Beranda / โรแมนติก / ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์ / ตอนที่4. คนในอ้อมกอด

Share

ตอนที่4. คนในอ้อมกอด

Penulis: Bunmeebooks
last update Terakhir Diperbarui: 2024-11-22 23:38:58

เมื่อเห็นว่าคนในอ้อมกอดดูจะสงบลงแล้ว ฮ่องเต้จึงประคองนางมาที่แท่นบรรทม ใช้ร่างกายของตนเป็นต่างหมอนให้นางนอนเอนลง จากนั้นก็สั่งหมอหลวงให้รีบเข้ามาดูอาการ

เฟิ่งอี๋เงยหน้าขึ้นมองดูสามีของตนที่กำลังเฝ้าทะนุถนอมร่างกายฟางเหรินกุ้ยเฟยอย่างรักใคร่ ยิ่งเห็นเขารักร่างกายนี้มากเท่าไหร่ ความแค้นก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น

เมื่อก่อนนางเป็นฮองเฮาที่ดีต่อเขามากเพียงไร เขากลับเฉยชา หนำซ้ำยังสั่งประหารตระกูลนางจนหมดสิ้น ในเมื่อเป็นคนดีแล้วถูกเหยียบย่ำ นางก็จะใช้ร่างกายของคนที่นางชิงชังที่สุดตอบสนองความกรุณาของเขาคืนให้เป็นพันเท่าทวีคูณ !

“ทูลฝ่าบาท พิษในกายของพระสนมถูกขับออกหมดแล้ว เหลือเพียงแผลที่เกิดจากคมคันฉ่องเมื่อครู่ กระหม่อมได้ใส่โอสถให้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”

หมอหลวงเฒ่าถวายรายงาน

“ขอบใจมาก เจ้าออกไปเถอะ”

ฮ่องเต้พยักหน้าเบา ๆ แววตาเหนื่อยล้า สองสามวันมานี้เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นมากมายนัก เมื่อเห็นร่างในอ้อมแขนเหม่อลอย เขาก็เข้าใจว่านางยังคงเศร้าเสียใจกับการสูญเสียลูกในครรภ์ จึงออกพระโอษฐ์ว่า “เพื่อเป็นการชดเชยที่เจ้าสูญเสียลูกไป และเพื่อเป็นสิ่งตอบแทนที่เจ้าช่วยให้เราตาสว่างเรื่องเฟิ่งอี๋ฮองเฮ่าลอบคบชู้....”

เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ ร่างในอ้อมแขนก็สั่นสะท้านขึ้นมาอีกครา แต่เป็นเพราะว่านางหันหลังพิงหน้าอกเขา พระองค์จึงไม่มีโอกาสได้เห็นว่าดวงตาของนางแดงก่ำด้วยความเจ็บแค้นหาใช่ความเสียใจไม่ เขาจึงตรัสด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า

“เราจะแต่งตั้งเจ้าเป็นฮองเฮาคนใหม่ มีอำนาจอยู่เหนือทั้ง 12 ตำหนักในวังหลัง”

ว่าที่ฮองเฮาพระองค์ใหม่กำลังทอดพระเนตรดอกบัวตระการตาในสระ หากแต่แววตานั้นกลับมิได้มีเงาของดอกบัวแม้แต่น้อย พระนางยังทรงจมอยู่กับความคิดของตน

อีกไม่กี่วันข้างหน้านางจะได้รับการแต่งตั้งเป็นฮองเฮา ตำแหน่งเก่าของนางที่ถูกแต่งตั้งใหม่ คล้ายกับวิญญาณเดิมของเฟิ่งอี๋ ที่ย้ายจากร่างสตรีวัยสามสิบสู่ร่างใหม่ของฟางเหริน สตรีวัยสิบแปดปีที่เต็มไปด้วยความสาว และความสวย แต่ร่างนี้ เป็นร่างที่นางชิงชังยิ่งนัก !

มือเรียวของเฟิ่งอี๋รวบกำเข้าหากันแน่นโดยไม่รู้ตัว นางกำนัล และขันทีคอยยืนรับใช้อยู่ห่าง ๆ แม้ว่าพระนางจะทรงนั่งอยู่ริมสระน้ำนานแล้ว แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้ารบกวน

เฟิ่งอี๋ ยังจำวันแรกที่ฟางเหรินเหยียบย่างเข้าสู่พระราชวังต้องห้ามแห่งนี้ได้ดี.....

วันนั้นเป็นวันคัดเลือกสนมนางกำนัลประจำปี สตรีสกุลดีเพียบพร้อมทั้งกิริยาวาจาถูกคัดเลือกเข้าสู่วังหลวงนับร้อยนาง เพื่อให้องค์ฮ่องเต้ทรงพิจารณาเลือกสนมข้างกายคนใหม่ ทันทีที่เฉินเฉิงฮ่องเต้ทอดพระเนตรเห็นความงามของฟางเหรินที่เปรียบประดุจราชินีบุปผา พระองค์ถึงกับรับสั่งเลือกนางเป็นสนมเพียงผู้เดียว สตรีที่เหลือก็มอบให้เป็นนางกำนัลให้แก่ตำหนักต่าง ๆ เรื่องนี้เป็นที่โจษจันกันนานนับเดือน

อีกทั้ง ฮ่องเต้ยังพระราชทานตำแหน่งเฟยให้ฟางเหรินทันทีที่เข้าถวายงานในแท่นบรรทม สูงกว่าตำแหน่งของเฟินหนิง พี่สาวต่างมารดาของฟางเหริน แม้นางจะเข้าถวายงานรับใช้ฝ่าบาทก่อนน้องสาวถึง 2 ปี แต่ก็ยังเป็นได้เพียงกุ้ยเหรินเล็ก ๆ นางหนึ่งเท่านั้น

ครั้งนั้น ฮ่องเต้ทรงลุ่มหลงฟางเหรินเพียงใดทุกคนล้วนประจักษ์ ด้วยผิวพรรณ สัดส่วน แลใบหน้านั้นราวกับนางสวรรค์ลงมาเดินเล่นบนแดนมนุษย์ พระองค์ทรงอยู่ในตำหนักของนาง 7 วัน 7 คืนมิออกว่าราชการ

แล้วเมื่อออกว่าราชการในวันถัดมาฮ่องเต้ก็ทรงแต่งตั้งนางเป็นกุ้ยเฟยทันทีโดยไม่สนใจลำดับขั้นธรรมเนียมการแต่งตั้งตำแหน่งสนมที่บัญญัติไว้อีกต่อไป

เช้าวันนั้น เฟิ่งอี๋นั่งในตำแหน่งฮองเฮา บนบัลลังก์หงส์ทองคำรอรับพระสนมจาก 12 ตำหนักมาถวายพระพรตามธรรมเนียม เหล่าสนมล้วนมากันพร้อมหน้าตั้งแต่เช้าตรู่ แต่พระสนมคนใหม่กลับมาช้าที่สุด หนำซ้ำยังให้นางกำนัลประคองแขนเข้ามา ยุรยาตรดั่งเดินชมสวนในอุทยานก็มิปาน

“ถวายพระพรองค์ฮองเฮาเพคะ”

ฟางเหรินเปล่งเสียงหวานปานน้ำผึ้ง แต่กลับไม่ยอมยอบตัวลงดั่งวาจาที่ลั่นออกมา นางยกยิ้มที่มุมปากสบพระเนตรผู้ที่อยู่บนบัลลังก์หงส์อย่างไม่สะทกสะท้าน ด้วยลำพองใจว่านางเป็นที่โปรดปรานขององค์ฮ่องเต้ยิ่งนัก เมื่อเห็นเปลวไฟในแววตาของสนมทุกคนที่อยู่รายรอบ นางจึงจงใจโยนเชื้อไฟเข้าไปอีกโดยการเอ่ยว่า “หม่อมฉันต้องขออภัยฮองเฮาเป็นอย่างยิ่งที่มิอาจคุกเข่าถวายพระพรเหมือนดังพี่หญิงคนอื่น ๆ ได้ ด้วยเพราะร่างกายของหม่อมฉันถูกฝ่าบาทเคี่ยวกรำถึง 7 วัน 7 คืน จนระบมไปหมดทั้งกาย เพียงแค่เดินจากตำหนักไป่เหอมาที่ตำหนักเฉียนชิงก็นับว่ายากแล้ว”

เมื่อจบคำ ไฟริษยากองใหญ่ก็ดูเหมือนจะพวยพุ่งจนท่วมท้นตำหนักเฉียนชิง มีเพียงเฟิ่งอี๋ฮองเฮาเท่านั้นที่ยังคงมองนางอย่างเฉยชาประดุจก้อนน้ำแข็งท่ามกลางกองไฟ

“นำตั่งนั่งให้ฟางเหรินกุ้ยเฟย”

ฮองเฮาสั่งเสียงเรียบ เมื่อขันทีนำตั่งมาให้กุ้ยเฟยแล้ว ฮองเฮาจึงกล่าวกับนางว่า “ลำบากเจ้าแล้ว”

แม้ฮองเฮาจะรู้ว่าฟางเหรินจงใจหยามนางถึงตำหนักเฉียงชิง แต่นางก็ไม่นำพาเรื่องนี้มาใส่ใจมากนัก เพราะสนมที่อยู่ข้างกายฮ่องเต้มีนับพัน ต่อให้นางกำจัดฟางเหรินไปหนึ่งคน ในภายภาคหน้าก็ยังมีสนมที่จะก้าวขึ้นเป็นที่โปรดปรานคนใหม่เกิดขึ้นเรื่อย ๆ หากนางไล่กำจัดทุกคนชีวิตคงจะเหน็ดเหนื่อยมาก สู้นางเอาเวลาที่ริษยาคนไปอื่นไปบำรุงร่างกายให้เหมาะแก่การตั้งครรภ์ให้ฮ่องเต้มิดีกว่าหรือ เพราะในฐานะฮองเฮานั้น ไม่จำเป็นต้องแย่งเป็นที่โปรดปรานขององค์ฮ่องเต้ พระองค์ก็ต้องเสด็จมาที่ตำหนักเฉียงชิงทุกเดือนตามกฎมณเฑียรบาล

“ขอบพระทัยเพคะ”

เมื่อไม่มีโอกาสได้เห็นใบหน้าโกรธกริ้วเพราะความริษยาของฮองเฮาแล้ว กุ้ยเฟยก็อดเสียดายไม่ได้

“ในเมื่อฟางเหรินกุ้ยเฟยทุ่มเทแรงกายแรงใจปรนนิบัติฝ่าบาทแทนพวกเราเหล่าพี่น้องดีเพียงนี้ เราในฐานะแม่ของแผ่นดินจึงอยากจะมอบของตอบแทนให้เจ้าสักเล็กน้อย”

ฮองเฮาแย้มพระโอษฐ์นิด ๆ กล่าวอย่างมีเมตตาใบหน้าเรียบเฉยนั้นไม่สามารถอ่านความรู้สึกจริง ๆ ได้เลย

ฟางเหรินกุ้ยเฟยได้ยินดังนั้นก็รีบเอ่ยเสียงหวานตอบกลับไปว่า

“ขอบพระทัยเพคะ”

แม้จะตอบไปเช่นนั้น แต่ในใจกลับขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ฮองเฮาผู้นี้จงใจเล่นงานทางอ้อมชัด ๆ การที่นางไม่ยอมคุกเข่าถวายพระพร นอกจากฮองเฮาไม่ตำหนิแล้วยังพระราชทานของรางวัลตอบแทนนางด้วย มิเท่ากับยืมมือเหล่าสนมมาเล่นงานนางเพราะความริษยาหรอกรึ

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์   ตอนที่5. รักษาตัวให้ดี

    “เอาละ ในเมื่อพวกเจ้าเหล่าพี่น้อง มาถวายพระพรเราจนครบแล้ว วันนี้ก็พอเท่านี้เถิด”“ขอจงทรงพระเจริญ หมื่น ๆ ปี หมื่น ๆ ปี”สนมทั้งหมดล้วนลุกขึ้นถวายพระพรน้อมส่ง ยกเว้น ฟางเหรินกุ้ยเฟย !“กุ้ยเฟย”เสียงเรียกขานดังขึ้นพร้อมกับฝ่ามือใหญ่วางลงที่บ่าของนาง เฟิ่งอี๋จึงดึงสติของตนกลับมาในปัจจุบัน“ถวายพระพรฝ่าบาทเพคะ”เฟิ่งอี๋ในร่างของฟางเหรินกุ้ยเฟยลุกขึ้นยอบกายถวายความเคารพตามธรรมเนียมท่วงท่าห่างเหิน บวกกับน้ำเสียงเย็นชานั้น ทำให้เฉินเฉิงฮ่องเต้เข้าใจว่านางยังคงเสียใจเรื่องลูก จึงรีบเข้าไปประคองนางให้ลุกขึ้น แล้วกล่าวว่า“ร่างกายเจ้ายังไม่แข็งแรง ไม่ต้องมากพิธีเช่นนี้”ฮ่องเต้ประคองนางให้นั่งบนเก้าอี้ดังเดิม พร้อมกับกอบกุมมือนิ่มเอาไว้ แล้วเอ่ยอย่างเอาใจว่า“เราตรวจฎีกาหมดแล้ว วันนี้ทั้งวันทั้งคืนเราจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้าที่ตำหนักดีหรือไม่”เฟิ่งอี๋เม้มปากเข้าหากันจนสนิทเป็นเส้นตรง หลุบตาลงต่ำซ่อนความโกรธแค้นเอาไว้จนมิดชิด นางจะร่วมเตียงกับคนที่สั่งประหารนางและลูกอย่างทารุณ และฆ่าล้างตระกูลของนางจนสิ้นได้อย่างไร“ขอประทานอภัยเพคะ หม่อมฉันเพิ่งจะสูญเสียลูกไปร่างกายยังไม่พร้อมที่จะปรนนิบัติฝ่าบ

    Terakhir Diperbarui : 2024-11-22
  • ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์   ตอนที่6. เช้าวันใหม่

    เช้าวันใหม่หลังจากเสวยพระกระยาหารเรียบร้อยแล้ว เฟิ่งอี๋ในร่างของฟางเหรินกุ้ยเฟยก็มีรับสั่งจะเสด็จไปยังคุกหลวง ที่จองจำผู้ต้องสงสัยในคดีลอบวางพิษนางกำนัล และขันทีต่างหายใจกันไม่ทั่วท้องรีบเอ่ยทักท้วงว่า“พระวรกายของพระสนมยังไม่แข็งแรง ไม่ควรเสด็จไปยังคุกหลวงที่เต็มไปด้วยไอชั่วร้าย”“สถานที่เลวร้ายเช่นนั้น หากกระหม่อมปล่อยให้พระนางไป ฝ่าบาทต้องทรงพิโรธแน่ ๆ พ่ะย่ะค่ะ”“ได้โปรด ถอนรับสั่งด้วยเพคะ”เฟิ่งอี๋ทรงนิ่งฟังคำทัดทานนั้น คล้ายลมที่พัดผ่านหู หากนางไม่ลงไปสืบความด้วยตนเอง จะรู้ได้เช่นไรว่าใครที่อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารร่างนี้ !เมื่อก่อนนางยอมโอนอ่อนอยู่ในตำหนัก แล้วเป็นเช่นไรเล่า สุดท้ายความตายก็มาเยือนถึงตำหนักฟางเหรินกุ้ยเฟยเป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาทย่อมเป็นที่ริษยาในเหล่านางสนมด้วยกัน อีกทั้งยังชอบยกหางตนเหยียบย่ำคนอื่น ศัตรูในวังหลังมีมากจนเดาไม่ได้ว่าเป็นฝีมือใครกันแน่ร่างอ้อนแอ้นบอบบางในชุดชาววังชั้นสูงไหวกายลุกขึ้น แผ่นหลังเหยียดตรง แล้วเยื้องพระบาทมุ่งหน้าไปยังคุกหลวงโดยไม่กล่าวสิ่งใดอีกขันทีที่ดูแลตำหนักตะลีตะลานสั่งนางกำนัลเสียงขรม เมื่อห้ามไม่ได้ก็ต้องดูแลรับใช้ให้ด

    Terakhir Diperbarui : 2024-11-23
  • ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์   ตอนที่7.  หัวใจของเฟิ่งอี๋ก็เต้นแรงขึ้น

    ได้ยินดังนั้น หัวใจของเฟิ่งอี๋ก็เต้นแรงขึ้น รีบหันหน้าไปมองดูผู้คุม เขายังคงยืนหันหลังนิ่ง อีกทั้งจุดที่เขายืนอยู่ด้านนอกยังห่างไกลจากจุดที่นางสอบถามนักโทษ คำพูดของนางกำนัลเมื่อครู่เขาอาจจะไม่ได้ยิน ถึงได้ยินก็คงจะจับใจความไม่ได้ เพราะเสียงของนางกำนัลแหบแห้ง อีกทั้งยังรัวคำพูดด้วยความตื่นตกใจเรื่องนี้ซับซ้อนกว่าที่นางคิดไว้ ดีไม่ดีนางอาจจะถูกบั่นหัวไปด้วยเช่นกัน ถ้ายาถ้วยนั้นเป็นยาขับเลือด นั่นหมายความว่าลูกในท้องของฟางเหรินกุ้ยเฟยไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อมังกรเป็นแน่แท้ แต่ลูกของนางเป็นลูกชู้ !เฟิ่งอี๋หันกลับมาจ้องอดีตนางกำนัลข้างกายกุ้ยเฟย แล้วยกนิ้วชี้ขึ้นแตะที่ริมฝีปากเป็นสัญลักษณ์บอกให้นางเบาเสียงลง ก่อนเอ่ยต่อไปว่า“อี๋เหนียง ข้าถูกยาพิษจนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด เมื่อฟื้นขึ้นมาข้าก็จำอะไรไม่ได้ หากเจ้าอยากให้เราช่วยชีวิตเจ้าก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้เราฟังอีกครั้ง”เฟิ่งอี๋ใช้น้ำเสียงปลอบประโลม กึ่งบังคับนางให้เล่าความจริงออกมา“พระสนม วันนั้นก่อนที่จะเสด็จไปตำหนักเฉียนชิง พระนางรับสั่งให้หม่อมฉันไปเอายาขับเลือดจากหมอกว่างมาให้พระนางเสวย หม่อมฉันเพียงแค่ทำตามพระประสงค์ของพระน

    Terakhir Diperbarui : 2024-11-27
  • ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์   ตอนที่8.ริมบึงบัว

    ณ ศาลาแปดเหลี่ยม ริมบึงบัวเฟินหนิงกุ้ยเหรินก้าวเข้ามาในศาลาอย่างเงียบเชียบ นางยกมุมปากขึ้นนิด ๆ คาดไม่ถึงว่าหลังจากที่น้องสาวต่างมารดาผู้นี้ฟื้นขึ้นจากความตายแล้ว จะมีหัวคิดมากขึ้น รู้จักเลือกสถานที่สนทนาที่ไม่ให้ผู้ใดสงสัยและมีความปลอดภัยอย่างยิ่ง เพราะศาลาแห่งนี้ก็อยู่ในที่โล่ง จึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีการลอบทำร้าย อีกทั้ง ผู้ติดตามจากทั้งสองตำหนักล้วนยืนรอพวกนางอยู่ข้างนอกในรัศมีที่ไม่สามารถได้ยินการสนทนาของคนที่อยู่ในศาลาได้“ถวายพระพร ว่าที่ฮองเฮาเพคะ”กุ้ยเหรินยอบตัวลง จงใจออกเสียงฮองเฮาให้ดังมากกว่าปกติ เหน็บแนมในความได้ดีของน้องสาวร่วมสายเลือด แม้จะเกิดในตระกูลเดียวกัน แต่วาสนาของคนทั้งคู่กลับต่างกันลิบลับนางเป็นลูกภรรยาเอก เกิดจากฮูหยินที่มาจากตระกูลมีชื่อเสียง แต่กลับมีความงามสู้ลูกอนุภรรยาที่เป็นนางโลมชั้นต่ำไม่ได้ ! ทันทีที่ฟางเหรินลืมตาดูโลก ทุกคนในครอบครัวต่างลืมว่านางเป็นลูกสาวอีกคน เมื่อเติบโตขึ้นนางเพียรพยายามหัดเรียนเขียนอักษร เดินหมาก วาดภาพเพื่อแสวงหาความรุ่งโรจน์ในวังหลวง แต่น้องสาวผู้นี้ยังตามมาจองล้างจองผลาญนางถึงที่นี่ แย่งเอาความรุ่งโรจน์ที่นางปรารถนาไปครอบคร

    Terakhir Diperbarui : 2024-11-27
  • ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์   ตอนที่9. หลับตาลง

    เขาหลับตาลง ยากนักที่จะตัดใจจากโฉมสะคราญล่มเมืองเช่นนี้ นางเปรียบเสมือนน้ำผึ้งในแดนสวรรค์ยิ่งกินก็ยิ่งหวาน ยิ่งชวนให้ติดตรึงในรสนั้นจนยากจะตัดใจในขณะที่เขาตกอยู่ในห้วงคำนึงของตน ก็รู้สึกถึงสัมผัสอุ่นนุ่มประทับลงที่ริมฝีปากตน เขาจึงรีบลืมตาขึ้นแล้วก็พบกับใบหน้างดงามอยู่ห่างจากเขาเพียงแค่ 1 ชุ่น เขาร้องออกมาคำหนึ่ง แล้วขยับตัวหมายจะถอยหลังตามสัญชาตญาณ“อ๊ะ !”แต่ร่างสวยกลับโอบรัดเขาไว้อย่างรวดเร็ว แล้วทิ้งน้ำหนักทั้งหมดลงบนเตียง บุรุษที่ถูกเนื้อนิ่มของนางเบียดเสียดร่างกายก็กลับรู้สึกปั่นป่วนขึ้นมาฉับพลัน เป็นผลให้เขาไม่ทันระวังตัว จึงถูกดึงให้ล้มลงไปกับเตียงพร้อมนางตุบ !“เบา ๆ อย่าส่งเสียง.... ท่านอยากให้พวกนางกำนัลในตำหนักเข้ามาเห็นเราสองคนในท่าทีแบบนี้รึ”เสียงกังวานใสของดรุณีวัยแรกแย้มนั้น ช่างชวนให้ลุ่มหลงคิ้วดาบที่พาดเฉียงบนใบหน้าคมคายอาจหาญของหัวหน้าองครักษ์ย่นเข้าหากันในแสงสลัว เมื่อวานเขาประหลาดใจที่นางทำตัวคล้ายคนไม่รู้จักกัน แต่คืนนี้ฟางเหรินกลับทำให้เขาประหลาดใจยิ่งกว่า จากดรุณีน้อยหวานหยดย้อยคล้ายกับลูกแมวช่างออดอ้อน กลายเป็นปีศาจจิ้งจอกแสนเร่าร้อนไปได้อย่างไร !“ฟางเหริ

    Terakhir Diperbarui : 2024-11-27
  • ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์   ตอนที่10.  ร่ำสุรา

    เขาครางในอกคล้ายคนที่กำลังร่ำสุราจนมัวเมา ปักจมูกลงที่ผิวกายนางสูดกลิ่นหอมอ่อนเฉพาะตัวของสตรีชาววังชั้นสูงเข้าเต็มอก จากนั้นก็ใช้ปลายลิ้นร้อนไล้วนเลียรอบสะดือ“ท่านพี่....”นางเผยอปากร้องเรียกเขาเอาไว้ สองมือผวาจับบ่าแกร่งของเขาไว้แน่น ยิ่งเขาเคลื่อนปากร้าย และปลายลิ้นร้อนเข้าใกล้จุดอ่อนไหวของนางมากเท่าไหร่ นางยิ่งบิดกายเร่าซ่านกระสันมากขึ้น“ฟางเหริน... ให้ข้าได้ปลอบประโลมเจ้าเถอะ”ใบหน้าคมคายอาจหาญเงยขึ้นมองนางด้วยความรักใคร่ ขณะที่ใช้ปลายนิ้วแกร่งกดลงที่เม็ดสีแดงบนเนินเนื้อกุหลาบงาม“อ๊ะ !”เฟิ่งอี๋สะดุ้งเล็ก ๆ เมื่อเขากดนิ้วเคล้าคลึงตรงจุดที่อ่อนไหวที่สุด ก่อเกิดความเสียวซ่านอย่างยิ่งยวดจากบริเวณนั้นแผ่กระจายไปทั่วทั้งร่าง“ทะ... ท่านพี่ จะทำอะไร อื้ออออ... อ่า”ร่างงามบิดเร่าแรงขึ้น เมื่อเกอหลางขยับปลายนิ้วแกร่งถูไถไปตามกลีบดอกกุหลาบสีแดงฉ่ำ“เจ้าสูญเสียลูกของเราไปจากตรงนี้....”ลมหายใจของเขากระชั้นถี่ขึ้นเมื่อก้มลงมองกลีบกุหลาบที่กำลังฉ่ำวาวไปด้วยน้ำหวาน ด้านบนมีเม็ดทับทิมสีสวย ส่วนด้านล่างเป็นรูสวรรค์สรรค์สร้างทารก นางต้องเจ็บปวดเพียงไรจากตรงนี้ เขาจึงอยากจะช่วยจูบซับความเจ็บปว

    Terakhir Diperbarui : 2024-11-27
  • ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์   ตอนที่11. คุกหลวง

    ทันทีที่เขาจ้องแทงลำหอกลง นางก็ครางออกมาอีกครั้ง ร่างกายที่อ่อนระทวยเมื่อครู่ก็ตอบรับลำหอกเขา นางแอ่นขึ้นสะโพกรับการตอกอัดลงอย่างว่องไวท่านี้ทำให้เขาจ้วงแทงลำหอกเข้าได้ลึกมากขึ้น ซ่านเสียวมากขึ้น จนหัวใจของทั้งคู่เต้นแรงเมื่อเขาขยับถอนลำหอกออกกลีบเนื้อนางก็รูดรัดติดตามอย่างซ่านกระสัน เขาจึงโหมกระหน่ำกระทั้นกระแทกจ้วงลำหอกใหญ่เข้าสู่กายนางอย่างหนักหน่วง“อ๊ะ ๆ เกอหลาง ๆ ขะ.. ข้าทรมานเหลือเกิน ไม่ไหวแล้ว อ๊า ๆ”เฟิ่งอี๋ส่งเสียงครวญครางกระเส่าราวคนจับไข้ จากนั้นร่างสวยก็เกร็งสะท้านขึ้นมาอีกหน“อ๊าซ์ !”นางส่งเสียงครางลั่น กล้ามเนื้อส่วนนั้นกระตุกบีบรัดลำหอกเขาอย่างรุนแรง นำพาเขาให้ขึ้นสวรรค์ตามนางไปติด ๆ“อ๊าก”เกอหลางคำรามลั่น สมองเขาพร่างพราวเต็มไปด้วยดวงดาวไปพร้อมกันนางอันเป็นที่รักเมื่อลมหายใจสงบลง เขาก็ถอนลำหอกออกจากร่างของนางช้า ๆ จากนั้นก็จุมพิตลงที่กลีบปากนาง แล้วกระซิบว่า“ฟางเหริน... เจ้าช่างแสนงาม... และแสนหวานเหลือเกิน”“ท่านก็ช่างแกร่งแข็งเหลือเกิน... ทำเอาข้าเจียนตาย”นางตอบเสียงกระเส่า ใบหน้าแดงซ่านอย่างสุขสม การร่วมรักกับบุรุษวัยยี่สิบที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังช่างเติมเต็ม

    Terakhir Diperbarui : 2024-11-28
  • ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์   ตอนที่12. น้ำเสียง

    น้ำเสียงของเฟินหนิงแข็งกระด้าง การไม่เป็นที่โปรดปรานช่างนำมาซึ่งความอัปยศอดสูยิ่งนัก !“เพคะ”นางกำนัลยอบกายลง แล้วรีบสาวเท้าออกจากห้องรับรองของเรือนโดยทันที ราวกับว่ากำลังถูกสิ่งใดไล่ล่าอยู่ หลายวันมานี้ กุ้ยเหรินเอาแต่เก็บตัวอยู่ในเรือน โมโหง่าย จนข้ารับใช้ในเรือนเข้าหน้าไม่ติดเมื่อนางกำนัลออกไปแล้ว เฟินหนิงจึงเท้าแขนบนโต๊ะ แล้ววางศีรษะลงบนฝ่ามืออีกต่อหนึ่ง ก่อนทอดถอนลมหายใจออกมาพร้อมกับหลับตาลงตึบนางได้ยินฝีเท้าก้าวเข้ามาในห้อง ในใจก็พลันหงุดหงิด จึงตวาดออกไปทั้ง ๆ ที่ยังหลับตาว่า“ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือไง ห้ามใครรบกวนข้า !”“เกรงว่าจะไม่ได้แล้วกระมัง”เสียงทุ้มอันคุ้นหูดังขึ้น เฟินหนิงจึงลืมตาขึ้น แล้วเหยียดกายขึ้นอย่างช้า ๆ“อ่อ... ที่แท้ก็หัวหน้าองครักษ์ผู้จงรักภักดีต่อ... พระสนมกุ้ยเฟยนี่เอง”เฟินหนิงจงใจเน้นประโยคสุดท้าย เพื่อเย้ยหยันการลักลอบเป็นชู้กับกุ้ยเฟยซึ่งผิดศีลธรรม และเพื่อเตือนให้อีกฝ่ายรู้ว่าตนกุมความลับเรื่องใดไว้อยู่ อย่าคิดทำอะไรนางเป็นอันขาดมิฉะนั้นแล้ว นางก็จะแพร่งพรายความลับนี้ซะเกอหลาง ยังคงยืนสงบนิ่งดุจภูผา แม้ว่าถ้อยคำนั้นจะแสลงหูยิ่งนัก“ข้าได้รับพระบัญ

    Terakhir Diperbarui : 2024-11-28

Bab terbaru

  • ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์   ตอนที่24. จบ

    เฟิ่งอี๋เหยียดยิ้มที่มุมปาก แล้วกรีดนิ้วหยิบน้ำชาขึ้นจิบอย่างสำราญใจ“ใต้เท้าเกอหลาง หัวหน้าองครักษ์ขอเข้าเฝ้า”เสียงขันทีประจำตำหนักเมฆาสวรรค์ร้องประกาศขึ้นตามระเบียบการขอเข้าเฝ้าฮ่องเต้“เข้ามาได้”เฟิ่งอี๋เอ่ยเสียงเรียบเป็นการอนุญาต ขันทีจึงเดินนำขุนนางผู้นั้นเข้ามา เมื่อฮ่องเต้หญิงโบกมือขึ้นหนึ่งครั้ง นางกำนัลและขันทีก็หายออกไปจากห้องรับรองอย่างรวดเร็ว“ถวายพระพรฝ่าบาท ของจงทรงพระเจริญ หมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี”เกอหลางคุกเข่าลงถวายความเคารพต่อฮ่องเต้พระองค์ใหม่ ซึ่งเคยเป็นสตรีอันเป็นที่รักยิ่งของเขา เขาจึงรู้สึกกระอักกระอ่วนใจปนเปกับความคิดสับสนบางประการ“ลุกขึ้นเถอะ ไม่ตั้งมากพิธี”เฟิ่งอี๋บอก ดวงตาหงส์คมกริบจับจ้องบุรุษตรงหน้าอย่างใคร่ครวญ ความรักที่มีต่อฟางเหรินของบุรุษผู้นี้ทำให้แผนการแก้แค้นทุกอย่างราบรื่น แต่นางก็ไม่อาจแน่ใจได้ว่าความรักที่มีมากล้นนี้จะหวนกลับมาทำร้ายนางหรือไม่ หากเขารู้ว่าแท้จริงแล้ววิญญาณที่อยู่ในร่างนี้ไม่ใช่ฟางเหรินคนรักของเขา !“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”เกอหลางลุกขึ้น แล้วมองสบพระเนตรฮ่องเต้หญิง ฉับพลันนั้นเขารู้สึกว่าไม่เคยรู้จักสตรีตรงหน้าแม้แต่น้อย ด

  • ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์   ตอนที่23. ยั่วเย้า

    เฉินฉู่หยัดสะโพกขึ้นรับกับปากน้อยอย่างซ่านกระสัน สองมือสอดเข้าเรือนผมสีดำนุ่มสลวยของนาง แล้วเคล้าคลึงอย่างสุขซ่านเฟิ่งอี๋ใช้เรียวลิ้นเล็กตวัดไล้เลียที่ส่วนหัวมังกรบากใหญ่ลิ้มรสหวานผสมกับรสเค็มปะแล่ม จากนั้นก็ปาดเลียไปทั่วแก่นลำ“อืม... ฮองเฮา... ฮองเฮา ข้าจะทนไม่ไหวแล้ว”เฉินฉู่ไม่อาจทนการยั่วเย้าได้อีกไป เขาหยัดกายขึ้นแล้วกดนางลงกับเตียงเป็นฝ่ายขึ้นคร่อมนางไว้ จากนั้นก็จ้วงแทงแก่นมังกรใหญ่เข้าสู่กายนางอย่างเร็วรวด“อ๊าซ์ !”เฟิ่งอี๋อุทานครางออกมาลั่น แก่นมังกรร้อนฉ่ามุดเข้าสู่ภายในกายของนางจนสุดลำ“ฮองเฮา...ข้ารักเจ้า... ข้ารักเจ้า”อ๋องเฉิงฉู่พร่ำไม่หยุดปาก ขณะที่พรมจูบไปตามใบหน้างดงามเต็มไปด้วยเสน่ห์เร้าใจ จากนั้นก็ก้มลงบดจูบนางอย่างเร่าร้อน ใช้ปลายลิ้นร้อนตวัดเกี่ยวพันกับลิ้นเล็กเพื่อดูดดื่มความหวานล้ำ เมื่อถอนจูบออกเขาก็ขบเม้มกลีบปากล่างของนางอย่างหื่นกระหาย“อ่า”เฟิ่งอี๋ยกมือขึ้นลูบไล้ไปตามแผ่นหลังแกร่ง เร่งเร้าให้เขาขยับสะโพกอัดแก่นมังกรเข้าออกร่างอ๋องเฉิงฉู่สั่นสะท้านตอบรับ ลมหายใจกระชั้น เขาจึงขบนางเบา ๆ ที่บ่าอย่างลุ่มหลง แล้วหยัดตัวขึ้น สองมือจับเอวนางไว้แล้วเริ่มกระแทกแ

  • ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์   ตอนที่22. ข้ารักเจ้า

    อ๋องเฉินฉู่เอ่ยกับนาง แต่กลับก้มหน้าลง มิอาจมองนางตรง ๆ ได้ เพราะอาภรณ์ที่นางสวมใส่บางนัก จนมองเห็นโครงร่างของทรวงอกอวบอิ่มเป็นดอกบัวตูมดอกใหญ่ ปลายยอดดอกพุ่งชี้มาทางเขา จนรู้สึกว่าห้องนี้ช่างร้อนเกินไปแล้ว“ท่านอ๋อง.... บัดนี้ฮ่องเต้ทรงประชวรมิอาจออกว่าราชการได้ งานในราชสำนักหากปล่อยไว้เนิ่นนานไม่ดีแน่ เรามองไม่เห็นผู้ใดแล้ว.... นอกจากท่าน... ท่านเท่านั้นที่จะบริหารบ้านเมืองต่อไปได้”เสียงของนางหวานล้ำอีกทั้งยังเจื่อความขมขื่นในใจ ต่อให้ผู้ฟังเป็นบุรุษใจหินเพียบงใด ก็อ่อนยวบลงราวกับขี้ผึ้งลนไฟเมื่อได้ยินนางเอ่ยเช่นนั้นสายตาของอ๋องเฉินฉู่ก็แปรเปลี่ยนเป็นกรุ้มกริ่มขึ้นมา ต่อให้นางเป็นแม่ของแผ่นดิน แต่ดรุณีน้อยก็ยังเป็นบุปผาแรกแย้มอยู่วันยังค่ำ เมื่อเสาหลักที่ยึดเกาะพังทลายลง มีหรือนางจะไม่หันเข้าหาเสาต้นใหม่เป็นที่พักพิง“ขอบพระทัยฮองเฮาที่ทรงเชื่อมั่นในตัวข้า”เขาเอ่ยอย่างลำพองใจเป็นที่สุด นับตั้งแต่อดีตเชื้อพระวงศ์ก็มิอาจหลีกเลี่ยงการเข่นฆ่าพี่น้องเพื่อชิงบัลลังก์ แต่สำหรับเขาแล้วรู้สึกว่าสวรรค์ช่างเข้าข้างยิ่งนัก เลือดไม่เปื้อนมือเขาสักหยด แต่บัลลังก์กลับถูกถวายใส่พานให้เขาเสียแล้ว

  • ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์   ตอนที่21. ว่าอย่างไร

    “ว่าอย่างไรนะ”ฮ่องไทเฮาแทบจะล้มลงกับพื้น นางกำนัลสองคนจึงรีบเข้ามาพยุงไว้ ผู้ที่ได้ยินถ้อยคำนั้นถึงกับอุทานออกมาอย่างพร้อมเพรียง – ฮ่องเต้มีชีวิตอยู่ราวกับคนตายหรือเนี่ย –ส่วนหมอหลวงนั้นมิอาจตอบคำถามได้อีกต่อไปทรุดตัวลงแล้วโขกศีรษะลงกับพื้นราวกับคนเสียสติเพื่อร้องขอชีวิต“โปรดไว้ชีวิตหม่อมฉันด้วย”“เอามันไปตัดหัว !”ฮองไทเฮาสั่งลงอาญาทั้งน้ำตาเฉินเฉิงฮ่องเต้ได้ยิน และเห็นทุกอย่างผ่านห่างตา เห็นว่าหมอหลวงถูกทหารลากออกไปได้รับโทษทัณฑ์แทนฮองเฮา แต่เขามิอาจเอ่ยวาจาร้องขอความเป็นธรรมแทนหมอหลวงได้ แม้กระทั่งขยับตัวก็มิอาจทำได้ ทำได้เพียงปล่อยเรื่องทั้งหมดให้เป็นไป พระองค์เสียใจอย่างที่สุดที่เฟิ่งอี๋ไม่ฆ่าเขาให้ตาย เพราะถ้าเขาตายก็ไม่ต้องรู้สึกเจ็บปวดและสิ้นหวังเหมือนตอนนี้ !2 วันต่อมาเฟิ่งอี๋ในร่างของฟางเหรินฮองเฮากำลังกรีดนิ้วหยิบช้อนตักน้ำแกงป้อนฮ่องเต้ซึ่งนอนอยู่บนแท่นบรรทม น้ำแกงสีทองไหลเข้าพระโอษฐ์ได้เพียงหนึ่งส่วน ส่วนที่เหลือล้วนถูกเขาใช้ลมขับพ่นออกมาจนเลอะไปทั้งหน้าและปากของตนเองเฟิ่งอี๋ไม่เพียงแต่ไม่โมโหกลับยังยิ้มเย็นให้คนที่ทำตัวเหมือนเด็กเอาแต่ใจไม่ยอมกลืนอาหารลงไปดี ๆ น

  • ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์   ตอนที่20. รายงาน

    ตั้งแต่สตรีนางนี้เหยียบย่างเข้าสู่วังหลวง ล้วนมีเรื่องร้ายให้พระองค์ต้องกังวลพระทัยบ่อย ๆ พระองค์จึงไม่โปรดนางเท่าใดนัก ยิ่งวันนี้โอรสของพระองค์ถึงกับประชวรในขณะที่ฟางเหรินเป็นผู้ปรนนิบัติ พระองค์จึงชิงชังนางเข้าไส้ เพราะปักพระทัยเชื่อว่า สตรีนางนี้เป็นกาลกิณีที่นำเภทภัยมาสู่บัลลังก์ !ฮองไทเฮาตวัดสายตาคืนกลับมา ด้วยเคยเป็นพญาหงส์มานานจึงซ่อนอารมณ์ความรู้สึกทุกอย่างไว้ภายใต้หน้ากากยับย่นที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งวัย พระองค์รอให้หมอหลวงตรวจพระวรกายขององค์ฮ่องเต้จนเรียบร้อยแล้วจึงตรัสถามว่า“เป็นอย่างไรบ้าง”“เรียนไทเฮา... จากการตรวจชีพจรพบว่าเลือดลมของฝ่าบาทวุ่นวายสับสน คล้ายกับว่าเผชิญกับเรื่องตื่นตระหนก หรือตื่นเต้นอย่างสุดขีด เกินกว่าร่างกายจะรับไหว จึงหมดสติไปพ่ะย่ะค่ะ”หมอหลวงประสานมือไว้ได้หน้าแล้วกล่าวรายงาน ไม่กล้าสบพระเนตรฮองไทเฮาคล้ายกับมีสิ่งใดซ่อนไว้“ถ้าเพียงแค่ตกใจ ไยตอนนี้ฮ่องเต้ยังไม่ฟื้นเล่า”ฮองไทเฮาน้ำเสียงเข้มขึ้น ซักถามอย่างข้องใจ“อะ... เอ่อ..”หัวใจของหมอหลวงเต้นแรงขึ้น บนหน้าผากเริ่มมีเหงื่อผุดพรายขึ้นมา“ท่านหมอ”ฮองไทเฮาเรียกหมอหลวงเสียงเยียบเย็นเสียงนั้นทำให้ห

  • ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์   ตอนที่19. ปาดน้ำตา

    เฉินเฉิงแววตาสั่นระริกในนั้นปรากฏรอยหวาดกลัวและสับสน อยากจะวิ่งหนีแต่ร่างกายขยับไม่ได้ตามคำสั่งแม้แต่น้อย อยากตะโกนให้คนช่วยแต่ขากรรไกรเขากลับค้างไม่สามารถเปล่งวาจาออกมาเป็นคำได้เลย“อ่า.... พระองค์ทรงลืมไปแล้วหรือ.... มีสตรีนางหนึ่งที่ยอมละทิ้งอาชีพทางการแพทย์ ทิ้งความฝันของตนเพียงเพื่อถวายตัวและหัวใจรับใช้ฝ่าบาทอย่างโง่งม”เฟิ่งอี๋หยัดกายขึ้น เอ่ยถึงความหลังขณะที่ใช้ปลายนิ้วไล้ไปตามพระพักตร์ขาวซีดของฮ่องเต้“ในครั้งนั้น ฝ่าบาททรงโปรดหม่อมฉันที่สุด จนได้รับแต่งตั้งเป็นฮองเฮา และยังตรัสกับหม่อมฉันว่า - สตรีงามไม่นานก็โรยรา แต่สตรีมีปัญญาเลิศล้ำ ควรค่าต่อการเป็นแม่ของแผ่นดิน - เหอะ !”นางแค่นเสียงออกมาคำหนึ่ง ดวงตารื้นขึ้นด้วยน้ำตาแห่งความเจ็บซ้ำ จากนั้นก็เอ่ยต่อไปด้วยเสียงสั่นพร่าว่า“ถ้อยคำเหล่านั้นล้วนจอมปลอมทั้งสิ้น มีปัญญาสูงค่าแล้วอย่างไร สุดท้ายพระองค์ก็เลือกสตรีเลอโฉมขึ้นมาแทนที่หม่อมฉัน หนำซ้ำยังควักเอาหัวใจของหม่อมฉันออกมาเฉือนเป็นชิ้น ๆ โดยการสั่งให้หม่อมฉันดื่มยาขับเลือด ! ลูกของหม่อมฉัน พระองค์ทรงฆ่าลูกของเราด้วยมือของพระองค์เอง !”น้ำตาของนางไหลอาบทั้งสองแก้ม น้ำอุ่น ๆ ไ

  • ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์   ตอนที่18. ตรึง

    ร่างงดงามเกร็งสะท้าน กลีบเนื้อสาวบีบรัดแก่นกายตุบ ๆ ในขณะที่นางรู้สึกเหมือนร่างกายระเบิดแตกออกแล้วลอยละลิ่วขึ้นสู่สวรรค์บุรุษหนุ่มผู้เร่าร้อนกระแทกอัดลำหอกเข้าจนสุดลำเป็นครั้งสุดท้าย แล้วแหงนหงายหน้าขึ้นคำรามลั่น“อ๊าก”ร่างกำยำของเขากระตุกหงึก ๆ สาดซัดน้ำอุ่น ๆ เข้าสู่กายนาง ปักลำหอกตรึงนางไว้ แล้วโน้มตัวลงสวมกอดร่างนุ่มนิ่มหอมกรุ่นเฟิ่งอี๋เผยอปากน้อย ๆ อย่างปริ่มสุขสมใจ พึมพำออกมาเสียงแผ่วเบาว่า“เมื่อถึงวันนั้น.... ท่านยังจะรั้งอยู่ข้างกายข้าหรือไม่”เสียงของนางเบามากราวกับเสียงแมลงบินผ่าน เกอหลางจึงฟังไม่ออกว่านางพูดอะไร แต่เมื่อจะขยับปากถาม นางก็หลับไปเสียแล้วณ ตำหนักเมฆาสวรรค์หลังจากงานเฉลิมฉลองตำแหน่งฮองเฮาเมื่อตอนเย็นสิ้นสุดลง เฟิ่งอี๋ก็ประคองแขนองค์ฮ่องเต้เข้ามายังห้องบรรทมในตำหนักเมฆาสวรรค์ ตำหนักหลวงที่เมื่อก่อนไม่ทรงอนุญาตให้สนมนางใดพักค้างคืนที่นี่ได้ เพราะเกรงว่าฝ่ายในจะสอดมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องในราชสำนักแม้เฟิ่งอี๋จะเคยครอบครองตำแหน่งฮองเฮานับสิบปีแต่ก็ไม่มีโอกาสได้ค้างคืนกับฮ่องเต้ในตำหนักแห่งนี้เลยสักครั้ง ยามนี้นางอาศัยร่างของฟางเหรินสนมผู้มีความงามเป็นหนึ

  • ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์   ตอนที่17. ประกายตา

    เกอหลางครางหือในลำคอคราหนึ่งประกายตาเขาเข้มขึ้นจนยากจะควบคุม ลำหอกที่อยู่ตรงส่วนกึ่งกลางกายก็พลันแข็งขึงขึ้นจนเจ็บร้าว แล้วริมฝีปากร้อนระอุก็จู่โจมเข้าที่ลําคอขาวผ่องของนางอย่างฉับไว และทรงพลังบุรุษหนุ่มที่เต็มไปด้วยความพลุ่งพล่านดันร่างสวยไปชิดผนังถังอาบน้ำอีกด้าน แล้วใช้ฝ่ามือกอบกุมเต้าอวบ ๆ ของนางเอาไว้ จากนั้นเขาก็จูบพรมเลื่อนมาจนถึงเนินเนื้อภูเขาสองลูก แล้วตวัดปลายลิ้นร้อนปาดเลียที่ป้านปทุมถันข้างหนึ่ง“อ่า...”เฟิ่งอี๋แหงนหน้าครางผะแผ่วอย่างซ่านกระสัน แอ่นทรวงอกหยัดดันเต้าของตนเข้าปากเขาให้แนบชิดมากขึ้น“อึก”เกอหลางดูดดึงภูเขาหนั่นเนื้อราวกับเด็กทารก มืออีกข้างก็บีบเฟ้นฟอนจนยอดปทุมถันครัดเคร่งดีดดิ้นสู้มือส่วนฝ่ามืออีกข้างก็เลื่อนลงสู่หว่างขานาง เขาขยับนิ้วทั้งห้าเคล้าคลึงกลีบเนื้อนาง แล้วใช้หัวแม่มือแกร่งบดบี้ที่เม็ดทับทิม“อ๊า...”เฟิ่งอี๋แหงนหงายครางหนักขึ้นรู้สึกว่าบริเวณหวงห้ามที่เขากำลังรุกล้ำนั้นมีน้ำชุ่มฉ่ำออกมา มือหนึ่งของเขาสาละวนอยู่กับเต้านาง อีกมือก็ถูไถติ่งเนื้อเสียวย้ำ ๆ ส่วนปากเขาก็ไล้เลีย ดูดดึงยอดถันของนาง ทำเอาเรือนร่างของนางบิดเร่าอย่างสุดแสนจะทรมาน“เกอหล

  • ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์   ตอนที่ 16. ณ ตำหนักเฉียนชิง

    ณ ตำหนักเฉียนชิงเฟิ่งอี๋ในร่างของกุ้ยเฟยจุดธูปบูชาตามพิธีกรรม จากนั้นก็ปล่อยให้ขันที และนางกำนัลเผากระดาษเงิน กระดาษทองอยู่หน้าตำหนัก ส่วนตนเองนั้นแอบเดินเข้ามาภายในห้องบรรทมของตนเองนางอยู่ที่ตำหนักแห่งนี้เกือบสิบปี แม้จะหลับตาเดิน นางยังจำทางได้อย่างแม่นยำ ดังนั้น เพียงไม่นานเฟิ่งอี๋ก็เข้ามาที่ห้องนอนของตนเอง นางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ด้วยความเศร้าใจ ตำหนักที่เคยเต็มไปด้วยความโอ่อ่าสวยงาม บัดนี้ถูกแทนที่ด้วยความเงียบเหงาวังเวง ตำหนักอันสวยงามถูกทิ้งร้างให้ฝุ่นจับไร้คนดูแลดวงตาเศร้าหมองของเฟิ่งอี๋ถูกเปลือกตาปิดลงจากนั้นเมื่อนางลืมตาขึ้นอีกคราก็กลับกลายเป็นแววตาวาววับเฉียบคม“เมื่อข้าสูญสิ้นสิ่งใดไป ข้าต้องได้มันกลับคืนเป็นพันเท่า !”เสียงนั้นเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว จากนั้นนางก็เดินไปยังโต๊ะเครื่องแป้ง เปิดหีบสีทองใบขนาดกลางออก ในนั้นมีผ้าไหมที่ถูกเย็บเป็นลักษณะพิเศษเพื่อบรรจุสิ่งของบางอย่าง นางหยิบมันขึ้นมาอย่างระมัดระวัง ดวงตาของนางวาวโรจน์ขึ้น“เมื่อแรกรักพระองค์เคยประทานสิ่งนี้ให้หม่อมฉัน..... เมื่อมีแค้นสุดแสนสาหัส หม่อมฉันก็จะคืนมันให้พระองค์ !”ณ ตำหนักไป่เหอ นางกำนัลสองคนกำ

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status