ท่านแม่ทัพสั่งให้ทหารล้อมรอบจวนของนายอำเภอไว้ ห้ามผู้ใดเข้าออกเป็นอันขาด
" ท่านนายอำเภอ หาข้าอยู่หรือ " เขาถามเสียงเหี้ยม จนนายอำเภอหน้าซีด " ท่านแม่ทัพ...เป็นไปไม่ได้ .." " ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ล่ะ ข้าก็แค่ช่วยให้คนรักกัน...ได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ก็เท่านั้นเอง ..... แต่ท่านนายอำเภอคงจะไม่มีโอกาสได้เห็นอีกต่อไป " เขากล่าวเสียงเรียบ แล้วส่งยิ้มให้คุณหนูหลิ่วและคนรักที่อยู่ภายในห้อง " ท่านแม่ทัพหมายความว่าอย่างไร ข้าน้อยมิเข้าใจ " นายอำเภอรู้ว่าแม่ทัพตงสงสัยตนเองแต่คงจะยังไม่มีหลักฐานเป็นแน่ " ข้าเองก็ขี้เกียดอธิบาย เชิญนายอำเภอหลิ่ว ถามหัวหน้าเหวินเองเถอะ " เขาเอ่ยพรางพยักหน้าให้ เหวินเยี่ยน จัดการต่อ " นี่คือคำสารภาพของ หลิ่วติงลู่ น้องชายของท่านนายอำเภอเขาได้ยอมรับสารภาพหมดแล้วว่า การปล้นเสบียง ที่ทางวังหลวงส่งมาครั้งแรกเป็นท่านที่สั่งการ และการรอบสังหารที่ภูเขาหมาป่าก็เป็นท่านนายอำเภอที่สั่งการเช่นกัน และก็ยังมีสัญญาการซื้อขายและสมุดบัญชีที่พวกท่านท่านแม่ทัพสั่งการให้ทหารแต่ละหน่วยกระจายกำลังกันออกค้นหาตัวลูกชายของนายอำเภอหลิ่ว หลิ่วหยางอี้กับลูกสมุนให้เจอโดยเร็ว แม่ทัพตงเฟยหลง สังหรณ์ใจแปลก ๆ จึงได้ย้อนกลับไปที่จวนรับรอง เห็นอาเต๋อ กำลังจับลูกสมุนของหยางอี้ อยู่ " ฮูหยินน้อยล่ะ " เขาถามอาเต๋อ ด้วยความกังวลใจ ที่ไม่เห็นนางออกมาข้างนอก เกิดเรื่องขึ้นขนาดนี้นางไม่มีทางทนดูอยู่เฉย ๆ ได้แน่ " ฮูหยินน้อยนางเข้านอนแล้วขอรับ หรือว่า " อาเต๋อ หันไปมองลูกสมุนทั้งสามของหลิ่วหยางอี้ " พวกเจ้าล่อข้าออกมา " " ฮา ฮา ฮา พวกหน้าโง่ กว่าจะนึกได้ก็สายไปแล้วล่ะ " ลูกสมุนคนหนึ่งพูดขึ้น " นายน้อยข้าว่า... .......อ้าวหายไปไหนแล้วเนี่ย..ไม่รอกันบ้างเลย ..พวกเจ้านำตัวพวกมันไปขังไว้ เฝ้าไว้ให้ดี อย่าให้หนีไปได้ " อาเต๋อสั่งทหารยาม และรีบวิ่งตามเจ้านายของตนไปโดยเร็ว ตงเฟยหลง วิ่งมายังห้องนอนด้วยความเป็นห่วงและกังวลใจ นางจะเป็นอะไรหรือเปล่า ขออย่าให้เป็นอย่างที่เขาคิดไว้เลย มือหนาเอื้อมไปเปิดประตูห้องอย
จ้าวฟางลู่ นั่งทำหน้าเซ็ง ๆ อยู่บนเตียงไม้เก่า ๆ คนชุดดำแซ่เฉิน เมื่อกี้เขาพกดาบจันท์เซี้ยวมาด้วยแสดงว่าเขาเป็นคนของสำนักม่านเมฆาอย่างแน่นอน และดูท่าทางเขาจะเก่งพอตัวเลย แต่นางเคยได้ยินท่านแม่ทัพบอกว่าคนของสำนักม่านเมฆาจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องในราชสำนัก ส่วนคุณชายหลิ่วนั้น ก็คงจะเป็นลูกชายของนายอำเภออย่างไม่ต้องสงสัย นางถอนหายใจเบา ๆ ' ข้าคิดจะวางมืออยู่แล้วเชียว จับข้ามาทำไมตอนนี้เนี่ย เรื่องเก่ายังไม่เคลียร์กันกับท่านแม่ทัพเลย มาสร้างเรื่องใหม่ให้ข้าอีกแล้ว ' ตงเฟยหลง ขบกรามแน่น กำกระดาษในมือไว้แน่นและขย้ำจนมันกรายเป็นผุยผง พวกมันส่งจดหมายมาให้เขานำตัวนายอำเภอหลิ่ว ไปแรกกับตัวฮูหยินน้อย ที่จวนร้างนอกเมืองก่อนรุ่งสาง ' พวกเจ้าคิดจะใช้นางมาต่อรองกับข้างั้นหรือ แค่นายอำเภอคนเดียวมีค่าเสียที่ไหนกัน ' " ถ่ายทอดคำสั่ง ให้ทหารทุกหน่วยมารวมตัวกันกันที่หน้าประตูเมือง และส่วนเจ้า อาเต๋อ ไปที่กรองปราบนำตัวนายอำเภอมา " " ขอรับท่านแม่ทัพ " ทุกคนรับคำส
เย่หวังหลิน ทหารสาวสวยมีดีกรีเป็นถึงหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการลับพิเศษของกองทับบก "ความรักไม่ยุ่งมุ่งแต่งาน"นี่คือคติประจำใจของเธอเพราะเหตุนี้เธอจึงไม่เคยมีแฟนกับเขาสักที แต่ใจลึกๆแล้วก็หลังจะได้เจอรักแท้กับเขาสักครั้ง เหมือนโชคชะตาชอบเล่นตลกกับเธอชะจริงหลังจากภารกิจสุดจบลง ตื่นมาอีกทีก็อยู่ในร่างฮูหยินของท่านแม่ทัพใหญ่ผู้แสนเย็นชาซะงั้น ยังไม่เคยมีแฟน แต่ดันข้ามภพมามีสามีเลยจะข้ามขั้นไปไหนเนี่ย โอ๊ยยยย ทหารสาวอย่างเธอจะรอดพ้นสายตาท่านแม่ทัพหน้าตายนั้นได้กี่วันกัน ส่วนเขาเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ของภาคเหนือผู้ไม่เคยพ้ายแพ้ใคร ลงสนามรบ ครั้งใดเมื่อครั้นฝ่ายศัตรูได้ยินชื่อ ตงเฟยหลง นั้นต่างอกสั่นขวัญหายกันไปหมด จนได้รับสมญานามว่าเป็นแม่ทัพไร้พ่าย เขาที่ไม่เคยหวั่นไหวกับสตรีใดมาก่อนแม้พวกนางจะมีรูปโฉมงดงามมากเพียงใดก็ตาม แต่เมื่อต้องแต่งงานตามคำหมั้นสัญญาของผู้ใหญ่แล้วนั้นก็ดูจะไม่มีปัญหาอะไร จะมีก็แต่ว่าผู้คนต่างกล่าวขานว่าฮูหยินของเขานั้นเรียบร้อยอ่อนหวาน พูดเพราะเชื่อฟังเหมือนดั่งนกน้อยในกรงทอง แต่ที่เห็นอยู่ตรงหน้าเข
แสงแห่งรุ่งอรุณสาดส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาพายในห้อง ร่างบางภายใต้ผ้าห่มผืนบางมือเรียวควาญหาบางอย่าง แต่กับเจอเพียงความว่างเปล่าคิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแต่เปลือกตายังปิดสนิดอยู่ ใครกันจะกล้ามายุ่งกับตุ๊กตาหมีตัวโปรดของเธอ ก็ในเมื่อเธออยู่คนเดียว หรือว่าเจ้าหมีน้อยจะตกเตียงแล้วนะ หลังทำภารกิจสำเร็จ พวกเธอจะได้รับสิทธิพิเศษในการพักผ่อนหนึ่งวัน ก่อนจะเริ่มทำภารกิจใหม่ เพราะฉะนั้นก็ขอนอนต่ออีกนิดก็แล้วกันแต่คงนอนไม่หลับถ้าไม่ได้กอดเจ้าหมีน้อย คงต้องลงไปเอาเจ้าหมีน้อยขึ้นมานอนกอดซะแล้ว คิดได้ดังนั้น 'เย่หวังหลิน' จึงจำต้องยอมเปิดเปลือกตาขึ้น สิ่งแรกที่มองเห็นคือม้านมุ้งสีขาวทรงสี่เหลี่ยผ้า คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อยนี้ไม่ใช่ห้องเธอ หรือว่าเมื่อคืนเธอจะเข้าห้องผิด แต่เมื่อนึกถึงภาระกิจสุดท้ายที่ได้รับหลังจากกดระเบิดแล้วทุกอย่างก็ดับวูบลง ' เธอตายแล้วสินะ หรือที่นี่จะเป็นโลกวิญญาณ ' หวังหลินมองไปรอบตัวด้วยความสงสัย จึงเดินสำรวจไปทั่วห้องล้วนมีแต่สิ่งของแปลกตามากมาย หยั่งกับอยู่ในซีรีย์จีนโบราณที่เธอชอบดูเลย ไม่ทันไรก็มีเสียงเหมือนม
" มาแล้วเจ้าค่ะฮูหยิน " เจียวซิน เดินนำหน้าสาวใช้เข้ามาในห้องพร้อมนำอาหารวางบนโต๊ะจัดจานให้เรียบร้อย " เชิญเจ้าคะ " " อืม " รับคำ แล้วหวังหลินจึงเดินเข้ามานั่งลงตรงที่ เจียวซินจัดเตรียมไว้ให้ ' อืม กินก่อนแล้วกัน ยังไง กองทัพก็ต้องเดินด้วยท้อง ' ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมเธอถึงรู้ จักสาวน้อยคนนี้ เพราะเป็นความทรงจําของ เจ้าของร่างเดิม ทั้งคนในครอบครัว กิจวัตรประจำวัน การเย็บปักถักร้อย การร่ายรำ เล่นเครื่องดนตรีทุกประเภท การทำอาหาร ทุกอย่างที่ จ้าวฟางลู่ เคยทำ เยหวังหลินก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน เจ้าของร่างนี้มีนามว่า ' จ้าวฟางลู่ ' เป็นบุตรตรีคนเล็กของท่านเจ้ากรมยุติธรรม ของแคว้นเหลียง อันเจริญรุ่งเรือง ' จ้าวเฟยเหยียน ' มีฮูหยินเพียงคนเดียวซึ่งได้จากไปตั้งแต่คลอดคุณหนูเล็ก แต่นั้นมาท่านเจ้ากรมก็ไม่มีฮูหยินรองไม่รับอนุ มีบุตรธิดาแค่ สามคน คุณชายใหญ่ อายุ 23 ' จ้าวเฟยเทียน ' รองเจ้ากรมยุติธรรม ผู้เที่ยงตรง เย็นชา พูดน้อย เก่งทั้งบุ๋นและบู้ ทนงองอาจ เป็นที่หมายปองของสตรีทั่วหล้า คุณชายรอง อายุ 21 ' จ้าวเฟยหลิง '
ข้าแต่งเข้ามาที่จวนของท่านแม่ทัพได้ร่วมสองเดือนแล้ว มีภาระหน้าที่ ที่ต้องรับผิดชอบภาย ในจวนมากมาย รวมถึงการตรวจบัญชีรายรับ รายจ่ายของจวนทั้งหมด เพราะที่จวนแห่งนี้มีเพียงข้ากับท่านแม่ทัพเพียงสองคน ส่วนท่านโหวกับฮูหยินจะอยู่ที่อีกจวนและจะไม่เข้ามายุ่งวุ่นวายกับจวนท่านแม่ทัพมากนัก นาน ๆ ทีถึงจะมาเยี่ยมเยียน วันนี้ข้าจึงอยากออกไปเดินเล่นที่ตลาด สักหน่อย " เจียวซิน มาช่วยข้าเปลี่ยนชุดหน่อย ข้าจะออกไปข้างนอก " " ได้เจ้าค่ะฮูหยิน " เหมือนเจียวซินจะดูแปลกใจและทำหน้างง ๆ แต่ก็เดินมาช่วยข้าเปลี่ยนชุดอยู่ดี ' ไม่ต้อง งงไปยังมีอีกเยอะ ' " ฮูหยินท่านจะสวมชุดไหนเจ้าคะ " " เออ เดี๋ยวข้าเลือกเองดีกว่านะ " ก็ชุดที่นางถือมามีแต่ สีขาว สีชมพู สีครีม ลายดอกโบตั๋น ' โอ๊ย ..ถ้าขืนใส่นะคงมีผีเสื้อบินมาเกาะเต็มตัวแน่เลย ขอผ่านค่ะ ' เจียวซินเห็นข้าค้นตู้อยู่นานก็เริ่มสงสัย " ฮูหยิน ท่านหาอะไรเจ้าค่ะ ชุดที่ข้าเลือกมาคือชุดโปรดของท่านทั้งนั้นเลยนะเจ้าค่ะ ฮูหยิน ''
จ้าวฟางลู่ ยืนหมุนตัวไปมาเพื่อที่หน้ากระจก เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว ก็ได้เลวาเริ่มปฏิบัติการ " ไปกันเถอะซินเอ๋อ " นางมองมาที่ข้าอย่างกับคนแปลกหน้า ' ตะลึงในความสวยของพี่หรอค่ะน้อง ' ถึงชาติที่แล้วจะปฏิบัติภารกิจบ่อย แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องเข้าสังคมเธอก็จัดเต็มทั้งเสื้อผ้าหน้าผม งดงามไม่แพ้ลูกคุณหนูในเมือง หรืออาจจะสวยกว่าพวกนางซะด้วยซ้ำ คนที่ไม่จะรู้จักคงคิดว่าเธอเป็นลูกสาวของนายพลสักคนมากกว่า ที่จะเป็นทหาร ไม่ต้องรอให้ ซินเอ๋อขานตอบ ฟางลู่จึงเดินออกจากห้องมาก่อน ตามองตรงไปข้างหน้าเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย หลังตั้งตรง ก้าวเท้าอย่างมั่นคงสง่างาม ' ต้องไปขออนุญาติคุณสามีก่อนสินะถึงจะไปได้ ' " รอด้วยเจ้าคะฮูหยิน " ดูเหมือนซินเอ๋อจะพึ่งไดสติ วิ่งตามหลังนายสาวอย่างไม่รักษากิริยา ห้องตำรา ท่านแม่ทัพใหญ่ ' ตงเฟยหลง ' กำลังนั่งอ่านรายงานของกองทัพทมิฬ มีเรื่องเกี่ยวกับการซ่องสุมกำลังของ โจรภูเขา เขาคงต้องนำเรื่องนี้เข้าประชุมในราชสำนักโดยด่วน " อาเต๋อ เตรียมรถม้าเข้าวังหลวง " "....." ห้าวชวน เห็น อาเต๋อ ที่มัวแต่เหม่อมอง ฮูหยินน้อยนางสวมชุดสีเข้มต่างจากทุกวัน ผมที่เกล้าขึ้นอ
เมื่อรถม้าเคลื่อนเข้าใกล้ตลาด เสียงพ่อค้าแม่ค้าที่ร้องเรียกลูกค้าอยู่หน้าร้าน มีเสียงของบุรุษและสตรีวัยใสกำลังคุยหยอกเย้ากัน และมีเสียงของเด็ก ๆ ดังเจี๊ยวจ๊าวผ่านเข้ามาในรถม้า จ้าวหาลู่ เปิดผ้าม่านขึ้นเล็กน้อยเพื่อดูบรรยากาศข้างทาง มีร้านค้า ขายของเกลือบ ทุกประเภทมากมายตั้งเรียงรายเต็มทั่วทั้งสองฝั่งของถนนสายนี้ บรรยากาศคึกคักสมกับเป็นเมืองที่เจริญแล้ว ลมสายหนึ่งพัดมาแผ่วเบาพัดพาเอากลิ่นอาหารอันหอมหวนน่าลิ้มลองชวนให้น้ำลายสอ นางเผลอสูดอากาศเข้าเต็มปอด และเผลอกลืน น้ำลายลงคอ สายตาสอดส่องถึงต้นตอของกลิ่น ไม่นานก็พบเป็นเหลาอาหารขนาดใหญ่เนืองแน่นไปด้วยผู้คนมากมาย ทั้งบุรุษ และสตรี รวมถึงขุนนางน้อยใหญ่มากมาย ที่พาครอบครัวมาทานอาหาร ข้าง ๆ มีร้านน้ำชาขนาดปานกลางที่ส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของใบชา รอยยิ้มน้อย ๆ ปรากฏบนใบหน้าสวย ' คงต้องขอชิมอาหารเลิศรสของที่นี่ซักหน่อยแล้วละ ' การกระทำต่าง ๆ ของนางอยู่ในสายตาของใครอีกคนตลอดเวลา เขากลัวว่าน้ำลายนางจะย้วยลงมาซะก่อนจึงสั่งให้หยุดรถ " หยุดรถ " เป็นท่านแม่ทัพที่สั่งหยุดรถม้า ' นี่ท่านแอบอ่านใจข้างั้นหรอถึง ได้รู้ว่าข้าอยากลงตรงนี้ ' " อะ.
จ้าวฟางลู่ นั่งทำหน้าเซ็ง ๆ อยู่บนเตียงไม้เก่า ๆ คนชุดดำแซ่เฉิน เมื่อกี้เขาพกดาบจันท์เซี้ยวมาด้วยแสดงว่าเขาเป็นคนของสำนักม่านเมฆาอย่างแน่นอน และดูท่าทางเขาจะเก่งพอตัวเลย แต่นางเคยได้ยินท่านแม่ทัพบอกว่าคนของสำนักม่านเมฆาจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องในราชสำนัก ส่วนคุณชายหลิ่วนั้น ก็คงจะเป็นลูกชายของนายอำเภออย่างไม่ต้องสงสัย นางถอนหายใจเบา ๆ ' ข้าคิดจะวางมืออยู่แล้วเชียว จับข้ามาทำไมตอนนี้เนี่ย เรื่องเก่ายังไม่เคลียร์กันกับท่านแม่ทัพเลย มาสร้างเรื่องใหม่ให้ข้าอีกแล้ว ' ตงเฟยหลง ขบกรามแน่น กำกระดาษในมือไว้แน่นและขย้ำจนมันกรายเป็นผุยผง พวกมันส่งจดหมายมาให้เขานำตัวนายอำเภอหลิ่ว ไปแรกกับตัวฮูหยินน้อย ที่จวนร้างนอกเมืองก่อนรุ่งสาง ' พวกเจ้าคิดจะใช้นางมาต่อรองกับข้างั้นหรือ แค่นายอำเภอคนเดียวมีค่าเสียที่ไหนกัน ' " ถ่ายทอดคำสั่ง ให้ทหารทุกหน่วยมารวมตัวกันกันที่หน้าประตูเมือง และส่วนเจ้า อาเต๋อ ไปที่กรองปราบนำตัวนายอำเภอมา " " ขอรับท่านแม่ทัพ " ทุกคนรับคำส
ท่านแม่ทัพสั่งการให้ทหารแต่ละหน่วยกระจายกำลังกันออกค้นหาตัวลูกชายของนายอำเภอหลิ่ว หลิ่วหยางอี้กับลูกสมุนให้เจอโดยเร็ว แม่ทัพตงเฟยหลง สังหรณ์ใจแปลก ๆ จึงได้ย้อนกลับไปที่จวนรับรอง เห็นอาเต๋อ กำลังจับลูกสมุนของหยางอี้ อยู่ " ฮูหยินน้อยล่ะ " เขาถามอาเต๋อ ด้วยความกังวลใจ ที่ไม่เห็นนางออกมาข้างนอก เกิดเรื่องขึ้นขนาดนี้นางไม่มีทางทนดูอยู่เฉย ๆ ได้แน่ " ฮูหยินน้อยนางเข้านอนแล้วขอรับ หรือว่า " อาเต๋อ หันไปมองลูกสมุนทั้งสามของหลิ่วหยางอี้ " พวกเจ้าล่อข้าออกมา " " ฮา ฮา ฮา พวกหน้าโง่ กว่าจะนึกได้ก็สายไปแล้วล่ะ " ลูกสมุนคนหนึ่งพูดขึ้น " นายน้อยข้าว่า... .......อ้าวหายไปไหนแล้วเนี่ย..ไม่รอกันบ้างเลย ..พวกเจ้านำตัวพวกมันไปขังไว้ เฝ้าไว้ให้ดี อย่าให้หนีไปได้ " อาเต๋อสั่งทหารยาม และรีบวิ่งตามเจ้านายของตนไปโดยเร็ว ตงเฟยหลง วิ่งมายังห้องนอนด้วยความเป็นห่วงและกังวลใจ นางจะเป็นอะไรหรือเปล่า ขออย่าให้เป็นอย่างที่เขาคิดไว้เลย มือหนาเอื้อมไปเปิดประตูห้องอย
ท่านแม่ทัพสั่งให้ทหารล้อมรอบจวนของนายอำเภอไว้ ห้ามผู้ใดเข้าออกเป็นอันขาด " ท่านนายอำเภอ หาข้าอยู่หรือ " เขาถามเสียงเหี้ยม จนนายอำเภอหน้าซีด " ท่านแม่ทัพ...เป็นไปไม่ได้ .." " ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ล่ะ ข้าก็แค่ช่วยให้คนรักกัน...ได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ก็เท่านั้นเอง ..... แต่ท่านนายอำเภอคงจะไม่มีโอกาสได้เห็นอีกต่อไป " เขากล่าวเสียงเรียบ แล้วส่งยิ้มให้คุณหนูหลิ่วและคนรักที่อยู่ภายในห้อง " ท่านแม่ทัพหมายความว่าอย่างไร ข้าน้อยมิเข้าใจ " นายอำเภอรู้ว่าแม่ทัพตงสงสัยตนเองแต่คงจะยังไม่มีหลักฐานเป็นแน่ " ข้าเองก็ขี้เกียดอธิบาย เชิญนายอำเภอหลิ่ว ถามหัวหน้าเหวินเองเถอะ " เขาเอ่ยพรางพยักหน้าให้ เหวินเยี่ยน จัดการต่อ " นี่คือคำสารภาพของ หลิ่วติงลู่ น้องชายของท่านนายอำเภอเขาได้ยอมรับสารภาพหมดแล้วว่า การปล้นเสบียง ที่ทางวังหลวงส่งมาครั้งแรกเป็นท่านที่สั่งการ และการรอบสังหารที่ภูเขาหมาป่าก็เป็นท่านนายอำเภอที่สั่งการเช่นกัน และก็ยังมีสัญญาการซื้อขายและสมุดบัญชีที่พวกท่าน
นายอำเภอหลิ่ว ได้เชิญท่านแม่ทัพมารับประทานอาหารที่จวนเพื่อเป็นการขอบคุณ ซึ่งเขาก็ตอบรับคำเชิญเป็นอย่างดี " ท่านแม่ทัพข้าขอแนะนำให้ท่านรู้จักบุตรีของข้า หลิ่วอี้ฮัว " " อี้ฮัวคาราวะท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ " เสียงหวานเอ่ยขึ้น นางมีใบหน้างดงามส่งยิ้มหวานมาให้ แต่ในแววตาหม่นหมอง เขาพยักหน้ารับและยิ้มให้นาง นายอำเภอหลิ่วสบตากับฮูหยินของตนของตนและยิ้มมุมปากที่ท่านแม่ทัพดูจะสนใจบุตรสาวของตน " และนี่บุตรชายคนรองของข้า หลิ่วหยางอี้ ตอนนี้เขาพึ่งได้รับตำแหน่งเล็ก ๆ ในกองปราบ " " คาราวะท่านแม่ทัพขอรับ " ตงเฟยหลงพยักหน้ารับเบา ๆ และหันไปสนทนากับนายอำเภอหลิ่วอย่างเป็นกันเอง พอทานอาหารเสร็จนายอำเภอหลิ่วชักให้เขาอยู่ร่ำสุราด้วยกันก่อน แล้วเริ่มมอมเหล้าท่านแม่ทัพจนเขาแทบจะทรงตัวไม่ไหว " วันนี้ข้าคงดื่มต่อไม่ไหวแล้ว คงต้องของตัว ....ห้าวชวน " ตงเฟยหลงเอ่ยลาแล้วเรียกห้าวชวนเข้าไปประคอง " หากท่านแม่ทัพกลับไม่ไหวก็พักที่เรือนรับรองก่อนก็ได้ " " ท่าน
หลังจากจัดการกับตาเฒ่าหัวงูนั้นเรียบร้อยแล้ว เหวินเยี่ยน จึงได้นำตัวเขาไปสอบสวนเพิ่มเติม ขืนปล่องให้นางเป็นคนสอบสวนเองคงได้เป็นศพอย่างแน่นอน ตงเฟยหลง ตื่นขึ้นมาพบว่าตนเองนอนอยู่ในห้องนอนของเรือนรับรองที่นายอำเภอหลิ่วจัดเตรียมไว้ให้ คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน ' ข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน ข้าจำได้ว่า ' เมื่อนึกย้อนกลับไป เขาต้องขบกรามไว้แน่น เมื่อนึกถึงสิ่งที่ภรรยาตัวน้อยของเขาทำ " จ้าวฟางลู่.....เจ้าช่างกล้านักนะ " เสียงแหบเอ่ยอย่างแผ่วเบาพร้อมขบกรามแน่นสกัดกั้นอารมณ์ที่กำลังปะทุขึ้นมาอีกรอบ " ท่านพี่...ฟื้นแล้วหรือเจ้าคะ " ร่างบางเดินยิ้มเข้ามาในห้องนอน เขาทำหน้านิ่งมองหน้าหวานนิดนึงแล้วไม่พูดอะไร ร่างสูงขยับตัวลุกขึ้นนั่ง " ชาเจ้าค่ะ " นางยิ้มหวานให้เขาอย่างเอาใจ " ขอบคุณมาก....แม่นาง " นางชะงักไปครู่หนึ่งมองหน้าเขาแล้วเม้นปากเข้าด้วยกันเหมือนกำลังข่มอารมณ์บางอย่างไว้ ' หึ..แค่นี้เจ้าก็โกรธแล้วหรือ ' " เอ่อ..ท่านพี่
ตงเฟยหลง มองสตรีตรงหน้าอย่างตกตะลึงนางอยู่ใน ชุดวาบหวิวจนทำให้เขาใจเต้นไม่เป็นจังหวะ หากว่าอยู่ในสถานการณ์ปกติเขาคงจับนางขึ้นเตียงไปแล้ว แต่ตอนนี้ต้องทำหน้าดุเข้าไว้ เขามองหน้าภรรยาตัวน้อยของเขาด้วยใบหน้าขึ้นสี เจ้าช่างใจกล้ายิ่งนัก เผลอแค่แป๊บเดียวนางก็ออกมาแต่งตัวยั่วยวนบุรุษอื่นจนได้ ' ข้าควรจับเจ้าขังไว้ดีหรือไม่ ' " ท่านแม่ทัพ " เสียงหวานเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย นางคงคิดไม่ถึงว่าเขาจะหานางเจอสินะ แต่ก็เพียงแค่วูบเดียวเท่านั้นนางก็สงบนิ่งได้อย่างน่าประหลาดใจ คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน ' นี่เจ้าจะไม่กลัวข้าจริงหรือ ' ร่างบางตรงหน้ามีท่าทีที่เปลี่ยนไป เขาไม่อาจคาดเดาความคิดของนางได้เลยสักครั้ง นี่คืออีกเรื่องที่เขาหนักใจ " หญิงงามทั้งสองคนไม่ถูกใจคุณชายหรือเจ้าคะ ท่านถึงได้มาที่นี่ด้วยตนเอง " นางเอ่ยถามเขาเหมือนเป็นคนแปลกหน้า ' ที่แท้เจ้าก็หึงข้าแล้วสินะแม่คนงาม หึ ' ถ้าเป็นเพราะเรื่องนี้ก็พอให้อภัยได้ แต่คำว่าคุณชายนี่ดูจะเกินไปหน่อย
ทหารและชาวบ้านต่างออกมาตั้งแถวรอรับขบวนรถขนส่งเสบียงด้วยความยินดี มีเด็กตัวเล็ก ๆ วิ่งวนไปมา พวกเขาโบกมือทักทายเหล่าทหารและผู้คุ้มกันเสบียงและเอ่ยขอบคุณ เสียงดังกึกก้องไปทั่วทั้งสองข้างทาง เมื่อขบวนรถเดินทางมาถึงที่ว่าการอำเภอ ขบวนผู้ติดตามจึงได้แยกตัวไปพักยังเรือนรับรอง ที่นายอำเภอได้จัดเตรียมไว้ให้ มีเพียงท่านแม่ทัพกับลูกน้องคนสนิทและทหารบางส่วนเท่านั้นที่อยู่คอยช่วยงาน จ้าวฟางลู่ มองไปรอบ ๆ ห้องที่ใหญ่โตถูกจัดเตรียมไว้เป็นอย่างดีสำหรับท่านแม่ทัพ และถัดไปข้าง ๆ จะเป็นเรือนรับรองสำหรับคนของกรมยุติธรรม นางอยู่ในชุดของบุรุษคนในเมืองนี้มิมีผู้ใดรู้ว่านางเป็นฮูหยินของท่านแม่ทัพ จึงเป็นเรื่องดีสำหรับนาง บุรุษหน้าหวานสองคนเดินผ่านห้องโถงใหญ่เห็นสาวงามสองคนแต่งตัวเปิดเผยแต่งหน้าขาวโบ๊ะคนหนึ่งทาปากแดงและอีกคนทาปากสีส้มเดินตามบ่าวรับใช้เข้ามา จึงเดินเข้าไปสอบถาม " แม่นางทั้งสอง..พวกเจ้ากำลังจะไปที่ใดกันหรือ " พวกนางดูเขินอายบิดผ้าเช็ดหน้าในมือไปมาที่มีบุรุษหน้าหวานเข้ามาเอ๋ยทักแล้วยิ้มหวานให้
ท่านแม่ทัพเร่งนำขบวนรถขนเสบียงออกเดินทางทันทีที่เหตุการณ์ทุกอย่างสงบลงมีผู้ได้รับบาทเจ็บไม่มากนักให้เร่งรักษาตัวระหว่างทาง ส่วนผู้เสียชีวิตจะนำไปฝังไว้ตรงเนินเขาด้านร่าง เขาต้องพาทุกคนออกไปก่อนที่ตะวันตกดินเพราะไม่อยากเสี่ยงประทะกับฝูงหมาป่า เหตุการณ์เมื่อกลางวันนั้นเป็นการรอบสังหารอย่างแน่นอน หากไม่ได้ภรรยาตัวน้อยของเขาช่วยไว้คงต้องมีการบาดเจ็บล้มตายมากกว่านี้หลายเท่าเป็นแน่ ขบวนรถขนเสบียงเดินทางโดยไม่หยุดพักที่ใดเลย จวบจนข้ามภูเขาได้สำเร็จในเวลาพบค่ำ เสียงหมาป่าบนภูเขาเริ่มเห่าหอนอย่างไม่ขาดสาย ทุกคนในขบวนเดินทางต่างโล่งใจที่เดินข้ามมาได้ทันเวลา ท่านแม่ทัพให้ห้าวชวนนำทหารออกสำรวจพื้นที่โดยรอบเมื่อพบว่าปลอดภัยจึงสั่งให้ตั้งกระโจม และจัดทหารยามคอยเดินตรวจตราทั้งคืน ยังมีทหารบางนายได้รับบาดแผลฉกรรจ์จากของมีคมเป็นทางยาวตามร่างกาย ยังดีที่ในขบวนมีหมอร่วมเดินทางมาด้วย แต่หมอคนเดียวต้องรักษาคนตั้งหลายสิบคนทำให้อาเ
สายตาทุกคู่ในโรงเตี๊ยมหันมามองหนุ่มน้อยหน้าหวานสองคนที่เดินลงมาจากชั้นบนตรงเข้ามานั่งข้าง ๆ ท่านแม่ทัพที่นั่งหันหลังให้บันไดอยู่เขาจึงไม่ได้สนใจมอง สายตากลับจับจ้องอยู่ที่แผนที่บนโต๊ะตัวยาวอย่างใช้ความคิด เหล่าทหารต่างหวาดกลัวแท่นหนุ่มน้อยใจกล้าคนนั้น ร่างสูงมองหนุ่มน้อยข้างกายอย่างนึกสงสัยเหตุใดช่างใจกล้าไม่กลัวตายบังอาจมานั่งข้างเขา อย่างถือวิสาสะ เมื่อสบตากลมโตคู่นั้นแล้วร่างสูงกับนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง คิ้วหนาขมวดเข้าหากันก่อนจะยิ้มบาง ๆ ให้หนุ่มน้อยตรงหน้า เหล่าทหารต่างพากันแปลกใจและโล่งใจในคราเดียวกันที่ท่านแม่ทัพมิจับหนุ่มน้อยผู้น่ารักโยนออกไปข้างนอก " ทำไมเจ้าถึง " " เพื่อความสะดวกในการเดินทาง และจะได้ไม่เป็นจุดสนใจมากนักขอรับท่านพี่ " หนุ่มน้อยยิ้มอย่างสดใสให้ท่านแม่ทัพที่ทำหน้านิ่ง เหวินเยี่ยน มองคนทั้งคู่แล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ก่อนที่จะเบนความสนใจของท่านแม่ทัพใจให้หันมาสนใจแผนการเดินทางต่ออีกที หนุ่มน้อยหน้าหวานนั่งฟังพวกเขาวางแผนการเดินทางอย่างเงียบ ๆ เมื่อรับรู้ว่าหนทางข้า