บทที่ 4
'ฮูหยินผู้เฒ่า'
.
.
หยางเยว่เดินเล่นอยู่ภายในสวนดอกไม้ที่มีดอกไม้เบ่งบานหลายสายพันธุ์ บางสายพันธุ์ก็นำเข้ามาจากต่างชาติงดงามแปลกตาแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เช่นดอกสีแดงสดเด่นมากอย่างกับเลือด ตรงเกสรมีสีเหลืองตัดงดงามไม่ใช่น้อยยิ่งปลูกเรียงรายติดกันยิ่งดูงามตาราวกับทุ่งสวรรค์ พวกต่างชาติที่นำเข้ามากับเรือสินค้าเรียกมันว่าดอกป๊อปปี้
แล้วก็ยังมีเหมยกุ้ยฮวาสีขาวอีก ปกติที่นี่จะมีแต่สีชมพูและแดง พอมีสีขาวเข้ามาขายจึงนับว่าแปลกตาพวกเศรษฐีต่างพากันซื้อมาประดับบารมีกันยกใหญ่เคหาสน์แห่งนี้ก็ไม่ต่างกัน ล้วนมีแต่ดอกไม้สายพันธุ์หายากที่ยังมีขายไม่แพร่หลายมากมายเหมาะสมแก่การเพาะพันธุ์แล้วนำไปขายต่อเป็นอย่างมาก คิดว่ายังไงก็ต้องขายได้เพราะดอกไม้พวกนี้ผู้ใดก็อยากซื้อหาไว้ประดับบ้านให้เจริญตากันทั้งนั้น
“เธออย่าจับดอกไม้พวกนั้นมากสิ”
เสียงหนึ่งดังขึ้นจนหยางเยว่ต้องหันไปมองก็พบว่าเป็น ‘ฉีเหมยหลิว’ บุตรสาวคนรองสกุลฉีที่เดิมทีผู้คนภายนอกร่ำลือกันว่าถูกนายท่านซ่งวางตัวไว้จะให้แต่งงานกับซ่งอี้ แต่เพราะฮูหยินผู้เฒ่าไม่ยินยอมเห็นว่าชะตาของนางไม่สมพงษ์กับหลานชายเพียงคนเดียวกลัวว่าจะทำให้ซ่งอี้เกิดเภทภัย ทำให้นายท่านซ่งไม่สามารถดองกับสกุลฉีได้จึงรั้งรอเรื่องนี้มานาน
แต่คนมันไม่ใช่เนื้อคู่กันยังไงเสียก็ไม่มีวันได้ลงเอยกันเพราะสุดท้ายแล้วนายท่านซ่งก็จากไปอย่างกะทันหันจากสงครามกลางเมืองที่คุกรุ่นในก่อนหน้านี้ ทำให้ซ่งอี้ก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าบ้านสกุลซ่งแทนและเขาก็มีอำนาจมากพอที่จะปฏิเสธเพราะไม่มีบิดาให้ต้องเกรงใจแล้วจึงปฏิเสธฉีเหมยหลิวอย่างจริงจังทำให้สกุลฉีไม่พอใจเป็นอย่างมากสั่งไม่ให้ฉีเหมยหลิวมายุ่งกับซ่งอี้อีก แต่หล่อนก็ไม่ได้เชื่อฟังบิดามารดายังแอบมาหาซ่งอี้ที่เคหาสน์บ่อย ๆ เข้านอกออกในได้ตามสบายเพราะคนรับใช้ต่างชินชากับหล่อนแล้วที่มาที่เคหาสน์นี้ตั้งแต่สมัยนายท่านซ่งยังอยู่
“ทำไมฉันจะจับไม่ได้ ของเธอหรือไง?”
“ไม่ใช่ของฉันหรอก แต่ฉันกลัวว่าดอกไม้บริสุทธิ์มันจะเหี่ยวเฉาเพราะคนมีมลทินแบบเธอ”
“คนแบบฉันมีมลทินตรงไหนเหรอ?”
“ผู้หญิงข้างถนนที่บ้านเปิดร้านบะหมี่เล็ก ๆ ต้องพลีกายให้ผู้ชายมากี่คนแล้วล่ะ ถึงยังทำให้กิจการของบ้านเธอยังอยู่รอดในย่านการค้าสำคัญที่นักลงทุนอยากจะซื้อที่ทาง”
“อย่ามาดูถูกฉันนะ” หยางเยว่กำหมัดแน่นด้วยความโกรธ
“ใช่ ฉันดูถูกเธอไม่ได้ดูผิดแน่ ไม่ใช่ว่าที่เธอยอมแต่งงานกับพี่อี้ก็เพราะเงินสินสอดมหาศาลหรอกเหรอ ได้ข่าวว่าตึกเช่าร้านบะหมี่ของพ่อเธอกำลังจะถูกไล่ที่แต่อยู่ดี ๆ พ่อเธอก็มีเงินไปซื้อตึกนั้นไว้ได้ทั้งตึก จังหวะเดียวกับที่เธอแต่งเข้ามาที่นี่พอดีถ้าไม่ใช่เพราะเงินจากสินสอด สกุลหยางต่ำต้อยที่ขายแค่บะหมี่ต๊อกต๋อยจะเอาปัญญาที่ไหนไปซื้อตึกราคาสูงแบบนั้นได้”
“ฉันยอมรับว่าพ่อฉันเอาสินสอดไปซื้อตึกเพื่อขายบะหมี่ต่อ แต่มันก็เป็นสิ่งที่บริสุทธิ์ไม่ใช่เหรอ พ่อฉันเอาเงินสินสอดไปลงทุนที่สามารถทำให้สกุลหยางลืมตาอ้าปากต่อไปได้ ไม่ตกอับ ดีกว่าเอาไปลงโรงบ่อนหรือเสพฝิ่นจนเสียสติเหมือนพี่ชายเธอ”
“นี่แกว่าพี่ชายฉันเหรอ กล้าดียังไงถึงเอาพ่อต่ำต้อยของแกมาเทียบกับพี่ชายของฉัน!”
“ก็หล่อนมาว่าพ่อฉันก่อน” หยางเยว่ยกแขนขึ้นกอดอกก่อนจะเหยียดยิ้มออกมาเล็กน้อยยามมองใบหน้าของฉีเหมยหลิว “ด่าผู้อื่นฉอด ๆ แต่พอถึงเวลาตัวเองโดนบ้างกับรับไม่ได้ ดิ้นพล่านเป็นปลิงโดนไฟลวกเลย”
“อย่ามาปากดีนักเลย ที่เธอแต่งงานเข้ามาได้ก็เพราะปีเกิดเท่านั้นแหละ ถ้าไม่ได้เกิดปีมะเมียส้มคงไม่ตกใส่หัวแบบนี้หรอก หล่อนก็เป็นได้แค่เจ้าสาวส้มหล่นเท่านั้นแหละอย่าหยิ่งผยองให้มากนัก”
“ดวงชะตาต้องกันมันก็หมายความว่าเป็นเนื้อคู่กัน ยอมรับเสียเถิดคุณหนูรองฉีว่าฉันได้แต่งงานกับเถ้าแก่ซ่งก็เพราะเป็นเนื้อคู่ที่ฟ้ากำหนด คู่กันแล้วมันไม่แคล้วกันหรอก ต่อให้อยู่ไกลกันแค่ไหนสุดท้ายก็ต้องวนมาเจอกันอยู่ดี ส่วนคนที่ไม่ใช่คู่กันต่อให้อยู่ตรงหน้าใกล้ชิดมากแค่ไหนสุดท้ายก็ไม่สามารถจะแต่งงานกันได้อยู่ดี เหมือนเธอไง พยายามมากแค่ไหนสุดท้ายคนไม่ใช่ก็คือไม่ใช่อยู่ดี”
“ปากดีนักนะ วันนี้ฉันจะเอาเลือดปากแกออก!”
ฉีเหมยหลิวที่โดนด่าก็ทนไม่ไหวพุ่งตัวเข้ามาพร้อมง้างมือขึ้นจะตบปากของหยางเยว่ แต่ก่อนที่มือจะกระทบใบหน้าของหยางเยว่กลับมีมือใหญ่มาคว้าเอาไว้เสียก่อนจนผู้หญิงทั้งสองคนตกใจโดยเฉพาะฉีเหมยหลิว
“พี่อี้” ฉีเหมยหลิวหน้าเสียทันที
“ทำอะไรของเธอ!” ซ่งอี้ผลักตัวฉีเหมยหลิวออกไปเล็กน้อยจนเธอเหมือนจะร้องไห้ออกมา
“พะ… พี่อี้ พี่ผลักฉันเลยเหรอ?”
“เธอจะทำร้ายฮูหยินของฉัน”
“แต่มันก็แค่ฮูหยินส้มหล่น มันได้แต่งงานกับพี่ก็เพราะดวงบ้า ๆ บอ ๆ ที่ทำให้ฉันไม่ได้แต่งงานกับพี่ทั้งที่ตำแหน่งนี้มันควรเป็นของฉัน”
ฉีเหมยหลิวพูดออกมาด้วยความเสียใจจนน้ำตาคลอเบ้าแต่เหมือนว่าซ่งอี้จะไม่สงสารแล้วยังโมโหด้วยที่อีกฝ่ายยังมายุ่งวุ่นวายในบ้านของเขาทั้งที่บอกชัดเจนแล้วว่าจะไม่แต่งงานกับฉีเหมยหลิวจนแตกหักกับสกุลฉีไปแล้ว แต่เธอก็ยังไม่ยอมรามืออยู่ดียังจะตามมาตอแยเขาที่ทำงานเป็นประจำ บางครั้งก็มาบ้านแบบนี้เพราะอาศัยว่าเคยเข้าออกบ้านหลังนี้ตอนที่บิดาเขายังมีชีวิตอยู่จนชินชาไร้ยางอายแล้ว
“ฮูหยินที่ได้มาเพราะดวงชะตาต้องกัน เรื่องเหลวไหลงมงายพรรค์นี้พี่ก็เชื่อลงเหรอ?”
“ต่อให้มันเป็นเรื่องเหลวไหลงมงาย แต่การที่อาอี้แต่งงานกับหยางเยว่มันก็คือสิ่งที่ถูกต้องแล้ว”
ฮูหยินผู้เฒ่าเดินเข้ามาโดยมีสาวใช้ช่วยประคอง ถึงจะขึ้นชื่อว่าเป็นคุณย่าของซ่งอี้แล้วแต่ก็ยังสุขภาพดี เดินเหินได้อยู่เพราะมีลูกตั้งแต่สมัยแรกรุ่นไม่ได้เหมือนสมัยนี้ที่ยี่สิบสามสิบแล้วยังไม่มีลูกกันสักคน ปกติฮูหยินผู้เฒ่าก็ไม่ค่อยมายุ่งกับเรือนใหญ่แต่เพราะไม่อาจจะทนเห็นคนนอกเข้ามาก้าวก่ายในบ้านสกุลซ่งได้อีกต่อไป
“เพราะถ้าแต่งงานกับหล่อนคงจะมีแต่เรื่องทุกข์ร้อนใจไม่เว้นแต่ละวัน ขนาดไม่ได้แต่งงานยังเอาเรื่องเดือดร้อนมาถึงบ้านสกุลซ่ง เป็นคนนอกแท้ ๆ แต่ดันมาโวยวายในบ้านคนอื่น สกุลฉีไม่ได้สอนมารยาทมาหรือ?”
“คุณย่า…”
“หล่อนแซ่ซ่งหรือ?” ฉีเหมยหลินยังไม่ทันจะพูดจบฮูหยินผู้เฒ่าก็พูดแทรกขึ้น
“เปล่าค่ะ”
“งั้นก็ควรเรียกฉันว่าฮูหยินผู้เฒ่าไม่ใช่คุณย่า ไม่ได้แซ่ซ่งก็อย่ามานับญาติกัน ฉันมีหลานชายคนเดียว”
ฉีเหมยหลินหน้าเสียลงทันทีเมื่อโดนเหยียดหยามจากฮูหยินผู้เฒ่าที่ใครก็รู้ว่าเป็นคนปากคอเราะร้ายมาตั้งแต่สมัยสาว ๆ แล้ว นายท่านผู้เฒ่าผู้ล่วงลับถึงไม่มีอนุภรรยาสักคนเพราะฮูหยินผู้เฒ่าดุอย่างกับเสือแม่ลูกอ่อนจนสตรีนางไหนก็ขยาดไม่กล้าลองดีมาเป็นอนุของนายท่านผู้เฒ่าทั้งนั้น
“อ้อ ต้องพูดว่า ฉันมีหลานชายแท้ ๆ คนเดียว แต่ตอนนี้มีหลานสะใภ้เพิ่มมาอีกหนึ่งคนแล้วก็คือหยางเยว่คนที่ฉันเลือกมาเองกับมือ คุณสมบัติเพียบพร้อม หน้าตางดงาม ดวงชะตาสมพงษ์กับอาอี้ คู่ที่เกื้อหนุนกันขนาดนี้เขาเรียกว่าคู่แท้ที่สวรรค์ลิขิตมา ส่วนคู่เก๊ก็ถอยออกไปเถอะ”
“ที่ฉันไม่ได้แต่งงานกับพี่อี้ก็เพราะฮูหยินผู้เฒ่านั่นแหละ!”
“อย่าเสียมารยาทใส่คุณย่าฉันนะเหมยหลิว” ซ่งอี้รีบห้ามปราม
“ฉันไม่หยุด ทุกคนที่นี่รังแกฉัน เรื่องนี้ไม่จบแน่เพราะฉันจะไม่มีวันยอมให้คนอื่นมาลอยหน้าลอยตาอยู่ในตำแหน่งที่ฉันควรจะได้ตั้งแต่แรกหรอก!”
ฉีเหมยหลิวจ้องมองหยางเยว่ด้วยความโกรธแค้นแววตาฉายแววดุดันจนน่ากลัวก่อนจะสะบัดชายกระโปรงเดรสยาวแบบชุดหญิงสาวตะวันตกออกไปทันที เสียงรอบตัวก็เงียบลงทันทีเช่นเดียวกันคล้ายว่าพายุบ้าคลั่งพัดผ่านไปแล้วเรียบร้อย
“หลงผู้ชายจนเสียสติไปแล้ว หลานชายฉันไม่เห็นจะมีอะไรดีให้น่าหลงใหลถึงเพียงนี้เลย”
“คุณย่าอย่าพูดอะไรที่ทำให้ผมดูไม่ดีสิ” ซ่งอี้รีบหันมาพูดกับฮูหยินผู้เฒ่าที่กำลังพูดอะไรให้เขาเสียหน้า
“ก็ย่าพูดเรื่องจริง แก่ขนาดนี้ยังจะมีผู้หญิงมาแย่งกันอีก”
คำพูดของฮูหยินผู้เฒ่าทำให้หยางเยว่อดไม่ได้ที่จะขำออกมาจนเผลอส่งเสียงต้องรีบยกมือขึ้นปิดปากตนเองทันทียามสายตาของผู้สูงวัยทั้งสองคนกำลังหันมามองเป็นตาเดียว
“ขะ… ขอโทษค่ะ”
“เธอไม่ต้องคิดมากนะ แต่งงานเข้าสกุลซ่งแล้วก็นับว่าเป็นคนสกุลซ่ง จะไม่มีใครมาทำอะไรเธอได้ แม้ว่าการแต่งงานของเธอกับอาอี้จะเป็นการคลุมถุงชนที่กำหนดโดนผู้หลักผู้ใหญ่ แต่ก็ขอให้มั่นใจว่าสกุลซ่งเลือกเธอแล้วก็จะดูแลเธออย่างดี และเธอก็เป็นฮูหยินใหญ่สกุลซ่งได้อย่างเฉิดฉายด้วย”
“ขอบคุณฮูหยินผู้เฒ่าที่ปกป้องฉันค่ะ” เธอประสานมือแล้วโค้งหัวลงเล็กน้อยอย่างซาบซึ้งใจที่คนสกุลซ่งไม่ได้ทำให้เธออึดอัดเลย มิหนำซ้ำยังดูแลเธออย่างดีมากอีกด้วย
“เอาเถิด ไม่ต้องมากพิธี พวกเธอสองคนก็กลับเรือนไปพักผ่อนกันเสียไป ฉันแก่แล้วให้ยืนมากก็ไม่ไหวขอกลับไปนอนพักที่เรือนก่อน”
“คุณย่ารักษาสุขภาพด้วยครับ ไว้เย็นนี้ผมจะไปกินข้าวกับคุณย่า”
“ไม่ต้อง อยู่กับอาเยว่เถิด เพิ่งจะแต่งงานกัน กำลังข้าวใหม่ปลามันมีเวลาว่างก็ใช้ด้วยกันเถอะ ฉันอยู่คนเดียวได้ไม่เหงาหรอก แต่ถ้ากลัวฉันเหงาก็มีลูกให้ฉันเลี้ยงไว ๆ”
“งั้นผมจะรีบมีลูกให้คุณย่าช่วยเลี้ยงเลย”
“ดีมาก นี่สิหลานกตัญญู”
ย่าหลานต่างพากันหัวเราะคิกคักอยู่สองคนอย่างเข้าขากันได้ดี ส่วนหยางเยว่ก็ยืนนิ่งใบหน้าแดงซ่านด้วยความเขินอาย มาพูดเรื่องหลานกันไม่ได้เกรงใจคนอุ้มท้องเลย แต่ฮูหยินผู้เฒ่ารอไม่นานหรอกซ่งอี้ขยันเสียขนาดนี้ถ้าลูกมาช้าแปลว่าน้ำยาเขาไม่ดีแล้วแหละ
บทที่ 5‘ทิวทัศน์ขอบหน้าต่าง’..“ฮูหยินผู้เฒ่ายังแข็งแรงอยู่เลยนะคะ” หยางเยว่กล่าวขึ้นยามรินชาใส่ถ้วยให้สามีที่ตอนนี้นั่งพักกันอยู่ภายในเรือน“ปีนี้อายุ 70 แล้ว แต่ยังแข็งแรงมาก”“จริงค่ะ พ่อฉันอายุ 40 กว่ายังดูแก่กว่าอีก”“แต่คุณย่ามักจะบอกว่ามันเป็นเวรกรรมที่ทำให้คุณย่าต้องอายุยืนเพื่ออยู่กับความเจ็บปวดจากการสูญเสียคุณพ่อกับคุณอาของฉัน ไหนจะคุณแม่ และคุณปู่ของฉันอีก คุณย่าบอกว่าสมัยสาว ๆ คุณย่าเองก็เป็นคนร้ายกาจคนหนึ่ง ทำเรื่องไม่ดีกับคนไว้มากจึงต้องรับกรรม คนที่รักล้วนตายจากไปหมด แม้แต่ศัตรูก็ยังตายจากไม่เหลือ เพราะแบบนี้คุณย่าถึงได้อยากให้ฉันแต่งงานกับคนที่ดวงสมพงษ์กันจะได้เกื้อหนุนชีวิตไม่ต้องตกอับและมีเรื่องเจ็บช้ำเหมือนคุณย่า คุณย่าเชื่อเรื่องเวรกรรมและโชคชะตาจึงค่อนข้างเข้มงวดกับคู่ครองของฉันมากเพราะกลัวว่าฉันจะตายจากท่านไปอีกคนหนึ่ง”หยางเยว่ที่ได้ฟังก็เข้าใจเป็นอย่างดีเพราะเธอเองก็เคยได้ยินชื่อเสียงในเรื่องฤทธิ์เดชของฮูหยินผู้เฒ่ามาก่อนเหมือนกันว่าตอนสาว ๆ ก็จัดจ้านไม่แพ้ใครเลย สตรีคนไหนกล้ามายุ่งกับสามีก็จัดการซะเรียบ แล้วยังบงการชีวิตบุตรชายทุกอย่างอีกด้วย ความจริงตอนนี้
บทที่ 6‘โต๊ะทำงานร้อนรัก’..“เถ้าแก่ซ่งนี่บัญชีสินค้ารอบนี้ครับ”‘จงหยาง’ ผู้ช่วยคนสนิทของซ่งอี้เดินเอาใบสินค้าที่ลงตราประทับภาษีเรียบร้อยแล้วเพราะสินค้าทุกชิ้นต้องได้รับการตรวจสอบจากทางการและเสียภาษีอย่างถูกต้องเพื่อไม่ให้เป็นปัญหาในภายหลัง การขายของเลี่ยงภาษีก็คือของผิดกฎหมายโดนจับขึ้นมามันจะไม่คุ้มเสีย“วันนี้ฉันกลับไวหน่อยนะจะพาฮูหยินไปเที่ยวไนต์คลับที่เซี่ยงไฮ้เสียหน่อย”“ได้ครับ เดี๋ยวผมจัดการเรื่องรับของเข้าคลังเองครับ”ซ่งอี้พยักหน้ารับเล็กน้อยก่อนจะก้มลงมองบัญชีสินค้ารอบนี้เพื่อเช็กให้ละเอียดถี่ถ้วนว่ามีสิ่งใดบ้างและเสียภาษีอย่างถูกต้องไหม เหมือนจะมีสินค้าใหม่ที่ไม่เคยนำมาขายเข้ามาด้วยมันเรียกว่าฟานเฉียเจี้ยง“ฟานเฉียเจี้ยงคือสิ่งใดหรือ?”“คือซอสสีแดงที่นำเอาซีหงซื่อไปบดแล้วนำมาเคี่ยวจนกลายเป็นน้ำเหนียว ๆ จากนั้นก็ปรุงรสด้วยเกลือเล็กน้อย น้ำตาลเล็กน้อย แล้วบรรจุใส่ขวดขาย พวกคนตะวันตกชอบกินมันกับเนื้อขอรับ”“อ้อ” ซ่งอี้พยักหน้ารับอย่างเข้าใจแล้วเพราะเขาก็เคยกินสเต๊กของภัตตาคารตะวันตกเหมือนกัน จะมีซอสสีแดงรสชาติเปรี้ยวหวาน และซอสสีเหลืองรสชาติแปลก ๆ ให้จิ้มด้วย ยังไม่ค่อยแพร
บทที่ 7‘ดื่มด่ำความสุขในยามราตรี’..Shanghai.ใจกลางเมืองเซี่ยงไฮ้เต็มไปด้วยแสงสีตระการตา ยามราตรีที่ควรเงียบสงบกลับมีแต่เสียงเพลงและเสียงพูดคุยดังอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะเดินไปหัวมุมถนนไหน ตึกปูนรูปทรงแบบตะวันตกที่ประดับประดาด้วยไฟหลากหลายสีที่ห้อยระโยงระยางจนสว่างไสว มันคือความเจริญที่คนนอกเมืองเซี่ยงไฮ้ไม่มีทางได้สัมผัสเพราะหลังจากสงครามทั้งในและนอกที่ประเทศต้องเผชิญมาอย่างหนักหน่วง ทำให้หลายพื้นที่ยังไม่ได้รับการฟื้นฟูด้วยซ้ำก็มีเพียงใจกลางเมืองใหญ่เท่านั้นที่พอจะเห็นถึงความศิวิไลซ์ที่พอจะเรียกได้เต็มปากเต็มคำว่าเจริญหูเจริญตาหยางเยว่ในชุดกี่เพ้าแบบจีนแท้ ๆ ปักทอลวดลายซิ่งฮวาสีแดงที่ตัดกับสีเขียวของชุดได้เป็นอย่างดี แต่สตรีที่เดินผ่านเธอไปล้วนแต่งชุดกระโปรงแบบชาวตะวันตกที่มันพลิ้วไหวเบ่งบานยามเดินหรืิอหมุนตัว มองแล้วก็เพลินตาไม่น้อยเลยทีเดียวเห็นเรียกกันว่าชุดเดรส เธอเองก็อยากใส่เหมือนกันแต่ไม่รู้ว่าสามีจะชอบหรือเปล่าเพราะเขาไม่ชอบฉีเหมยหลิว และฉีเหมยหลิวก็แต่งตัวแบบชาวตะวันตกจ๋า ๆ เลยกลัวว่าเขาจะไม่ชอบสตรีแบบนั้นจึงไม่กล้าแต่ง“เถ้าแก่จะพาฉันไปไหนคะ?” เธอเดินมาควงแขนสามีด้วยรอยยิ
บทที่ 8'ค่ำคืนในเซี่ยงไฮ้'..เสียงร้องเพลงดังขึ้นภายในห้องของโรงแรมหรูหราใจกลางเมืองเซี่ยงไฮ้ที่ไม่ยอมหลับใหล แม้ตอนนี้จะดึกดื่นมากแล้วก็ตามแต่ไฟในเมืองก็ยังสว่างไสวอยู่ หยางเยว่ที่ยังคงอินกับการเที่ยวไนต์คลับก็จำเอาเพลงของนักร้องสาวมาร้องบ้าง ไม่พอยังเต้นยั่วยวนเลียนแบบหล่อนตรงหน้าของซ่งอี้ที่นั่งอยู่อีกด้วยซิปของชุดกี่เพ้าถูกรูดลงก่อนที่มือเล็กจะถอดแขนเสื้อออกจนเผยให้เห็นหน้าอกเล็กภายใต้ชุดชั้นในลายลูกไม้สีดำที่มันตัดกับผิวขาวได้เป็นอย่างดี ร่างเล็กก้าวขึ้นไปคร่อมทับบนตักใหญ่เอาไว้แล้วบดเบียดเสียดสีร่างกายส่วนล่างเข้าหากันจนสัมผัสได้ถึงความแข็งนูนภายใต้เนื้อผ้า“แค่นี้เถ้าแก่ก็แข็งแล้วเหรอ?”“ฉันแข็งตั้งแต่เข้ามาในห้องแล้ว อยากเอาเธอใจจะขาด”“ใจเย็นก่อนสิคะ ใจเย็น” นิ้วเรียวลากไล้ลงมายังอกกว้างก่อนจะปลดเปลื้องกระดุมออกแล้วแหวกสาบเสื้อเชิ้ตให้กว้าง ใบหน้าหวานซบลงไปถูไถกับอกกว้างที่แสนอบอุ่นในตอนนี้หยางเยว่โดนฤทธิ์ไวน์นอกเล่นงานเสียแล้ว เธอเมามายเสียจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ กระทำในสิ่งที่หัวใจปรารถนาอย่างไร้ซึ่งความเขินอาย ลิ้นเล็กลากเลียที่ยอดอกทั้งสองข้างของสามีจนได้ยินเสียงครางเข
บทที่ 9‘หน้าอกที่ใหญ่ขึ้น’..เป็นเวลาสามเดือนแล้วที่หยางเยว่แต่งเข้ามาเป็นฮูหยินใหญ่สกุลซ่ง ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมาก เธอกับเถ้าแก่ซ่งก็ยังคงศึกษาซึ่งกันและกันเพื่อเรียนรู้ในตัวตนของอีกฝ่ายจนตอนนี้ก็เข้าใจกันมากขึ้นแล้ว นับว่าเป็นสามีภรรยาที่สมบูรณ์แบบคู่หนึ่งส่วนเรื่องความรัก แม้นในตอนแรกของการแต่งงานจะเป็นการคลุมถุงชนที่ผู้ใหญ่เป็นฝ่ายจัดการทั้งหมดก็ตามและเธอก็ยอมรับว่าไม่ได้อยากแต่งงานกับซ่งอี้เท่าไหร่นัก แต่พอได้อยู่ด้วยกันนานวันเข้ามันก็ยิ่งมีความผูกพัน จากความผูกพันก็กลายเป็นความรักที่ก่อตัวขึ้นอย่างช้า ๆ แต่หนักแน่นวันนี้เธอทำขาหมูตุ๋นยาจีนเลยจะเอาไปให้ซ่งอี้ที่ร้านเสียหน่อย ก่อนหน้านี้ก็นำไปฝากฮูหยินผู้เฒ่ามาแล้วด้วยหนึ่งถ้วย ฮูหยินผู้เฒ่าเอ็นดูเธอมากนับว่าเป็นความโชคดี ถึงสกุลซ่งจะร่ำรวยแต่ก็คล้ายว่าถูกคำสาปเพราะคนในครอบครัวนี้มักจะมีอายุขัยที่สั้นเสียส่วนใหญ่ เธออยู่ที่นี่ก็ได้ยินเรื่องเล่าจากปากของบ่าวรับใช้เก่าแก่มาไม่น้อยเลยคุณแม่ของซ่งอี้ตายตั้งแต่คลอดเขาออกมา ส่วนคุณอาของเขาก็มาตายจากไปหลังจากคุณแม่ตายไปเพียงหนึ่งปีจากอุบัติเหตุทางน้ำ คุณ
บทที่ 1'คลุมถุงชน'.."ยังไงหนูก็ไม่แต่งนะคะ"เสียงใสหวานของสตรีรูปโฉมงดงามดังขึ้นภายในเคหาสน์หลังขนาดกลางที่มีรูปทรงแบบเรือนจีนโบราณเก่าแก่ตั้งตระหง่านมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์หมิงที่ผ่านการทะนุบำรุงรักษามาหลายครั้ง และก็ผ่านเจ้าของมาหลายมือจนตอนนี้ตกเป็นทรัพย์สินของสกุลหยางผู้มีอาชีพเปิดร้านขายบะหมี่ที่ถนนชวงเหอย่านการค้าสำคัญของเมือง'หยางเยว่' บุตรสาวคนที่สามของบ้านหลังนี้กำลังโวยวายด้วยท่าทางไม่ยินยอมยามถูกบังคับให้แต่งงานกับชายชราที่หมู่บ้านหนานสวินถึงแม้จะร่ำรวยแต่เพื่อนของเธอทุกคนกลับบอกว่าเขาแก่รุ่นราวคราวพ่อ ต้องแต่งงานกับคนอายุเท่าพ่อมันจะมองเป็นสามีลงได้อย่างไรในเมื่อมองหน้าเขาแล้วก็คงจะคล้ายว่าเห็นหน้าพ่อ"จะดื้อรั้นไปไย ยังไงเสียก็ต้องแต่ง พ่อรับสินสอดเขามาแล้ว"เมื่อได้ยินสิ่งที่บิดาพูดหยางเยว่ก็แทบลมจับ "รับสินสอดมาแล้ว เหตุใดหนูไม่รู้เรื่องเลย?""ก็หล่อนมัวแต่เที่ยวเล่นอยู่นอกบ้านจะไปรู้ได้อย่างไร" ผู้เป็นมารดาเลี้ยง ภรรยาคนใหม่ของบิดาเดินเข้ามาด้วยท่าทางหยิ่งยโสก่อนจะหันไปกอดแขนบิดาของหยางเยว่ท่าทางออดอ้อน "ตอนนี้สินสอดที่รับมาก็เอาไปใช้แล้วส่วนหนึ่งด้วย ถ้าหล่อนไม่แต่ง
บทที่ 2‘ค่ำคืนวสันต์’..เสียงครวญครางดังขึ้นภายในห้องหอที่ประดับประดาด้วยสีแดงมงคลช่างร้อนแรงเหมาะแก่ค่ำคืนวสันต์ที่หอมหวาน ยิ่งฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดภายในสุรามงคลทำงานมากเท่าไหร่ร่างกายของบ่าวสาวต่างวัยก็ยิ่งร้อนรุ่มจนแทบทนไม่ไหวอยากจะบำเรอกามาให้กันอย่างถึงที่สุด“ถะ… เถ้าแก่ อ๊า~”“ชอบหรือไม่?”ซ่งอี้ที่หมกใบหน้าอยู่กับหน้าอกเล็กเงยหน้าขึ้นสบตากับภรรยาคนงามที่ยามนี้ใบหน้าแดงซ่านอย่างน่าเอ็นดูยิ่งนักแต่ยิ่งปลุกเร้าอารมณ์เขามากกว่าเดิมอีกจนตอนนี้ปวดหนึบที่กลางกายมากแต่ต้องอดทนเพราะเป็นครั้งแรกของหยางเยว่จึงไม่อยากทำให้เธอต้องหวาดกลัว“ขะ… ข้ารู้สึกแปลก ๆ มันเหมือนจะฉี่ราดเลย”“เด็กน้อยเสียจริง” เขาหยิกแก้มเธออย่างนึกเอ็นดูนิ้วใหญ่เลื่อนลงไปปาดตรงกลีบดอกไม้งามทำเอาหยางเยว่สะดุ้ง สองนิ้วชูขึ้นก่อนจะยิ้มออกมายามเห็นน้ำหยาดเยิ้ม “มันไม่ใช่ฉี่หรอก เธอแค่เสร็จสมจนน้ำแตกออกมาเท่านั้นเอง ดูสิเยิ้มอย่างกับเขื่อนกั้นน้ำแตก”“ถะ… เถ้าแก่พูดอะไรน่าอาย” ใบหน้าหวานระเรื่อด้วยสีแดงอย่างกับแต้มชาดยามได้ยินคำกล่าวของสามีสูงวัยที่โชกโชนไปด้วยประสบการณ์“เรื่องจริงทั้งนั้น ยอมรับเถอะ ล้วนเป็นเรื่องธร
บทที่ 3‘อึดถึกทนอย่างกับม้า'..ซ่งอี้ลืมตาตื่นขึ้นมาในยามเช้าเมื่อควานมือหาร่างอรชรของภรรยายอดรักแต่กลับไม่พบเจอผู้ใดเลย เจอเพียงเตียงที่ว่างเปล่าเท่านั้นจึงลุกขึ้นนั่งก่อนจะบีบนวดหัวไหล่และหลังคอเล็กน้อย แขนใหญ่ยกขึ้นก่อนจะหมุนเพื่อขับไล่ความเมื่อยล้าจากกิจกรรมรักอันหนักหน่วงเมื่อคืน “ฮึบ!”เสียงคล้ายคนออกแรงดังอยู่หน้าเรือนจนซ่งอี้นึกสงสัย เขาหยิบเอาเสื้อคลุมมาสวมใส่ก่อนจะเดินออกมายังหน้าต่างที่ถูกเปิดเอาไว้เพื่อทอดสายตามองหยางเยว่ที่กำลังทำท่าทางแปลก ๆ อยู่ เมื่อมองดี ๆ ก็คล้ายว่าเธอกำลังออกกำลังกายยามเช้าอยู่เขาเลยเลือกจะเดินเงียบ ๆ เข้ามาด้านหลังของภรรยาเด็กผู้กระปรี้กระเปร่าแล้วสวมกอดนางเอาไว้“ว้าย!” หยางเยว่ร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจจนเกือบจะหันไปต่อยสามียังดีที่เขาเอียงใบหน้าหลบได้ทันอย่างฉิวเฉียดไปเพียงนิดเดียว“เถ้าแก่ทำอะไรเนี่ย?” เธอทำหน้ามุ่ยใส่เขา ไม่เข้าใจว่าสามีอายุมากคนนี้จะทำอะไรอีก“ยังมีแรงล้นเหลือขนาดนี้เลยหรือ?”“ทำไมคะ แค่นี้เถ้าแก่ก็หมดแรงแล้วเหรอ?”“ฉันมันคนแก่ไม่ใช่เด็กแบบเธอ”“รู้ตัวด้วยเหรอคะ?” เธอยิ้มหน้าทะเล้น“ฉันยอมรับว่าแก่แล้ว แต่คนแก่แบบฉันก็ทำเ
บทที่ 9‘หน้าอกที่ใหญ่ขึ้น’..เป็นเวลาสามเดือนแล้วที่หยางเยว่แต่งเข้ามาเป็นฮูหยินใหญ่สกุลซ่ง ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมาก เธอกับเถ้าแก่ซ่งก็ยังคงศึกษาซึ่งกันและกันเพื่อเรียนรู้ในตัวตนของอีกฝ่ายจนตอนนี้ก็เข้าใจกันมากขึ้นแล้ว นับว่าเป็นสามีภรรยาที่สมบูรณ์แบบคู่หนึ่งส่วนเรื่องความรัก แม้นในตอนแรกของการแต่งงานจะเป็นการคลุมถุงชนที่ผู้ใหญ่เป็นฝ่ายจัดการทั้งหมดก็ตามและเธอก็ยอมรับว่าไม่ได้อยากแต่งงานกับซ่งอี้เท่าไหร่นัก แต่พอได้อยู่ด้วยกันนานวันเข้ามันก็ยิ่งมีความผูกพัน จากความผูกพันก็กลายเป็นความรักที่ก่อตัวขึ้นอย่างช้า ๆ แต่หนักแน่นวันนี้เธอทำขาหมูตุ๋นยาจีนเลยจะเอาไปให้ซ่งอี้ที่ร้านเสียหน่อย ก่อนหน้านี้ก็นำไปฝากฮูหยินผู้เฒ่ามาแล้วด้วยหนึ่งถ้วย ฮูหยินผู้เฒ่าเอ็นดูเธอมากนับว่าเป็นความโชคดี ถึงสกุลซ่งจะร่ำรวยแต่ก็คล้ายว่าถูกคำสาปเพราะคนในครอบครัวนี้มักจะมีอายุขัยที่สั้นเสียส่วนใหญ่ เธออยู่ที่นี่ก็ได้ยินเรื่องเล่าจากปากของบ่าวรับใช้เก่าแก่มาไม่น้อยเลยคุณแม่ของซ่งอี้ตายตั้งแต่คลอดเขาออกมา ส่วนคุณอาของเขาก็มาตายจากไปหลังจากคุณแม่ตายไปเพียงหนึ่งปีจากอุบัติเหตุทางน้ำ คุณ
บทที่ 8'ค่ำคืนในเซี่ยงไฮ้'..เสียงร้องเพลงดังขึ้นภายในห้องของโรงแรมหรูหราใจกลางเมืองเซี่ยงไฮ้ที่ไม่ยอมหลับใหล แม้ตอนนี้จะดึกดื่นมากแล้วก็ตามแต่ไฟในเมืองก็ยังสว่างไสวอยู่ หยางเยว่ที่ยังคงอินกับการเที่ยวไนต์คลับก็จำเอาเพลงของนักร้องสาวมาร้องบ้าง ไม่พอยังเต้นยั่วยวนเลียนแบบหล่อนตรงหน้าของซ่งอี้ที่นั่งอยู่อีกด้วยซิปของชุดกี่เพ้าถูกรูดลงก่อนที่มือเล็กจะถอดแขนเสื้อออกจนเผยให้เห็นหน้าอกเล็กภายใต้ชุดชั้นในลายลูกไม้สีดำที่มันตัดกับผิวขาวได้เป็นอย่างดี ร่างเล็กก้าวขึ้นไปคร่อมทับบนตักใหญ่เอาไว้แล้วบดเบียดเสียดสีร่างกายส่วนล่างเข้าหากันจนสัมผัสได้ถึงความแข็งนูนภายใต้เนื้อผ้า“แค่นี้เถ้าแก่ก็แข็งแล้วเหรอ?”“ฉันแข็งตั้งแต่เข้ามาในห้องแล้ว อยากเอาเธอใจจะขาด”“ใจเย็นก่อนสิคะ ใจเย็น” นิ้วเรียวลากไล้ลงมายังอกกว้างก่อนจะปลดเปลื้องกระดุมออกแล้วแหวกสาบเสื้อเชิ้ตให้กว้าง ใบหน้าหวานซบลงไปถูไถกับอกกว้างที่แสนอบอุ่นในตอนนี้หยางเยว่โดนฤทธิ์ไวน์นอกเล่นงานเสียแล้ว เธอเมามายเสียจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ กระทำในสิ่งที่หัวใจปรารถนาอย่างไร้ซึ่งความเขินอาย ลิ้นเล็กลากเลียที่ยอดอกทั้งสองข้างของสามีจนได้ยินเสียงครางเข
บทที่ 7‘ดื่มด่ำความสุขในยามราตรี’..Shanghai.ใจกลางเมืองเซี่ยงไฮ้เต็มไปด้วยแสงสีตระการตา ยามราตรีที่ควรเงียบสงบกลับมีแต่เสียงเพลงและเสียงพูดคุยดังอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะเดินไปหัวมุมถนนไหน ตึกปูนรูปทรงแบบตะวันตกที่ประดับประดาด้วยไฟหลากหลายสีที่ห้อยระโยงระยางจนสว่างไสว มันคือความเจริญที่คนนอกเมืองเซี่ยงไฮ้ไม่มีทางได้สัมผัสเพราะหลังจากสงครามทั้งในและนอกที่ประเทศต้องเผชิญมาอย่างหนักหน่วง ทำให้หลายพื้นที่ยังไม่ได้รับการฟื้นฟูด้วยซ้ำก็มีเพียงใจกลางเมืองใหญ่เท่านั้นที่พอจะเห็นถึงความศิวิไลซ์ที่พอจะเรียกได้เต็มปากเต็มคำว่าเจริญหูเจริญตาหยางเยว่ในชุดกี่เพ้าแบบจีนแท้ ๆ ปักทอลวดลายซิ่งฮวาสีแดงที่ตัดกับสีเขียวของชุดได้เป็นอย่างดี แต่สตรีที่เดินผ่านเธอไปล้วนแต่งชุดกระโปรงแบบชาวตะวันตกที่มันพลิ้วไหวเบ่งบานยามเดินหรืิอหมุนตัว มองแล้วก็เพลินตาไม่น้อยเลยทีเดียวเห็นเรียกกันว่าชุดเดรส เธอเองก็อยากใส่เหมือนกันแต่ไม่รู้ว่าสามีจะชอบหรือเปล่าเพราะเขาไม่ชอบฉีเหมยหลิว และฉีเหมยหลิวก็แต่งตัวแบบชาวตะวันตกจ๋า ๆ เลยกลัวว่าเขาจะไม่ชอบสตรีแบบนั้นจึงไม่กล้าแต่ง“เถ้าแก่จะพาฉันไปไหนคะ?” เธอเดินมาควงแขนสามีด้วยรอยยิ
บทที่ 6‘โต๊ะทำงานร้อนรัก’..“เถ้าแก่ซ่งนี่บัญชีสินค้ารอบนี้ครับ”‘จงหยาง’ ผู้ช่วยคนสนิทของซ่งอี้เดินเอาใบสินค้าที่ลงตราประทับภาษีเรียบร้อยแล้วเพราะสินค้าทุกชิ้นต้องได้รับการตรวจสอบจากทางการและเสียภาษีอย่างถูกต้องเพื่อไม่ให้เป็นปัญหาในภายหลัง การขายของเลี่ยงภาษีก็คือของผิดกฎหมายโดนจับขึ้นมามันจะไม่คุ้มเสีย“วันนี้ฉันกลับไวหน่อยนะจะพาฮูหยินไปเที่ยวไนต์คลับที่เซี่ยงไฮ้เสียหน่อย”“ได้ครับ เดี๋ยวผมจัดการเรื่องรับของเข้าคลังเองครับ”ซ่งอี้พยักหน้ารับเล็กน้อยก่อนจะก้มลงมองบัญชีสินค้ารอบนี้เพื่อเช็กให้ละเอียดถี่ถ้วนว่ามีสิ่งใดบ้างและเสียภาษีอย่างถูกต้องไหม เหมือนจะมีสินค้าใหม่ที่ไม่เคยนำมาขายเข้ามาด้วยมันเรียกว่าฟานเฉียเจี้ยง“ฟานเฉียเจี้ยงคือสิ่งใดหรือ?”“คือซอสสีแดงที่นำเอาซีหงซื่อไปบดแล้วนำมาเคี่ยวจนกลายเป็นน้ำเหนียว ๆ จากนั้นก็ปรุงรสด้วยเกลือเล็กน้อย น้ำตาลเล็กน้อย แล้วบรรจุใส่ขวดขาย พวกคนตะวันตกชอบกินมันกับเนื้อขอรับ”“อ้อ” ซ่งอี้พยักหน้ารับอย่างเข้าใจแล้วเพราะเขาก็เคยกินสเต๊กของภัตตาคารตะวันตกเหมือนกัน จะมีซอสสีแดงรสชาติเปรี้ยวหวาน และซอสสีเหลืองรสชาติแปลก ๆ ให้จิ้มด้วย ยังไม่ค่อยแพร
บทที่ 5‘ทิวทัศน์ขอบหน้าต่าง’..“ฮูหยินผู้เฒ่ายังแข็งแรงอยู่เลยนะคะ” หยางเยว่กล่าวขึ้นยามรินชาใส่ถ้วยให้สามีที่ตอนนี้นั่งพักกันอยู่ภายในเรือน“ปีนี้อายุ 70 แล้ว แต่ยังแข็งแรงมาก”“จริงค่ะ พ่อฉันอายุ 40 กว่ายังดูแก่กว่าอีก”“แต่คุณย่ามักจะบอกว่ามันเป็นเวรกรรมที่ทำให้คุณย่าต้องอายุยืนเพื่ออยู่กับความเจ็บปวดจากการสูญเสียคุณพ่อกับคุณอาของฉัน ไหนจะคุณแม่ และคุณปู่ของฉันอีก คุณย่าบอกว่าสมัยสาว ๆ คุณย่าเองก็เป็นคนร้ายกาจคนหนึ่ง ทำเรื่องไม่ดีกับคนไว้มากจึงต้องรับกรรม คนที่รักล้วนตายจากไปหมด แม้แต่ศัตรูก็ยังตายจากไม่เหลือ เพราะแบบนี้คุณย่าถึงได้อยากให้ฉันแต่งงานกับคนที่ดวงสมพงษ์กันจะได้เกื้อหนุนชีวิตไม่ต้องตกอับและมีเรื่องเจ็บช้ำเหมือนคุณย่า คุณย่าเชื่อเรื่องเวรกรรมและโชคชะตาจึงค่อนข้างเข้มงวดกับคู่ครองของฉันมากเพราะกลัวว่าฉันจะตายจากท่านไปอีกคนหนึ่ง”หยางเยว่ที่ได้ฟังก็เข้าใจเป็นอย่างดีเพราะเธอเองก็เคยได้ยินชื่อเสียงในเรื่องฤทธิ์เดชของฮูหยินผู้เฒ่ามาก่อนเหมือนกันว่าตอนสาว ๆ ก็จัดจ้านไม่แพ้ใครเลย สตรีคนไหนกล้ามายุ่งกับสามีก็จัดการซะเรียบ แล้วยังบงการชีวิตบุตรชายทุกอย่างอีกด้วย ความจริงตอนนี้
บทที่ 4'ฮูหยินผู้เฒ่า'..หยางเยว่เดินเล่นอยู่ภายในสวนดอกไม้ที่มีดอกไม้เบ่งบานหลายสายพันธุ์ บางสายพันธุ์ก็นำเข้ามาจากต่างชาติงดงามแปลกตาแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เช่นดอกสีแดงสดเด่นมากอย่างกับเลือด ตรงเกสรมีสีเหลืองตัดงดงามไม่ใช่น้อยยิ่งปลูกเรียงรายติดกันยิ่งดูงามตาราวกับทุ่งสวรรค์ พวกต่างชาติที่นำเข้ามากับเรือสินค้าเรียกมันว่าดอกป๊อปปี้แล้วก็ยังมีเหมยกุ้ยฮวาสีขาวอีก ปกติที่นี่จะมีแต่สีชมพูและแดง พอมีสีขาวเข้ามาขายจึงนับว่าแปลกตาพวกเศรษฐีต่างพากันซื้อมาประดับบารมีกันยกใหญ่เคหาสน์แห่งนี้ก็ไม่ต่างกัน ล้วนมีแต่ดอกไม้สายพันธุ์หายากที่ยังมีขายไม่แพร่หลายมากมายเหมาะสมแก่การเพาะพันธุ์แล้วนำไปขายต่อเป็นอย่างมาก คิดว่ายังไงก็ต้องขายได้เพราะดอกไม้พวกนี้ผู้ใดก็อยากซื้อหาไว้ประดับบ้านให้เจริญตากันทั้งนั้น“เธออย่าจับดอกไม้พวกนั้นมากสิ”เสียงหนึ่งดังขึ้นจนหยางเยว่ต้องหันไปมองก็พบว่าเป็น ‘ฉีเหมยหลิว’ บุตรสาวคนรองสกุลฉีที่เดิมทีผู้คนภายนอกร่ำลือกันว่าถูกนายท่านซ่งวางตัวไว้จะให้แต่งงานกับซ่งอี้ แต่เพราะฮูหยินผู้เฒ่าไม่ยินยอมเห็นว่าชะตาของนางไม่สมพงษ์กับหลานชายเพียงคนเดียวกลัวว่าจะทำให้ซ่งอี้เกิดเภทภัย
บทที่ 3‘อึดถึกทนอย่างกับม้า'..ซ่งอี้ลืมตาตื่นขึ้นมาในยามเช้าเมื่อควานมือหาร่างอรชรของภรรยายอดรักแต่กลับไม่พบเจอผู้ใดเลย เจอเพียงเตียงที่ว่างเปล่าเท่านั้นจึงลุกขึ้นนั่งก่อนจะบีบนวดหัวไหล่และหลังคอเล็กน้อย แขนใหญ่ยกขึ้นก่อนจะหมุนเพื่อขับไล่ความเมื่อยล้าจากกิจกรรมรักอันหนักหน่วงเมื่อคืน “ฮึบ!”เสียงคล้ายคนออกแรงดังอยู่หน้าเรือนจนซ่งอี้นึกสงสัย เขาหยิบเอาเสื้อคลุมมาสวมใส่ก่อนจะเดินออกมายังหน้าต่างที่ถูกเปิดเอาไว้เพื่อทอดสายตามองหยางเยว่ที่กำลังทำท่าทางแปลก ๆ อยู่ เมื่อมองดี ๆ ก็คล้ายว่าเธอกำลังออกกำลังกายยามเช้าอยู่เขาเลยเลือกจะเดินเงียบ ๆ เข้ามาด้านหลังของภรรยาเด็กผู้กระปรี้กระเปร่าแล้วสวมกอดนางเอาไว้“ว้าย!” หยางเยว่ร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจจนเกือบจะหันไปต่อยสามียังดีที่เขาเอียงใบหน้าหลบได้ทันอย่างฉิวเฉียดไปเพียงนิดเดียว“เถ้าแก่ทำอะไรเนี่ย?” เธอทำหน้ามุ่ยใส่เขา ไม่เข้าใจว่าสามีอายุมากคนนี้จะทำอะไรอีก“ยังมีแรงล้นเหลือขนาดนี้เลยหรือ?”“ทำไมคะ แค่นี้เถ้าแก่ก็หมดแรงแล้วเหรอ?”“ฉันมันคนแก่ไม่ใช่เด็กแบบเธอ”“รู้ตัวด้วยเหรอคะ?” เธอยิ้มหน้าทะเล้น“ฉันยอมรับว่าแก่แล้ว แต่คนแก่แบบฉันก็ทำเ
บทที่ 2‘ค่ำคืนวสันต์’..เสียงครวญครางดังขึ้นภายในห้องหอที่ประดับประดาด้วยสีแดงมงคลช่างร้อนแรงเหมาะแก่ค่ำคืนวสันต์ที่หอมหวาน ยิ่งฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดภายในสุรามงคลทำงานมากเท่าไหร่ร่างกายของบ่าวสาวต่างวัยก็ยิ่งร้อนรุ่มจนแทบทนไม่ไหวอยากจะบำเรอกามาให้กันอย่างถึงที่สุด“ถะ… เถ้าแก่ อ๊า~”“ชอบหรือไม่?”ซ่งอี้ที่หมกใบหน้าอยู่กับหน้าอกเล็กเงยหน้าขึ้นสบตากับภรรยาคนงามที่ยามนี้ใบหน้าแดงซ่านอย่างน่าเอ็นดูยิ่งนักแต่ยิ่งปลุกเร้าอารมณ์เขามากกว่าเดิมอีกจนตอนนี้ปวดหนึบที่กลางกายมากแต่ต้องอดทนเพราะเป็นครั้งแรกของหยางเยว่จึงไม่อยากทำให้เธอต้องหวาดกลัว“ขะ… ข้ารู้สึกแปลก ๆ มันเหมือนจะฉี่ราดเลย”“เด็กน้อยเสียจริง” เขาหยิกแก้มเธออย่างนึกเอ็นดูนิ้วใหญ่เลื่อนลงไปปาดตรงกลีบดอกไม้งามทำเอาหยางเยว่สะดุ้ง สองนิ้วชูขึ้นก่อนจะยิ้มออกมายามเห็นน้ำหยาดเยิ้ม “มันไม่ใช่ฉี่หรอก เธอแค่เสร็จสมจนน้ำแตกออกมาเท่านั้นเอง ดูสิเยิ้มอย่างกับเขื่อนกั้นน้ำแตก”“ถะ… เถ้าแก่พูดอะไรน่าอาย” ใบหน้าหวานระเรื่อด้วยสีแดงอย่างกับแต้มชาดยามได้ยินคำกล่าวของสามีสูงวัยที่โชกโชนไปด้วยประสบการณ์“เรื่องจริงทั้งนั้น ยอมรับเถอะ ล้วนเป็นเรื่องธร
บทที่ 1'คลุมถุงชน'.."ยังไงหนูก็ไม่แต่งนะคะ"เสียงใสหวานของสตรีรูปโฉมงดงามดังขึ้นภายในเคหาสน์หลังขนาดกลางที่มีรูปทรงแบบเรือนจีนโบราณเก่าแก่ตั้งตระหง่านมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์หมิงที่ผ่านการทะนุบำรุงรักษามาหลายครั้ง และก็ผ่านเจ้าของมาหลายมือจนตอนนี้ตกเป็นทรัพย์สินของสกุลหยางผู้มีอาชีพเปิดร้านขายบะหมี่ที่ถนนชวงเหอย่านการค้าสำคัญของเมือง'หยางเยว่' บุตรสาวคนที่สามของบ้านหลังนี้กำลังโวยวายด้วยท่าทางไม่ยินยอมยามถูกบังคับให้แต่งงานกับชายชราที่หมู่บ้านหนานสวินถึงแม้จะร่ำรวยแต่เพื่อนของเธอทุกคนกลับบอกว่าเขาแก่รุ่นราวคราวพ่อ ต้องแต่งงานกับคนอายุเท่าพ่อมันจะมองเป็นสามีลงได้อย่างไรในเมื่อมองหน้าเขาแล้วก็คงจะคล้ายว่าเห็นหน้าพ่อ"จะดื้อรั้นไปไย ยังไงเสียก็ต้องแต่ง พ่อรับสินสอดเขามาแล้ว"เมื่อได้ยินสิ่งที่บิดาพูดหยางเยว่ก็แทบลมจับ "รับสินสอดมาแล้ว เหตุใดหนูไม่รู้เรื่องเลย?""ก็หล่อนมัวแต่เที่ยวเล่นอยู่นอกบ้านจะไปรู้ได้อย่างไร" ผู้เป็นมารดาเลี้ยง ภรรยาคนใหม่ของบิดาเดินเข้ามาด้วยท่าทางหยิ่งยโสก่อนจะหันไปกอดแขนบิดาของหยางเยว่ท่าทางออดอ้อน "ตอนนี้สินสอดที่รับมาก็เอาไปใช้แล้วส่วนหนึ่งด้วย ถ้าหล่อนไม่แต่ง