“ข้าต้องขอตัวแม่นาง...แพรวา ...ต้องไปจัดยาบำรุงให้กับสนมอีกหลายนางแม่นางจะรับสักเทียบไหม5555”
หมอหลวงคนนี้ไม่ธรรมดารู้ด้วยว่าเธอชื่อ แพรวา
หมอหลวงจากไปแพรวายังไม่ได้คำตอบตั้งใจจะตามหมอหลวงไป
“เฟยลี่เจ้าหยุดก่อน”
เสียงแหลมเล็กดังมาจากทางด้านหลัง แพรวาหันไปแบบไม่ค่อยพอใจด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างวางอำนาจ สนมฮุ่ยนั่นเอง คราวนี้มาแปลก ไม่สวยเรียบร้อยเหมือนเมื่อวานไปโมโหอะไรมา ลี่มี่ที่เดินตามมากระตุกชายเสื้อเบาๆ
“ถวายพระพรสนมฮุ่ย ข้าน้อยข้าหลวงหญิงเฟยลี่”
ยิ้มพรายที่มุมปาก กิริยา เหมือนกับคนละคนจากเมื่อวันนั้น
“เขาลือกันให้แซ่ดว่าเป็นเจ้าที่ทำให้กุ้ยเหริน ตาบวมช้ำข้าเลยอยากรู้ความจริง”
เอาแล้วอย่างไรงานเข้าแล้ว
“ข้าน้อยมิกล้า เป็นฝ่าบาทเพค่ะพระสนมีที่ทรงเรียกให้ข้าน้อยเข้าไปคุย อุ้ย...ไปปรนนิบัติครั้นเมื่อจะออกมาจากห้องบรรทมก็ทรงรั้งตัวไว้แต่ทรงให้ขันที ส่งกุ้ยเหรินกลับตำหนัก ข้าน้อยมิอาจจัดพระราชประสงค์ของฝ่าบาท ครั้นเมื่อเช้าถึงได้มีพระราชานุญาตให้ข้าน้อย ออกมาได้”
จัดไปอยากรู้นักไม่ใช่เหรอ สนมฮุ่ย กำมือจนเล็บยาวจิกเข้าไปในเนื้อ ทำไมจะไม่ได้ข่าวก็เจ้าเสี่ยวโอ ขันทีหน้าห้องเที่ยวพูดไปทั่วว่าฝ่าบาททรงพระสรวลเสียงดังเมื่ออยู่ในห้องบรรทมกับข้าหลวงหญิงเฟยลี่ ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีใครได้ยิน เสียงพระสรวลนานมากแล้ว
“แต่ถ้าเป็นข้า สนมฮุ่ยฝ่าบาทจะไม่ทรงทำอย่างนั้น”
ประเมินตัวเองสูงไป หรือเปล่า เอหรือว่าแพรวา ประเมินนางต่ำไป
“อย่างนั้นข้าน้อยจะคอยอยู่ที่ห้องบรรทมฝ่าบาทรอรับ เสด็จสนมฮุ่ย ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสค่ำคืนไหน"
ใบหน้าบูดบึ้งของสนมฮุ่ยเป็นการตอบคำถามได้อย่างดี
“ถึงจะโปรดปรานแค่ไหนก็คงไม่ทำให้อยู่ในใจเท่าเหมยเจียง”
น้ำเสียงหยามหยันอย่างไม่เกรงใจ แพรวาใจกระตุก ชื่อนี้อีกแล้วนางเป็นใครนะ
“บัดนี้ก็มีเพียงข้าน้อย ที่ฮ่องเต้ทรงมีกระแสรับสั่งให้เข้าเฝ้าทุกค่ำคืน”
สนมฮุ่ยสะบัดหน้าเชิดหยิ่งด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
“ไว้ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น ฮองเฮาก่อนเถอะข้าสนมฮุ่ยจะให้เจ้าร้องขอชีวิตแทบไม่ทัน”
โอ้วันนี้ทำไม่เจอแต่คนข่มขู่ เดินจากไปอย่างเย่อหยิ่งตามชาติตระกูลของนาง
เสี่ยวโอตัวลีบติดข้างฝาโดยที่มีแพรวายืนอยู่ข้างหน้า
“เจี่ยเจีย อย่ากดดันข้าน้อย”
“น้องชายเจ้าริอาจนำเรื่องราวภายในไปบอกต่อทำเอาพี่สาวเดือดร้อนถูกสนมฮุ่ยรังแก เจ้าไม่สงสารพี่สาวรึถ้าเรื่องนี้รู้ที่หูฮ่องเต้ กี่หัวก็ไม่พอให้ตัด”
เสี่ยวโอเข่าอ่อนทรุดตัวลงคำนับ
“ไว้ชีวิต เจี่ยเจียไว้ชีวิตเสี่ยวโอด้วย”
“คนเราถ้าจะได้อะไรมาสักอย่างต้องมีข้อแลกเปลี่ยน”
“ข้าน้อยยอมทุกอย่างขอเพียง พี่สาวอย่าแพร่งพรายเรื่องนี้ให้ฝ่าบาททรงทราบเสี่ยวโอหารู้ไม่"
เขารู้กันทั้งวังเพราะปากของแกนี้แหละ
“ภักดีต่อพี่สาวยอมทำตามคำสั่งพี่สาวมีเรื่องอะไรก็เล่าให้พี่สาวฟังแค่นั้นทำได้ไหมเรื่องง่ายๆ เสี่ยวโอ” ก้มลงคำนับถี่ๆ
“เสี่ยวโอขอบคุณพี่สาวเสี่ยวโอจะจำไว้”
สำเร็จหาแนวร่วมได้แล้ว
“งานแรก เลยไหมเสี่ยวโอ เพียงแค่น้องชายจับตาหมอหลวงให้พี่สาวว่าเขาไปที่ไหนทำอะไร แล้วนำมาเล่าต่อแค่นั้นง่ายๆ”
เสี่ยวโอพึมพำเหมือนไม่เข้าใจเรื่องหมอหลวงแต่ไม่กล้าถาม แพรวายิ้มมุมปาก เจ้าเล่ห์นะเรา555
ในวังแห่งนี้ไม่มีอะไรทำนอกจากนั่งเดินชมนกชมไม้ประทินผิว (อาบน้ำวนไป) แพรวายังสำรวจไม่ทั่วบริเวณ จึงได้เวลาแล้วที่เธอจะเดินสำรวจกับลี่มี่อย่างสบายใจ
“ฮ่องเต้เสด็จ”
มาขัดจังหวะดอกไม้สวยแปลกตาแพรวากำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศ
“จะพาไปตำหนักฟางซิน”
มือใหญ่คว้าข้อมือของแพรวาให้เดินตามทั้งลากทั้งจูง
“ปล่อยเพค่ะ”
แพรวาลืมตัวสะบัดมืออกโดยเร็ว เหล่าขันทีและเด็กรับใช้ปิดปากอมยิ้มอย่างสุดจะกลั้น
ฮ่องเต้เสียหน้าย่อตัวรวบชายผ้าอุ้มแพรวาไว้ในอ้อมแขน
“ให้อุ้มไปเลยไหม ไม่จำเจ็บเท่าไหร่ไม่จำเดี๋ยวจัดหนักอีกหรอก”
คราวนี้เสียงหัวเราะคิกคักแพรวาหน้าแดงด้วยความเขินอายกระซิบข้างหูเบาๆ แพรวาใจเต้นตึกตักเมื่อลมหายใจอุ่นๆ รินรดข้งใบหู
“ลืมแล้วหรือไรให้แสดงว่ารัก ว่าได้รับการโปรดปราน ถ้าลืมแล้วจะเตือนความจำให้”
แพรวาสั่นหัวไปมา บ้าดีเดือดจริงฮ่องเต้ ไม่รู้จักอายคนอื่นบ้างเลยผู้ชายแบบนี้มีด้วยหรือแสดงบทรักต่อหน้าคนทั่วไปได้หากไม่ได้คิดอะไรกับเธอเลย
“วางข้าพระองค์ลงเถิดเพคะแล้วจะไปไหนเฟยลี่ยอมไปทั้งนั้น"
ปากบางสวยคล้ายปากผู้หญิงของฮ่องเต้ยิ้มระเรื่อแสดงความพอใจแต่กลับพูดเสียงดังฟังชัด เหมือนกับแกล้งแพรวา
“อุ้มไปอย่างนี้จนกว่าจะถึงตำหนัก ข้าไม่อยากให้ เท้าน้อยๆของเจ้าเปรอะเปื้อน"
จะบ้าตาย แพรวายกกำปั้นขึ้นทุบอกแน่นด้วยความอาย“พระองค์ทรงเอาใจใส่เฟยลี่เข้าใจดี แต่ประเจิดประเจ้อไปหรือเปล่าเพค่ะ”เสียงลอดไรฟันจงใจให้เข้าใจความหมาย“ดีแล้วไหนๆ ก็ไหนๆ ให้สมบทบาทหน่อย”เดินเร็วไม่สนใจแพรวา“อย่าดิ้นนักเดี๋ยวจะ ให้อายมากว่านี้"ว่าแล้วก็ก้มลงริมฝีปากเกือบจะประกบริมฝีปากแพรวา“ขอร้อง....คนนี้นี่สำคัญแสดงให้เนียนหน่อย”แพรวานิ่งไม่ไหวติงมันคือการแสดง แพรวาใจอย่าเต้นแรงเดินผ่านกุ้ยเหรินที่คงจะไม่ถวายพระพรเป็นประจำแพรวามองเห็นตาบวมแดง ที่ถูกปกปิดด้วยเครื่องสำอางแต่ไม่สามารถปกปิดได้หมด นางคงร้องไห้ทั้งคืนฮ่องเต้ใจร้าย พระองค์นี้ช่างทำนางได้ลงคอ นั่งลงถวายความเคารพตามแบบก่อนจะก้มหน้านิ่งฮ่องเต้ไม่สนใจอุ้มแพรวาสาวเท้าขึ้นไปบนเรือน รับลมที่ทำเป็นซุ้ม เหมือนเรือนผักผ่อน มีดอกไม่นานาชนิดส่งกลิ่นหอม ตลอดเวลา ขั้นบันไดไปได้เพียงสองสามก้าวแพรวาก็มองเห็นหญิงชราท่าทางสง่างาม นอนเหยียดยาวอยู่บน เบาะผ้าไหมที่ถูกเย็บขึ้นมาอย่างประณีต สวยงาม นางกำนัลโบกพัดไปมา น้ำชายังร้อนๆ เพราะมีไอลอยขึ้นมาบางเบา สายตาเหลือบขึ้นมองจากที่หลับตาพริ้ม เมื่อมีเสียงขานฮ่องเต้เสด็จ ทันมองเห็นตอนที่ฮ่องเต
ใบหน้าที่เคลือบด้วยแป้งจนขาว ปากสีแดงมองแล้วขัดตา เทียบไม่ได้กับใบหน้าเนียนใสของแพรวาสักนิด ที่สวยใสแบบธรรมชาติ“ไปตามนางมาเดี๋ยวนี้”ตวาดเสี่ยวโอ“เออ ข้าพระองค์หานางจนทั่วแล้วแต่ไม่พบตัวเจี่ยเจีย.. เอ้ย... แม่นางเฟยลี่เลยกระหม่อม”ฮ่องเต้ ลุกขึ้นจากบัลลังค์ที่นั่งอยู่ก่อนจะคว้าเสื้อคลุมมาใส่ เดินออกจากห้องไปสนมฮุ่ยเดินตามเกือบไม่ทันความมืดเข้าปกคลุม ลี่มี่กระตุกชายเสื้อแล้วหลายครั้งเพื่อเตือนสติแพรวา“อีกจอกน่าลี่มี่ข้ายังไม่เมา” แต่เสียงเปลี่ยนไป“แม่นางเฟยลี่ ดื่มสุราเก่งไม่แพ้บุรุษ สมกับที่เป็นหญิงงามอย่างนี้ถ้าใครได้เป็นคู่ครองต้องสำราญใจแน่เพราะไม่เพียงแต่ ร่วมชีวิต ร่วมทุกข์สุขได้ยังร่วมดื่มได้ ไม่มีเบื่อ"“5555เอิ้กกกกก ท่านโหวนี่ปากหมานชะมัด”“ปากหมานแปลว่าอะไรแม่นาง”“เปล่าๆ ๆ ๆ ข้าแค่หลงพูดภาษาต่างถิ่น”“ข้าประเมินแม่นางไว้ไม่ผิดแม่นางต้องคงท่องเที่ยวมานับไม่ถ้วนทั้งกิริยาและวาจาแตกต่างอย่างสิ้นเชิง”“ข้า ไมค่อยได้ไปไหนอยู่แต่ที่บ้าน แต่บ้านของข้าต่างจากบ้านท่านเอิ้กกกก เรามีสิทธิเท่าเทียมกันดื่มได้เท่ากัน ทำได้เท่ากัน”“อย่างนั้นนับว่าแปลกข้าไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีที่แบบนั้น
ด้วยความเคยตัวลุกขึ้นเดินหมายจะเข้าไปในห้องน้ำเดินโซซัดโซเซ จะล้มไม่ล้มแหล่ฮ่องเต้เข้าไปประคอง แต่ทนน้ำหนักตัวไม่ไหว แพรวาล้มโครมลงไปฮ่องเต้เสียหลักตาม ล้มทับลงไปบนตัวของแพรวา หน้าชนหน้าปากชนปาก กลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งเต็มตัวให้ความรู้สึกประหลาดฮ่องเต้รู้สึกว่าสุดจะห้ามความรู้สึกตัวเอง เมื่อหน้าอกเบียดชิดหน้าอกนุ่มใกล้ชิดหญิงงามมาก็เยอะไม่เคยมีใครเหมือนเฟยลี่ แพรวาผลักร่างฮ่องเต้ออกอย่างแรง“อย่ามาทำรุ่มร่าม แถวนี้นะ ฉันรักนวลสงวนตัวนะ แกยัยพลอยแกนี่เมาแล้วเลอะเทอะนึกว่าฉันเป็นสามีแกหรืออย่างไรไอ้เพื่อนบ้า”เมาจนไม่รู้เรื่องขนาดนี้ฮ่องเต้คิดในใจ ยังบอกรักนวลสงวนตัวได้อีกหรือมีปัญญาอะไรปกป้องตัวเองกัน“เสี่ยวโอ เสี่ยวโอ”เงียบไม่มีเสียงตอบ หลังจากคิดว่าฮ่องเต้ต้องจัดหนักเจี่ยเจีย เสี่ยวโอเลยหลบไปนอน เดินออกมาเปิดประตูไม่พบใครมีเพียงทหารรักษาการณ์“เจ้าเสี่ยวโอตัวดี”ยกชามน้ำมาด้วยตัวเอง แพรวานอนแผ่หลาบนพื้นเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ท่อนล่างถูกเลิกขึ้นมาจนเห็นขาขาวเรียวสวย ไม่กล้าเช็ดประเด็นคือ กลัวห้ามใจตัวเองไม่ไหว จะเรียกใครมาเช็ดให้เล่านางอยู่ในห้องบรรทม เห็นแสร้งทำเป็นไม่เห็นเช็ดหน้าเช็ดตาไ
ฮ่องเต้ขยับตัวตื่นลืมตาเมื่อแสงสว่างลอดเข้ามา แพรวาขยับตัวนอนท่าที่สบายที่สุด ชินอ๋องนั่นเล่าตกตะลึงอยู่ตรงนั้น“นางเป็นใครทำไมถึง ทำให้ท่านพี่ฮ่องเต้ลงมานอนข้างล่างได้”เสี่ยวโอคุกเข่าลงทันที“นาง คือเฟยลี่ข้าหลวงหญิงประจำกายฝ่าบาท”ชินอ๋องกระชากแขนแพรวาให้ลุกขึ้น ฮ่องเต้ลุกขึ้นมานั่งแบบงง แพรวาลืมตาตื่นงัวเงียมองคนนู้นที่คนนี้ที ยังไม่สร่างเมาอย่างที่ควรจะเป็นเพราะไม่ชินกับสุรา ไม่มียี่ห้อ“กรี๊ดดดด ใครทำอะไรฉัน ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ ฮ่องเต้ทำอะไรทำไมเสื้อผ้าฉันเป็นแบบนี้”ลี่มี่ถลาเข้ามาเอามือปิดปากไว้แน่นกระซิบข้างหู“นายหญิงยังไม่รู้จักชินอ๋องขาโหด เบาๆ หน่อยอันตราย”แพรวาตาโตเบิกตามองหน้าชินอ๋อง แววตาดุจริงๆ แต่ความหล่อเหลาอย่างนี้ตรงใจทีเดียวใบหน้าสะอาดสะอ้าน ไม่น่าเชื่อว่าคนสมัยโบราณของประเทศนี้จะหน้าตาดีทุกคนทีแรกก็ฮ่องเต้ที่คิดว่าจะแก่หง่ำเหงือกกับหล่อร้าย กับท่านโหวที่มองอย่างไรก็พระเอกหนังกำลังภายใน เฮ้อทำใจไม่ได้ อยากเก็บไว้สักหลายคน แต่เวลานี้มันใช่เวลา รำพันถึงหน้าตาคนหล่อไหม“ก็มันจริงนี่ ทำไมฉันมาอยู่ในห้องนี้สภาพนี้”ลี่มี่ส่ายหน้าไปมา“นี่เจ้ายังไม่ทราบความผิดของตัวเ
“ลูกสาวของท่านสนมจางฮุ่ย ไม่ได้ช่วยอะไรพวกเราได้เลย”“คงจะเป็นเรื่องจริงเสียแล้ว ข่าวลือเรื่องฮ่องเต้ ทรงมีข้าหลวงหญิงข้างพระวรกายเป็นที่โปรดปรานนั้น มีใครรู้ที่มาที่ไปของนางบ้าง”ที่เหลืออีกสามตระกูลส่ายหน้าไปมาแพรวานั่งแก่งขาไปมาครุ่นคิดเรื่องราวหลากหลาย“หายเมาหรือยัง”โหวหยางจื้อรุดมายังม้านั่ง ตัวเดิมที่แพรวานั่งเมื่อวันนั้นวันนี้ก็ยังคงนั่งอยู่ตรงนี้หน้าตาหม่นหมองอาจเป็นกำลังแฮงค์ อย่างนี้มันต้องถอนคิดถึงบ้านคิดถึงแม่และคิดถึงพี่กันต์คนรักป่านนี้ จะทำอะไรกันอยู่จะรู้ไหมว่าแพรวาไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว สะดุ้งเมื่อคิดอะไรขึ้นได้ ลองออกไปข้างนอกดูดีกว่า อยู่แต่ข้างในนี้เหมือนกับถูกขังไม่แน่ข้างนอกอาจมีหนทางกลับบ้านได้ หันไปยิ้มหวานให้โหวหยางจื้อทันที“ท่านโหว ท่านช่วย เฟยลี่บางอย่างได้ไหม”“ถ้าเพียงแม่นางเอ่ยปาก สิ่งใดยากเย็นแค่ไหนโหวหยางจื้อยินดี และเต็มใจ”ดีดนิ้วเปาะ“อยากออกไปข้างนอก หมายถึงนอกวัง”“จะสร้างปัญหาอะไรให้ท่านพี่... ฮ่องเต้ อีกรึเจ้า”ชินอ๋องเดินเอามือไพล่หลังมาตั้งแต่เทื่อไหร่ แพรวาไม่ทันสังเกต โหวหยางจื้อก็หันหลังให้ บทสนทนาทั้งหมด ไม่แน่อาจไม่รอดพ้น หูของบุคคลที
แพรวาคิดว่าเธอต้องไม่ลืมว่าตัวเองออกมาหาเบาะแสในการกลับบ้าน อย่างไม่ทันตั้งตัว ชายร่างผอมท่าทางโซเซ เดินเข้ามาใกล้ก่อนจะคว้าป้ายหยกที่ฮ่องเต้หมอบให้ ที่แพรวาผูกไว้กับชายผ้ารัดเอวก่อนจะวิ่งหนีแต่ช้าไปเสียแล้ว บทบู๊ในหนังกำลังภายในก็ปรากฏตรงหน้าด้วยวิทยายุทธ์สูงส่งของ ทั้งท่านโหว และชินอ๋อง ประเคนฝ่ามือซัดเข้าไปจนชายร่างผอมกลิ้งไปมาหลายตลบ มือแข็งแรงคว้าที่คอหอยของชายผู้นั่น แพรวาเห็นท่าไม่ดี ตรงเข้ายึดมือของชินอ๋องไว้ด้วยความตกใจ ชินอ๋องมองมือของแพรวาแบบงงงงชายหญิงไม่ควรถูกเนื้อสัมผัสตัวกัน ใจหนุ่มแตกกระเจิงไปไกล ไม่เคยเข้าใกล้หญิงใด และยิ่งไม่เคยมีหญิงใดกล้าเข้าใกล้เขาแบบนี้“ปล่อยเขาไปเถอะท่าน อย่าฆ่าเขาเลย “แววตาตื่นตกใจ“หากปล่อยไปคราวหลังมันก็จะ ยิ่งกล้าว่าไม่มีความผิดคราวหลังก็จะทำผิดอีก” แววตาดุดัน“ท่านจะ ฆ่าเขาจริงๆ เหรอ เขาแค่... คงไม่มีเงินท่านโหวช่วยกันห้ามหน่อยสิ”โหวหยางจื้อมองยิ้มๆ แสดงท่าทีไม่แยแสแพรวาเป็นกังวลอย่างมาก ภาพตรงหน้ากลับปรากฏร่างชายหนุ่มร่างผึ่งผายหากแต่สวมหมวกปิดบังใบหน้าเดินเข้ามา“นายท่านโปรดอภัย ข้าน้อยยินดีชดใช้ ค่าเสียหายแทนชายผู้นี้เอง”ริมฝีปากที
แพรวาเดินเอื่อยเฉื่อยไม่สนใจสภาพแวดล้อมข้างกาย ยกมือขึ้นปิดปากหาว ลี่มี่เดินตามอย่างสำรวมเอามือกุมอยู่ข้างหน้าแบบนางในทั่วไป“ดอกไม้ร่วงหล่น ลงพื้นคล้ายความรักหลุดปลิวหายไป”เสียงทุ้ม ดังอยู่ใต้ต้นเหมยที่ออกดอกสีชมพูพร่างพราว ใต้ต้นดอกเหมยร่วงหล่นเกลื่อนพื้น“หากเจ้ามิใช่ดอกเหมย ใย ไม่หวนคืน”แพรวายืนนิ่งฟังอยู่ตรงนั้น โอ้ล้ำลึก คนที่นี่ช่างเปรียบเปรยร่างสูงขายาว ยืนชมดอกไม้อยู่ตรงนี้ไม่ใช้ใครอื่นแต่เป็นฮ่องเต้ ที่แพรวาเมื่อรู้ว่าเป็นฮ่องเต้ทำให้เกิดอาการหมั่นไส้มาเพ้ออะไรอยู่ตรงนี้ แพรวายืนอยู่ในเงามืดไหนเลยลองฟังคารมของหนุ่มที่นี่ดู ปรากฏร่างของหญิงสาวนางหนึ่งที่แพรวามองพินิจอยู่ตั้งนานถึงรู้ว่าเป็นกุ้ยเหริน เดินออกมาจากระเบียงด้านหน้าตำหนัก“ความรู้สึกฝังลึก ยากขุดรากถอนโคน เหมือนรากของดอกเหมยที่หยั่งลึกยาก..ขุดถอน”แพรวาอดทึ่งกับ สำนวนของกุ้ยเหรินไม่ได้“เจ้าอย่าได้เสียเวลาเลยลู่เอิน ใจของข้ามีเพียงเหมยเจียงเจ้าก็รู้”กุ้ยเหรินทำหน้าเศร้า แพรวานึกสงสารจับใจ“กายอยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือหากแต่ใจอยู่ไกลนับพันลี้”โอ้มายก๊อดสุดยอด แพรวาอยากมีปากกาหรือดินสอเอาไว้จดไม่ได้ไม่ได้ต้อง ให้ลี
แกล้งเขาได้ ขัดจังหวะเขาได้ อดจะยิ้มเยาะไม่ได้ แพรวาเผลอยิ้มออกมาทันที กุ้ยเหรินเดินออกมาอย่าง ช้าๆสายตาอาลัยอาวรณ์ประตูปิดลงเบาๆ ลี่มี่กับเสี่ยวโอยักคิ้วให้กันอย่างมีเลศนัย แพรวาปล่อยมือออกจากเอวของฮ่องเต้แต่กับโดนฉุดมือไว้แน่นแพรวารู้สึกไม่ปลอดภัยเสียแล้ว“ปล่อยข้าพระองค์ ฝ่าบาท”กลายเป็นฮ่องเต้ที่ใช้มือกอดรอบเอวบางไว้คางเกยอยู่ที่ไหล่บาง ลมหายใจอ่อนๆ ผสมกลิ่นสุรา“อ้าว ไม่สนิทกันเหมือนเมื่อครู่แล้วเหรอ”แพรวาดิ้นจะให้หลุดแต่ไม่เป็นผลแรงเยอะ เธอไม่น่ามายุ่งกับคนเมา“ก็ไหนบอกให้ มาคอยขัดขว้างเหล่าเมียๆ ให้ไม่ใช่เหรอ มันเป็นการแสดงฝ่าบาทก็ทรงทราบ”ฮ่องเต้ยิ้มหวานมีเลศนัย“เจ้า ไลกุ้ยเหรินไป กุ้ยเหรินกำลังจะปรนนิบัติ... ข้า.ข้าเลือกเจ้าเจ้าก็ต้องตอบแทนโดยการปรนนิบัติข้า.............”......................................................................ไทฮองไทเฮามองหยาดน้ำตาของกุ้ยเหริน ก่อนจะบรรจงเช็ดให้แผ่วเบา“ถ้าหากเจ้าใจกล้ากว่านี้มีหรือฝ่าบาทจะปฏิเสธเจ้าได้”แววตาที่ซ่อนแวว ดุดันไว้ ถูกเคลือบด้วยแววตาอ่อนโยน“ลู่เอิน เกรงฝ่าบาทจะ เข้าใจผิดว่าลู่เอินเป็นผู้หญิงมากรัก หากแต่นางกลั
“บัลลังก์เป็นสิ่งที่ข้าต้องการ และสิ่งที่ข้าต้องทำต่อจากการนั่งบัลลังก์ก็คือมอบสิ่งนี้ให้แก่ท่าน”ไทเฮารับพาน มาถือไว้ด้วยมืออันสั่นเทาชินอ๋องสะบัดชายเสื้อเดินออกจากตำหนักด้วยใบหน้าเศร้าหมองมองขึ้นไปบนฟ้ากว้างความแค้นที่ถูกชำระลงไปในวันนี้ เหตุใดทำจิตใจเขาเศร้าหมองยิ่งสิ่งที่ได้มาต้องแลกกับอะไรมากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้จิตใจของ ชินอ๋องรู้สึกมีสุขและสว่างดังแสงเทียนยามค่ำคืน คือใบหน้าหวานสวยของแพรวาที่ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้าไทเฮาคลี่ผ้าขาวออกก่อนจะโยนผ้าขาวฟาดบนขื่อคา ผูกให้เป็นบ่วงสอดลำคอระหงลงบนบ่วงผ้าขาวหลับตาลงบนช้าช้า“เซี้ยนตี้ข้ากำลังจะตามท่านไปมารับข้าด้วย"................................................................ตำหนักใหญ่“พบตัวนางหรือยัง"เสียงตื่นเต้นดีใจเมื่อทหารองครักษ์เดินเข้ามาภายในตำหนัก“หานางไม่พบ พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” “เจ้าแน่ใจแล้วรึ”“ค้นจนทั่วเขตวังหลวง แต่ไม่มีแม้เงาของข้าหลวงหญิงเฟยลี่ ก่อนนั้นมีคนเห็นหญิงสาวลักษณะเหมือนแม่นางเฟยลี่หนีไปพร้อมกับหยางหลงที่สวมชุดขันที”กำปั้นถูกทุบลงบนพื้นโต๊ะ“ไม่ผิดแน่ใช่ไหม”“ขันทีหน้าห้องหลายคนยืนยันว่านางอยู่ในห้องบรรทม
“ข้าขี่ม้าไม่เป็น”หยางหลงฮ่องเต้ไม่พูดพล่าม ตวัดแขนเกี่ยวเอวบางส่งขึ้นไปบนหลังม้าแล้วกระโดดขึ้นคร่อมบนหลังม้าตัวเดียวกัน“ให้นางไปกับข้า เชิญท่านนำทาง” ชายกลางคนมองคนทั้งคู่อย่างพิจารณา“ถ้า หากเป็นเช่นนี้ข้าคงต้อง ผูกม้าอีกตัวไว้ที่นี่ แต่การนั่งบนหลังม้าถึงสองคน ทำให้ม้าวิ่งได้ช้าลง“ไม่เป็นไรเราคงต้องอาศัย ท่านช่วยนำทางไปยังทางที่ไม่ใช่ทางหลักถึงจะไกลหน่อยแต่ข้ารับรองว่าท่าน จะได้สิ่งตอบแทนที่ท่านพอใจ”ชายกลางคนพยักหน้าก่อนจะขึ้นไปบนหลังม้าของตัวเอง กระตุกบังเหียนใช้ส้นเท้ากระแทกสีข้างม้าให้พุ่งทะยานไปข้างหน้า ฮ่องเต้ ควบม้าตาม ด้วยความรวดเร็วไม่แพ้กัน เสียงฝีเท้าม้าดังประสานเสียงพร้อมกับเสียงตะโกนกระตุ้นม้าให้วิ่งแพรวาพิงร่างลงบนอกของฮ่องเต้ระยะทางแสนไกลไม่มีที่สิ้นสุดหมอหลวงหอบห่อผ้าพะรุงพะรังไปยังสุสานบรรพชน แสงเทียนภายในห้องของหย่าจิ้งยังไม่มอดลง“หย่าจิ้ง ถึงเวลาที่ท่านกับข้าต้องรีบเดินทางเสียแล้ว”“ท่านหมายความว่าอย่างไร”“ตอนนี้ชินอ๋อง ได้บุกเข้าไปในวังหลวงและขึ้นนั่งบัลลังก์แทนหยางหลงเสียแล้วหากว่า หย่าจิ้งยังอยู่ที่นี่เกรงจะมีอันตรายถึงชีวิต เพราะไทฮองไทเฮาทรงอยู่เบื้องห
ค่ำคืนเปี่ยมสุขนั้น หยางหลงฮ่องเต้หลับใหลโดยข้างกายมีแพรวาเคียงข้างไม่ถึงหนึ่งชั่วยามความร้อนที่อยู่รอบกาย ทำเอาฮ่องเต้สะดุ้งตื่นจากนิทราหลับใหล มองเห็นเพียงแสงสว่างแดงฉานกับความร้อนที่ทวีความรุนแรง เสียงกระบี่กระทบกันดังเข้ามาใกล้เสียงวิ่งวุ่นวายแพรวางัวเงียตื่นขึ้นมาเหมือนกันเสี่ยวโอเปิดประตูเข้ามา ใบหน้าตื่นตระหนก“ฝ่าบาท ทรงเสด็จออกทางด้านหลังตำหนักขณะนี้ชินอ๋องนำทัพหน้าล้อมวังหลวงไว้ทุกด้าน หัวหน้าองครักษ์ให้ข้าพระองค์มาแจ้งข่าว และนำเสด็จ”“คุ้มกันฝ่าบาท คุ้มกันฝ่าบาท"เสียงตะโกนดังสนั่นใกล้เข้ามาทุกที่ภาพความทรงจำเก่าๆ ย้อนเข้ามาในหัวแพรวา อดไม่ได้ยกมือกุมขยับเสี่ยวโอโยนเสื้อผ้าขันทีลงตรงหน้าพระพักตร์ ก่อนจะคว้าเสื้อคลุมมังกรที่แขวนอยู่ขึ้นมาสวมทับชุดขันทีหยิบพระมาลาของฮ่องเต้ ที่ถอดวางไว้มาสวม“ฝ่าบาทเราไม่มีเวลาแล้ว ทรงสวมชุดขันทีแล้วหนีไปกับเจี่ยเจียข้าพระองค์วันนี้อยากเป็นฮ่องเต้ สวมชุดมังกรแทนท่าน”ยื่นหมวกขันทีส่งให้ฮ่องเต้“เสี่ยวโอ ข้าไม่อยากใช้เจ้าเป็นกำบัง”“ไม่มีเวลาคิดแล้ว แค่ให้ฝ่าบาทสามารถรอดจากเงื้อมมือของชินอ๋องได้และกลับมาทวงบัลลังก์คืนก็พอแล้ว”ปากก็พูดมือก
วาจาคล้ายจะหยั่งเชิง จับพิรุธจากคำพูด“นางตัวคนเดียว ไร้ที่พึ่งพิง”“เจ้าช่างรู้ดีว่าตัวคนเดียวไร้ที่พึ่ง”หมอหลวงรู้แล้วว่าตัวเองพลาดไปถนัดใจหาก ไทฮองไทเฮารู้ฐานะที่แท้จริงของแพรวาสิ่งที่ต้องแลกมาคงไม่อาจคาดเดา“พระองค์ทรง เป็นกังวลอะไรกับเด็กสาวไร้ที่มาเพียงคนเดียว"ไทฮองไทเฮา ยิ้มเยือกเย็น“ข้าไม่สนใจ แค่เพียงคนที่ไร้ที่มาหากนางไร้ที่มาจริงจริงและพอจะเข้าใจบางอย่าง ไม่รบกวนท่านแล้วไว้ข้ามีเรื่องขัดข้องอันใดคงได้ คำตอบจากท่านอีกเป็นแน่ แม้วันนี้ท่าทีของท่านไม่อยากตอบคำถามข้านักก็ตาม”หมอหลวงผู้นี้ต้องมีเรื่องใดปิดบังอยู่เป็นแน่แท้ หากจะคาดคั้นไปยิ่งเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นหมอหลวงจากมาด้วยการแบกรับภาระที่หนักอึ้งไทฮองไทเฮา เจ้าเล่ห์ฉลาดเฉลียวไม่แน่อาจระแคะระคายอะไรบางอย่างถึงตอนนี้เองต้องหาทางบอกกล่าวแพรวาไว้บ้างเพราะนางจะได้หาทางหนีทีไล่ไว้เขาเองก็คงช่วยไม่ได้มาก ยังมีอีกคนหมอหลวงสาวเท้าเดินออกนอกเส้นทางเพื่อไปยังสุสานบรรพชนหย่าจิ้งร่ายรำวิทยายุทธที่นางฝึกฝนมานานกระบี่ในมือกวัดแกว่งรวดเร็วจนเกิดการเสียดสีกับอากาศเกิดเสียงดัง ยามแกว่งไกวหมอหลวง หยุดอยู่เบื้องหลังก่อนที่ปลายกระบี่จะ
“ไม่จริงเสด็จย่า หลานหวังเพียงแต่นางเพียงผู้เดียว”ไทฮองไทเฮายิ้มเยือกเย็น“เป็นเช่นนั้นเจ้าต้องเร่งมือทำการ ใหญ่ให้สำเร็จเสียก่อนแล้วเฟยลี่ก็คง... ไม่พ้นมือเจ้า”ชินอ๋องจากไป ไทฮองไทเฮาเรียกองครักษ์คนสนิทเข้าพบหมุนแหวนหยกบนนิ้วชี้ไปมายิ้มโหดเหี้ยม“ข้าให้เจ้า สืบเรื่องของข้าหลวงหญิงไปถึงไหนแล้ว ป่านนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใดใด”“ขอไทฮองไทเฮาโปรดอภัยข้าน้อยตามสืบเรื่องของข้าหลวงหญิงแต่ไร้ร่องรอยของนาง ไม่เพียงเท่านั้นยังไม่เคยมีใครได้พบเจอนางมาก่อน”ไทฮองไทเฮาตบ โต๊ะดังสนั่น“นางที่มาที่ไปไร้ร่องรอย นางเป็นใครกันแน่”“แต่ที่ประหลาดคือ ทุกทุกเดือนหมอหลวงจะนำยาเทียบหนึ่งมาให้นางเป็นประจำ และนางเองมักจะ มีเรื่องพูดคุยกับหมอหลวงเป็นประจำ”“ฮึฮึ.. อย่างนั้นข้าคงต้อง เรียกตัวหมอหลวงเข้าพบเสียทีดูว่าหมอหลวงเจ้าเล่ห์จะมีอะไรเกี่ยวข้องกับนาง ที่่บังอาจปิดบังข้าได้”เพียงครู่เดียวหมอหลวงชราก็อยู่ต่อหน้าไทฮองไทเฮา“ข้า จางจื้อเยว่หมอหลวง ถวายพระพรไทฮองไทเฮา อายุยืนหมื่นปีหมื่นปีมีเรื่องอันใดให้ข้าพระองค์รับใช้ข้าพระองค์น้อมรับบัญชา”ยิ้ม ที่เหมือนฉาบทาด้วยยาพิษ“ข้าไม่ใช่คนอ้อมค้อม เพียงแค่อยากรู
“ข้าน่าจะปล่อยให้ ชินอ๋อง ... บอกเจ้ากี่ครั้งนิสัยดื้อรั้นของเจ้าตำหนักข้าน่าเบื่อมากหรืออย่างไร เจ้าถึงต้องนั่งดื่มอยู่ ในตำหนักชินอ๋อง” แพรวาเม้มปากแน่นรู้ว่าผิดแล้วจะตอกย้ำทำไม สะบัดแขนใจให้หลุดจากการลากถูนั้นแต่เปล่าประโยชน์“แค่อยากออกมาเดินเล่นเท่านั้นพอดีเจอชินอ๋อง จะปฏิเสธอย่างไรเล่าในเมื่อเขาเป็นอนุชาของ ฝ่าบาท”ฮ่องเต้ถอนหายใจ“ในวังหลวงแห่งนี้ เจ้าคิดว่าใครบ้างที่จริงใจกับเจ้าเหมือนข้าต้องรู้จักระวังตน ไม่เช่นนั้นเจ้าอาจจะพลาดท่าเสียที จำเอาไว้ “แพรวา ทำตาละห้อยสำนึกผิดหากหยางหลงฮ่องเต้มาไม่ทัน จะเกิดอะไรขึ้นแพรวาไม่อาจคาดเดา“ลมหนาวแม้ พัดตามฤดูกาล หากแต่ก็มีช่วงเวลาที่พัดผ่านคนเราหากไม่รอเวลาที่เหมาะสมไหนเลยจะพบกับความสุข เจ้าอดทนรอ อีกสักนิด เมื่อเวลานั้นมาถึงทุกอย่างในวังหลวงแห่งนี้ข้าแบ่งให้เจ้าครึ่งหนึ่ง จะไปไหนทำอะไรข้าจะไม่หวงห้ามเจ้าเพียงแต่ตอนนี้เรายังไม่อาจคาดเดา หลายคนหลายฝ่ายได้เท่านั้นเอง”แพรวาพยักหน้า เป็นเชิงเข้าใจลี่มี่ประคองชินอ๋องก่อนจะเรียกให้หญิงรับใช้สองสามคนมาดูแล ยืนนิ่งมองด้วยความสงสารจับใจ หันหลังกลับเดินตามหยางหลงฮ่องเต้และแพรวา กลับวังหลวงด้ว
“ถาม ถามยังไม่หมด แล้วฝ่าบาททำไมถึง ...รักเหมยเจียง”แพรวาถามไปอย่างนั้นเพราะคิดคำถามไม่ออก ฮ่องเต้เลิกคิ้วสูงคาดไม่ถึงกับคำถามนั้น“เหมยเจียงเป็นสิ่งเดียวหลังจากที่ท่านแม่ตายไปนางเป็นทั้งเพื่อนเล่น และพี่สาวในเวลาเดียวกัน เหมยเจียงเป็นผู้ใหญ่เกินตัวทั้งยังมีจิตใจอ่อนโยนโอบอ้อมอารี”ดีเว่อร์ไปไหมถ้าเทียบกับแพรวา ที่ไม่มีคุณสมบัติที่ว่าเลยตำหนักไทฮองไทเฮา“ย่า ว่าเราคงต้องจัดการทุกอย่าง ให้มันเร็วขึ้นกว่าเดิมเสียแล้ว”ไทฮองไทเฮาใบหน้าเคร่งเครียด ยามที่เปล่งวาจาชินอ๋องก้มหน้านิ่งอย่างใช้ความคิด“เหมยหลิวไม่สามารถดำเนินแผนการให้สำเร็จได้ เพราะไทเฮาที่มาขัดขว้างนาง ช่างมาได้ถูกจังหวะทำให้แผนของเราปั่นป่วนตั้งแต่ครั้งที่แม่ของเจ้าต้องโทษให้ถูกจองจำในตำหนักเย็นก็เป็นไทเฮา”ชินอ๋องตาวาวโรจน์ด้วย อารมณ์คุกรุ่นภายใน เมื่อคำพูดเสียดแทงจิตใจ“หลานยังเตรียมการได้ไม่ดีเท่าที่ควร อยากให้เสด็จย่ารออีกสักระยะให้ทุกอย่างรัดกุมกว่านี้”ไทฮองไทเฮาทำเสียงจิจ๊ะ อย่างขัดใจ“ดอกเหมยจะงามเมื่อถึงเวลาเบ่งบาน เสด็จย่าโปรดรอวันที่หลานจะได้นั่งบัลลังก์”ไทฮองไทเฮายิ้มอย่างสมใจ“ถ้าเป็นเจ้าชินอ๋องหากว่าเซี้ยนตี้
เรามาทำความรู้จักกับ บรรดาผู้ที่เป็นตัวละครของเรื่องนี้กันค่ะฮ่องเต้ (หยางหลง) -ลูกของฮ่องเต้ องค์ก่อนที่ชิงบัลลังก์มาจากพ่อของแพรวา ซึ่งปู่ของแพรวาและฮ่องเต้ เป็นลูกพี่ลูกน้องกันแพรวา -อายุ หกขวบก็ เดินทางข้ามเวลามาที่ไทยโดยการกระโดดลงน้ำพร้อมกับ ฮองเฮาหย่าจิ้งผู้เป็นมารดา และพออายุได้18 ปีก็เดินทางกลับมายังที่เดิมอีกครั้งชินอ๋อง-น้องต่างมารดา ที่แม่เป็นสนมเอกของเซี้ยนตี้ (พ่อของหยางหลงฮ่องเต้) และตาเป็นถึง ขุนนางใหญ่ในราชสำนัก กุมอำนาจทางทหารไว้ทั้งหมด แต่ถูกเลี้ยงดูและ ฟูมฟักโดยไทฮองไทเฮาที่เป็นย่าเพราะชินอ๋องมีความเหมือนปู่ (ซึ่งเป็นปู่ของ หยางหลงฮ่องเต้ด้วย แต่หยางหลงฮ่องเต้ ได้นิสัยรักสงบจิตใจอ่อนโยนมาจากแม่) ชินอ๋องเป็นคนที่คนข้างเด็ดขาด และค่อนข้างโหดตามนิสัยทหาร ถ้าชินอ๋องมีความภักดี หยางหลงจะได้ทั้งฝ่ายบุ๋นและบู๋เลยที่เดียวโหวหยางจื้อ- น้องชายต่างมารดา ของหยางหลงฮ่องเต้ ซึ่งแม่เป็นสามัญชนเหมือนแม่ของหยางหลง แต่ เป็นที่โปรดปรานของเซี้ยนตี้ถึงกับแต่งตั้งให้เป็นกุ้ยเหริน มีความภักดีต่อพี่ชาย และ มักจะเก่งทางด้านบุ๋น เป็นเหมือนมันสมองของ หยางหลงไทเฮา- ผู้ที่ดำรงตำแหน่งฮองเฮ
“แน่เสียยิ่งกว่าแน่ ฮ่องเต้หลายฝ่ายเป็นห่วงเรื่องนี้ สักวันจะเสียทีให้กับคนที่คิดไม่ซื่อรีบแต่งตั้งสนมฮุ่ยเป็นฮองเฮา รีบมีรัชทายาท เมื่อนั้นก็ไม่มีใครทำอะไรฝ่าบาทได้ เมื่อตระกูลใหญ่ทั้งสี่สนับสนุน ฐานะบนบัลลังก์มั่นคงอย่างนั้น”นึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาเป็นเพราะฮ่องเต้องค์เก่า ที่เหมือนกับหยางหลงเหลือเกินรักความสงบปกครองบ้านเมืองอย่างสงบสุข ไม่รบรากับใครเทิดทูนความรักไม่ยอมมีรัชทายาทกับสนมคนใดรอเพียงให้มีกับหย่าจิ้งคนเดียว ซึ่งนางก็ให้กำเนิดเพียงแค่องค์หญิง สุดท้ายก็ต้องถูก แย่งชิงบัลลังก์จากเซี้ยนตี้ ถอนหายใจอีกครั้งหรือว่าประวัติศาตร์จะซ้ำรอย“ลูกขอเวลาตรึกตรอง ตอนนี้เองฮุ่ยเหนียงก็ยังไม่พ้นมลทินคงต้องรอให้นางพิสูจน์ตัวเองเสียก่อน”“แม่หวังว่าฝ่าบาทจะคิดให้ถ้วนถี่เฟยลี่ฝ่าบาทจะให้นางดำรงตำแหน่งอะไรก็ได้ จะอยู่กับนางทุกคืนก็ได้นางให้ได้แค่ความสำราญ พระทัย แต่เพื่อความมั่นคงของฝ่าบาทต้องเป็นสนมฮุ่ยเท่านั้น”ไทเฮาจากไป ฮ่องเต้หนุ่มอยากจะไปบอกข่าวดีนี้แก่แพรวาเหลือเกิน แต่นึกถึงใบหน้าเย็นชานั้นเล่าจะหายไปหรือยังป่านนี้คงได้ข่าว เรื่องเหมยหลิวที่ เล็ดลอดออกไปแพร่สะพัดไปทั่ว หยางหลงฮ่องเต้