ้โห้จะลอยแล้วพระองค์แพรวายิ้มแบบฝืนทน ก่อนจะใช้ศอกกระทุ้งเบาๆให้ฮ่องเต้ปล่อยตัวเธอเพราะรู้สึกว่ามันจะเลยเถิดไปใหญ่กุ้ยเหรินกำมือที่ผสานกันแน่น“มาวันนี้เรามาคุยกันยันเช้าไปเลย”หาเอาอย่างนั้นเลยเหรอ แพรวาปรับสีหน้าให้แช่มชื่น“ใครที่ อยู่ข้างนอก ส่งกุ้ยเหรินกลับตำหนักวันนี้เราจะอยู่กับข้าหลวงเฟยลี่”อย่างนี้ก็ได้เหรอ คำประกาศิต เสี่ยวโอลนลานเข้ามาโดยเร็ว กุ้ยเหรินตาแดงๆแต่เมื่อลุกขึ้นยืนได้กลับเชิดคอตั้งตรงด้วยชาติกำเนิดหรือฐานันดรของนางแพรวาไม่อาจคาดเดาได้ ก่อนจะถวายความเคารพเดินเยื้องย่างตามแบบของนางในกุ้ยเหรินจากไปแพรวาขยับตัวจะออกจากห้องมาบ้าง“จะไปไหน”“
“ข้าพระองค์เพียงแค่ ตื่นนอนมาแล้วเห็นฝ่าบาทบรรทมกับพื้นได้ด้วย”ฮ่องเต้หนุ่มพลิกตัวนอนหงายเลิกคิ้วมองหญิงสาวตรงหน้า“ข้ามีอะไรต่างจากคนอื่น ตรงไหนถึงนอนกับพื้นไม่ได้เจ้าคงเป็นอีกคนที่คิดว่าข้าเป็นถึงโอรสสวรรค์”แพรวาจนคำพูด ไม่รู้จะหาคำไหนมาพูดต่อก็เห็นเขาพูดกันแบบนี้“เจ้ามีพ่อแม่ไหม”“มีเพคะ”“แล้วตระกูลของเจ้าว่าอย่างไร กับการที่ลูกสาวต้อง มารอนแรมอย่างนี้”หมายความว่าอย่างไร“ข้าเห็นเจ้าที่มาไม่ชัดเจน แล้วยังไม่เคยได้ข่าวว่าตระกูลไหนลูกสาวหาย”“ข้าพระองค์ไม่ใช่คนเมืองนี้มาจากที่ๆ ไกลแสนไกล ไม่รู้ว่าฝ่าบาทจะเคยได้ยินไหม”สปริงตัวลุกขึ้นเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้“เจ้าคงไม่ได้หมายถึงที่ เหมยเจียงถูกส่งตัวไป” ใครวะเหมยเจียง“เป็นใครเพคะ”“นางอยู่ๆ ก็จากไปเหมือนกับเจ้าที่อยู่ก็มา แต่ต่างกันที่เหมยเจียงข้ามิอาจลืมนางได้แม้เพียงเสี้ยวนาที”จริงรึนั่น รักขนาดนั้นเลย ฮ่องเต้มีรักจริงด้วยเหรอ แพรวาเพิ่งจะผิดหวังกับรักแท้“แล้วทำไมนางถึงจากไป” เงียบไม่มีคำตอบฮ่องเต้เลือกที่จะไม่ตอบ เดินเอามือไพล่หลังเหมือนกำลังครุ่นคิด“เหมยเจียง ก็พูดกับข้าเหมือนกันว่านางจะจากไปที่ที่ไกลแสนไกล เช่นเดียวกับท
“ข้าต้องขอตัวแม่นาง...แพรวา ...ต้องไปจัดยาบำรุงให้กับสนมอีกหลายนางแม่นางจะรับสักเทียบไหม5555”หมอหลวงคนนี้ไม่ธรรมดารู้ด้วยว่าเธอชื่อ แพรวาหมอหลวงจากไปแพรวายังไม่ได้คำตอบตั้งใจจะตามหมอหลวงไป“เฟยลี่เจ้าหยุดก่อน”เสียงแหลมเล็กดังมาจากทางด้านหลัง แพรวาหันไปแบบไม่ค่อยพอใจด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างวางอำนาจ สนมฮุ่ยนั่นเอง คราวนี้มาแปลก ไม่สวยเรียบร้อยเหมือนเมื่อวานไปโมโหอะไรมา ลี่มี่ที่เดินตามมากระตุกชายเสื้อเบาๆ“ถวายพระพรสนมฮุ่ย ข้าน้อยข้าหลวงหญิงเฟยลี่”ยิ้มพรายที่มุมปาก กิริยา เหมือนกับคนละคนจากเมื่อวันนั้น“เขาลือกันให้แซ่ดว่าเป็นเจ้าที่ทำให้กุ้ยเหริน ตาบวมช้ำข้าเลยอยากรู้ความจริง”เอาแล้วอย่างไรงานเข้าแล้ว“ข้าน้อยมิกล้า เป็นฝ่าบาทเพค่ะพระสนมีที่ทรงเรียกให้ข้าน้อยเข้าไปคุย อุ้ย...ไปปรนนิบัติครั้นเมื่อจะออกมาจากห้องบรรทมก็ทรงรั้งตัวไว้แต่ทรงให้ขันที ส่งกุ้ยเหรินกลับตำหนัก ข้าน้อยมิอาจจัดพระราชประสงค์ของฝ่าบาท ครั้นเมื่อเช้าถึงได้มีพระราชานุญาตให้ข้าน้อย ออกมาได้”จัดไปอยากรู้นักไม่ใช่เหรอ สนมฮุ่ย กำมือจนเล็บยาวจิกเข้าไปในเนื้อ ทำไมจะไม่ได้ข่าวก็เจ้าเสี่ยวโอ ขันทีหน้าห้องเที่ยวพูดไปทั่วว่
จะบ้าตาย แพรวายกกำปั้นขึ้นทุบอกแน่นด้วยความอาย“พระองค์ทรงเอาใจใส่เฟยลี่เข้าใจดี แต่ประเจิดประเจ้อไปหรือเปล่าเพค่ะ”เสียงลอดไรฟันจงใจให้เข้าใจความหมาย“ดีแล้วไหนๆ ก็ไหนๆ ให้สมบทบาทหน่อย”เดินเร็วไม่สนใจแพรวา“อย่าดิ้นนักเดี๋ยวจะ ให้อายมากว่านี้"ว่าแล้วก็ก้มลงริมฝีปากเกือบจะประกบริมฝีปากแพรวา“ขอร้อง....คนนี้นี่สำคัญแสดงให้เนียนหน่อย”แพรวานิ่งไม่ไหวติงมันคือการแสดง แพรวาใจอย่าเต้นแรงเดินผ่านกุ้ยเหรินที่คงจะไม่ถวายพระพรเป็นประจำแพรวามองเห็นตาบวมแดง ที่ถูกปกปิดด้วยเครื่องสำอางแต่ไม่สามารถปกปิดได้หมด นางคงร้องไห้ทั้งคืนฮ่องเต้ใจร้าย พระองค์นี้ช่างทำนางได้ลงคอ นั่งลงถวายความเคารพตามแบบก่อนจะก้มหน้านิ่งฮ่องเต้ไม่สนใจอุ้มแพรวาสาวเท้าขึ้นไปบนเรือน รับลมที่ทำเป็นซุ้ม เหมือนเรือนผักผ่อน มีดอกไม่นานาชนิดส่งกลิ่นหอม ตลอดเวลา ขั้นบันไดไปได้เพียงสองสามก้าวแพรวาก็มองเห็นหญิงชราท่าทางสง่างาม นอนเหยียดยาวอยู่บน เบาะผ้าไหมที่ถูกเย็บขึ้นมาอย่างประณีต สวยงาม นางกำนัลโบกพัดไปมา น้ำชายังร้อนๆ เพราะมีไอลอยขึ้นมาบางเบา สายตาเหลือบขึ้นมองจากที่หลับตาพริ้ม เมื่อมีเสียงขานฮ่องเต้เสด็จ ทันมองเห็นตอนที่ฮ่องเต
ใบหน้าที่เคลือบด้วยแป้งจนขาว ปากสีแดงมองแล้วขัดตา เทียบไม่ได้กับใบหน้าเนียนใสของแพรวาสักนิด ที่สวยใสแบบธรรมชาติ“ไปตามนางมาเดี๋ยวนี้”ตวาดเสี่ยวโอ“เออ ข้าพระองค์หานางจนทั่วแล้วแต่ไม่พบตัวเจี่ยเจีย.. เอ้ย... แม่นางเฟยลี่เลยกระหม่อม”ฮ่องเต้ ลุกขึ้นจากบัลลังค์ที่นั่งอยู่ก่อนจะคว้าเสื้อคลุมมาใส่ เดินออกจากห้องไปสนมฮุ่ยเดินตามเกือบไม่ทันความมืดเข้าปกคลุม ลี่มี่กระตุกชายเสื้อแล้วหลายครั้งเพื่อเตือนสติแพรวา“อีกจอกน่าลี่มี่ข้ายังไม่เมา” แต่เสียงเปลี่ยนไป“แม่นางเฟยลี่ ดื่มสุราเก่งไม่แพ้บุรุษ สมกับที่เป็นหญิงงามอย่างนี้ถ้าใครได้เป็นคู่ครองต้องสำราญใจแน่เพราะไม่เพียงแต่ ร่วมชีวิต ร่วมทุกข์สุขได้ยังร่วมดื่มได้ ไม่มีเบื่อ"“5555เอิ้กกกกก ท่านโหวนี่ปากหมานชะมัด”“ปากหมานแปลว่าอะไรแม่นาง”“เปล่าๆ ๆ ๆ ข้าแค่หลงพูดภาษาต่างถิ่น”“ข้าประเมินแม่นางไว้ไม่ผิดแม่นางต้องคงท่องเที่ยวมานับไม่ถ้วนทั้งกิริยาและวาจาแตกต่างอย่างสิ้นเชิง”“ข้า ไมค่อยได้ไปไหนอยู่แต่ที่บ้าน แต่บ้านของข้าต่างจากบ้านท่านเอิ้กกกก เรามีสิทธิเท่าเทียมกันดื่มได้เท่ากัน ทำได้เท่ากัน”“อย่างนั้นนับว่าแปลกข้าไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีที่แบบนั้น
ด้วยความเคยตัวลุกขึ้นเดินหมายจะเข้าไปในห้องน้ำเดินโซซัดโซเซ จะล้มไม่ล้มแหล่ฮ่องเต้เข้าไปประคอง แต่ทนน้ำหนักตัวไม่ไหว แพรวาล้มโครมลงไปฮ่องเต้เสียหลักตาม ล้มทับลงไปบนตัวของแพรวา หน้าชนหน้าปากชนปาก กลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งเต็มตัวให้ความรู้สึกประหลาดฮ่องเต้รู้สึกว่าสุดจะห้ามความรู้สึกตัวเอง เมื่อหน้าอกเบียดชิดหน้าอกนุ่มใกล้ชิดหญิงงามมาก็เยอะไม่เคยมีใครเหมือนเฟยลี่ แพรวาผลักร่างฮ่องเต้ออกอย่างแรง“อย่ามาทำรุ่มร่าม แถวนี้นะ ฉันรักนวลสงวนตัวนะ แกยัยพลอยแกนี่เมาแล้วเลอะเทอะนึกว่าฉันเป็นสามีแกหรืออย่างไรไอ้เพื่อนบ้า”เมาจนไม่รู้เรื่องขนาดนี้ฮ่องเต้คิดในใจ ยังบอกรักนวลสงวนตัวได้อีกหรือมีปัญญาอะไรปกป้องตัวเองกัน“เสี่ยวโอ เสี่ยวโอ”เงียบไม่มีเสียงตอบ หลังจากคิดว่าฮ่องเต้ต้องจัดหนักเจี่ยเจีย เสี่ยวโอเลยหลบไปนอน เดินออกมาเปิดประตูไม่พบใครมีเพียงทหารรักษาการณ์“เจ้าเสี่ยวโอตัวดี”ยกชามน้ำมาด้วยตัวเอง แพรวานอนแผ่หลาบนพื้นเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ท่อนล่างถูกเลิกขึ้นมาจนเห็นขาขาวเรียวสวย ไม่กล้าเช็ดประเด็นคือ กลัวห้ามใจตัวเองไม่ไหว จะเรียกใครมาเช็ดให้เล่านางอยู่ในห้องบรรทม เห็นแสร้งทำเป็นไม่เห็นเช็ดหน้าเช็ดตาไ
ฮ่องเต้ขยับตัวตื่นลืมตาเมื่อแสงสว่างลอดเข้ามา แพรวาขยับตัวนอนท่าที่สบายที่สุด ชินอ๋องนั่นเล่าตกตะลึงอยู่ตรงนั้น“นางเป็นใครทำไมถึง ทำให้ท่านพี่ฮ่องเต้ลงมานอนข้างล่างได้”เสี่ยวโอคุกเข่าลงทันที“นาง คือเฟยลี่ข้าหลวงหญิงประจำกายฝ่าบาท”ชินอ๋องกระชากแขนแพรวาให้ลุกขึ้น ฮ่องเต้ลุกขึ้นมานั่งแบบงง แพรวาลืมตาตื่นงัวเงียมองคนนู้นที่คนนี้ที ยังไม่สร่างเมาอย่างที่ควรจะเป็นเพราะไม่ชินกับสุรา ไม่มียี่ห้อ“กรี๊ดดดด ใครทำอะไรฉัน ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ ฮ่องเต้ทำอะไรทำไมเสื้อผ้าฉันเป็นแบบนี้”ลี่มี่ถลาเข้ามาเอามือปิดปากไว้แน่นกระซิบข้างหู“นายหญิงยังไม่รู้จักชินอ๋องขาโหด เบาๆ หน่อยอันตราย”แพรวาตาโตเบิกตามองหน้าชินอ๋อง แววตาดุจริงๆ แต่ความหล่อเหลาอย่างนี้ตรงใจทีเดียวใบหน้าสะอาดสะอ้าน ไม่น่าเชื่อว่าคนสมัยโบราณของประเทศนี้จะหน้าตาดีทุกคนทีแรกก็ฮ่องเต้ที่คิดว่าจะแก่หง่ำเหงือกกับหล่อร้าย กับท่านโหวที่มองอย่างไรก็พระเอกหนังกำลังภายใน เฮ้อทำใจไม่ได้ อยากเก็บไว้สักหลายคน แต่เวลานี้มันใช่เวลา รำพันถึงหน้าตาคนหล่อไหม“ก็มันจริงนี่ ทำไมฉันมาอยู่ในห้องนี้สภาพนี้”ลี่มี่ส่ายหน้าไปมา“นี่เจ้ายังไม่ทราบความผิดของตัวเ
คะนิ้งลืมตาตื่นมาบนแท่นนอนหนานุ่ม บรรยากาศน่านอนจนไม่อยากชันกายลุกขึ้น รู้สึกว่าผิวแก้มเย็นเฉียบ ยกมือขึ้นลูบแก้มทั้งที่ยังไม่ลืมตา กลิ่นกำยานกลิ่นแปลกๆ โชยมาเข้าจมูกเป็นระยะๆ รู้สึกหนักบนอกอิ่มเหมือนมีอะไรอุ่นๆ มากดทับขยับตัวลำบาก พรึ่บลืมตาตื่นด้วยความตกใจ“กรี๊ดดดดดด” คะนิ้งส่งเสียงร้องดังลั่นเมื่อเห็นว่ามีผู้ชายมานอนอยู่ข้างกาย ….แต่เดี๋ยวก่อนผู้ชายหรือผู้หญิงวะ ทำไมผมยาว ใบหน้าขาวใส เหมือนผู้หญิง แต่จมูกเชิดหยิ่งน่าดึงเล่น ถ้าเป็นผู้หญิงก็คงเป็นทอม แต่ถ้าเป็นผู้ชายก็คงจัดว่าหล่อทีเดียว ดึงผ้าห่มมาคลุมตัวแน่น ผู้ชายแน่ๆคนที่นอนกอดอยู่สะดุ้งสุดตัว“เอะอะ อะไรของเจ้า” น้ำเสียงงัวเงียแต่ทุ้มนุ่มหูพิลึก“นาย นายเขามาได้ยังงัย”นึกขึ้นได้ที่นี่ไม่ใช่ที่นอนของเธอ แต่เป็นที่ไหน สภาพแปลกไป ผ้าม่านยาวบางที่ล้อมแท่นนอนวงกลมปลิวสะบัด โต๊ะตั่งก็แปลกตา แม้แต่หมอนยังเหมือนกับ….หรือว่า ไม่นะ ไม่ไม่ไม่“เจ้านี่อย่างไรกัน ทำไมต้องเอะอะ” คะนิ้งยกมืออุดปากตัวเองเมื่อรู้ว่าไม่ได้สื่อสารด้วยภาษาไทยแต่เป็น ภาษาจีนที่เรียนมาตั้งแต่อยู่อนุบาล“นอนๆ เจ้าจะรีบตื่นไปไหน” เสียงประตูเปิดออกมา หนุ่มน้อยอีก
หย่าจิ้ง ไทฮองไทเฮาและไทเฮาดื่มชาคารวะจากบ่าวสาวพร้อมเพรียงกัน หยางหลงและแพรวาหันมาสบตากันนิ่งนาน“ต่อแต่นี้สิ่งร้ายๆ ได้ผ่านไปแล้ว ย่าหวังว่าจะมีสิ่งดีๆให้ได้ชื่นใจบ้าง”“เสด็จย่า คอยเวลาอุ้มเหลนตัวน้อยได้แล้ว อีกไม่นานหลานหวังอย่างนั้น”เสียงหัวเราะดังขึ้นพร้อมเพรียงกัน ชินอ๋องเผลอสบตาลี่มี่ด้วยประกายตาลึกซึ้ง ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีต้องขอบคุณเฟยลี่ที่นางทำให้ทุกอย่าง เป็นไปตามที่คาดหวังไว้แพรวาสวมชุดเจ้าสาวสีแดงที่ส่งให้แพรวางดงามอย่างหาที่ติไม่ได้บนศีรษะสวมมงกุฎบ่งบอกฐานะฮองเฮาชัดเจนมือบางลูบคลำราวสะพาน ด้วยความรู้สึกขอบคุณ เบื้องล่างน้ำใสไหลเชื่องช้า ลี่มี่ยืนอยู่ด้านหลังถือเสื้อคลุมอากาศหนาวจับใจแต่ภายในอบอุ่นอย่างประหลาดคำพูดของหมอหลวงที่บอกแพรวาก่อนหน้านั้น“ห้วงเวลาที่แม่นางข้ามผ่านถูกปิดแล้วนับจากนี้ไม่ว่าแม่นางอยากจะจากไปแค่ไหนก็ไม่อาจที่จะไปได้ เพราะทุกอย่างเหมือนถูกสวรรค์ลิขิตไว้แล้วแม้แต่ข้าเองยังไม่สามารถข้ามผ่านไปได้เช่นกัน แม่นางแพรวาได้สาบสูญไปจากภพภูมิของนางเหลือเพียงเยว่ถิงหรือแม่นางเฟยลี่เท่านั้นที่ยังอยู่ที่นี่.ในฐานะฮองเฮา”“ฮองเฮาเพคะอากาศหนาว สวมเสื้อคลุมจะดีก
ภาพความทรงจำที่ผุดขึ้นให้เขาเห็นช้ำแล้วช้ำเล่าเมื่อคราวที่แพรวารับกระบี่แทนเขา มันมิใช่เพียงเพิ่งเกิดขึ้นหากเกิดขึ้นถึงสองครั้งสองครา คราวนั้นเขาไม่สามารถมองเห็นเจ้าของกระบี่ แต่ภาพความทรงจำเด่นชัดคราวนี้เป็นเท้าจางที่ส่งกระบี่คมลงกลางอกของแพรวาหากแต่ดีที่ไม่ถูกจุดสำคัญ อย่างนี้จะให้เขายังมีสิ่งใดที่ต้องสงสัยในตัวของเฟยลี่ได้อีกเป็นเขาที่ติดค้างนาง“ฝ่าบาททรงคิดถึงเฟยลี่ใช่ไหม”ใบหน้าหวานยิ้มยียวน“ไม่เคยคิดถึงหากแต่คิดอยู่เสมอว่าทำอย่างไรจะให้เจ้าฟื้นคืนมาเจรจาเหมือนอย่างนี้ได้”“ฝ่าบาททำอย่างไรกับสนมฮุ่ย”“นางในที่รอดชีวิตจากการช่วยเหลือของเสี่ยวโอ เมื่อคราวหลบหนีออกจากวังยอมให้พูดความจริงเรื่องที่ฮุ่ยเหนียงใช้ยาบำรุงครรภ์จนแท้งแต่กลับโยนความผิดให้เจ้าเฟยลี่ ใต้เท้าจางลงมือสังหารหมอที่นำเข้ามาจากนอกวัง แล้วยังสังหารเหล่านางในนับสิบที่รู้เรื่องนี้ ส่วนนางในคนที่เหลือกำลังจะหาทางหนีดีที่เสี่ยวโอพบเข้าเสียก่อน สนมฮุ่ยข้าให้นางสำนึกผิดในตำหนักเย็นชั่วชีวิตของนาง”แพรวาเลิกคิ้วฟังอย่างตั้งใจรู้สึกสบายกายสบายใจอย่างประหลาดแต่ก็อดที่จะสงสารสนมฮุ่ยไม่ได้เพราะเคยดูซีรีส์จีนตำหนักเย็นโดดเดี่ย
แสงเรืองรองตรงขอบฟ้านั่น แพรวาขยับตัวบิดตัวไปมารู้สึกถึงความวาบหวามจากคนข้างกายพลิกตะแคงกอดร่างใหญ่ข้างๆ มือใหญ่ลูบไล้แก้มเนียน“หายป่วยแล้วสงสัยจะได้ยาดี”“ไออุ่นจากฝ่าบาทนั่นอย่างไรที่ทำให้ข้า จากป่วยไข้ก็กลายเป็นสบายดี”หยางหลงเขย่าหัวเบาๆ ยังไม่ทันได้ชื่นจิตเสียงฝีเท้าหนักๆ ก็ดังเล็ดลอดเข้ามาภายในกระท่อมหยางหลงพลิกตัวแพรวาให้ลงไปนอนด้านข้างเตียง เสียงวิ่งกรูกันเข้ามาบ้างมาจากด้านหน้า และวิ่งมาจากด้านหลังถูกล้อมกรอบถึงเพียงนั้นหยางหลงฉุดแขนแพรวาลุกจากที่ยังนอนอยู่ใช้กระบี่ในมือแหวกเป็นทางเพื่อพาตัวเองและแพรวาฝ่าวงล้อมออกไปใต้เท้าจางและทหารองครักษ์นับสิบยืนดาหน้าในมือมีอาวุธครบครัน“ฝ่าบาท ตามข้าน้อยกลับวังหลวงจะดีกว่า ตอนนี้คนของข้าได้เข้ายึดวังหลวงไว้เสียสิ้นฝ่าบาทออกมาเช่นนี้ข้าเห็นทีต้องเชิญฝ่าบาทกลับไปประทับยังวังหลวงตามเดิม”หยางหลงขมวดคิ้วคิดไม่ถึงว่าใต้เท้าจางจะคิดการใหญ่ถึงเพียงนี้ข่าวเรื่องเขาออกจากวังไม่มีใครรู้แต่ทำไมใต้เท้าจางถึงฉวยโอกาสนี้บุกยึดวังหลวง"เหตุใดท่านถึงคิดการใหญ่ขนาดนี้ในเมื่อท่านก็ได้ทุกอย่างไปหมดแล้วทั้งอำนาจก็มีเสียมากมายมีสิ่งใดที่ท่านต้องการอีก”“ฝ
“ปล่อยข่าวออกไปเรื่องที่ข้าสำเร็จโทษพวกนางนั่นเป็นเพราะพวกนางไม่ดูแลพระสนมที่กำลังทรงครรภ์ให้ดีจึงต้องโทษถึงตาย และต่อไปต้องเป็นคราวของแม่นางเฟยลี่บ้างแล้ว เป็นการกดดันฝ่าบาทไม่ให้ใจอ่อนกับหญิงงามล่มเมืองคนนั้น"“แต่ใต้เท้าฝ่าบาทจะทรงสอบสวน”“ข้าจะนำเหล่าขุนนางทั้งหลายร่วมกันกดดันฝ่าบาทอีกทาง อย่างไรเสียพระสนมต้องไม่มีผู้ใดเทียบเคียงหากเรายังต้องการยิ่งใหญ่เหนือผู้ใดในแผ่นดินนี้”ใบหน้าเหี้ยมเกรียมแสยะยิ้มอย่างน่าเกลียดท้องฟ้ามืดไร้ดาราและจันทราส่องแสง นางในนางหนึ่งหอบห่อผ้าที่บรรจุของมีค่าเล็กน้อย วิ่งหลบหลีกเร้นกายตามเงามืดด้วยความรุกลี้รุกรนแต่ดวงตาคมกริบคู่หนึ่งที่จับจ้องความเคลื่อนไหวอยู่ก่อนแล้วกับทะยานขึ้นสู่หลังคาตำหนักวิ่งตามไปทางเดียวกับที่นางเร้นกายทว่าวิชาตัวเบาเยี่ยมยอดจนไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าแม้แต่น้อยอีกด้านทหารยามหน้าห้องขังถูกชายลึกลับที่โพกหน้าด้วยผ้าดำสกัดจุด จนหมดสติแล้วก็ลากร่างหนักอึ้งให้ไปนอนแผ่คุดคู้แสนสบายข้างกำแพงห้องขังกุญแจถูกหยิบมาใช้อย่างง่ายดายแพรวานอนขดตัวด้วยความหนาวเหน็บ ชุดนักโทษสีขาวบางเบาไม่สามารถให้ความอบอุ่นได้ ชายลึกลับไขกุญแจเข้าไปภายในห้องขั
คำแรกที่เห็นหน้าสนมฮุ่ย“ลูกไม่อยากให้โอกาสหลุดลอยไปเราส่งมือสังหารไปฝ่าบาทก็อยู่ที่นั่นปกป้องนาง ครั้งนี้ถือเสียว่ายืมมือฝ่าบาทจัดการกับนางแค่เรื่องปองร้ายพระสนมนางก็ไม่อาจหลุดพ้นโทษประหารแล้วยังจะโทษฐานทำให้ลูกต้องสูญเสียองค์รัชทายาท มีกี่หัวก็ไม่พอให้ตัด”“แล้วเจ้าได้อะไร ได้เพียงให้ตาย ตายจากไปแต่ไม่ช้าไม่นานฝ่าบาทก็จะมีสนมคนอื่นอีกแต่หากเจ้ารั้งที่จะไม่บอกใครเรื่องการสูญเสียองค์รัชทายาทอย่างน้อยข้าก็เตรียมการให้เจ้าแล้วข้าไปเกณฑ์คนที่อายุครรภ์เท่ากับเจ้ามากักไว้เพื่อให้เจ้าได้มีองค์รัชทายาทเป็นแม่ขององค์รัชทายาทและแม่ของแผ่นดิน เจ้ากับทำให้ทุกอย่างพังทลายลงไป”สนมฮุ่ยหน้าเสีย แต่สักพักก็กลับเป็นปกติ“ท่านพ่อ องค์รัชทายาทจะมีเมื่อไหร่ก็ได้ยังคงใช้แผนการของท่านพ่อได้เพียงแต่ลูกแสร้งว่ามีครรภ์แล้วเราก็สรรหาเด็กที่ไหนมาเป็นองค์รัชทายาทก็ได้ แต่โอกาสกำจัดนางนั้นหายากยิ่งตอนนี้ลูกยอมแลกทุกอย่างเพื่อการณ์นี้”“เจ้าอย่างไรก็ทำอะไรไม่หารือพ่อก่อน”“ลูกขออภัยท่านพ่อแต่ลูกเกลียดนาง นางแย่งฝ่าบาทและ แววตาอ่อนโยนของฝ่าบาทไปจากลูก”“ไม่จำเป็นต้องมีความรักความสงสาร มีเพียงอำนาจที่ได้รับเมื่อนั้
แพรวาอดขำไม่ได้“ถ้าอย่างนั้นเราต้องหาทางปกป้องพี่สาว”“ข้าว่าเราแทบไม่ต้องลงแรงตอนนี้ ฝ่าบาททรงมีพระทัยเอนเอียงมาทางแม่นางเฟยลี่เพราะเหตุใดข้าไม่ทราบแน่ชัดหรืออาจเป็นเพราะ สนมฮุ่ยทำการใดไม่รอบคอบจนฝ่าบาทเห็นธาตุแท้ของนางกับตาตนเองด้วยนิสัยของฝ่าบาททรงไม่ชอบการแก่งแย่งและการทำร้ายกันทรงมีความยุติธรรมพอ ไม่เห็นแก่คนผิด”ลี่มี่พยักหน้าหงึกหงัก“อย่างนี้เห็นทีว่าสนมฮุ่ยและใต้เท้าจางต้องหาโอกาสอันดีจัดการกับพี่สาวว่าแต่จะเป็นเรื่องอะไรนะ”แพรวาเริ่มใจคอตุ่มๆต่อมๆ ขึ้นมาบ้างสนมฮุ่ยไม่เหมือนวันวานนางเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดพร้อมทำทุกอย่างเพื่อความรักที่หวังครอบครองเท่านั้นหยางหลงสาวเท้าเร่งรีบไปยังตำหนักฝ่ายซ้าย หากแต่ที่มุมทางเดินสนมฮุ่ยเดินเยื้องย่างด้วยสีหน้าเรียบเฉยยังห้องของแพรวาสวนกันเพียงนิดเดียวแต่หยางหลงไม่อาจมองเห็นนางเนื่องจากมุมกำแพงสูงที่หักมุม ตรงทางเข้าตำหนักพอดีแพรวาอยู่ในห้องเพียงลำพังกับ ลี่มี่สาวใช้สองสามคนเดินเข้ามาในห้องของแพรวาด้วยแววตาประสงค์ร้าย“แม่นางเฟยลี่ พระสนมเรียกหาเจ้า”ลี่มี่คว้ามือแพรวามากำไว้กระซิบเบาๆ“พี่สาวระวังตัวด้วย ข้าน้อยจะไปตามฝ่าบาท”แพรวาพยักห
คราวนี้เองที่เขาสามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส จากร้ายกลับกลายเป็นดีมองแขนข้างที่เจ็บของหยางหลงมีมือบางเกาะเกี่ยวอยู่เขาอดถอนหายใจด้วยความโล่งอกไม่ได้ อย่างน้อยก็ตอนนี้ที่หยางหลงไม่ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของสนมฮุ่ย“พระสนม ทำไมไม่เรียกหมอหลวงเพคะ”สนมฮุ่ยนอนกุมท้องด้วยความเจ็บปวด“ใครให้เจ้ามาออกความเห็น”สาวใช้หดตัวลงนั่งก้มหน้านิ่ง“อย่างไรเสียเจ้าหมอนั่นก็ไม่อาจให้มันล่วงรู้”“ทำไมเพคะ”“เด็กคนนี้ไม่แข็งแรงพวกเจ้าก็รู้ดี แต่อย่างไรเสียข้าต้องพยายามให้องค์รัชทายาทอยู่กับข้าให้ได้”แววตามุ่งมั่น“พระสนมหมอจากนอกวังเข้ามาต้องผ่านเหล่าขันทีตรวจสอบ และเหล่าองครักษ์เกรงว่าไม่อาจปิดบังฝ่าบาท”“ข้าให้ท่านพ่อจัดการแล้ว ก็แค่ท่านพ่อเป็นห่วงข้าส่งหมอที่ดีที่สุดเข้ามาดูแลข้าเป็นพิเศษก็เท่านั้น”“ท่านหมอมาแล้วเพคะ”หญิงรับใช้ปิดม่านจนทึบ สนมฮุ่ยนอนหงายลงบนแท่นนอน“พระสนมอาการท่านเป็นอย่างไรบ้าง”“ข้ารู้สึกปวดท้องจนไม่อาจทานทนได้”“ข้าน้อยขอตรวจดูชีพจรก่อน”สนมฮุ่ยยื่นแขนออกมานอกม่านกำบัง หมอชราจับชีพจรอย่างคล่องแคล่ว ขมวดคิ้วเข้าหากันใบหน้าเคร่งเครียด“พระอาญาไม่พ้นเกล้า พระสนมข้าน้อยไร้สามารถ”คุก
มือใหญ่เชยคางมนให้สบตา ก้มลงจูบหนักหน่วงที่ริมฝีปากบางอีกครั้ง เขาไม่อาจหักใจหากยังปล่อยให้เป็นอย่างนี้ริมฝีปากอ่อนหนุ่มกลิ่นกายหอม ผิวเนื้ออ่อนละมุน ซุกอยู่กับอกกว้างถอนริมฝีปากออก“เราเคยรักกันมาก่อนใช่ไหม ที่ไหน เมื่อไหร่ บอกข้ามาก่อนที่ข้าจะกลืนกินเจ้าไป”สายตาคาดคั้น“ฝ่าบาทเชื่อเรื่องการเดินทางผ่านกาลเวลาไหม”หยางหลงขมวดคิ้ว“เช่นไร”“ข้ากับท่านเราเคยพบกัน ก่อนที่ข้าจะหายไปจากฝ่าบาทและกลับมาอีกครั้ง”หยางหลงครุ่นคิดภาพที่เขาเห็นนั้นเล่าชัดเจนแจ่มชัดในความทรงจำ เหมือนเพิ่งจะเกิดขึ้น“เจ้าใช้เวทมนตร์ใช่ไหม”“ไม่ใช่เวทมนตร์แต่มันคือเรื่องประหลาดที่ข้าไม่อาจอธิบายได้ และข้าเองมิได้กำหนดว่าจะมาจะไปตอนไหน สวรรค์เป็นผู้กำหนดเหมือนที่หมอหลวงบอกข้า ข้าเพียงแต่ไปมาตามแต่สวรรค์ต้องการ”“แล้วหมอหลวงทำไมถึงรู้ว่าเจ้าจะมา”“ท่านหมอบอกข้าว่าเขาเองไม่อาจเปิดเผยบัญชาสวรรค์ตัวเขาเองมีหน้าที่เพียง เป็นผู้แจ้งข่าว”ข้างนอกนั่น“ลี่มี่ เจ้าแน่ใจแล้วรึว่าฝ่าบาท ประทับอยู่ในห้องของแม่นางเฟยลี่”เหอหลงเอ่ยปากถาม“ ข้าเห็นมากับตา ฝ่าบาททรงหายเข้าไปในห้องของพี่สาวข้าจึงรีบมาแจ้งข่าวกับท่าน”เหอหลงยิ้มมี