“ ฮูหยินน้อยต้องการพบข้าเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ ข้าชื่อซื่อหลัน เป็นหัวหน้าคนครัวเจ้าค่ะ ” หัวหน้าคนครัวหันมาถามสตรีที่เพิ่งเดินเข้ามาที่ทุกคนต่างก็รู้ว่าเป็นฮูหยินที่เพิ่งแต่งเข้ามาของแม่ทัพโยว “ ฮูหยินใหญ่ให้ข้าดูแลเรื่องในจวนนี้น่ะ ให้ดูแลทั้่งเรื่องอาหารการกินและเรื่องอื่นๆในจวนด้วย จึงจะมาถามเรื่องรายการอาหารที่ทำในแต่ละวันด้วยว่าเราจะลดค่าใช้จ่ายใดๆได้บ้าง เพราะพ่อบ้านโยวบอกว่าตอนนี้เงินทองของจวนร่อยหรอลงมากเพราะท่านแม่ทัพใช้เงินไปกับการกักตุนเสบียงของทหาร คงต้องรอให้ท่านแม่ทัพกลับมาจากชายแดนก่อนทุกอย่างก็จะดีขึ้น ”
หัวหน้าคนครัวทำหน้าอ่อนใจ “ ฮูหยินน้อยเจ้าคะ ทุกวันนี้เวลาข้าไปรับเงินค่ากับข้าวจากฮูหยินใหญ่มันก็น้อยมากกว่าเดิมเต็มทีแล้วเจ้าค่ะ แทบไม่พอค่าใช้จ่าย กับข้าวแทบจะไม่มีเนื้อสัตว์อยู่แล้ว แทบจะต้องทำแต่ผัดผักแล้วเจ้าค่ะ ยิ่งหลังจากงานเลี้ยงงานแต่งงานยิ่งได้ค่ากับข้าวน้อยลงอีกเจ้าค่ะ ข้าก็ไม่รู้จะประหยัดได้อย่างไรอีกแล้ว พวกบ่าวก็บ่นกับอุบเรื่องกับข้าวที่มีแค่เศษเนื้อ กินข้าวก็ไม่ค่อยอิ่มกันแล้วเจ้าค่ะ ” อี้ชิงอึ้งไปทันที นางไม่รู้มาก่อนเลยว่าในจวนแม่ทัพจะขาดแคลนเงินทองถึงขนาดนี้
“ ถ้าอย่างนั้น ป้าซื่อหลันเจ้าไปรับเงินค่ากับข้าวจากฮูหยินใหญ่ตามปกตินะ ได้เท่าใดก็เอามาเท่าที่จะทำได้ ส่วนขาดเหลืออะไรมาบอกกับข้าก็แล้วกัน ส่วนรายการอาหารให้ท่านช่วยจัดการไปตามเดิมนะ ไม่ให้คนในจวนลำบากกันจนเกินไป ข้าวปลาก็จัดหามาให้พอกินกันให้อิ่มนะ ส่วนเรื่องเงินทองที่ขาดเหลือไป ข้าจะจัดการให้เองนะ ” หลังจากอี้ชิงเดินออกไปจากครัวทุกคนก็หันมาพูดยกย่องชมเชยฮูหยินน้อยไม่ขาดปากว่ามีน้ำใจเหลือเกิน อุตส่าห์เอาเงินของตัวเองมาชดเชยค่าใช้จ่ายในจวนของสามี
เมื่อเสร็จจากเรื่องในครัว นางเดินย้อนกลับไปหาพ่อบ้านโยวเพื่อต้องการให้เขาจัดการหาสาวใช้ในจวนแบ่งมาให้นางสักห้าหกคน หรือให้มากที่สุดเท่าที่เขาจะแบ่งมาให้นางได้ และขอบ่าวชายสองคน นางจะเริ่มต้นเปิดร้านขายอาภรณ์์ที่ตลาดเพื่อหาเงินมาใช้จ่ายในจวนแม่ทัพ เพราะนางเพิ่งจะรู้ว่าสถานการณ์การเงินของจวนแม่ทัพไม่ดีมากเช่นนี้ จนคนครัวถึงกับออกปากว่าอาหารการกินลำบากจนบ่าวไพร่บ่นว่าไม่พอกินพอใช้ แย่ยิ่งกว่าจวนหลิวที่เป็นจวนขุนนางของบิดาของนางเสียอีก แล้วนางก็เดินไปที่เรือนหลังหนึ่งที่อยู่ริมทางเดินที่ใกล้กับเรือนหลังเล็กของนาง
แล้วเปิดประตูเรือนเข้าไปเพื่อสำรวจดูก็พบว่ามันเป็นเรือนขนาดกลางและในนั้นมีเครื่องเรือนไม่มากจนเกินไป เหมาะที่นางจะดัดแปลงใช้เป็นโรงเรือนเพื่อจะตัดเย็บอาภรณ์ เพราะอี้ชิงนั้นได้ร่ำเรียนเรื่องการเย็บปักถักร้อยมาชำนาญพอสมควร เพราะนางมีความถนัดทางด้านนี้มาก่อน จึงได้ขอบิดาไปร่ำเรียน ปกติแล้วนางตัดเย็บอาภรณ์เอาไว้ใส่เอง จึงได้มีอาภรณ์ที่งดงามไว้ใส่หลากหลายสีสัน โดยที่ไม่ได้เสียเงินทองมากมายในการซื้อหาเพราะนางซื้อผ้าพับม้วนใหญ่มาไว้ตัดเอง และชุ่ยเอ๋อที่เป็นลูกมือมาตั้งแต่แรกก็ถนัดงานด้านนี้ด้วย
เมื่อมองในเรือนจนพอใจแล้ว และแน่ใจว่าจะใช้เรือนว่างหลังนี้ทำเป็นโรงเรือนเพื่อจะหาเงินเข้าจวนแม่ทัพ และแบ่งบางส่วนเก็บเอาไว้ส่วนตัวด้วย เพราะนางก็คิดจะหาอาชีพทำไปด้วยอยู่แล้ว ไม่อยากจะเป็นเพียงอาศัยเบี้ยหวัดจากสามีในการดำรงชีพเพียงเท่านั้น แต่นี่มันก็ผิดจากคาดไปมาก เพราะนางไม่ได้เงินจากจวนของสามีเลยสักอีแปะเดียวในการดำรงชีวิต แต่ในเมื่อแต่งงานเข้ามาในจวนของสามีแล้ว นางก็จำจะต้องอยู่ไปก่อน
เมื่อเสร็จจากเรื่องโรงเรือนนางก็เดินย้อนกลับไปยังเรือนเล็กของตนเอง และก็พอดีกับชุ่ยเอ๋อเดินหอบหิ้วข้าวของกลับมาจากตลาด นางได้รับคำสั่งให้ไปสั่งเครื่องเรือนและซื้อหาข้าวของจำเป็นมาไว้ใช้ที่เรือนเล็ก
“ คุณหนู ข้าจัดการสั่งข้าวของตามที่เราจดเอาไว้เรียบร้อยแล้วนะเจ้าคะ อีกสักครู่พวกเขาคงจะนำมาส่งให้ ข้าซื้อเสี่ยวหลงเปา กับขนมกุ้ยฮวามาฝากคุณหนูเจ้าค่ะ มานั่งกินกันก่อนนะเจ้าคะ ข้าจะชงชาร้อนให้ ” แล้วทั้งสองก็พากันเดินเข้าไปในเรือน แล้วอี้ชิงก็ทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ที่พวกนางใช้นั่งกินอาหาร ตอนนี้ชุ่ยเอ๋อไปค้นหาผ้าปูโต๊ะมาปูลงบนโต๊ะตัวเก่านี่มันก็เลยดูดีขึ้นมาก
“ ชุ่ยเอ๋อ ข้าจะเปิดร้านอาภรณ์ที่ตลาดนะ จะฝึกสาวใช้กับบ่าวชายในจวนนี้สักหลายคนหน่อยกำลังให้พ่อบ้านโยวหาคนให้อยู่ เราจะฝึกกันในเรือนหลังถัดเราไปนี่แหละ จะได้สะดวก เจ้าช่วยข้าฝึกหัดพวกเขานะ เพราะสถานการณ์การเงินของจวนนี้ไม่ดีนัก แทบจะไม่พอใช้จ่าย เพราะท่านพี่ใช้เงินไปกับการกักตุนเสบียงจนเงินเหลือน้อยมาก แต่่ข้าก็ไม่รู้จำนวนแท้จริงว่าเหลือเท่าไหร่ เพราะฮูหยินใหญ่ไม่ยอมให้ข้าดูเรื่องบัญชีรายรับรายจ่าย จึงไม่รู้ว่าเงินเหลือเท่าไหร่กันแน่ แต่พ่อบ้านโยวกับหัวหน้าคนครัวบอกว่าตอนนี้การใช้จ่ายในจวนอัตคัตนัก จนบ่าวไพร่บนว่ากินข้าวไม่เต็มอิ่ม ข้าจึงได้คิดว่าจะเริ่มต้นทำการค้าเสียที หลังจากที่คิดเอาไว้นานแล้วแต่ยังไม่ได้ลงมือทำ เจ้าจะว่าอย่างไร ” นางเอ่ยถามชุ่ยเอ๋อหลังจากที่สาวใช้คนสนิททรุดนั่งลงข้างๆนางแล้ว
“ ทำเช่นนั้นก็ดีเจ้าค่ะ เพราะไหนๆ คุณหนูก็แต่งงานเข้ามาเป็นสะใภ้ของจวนนี้เสียแล้ว เราทำเช่นนี้ก็ดีเหมือนกันอย่างน้อยบ่าวไพร่ก็จะได้ไม่อดอยากจนเกินไป แต่คุณหนูก็ต้องทำให้เป็นกิจการของคุณหนูเองนะเจ้าคะ เพราะต่อไปภายหน้าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้ได้ อีกอย่างข้าไม่แน่ใจนักนะเจ้าคะ ว่าการเงินของจวนนี้มีปัญหาจริงหรือว่าแม่สามีของคุณหนูเล่นแง่กันแน่ เหมือนต้องการผลักภาระการรับผิดชอบมาให้คุณหนูทุกอย่างแต่ไม่ให้เงินมาดูแลจวนด้วยอย่างนั้นแหละเจ้าค่ะ คุณหนูคิดว่ามันจะเป็นอย่างนั้นหรือไม่เจ้าคะ ” ชุ่ยเอ๋อไม่วายไม่ไว้ใจคนจวนนี้ ที่แสดงออกอย่างเต็มที่ว่าไม่ชอบคุณหนูของนาง
อี้ชิงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง " มันก็อาจเป็นได้ แต่ข้าจะคิดเสียว่าไหนๆข้าก็แต่งงานเข้ามาเป็นสะใภ้ในจวนของพวกเขาแล้ว และข้าก็รักท่านแม่ทัพมาก เหมือนดังเช่นที่เขารักข้า เรื่องแค่นี้ข้าจะคิดเสียว่าช่วยแบ่งเบาภาระของสามีก็แล้วกัน ส่วนเรื่องของแม่สามีข้าจะยกให้จะถือว่าอย่างไรนางก็เป็นแม่ของสามีของข้า ส่วนเรื่องจะเสียเปรียบมากน้อยข้าไม่คิดมากหรอก ถือเสียว่วช่วยบ่าวไพร่ในจวนให้ได้กินเต็มอิ่มให้ได้มีใช้ และได้เงินพิเศษเพิ่มก็แล้วกัน หากมีใครช่วยงานข้าเพิ่มข้าก็จะให้เงินพิเศษแก่พวกเขาก็แล้วกัน ”
เมื่อคิดกันเช่นนั้นแล้วก็ลงมือกินขนมที่ชุ่ยเอ๋อหาซื้อมาจากตลาด และจิบชาน้ำอย่างสบายใจขึ้นเมื่อหาทางออกให้กับการเงินของจวนนี้ได้แล้ว นางคิดว่าสินค้าของนางต้องขายได้บ้าง
" ชุ่ยเอ๋อ พรุ่งนี้เจ้ากับข้าจะต้องไปตลาดกันอีกรอบนะไปหาเช่าร้านค้าสักคูหาหนึ่ง เผื่อเอาไว้ก่อน และจะได้สั่งผ้ากับอุปกรณ์ตัดเย็บทั้งหลายให้พวกเขาเอามาส่งด้วย จะได้เริ่มงานกันเลย ทำเร็วก็จะได้รายได้เข้าจวนเร็ว “
หลังจากอี้ชิงกับชุ่ยเอ๋อสองนายบ่าวไปเดินหาตึกแถวให้เช่าในตลาดจนได้ห้องแถวสองคูหาอยู่กลางตลาดมาได้ เพราะคุณชายจางเลี่ยงหลินเจ้าของร้านขายผ้าร้านใหญ่ในตลาดเป็นผู้จัดการให้ เขาช่วยเหลือเพราะเขาเองก็เคยแอบพึงใจในตัวของหลิวอี้ชิงมาก่อน เพียงแต่เขานั้นช้ากว่าแม่ทัพโยวเท่านั้นเอง เพราะเขานั้นมัวแต่ทำการค้ายุ่งวุ่นวายและมักจะเดินทางไปมาระหว่างเมืองอยู่บ่อยครั้ง ทำให้ไม่มีเวลาเกี้ยวพาอี้ชิงได้เลย ได้แต่ประวิงเวลารอให้มีเวลาว่างอีกสักหน่อยก่อนจนนางแต่งงานไปกับแม่ทัพโยวหยางเล่อเมื่อรู้ข่าวเขาเองก็แอบเสียดายนางไม่น้อย แต่เมื่อเห็นนางมาเดินหาห้องแถวให้เช่าก็แปลกใจอยู่ไม่น้อย นางแต่งงานไปเป็นฮูหยินของแม่ทัพแล้วเหตุไฉนจึงได้มาเดินหาตึกแถวเพื่อทำการค้าอีก เมื่อสงสัยเขาได้จึงได้ไต่ถามนางและได้คำตอบว่านางต้องการทำร้านอาภรณ์มานานแล้ว แต่เพิ่งได้มีโอกาสทำ แต่เขาไม่รู้ว่าที่นางจำต้องทำการค้าในตอนนี้มันมีสาเหตุอื่นด้วย เขาแค่คิดว่านางแค่ทำตามความฝันของตัวเองเพียงเท่านั้นเมื่อรู้แล้วคุณชายจางก็จัดการติดตาหาเช่าห้องแถวให้นางจนได้โดยใช้เส้นสายช่วยนิดหน่อย เพราะเขาสงสารนางที่ไม่รู้จักใครเลย และเขาช่วยให้นาง
เมื่อช่วยกันขนข้าวของเข้าไปในเรือนที่จะใช้ทำเป็นโรงงานขนาดย่อมในจวนแม่ทัพนี้แล้ว อี้ชิงก็เริ่มต้นแบ่งหน้าที่ให้สาวใช้แต่ละคนและช่วยกันกับชุ่ยเอ๋อช่วยสอนงานพวกนาง รวมถึงบ่าวชายสองคนนั้นด้วย นางให้บ่าวชายดึงผ้าออกจากม้วนผ้าขนาดใหญ่แล้วพับทบกันให้มีหลายชั้นแล้วก็ค่อยๆตัดตามแนวที่ชุ่ยเอ๋อทำเครื่องหมายไว้ให้ ชุ่ยเอ๋อรอดูจนบ่าวชายทั้งสองทำงานได้อย่างดีแล้วและพวกเขาเข้าใจในสิ่งที่นางสอนดีแล้ว จึงได้ปล่อยมือ หลังจากนั้นก็มาสอนพวกสาวใช้ถึงขั้นตอนในการตัดผ้าเป็นชิ้นส่วนแต่ละชิ้นที่มีแบบที่ทำจากกระดาษที่นางกับคุณหนูช่วยกันตัดเมื่อคืนเอาไว้แล้วบ้างแล้ว และได้มาถึงสี่ห้าแบบด้วยกัน แล้วจึงได้สาวใช้ช่วยกันทาบผ้าที่ทบเป็นหลายชั้นแล้วกับกระดาษที่เป็นแบบชิ้นส่วนอาภรณ์ แล้วจึงลงมือตัดให้เป็นชิ้นส่วนที่จะนำมาเย็บประกอบกันเป็นอาภรณ์ตามแบบที่อี้ชิงต้องการสาวใช้ต่างช่วยกันตัดผ้าเป็นชิ้นหลายขนาดแล้วต่อมาก็มาสอนแผนกเย็บซึ่งอี้ชิงก็ลงมือสอนด้วยตัวเอง เมื่อสอนจนพวกนางเย็บได้ดีแล้ว ก็ส่งต่อให้กับคนที่มีหน้าที่ทำขั้นตอนต่อไป ส่งกันเป็นทอดๆเช่นนี้ โดยมีชุ่ยเอ๋อคอยช่วยอี้ชิงตรวจสอบงานแต่ละขั้นตอนว่าพวกเขาทำงานได
“ ท่านป้าเจ้าค่ะ ดูเหมือนว่าแผนที่เราวางไว้ให้มันถอดใจเพราะทิ้งภาระค่าใช้จ่ายไว้ให้มันทั้งหมดจะไม่เป็นผลนะเจ้าคะ กลับกลายเป็นว่ามันรับมือได้ดีและมีแต่คนสรรเสริญมันเสียอีกที่มีน้ำใจเจ้าค่ะ เราจะทำอย่างไรดีเจ้าคะ ” เสี่ยวหลานหันไปปรึกษากับท่านป้าของนางที่นั่งจิบช้าเงียบอยู่ “ หรือว่าท่านป้าเปลี่ยนใจยอมรับมันเป็นสะใภ้แล้วเจ้าค่ะ อีกไม่นานท่านพี่กลับมาก็คงจะเป็นครอบครัวสุขสนต์ที่คงจะไม่มีข้าอยู่ในนั้น ” เสี่ยวหลานเอ่ยขึ้นอย่างน้อยใจที่ท่านป้าเหมือนนิ่งเฉยปล่อยให้มันทำความดีจนบ่าวไพร่ในจวนต่างยอมรับมันกันแล้ว “ ไม่ได้นิ่งเฉยแต่ป้าก็ยังคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี ” ฮูหยินใหญ่ที่นึกไม่ออกจริงๆ เพราะความจริงแม้นางไม่ชอบสะใภ้คนนี้ที่ไม่สามารถเป็นหน้าเป็นตาให้ตระกูลแม่ทัพอย่างตระกูลโยวได้ แต่นางก็ไม่ได้ร้ายจนต้องถึงกับคิดแผนชั่วร้ายไปกว่านี้เพื่อกำจัดสะใภ้ที่ไม่ต้องการ เมื่อเสี่ยวหลานเห็นท่านป้าของนางเหมือนเฉยชาไป นางก็จึงได้แต่ครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไป จนวันหนึ่งนางให้สาวใช้ที่ทำงานในเรือนของท่านป้าไปบอกอี้ชิงว่าให้มาไหว้บรรพชนที่ศาลบรรพชนในตระกูล เพราะตั้งแต่แต่งเข้ามานางยังไม่ได้มาไห
ทั้งสามช่วยกันจัดท่าทางของทั้งสองให้เหมือนกับลื่นล้มหัวฟาดไปเอง แล้วจึงได้แยกย้ายกันไป จำเป็นต้องสั่งสอนคนชั่วเช่นนี้ให้สำนึกเสียบ้าง แต่พวกนางก็ยังไม่ถึงตาย “ ต่อไปเราคงต้องระวังตัวนะเจ้าคะ ตีงูให้หลังหักเช่นนี้ไม่รู้ว่ามันจะแว้งกัดเราหรือไม่ ” ชุ่ยเอ๋อพูดกับนายหญิงของตนเองเบาๆ ขณะที่เดินมาถึงหน้าเรือนของตนเองแล้ว “ ก็ต้องระวังตัวกันไปก่อน ยังไม่แน่ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ” แล้วทั้งสองก็กลับเช้าเรือนของตนเองไป จนกระทั่งรุ่งเช้าวันต่อมา ข่่าวของเสี่ยวหลานและสาวใช้ของนางที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนต้องนอนเจ็บป่วยอยู่แต่ในเรือนเพราะยังไม่สามารถเดินได้ ฮูหยินใหญ่ให้พ่อบ้านโยวไปตามหมอมารักษาพวกนาง และเขาก็รายงานฮูหยินใหญ่ว่าสองนายบ่าวคงจะออกมาดูฮูหยินน้อยที่ถูกลงโทษแต่มันคงจะเป็นเพราะความมืดจึงได้สะดุดหินล้มลงจนได้รับบาดเจ็บทั้งนายทั้งบ่าวแต่เมื่อนอนอยู่ในสวนทั้งคืนจึงทำให้เกิดจับไข้ขึ้นมาอีกด้วย ท่านหมอตรวจอาการแล้วก็ให้นอนพักรักษาตัวและกินยาที่เขาจัดเอาไว้ให้จนกว่าอาการจะดีขึ้น ทั้งสองมีบาดแผลฉกรรจ์ไม่น้อย ท่านหมอได้ทำแผลให้กับพวกเขาแล้ว จึงได้ลากลับไปด้านอี้ชิงก็ไม่ได้รู้สึกอะไรท
ใบหน้าของฮูหยินโยวยิ่งเข้มขึ้นเพราะความไม่พอใจ ที่เหมือนลูกสะใภ้พูดจาทวงบุญคุณและยังท้าทายให้นางจ่ายค่าใช้จ่ายในจวนนี้อีกด้วย ถึงแม้จะมีเงินที่นางแอบซุกซ่อนเอาไว้ แต่คนที่คมเค็มเช่นฮูหยินโยวก็ไม่ยอมควักออกมาเป็นค่าใช้จ่ายในจวนหรอก นางจะจ่ายเท่าที่เคยจ่ายเท่านั้นแหละ ส่วนใครจะพอใช้หรือไม่นางไม่สนใจ ฮูหยินใหญ่คิดเช่นนั้น “ นังหญิงแพศยา ข้าจะบอกให้หยางเล่อหย่ากับเจ้าทันทีที่เขากลับมาจากชายแดน ” อี้ชิงยิ้มมุมปาก นางไม่ได้สะดุ้งสะเทือนอะไร ตอนนี้นางเฉยชาไปแล้ว สามีก็ไม่ได้อยู่ที่จวน และนางก็ไม่เคยได้รับการเลี้ยงดูอะไรจากพวกเขา นางจ่ายเงินของตัวเองทุกอีแปะตั้งแต่เข้ามาอยู่ที่นี่แถมยังช่วยค่าใช้จ่ายในจวนไปตั้งมากอีกด้วย นางคิดว่านางทำดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว หลังจากนี้หากสามีและแม่สามีไม่เห็นความดีของนางก็แล้วไป นางไม่สนใจอีกต่อไปแล้ว “ ก็แล้วแต่ท่านแม่นะเจ้าคะ ข้าไม่มีปัญหาใด ถ้าท่านพี่เชื่อท่านแม่ ยอมเขียนหนังสือหย่าให้กับข้า ข้าก็ยินดีไปจากที่นี่ แต่ข้ากับท่านแม่ท่านพี่จะเชื่อใครข้าก็ยังสงสัยนะเจ้าคะ หากท่านแม่ไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ ข้ามีงานที่รออยู่มากมายที่ต้องทำให้แ
เมื่อศึกเสร็จสิ้นแล้ว เขาก็ส่งจดหมายไปบอกมารดาและอี้ชิงว่าเขาจะกลับไปแล้ว กำลังจะเคลื่อนทัพใหญ่กลับเข้าเมืองหลวงพร้อมกับชัยชนะ หมอหลิวตามติดไปด้วย นางแกล้งหกล้มจนได้รับบาดเจ็บและขึ้นไปนั่งม้าตัวเดียวกับแม่ทัพหนุ่ม เพราะนางขี่ม้าไม่เป็น ขบวนทัพยาตรากลับเข้าเมืองอย่างคึกคักเพราะมีชาวเมืองที่ยืนรอต้อนรับตั้งแต่ปากทางเข้าเมืองอย่างหนาแน่เต็มทั้งสองข้างทาง แม่ทัพหนุ่มขี่ม้านำขบวนทัพเข้ามา โดยมีร่างของสตรีคนหนึ่งนั่งอยู่บนม้าตัวเดียวกับเขาทำให้เป็นที่จับตามองของสตรีไปตลอดสองข้างทาง สตรีเหล่านั้นล้วนส่งสายตาหวานฉ่ำและโบกผ้าเช็ดหน้าในมือให้กับท่านแม่ทัพหนุ่ม บางก็ร้องเรียกนามของเขาไปตลอดเส้นทาง แม่ทัพหนุ่มนั้นมิได้สนใจสิ่งเหล่านั้น เพราะใจของเขานั้นอยู่ที่จวนแล้วในตอนนี้เพราะมันมุ่งไปหาใครบางคนก่อนหน้าที่เจ้าตัวจะย่างกรายเข้ามาในประตูเมืองด้วยซ้ำ แต่เขาจำต้องไปถวายรายงานการรบครั้งนี้ที่ในวังหลวงก่อนเมื่อกองทัพยกทัพกลับมาเพราะชนะศึกแล้ว เขาเร่งขี่ม้าผ่านผู้คนที่มาต้อนรับอย่างเอิกเกริกทั้งสองข้างทาง อี้ชิิงก็ไปยืนรอต้อนรับขบวนทัพที่หน้าตลาดด้วยเพราะขณะนั้นนางอยู่ที่ร้านค้าที่ตลาด
“ อี้ชิงไปไหนกันท่านแม่ ทำไมนางไม่มารอรับข้า สามีกลับจากชายแดนทั้งทีนางไม่อยู่รอรับเลย เหมือนนางไม่เห็นความสำคัญ ” เขาเอ่ยถามมารดา “ คงจะไปที่ตลาดกระมัง นางไปเปิดร้านขายอาภรณ์ที่ตลาด ได้ยินว่าคุณชายจางก็มีส่วนช่วยนางนะ เห็นว่าออกทุนรอนให้กันด้วย ” แม่ทัพหนุ่มขมวดคิ้ว ทำไมนางต้องทำงาน แค่เพียงช่วยมารดาดูแลจวนแม่ทัพก็พอแล้ว นางเป็นฮูหยินของแม่ทัพ ทำไมต้องทำงานอีก งานในจวนก็ยุ่งมากพอแล้ว เขาสงสัย และคิดว่าจะไปสอบถามพ่อบ้านโยวน่าจะดีกว่ามารดา เขาจึงได้เงียบไป และหันไปสอบถามเรื่องสุขภาพของมารดาขณะที่พากันเดินเข้าไปในจวน มารดาเล่าเรื่องเสี่ยวหลานท่ี่ประสบอุบัติเหตุหกล้มหัวฟาดพื้นกับสาวใช้ของนางในตอนไปเดินที่สวนในตอนกลางคืน แล้วยังไม่ได้หายดี แม้ตอนแรกจะสงสัยอี้ชิง แต่ในเมื่อมาคิดดูอีกทีก็สงสัยว่าเสี่ยวหลานไปทำอะไรดึกดื่น นางเกิดความคิดว่าเสี่ยวหลานน่าจะไปทำร้ายอี้ชิง แล้วถูกตอบโต้กลับอย่างรุนแรง จึงได้หยุดพูดถึงเรื่องสาเหตุที่นางต้องมานอนเจ็บเช่นนี้ไปเสีย แม่ทัพหนุ่่มนั้นไปส่งมารดาที่เรือนของนาง แล้วบอกพ่อบ้านให้จัดการหาที่พักให้กับหมอหลิวแล้ว เขาจึงได้เดินไปอาบน้ำในเรือนของตัวเอง เ
“ ข้าจะไปที่ใดก็ไม่เกี่ยวข้องกับท่าน เรายังไม่ได้เป็นสามีภรรยากันโดยสมบูรณ์ แค่แต่งงานกันและท่านก็ไปออกศึก และข้ามาคิดทบทวนดูแล้ว ว่าข้ากับท่านไม่เหมาะสมกัน ท่านเป็นแม่ทัพใหญ่มีสตรีออกมากมายที่ปรารถนาจะเป็นฮูหยินของท่าน อย่างเช่นเสี่ยวหลานที่มาเฝ้ารอท่านอยู่ที่จวนนี้หลายปีมาแล้ว และยังมีสตรีคนงามที่นั่งม้าตัวเดียวกับท่านมาเมื่อกลางวันอีก ข้าคิดว่าข้าคงไม่เหมาะสมกับท่านเท่าพวกนาง ฉะนัั้น ท่านเขียนหนังสือหย่าให้กับข้า แล้วพรุ่งนี้ข้าจะไปจากที่นี่ทันที " อี้ชิงตัดสินใจเอ่ยถึงสิ่งที่ค้างคาใจของนางทันที ทำให้ใบหน้าบึ้งตึงของแม่ทัพหนุ่มยิ่งบึ้งตึงหนักกว่าเดิมขึ้นไปอีก เขาไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดเช่นนี้จากปากของนาง “ อะไรนะ เจ้าไม่ได้เป็นอะไรกับข้าอย่างนั้นหรือ เราแต่งงานกันแล้ว ผู้คนต่างก็รับรู้ว่าเจ้าคือเมียของข้า ทำไม เจ้าพบบุรุษคนใหม่ที่เจ้าสนใจกว่าข้า ร่ำรวยกว่าข้า จึงอยากจะไปจากข้าใช่หรือไม่ “ แม่ทัพหนุ่มเปิดฉากต่อว่าในสิ่งที่มันอยู่ในใจของเขามานานเช่นกัน เพราะเขานั้นแม้ปากจะบอกว่าไม่เชื่อที่มารดาเขียนจดหมายไปบอกกับเขาว่าอี้ิชิงคบชู้ นางไปมาหาสู่กับคุณชายจางเลี่ยงหลิน ให้เขาร
เมื่อหมอสาวหลิวซิงเหยียนได้ตั๋วเงินจากพ่อบ้านแล้ว นางก็ตัดสินใจเดินทางจากไปทันที ไม่มีประโยชน์ใดที่นางจะทู่ซี้อยู่ที่จวนแม่ทัพแห่งนี้อีกแล้ว เพราะข้าวของของนางมีไม่มากเก็บเพียงครู่เดียวก็เสร็จ นางไม่แม้แต่จะร่ำลาฮูหยินใหญ่โยว เพราะไม่มีประโยชน์อันใดที่จะเสวนากับนางอีก เพราะไม่มีผลประโยชน์ใดที่จะต้องการพึงพิงสตรีผู้เฒ่านั่นอีก จึงได้ก้าวออกไปจากจวนแม่่ทัพทันทีอย่างไม่เหลียวหลังกลับมามองด้วยซ้ำ ส่วนเสี่ยวหลานเมื่อสาวใช้คนสนิทของนางเข้ามาบอกเรื่องหมอสาวที่จากไปแล้ว และนางได้ยินว่าพ่อบ้านโยวให้เงินนางติดตัวไปด้วย เพราะท่านแม่ทัพเคยสั่งเอาไว้ว่าให้เงินนางไปตั้งตัวเพราะนางเคยมีบุญคุณกับกองทัพในยามศึก เสี่ยวหลานนิ่งคิดว่าหมอสาวนั้นต้องรู้แน่แก่ใจแล้วว่าท่านพี่หยางเล่อ คงไม่อาจจะกลับมาหายดีดังเดิมได้นางจึงได้ตัดสินใจจากไป เช่นนี้แล้วเสี่ยวหลานเองเล่า นางจะอยู่ในจวนแม่ทัพเพื่อทู่ชี้จะเป็นฮูหยินของเขาอีกหรือ นางตอบตนเองได้ว่าไม่ เพราะนางยังสาวยังมีความงดงามอยู่ นางสามารถหาสามีที่ดีกว่านี้ได้ นางก็จะไม่ยอมทิ้งอนาคตของตนเองเอาไว้กับคนพิการเช่นพี่หยางเล่ออย่างแน่นอน ท่านพี่หยางเล่อแม้จะมีเงิน
เมื่อหมอสาวเดินออกมาจากห้องนอนของแม่ทัพหนุ่ม ทุกคนที่นั่งรออยู่ด้านนอก ทั้งฮูหยินใหญ่ เสี่ยวหลาน และบรรดาสาวใช้ทุกคนต่างหันไปจ้องมองนางอย่างมีความหวัง เสี่ยวหลานนั้นถึงกับวางเรื่องทุกอย่างเอาไว้ก่อน นางต้องการรู้ว่าท่านพี่อาการเป็นเช่นไร และจะมีโอกาสหายดีเป็นปกติหรือไม่ หมอสาวส่ายหน้าให้กับทุกคน “ หมายความว่าอย่างไรกันซิงเหยียน ” หมอสาวเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของฮูหยินใหญ่ “ ข้าตรวจอาการของเขาอย่างละเอียดเท่าที่ความสามารถของข้ามีแล้วเจ้าค่ะ ข้าคิดว่าหมอผู้้นั้นพูดถูก ท่านแม่ทัพนั้น เส้นประสาทของเขาเสียหายหนักมากจนทำให้ตัั้งแต่ช่วงล่างตั้งแต่เอวลงไปถึงปลายเท้านั้นไม่มีความรู้สึกอีก และไม่แน่ใจว่าจะสามารถรักษาให้หายดีเป็นปกติได้หรือไม่ ” ทุกคนอึ้งงันไปอย่างมาก โดยเฉพาะฮูหยินใหญ่และเสี่ยวหลาน “ เจ้าหมายความท่านพี่จะไม่มีโอกาสหายดีเป็นปกติและกลับมาเดินได้อีกครั้งอย่างนั้นหรือ ” เสี่ยวหลานอดไม่ไหว นางต้องการรู้อย่างแน่ชัดว่าท่านพี่หยางเล่อของนางจะหายดีเป็นปกติหรือไม่ “ ข้าบอกตามตรงนะ ว่าโอกาสที่จะกลับมาเป็นปกตินั้นแทบไม่มี แต่หากกระดูกและบาดแผลสมานอาจจะพอนั่งรถเข็นได้ แต่คงจะกลับมาเ
อี้ชิงรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเมื่อยามสายมากแล้ว นางเห็นมีแสงแดดส่องเป็นลำเข้ามาตามรอยแยกของฝาไม้ ทอดลงมาบนพื้นห้อง นางค่อยๆขยับกายลุกขึ้น ทั้งตัวเจ็บระบมไปหมด โดยเฉพาะร่องอวบที่ทั้งเจ็บทั้งแสบ ขณะที่นางกำลังจะหย่อนขาลงจากเตียงนั้น ก็มีเสียงดังขึ้นด้านหลัง “ เมียจ๋า เจ้าอยู่ที่จวนนี้รอพี่ก่อนนะ พี่จะไปจัดการเรื่องในจวนให้แล้วเสร็จ รับรองว่าเจ้ากลับไปคราวนี้จะไม่มีสตรีใดอยู่ในจวนอีก แล้วพี่ขอสัญญากับเจ้าว่าด้วยเกียรติของแม่ทัพใหญ่แคว้นชิง พี่จะไม่ยอมรับสตรีอื่นใดเข้าจวนอีก จะมีเพียงเจ้าตลอดชีวิต เจ้าจะยอมคืนดีและกลับไปเป็นฮูหยินของพี่ตามเดิมได้หรือไม่ พี่รักเพียงเจ้าเท่านั้น และต้องการมีบุตรกับเจ้าเพียงเท่านั้น สตรีอื่นใดพี่ไม่ต้องการ ” อี้ขิงหันไปมองบุรุษที่กำลังลุกขึ้นนั่งบนเตียงด้านหลังของนาง แล้วกระเถิบเข้ามาโอบกอดนางเอาไว้ในอ้อมกอดที่แสนอุ่นของเขา “ ถ้าท่านพี่ทำได้จริงอย่างเช่นที่สัญญากับข้า ข้าก็ยอมคืนดีกับท่านก็ได้เจ้าค่ะ ” นางเอนกายพิงอกแกร่งของเขา ในใจของนางนั้นยังมีเขาอยู่เต็มเปี่ยมแต่เพราะนางรักเขามาก นางจึงเจ็บมากที่เห็นเขาเริงรักกับสตรีอื่น “ แต่หากท่านไม่รักษาสัญญา
“ อ๊าาา อ๊าางง อ๊าางงง อ๊าาา อ๊าาา อ๊าากก ” ทั้งสองร้องครวญครางผสานกันอย่างเสียวซ่าน แม่ทัพหนุ่มทนต่อไปไม่ไหวแล้ว เพราะบัดนี้เจ้าลูกชายตาเดียวของเขาที่มันโหยหานางเต็มที่ มันคับแน่นจนตึงแทบปริแตก หัวบานของมันมีน้ำรักไหลออกมาอย่างมากมายเพราะความเสียวที่มากจนเกินจะทนได้เขาถอดนิ้วแกร่งของตนเองออก แล้วมือหนาก็เลื่อนลงมาดึงเอวกางเกงหูรูดของตนเองลงจนพ้นสะโพกหนาของตนเอง เพื่อปลดปล่อยเจ้าลูกรักออกมาเป็นอิสระ ทันทีที่มันพ้นออกมาจากขอบเอวกางเกงของเขา มันก็ผงาดง้ำและพรักพร้อมอย่างเต็มที่แล้วอี้ชิงก้มลงมองลำกายอวบใหญ่ที่ผงาดง้ำและกำลังทิ่มแทงที่ท้องน้อยของนางอยู่อย่างตื่นตระหนก “ ท่านพี่เจ้าคะ ท่านพี่ ข้ากลัว อย่า…..ไม่นะ….ปล่อยข้า…….” อี้ชิงพยายามอ้อนวอนเพราะนางหวาดหวั่นเหลือเกิน“ เจ้าจะมีความสุข เชื่อพี่…...” เขากระซิบนางเสียงกระเส่า เขาไม่คิดจะรั้งรออะไรอีกแล้ว และไม่อาจจะปล่อยโอกาสให้นางเปลี่ยนใจ มือหนาของเขาจับเจ้าลูกชายตาเดียวของเขา เอาส่วนหัวถูไถเข้ากับเมล็ดดอกไม้ของนางด้วยจังหวะที่ถี่ระรัว“ อ๊าาาา อ๊าางง อู๊ยยยย อู๊ยยยยย อู๊ยยยย ” อี้ชิงครางออกมาอีกครั้งด้วยเสียงกระเส่า ปากจิ้มลิ
แม่ทัพหนุ่มเฝ้าจูบฮูหยินร่างอวบที่เขาดึงนางขึ้นมานั่งอยู่บนตักแกร่งอย่างเร่าร้อน เขาจูบนางยาวนานจนแทบจะสูบวิญญาณ จนร่างของอี้ชิงอ่อนระทวยซบลงที่อกแกร่งของเขา มือบางของหล่อนลูบไล้อยู่ที่อกแกร่งหนั่นแน่นนั้นอย่างลืมตัวเขาจูบจนพอใจแล้วจึงได้เลื่อนใบหน้าหล่อเหลาซุกไซร้ไปจนทั่วซอกคอขาวผ่องของหล่อนและขบเม้มทำรอยรักเอาไว้อย่างรุนแรง เขาซุกไซร้ไม่หยุด ทั้งขบเม้ม ทั้งไล้เลียจนผิวสาวเปียกชุ่มไปหมด “ หอมจัง ” เขากระซิบเบาๆ เสียงทุ้มของเขาคำรามอยู่ใกล้ๆ ใบหูขาวผ่องของนาง “ อา….ท่านแม่ทัพ….ท่าน..อย่านะ อย่า ….อ๊าาาา " ตอนนี้เขาไม่ได้แค่ซุกไซร้ลำคอขาวผ่องของนางเพียงเท่านั้น แต่มือหนาของเขายังลูบไล้ไปทั่วร่างบางขาวผ่องที่บัดนี้อาภรณ์นั้นถูกเลิกขึ้นมาสูงจนแทบจะเปลือยทั้งร่างให้เขาเห็นอยู่แล้ว สายรัดเอวหายไปตอนไหนนางก็ไม่อาจจะรู้ได้ มือของเขาซุกซนเหลือเกิน ตอนนี้มันกำลังฟอนเฟ้นอกอวบใหญ่ที่บัดนี้อาภรณ์ที่ปกปิดมันนั้นหลุดลุ่ย ทำให้เห็นทั้งสองเต้าที่อวบใหญ่เหลือเกินเพราะสาปเสื้อนั้นหลุดลุ่ยหลุดจากไหล่มนไปแล้วมือหนานั้นทั้งฟอนเฟ้นอกอวบจนโนมเนื้อของนางปลิ้นออกมาตามง่ามนิ้วของเขา และนิ้วแกร่งนั้นก็สะก
บัดนี้อาภรณ์ของนางแทบจะหลุดลุ่ยเพราะมือหนาที่ไม่อยู่สุกเลยนั้น ตราบจนม้าคู่กายของแม่ทัพหนุ่มตะบึงห้อมาจนถึงหน้าประตูจวนเล็กของเขาที่อยู่นอกเมือง จวนหลังนี้เขาปลูกเอาไว้เพื่อหลีกหนีความวุ่นวายในจวนใหญ่ของเขาตั้งแต่เขายังไม่ได้แต่งงาน และเขามักจะปลีกตัวมาพำนักที่นี่ เพื่อฝึกฝนวรยุทธ์และเมื่อต้องการวางแผนการรบที่ต้องใช้สมาธิ เขาก็มักจะควบม้ามาอยู่ที่นี่กับองครักษ์และคนสนิทเพียงไม่กี่คน แต่ที่นี่ก็มีสาวใช้และคนดูแลอยู่หลายคน เมื่อแม่ทัพหนุ่มควบม้ามาถึง รอเพียงครู่ซีห้าวก็ควบม้าตะบึงตามหลังมาหยุดลงที่ด้านหลังของแม่ทัพหนุ่ม แล้วเขาก็โหนตัวลงจากรถม้าเดินไปใช้ที่เคาะทองเหลืองหน้าประตูเคาะประตูใหญ่สามสี่ครั้ง ครู่หนึ่งก็มีชายคนหนึ่งเปิดประตูออก แล้วเยี่ยมหน้าออกมาเมียงมอง“ ท่านแม่ทัพมาหรือขอรับ ” แล้วเขาก็เปิดประตูใหญ่นั้นออกกว้าง แม่ทัพหนุ่มบังคับม้าให้เดินเข้าไปในประตูจวน ส่วนซีห้าวก็อุ้มตัวของชุ่ยเอ๋อลงมายืนข้างตัวม้า แล้วเขาก็จูงม้าคู่กายของตนเองเดินตามท่านแม่ทัพเข้าไปในจวน โดยมีชุ่ยเอ๋อหอบห่อผ้าของตนเองและนายหญิงเข้าไปในจวนด้วยเมื่อขี่ม้ามาอยู่ลงที่หน้าเรือนหลักของตนเองแล้ว แม่ทัพหนุ่ม
เมื่อแม่ทัพโยวและซีห้าว ขี่ม้าคู่กายโดยไม่หยุดพักเลย พวกเขาตามจนพบขบวนรถม้าที่แล่นตามกันเพื่อมุ่งหน้าไปทางหนิงโจวและพวกเขาแน่ใจว่าใช่ขบวนรถม้าของคุณชายจางลี่หลินพ่อค้าใหญ่ที่มีกิจการค้าอยู่หลายเมืองอย่างแน่นอน พวกเขาจึงได้ขี่ม้าแซงไปเพื่อหยุดขบวนรถม้านี้เอาไว้ และเมื่อคนขับเห็นดังนั้นจึงจำต้องหยุดม้า เพราะเขาเห็นชายร่างสูงใหญ่สองคนที่ควบอยู่บนม้าตัวสูงใหญ่และพวกเขาดูมีไอสังหารเข้มข้น ลักษณะองอาจผึ่งผายดูไม่ใช่โจรป่าที่มาดักปล้นขบวนรถม้า แต่ก็ไม่แน่ใจว่าพวกเขาใช่ทหารหรือไม่ และเมื่อรถม้าทั้งสามคันหยุดลง คุณชายจางจึงได้เปิดผ้าม่านออกไปดูว่ารถม้าของพวกเขานั้นหยุดลงเพราะสิ่งใดกัน และก็พบกับแม่ทัพโยวที่กำลังโหนตัวลงมาจากรถม้า สีหน้าของคุณชายหนุ่มเปลี่ยนไปทันที เขาคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าในอีกไม่นาน แม่ทัพโยวหยางเล่อจะต้องมาตามอี้ชิงอย่างแน่นอน แต่ไม่คิดว่าจะรวดเร็วถึงปานนี้ คุณชายหนุ่มจึงได้ก้าวเดินลงจากรถม้าของตัวเอง เพื่อจะเผชิญหน้ากับแม่ทัพโยว เพราะพวกเขาเป็นแค่พ่อค้า มีเพียงผู้คุ้มกันที่จ้างมาเท่านั้น ไม่น่าจะสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของแม่ทัพหนุ่มที่มีฝีมือเก่งกาจ และชำนาญการใช้อาวุธและม
ด้านที่เรือนฮูหยินใหญ่ หมอสาวหลิวซิงเหยียนนั่งคุกเข่าลงที่หน้าฮูหยินใหญ่ “ ฮูหยินใหญ่ต้องช่วยข้านะเจ้าคะ ข้าทำสำเร็จแล้ว แต่ท่านแม่ทัพกลับจะขับไล่ข้าออกไปจากจวน เช่นนี้แล้วสิ่งลงมือทำไปอาจจะสูญเปล่าได้นะเจ้าคะ เพราะแม้ฮูหยินของเขาออกไปจากจวนแล้ว แต่ไม่แน่ว่านางจะย้อนกลับมาได้อีกหรือไม่ ได้ยินว่าท่านแม่ทัพฉีกหนังสือหย่าที่นางเขียนทิ้งเอาไว้ไปเสียหมดแล้วด้วยเจ้าค่ะ อย่างนี้แล้วยังจะวางใจว่านางนั้นจะไปแล้วไปลับได้หรือไม่เจ้าคะ ”หมอสาวเจ้าเล่ห์เอ่ยปากอ้อนวอนและเติมความวิตกกังวลให้ฮูหยินผู้เฒ่าที่นั่งอยู่ตรงหน้าของนางด้วย เพื่อใช้เป็นโล่ห์กำบังจากโทสะของแม่ทัพหนุ่มที่พลันเกิดขึ้นทันที หลังจากที่ฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดนั้นคลายลง และเขาได้รู้ว่าอี้ชิงฮูหยินของเขานั้นมาเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี และนางนั้นถึงกับเขียนหนังสือหย่าและขนข้าวของออกไปจากจวนแม่ทัพแทบจะทันทีในคืนนั้นแต่แทนที่ทั้งฮูหยินผู้เฒ่่าและหมอสาวที่อุตส่าห์ลงทุนลงแรงไปมาก จะได้ดีใจที่กำจัดสตรีผู้นั้นออกไปได้แล้ว แต่ท่านแม่ทัพกลับฉีกหนังสือหย่านั่นทิ้งไปเสียแล้ว ก็ทำให้แผนที่วางไว้ยังไม่แน่ว่าจะสำเร็จจริงหรือไม่ “ เอาละ ไม่ต้องกังวลไป
“ ท่านพี่ ท่านทำเช่นนี้กับข้าได้อย่างไร ” อี้ชิงเอ่ยขึ้นแล้วนางก็กลับหลังหันออกไปจากห้องหนังสือนั่นทันที แม่ทัพหนุ่มที่นอนทอดร่างให้หมอสาวขย่มเขามิได้รับรู้เลยว่าเมียรักมายืนจ้องมองพวกเขาอยู่เพราะเขานอนอยู่ด้านล่าง แต่คนที่เห็นร่างของอี้ชิงเต็มตานั้นคือหมอสาวเจ้าเล่ห์ นางจ้องมองอี้ชิงอย่างเย้ยหยันพลางยกยิ้มเยาะเย้ยนาง จนเห็นนางหันหลังกลับไป หมอสาวจึงยิ่งขย่มแม่ทัพหนุ่มอย่างร่านร้อน ทั้งสองร้องครวญครางผสานกันอย่างเสียวซ่านเหลือเกิน หมอสาวจงใจร้องครวญครางเสียงดังยิ่งขึ้นเพื่อให้ฮูหยินที่กำลังจะเป็นอดีีตนั่นได้ยินให้ชัดเจน ด้านอี้ชิงเมื่อนางเห็นสามีนอกใจนางเช่นนี้ แม้บุรุษนั้นต่างก็มีภรรยาหลายคน แต่เขากับนางยังไม่ได้พูดจากันตกลงกัน แม้นางจะสงสัยในความสัมพันธ์ของสามีกับสตรีที่เขาพากลับมาด้วย แต่ตอนนี้นางสิ้นสงสัยแล้ว ว่าทั้งสองเป็นอะไรกันแน่ และสตรีผู้นั้นมีความสำคัญกับสามีของตนเองเช่นไร อี้ชิงจึงได้รีบกลับไปยังเรือนเล็กท้ายจวนของตนเอง เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบกับชุ่ยเอ๋อที่เดินสวนออกมาเพราะนางกลับมาที่เรือนเล็กก่อนเพื่อตระเตรียมอาหารให้กับนายของตน “ ชุ่ยเอ๋อ เจ้าเก็บข้าวของแล้ว