บทที่ 1
'คลุมถุงชน'
.
.
"ยังไงหนูก็ไม่แต่งนะคะ"
เสียงใสหวานของสตรีรูปโฉมงดงามดังขึ้นภายในเคหาสน์หลังขนาดกลางที่มีรูปทรงแบบเรือนจีนโบราณเก่าแก่ตั้งตระหง่านมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์หมิงที่ผ่านการทะนุบำรุงรักษามาหลายครั้ง และก็ผ่านเจ้าของมาหลายมือจนตอนนี้ตกเป็นทรัพย์สินของสกุลหยางผู้มีอาชีพเปิดร้านขายบะหมี่ที่ถนนชวงเหอย่านการค้าสำคัญของเมือง
'หยางเยว่' บุตรสาวคนที่สามของบ้านหลังนี้กำลังโวยวายด้วยท่าทางไม่ยินยอมยามถูกบังคับให้แต่งงานกับชายชราที่หมู่บ้านหนานสวินถึงแม้จะร่ำรวยแต่เพื่อนของเธอทุกคนกลับบอกว่าเขาแก่รุ่นราวคราวพ่อ ต้องแต่งงานกับคนอายุเท่าพ่อมันจะมองเป็นสามีลงได้อย่างไรในเมื่อมองหน้าเขาแล้วก็คงจะคล้ายว่าเห็นหน้าพ่อ
"จะดื้อรั้นไปไย ยังไงเสียก็ต้องแต่ง พ่อรับสินสอดเขามาแล้ว"
เมื่อได้ยินสิ่งที่บิดาพูดหยางเยว่ก็แทบลมจับ "รับสินสอดมาแล้ว เหตุใดหนูไม่รู้เรื่องเลย?"
"ก็หล่อนมัวแต่เที่ยวเล่นอยู่นอกบ้านจะไปรู้ได้อย่างไร" ผู้เป็นมารดาเลี้ยง ภรรยาคนใหม่ของบิดาเดินเข้ามาด้วยท่าทางหยิ่งยโสก่อนจะหันไปกอดแขนบิดาของหยางเยว่ท่าทางออดอ้อน "ตอนนี้สินสอดที่รับมาก็เอาไปใช้แล้วส่วนหนึ่งด้วย ถ้าหล่อนไม่แต่งจะหาเงินจากที่ไหนไปชดใช้เขา"
"เอาไปใช้ทำอะไร เหตุใดถึงรีบร้อนใช้ถึงเพียงนี้?"
"ก็ที่ดินตรงร้านบะหมี่ของเรากำลังจะถูกขายไปสร้างตึกใหม่ให้ทันสมัยแบบตะวันตก ถ้าไม่มีเงินไปซื้อที่ตรงนั้นไว้ก็ต้องหอบข้าวหอบของออกจากตรงนั้นไม่ได้ขายของอีก ที่ทางสมัยนี้มันก็หายากและราคาแพงจะไปหาเช่าที่ใหม่ก็คงยากจึงเก็บที่เก่าเอาไว้ดีกว่า ประจวบเหมาะกับที่ว่าเถ้าแก่ซ่งต้องการแต่งภรรยาอยู่พอดิบพอดี ฉันกับพ่อเธอเลยลองส่งรูปเธอไปให้ เถ้าแก่ซ่งดันถูกใจเลยส่งแม่สื่อมาสู่ขอเธอถึงได้สินสอดมานี่ไง"
"แต่ไม่คิดจะถามฉันเลยเหรอ ความสมัครใจของฉัน?"
"เป็นบุตรก็ต้องกตัญญูต่อบิดามารดาสิ และการแต่งงานของเธอก็ทำให้สกุลหยางรอดพ้นทุกข์ภัย ได้ค้าขายทำมาหากินต่อไปก็ถือว่าเสียสละตนเองเพื่อส่วนรวมแล้วกัน"
"ยังไงฉันก็ไม่แต่ง!"
ว่าจบหยางเยว่ก็วิ่งหนีออกมาด้วยสีหน้าบึ้งตึง เท้ากระแทกลงบนพื้นเสียงดังตึงตัง แม้จะมีเสียงตะโกนด่าทอของบิดาตามหลังมาแต่เธอก็หาได้สนใจ เหตุอะไรจะต้องยอมแต่งงานกับคนแก่รุ่นราวคราวบิดาด้วย เธอยังสาวยังสวยยังหาชายหนุ่มหล่อเหลากำยำมาบำเรอกามได้อีกตั้งมาก ทำไมจะต้องไปนอนอ้าขาให้ตาแก่หนังเหี่ยวเอาอะไรเหี่ยว ๆ ยัดเข้ามาในตัวด้วย
ความบริสุทธิ์ของเธอควรเป็นของหนุ่มเร่าร้อนสิ!
……….
.
ขบวนเจ้าสาวสุดแสนอลังการที่มีคนเดินนำและเดินตามขบวนมากมาย เสียงเครื่องดนตรีบรรเลงดังไปทั้งถนนจนเหล่าชาวบ้านต่างออกมามุงดูเต็มสองข้างทาง หลายคนล้วนยินดีปรีดาแต่หลายคนก็คล้ายว่าจะอิจฉาวาสนาของหญิงสาวภายในเกี้ยวที่ได้แต่งเป็นภรรยาของเฒ่าแก่ซ่งแห่งหนานสวินผู้ร่ำรวย
แต่เจ้าสาวที่หลายคนอิจฉากลับนั่งบูดบึ้งภายใต้ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว สุดท้ายหยางเยว่ก็ต้องยอมแต่งงานเพื่อครอบครัวเพราะบิดาและมารดาเลี้ยงดันเอาสินสอดที่ได้รับมาไปใช้แล้วไม่มีปัญญาชดใช้คืนด้วย ก็ได้แค่ทำใจยอมกัดฟันสวมชุดเจ้าสาวนั่งเกี้ยวออกมาจากบ้าน แต่ก็ถือเสียว่าหลุดพ้นจากครอบครัวหน้าเลือดเสียที อย่างน้อยแต่งงานกับคนร่ำรวยก็คงจะสบายกว่าอยู่ที่บ้านแน่นอน
เจ้าสาวรูปโฉมงดงามมิหนำซ้ำยังอ่อนวัยก้าวเท้าเข้ามาภายในเคหาสน์สกุลซ่งที่อยู่ภายใต้รั้วอณาเขตที่กว้างใหญ่เทียบกับบ้านของเธอต่างกันลิบลับ หญิงสาวมองไปยังเจ้าบ่าวในชุดสีแดงที่กำลังเดินเข้ามาหาเธอ ดวงตาพยายามเพ่งพินิจมองให้ชัดว่าหน้าตาแก่ชรามากเพียงใดแต่ภายใต้ผ้าคลุมหน้าสีแดงกลับมองเห็นถึงใบหน้าที่ยังคงหนุ่มแน่นและตึงไปเสียทุกส่วน
ไหนว่าเขารุ่นราวคราวบิดาของเธอไง
ไหนว่าเหี่ยวไปเสียทุกส่วน
แต่ทำไมผู้ชายตรงหน้าของเธอตอนนี้ถึงได้หล่อเหลา ใบหน้ารูปงามไม่ได้มีเคล้าความแก่ชราสักนิดเดียว ถึงแม้ใบหน้าจะดูเหนื่อยล้าแบบคนอายุมากผ่านโลกมานานแล้วก็ตาม แต่ก็ไร้ร่องรอยเหี่ยวย่นจะมีเพียงหางตาที่คล้ายว่าจะมีเส้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
มือใหญ่ยื่นมาตรงหน้า เพราะมัวแต่อึ้งในความหล่อเหลาของเจ้าบ่าวทำให้หยางเยว่ไม่ได้ยื่นมือไปจับมือเขา
'ซ่งอี้' ผู้เป็นเจ้าบ่าวในวันนี้เมื่อเห็นท่าทางของเจ้าสาวที่ไม่ยอมยื่นมือมาหาก็หน้าเสียเล็กน้อยและคิดไปว่านางคงไม่เต็มใจแต่งงานกับตนนัก แต่ก็ไม่แปลกนักเพราะมันคือการแต่งงานแบบคลุมถุงชนผู้ใหญ่ล้วนจัดการทั้งสิ้น เด็กแบบนางคงไม่มีปากมีเสียงจะต่อรองอะไรทั้งนั้นนอกจากยอมฝืนใจสวมชุดเจ้าสาวมาเข้าประตูวิวาห์กับเขาในวันนี้
"ขอมือเธอได้หรือไม่?" เขาพูดอย่างนุ่มนวล
หยางเยว่ได้สติกลับคืนมาจึงยื่นมือไปให้เขาจับก่อนจะยกยิ้มเล็กน้อยผ่านผ้าคลุมหน้าสีแดง ทั้งสองร่วมเดินเคียงข้างกันเข้ามาในเรือนพิธีการเพื่อเริ่มขั้นตอนต่อไปให้การแต่งงานเสร็จสิ้นสมบูรณ์ท่ามกลางเสียงดนตรีและรอยยิ้มอย่างยินดีปรีดาของแขกเหรื่อภายในงานที่ล้วนมาร่วมยินดีกับทั้งสองคน
หลังจากเสร็จสิ้นพิธีการเจ้าสาวคนงามก็ถูกพามารอที่ห้องหอที่ถูกตกแต่งด้วยสีแดงแม้กระทั่งเครื่องนอน หยางเยว่ที่รอนานแล้วก็นึกหิวเลยเปิดผ้าคลุมออกก่อนจะเดินมายังโต๊ะที่มีอาหารจัดเรียงเอาไว้มากมายโดยเฉพาะหมูย่างหนังกรอบจนอดไม่ได้ที่จะใช้ตะเกียบคีบเนื้อส่วนติดมันขึ้นมากิน
"อร่อยจังเลย" ดวงตาหญิงสาวทอประกายวิบวับอย่างมีความสุขยามได้กินของอร่อยจนแทบจะลอยได้ เธอไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า
ประตูเรือนถูกเปิดออกจนหญิงสาวที่กำลังสวาปามหมูหันตกใจจนทำตะเกียบในมือร่วง ดวงตาคู่สวยมองสามีหมาด ๆ ที่ก้าวเท้าเดินเข้ามาในเรือนด้วยท่าทางทำอะไรไม่ถูก เนื้อส่วนติดมันฉ่ำ ๆ ยังคาอยู่ในปากอยู่เลย
"ขะ… ขอโทษค่ะ" เธอรีบวิ่งจะกลับไปนั่งที่เตียงเหมือนเดิมแต่กลับถูกซ่งอี้คว้าแขนเอาไว้แล้วดึงนางเข้าหาจนใบหน้าซบเข้ากับอกกว้างอย่างจัง
ไหนว่าเขาเป็นตาแก่หนังเหี่ยวไง ทำไมกล้ามเนื้อมันแน่นขนาดนี้ อกผายไหล่ผึ่งสมเป็นชายชาตรี ภายใต้อาภรณ์ต้องมีมัดกล้ามเนื้อกำยำซ่อนอยู่แน่ ๆ จนอยากจะปลดเปลื้องอาภรณ์เขาออกแล้วลูบคลำขยำขยี้ให้สะใจเสียจริง
"เธอไม่อยากแต่งงานกับฉัน"
"ก็ปกตินี่คะ ไม่เห็นแปลก เถ้าแก่ต่างหากที่ไม่ปกติ ทำไมต้องอยากแต่งงานกับฉันด้วยคะ?"
"เพราะเธอเกิดปีมะเมีย"
"เกี่ยวตรงไหนคะ?"
"ฉันเกิดปีขาล เนื้อคู่ที่เหมาะสมคือปีมะเมียและมันก็มีแค่เธอที่เกิดปีนักษัตรที่ดวงสมพงษ์กับฉัน หมอดูบอกว่าถ้าได้แต่งงานด้วยจะส่งผลให้รุ่งเรืองก้าวหน้า ดวงค้ำจุนหนุนนำซึ่งกันและกัน เป็นคู่ที่เสริมกันดีมาก ๆ"
หยางเยว่ที่ได้ฟังเหตุผลก็พอจะเข้าใจคนแก่ก็แบบนี้เชื่อเรื่องดวงชะตาเป็นสำคัญถึงว่าทำไมเลือกแต่งงานกับเธอทั้งที่ผู้หญิงมีเป็นร้อยให้เลือกสรรค์แต่ส้มดันมาหล่นใส่หัวเธอเฉยเลย
"หยางเยว่ใช่ไหม?" เขาเชยคางนางให้เงยขึ้นสบตา
"ค่ะ"
"เข้าหอกันดีไหม?"
หญิงสาวยังไม่ทันจะได้ตอบอะไรด้วยซ้ำ ริมฝีปากหนาก็ประกบจูบลงมาอย่างเร่าร้อนดูดดื่ม เขากัดปากนางเล็กน้อยคล้ายว่าต้องการให้เผยริมฝีปากออก สอดแทรกลิ้นเข้ามากวาดต้อนในโพรงปากเล็กไล่ต้อนลิ้นเล็กที่กำลังหลีกหนีจนหยางเยว่แทบจะหายใจหายคอไม่ทันเพราะนี่เป็นจูบแรกของเธอ
มือใหญ่อีกข้างเลื่อนต่ำลงมายังระหว่างขาเรียวแล้วสอดมือเข้าไปถูไถกลีบอ่อนนุ่มภายใต้ชุดเจ้าสาวจนหยางเยว่ตกใจรีบผละใบหน้าออกแล้วหนีบขาแน่นเมื่อนิ้วใหญ่กำลังถูตรงจุดอ่อนไหวเสียขนลุกชัน
"นี่เป็นครั้งแรกของเยว่เยว่ เถ้าแก่โปรดอ่อนโยนด้วย"
"ฉันจะสอนเธอเอง รับรองว่าเธอจะติดใจ"
น้ำเสียงนุ่มกระซิบที่ข้างใบหูเล็กก่อนจะผลักเจ้าสาวคนงามไปยังเตียง หยางเยว่หงายหลังล้มลงบนเตียงสีแดงที่โปรยด้วยกลีบกุหลาบโดยมีซ่งอี้ยืนอยู่ที่ปลายเท้า
เขาปลดเปลื้องอาภรณ์ออกจากกายอย่างเชื่องช้า เผยให้เห็นกล้ามเนื้ออันแข็งแกร่งที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน ความแข็งแรงที่ไม่มีผู้ใดได้เห็นนอกจากนางผู้เป็นภรรยา บรรดาเพื่อนของนางต่างบอกว่าเขาคงเป็นตาแก่พุงพลุ้ยเป็นแน่ แต่พวกเขาคิดผิดเสียแล้วนอกจากจะไม่มีพุงแล้วยังอุดมไปด้วยมัดกล้ามเนื้อกำยำอีกต่างหาก
บทที่ 2‘ค่ำคืนวสันต์’..เสียงครวญครางดังขึ้นภายในห้องหอที่ประดับประดาด้วยสีแดงมงคลช่างร้อนแรงเหมาะแก่ค่ำคืนวสันต์ที่หอมหวาน ยิ่งฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดภายในสุรามงคลทำงานมากเท่าไหร่ร่างกายของบ่าวสาวต่างวัยก็ยิ่งร้อนรุ่มจนแทบทนไม่ไหวอยากจะบำเรอกามาให้กันอย่างถึงที่สุด“ถะ… เถ้าแก่ อ๊า~”“ชอบหรือไม่?”ซ่งอี้ที่หมกใบหน้าอยู่กับหน้าอกเล็กเงยหน้าขึ้นสบตากับภรรยาคนงามที่ยามนี้ใบหน้าแดงซ่านอย่างน่าเอ็นดูยิ่งนักแต่ยิ่งปลุกเร้าอารมณ์เขามากกว่าเดิมอีกจนตอนนี้ปวดหนึบที่กลางกายมากแต่ต้องอดทนเพราะเป็นครั้งแรกของหยางเยว่จึงไม่อยากทำให้เธอต้องหวาดกลัว“ขะ… ข้ารู้สึกแปลก ๆ มันเหมือนจะฉี่ราดเลย”“เด็กน้อยเสียจริง” เขาหยิกแก้มเธออย่างนึกเอ็นดูนิ้วใหญ่เลื่อนลงไปปาดตรงกลีบดอกไม้งามทำเอาหยางเยว่สะดุ้ง สองนิ้วชูขึ้นก่อนจะยิ้มออกมายามเห็นน้ำหยาดเยิ้ม “มันไม่ใช่ฉี่หรอก เธอแค่เสร็จสมจนน้ำแตกออกมาเท่านั้นเอง ดูสิเยิ้มอย่างกับเขื่อนกั้นน้ำแตก”“ถะ… เถ้าแก่พูดอะไรน่าอาย” ใบหน้าหวานระเรื่อด้วยสีแดงอย่างกับแต้มชาดยามได้ยินคำกล่าวของสามีสูงวัยที่โชกโชนไปด้วยประสบการณ์“เรื่องจริงทั้งนั้น ยอมรับเถอะ ล้วนเป็นเรื่องธร
บทที่ 3‘อึดถึกทนอย่างกับม้า'..ซ่งอี้ลืมตาตื่นขึ้นมาในยามเช้าเมื่อควานมือหาร่างอรชรของภรรยายอดรักแต่กลับไม่พบเจอผู้ใดเลย เจอเพียงเตียงที่ว่างเปล่าเท่านั้นจึงลุกขึ้นนั่งก่อนจะบีบนวดหัวไหล่และหลังคอเล็กน้อย แขนใหญ่ยกขึ้นก่อนจะหมุนเพื่อขับไล่ความเมื่อยล้าจากกิจกรรมรักอันหนักหน่วงเมื่อคืน “ฮึบ!”เสียงคล้ายคนออกแรงดังอยู่หน้าเรือนจนซ่งอี้นึกสงสัย เขาหยิบเอาเสื้อคลุมมาสวมใส่ก่อนจะเดินออกมายังหน้าต่างที่ถูกเปิดเอาไว้เพื่อทอดสายตามองหยางเยว่ที่กำลังทำท่าทางแปลก ๆ อยู่ เมื่อมองดี ๆ ก็คล้ายว่าเธอกำลังออกกำลังกายยามเช้าอยู่เขาเลยเลือกจะเดินเงียบ ๆ เข้ามาด้านหลังของภรรยาเด็กผู้กระปรี้กระเปร่าแล้วสวมกอดนางเอาไว้“ว้าย!” หยางเยว่ร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจจนเกือบจะหันไปต่อยสามียังดีที่เขาเอียงใบหน้าหลบได้ทันอย่างฉิวเฉียดไปเพียงนิดเดียว“เถ้าแก่ทำอะไรเนี่ย?” เธอทำหน้ามุ่ยใส่เขา ไม่เข้าใจว่าสามีอายุมากคนนี้จะทำอะไรอีก“ยังมีแรงล้นเหลือขนาดนี้เลยหรือ?”“ทำไมคะ แค่นี้เถ้าแก่ก็หมดแรงแล้วเหรอ?”“ฉันมันคนแก่ไม่ใช่เด็กแบบเธอ”“รู้ตัวด้วยเหรอคะ?” เธอยิ้มหน้าทะเล้น“ฉันยอมรับว่าแก่แล้ว แต่คนแก่แบบฉันก็ทำเ
บทที่ 4'ฮูหยินผู้เฒ่า'..หยางเยว่เดินเล่นอยู่ภายในสวนดอกไม้ที่มีดอกไม้เบ่งบานหลายสายพันธุ์ บางสายพันธุ์ก็นำเข้ามาจากต่างชาติงดงามแปลกตาแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เช่นดอกสีแดงสดเด่นมากอย่างกับเลือด ตรงเกสรมีสีเหลืองตัดงดงามไม่ใช่น้อยยิ่งปลูกเรียงรายติดกันยิ่งดูงามตาราวกับทุ่งสวรรค์ พวกต่างชาติที่นำเข้ามากับเรือสินค้าเรียกมันว่าดอกป๊อปปี้แล้วก็ยังมีเหมยกุ้ยฮวาสีขาวอีก ปกติที่นี่จะมีแต่สีชมพูและแดง พอมีสีขาวเข้ามาขายจึงนับว่าแปลกตาพวกเศรษฐีต่างพากันซื้อมาประดับบารมีกันยกใหญ่เคหาสน์แห่งนี้ก็ไม่ต่างกัน ล้วนมีแต่ดอกไม้สายพันธุ์หายากที่ยังมีขายไม่แพร่หลายมากมายเหมาะสมแก่การเพาะพันธุ์แล้วนำไปขายต่อเป็นอย่างมาก คิดว่ายังไงก็ต้องขายได้เพราะดอกไม้พวกนี้ผู้ใดก็อยากซื้อหาไว้ประดับบ้านให้เจริญตากันทั้งนั้น“เธออย่าจับดอกไม้พวกนั้นมากสิ”เสียงหนึ่งดังขึ้นจนหยางเยว่ต้องหันไปมองก็พบว่าเป็น ‘ฉีเหมยหลิว’ บุตรสาวคนรองสกุลฉีที่เดิมทีผู้คนภายนอกร่ำลือกันว่าถูกนายท่านซ่งวางตัวไว้จะให้แต่งงานกับซ่งอี้ แต่เพราะฮูหยินผู้เฒ่าไม่ยินยอมเห็นว่าชะตาของนางไม่สมพงษ์กับหลานชายเพียงคนเดียวกลัวว่าจะทำให้ซ่งอี้เกิดเภทภัย
บทที่ 5‘ทิวทัศน์ขอบหน้าต่าง’..“ฮูหยินผู้เฒ่ายังแข็งแรงอยู่เลยนะคะ” หยางเยว่กล่าวขึ้นยามรินชาใส่ถ้วยให้สามีที่ตอนนี้นั่งพักกันอยู่ภายในเรือน“ปีนี้อายุ 70 แล้ว แต่ยังแข็งแรงมาก”“จริงค่ะ พ่อฉันอายุ 40 กว่ายังดูแก่กว่าอีก”“แต่คุณย่ามักจะบอกว่ามันเป็นเวรกรรมที่ทำให้คุณย่าต้องอายุยืนเพื่ออยู่กับความเจ็บปวดจากการสูญเสียคุณพ่อกับคุณอาของฉัน ไหนจะคุณแม่ และคุณปู่ของฉันอีก คุณย่าบอกว่าสมัยสาว ๆ คุณย่าเองก็เป็นคนร้ายกาจคนหนึ่ง ทำเรื่องไม่ดีกับคนไว้มากจึงต้องรับกรรม คนที่รักล้วนตายจากไปหมด แม้แต่ศัตรูก็ยังตายจากไม่เหลือ เพราะแบบนี้คุณย่าถึงได้อยากให้ฉันแต่งงานกับคนที่ดวงสมพงษ์กันจะได้เกื้อหนุนชีวิตไม่ต้องตกอับและมีเรื่องเจ็บช้ำเหมือนคุณย่า คุณย่าเชื่อเรื่องเวรกรรมและโชคชะตาจึงค่อนข้างเข้มงวดกับคู่ครองของฉันมากเพราะกลัวว่าฉันจะตายจากท่านไปอีกคนหนึ่ง”หยางเยว่ที่ได้ฟังก็เข้าใจเป็นอย่างดีเพราะเธอเองก็เคยได้ยินชื่อเสียงในเรื่องฤทธิ์เดชของฮูหยินผู้เฒ่ามาก่อนเหมือนกันว่าตอนสาว ๆ ก็จัดจ้านไม่แพ้ใครเลย สตรีคนไหนกล้ามายุ่งกับสามีก็จัดการซะเรียบ แล้วยังบงการชีวิตบุตรชายทุกอย่างอีกด้วย ความจริงตอนนี้
บทที่ 6‘โต๊ะทำงานร้อนรัก’..“เถ้าแก่ซ่งนี่บัญชีสินค้ารอบนี้ครับ”‘จงหยาง’ ผู้ช่วยคนสนิทของซ่งอี้เดินเอาใบสินค้าที่ลงตราประทับภาษีเรียบร้อยแล้วเพราะสินค้าทุกชิ้นต้องได้รับการตรวจสอบจากทางการและเสียภาษีอย่างถูกต้องเพื่อไม่ให้เป็นปัญหาในภายหลัง การขายของเลี่ยงภาษีก็คือของผิดกฎหมายโดนจับขึ้นมามันจะไม่คุ้มเสีย“วันนี้ฉันกลับไวหน่อยนะจะพาฮูหยินไปเที่ยวไนต์คลับที่เซี่ยงไฮ้เสียหน่อย”“ได้ครับ เดี๋ยวผมจัดการเรื่องรับของเข้าคลังเองครับ”ซ่งอี้พยักหน้ารับเล็กน้อยก่อนจะก้มลงมองบัญชีสินค้ารอบนี้เพื่อเช็กให้ละเอียดถี่ถ้วนว่ามีสิ่งใดบ้างและเสียภาษีอย่างถูกต้องไหม เหมือนจะมีสินค้าใหม่ที่ไม่เคยนำมาขายเข้ามาด้วยมันเรียกว่าฟานเฉียเจี้ยง“ฟานเฉียเจี้ยงคือสิ่งใดหรือ?”“คือซอสสีแดงที่นำเอาซีหงซื่อไปบดแล้วนำมาเคี่ยวจนกลายเป็นน้ำเหนียว ๆ จากนั้นก็ปรุงรสด้วยเกลือเล็กน้อย น้ำตาลเล็กน้อย แล้วบรรจุใส่ขวดขาย พวกคนตะวันตกชอบกินมันกับเนื้อขอรับ”“อ้อ” ซ่งอี้พยักหน้ารับอย่างเข้าใจแล้วเพราะเขาก็เคยกินสเต๊กของภัตตาคารตะวันตกเหมือนกัน จะมีซอสสีแดงรสชาติเปรี้ยวหวาน และซอสสีเหลืองรสชาติแปลก ๆ ให้จิ้มด้วย ยังไม่ค่อยแพร
บทที่ 7‘ดื่มด่ำความสุขในยามราตรี’..Shanghai.ใจกลางเมืองเซี่ยงไฮ้เต็มไปด้วยแสงสีตระการตา ยามราตรีที่ควรเงียบสงบกลับมีแต่เสียงเพลงและเสียงพูดคุยดังอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะเดินไปหัวมุมถนนไหน ตึกปูนรูปทรงแบบตะวันตกที่ประดับประดาด้วยไฟหลากหลายสีที่ห้อยระโยงระยางจนสว่างไสว มันคือความเจริญที่คนนอกเมืองเซี่ยงไฮ้ไม่มีทางได้สัมผัสเพราะหลังจากสงครามทั้งในและนอกที่ประเทศต้องเผชิญมาอย่างหนักหน่วง ทำให้หลายพื้นที่ยังไม่ได้รับการฟื้นฟูด้วยซ้ำก็มีเพียงใจกลางเมืองใหญ่เท่านั้นที่พอจะเห็นถึงความศิวิไลซ์ที่พอจะเรียกได้เต็มปากเต็มคำว่าเจริญหูเจริญตาหยางเยว่ในชุดกี่เพ้าแบบจีนแท้ ๆ ปักทอลวดลายซิ่งฮวาสีแดงที่ตัดกับสีเขียวของชุดได้เป็นอย่างดี แต่สตรีที่เดินผ่านเธอไปล้วนแต่งชุดกระโปรงแบบชาวตะวันตกที่มันพลิ้วไหวเบ่งบานยามเดินหรืิอหมุนตัว มองแล้วก็เพลินตาไม่น้อยเลยทีเดียวเห็นเรียกกันว่าชุดเดรส เธอเองก็อยากใส่เหมือนกันแต่ไม่รู้ว่าสามีจะชอบหรือเปล่าเพราะเขาไม่ชอบฉีเหมยหลิว และฉีเหมยหลิวก็แต่งตัวแบบชาวตะวันตกจ๋า ๆ เลยกลัวว่าเขาจะไม่ชอบสตรีแบบนั้นจึงไม่กล้าแต่ง“เถ้าแก่จะพาฉันไปไหนคะ?” เธอเดินมาควงแขนสามีด้วยรอยยิ
บทที่ 8'ค่ำคืนในเซี่ยงไฮ้'..เสียงร้องเพลงดังขึ้นภายในห้องของโรงแรมหรูหราใจกลางเมืองเซี่ยงไฮ้ที่ไม่ยอมหลับใหล แม้ตอนนี้จะดึกดื่นมากแล้วก็ตามแต่ไฟในเมืองก็ยังสว่างไสวอยู่ หยางเยว่ที่ยังคงอินกับการเที่ยวไนต์คลับก็จำเอาเพลงของนักร้องสาวมาร้องบ้าง ไม่พอยังเต้นยั่วยวนเลียนแบบหล่อนตรงหน้าของซ่งอี้ที่นั่งอยู่อีกด้วยซิปของชุดกี่เพ้าถูกรูดลงก่อนที่มือเล็กจะถอดแขนเสื้อออกจนเผยให้เห็นหน้าอกเล็กภายใต้ชุดชั้นในลายลูกไม้สีดำที่มันตัดกับผิวขาวได้เป็นอย่างดี ร่างเล็กก้าวขึ้นไปคร่อมทับบนตักใหญ่เอาไว้แล้วบดเบียดเสียดสีร่างกายส่วนล่างเข้าหากันจนสัมผัสได้ถึงความแข็งนูนภายใต้เนื้อผ้า“แค่นี้เถ้าแก่ก็แข็งแล้วเหรอ?”“ฉันแข็งตั้งแต่เข้ามาในห้องแล้ว อยากเอาเธอใจจะขาด”“ใจเย็นก่อนสิคะ ใจเย็น” นิ้วเรียวลากไล้ลงมายังอกกว้างก่อนจะปลดเปลื้องกระดุมออกแล้วแหวกสาบเสื้อเชิ้ตให้กว้าง ใบหน้าหวานซบลงไปถูไถกับอกกว้างที่แสนอบอุ่นในตอนนี้หยางเยว่โดนฤทธิ์ไวน์นอกเล่นงานเสียแล้ว เธอเมามายเสียจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ กระทำในสิ่งที่หัวใจปรารถนาอย่างไร้ซึ่งความเขินอาย ลิ้นเล็กลากเลียที่ยอดอกทั้งสองข้างของสามีจนได้ยินเสียงครางเข
บทที่ 9‘หน้าอกที่ใหญ่ขึ้น’..เป็นเวลาสามเดือนแล้วที่หยางเยว่แต่งเข้ามาเป็นฮูหยินใหญ่สกุลซ่ง ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมาก เธอกับเถ้าแก่ซ่งก็ยังคงศึกษาซึ่งกันและกันเพื่อเรียนรู้ในตัวตนของอีกฝ่ายจนตอนนี้ก็เข้าใจกันมากขึ้นแล้ว นับว่าเป็นสามีภรรยาที่สมบูรณ์แบบคู่หนึ่งส่วนเรื่องความรัก แม้นในตอนแรกของการแต่งงานจะเป็นการคลุมถุงชนที่ผู้ใหญ่เป็นฝ่ายจัดการทั้งหมดก็ตามและเธอก็ยอมรับว่าไม่ได้อยากแต่งงานกับซ่งอี้เท่าไหร่นัก แต่พอได้อยู่ด้วยกันนานวันเข้ามันก็ยิ่งมีความผูกพัน จากความผูกพันก็กลายเป็นความรักที่ก่อตัวขึ้นอย่างช้า ๆ แต่หนักแน่นวันนี้เธอทำขาหมูตุ๋นยาจีนเลยจะเอาไปให้ซ่งอี้ที่ร้านเสียหน่อย ก่อนหน้านี้ก็นำไปฝากฮูหยินผู้เฒ่ามาแล้วด้วยหนึ่งถ้วย ฮูหยินผู้เฒ่าเอ็นดูเธอมากนับว่าเป็นความโชคดี ถึงสกุลซ่งจะร่ำรวยแต่ก็คล้ายว่าถูกคำสาปเพราะคนในครอบครัวนี้มักจะมีอายุขัยที่สั้นเสียส่วนใหญ่ เธออยู่ที่นี่ก็ได้ยินเรื่องเล่าจากปากของบ่าวรับใช้เก่าแก่มาไม่น้อยเลยคุณแม่ของซ่งอี้ตายตั้งแต่คลอดเขาออกมา ส่วนคุณอาของเขาก็มาตายจากไปหลังจากคุณแม่ตายไปเพียงหนึ่งปีจากอุบัติเหตุทางน้ำ คุณ
บทที่ 9‘หน้าอกที่ใหญ่ขึ้น’..เป็นเวลาสามเดือนแล้วที่หยางเยว่แต่งเข้ามาเป็นฮูหยินใหญ่สกุลซ่ง ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมาก เธอกับเถ้าแก่ซ่งก็ยังคงศึกษาซึ่งกันและกันเพื่อเรียนรู้ในตัวตนของอีกฝ่ายจนตอนนี้ก็เข้าใจกันมากขึ้นแล้ว นับว่าเป็นสามีภรรยาที่สมบูรณ์แบบคู่หนึ่งส่วนเรื่องความรัก แม้นในตอนแรกของการแต่งงานจะเป็นการคลุมถุงชนที่ผู้ใหญ่เป็นฝ่ายจัดการทั้งหมดก็ตามและเธอก็ยอมรับว่าไม่ได้อยากแต่งงานกับซ่งอี้เท่าไหร่นัก แต่พอได้อยู่ด้วยกันนานวันเข้ามันก็ยิ่งมีความผูกพัน จากความผูกพันก็กลายเป็นความรักที่ก่อตัวขึ้นอย่างช้า ๆ แต่หนักแน่นวันนี้เธอทำขาหมูตุ๋นยาจีนเลยจะเอาไปให้ซ่งอี้ที่ร้านเสียหน่อย ก่อนหน้านี้ก็นำไปฝากฮูหยินผู้เฒ่ามาแล้วด้วยหนึ่งถ้วย ฮูหยินผู้เฒ่าเอ็นดูเธอมากนับว่าเป็นความโชคดี ถึงสกุลซ่งจะร่ำรวยแต่ก็คล้ายว่าถูกคำสาปเพราะคนในครอบครัวนี้มักจะมีอายุขัยที่สั้นเสียส่วนใหญ่ เธออยู่ที่นี่ก็ได้ยินเรื่องเล่าจากปากของบ่าวรับใช้เก่าแก่มาไม่น้อยเลยคุณแม่ของซ่งอี้ตายตั้งแต่คลอดเขาออกมา ส่วนคุณอาของเขาก็มาตายจากไปหลังจากคุณแม่ตายไปเพียงหนึ่งปีจากอุบัติเหตุทางน้ำ คุณ
บทที่ 8'ค่ำคืนในเซี่ยงไฮ้'..เสียงร้องเพลงดังขึ้นภายในห้องของโรงแรมหรูหราใจกลางเมืองเซี่ยงไฮ้ที่ไม่ยอมหลับใหล แม้ตอนนี้จะดึกดื่นมากแล้วก็ตามแต่ไฟในเมืองก็ยังสว่างไสวอยู่ หยางเยว่ที่ยังคงอินกับการเที่ยวไนต์คลับก็จำเอาเพลงของนักร้องสาวมาร้องบ้าง ไม่พอยังเต้นยั่วยวนเลียนแบบหล่อนตรงหน้าของซ่งอี้ที่นั่งอยู่อีกด้วยซิปของชุดกี่เพ้าถูกรูดลงก่อนที่มือเล็กจะถอดแขนเสื้อออกจนเผยให้เห็นหน้าอกเล็กภายใต้ชุดชั้นในลายลูกไม้สีดำที่มันตัดกับผิวขาวได้เป็นอย่างดี ร่างเล็กก้าวขึ้นไปคร่อมทับบนตักใหญ่เอาไว้แล้วบดเบียดเสียดสีร่างกายส่วนล่างเข้าหากันจนสัมผัสได้ถึงความแข็งนูนภายใต้เนื้อผ้า“แค่นี้เถ้าแก่ก็แข็งแล้วเหรอ?”“ฉันแข็งตั้งแต่เข้ามาในห้องแล้ว อยากเอาเธอใจจะขาด”“ใจเย็นก่อนสิคะ ใจเย็น” นิ้วเรียวลากไล้ลงมายังอกกว้างก่อนจะปลดเปลื้องกระดุมออกแล้วแหวกสาบเสื้อเชิ้ตให้กว้าง ใบหน้าหวานซบลงไปถูไถกับอกกว้างที่แสนอบอุ่นในตอนนี้หยางเยว่โดนฤทธิ์ไวน์นอกเล่นงานเสียแล้ว เธอเมามายเสียจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ กระทำในสิ่งที่หัวใจปรารถนาอย่างไร้ซึ่งความเขินอาย ลิ้นเล็กลากเลียที่ยอดอกทั้งสองข้างของสามีจนได้ยินเสียงครางเข
บทที่ 7‘ดื่มด่ำความสุขในยามราตรี’..Shanghai.ใจกลางเมืองเซี่ยงไฮ้เต็มไปด้วยแสงสีตระการตา ยามราตรีที่ควรเงียบสงบกลับมีแต่เสียงเพลงและเสียงพูดคุยดังอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะเดินไปหัวมุมถนนไหน ตึกปูนรูปทรงแบบตะวันตกที่ประดับประดาด้วยไฟหลากหลายสีที่ห้อยระโยงระยางจนสว่างไสว มันคือความเจริญที่คนนอกเมืองเซี่ยงไฮ้ไม่มีทางได้สัมผัสเพราะหลังจากสงครามทั้งในและนอกที่ประเทศต้องเผชิญมาอย่างหนักหน่วง ทำให้หลายพื้นที่ยังไม่ได้รับการฟื้นฟูด้วยซ้ำก็มีเพียงใจกลางเมืองใหญ่เท่านั้นที่พอจะเห็นถึงความศิวิไลซ์ที่พอจะเรียกได้เต็มปากเต็มคำว่าเจริญหูเจริญตาหยางเยว่ในชุดกี่เพ้าแบบจีนแท้ ๆ ปักทอลวดลายซิ่งฮวาสีแดงที่ตัดกับสีเขียวของชุดได้เป็นอย่างดี แต่สตรีที่เดินผ่านเธอไปล้วนแต่งชุดกระโปรงแบบชาวตะวันตกที่มันพลิ้วไหวเบ่งบานยามเดินหรืิอหมุนตัว มองแล้วก็เพลินตาไม่น้อยเลยทีเดียวเห็นเรียกกันว่าชุดเดรส เธอเองก็อยากใส่เหมือนกันแต่ไม่รู้ว่าสามีจะชอบหรือเปล่าเพราะเขาไม่ชอบฉีเหมยหลิว และฉีเหมยหลิวก็แต่งตัวแบบชาวตะวันตกจ๋า ๆ เลยกลัวว่าเขาจะไม่ชอบสตรีแบบนั้นจึงไม่กล้าแต่ง“เถ้าแก่จะพาฉันไปไหนคะ?” เธอเดินมาควงแขนสามีด้วยรอยยิ
บทที่ 6‘โต๊ะทำงานร้อนรัก’..“เถ้าแก่ซ่งนี่บัญชีสินค้ารอบนี้ครับ”‘จงหยาง’ ผู้ช่วยคนสนิทของซ่งอี้เดินเอาใบสินค้าที่ลงตราประทับภาษีเรียบร้อยแล้วเพราะสินค้าทุกชิ้นต้องได้รับการตรวจสอบจากทางการและเสียภาษีอย่างถูกต้องเพื่อไม่ให้เป็นปัญหาในภายหลัง การขายของเลี่ยงภาษีก็คือของผิดกฎหมายโดนจับขึ้นมามันจะไม่คุ้มเสีย“วันนี้ฉันกลับไวหน่อยนะจะพาฮูหยินไปเที่ยวไนต์คลับที่เซี่ยงไฮ้เสียหน่อย”“ได้ครับ เดี๋ยวผมจัดการเรื่องรับของเข้าคลังเองครับ”ซ่งอี้พยักหน้ารับเล็กน้อยก่อนจะก้มลงมองบัญชีสินค้ารอบนี้เพื่อเช็กให้ละเอียดถี่ถ้วนว่ามีสิ่งใดบ้างและเสียภาษีอย่างถูกต้องไหม เหมือนจะมีสินค้าใหม่ที่ไม่เคยนำมาขายเข้ามาด้วยมันเรียกว่าฟานเฉียเจี้ยง“ฟานเฉียเจี้ยงคือสิ่งใดหรือ?”“คือซอสสีแดงที่นำเอาซีหงซื่อไปบดแล้วนำมาเคี่ยวจนกลายเป็นน้ำเหนียว ๆ จากนั้นก็ปรุงรสด้วยเกลือเล็กน้อย น้ำตาลเล็กน้อย แล้วบรรจุใส่ขวดขาย พวกคนตะวันตกชอบกินมันกับเนื้อขอรับ”“อ้อ” ซ่งอี้พยักหน้ารับอย่างเข้าใจแล้วเพราะเขาก็เคยกินสเต๊กของภัตตาคารตะวันตกเหมือนกัน จะมีซอสสีแดงรสชาติเปรี้ยวหวาน และซอสสีเหลืองรสชาติแปลก ๆ ให้จิ้มด้วย ยังไม่ค่อยแพร
บทที่ 5‘ทิวทัศน์ขอบหน้าต่าง’..“ฮูหยินผู้เฒ่ายังแข็งแรงอยู่เลยนะคะ” หยางเยว่กล่าวขึ้นยามรินชาใส่ถ้วยให้สามีที่ตอนนี้นั่งพักกันอยู่ภายในเรือน“ปีนี้อายุ 70 แล้ว แต่ยังแข็งแรงมาก”“จริงค่ะ พ่อฉันอายุ 40 กว่ายังดูแก่กว่าอีก”“แต่คุณย่ามักจะบอกว่ามันเป็นเวรกรรมที่ทำให้คุณย่าต้องอายุยืนเพื่ออยู่กับความเจ็บปวดจากการสูญเสียคุณพ่อกับคุณอาของฉัน ไหนจะคุณแม่ และคุณปู่ของฉันอีก คุณย่าบอกว่าสมัยสาว ๆ คุณย่าเองก็เป็นคนร้ายกาจคนหนึ่ง ทำเรื่องไม่ดีกับคนไว้มากจึงต้องรับกรรม คนที่รักล้วนตายจากไปหมด แม้แต่ศัตรูก็ยังตายจากไม่เหลือ เพราะแบบนี้คุณย่าถึงได้อยากให้ฉันแต่งงานกับคนที่ดวงสมพงษ์กันจะได้เกื้อหนุนชีวิตไม่ต้องตกอับและมีเรื่องเจ็บช้ำเหมือนคุณย่า คุณย่าเชื่อเรื่องเวรกรรมและโชคชะตาจึงค่อนข้างเข้มงวดกับคู่ครองของฉันมากเพราะกลัวว่าฉันจะตายจากท่านไปอีกคนหนึ่ง”หยางเยว่ที่ได้ฟังก็เข้าใจเป็นอย่างดีเพราะเธอเองก็เคยได้ยินชื่อเสียงในเรื่องฤทธิ์เดชของฮูหยินผู้เฒ่ามาก่อนเหมือนกันว่าตอนสาว ๆ ก็จัดจ้านไม่แพ้ใครเลย สตรีคนไหนกล้ามายุ่งกับสามีก็จัดการซะเรียบ แล้วยังบงการชีวิตบุตรชายทุกอย่างอีกด้วย ความจริงตอนนี้
บทที่ 4'ฮูหยินผู้เฒ่า'..หยางเยว่เดินเล่นอยู่ภายในสวนดอกไม้ที่มีดอกไม้เบ่งบานหลายสายพันธุ์ บางสายพันธุ์ก็นำเข้ามาจากต่างชาติงดงามแปลกตาแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เช่นดอกสีแดงสดเด่นมากอย่างกับเลือด ตรงเกสรมีสีเหลืองตัดงดงามไม่ใช่น้อยยิ่งปลูกเรียงรายติดกันยิ่งดูงามตาราวกับทุ่งสวรรค์ พวกต่างชาติที่นำเข้ามากับเรือสินค้าเรียกมันว่าดอกป๊อปปี้แล้วก็ยังมีเหมยกุ้ยฮวาสีขาวอีก ปกติที่นี่จะมีแต่สีชมพูและแดง พอมีสีขาวเข้ามาขายจึงนับว่าแปลกตาพวกเศรษฐีต่างพากันซื้อมาประดับบารมีกันยกใหญ่เคหาสน์แห่งนี้ก็ไม่ต่างกัน ล้วนมีแต่ดอกไม้สายพันธุ์หายากที่ยังมีขายไม่แพร่หลายมากมายเหมาะสมแก่การเพาะพันธุ์แล้วนำไปขายต่อเป็นอย่างมาก คิดว่ายังไงก็ต้องขายได้เพราะดอกไม้พวกนี้ผู้ใดก็อยากซื้อหาไว้ประดับบ้านให้เจริญตากันทั้งนั้น“เธออย่าจับดอกไม้พวกนั้นมากสิ”เสียงหนึ่งดังขึ้นจนหยางเยว่ต้องหันไปมองก็พบว่าเป็น ‘ฉีเหมยหลิว’ บุตรสาวคนรองสกุลฉีที่เดิมทีผู้คนภายนอกร่ำลือกันว่าถูกนายท่านซ่งวางตัวไว้จะให้แต่งงานกับซ่งอี้ แต่เพราะฮูหยินผู้เฒ่าไม่ยินยอมเห็นว่าชะตาของนางไม่สมพงษ์กับหลานชายเพียงคนเดียวกลัวว่าจะทำให้ซ่งอี้เกิดเภทภัย
บทที่ 3‘อึดถึกทนอย่างกับม้า'..ซ่งอี้ลืมตาตื่นขึ้นมาในยามเช้าเมื่อควานมือหาร่างอรชรของภรรยายอดรักแต่กลับไม่พบเจอผู้ใดเลย เจอเพียงเตียงที่ว่างเปล่าเท่านั้นจึงลุกขึ้นนั่งก่อนจะบีบนวดหัวไหล่และหลังคอเล็กน้อย แขนใหญ่ยกขึ้นก่อนจะหมุนเพื่อขับไล่ความเมื่อยล้าจากกิจกรรมรักอันหนักหน่วงเมื่อคืน “ฮึบ!”เสียงคล้ายคนออกแรงดังอยู่หน้าเรือนจนซ่งอี้นึกสงสัย เขาหยิบเอาเสื้อคลุมมาสวมใส่ก่อนจะเดินออกมายังหน้าต่างที่ถูกเปิดเอาไว้เพื่อทอดสายตามองหยางเยว่ที่กำลังทำท่าทางแปลก ๆ อยู่ เมื่อมองดี ๆ ก็คล้ายว่าเธอกำลังออกกำลังกายยามเช้าอยู่เขาเลยเลือกจะเดินเงียบ ๆ เข้ามาด้านหลังของภรรยาเด็กผู้กระปรี้กระเปร่าแล้วสวมกอดนางเอาไว้“ว้าย!” หยางเยว่ร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจจนเกือบจะหันไปต่อยสามียังดีที่เขาเอียงใบหน้าหลบได้ทันอย่างฉิวเฉียดไปเพียงนิดเดียว“เถ้าแก่ทำอะไรเนี่ย?” เธอทำหน้ามุ่ยใส่เขา ไม่เข้าใจว่าสามีอายุมากคนนี้จะทำอะไรอีก“ยังมีแรงล้นเหลือขนาดนี้เลยหรือ?”“ทำไมคะ แค่นี้เถ้าแก่ก็หมดแรงแล้วเหรอ?”“ฉันมันคนแก่ไม่ใช่เด็กแบบเธอ”“รู้ตัวด้วยเหรอคะ?” เธอยิ้มหน้าทะเล้น“ฉันยอมรับว่าแก่แล้ว แต่คนแก่แบบฉันก็ทำเ
บทที่ 2‘ค่ำคืนวสันต์’..เสียงครวญครางดังขึ้นภายในห้องหอที่ประดับประดาด้วยสีแดงมงคลช่างร้อนแรงเหมาะแก่ค่ำคืนวสันต์ที่หอมหวาน ยิ่งฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดภายในสุรามงคลทำงานมากเท่าไหร่ร่างกายของบ่าวสาวต่างวัยก็ยิ่งร้อนรุ่มจนแทบทนไม่ไหวอยากจะบำเรอกามาให้กันอย่างถึงที่สุด“ถะ… เถ้าแก่ อ๊า~”“ชอบหรือไม่?”ซ่งอี้ที่หมกใบหน้าอยู่กับหน้าอกเล็กเงยหน้าขึ้นสบตากับภรรยาคนงามที่ยามนี้ใบหน้าแดงซ่านอย่างน่าเอ็นดูยิ่งนักแต่ยิ่งปลุกเร้าอารมณ์เขามากกว่าเดิมอีกจนตอนนี้ปวดหนึบที่กลางกายมากแต่ต้องอดทนเพราะเป็นครั้งแรกของหยางเยว่จึงไม่อยากทำให้เธอต้องหวาดกลัว“ขะ… ข้ารู้สึกแปลก ๆ มันเหมือนจะฉี่ราดเลย”“เด็กน้อยเสียจริง” เขาหยิกแก้มเธออย่างนึกเอ็นดูนิ้วใหญ่เลื่อนลงไปปาดตรงกลีบดอกไม้งามทำเอาหยางเยว่สะดุ้ง สองนิ้วชูขึ้นก่อนจะยิ้มออกมายามเห็นน้ำหยาดเยิ้ม “มันไม่ใช่ฉี่หรอก เธอแค่เสร็จสมจนน้ำแตกออกมาเท่านั้นเอง ดูสิเยิ้มอย่างกับเขื่อนกั้นน้ำแตก”“ถะ… เถ้าแก่พูดอะไรน่าอาย” ใบหน้าหวานระเรื่อด้วยสีแดงอย่างกับแต้มชาดยามได้ยินคำกล่าวของสามีสูงวัยที่โชกโชนไปด้วยประสบการณ์“เรื่องจริงทั้งนั้น ยอมรับเถอะ ล้วนเป็นเรื่องธร
บทที่ 1'คลุมถุงชน'.."ยังไงหนูก็ไม่แต่งนะคะ"เสียงใสหวานของสตรีรูปโฉมงดงามดังขึ้นภายในเคหาสน์หลังขนาดกลางที่มีรูปทรงแบบเรือนจีนโบราณเก่าแก่ตั้งตระหง่านมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์หมิงที่ผ่านการทะนุบำรุงรักษามาหลายครั้ง และก็ผ่านเจ้าของมาหลายมือจนตอนนี้ตกเป็นทรัพย์สินของสกุลหยางผู้มีอาชีพเปิดร้านขายบะหมี่ที่ถนนชวงเหอย่านการค้าสำคัญของเมือง'หยางเยว่' บุตรสาวคนที่สามของบ้านหลังนี้กำลังโวยวายด้วยท่าทางไม่ยินยอมยามถูกบังคับให้แต่งงานกับชายชราที่หมู่บ้านหนานสวินถึงแม้จะร่ำรวยแต่เพื่อนของเธอทุกคนกลับบอกว่าเขาแก่รุ่นราวคราวพ่อ ต้องแต่งงานกับคนอายุเท่าพ่อมันจะมองเป็นสามีลงได้อย่างไรในเมื่อมองหน้าเขาแล้วก็คงจะคล้ายว่าเห็นหน้าพ่อ"จะดื้อรั้นไปไย ยังไงเสียก็ต้องแต่ง พ่อรับสินสอดเขามาแล้ว"เมื่อได้ยินสิ่งที่บิดาพูดหยางเยว่ก็แทบลมจับ "รับสินสอดมาแล้ว เหตุใดหนูไม่รู้เรื่องเลย?""ก็หล่อนมัวแต่เที่ยวเล่นอยู่นอกบ้านจะไปรู้ได้อย่างไร" ผู้เป็นมารดาเลี้ยง ภรรยาคนใหม่ของบิดาเดินเข้ามาด้วยท่าทางหยิ่งยโสก่อนจะหันไปกอดแขนบิดาของหยางเยว่ท่าทางออดอ้อน "ตอนนี้สินสอดที่รับมาก็เอาไปใช้แล้วส่วนหนึ่งด้วย ถ้าหล่อนไม่แต่ง