บทที่ 2
‘ค่ำคืนวสันต์’
.
.
เสียงครวญครางดังขึ้นภายในห้องหอที่ประดับประดาด้วยสีแดงมงคลช่างร้อนแรงเหมาะแก่ค่ำคืนวสันต์ที่หอมหวาน ยิ่งฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดภายในสุรามงคลทำงานมากเท่าไหร่ร่างกายของบ่าวสาวต่างวัยก็ยิ่งร้อนรุ่มจนแทบทนไม่ไหวอยากจะบำเรอกามาให้กันอย่างถึงที่สุด
“ถะ… เถ้าแก่ อ๊า~”
“ชอบหรือไม่?”
ซ่งอี้ที่หมกใบหน้าอยู่กับหน้าอกเล็กเงยหน้าขึ้นสบตากับภรรยาคนงามที่ยามนี้ใบหน้าแดงซ่านอย่างน่าเอ็นดูยิ่งนักแต่ยิ่งปลุกเร้าอารมณ์เขามากกว่าเดิมอีกจนตอนนี้ปวดหนึบที่กลางกายมากแต่ต้องอดทนเพราะเป็นครั้งแรกของหยางเยว่จึงไม่อยากทำให้เธอต้องหวาดกลัว
“ขะ… ข้ารู้สึกแปลก ๆ มันเหมือนจะฉี่ราดเลย”
“เด็กน้อยเสียจริง” เขาหยิกแก้มเธออย่างนึกเอ็นดู
นิ้วใหญ่เลื่อนลงไปปาดตรงกลีบดอกไม้งามทำเอาหยางเยว่สะดุ้ง สองนิ้วชูขึ้นก่อนจะยิ้มออกมายามเห็นน้ำหยาดเยิ้ม “มันไม่ใช่ฉี่หรอก เธอแค่เสร็จสมจนน้ำแตกออกมาเท่านั้นเอง ดูสิเยิ้มอย่างกับเขื่อนกั้นน้ำแตก”
“ถะ… เถ้าแก่พูดอะไรน่าอาย” ใบหน้าหวานระเรื่อด้วยสีแดงอย่างกับแต้มชาดยามได้ยินคำกล่าวของสามีสูงวัยที่โชกโชนไปด้วยประสบการณ์
“เรื่องจริงทั้งนั้น ยอมรับเถอะ ล้วนเป็นเรื่องธรรมชาติ เวลาฉันเสร็จสมก็น้ำแตกเหมือนเธอ”
“แตกแบบไหนเหรอคะ?” พอได้ยินคำกล่าวหญิงสาวไร้ประสบการณ์ก็ทำตาโตอยากรู้อยากเห็นทันที
“อยากรู้หรือไม่?”
“อยากค่ะ”
“งั้นก็ลุกขึ้นนั่งสิ”
หยางเยว่ยอมทำตามสามีแต่โดยดี เธอนั่งคุกเข่าลงก่อนจะถูกมือใหญ่กดใบหน้าให้ก้มลงไปหาความเป็นชายที่ใหญ่โตของเขา แต่ก็ฝืนไว้เพราะยังไม่เข้าใจว่าต้องทำเช่นไรได้แต่ช้อนสายตามองคนพี่อย่างขอคำชี้แนะ
“อมมันเข้าไปในปากสิ”
“ใหญ่ขนาดนี้เข้าได้หรือคะ?”
“ได้สิ เข้าได้ทั้งบนทั้งล่างนั่นแหละ”
พอได้ยินแบบนั้นหยางเยว่ก็หน้าแดงซ่าน เธอก้มลงไปหาแก่นกายใหญ่ตรงหน้าแล้วอ้าปากเล็กครอบลงไปโอบอุ้มมันเอาไว้ภายในปากนุ่มที่รู้สึกชวนให้อึดอัดแต่ได้ยินเสียงครางเข้มของซ่งอี้มันแปลว่าเขารู้สึกดีมาก ถ้าแลกกับความสุขของสามีงั้นเธอก็ยินดีทำให้แม้ตอนนี้ความใหญ่โตมันจะคับเต็มปากแล้วก็ตาม
มือใหญ่จับหัวเล็กแล้วกดขึ้นลงในจังหวะที่ต้องการจนหยางเยว่แทบจะหายใจหายคอไม่ทัน น้ำหูน้ำตาไหลเป็นทางยามความใหญ่โตทะลวงลึกแทบจะเข้ามาถึงลำคอด้านในจนแทบจะขาดใจ แต่ก่อนที่นางจะขาดใจกลับมีน้ำอุ่นพวยพุ่งเข้ามาในปากจนไหลลึกลงสู่ลำคออย่างรวดเร็วด้วยความที่ไม่ทันได้ตั้งตัวจึงสำลักออกมาจนหน้าดำหน้าแดง น้ำสีขาวขุ่นไหลเจิ่งนองลงมาตามลำคอที่มีร่องรอยรักสีกุหลาบเจือจาง
“นะ… นี่คือน้ำที่เถ้าแก่เสร็จสมเหรอคะ” เธอถามออกไปหน้าซื่อ
“ใช่ อร่อยไหม?” มือใหญ่ยกขึ้นเช็ดคราบน้ำรักสีขุ่นออกจากริมฝีปากเอิบอิ่มอย่างอ่อนโยน
“อร่อยมากค่ะ”
หยางเยว่เรียนรู้ที่จะตอบเอาอกเอาใจสามี “แล้วขั้นตอนต่อไปต้องทำยังไงคะ?”
“นอนลงสิ”
เธอก็นอนตามที่เขาบอกอย่างว่าง่าย
“อ้าขาออกกว้าง ๆ”
เธอก็อ้าขาออกตามที่เขาบอก
ซ่งอี้แทรกตัวเข้ามานั่งตรงกลางก่อนจะถูไถแก่นกายลงบนช่องทางอ่อนนุ่มลากผ่านกลีบดอกไม้งามจนหยางเยว่ส่งเสียงครางแผ่วเบา ร่างกายจิกเกร็ง สีหน้าของเธอไม่ได้ย่ำแย่ฉายแววแค่เพียงความเขินอายจนแทบไม่กล้าสบตาเขาเท่านั้น แต่ยิ่งทำแบบนี้เขากลับยิ่งรู้สึกมีอารมณ์มากกว่าเดิมอีก
แก่นกายแข็งถูกกดเข้าไปในช่องทางอ่อนนุ่มที่กำลังบีบรัดตัวตนของเขาเพียงเข้าแค่หัวจึงต้องออกแรงทะลวงเข้าไปในกายที่ยังบริสุทธิ์ผุดผ่องจนคล้ายว่าจมูกจะได้กลิ่นคาวเลือดลอยตีขึ้นมา
“จะ… เจ็บ” หยางเยว่ส่งเสียงร้องออกมา หางตามีน้ำตาไหลอาบแก้มยามความรู้สึกเจ็บปวดกำลังตอกย้ำมาจากกลางกายที่ถูกลุกล้ำเข้ามาเรื่อย ๆ จนลึกแทบจะถึงหน้าท้อง ความรู้สึกมันเหมือนร่างกายจะถูกแยกออกเป็นสองส่วนเลย อึดอัดจนแทบจะหายใจหายคอลำบาก
“อดทนหน่อยนะเด็กดี เจ็บแค่ครั้งแรกเท่านั้น”
ซ่งอี้โน้มใบหน้าลงไปจูบริมฝีปากเอิบอิ่มสอดแทรกลิ้นเข้าไปกวาดต้อนลิ้นเล็กพร้อม ๆ กับเอวที่กระแทกแก่นกายเข้าไปจนลึกสุดลำยาวในคราวเดียวทำเอาหยางเยว่ส่งเสียงครางออกมาร่างกายจิกเกร็งคล้ายว่าจะเจ็บมาก แต่เขาก็ไม่อาจจะอ่อนโยนได้มากกว่านี้แล้วเพราะมันอยากสัมผัสในตัวของหยางเยว่ใจจะขาด
เอวใหญ่เริ่มขยับโยกตามความปรารถนาอันล้นเปี่ยม บดขยี้ความบริสุทธิ์ของหยางเยว่จนขาดสะบั้นจนเลือดเลอะเปรอะเปื้อนขาไปหมด หยางเยว่ยังคงส่งเสียงครางหวานออกมาพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้มแต่ก็ไม่ได้ร้องขอให้เขาหยุดแต่อย่างใด
ในตอนแรกคล้ายว่ามันจะเจ็บมากแต่เมื่อถูกกระแทกเข้ามาถี่ ๆ ในจังหวะที่หนักหน่วงตอกเน้น ๆ ทุกดอกมันก็ทำให้หยางเยว่แทบคลั่งเหมือนกันเมื่อความเสียวซ่านพลุ่งพล่านไปทั่วร่างกายที่กำลังขยับขึ้นลง แม้แต่เตียงยังสั่นคลอนกระแทกผนังดังตึงตัง
“ในตัวเธอดีมาก รัดฉันแน่นมาก”
“งั้นก็กระแทกให้แรงกว่านี้สิคะ” เธออดไม่ได้ที่จะเชิญชวนเมื่อรสกามามันช่างหวานอร่อยเหลือเกิน
“อย่าท้าทายฉันมาก กลัวว่าคืนนี้เธอจะไม่ได้นอน”
“นอนตอนเช้าก็ได้ค่ะ แค่มีเถ้าแก่นอนด้วย ฉันจะนอนตอนไหนก็ได้”
“งั้นอย่าหาว่าฉันรังแกเธอนะ”
เขาจับตัวเธอให้ลุกขึ้นก่อนจะพลิกหันหลังแล้วสอดแทรกแก่นกายเข้าไปใหม่จนสุดลำยาวในครั้งเดียว อัดกระแทกความต้องการเข้าไปในช่องทางอ่อนนุ่มที่กำลังกลืนกินตัวตนของเขาเสียจนแทบเสร็จสม มือใหญ่คว้าเอวคอดเอาไว้ทั้งสองข้างเพื่อให้กระแทกได้ถนัดและหนักหน่วง
หยางเยว่ที่เพิ่งเคยได้ลิ้มรสรักอันหวานฉ่ำครั้งแรกก็สุขสมเสียจนตาลอย ใบหน้าซบลงบนหมอนส่งเสียงครวญครางออกมาไม่ขาดปาก พยายามจะหันไปมองด้านหลังแล้วแลบลิ้นออกด้วยท่าทางยั่วยวน
“จูบหน่อย เถ้าแก่ขา จูบหนูหน่อย”
ซ่งอี้โน้มลงไปหาภรรยาคนงามก่อนจะมอบรสจูบอันหอมหวานให้อย่างดูดดื่มจนเกิดเสียงจูบอันชื้นแฉะ สองลิ้นเกี่ยวกระหวัดกันอย่างเร่าร้อนจนน้ำลายใสไหลเยิ้มเชื่อมต่อกันเป็นสายอย่างนุ่มนวล ทุก ๆ อย่างมันเร่าร้อนเกินจะบรรยายกามาในค่ำคืนวสันต์ช่างหอมหวานชวนฝันทำเอาเคลิบเคลิ้มจนสติเลื่อนลอยคล้ายถูกดึงลงสู่ทะเลราคะที่คลื่นโหมกระหน่ำรุนแรงจนหัวใจสั่นไหวไม่เป็นจังหวะ
บทที่ 3‘อึดถึกทนอย่างกับม้า'..ซ่งอี้ลืมตาตื่นขึ้นมาในยามเช้าเมื่อควานมือหาร่างอรชรของภรรยายอดรักแต่กลับไม่พบเจอผู้ใดเลย เจอเพียงเตียงที่ว่างเปล่าเท่านั้นจึงลุกขึ้นนั่งก่อนจะบีบนวดหัวไหล่และหลังคอเล็กน้อย แขนใหญ่ยกขึ้นก่อนจะหมุนเพื่อขับไล่ความเมื่อยล้าจากกิจกรรมรักอันหนักหน่วงเมื่อคืน “ฮึบ!”เสียงคล้ายคนออกแรงดังอยู่หน้าเรือนจนซ่งอี้นึกสงสัย เขาหยิบเอาเสื้อคลุมมาสวมใส่ก่อนจะเดินออกมายังหน้าต่างที่ถูกเปิดเอาไว้เพื่อทอดสายตามองหยางเยว่ที่กำลังทำท่าทางแปลก ๆ อยู่ เมื่อมองดี ๆ ก็คล้ายว่าเธอกำลังออกกำลังกายยามเช้าอยู่เขาเลยเลือกจะเดินเงียบ ๆ เข้ามาด้านหลังของภรรยาเด็กผู้กระปรี้กระเปร่าแล้วสวมกอดนางเอาไว้“ว้าย!” หยางเยว่ร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจจนเกือบจะหันไปต่อยสามียังดีที่เขาเอียงใบหน้าหลบได้ทันอย่างฉิวเฉียดไปเพียงนิดเดียว“เถ้าแก่ทำอะไรเนี่ย?” เธอทำหน้ามุ่ยใส่เขา ไม่เข้าใจว่าสามีอายุมากคนนี้จะทำอะไรอีก“ยังมีแรงล้นเหลือขนาดนี้เลยหรือ?”“ทำไมคะ แค่นี้เถ้าแก่ก็หมดแรงแล้วเหรอ?”“ฉันมันคนแก่ไม่ใช่เด็กแบบเธอ”“รู้ตัวด้วยเหรอคะ?” เธอยิ้มหน้าทะเล้น“ฉันยอมรับว่าแก่แล้ว แต่คนแก่แบบฉันก็ทำเ
บทที่ 4'ฮูหยินผู้เฒ่า'..หยางเยว่เดินเล่นอยู่ภายในสวนดอกไม้ที่มีดอกไม้เบ่งบานหลายสายพันธุ์ บางสายพันธุ์ก็นำเข้ามาจากต่างชาติงดงามแปลกตาแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เช่นดอกสีแดงสดเด่นมากอย่างกับเลือด ตรงเกสรมีสีเหลืองตัดงดงามไม่ใช่น้อยยิ่งปลูกเรียงรายติดกันยิ่งดูงามตาราวกับทุ่งสวรรค์ พวกต่างชาติที่นำเข้ามากับเรือสินค้าเรียกมันว่าดอกป๊อปปี้แล้วก็ยังมีเหมยกุ้ยฮวาสีขาวอีก ปกติที่นี่จะมีแต่สีชมพูและแดง พอมีสีขาวเข้ามาขายจึงนับว่าแปลกตาพวกเศรษฐีต่างพากันซื้อมาประดับบารมีกันยกใหญ่เคหาสน์แห่งนี้ก็ไม่ต่างกัน ล้วนมีแต่ดอกไม้สายพันธุ์หายากที่ยังมีขายไม่แพร่หลายมากมายเหมาะสมแก่การเพาะพันธุ์แล้วนำไปขายต่อเป็นอย่างมาก คิดว่ายังไงก็ต้องขายได้เพราะดอกไม้พวกนี้ผู้ใดก็อยากซื้อหาไว้ประดับบ้านให้เจริญตากันทั้งนั้น“เธออย่าจับดอกไม้พวกนั้นมากสิ”เสียงหนึ่งดังขึ้นจนหยางเยว่ต้องหันไปมองก็พบว่าเป็น ‘ฉีเหมยหลิว’ บุตรสาวคนรองสกุลฉีที่เดิมทีผู้คนภายนอกร่ำลือกันว่าถูกนายท่านซ่งวางตัวไว้จะให้แต่งงานกับซ่งอี้ แต่เพราะฮูหยินผู้เฒ่าไม่ยินยอมเห็นว่าชะตาของนางไม่สมพงษ์กับหลานชายเพียงคนเดียวกลัวว่าจะทำให้ซ่งอี้เกิดเภทภัย
บทที่ 5‘ทิวทัศน์ขอบหน้าต่าง’..“ฮูหยินผู้เฒ่ายังแข็งแรงอยู่เลยนะคะ” หยางเยว่กล่าวขึ้นยามรินชาใส่ถ้วยให้สามีที่ตอนนี้นั่งพักกันอยู่ภายในเรือน“ปีนี้อายุ 70 แล้ว แต่ยังแข็งแรงมาก”“จริงค่ะ พ่อฉันอายุ 40 กว่ายังดูแก่กว่าอีก”“แต่คุณย่ามักจะบอกว่ามันเป็นเวรกรรมที่ทำให้คุณย่าต้องอายุยืนเพื่ออยู่กับความเจ็บปวดจากการสูญเสียคุณพ่อกับคุณอาของฉัน ไหนจะคุณแม่ และคุณปู่ของฉันอีก คุณย่าบอกว่าสมัยสาว ๆ คุณย่าเองก็เป็นคนร้ายกาจคนหนึ่ง ทำเรื่องไม่ดีกับคนไว้มากจึงต้องรับกรรม คนที่รักล้วนตายจากไปหมด แม้แต่ศัตรูก็ยังตายจากไม่เหลือ เพราะแบบนี้คุณย่าถึงได้อยากให้ฉันแต่งงานกับคนที่ดวงสมพงษ์กันจะได้เกื้อหนุนชีวิตไม่ต้องตกอับและมีเรื่องเจ็บช้ำเหมือนคุณย่า คุณย่าเชื่อเรื่องเวรกรรมและโชคชะตาจึงค่อนข้างเข้มงวดกับคู่ครองของฉันมากเพราะกลัวว่าฉันจะตายจากท่านไปอีกคนหนึ่ง”หยางเยว่ที่ได้ฟังก็เข้าใจเป็นอย่างดีเพราะเธอเองก็เคยได้ยินชื่อเสียงในเรื่องฤทธิ์เดชของฮูหยินผู้เฒ่ามาก่อนเหมือนกันว่าตอนสาว ๆ ก็จัดจ้านไม่แพ้ใครเลย สตรีคนไหนกล้ามายุ่งกับสามีก็จัดการซะเรียบ แล้วยังบงการชีวิตบุตรชายทุกอย่างอีกด้วย ความจริงตอนนี้
บทที่ 6‘โต๊ะทำงานร้อนรัก’..“เถ้าแก่ซ่งนี่บัญชีสินค้ารอบนี้ครับ”‘จงหยาง’ ผู้ช่วยคนสนิทของซ่งอี้เดินเอาใบสินค้าที่ลงตราประทับภาษีเรียบร้อยแล้วเพราะสินค้าทุกชิ้นต้องได้รับการตรวจสอบจากทางการและเสียภาษีอย่างถูกต้องเพื่อไม่ให้เป็นปัญหาในภายหลัง การขายของเลี่ยงภาษีก็คือของผิดกฎหมายโดนจับขึ้นมามันจะไม่คุ้มเสีย“วันนี้ฉันกลับไวหน่อยนะจะพาฮูหยินไปเที่ยวไนต์คลับที่เซี่ยงไฮ้เสียหน่อย”“ได้ครับ เดี๋ยวผมจัดการเรื่องรับของเข้าคลังเองครับ”ซ่งอี้พยักหน้ารับเล็กน้อยก่อนจะก้มลงมองบัญชีสินค้ารอบนี้เพื่อเช็กให้ละเอียดถี่ถ้วนว่ามีสิ่งใดบ้างและเสียภาษีอย่างถูกต้องไหม เหมือนจะมีสินค้าใหม่ที่ไม่เคยนำมาขายเข้ามาด้วยมันเรียกว่าฟานเฉียเจี้ยง“ฟานเฉียเจี้ยงคือสิ่งใดหรือ?”“คือซอสสีแดงที่นำเอาซีหงซื่อไปบดแล้วนำมาเคี่ยวจนกลายเป็นน้ำเหนียว ๆ จากนั้นก็ปรุงรสด้วยเกลือเล็กน้อย น้ำตาลเล็กน้อย แล้วบรรจุใส่ขวดขาย พวกคนตะวันตกชอบกินมันกับเนื้อขอรับ”“อ้อ” ซ่งอี้พยักหน้ารับอย่างเข้าใจแล้วเพราะเขาก็เคยกินสเต๊กของภัตตาคารตะวันตกเหมือนกัน จะมีซอสสีแดงรสชาติเปรี้ยวหวาน และซอสสีเหลืองรสชาติแปลก ๆ ให้จิ้มด้วย ยังไม่ค่อยแพร
บทที่ 7‘ดื่มด่ำความสุขในยามราตรี’..Shanghai.ใจกลางเมืองเซี่ยงไฮ้เต็มไปด้วยแสงสีตระการตา ยามราตรีที่ควรเงียบสงบกลับมีแต่เสียงเพลงและเสียงพูดคุยดังอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะเดินไปหัวมุมถนนไหน ตึกปูนรูปทรงแบบตะวันตกที่ประดับประดาด้วยไฟหลากหลายสีที่ห้อยระโยงระยางจนสว่างไสว มันคือความเจริญที่คนนอกเมืองเซี่ยงไฮ้ไม่มีทางได้สัมผัสเพราะหลังจากสงครามทั้งในและนอกที่ประเทศต้องเผชิญมาอย่างหนักหน่วง ทำให้หลายพื้นที่ยังไม่ได้รับการฟื้นฟูด้วยซ้ำก็มีเพียงใจกลางเมืองใหญ่เท่านั้นที่พอจะเห็นถึงความศิวิไลซ์ที่พอจะเรียกได้เต็มปากเต็มคำว่าเจริญหูเจริญตาหยางเยว่ในชุดกี่เพ้าแบบจีนแท้ ๆ ปักทอลวดลายซิ่งฮวาสีแดงที่ตัดกับสีเขียวของชุดได้เป็นอย่างดี แต่สตรีที่เดินผ่านเธอไปล้วนแต่งชุดกระโปรงแบบชาวตะวันตกที่มันพลิ้วไหวเบ่งบานยามเดินหรืิอหมุนตัว มองแล้วก็เพลินตาไม่น้อยเลยทีเดียวเห็นเรียกกันว่าชุดเดรส เธอเองก็อยากใส่เหมือนกันแต่ไม่รู้ว่าสามีจะชอบหรือเปล่าเพราะเขาไม่ชอบฉีเหมยหลิว และฉีเหมยหลิวก็แต่งตัวแบบชาวตะวันตกจ๋า ๆ เลยกลัวว่าเขาจะไม่ชอบสตรีแบบนั้นจึงไม่กล้าแต่ง“เถ้าแก่จะพาฉันไปไหนคะ?” เธอเดินมาควงแขนสามีด้วยรอยยิ
บทที่ 8'ค่ำคืนในเซี่ยงไฮ้'..เสียงร้องเพลงดังขึ้นภายในห้องของโรงแรมหรูหราใจกลางเมืองเซี่ยงไฮ้ที่ไม่ยอมหลับใหล แม้ตอนนี้จะดึกดื่นมากแล้วก็ตามแต่ไฟในเมืองก็ยังสว่างไสวอยู่ หยางเยว่ที่ยังคงอินกับการเที่ยวไนต์คลับก็จำเอาเพลงของนักร้องสาวมาร้องบ้าง ไม่พอยังเต้นยั่วยวนเลียนแบบหล่อนตรงหน้าของซ่งอี้ที่นั่งอยู่อีกด้วยซิปของชุดกี่เพ้าถูกรูดลงก่อนที่มือเล็กจะถอดแขนเสื้อออกจนเผยให้เห็นหน้าอกเล็กภายใต้ชุดชั้นในลายลูกไม้สีดำที่มันตัดกับผิวขาวได้เป็นอย่างดี ร่างเล็กก้าวขึ้นไปคร่อมทับบนตักใหญ่เอาไว้แล้วบดเบียดเสียดสีร่างกายส่วนล่างเข้าหากันจนสัมผัสได้ถึงความแข็งนูนภายใต้เนื้อผ้า“แค่นี้เถ้าแก่ก็แข็งแล้วเหรอ?”“ฉันแข็งตั้งแต่เข้ามาในห้องแล้ว อยากเอาเธอใจจะขาด”“ใจเย็นก่อนสิคะ ใจเย็น” นิ้วเรียวลากไล้ลงมายังอกกว้างก่อนจะปลดเปลื้องกระดุมออกแล้วแหวกสาบเสื้อเชิ้ตให้กว้าง ใบหน้าหวานซบลงไปถูไถกับอกกว้างที่แสนอบอุ่นในตอนนี้หยางเยว่โดนฤทธิ์ไวน์นอกเล่นงานเสียแล้ว เธอเมามายเสียจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ กระทำในสิ่งที่หัวใจปรารถนาอย่างไร้ซึ่งความเขินอาย ลิ้นเล็กลากเลียที่ยอดอกทั้งสองข้างของสามีจนได้ยินเสียงครางเข
บทที่ 9‘หน้าอกที่ใหญ่ขึ้น’..เป็นเวลาสามเดือนแล้วที่หยางเยว่แต่งเข้ามาเป็นฮูหยินใหญ่สกุลซ่ง ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมาก เธอกับเถ้าแก่ซ่งก็ยังคงศึกษาซึ่งกันและกันเพื่อเรียนรู้ในตัวตนของอีกฝ่ายจนตอนนี้ก็เข้าใจกันมากขึ้นแล้ว นับว่าเป็นสามีภรรยาที่สมบูรณ์แบบคู่หนึ่งส่วนเรื่องความรัก แม้นในตอนแรกของการแต่งงานจะเป็นการคลุมถุงชนที่ผู้ใหญ่เป็นฝ่ายจัดการทั้งหมดก็ตามและเธอก็ยอมรับว่าไม่ได้อยากแต่งงานกับซ่งอี้เท่าไหร่นัก แต่พอได้อยู่ด้วยกันนานวันเข้ามันก็ยิ่งมีความผูกพัน จากความผูกพันก็กลายเป็นความรักที่ก่อตัวขึ้นอย่างช้า ๆ แต่หนักแน่นวันนี้เธอทำขาหมูตุ๋นยาจีนเลยจะเอาไปให้ซ่งอี้ที่ร้านเสียหน่อย ก่อนหน้านี้ก็นำไปฝากฮูหยินผู้เฒ่ามาแล้วด้วยหนึ่งถ้วย ฮูหยินผู้เฒ่าเอ็นดูเธอมากนับว่าเป็นความโชคดี ถึงสกุลซ่งจะร่ำรวยแต่ก็คล้ายว่าถูกคำสาปเพราะคนในครอบครัวนี้มักจะมีอายุขัยที่สั้นเสียส่วนใหญ่ เธออยู่ที่นี่ก็ได้ยินเรื่องเล่าจากปากของบ่าวรับใช้เก่าแก่มาไม่น้อยเลยคุณแม่ของซ่งอี้ตายตั้งแต่คลอดเขาออกมา ส่วนคุณอาของเขาก็มาตายจากไปหลังจากคุณแม่ตายไปเพียงหนึ่งปีจากอุบัติเหตุทางน้ำ คุณ
บทที่ 1'คลุมถุงชน'.."ยังไงหนูก็ไม่แต่งนะคะ"เสียงใสหวานของสตรีรูปโฉมงดงามดังขึ้นภายในเคหาสน์หลังขนาดกลางที่มีรูปทรงแบบเรือนจีนโบราณเก่าแก่ตั้งตระหง่านมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์หมิงที่ผ่านการทะนุบำรุงรักษามาหลายครั้ง และก็ผ่านเจ้าของมาหลายมือจนตอนนี้ตกเป็นทรัพย์สินของสกุลหยางผู้มีอาชีพเปิดร้านขายบะหมี่ที่ถนนชวงเหอย่านการค้าสำคัญของเมือง'หยางเยว่' บุตรสาวคนที่สามของบ้านหลังนี้กำลังโวยวายด้วยท่าทางไม่ยินยอมยามถูกบังคับให้แต่งงานกับชายชราที่หมู่บ้านหนานสวินถึงแม้จะร่ำรวยแต่เพื่อนของเธอทุกคนกลับบอกว่าเขาแก่รุ่นราวคราวพ่อ ต้องแต่งงานกับคนอายุเท่าพ่อมันจะมองเป็นสามีลงได้อย่างไรในเมื่อมองหน้าเขาแล้วก็คงจะคล้ายว่าเห็นหน้าพ่อ"จะดื้อรั้นไปไย ยังไงเสียก็ต้องแต่ง พ่อรับสินสอดเขามาแล้ว"เมื่อได้ยินสิ่งที่บิดาพูดหยางเยว่ก็แทบลมจับ "รับสินสอดมาแล้ว เหตุใดหนูไม่รู้เรื่องเลย?""ก็หล่อนมัวแต่เที่ยวเล่นอยู่นอกบ้านจะไปรู้ได้อย่างไร" ผู้เป็นมารดาเลี้ยง ภรรยาคนใหม่ของบิดาเดินเข้ามาด้วยท่าทางหยิ่งยโสก่อนจะหันไปกอดแขนบิดาของหยางเยว่ท่าทางออดอ้อน "ตอนนี้สินสอดที่รับมาก็เอาไปใช้แล้วส่วนหนึ่งด้วย ถ้าหล่อนไม่แต่ง
บทที่ 9‘หน้าอกที่ใหญ่ขึ้น’..เป็นเวลาสามเดือนแล้วที่หยางเยว่แต่งเข้ามาเป็นฮูหยินใหญ่สกุลซ่ง ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมาก เธอกับเถ้าแก่ซ่งก็ยังคงศึกษาซึ่งกันและกันเพื่อเรียนรู้ในตัวตนของอีกฝ่ายจนตอนนี้ก็เข้าใจกันมากขึ้นแล้ว นับว่าเป็นสามีภรรยาที่สมบูรณ์แบบคู่หนึ่งส่วนเรื่องความรัก แม้นในตอนแรกของการแต่งงานจะเป็นการคลุมถุงชนที่ผู้ใหญ่เป็นฝ่ายจัดการทั้งหมดก็ตามและเธอก็ยอมรับว่าไม่ได้อยากแต่งงานกับซ่งอี้เท่าไหร่นัก แต่พอได้อยู่ด้วยกันนานวันเข้ามันก็ยิ่งมีความผูกพัน จากความผูกพันก็กลายเป็นความรักที่ก่อตัวขึ้นอย่างช้า ๆ แต่หนักแน่นวันนี้เธอทำขาหมูตุ๋นยาจีนเลยจะเอาไปให้ซ่งอี้ที่ร้านเสียหน่อย ก่อนหน้านี้ก็นำไปฝากฮูหยินผู้เฒ่ามาแล้วด้วยหนึ่งถ้วย ฮูหยินผู้เฒ่าเอ็นดูเธอมากนับว่าเป็นความโชคดี ถึงสกุลซ่งจะร่ำรวยแต่ก็คล้ายว่าถูกคำสาปเพราะคนในครอบครัวนี้มักจะมีอายุขัยที่สั้นเสียส่วนใหญ่ เธออยู่ที่นี่ก็ได้ยินเรื่องเล่าจากปากของบ่าวรับใช้เก่าแก่มาไม่น้อยเลยคุณแม่ของซ่งอี้ตายตั้งแต่คลอดเขาออกมา ส่วนคุณอาของเขาก็มาตายจากไปหลังจากคุณแม่ตายไปเพียงหนึ่งปีจากอุบัติเหตุทางน้ำ คุณ
บทที่ 8'ค่ำคืนในเซี่ยงไฮ้'..เสียงร้องเพลงดังขึ้นภายในห้องของโรงแรมหรูหราใจกลางเมืองเซี่ยงไฮ้ที่ไม่ยอมหลับใหล แม้ตอนนี้จะดึกดื่นมากแล้วก็ตามแต่ไฟในเมืองก็ยังสว่างไสวอยู่ หยางเยว่ที่ยังคงอินกับการเที่ยวไนต์คลับก็จำเอาเพลงของนักร้องสาวมาร้องบ้าง ไม่พอยังเต้นยั่วยวนเลียนแบบหล่อนตรงหน้าของซ่งอี้ที่นั่งอยู่อีกด้วยซิปของชุดกี่เพ้าถูกรูดลงก่อนที่มือเล็กจะถอดแขนเสื้อออกจนเผยให้เห็นหน้าอกเล็กภายใต้ชุดชั้นในลายลูกไม้สีดำที่มันตัดกับผิวขาวได้เป็นอย่างดี ร่างเล็กก้าวขึ้นไปคร่อมทับบนตักใหญ่เอาไว้แล้วบดเบียดเสียดสีร่างกายส่วนล่างเข้าหากันจนสัมผัสได้ถึงความแข็งนูนภายใต้เนื้อผ้า“แค่นี้เถ้าแก่ก็แข็งแล้วเหรอ?”“ฉันแข็งตั้งแต่เข้ามาในห้องแล้ว อยากเอาเธอใจจะขาด”“ใจเย็นก่อนสิคะ ใจเย็น” นิ้วเรียวลากไล้ลงมายังอกกว้างก่อนจะปลดเปลื้องกระดุมออกแล้วแหวกสาบเสื้อเชิ้ตให้กว้าง ใบหน้าหวานซบลงไปถูไถกับอกกว้างที่แสนอบอุ่นในตอนนี้หยางเยว่โดนฤทธิ์ไวน์นอกเล่นงานเสียแล้ว เธอเมามายเสียจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ กระทำในสิ่งที่หัวใจปรารถนาอย่างไร้ซึ่งความเขินอาย ลิ้นเล็กลากเลียที่ยอดอกทั้งสองข้างของสามีจนได้ยินเสียงครางเข
บทที่ 7‘ดื่มด่ำความสุขในยามราตรี’..Shanghai.ใจกลางเมืองเซี่ยงไฮ้เต็มไปด้วยแสงสีตระการตา ยามราตรีที่ควรเงียบสงบกลับมีแต่เสียงเพลงและเสียงพูดคุยดังอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะเดินไปหัวมุมถนนไหน ตึกปูนรูปทรงแบบตะวันตกที่ประดับประดาด้วยไฟหลากหลายสีที่ห้อยระโยงระยางจนสว่างไสว มันคือความเจริญที่คนนอกเมืองเซี่ยงไฮ้ไม่มีทางได้สัมผัสเพราะหลังจากสงครามทั้งในและนอกที่ประเทศต้องเผชิญมาอย่างหนักหน่วง ทำให้หลายพื้นที่ยังไม่ได้รับการฟื้นฟูด้วยซ้ำก็มีเพียงใจกลางเมืองใหญ่เท่านั้นที่พอจะเห็นถึงความศิวิไลซ์ที่พอจะเรียกได้เต็มปากเต็มคำว่าเจริญหูเจริญตาหยางเยว่ในชุดกี่เพ้าแบบจีนแท้ ๆ ปักทอลวดลายซิ่งฮวาสีแดงที่ตัดกับสีเขียวของชุดได้เป็นอย่างดี แต่สตรีที่เดินผ่านเธอไปล้วนแต่งชุดกระโปรงแบบชาวตะวันตกที่มันพลิ้วไหวเบ่งบานยามเดินหรืิอหมุนตัว มองแล้วก็เพลินตาไม่น้อยเลยทีเดียวเห็นเรียกกันว่าชุดเดรส เธอเองก็อยากใส่เหมือนกันแต่ไม่รู้ว่าสามีจะชอบหรือเปล่าเพราะเขาไม่ชอบฉีเหมยหลิว และฉีเหมยหลิวก็แต่งตัวแบบชาวตะวันตกจ๋า ๆ เลยกลัวว่าเขาจะไม่ชอบสตรีแบบนั้นจึงไม่กล้าแต่ง“เถ้าแก่จะพาฉันไปไหนคะ?” เธอเดินมาควงแขนสามีด้วยรอยยิ
บทที่ 6‘โต๊ะทำงานร้อนรัก’..“เถ้าแก่ซ่งนี่บัญชีสินค้ารอบนี้ครับ”‘จงหยาง’ ผู้ช่วยคนสนิทของซ่งอี้เดินเอาใบสินค้าที่ลงตราประทับภาษีเรียบร้อยแล้วเพราะสินค้าทุกชิ้นต้องได้รับการตรวจสอบจากทางการและเสียภาษีอย่างถูกต้องเพื่อไม่ให้เป็นปัญหาในภายหลัง การขายของเลี่ยงภาษีก็คือของผิดกฎหมายโดนจับขึ้นมามันจะไม่คุ้มเสีย“วันนี้ฉันกลับไวหน่อยนะจะพาฮูหยินไปเที่ยวไนต์คลับที่เซี่ยงไฮ้เสียหน่อย”“ได้ครับ เดี๋ยวผมจัดการเรื่องรับของเข้าคลังเองครับ”ซ่งอี้พยักหน้ารับเล็กน้อยก่อนจะก้มลงมองบัญชีสินค้ารอบนี้เพื่อเช็กให้ละเอียดถี่ถ้วนว่ามีสิ่งใดบ้างและเสียภาษีอย่างถูกต้องไหม เหมือนจะมีสินค้าใหม่ที่ไม่เคยนำมาขายเข้ามาด้วยมันเรียกว่าฟานเฉียเจี้ยง“ฟานเฉียเจี้ยงคือสิ่งใดหรือ?”“คือซอสสีแดงที่นำเอาซีหงซื่อไปบดแล้วนำมาเคี่ยวจนกลายเป็นน้ำเหนียว ๆ จากนั้นก็ปรุงรสด้วยเกลือเล็กน้อย น้ำตาลเล็กน้อย แล้วบรรจุใส่ขวดขาย พวกคนตะวันตกชอบกินมันกับเนื้อขอรับ”“อ้อ” ซ่งอี้พยักหน้ารับอย่างเข้าใจแล้วเพราะเขาก็เคยกินสเต๊กของภัตตาคารตะวันตกเหมือนกัน จะมีซอสสีแดงรสชาติเปรี้ยวหวาน และซอสสีเหลืองรสชาติแปลก ๆ ให้จิ้มด้วย ยังไม่ค่อยแพร
บทที่ 5‘ทิวทัศน์ขอบหน้าต่าง’..“ฮูหยินผู้เฒ่ายังแข็งแรงอยู่เลยนะคะ” หยางเยว่กล่าวขึ้นยามรินชาใส่ถ้วยให้สามีที่ตอนนี้นั่งพักกันอยู่ภายในเรือน“ปีนี้อายุ 70 แล้ว แต่ยังแข็งแรงมาก”“จริงค่ะ พ่อฉันอายุ 40 กว่ายังดูแก่กว่าอีก”“แต่คุณย่ามักจะบอกว่ามันเป็นเวรกรรมที่ทำให้คุณย่าต้องอายุยืนเพื่ออยู่กับความเจ็บปวดจากการสูญเสียคุณพ่อกับคุณอาของฉัน ไหนจะคุณแม่ และคุณปู่ของฉันอีก คุณย่าบอกว่าสมัยสาว ๆ คุณย่าเองก็เป็นคนร้ายกาจคนหนึ่ง ทำเรื่องไม่ดีกับคนไว้มากจึงต้องรับกรรม คนที่รักล้วนตายจากไปหมด แม้แต่ศัตรูก็ยังตายจากไม่เหลือ เพราะแบบนี้คุณย่าถึงได้อยากให้ฉันแต่งงานกับคนที่ดวงสมพงษ์กันจะได้เกื้อหนุนชีวิตไม่ต้องตกอับและมีเรื่องเจ็บช้ำเหมือนคุณย่า คุณย่าเชื่อเรื่องเวรกรรมและโชคชะตาจึงค่อนข้างเข้มงวดกับคู่ครองของฉันมากเพราะกลัวว่าฉันจะตายจากท่านไปอีกคนหนึ่ง”หยางเยว่ที่ได้ฟังก็เข้าใจเป็นอย่างดีเพราะเธอเองก็เคยได้ยินชื่อเสียงในเรื่องฤทธิ์เดชของฮูหยินผู้เฒ่ามาก่อนเหมือนกันว่าตอนสาว ๆ ก็จัดจ้านไม่แพ้ใครเลย สตรีคนไหนกล้ามายุ่งกับสามีก็จัดการซะเรียบ แล้วยังบงการชีวิตบุตรชายทุกอย่างอีกด้วย ความจริงตอนนี้
บทที่ 4'ฮูหยินผู้เฒ่า'..หยางเยว่เดินเล่นอยู่ภายในสวนดอกไม้ที่มีดอกไม้เบ่งบานหลายสายพันธุ์ บางสายพันธุ์ก็นำเข้ามาจากต่างชาติงดงามแปลกตาแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เช่นดอกสีแดงสดเด่นมากอย่างกับเลือด ตรงเกสรมีสีเหลืองตัดงดงามไม่ใช่น้อยยิ่งปลูกเรียงรายติดกันยิ่งดูงามตาราวกับทุ่งสวรรค์ พวกต่างชาติที่นำเข้ามากับเรือสินค้าเรียกมันว่าดอกป๊อปปี้แล้วก็ยังมีเหมยกุ้ยฮวาสีขาวอีก ปกติที่นี่จะมีแต่สีชมพูและแดง พอมีสีขาวเข้ามาขายจึงนับว่าแปลกตาพวกเศรษฐีต่างพากันซื้อมาประดับบารมีกันยกใหญ่เคหาสน์แห่งนี้ก็ไม่ต่างกัน ล้วนมีแต่ดอกไม้สายพันธุ์หายากที่ยังมีขายไม่แพร่หลายมากมายเหมาะสมแก่การเพาะพันธุ์แล้วนำไปขายต่อเป็นอย่างมาก คิดว่ายังไงก็ต้องขายได้เพราะดอกไม้พวกนี้ผู้ใดก็อยากซื้อหาไว้ประดับบ้านให้เจริญตากันทั้งนั้น“เธออย่าจับดอกไม้พวกนั้นมากสิ”เสียงหนึ่งดังขึ้นจนหยางเยว่ต้องหันไปมองก็พบว่าเป็น ‘ฉีเหมยหลิว’ บุตรสาวคนรองสกุลฉีที่เดิมทีผู้คนภายนอกร่ำลือกันว่าถูกนายท่านซ่งวางตัวไว้จะให้แต่งงานกับซ่งอี้ แต่เพราะฮูหยินผู้เฒ่าไม่ยินยอมเห็นว่าชะตาของนางไม่สมพงษ์กับหลานชายเพียงคนเดียวกลัวว่าจะทำให้ซ่งอี้เกิดเภทภัย
บทที่ 3‘อึดถึกทนอย่างกับม้า'..ซ่งอี้ลืมตาตื่นขึ้นมาในยามเช้าเมื่อควานมือหาร่างอรชรของภรรยายอดรักแต่กลับไม่พบเจอผู้ใดเลย เจอเพียงเตียงที่ว่างเปล่าเท่านั้นจึงลุกขึ้นนั่งก่อนจะบีบนวดหัวไหล่และหลังคอเล็กน้อย แขนใหญ่ยกขึ้นก่อนจะหมุนเพื่อขับไล่ความเมื่อยล้าจากกิจกรรมรักอันหนักหน่วงเมื่อคืน “ฮึบ!”เสียงคล้ายคนออกแรงดังอยู่หน้าเรือนจนซ่งอี้นึกสงสัย เขาหยิบเอาเสื้อคลุมมาสวมใส่ก่อนจะเดินออกมายังหน้าต่างที่ถูกเปิดเอาไว้เพื่อทอดสายตามองหยางเยว่ที่กำลังทำท่าทางแปลก ๆ อยู่ เมื่อมองดี ๆ ก็คล้ายว่าเธอกำลังออกกำลังกายยามเช้าอยู่เขาเลยเลือกจะเดินเงียบ ๆ เข้ามาด้านหลังของภรรยาเด็กผู้กระปรี้กระเปร่าแล้วสวมกอดนางเอาไว้“ว้าย!” หยางเยว่ร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจจนเกือบจะหันไปต่อยสามียังดีที่เขาเอียงใบหน้าหลบได้ทันอย่างฉิวเฉียดไปเพียงนิดเดียว“เถ้าแก่ทำอะไรเนี่ย?” เธอทำหน้ามุ่ยใส่เขา ไม่เข้าใจว่าสามีอายุมากคนนี้จะทำอะไรอีก“ยังมีแรงล้นเหลือขนาดนี้เลยหรือ?”“ทำไมคะ แค่นี้เถ้าแก่ก็หมดแรงแล้วเหรอ?”“ฉันมันคนแก่ไม่ใช่เด็กแบบเธอ”“รู้ตัวด้วยเหรอคะ?” เธอยิ้มหน้าทะเล้น“ฉันยอมรับว่าแก่แล้ว แต่คนแก่แบบฉันก็ทำเ
บทที่ 2‘ค่ำคืนวสันต์’..เสียงครวญครางดังขึ้นภายในห้องหอที่ประดับประดาด้วยสีแดงมงคลช่างร้อนแรงเหมาะแก่ค่ำคืนวสันต์ที่หอมหวาน ยิ่งฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดภายในสุรามงคลทำงานมากเท่าไหร่ร่างกายของบ่าวสาวต่างวัยก็ยิ่งร้อนรุ่มจนแทบทนไม่ไหวอยากจะบำเรอกามาให้กันอย่างถึงที่สุด“ถะ… เถ้าแก่ อ๊า~”“ชอบหรือไม่?”ซ่งอี้ที่หมกใบหน้าอยู่กับหน้าอกเล็กเงยหน้าขึ้นสบตากับภรรยาคนงามที่ยามนี้ใบหน้าแดงซ่านอย่างน่าเอ็นดูยิ่งนักแต่ยิ่งปลุกเร้าอารมณ์เขามากกว่าเดิมอีกจนตอนนี้ปวดหนึบที่กลางกายมากแต่ต้องอดทนเพราะเป็นครั้งแรกของหยางเยว่จึงไม่อยากทำให้เธอต้องหวาดกลัว“ขะ… ข้ารู้สึกแปลก ๆ มันเหมือนจะฉี่ราดเลย”“เด็กน้อยเสียจริง” เขาหยิกแก้มเธออย่างนึกเอ็นดูนิ้วใหญ่เลื่อนลงไปปาดตรงกลีบดอกไม้งามทำเอาหยางเยว่สะดุ้ง สองนิ้วชูขึ้นก่อนจะยิ้มออกมายามเห็นน้ำหยาดเยิ้ม “มันไม่ใช่ฉี่หรอก เธอแค่เสร็จสมจนน้ำแตกออกมาเท่านั้นเอง ดูสิเยิ้มอย่างกับเขื่อนกั้นน้ำแตก”“ถะ… เถ้าแก่พูดอะไรน่าอาย” ใบหน้าหวานระเรื่อด้วยสีแดงอย่างกับแต้มชาดยามได้ยินคำกล่าวของสามีสูงวัยที่โชกโชนไปด้วยประสบการณ์“เรื่องจริงทั้งนั้น ยอมรับเถอะ ล้วนเป็นเรื่องธร
บทที่ 1'คลุมถุงชน'.."ยังไงหนูก็ไม่แต่งนะคะ"เสียงใสหวานของสตรีรูปโฉมงดงามดังขึ้นภายในเคหาสน์หลังขนาดกลางที่มีรูปทรงแบบเรือนจีนโบราณเก่าแก่ตั้งตระหง่านมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์หมิงที่ผ่านการทะนุบำรุงรักษามาหลายครั้ง และก็ผ่านเจ้าของมาหลายมือจนตอนนี้ตกเป็นทรัพย์สินของสกุลหยางผู้มีอาชีพเปิดร้านขายบะหมี่ที่ถนนชวงเหอย่านการค้าสำคัญของเมือง'หยางเยว่' บุตรสาวคนที่สามของบ้านหลังนี้กำลังโวยวายด้วยท่าทางไม่ยินยอมยามถูกบังคับให้แต่งงานกับชายชราที่หมู่บ้านหนานสวินถึงแม้จะร่ำรวยแต่เพื่อนของเธอทุกคนกลับบอกว่าเขาแก่รุ่นราวคราวพ่อ ต้องแต่งงานกับคนอายุเท่าพ่อมันจะมองเป็นสามีลงได้อย่างไรในเมื่อมองหน้าเขาแล้วก็คงจะคล้ายว่าเห็นหน้าพ่อ"จะดื้อรั้นไปไย ยังไงเสียก็ต้องแต่ง พ่อรับสินสอดเขามาแล้ว"เมื่อได้ยินสิ่งที่บิดาพูดหยางเยว่ก็แทบลมจับ "รับสินสอดมาแล้ว เหตุใดหนูไม่รู้เรื่องเลย?""ก็หล่อนมัวแต่เที่ยวเล่นอยู่นอกบ้านจะไปรู้ได้อย่างไร" ผู้เป็นมารดาเลี้ยง ภรรยาคนใหม่ของบิดาเดินเข้ามาด้วยท่าทางหยิ่งยโสก่อนจะหันไปกอดแขนบิดาของหยางเยว่ท่าทางออดอ้อน "ตอนนี้สินสอดที่รับมาก็เอาไปใช้แล้วส่วนหนึ่งด้วย ถ้าหล่อนไม่แต่ง