แชร์

ตอนที่5. รักษาตัวให้ดี

ผู้แต่ง: Bunmeebooks
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-27 13:41:50

“เอาละ ในเมื่อพวกเจ้าเหล่าพี่น้อง มาถวายพระพรเราจนครบแล้ว วันนี้ก็พอเท่านี้เถิด”

“ขอจงทรงพระเจริญ หมื่น ๆ ปี หมื่น ๆ ปี”

สนมทั้งหมดล้วนลุกขึ้นถวายพระพรน้อมส่ง ยกเว้น ฟางเหรินกุ้ยเฟย !

“กุ้ยเฟย”

เสียงเรียกขานดังขึ้นพร้อมกับฝ่ามือใหญ่วางลงที่บ่าของนาง เฟิ่งอี๋จึงดึงสติของตนกลับมาในปัจจุบัน

“ถวายพระพรฝ่าบาทเพคะ”

เฟิ่งอี๋ในร่างของฟางเหรินกุ้ยเฟยลุกขึ้นยอบกายถวายความเคารพตามธรรมเนียม

ท่วงท่าห่างเหิน บวกกับน้ำเสียงเย็นชานั้น ทำให้เฉินเฉิงฮ่องเต้เข้าใจว่านางยังคงเสียใจเรื่องลูก จึงรีบเข้าไปประคองนางให้ลุกขึ้น แล้วกล่าวว่า

“ร่างกายเจ้ายังไม่แข็งแรง ไม่ต้องมากพิธีเช่นนี้”

ฮ่องเต้ประคองนางให้นั่งบนเก้าอี้ดังเดิม พร้อมกับกอบกุมมือนิ่มเอาไว้ แล้วเอ่ยอย่างเอาใจว่า

“เราตรวจฎีกาหมดแล้ว วันนี้ทั้งวันทั้งคืนเราจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้าที่ตำหนักดีหรือไม่”

เฟิ่งอี๋เม้มปากเข้าหากันจนสนิทเป็นเส้นตรง หลุบตาลงต่ำซ่อนความโกรธแค้นเอาไว้จนมิดชิด นางจะร่วมเตียงกับคนที่สั่งประหารนางและลูกอย่างทารุณ และฆ่าล้างตระกูลของนางจนสิ้นได้อย่างไร

“ขอประทานอภัยเพคะ หม่อมฉันเพิ่งจะสูญเสียลูกไปร่างกายยังไม่พร้อมที่จะปรนนิบัติฝ่าบาท”

นางเอ่ยวาจาโดยไม่มองพระพักตร์ขององค์ฮ่องเต้แม้แต่น้อย

สีพระพักตร์ขององค์ฮ่องเต้สลดลง แต่เมื่อแลหันใบหน้าซีดเชียวของนาง พระองค์ก็ไม่อาจแข็งใจบังคับนางได้ แม้ว่าเขาอยากจะนอนกอดสนมรักมากเพียงไรก็ตาม ฮ่องเต้ทรงทอดถอนหายใจออกมาเงียบ ๆ แล้วเอ่ยกับนางว่า

“งั้นเจ้าก็รักษาตัวให้ดี”

เฟิ่งอี๋ใคร่ครวญบางอย่างในใจ จากนั้นก็เปลี่ยนท่าทีโดยวางมือนุ่มซ้อนทับกับฝ่ามือของฮ่องเต้อีกชั้นหนึ่ง แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าเดิมคล้ายกับจะปลอบประโลมว่า

“เอาอย่างนี้ดีไหมเพคะ หลังจากที่หม่อมฉันได้รับแต่งตั้งเป็นฮองเฮาแล้ว  ฝ่าบาทก็ทรงให้หม่อมฉันไปอยู่ที่ตำหนักเมฆาสวรรค์กับฝ่าบาท เพื่อจักได้ปรนนิบัติอย่างใกล้ชิดทั้งวันทั้งคืน ฝ่าบาทว่าดีหรือไม่”

“แต่ตามกฎวังหลังไม่อนุญาตให้สนมนางใดพักที่ตำหนักเมฆาสวรรค์ร่วมกับฮ่องเต้ เกรงว่าเหล่าขุนนางเฒ่าจะไม่เห็นชอบ”

ฮ่องเต้เอ่ยอย่างลังเล สีพระพักตร์คล้ายกับลำบากใจ

เฟิ่งอี๋เห็นท่าทีเช่นนั้นแล้ว เกรงว่าแผนการในใจจักไม่ลุล่วงจึงฝืนใจโน้มตัวลงซบลงที่พระอังสาของพระองค์ แล้วบดเบียดเนื้อนุ่มนิ่มของนางเข้ากับพระพาหา พลางเอ่ยเสียงออดอ้อนอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนในชีวิตว่า

“ให้หม่อมฉันไปอยู่กับพระองค์ที่ตำหนักเมฆาสวรรค์เถอะนะเพคะ พระองค์ก็ทรงรู้ฮองเฮาสิ้นชีพอย่างน่าเวทนาที่ตำหนักเฉียนชิง หม่อมฉันกลัววิญญาณอาฆาต ไม่อยากอยู่ตำหนักนั้น หม่อมฉันกลัวจริง ๆ นะเพคะ”

ระหว่างที่เอ่ยวาจานั้น นางไม่ลืมที่จะทำให้ดวงตาแดงระเรื่อขึ้น มีน้ำตารื้นขึ้นมาสักหน่อย มารยาร้อยเล่ห์เช่นนี้ นางเรียนรู้มามาก แต่เมื่อก่อนไม่เคยใช้ เพราะเชื่อในหลักคุณธรรม ที่ว่าหากเราไม่ทำร้ายใครก่อนมีหรือเขาจักทำร้ายเรา แต่สุดท้ายต่อให้วางเฉยสักเพียงไร ผู้อื่นก็ลากเราลงสู่ขุมนรกอยู่ดี !

เมื่อพระองค์เห็นดวงตาคู่งามชื้นไปด้วยน้ำตาของนาง หัวใจของฮ่องเต้ก็อ่อนยวบลงดั่งเทียนถูกไฟลน จึงรีบรับปากว่า

“ได้ ๆ เจ้าอย่าร้องไห้เลยนะ เห็นน้ำตาเจ้าทีไร เราก็ปวดใจทุกที”

“เพคะ”

เฟิ่งอี๋ฝืนยิ้มอย่างไม่จริงใจให้ฮ่องเต้ไปครั้งหนึ่ง แล้วรีบซ่อนใบหน้าที่แสนจะเสแสร้งนั้นซุกลงกับอกเขา จากนั้นแววตาของนางก็วาวโรจน์ขึ้น

- ต่อจากนี้ไป ข้าจะทวงหนี้ชีวิตจากพวกเจ้าทุกคน !”

ช่วงยามจื่อ

แสงไฟในห้องบรรทมของกุ้ยเฟยดับลงไปนานแล้ว เฟิ่งอี๋ครึ่งหลับครึ่งตื่นสติสัมปชัญญะที่กำลังจะเข้าสู่ห้วงนิทราพลันรู้สึกว่ามีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องที่ร่างของนางบนเตียง นางจึงสะดุ้งตื่นขึ้น หัวใจเต้นกระหน่ำ แล้วกวาดสายตามองฝ่าความมืดสลัวไปทั่วทั้งห้อง

แล้วหางตาก็เห็นเงาวูบไหวสายหนึ่งที่หน้าต่าง เมื่อหันไปมองเงานั้นก็วูบหายไป

“นั่นใครนะ”

เฟงอี๋ตวาดเสียงถามออกไป พร้อมกับกวาดสายตามองรอบห้องอีกครั้งอย่างหวาดหวั่น แล้วเมื่อเห็นเงาคนปรากฏที่ประตูห้องบรรทม นางก็กรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียง

กรี๊ดดดดดดดดดดดดด

“ช่วยด้วย ! ช่วยด้วยมีคนบุกรุก !”

เสียงร้องของพระสนมกุ้ยเฟยทำให้ขันที แลนางกำนัลรีบจุดโคมไฟสว่างขึ้นทั่วทั้งตำหนัก จากนั้นก็เร่งฝีเท้ามุ่งหน้ามายังห้องบรรทม แต่พวกเขาก็ยังช้าไป

ปัง !

ประตูห้องบรรทมถูกผลักออกด้วยกำลังภายในเต็มแรง ผู้ที่เข้ามาถึงห้องเป็นคนแรก คือ หัวหน้าทหารองครักษ์เกอหลาง

“พระสนมเป็นอะไรหรือไม่ !”

เสียงห้าวหาญถามขึ้น

เฟิ่งอี๋หยุดกรีดร้อง แล้วเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคมสันองอาจนั้น อาภรณ์ที่เขาสวมบ่งบอกว่าเป็นทหารองครักษ์นางจึงสงบใจได้ แล้วเอ่ยว่า

“ระ เราเห็นเงาประหลาดที่ด้านนอก และยังรู้สึกว่ามีคนเข้ามาในห้องเรา”

ระหว่างที่นางตอบนั้น ข้ารับใช้คนอื่น ๆ ได้วิ่งกันเข้ามาถึงห้องบรรทมแล้ว นางกำนัลข้างกายรีบหยิบเสื้อคลุมมาห่มร่างสั่นเทาของพระสนมเอาไว้อย่างรู้หน้าที่ ส่วนขันทีก็รีบยกฉากม่านมุกเข้ามากั้นระหว่างพระนางกับเหล่าทหารองครักษ์เอาไว้ เพราะยามนี้พระนางสวมเพียงเสื้อบางเบาสำหรับบรรทมเท่านั้น

 เกอหลางขบกรามแน่น แววตานิ่งสงบซุกซ่อนอารมณ์บางอย่างไว้ภายในใจ จากนั้นก็ประสานมือไว้ตรงหน้าแล้วลั่นวาจาออกมาว่า

“พระสนมไม่ต้องกังวลพระทัย กระหม่อมจะรีบนำกำลังไปตรวจเดี๋ยวนี้ พ่ะย่ะค่ะ”

จากนั้น หัวหน้าทหารองครักษ์ก็นำกำลังไปตรวจค้นทั่วตำหนัก

เมื่อเหตุการณ์สงบลงแล้ว เฟิ่งอี๋ก็ทอดกายลงนอนแต่มิอาจข่มตาหลับได้ นางลืมไปได้เช่นไรว่าร่างนี้ก็ถูกคนหมายจะเอาชีวิตเช่นกัน !  ฟางเหรินกุ้ยเฟยถูกลอบวางยาพิษแต่ยังมีชีวิตอยู่ และยังไม่สามารถจับตัวคนลอบวางยาได้ คนร้ายย่อมจะลงมือฆ่าร่างนี้เป็นครั้งที่สองแน่

เฟิ่งอี๋ไม่ยอมให้ร่างนี้ถูกฆ่าตายก่อนที่นางจะได้แก้แค้นเป็นอันขาด พรุ่งนี้นางจะต้องเร่งสืบให้ได้ว่ามันผู้ใดที่บังอาจลงมือกับนางเช่นนี้ !

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์   ตอนที่6. เช้าวันใหม่

    เช้าวันใหม่หลังจากเสวยพระกระยาหารเรียบร้อยแล้ว เฟิ่งอี๋ในร่างของฟางเหรินกุ้ยเฟยก็มีรับสั่งจะเสด็จไปยังคุกหลวง ที่จองจำผู้ต้องสงสัยในคดีลอบวางพิษนางกำนัล และขันทีต่างหายใจกันไม่ทั่วท้องรีบเอ่ยทักท้วงว่า“พระวรกายของพระสนมยังไม่แข็งแรง ไม่ควรเสด็จไปยังคุกหลวงที่เต็มไปด้วยไอชั่วร้าย”“สถานที่เลวร้ายเช่นนั้น หากกระหม่อมปล่อยให้พระนางไป ฝ่าบาทต้องทรงพิโรธแน่ ๆ พ่ะย่ะค่ะ”“ได้โปรด ถอนรับสั่งด้วยเพคะ”เฟิ่งอี๋ทรงนิ่งฟังคำทัดทานนั้น คล้ายลมที่พัดผ่านหู หากนางไม่ลงไปสืบความด้วยตนเอง จะรู้ได้เช่นไรว่าใครที่อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารร่างนี้ !เมื่อก่อนนางยอมโอนอ่อนอยู่ในตำหนัก แล้วเป็นเช่นไรเล่า สุดท้ายความตายก็มาเยือนถึงตำหนักฟางเหรินกุ้ยเฟยเป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาทย่อมเป็นที่ริษยาในเหล่านางสนมด้วยกัน อีกทั้งยังชอบยกหางตนเหยียบย่ำคนอื่น ศัตรูในวังหลังมีมากจนเดาไม่ได้ว่าเป็นฝีมือใครกันแน่ร่างอ้อนแอ้นบอบบางในชุดชาววังชั้นสูงไหวกายลุกขึ้น แผ่นหลังเหยียดตรง แล้วเยื้องพระบาทมุ่งหน้าไปยังคุกหลวงโดยไม่กล่าวสิ่งใดอีกขันทีที่ดูแลตำหนักตะลีตะลานสั่งนางกำนัลเสียงขรม เมื่อห้ามไม่ได้ก็ต้องดูแลรับใช้ให้ด

  • ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์   ตอนที่   1 ณ  ตำหนักเฉียนชิง

    ณ ตำหนักเฉียนชิงตำหนักที่ใหญ่ที่สุด และงดงามที่สุดในวังหลังเป็นที่ประทับของฮองเฮา ผู้มีอำนาจสูงสุดเหนือหมู่ 12 ตำหนักของสนมของฮ่องเต้เฉินเฉิง แห่งราชวงศ์เฉิน“ฮองเฮาเพคะ โอสถเพคะ”นางกำนัลข้างกายประคองถ้วยโอสถที่นางเคี่ยวเองกับมือตามคำสั่งของฮองเฮาวางลงตรงหน้าพระพักตร์ขาวซีดของผู้เป็นใหญ่ในตำหนักนี้เฟิ่งอี๋ฮองเฮา สตรีในวัยสามสิบปีมองถ้วยบรรจุโอสถสีดำมีควันสีขาวจาง ๆ ลอยกรุ่นอยู่เหนือผิวน้ำ กลิ่นของมันชวนคลื่นเหียนยิ่งนัก ไม่ทันไรนางก็จำยอมเบือนหน้าหนีแล้วร่างบางก็สั่นสะท้านคล้ายกับจะขย้อนข้าวต้มในตอนเช้ามา“อะ.. อ๊อก..”“ฮองเฮาเพคะ ให้ตามหมอหลวงหรือไม่”นางกำนัลข้างกายลูบแผ่นหลังให้นายเหนือหัว ในขณะที่นางกำนัลอีกผู้หนึ่งรีบนำบ้วนพระโอษฐ์มารองรับสิ่งที่ฮองเฮาสํารอกออกมาจากปาก“มะ.. ไม่ต้อง”เฟิ่งอี๋รีบยกมือห้าม แววตาสั่นระริก ใบหน้าขาวซีดนั้นยิ่งดูซูบลงไปอีก ตั้งแต่ทรงพระครรภ์หลายสัปดาห์ที่ผ่านมานี้นางมีอาการแพ้ท้องอย่างหนัก ทันทีที่ได้กลิ่นอาหารหรือยา นางก็จะอาเจียนออกมาจึงทำให้ร่างกายที่ผ่ายผอมอยู่แล้วผอมลงไปอีก“แต่....”นางกำนัลข้างกายสีหน้าไม่สู้ดีนักด้วยความกังวลใจ เมื่อต้นเดื

  • ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์   ตอนที่2. สิ้นคำ

    ริมฝีปากขาวซีดเอ่ยถามเสียงแหบแห้ง นางได้รับความเฉยเมยจากสามีมาร่วมเดือน พบหน้ากันอีกครั้งเขากลับจะเอาชีวิตของเธอและลูกน้อยเสียแล้ว“รับสั่งเรื่องใดงั้นรึ เจ้ารู้อยู่เต็มอกว่าตนทำผิดเรื่องใด ยังจะแสร้งตีหน้าใสซื่อบริสุทธิ์ คิดว่าเราหูหนวกตาบอดแล้วรึ”เฉินเฉิงฮ่องเต้เชิดพระพักตร์ขึ้น เอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว สองมือไพล่หลัง แผ่นหลังเหยียดตรง เรือนร่างสูงเด่นงามสง่าสมดั่งผู้อยู่บนบัลลังก์มังกร อยู่เหนือคนนับล้าน“หม่อมฉันไม่เคยทำผิดต่อพระองค์”แม้เสียงของฮองเฮาจะแผ่วเบา แต่คำนั้นหนักแน่น นับตั้งแต่นางอภิเษกกับประมุขของแผ่นดิน ทั้งจิตใจและร่างกายก็มอบไว้บนฝ่ามือเขาเพียงผู้เดียว เป็นเขาเองต่างหากที่มีสนมนางในนับร้อย แม้เจ็บซ้ำที่ต้องแบ่งปันสามีให้สตรีอื่น แต่นางก็ฝืนทนกล้ำกลืนความเจ็บซ้ำนั้นเอาไว้ เพราะตระหนักดีว่า สามีของนางเป็นฮ่องเต้มีชีวิตเพื่อแผ่นดิน มิได้มีไว้ให้นางครอบครองเพียงผู้เดียว“ไม่เคยทำผิดต่อข้างั้นรึ !”ฮ่องเต้ทรงสาวพระบาทตรงเข้าหาฮองเฮา มือแกร่งบีบไหล่นางทั้งสองข้างอย่างแรง จากนั้นก็ตะคอกใส่หน้าของนางว่า “แล้วบุรุษที่เจ้าซุกซ่อนเอาไว้ในคราบของขันทีในตำหนักของเจ้าคืออะไร แ

  • ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์   ตอนที่3. จงรักภักดี

    “หม่อมฉันจงรักและภักดีต่อพระองค์เพียงผู้เดียวเพคะ”กุ้ยเฟยส่งเสียงหวานอย่างออดอ้อน... แต่แล้วนางก็รู้สึกว่าท้องของนางบีบรัดเจ็บปวดมากขึ้นจนใบหน้าเหยเก มือที่เคยเกาะกุมลำแขนแกร่งของเขาก็เกร็งจิกเข้าไปในเนื้อโดยไม่รู้ตัว บนหน้าผากมีเหงื่อผุดพราย เนื้อตัวเย็นเฉียบฉับพลันฮ่องเต้ทรงรับรู้ได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง จึงก้มลงมองดูนางพลางตรัสถามว่า“กุ้ยเฟยเจ้าเป็นอะไร”“ฝะ... ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันเจ็บท้อง”นางส่งเสียงออกมาอย่างยากลำบาก ความเจ็บปวดทรมานมันเริ่มแผ่ซ่านไปทั่วทั้งตัวราวกับตกอยู่ในนรกขุมอเวจีเมื่อฮ่องเต้ทรงทอดพระเนตรมองดูส่วนล่างของสนมรักก็พบเลือดมากมายไหลออกมาย้อมกระโปรงของนางจนแดงฉาน พระองค์ถึงกับเบิกตาโพลง ริมฝีปากค้าง ภาพของนางซ้อนทับกับภาพของฮองเฮาตอนแท้งลูกไม่มีผิดเพี้ยนเมื่อเห็นใบหน้าถอดสีของฮ่องเต้ กุ้ยเฟยจึงก้มลงดูท้องของตนเอง ภาพเบื้องล่างที่เห็นทำให้นางกรีดร้องออกมาราวกับคนเสียสติ แล้วหมดสติไป“เร่งฝีเท้ากลับตำหนักไป่เหอ กงกงตามหมอหลวงมาเร็วเข้า !”ฮ่องเต้ทรงตวาดสั่งออกมาอย่างร้อนพระทัยณ ตำหนักไป่เหอภายในตำหนักของกุ้ยเฟย ร่างในแท่นบรรทมขยับไหวกายเพียงเล็กน้อย นางกำนัล

  • ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์   ตอนที่4. คนในอ้อมกอด

    เมื่อเห็นว่าคนในอ้อมกอดดูจะสงบลงแล้ว ฮ่องเต้จึงประคองนางมาที่แท่นบรรทม ใช้ร่างกายของตนเป็นต่างหมอนให้นางนอนเอนลง จากนั้นก็สั่งหมอหลวงให้รีบเข้ามาดูอาการเฟิ่งอี๋เงยหน้าขึ้นมองดูสามีของตนที่กำลังเฝ้าทะนุถนอมร่างกายฟางเหรินกุ้ยเฟยอย่างรักใคร่ ยิ่งเห็นเขารักร่างกายนี้มากเท่าไหร่ ความแค้นก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเท่านั้นเมื่อก่อนนางเป็นฮองเฮาที่ดีต่อเขามากเพียงไร เขากลับเฉยชา หนำซ้ำยังสั่งประหารตระกูลนางจนหมดสิ้น ในเมื่อเป็นคนดีแล้วถูกเหยียบย่ำ นางก็จะใช้ร่างกายของคนที่นางชิงชังที่สุดตอบสนองความกรุณาของเขาคืนให้เป็นพันเท่าทวีคูณ !“ทูลฝ่าบาท พิษในกายของพระสนมถูกขับออกหมดแล้ว เหลือเพียงแผลที่เกิดจากคมคันฉ่องเมื่อครู่ กระหม่อมได้ใส่โอสถให้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”หมอหลวงเฒ่าถวายรายงาน“ขอบใจมาก เจ้าออกไปเถอะ”ฮ่องเต้พยักหน้าเบา ๆ แววตาเหนื่อยล้า สองสามวันมานี้เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นมากมายนัก เมื่อเห็นร่างในอ้อมแขนเหม่อลอย เขาก็เข้าใจว่านางยังคงเศร้าเสียใจกับการสูญเสียลูกในครรภ์ จึงออกพระโอษฐ์ว่า “เพื่อเป็นการชดเชยที่เจ้าสูญเสียลูกไป และเพื่อเป็นสิ่งตอบแทนที่เจ้าช่วยให้เราตาสว่างเรื่องเฟิ่งอี๋ฮองเฮ่าล

บทล่าสุด

  • ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์   ตอนที่6. เช้าวันใหม่

    เช้าวันใหม่หลังจากเสวยพระกระยาหารเรียบร้อยแล้ว เฟิ่งอี๋ในร่างของฟางเหรินกุ้ยเฟยก็มีรับสั่งจะเสด็จไปยังคุกหลวง ที่จองจำผู้ต้องสงสัยในคดีลอบวางพิษนางกำนัล และขันทีต่างหายใจกันไม่ทั่วท้องรีบเอ่ยทักท้วงว่า“พระวรกายของพระสนมยังไม่แข็งแรง ไม่ควรเสด็จไปยังคุกหลวงที่เต็มไปด้วยไอชั่วร้าย”“สถานที่เลวร้ายเช่นนั้น หากกระหม่อมปล่อยให้พระนางไป ฝ่าบาทต้องทรงพิโรธแน่ ๆ พ่ะย่ะค่ะ”“ได้โปรด ถอนรับสั่งด้วยเพคะ”เฟิ่งอี๋ทรงนิ่งฟังคำทัดทานนั้น คล้ายลมที่พัดผ่านหู หากนางไม่ลงไปสืบความด้วยตนเอง จะรู้ได้เช่นไรว่าใครที่อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารร่างนี้ !เมื่อก่อนนางยอมโอนอ่อนอยู่ในตำหนัก แล้วเป็นเช่นไรเล่า สุดท้ายความตายก็มาเยือนถึงตำหนักฟางเหรินกุ้ยเฟยเป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาทย่อมเป็นที่ริษยาในเหล่านางสนมด้วยกัน อีกทั้งยังชอบยกหางตนเหยียบย่ำคนอื่น ศัตรูในวังหลังมีมากจนเดาไม่ได้ว่าเป็นฝีมือใครกันแน่ร่างอ้อนแอ้นบอบบางในชุดชาววังชั้นสูงไหวกายลุกขึ้น แผ่นหลังเหยียดตรง แล้วเยื้องพระบาทมุ่งหน้าไปยังคุกหลวงโดยไม่กล่าวสิ่งใดอีกขันทีที่ดูแลตำหนักตะลีตะลานสั่งนางกำนัลเสียงขรม เมื่อห้ามไม่ได้ก็ต้องดูแลรับใช้ให้ด

  • ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์   ตอนที่5. รักษาตัวให้ดี

    “เอาละ ในเมื่อพวกเจ้าเหล่าพี่น้อง มาถวายพระพรเราจนครบแล้ว วันนี้ก็พอเท่านี้เถิด”“ขอจงทรงพระเจริญ หมื่น ๆ ปี หมื่น ๆ ปี”สนมทั้งหมดล้วนลุกขึ้นถวายพระพรน้อมส่ง ยกเว้น ฟางเหรินกุ้ยเฟย !“กุ้ยเฟย”เสียงเรียกขานดังขึ้นพร้อมกับฝ่ามือใหญ่วางลงที่บ่าของนาง เฟิ่งอี๋จึงดึงสติของตนกลับมาในปัจจุบัน“ถวายพระพรฝ่าบาทเพคะ”เฟิ่งอี๋ในร่างของฟางเหรินกุ้ยเฟยลุกขึ้นยอบกายถวายความเคารพตามธรรมเนียมท่วงท่าห่างเหิน บวกกับน้ำเสียงเย็นชานั้น ทำให้เฉินเฉิงฮ่องเต้เข้าใจว่านางยังคงเสียใจเรื่องลูก จึงรีบเข้าไปประคองนางให้ลุกขึ้น แล้วกล่าวว่า“ร่างกายเจ้ายังไม่แข็งแรง ไม่ต้องมากพิธีเช่นนี้”ฮ่องเต้ประคองนางให้นั่งบนเก้าอี้ดังเดิม พร้อมกับกอบกุมมือนิ่มเอาไว้ แล้วเอ่ยอย่างเอาใจว่า“เราตรวจฎีกาหมดแล้ว วันนี้ทั้งวันทั้งคืนเราจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้าที่ตำหนักดีหรือไม่”เฟิ่งอี๋เม้มปากเข้าหากันจนสนิทเป็นเส้นตรง หลุบตาลงต่ำซ่อนความโกรธแค้นเอาไว้จนมิดชิด นางจะร่วมเตียงกับคนที่สั่งประหารนางและลูกอย่างทารุณ และฆ่าล้างตระกูลของนางจนสิ้นได้อย่างไร“ขอประทานอภัยเพคะ หม่อมฉันเพิ่งจะสูญเสียลูกไปร่างกายยังไม่พร้อมที่จะปรนนิบัติฝ่าบ

  • ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์   ตอนที่4. คนในอ้อมกอด

    เมื่อเห็นว่าคนในอ้อมกอดดูจะสงบลงแล้ว ฮ่องเต้จึงประคองนางมาที่แท่นบรรทม ใช้ร่างกายของตนเป็นต่างหมอนให้นางนอนเอนลง จากนั้นก็สั่งหมอหลวงให้รีบเข้ามาดูอาการเฟิ่งอี๋เงยหน้าขึ้นมองดูสามีของตนที่กำลังเฝ้าทะนุถนอมร่างกายฟางเหรินกุ้ยเฟยอย่างรักใคร่ ยิ่งเห็นเขารักร่างกายนี้มากเท่าไหร่ ความแค้นก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเท่านั้นเมื่อก่อนนางเป็นฮองเฮาที่ดีต่อเขามากเพียงไร เขากลับเฉยชา หนำซ้ำยังสั่งประหารตระกูลนางจนหมดสิ้น ในเมื่อเป็นคนดีแล้วถูกเหยียบย่ำ นางก็จะใช้ร่างกายของคนที่นางชิงชังที่สุดตอบสนองความกรุณาของเขาคืนให้เป็นพันเท่าทวีคูณ !“ทูลฝ่าบาท พิษในกายของพระสนมถูกขับออกหมดแล้ว เหลือเพียงแผลที่เกิดจากคมคันฉ่องเมื่อครู่ กระหม่อมได้ใส่โอสถให้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”หมอหลวงเฒ่าถวายรายงาน“ขอบใจมาก เจ้าออกไปเถอะ”ฮ่องเต้พยักหน้าเบา ๆ แววตาเหนื่อยล้า สองสามวันมานี้เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นมากมายนัก เมื่อเห็นร่างในอ้อมแขนเหม่อลอย เขาก็เข้าใจว่านางยังคงเศร้าเสียใจกับการสูญเสียลูกในครรภ์ จึงออกพระโอษฐ์ว่า “เพื่อเป็นการชดเชยที่เจ้าสูญเสียลูกไป และเพื่อเป็นสิ่งตอบแทนที่เจ้าช่วยให้เราตาสว่างเรื่องเฟิ่งอี๋ฮองเฮ่าล

  • ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์   ตอนที่3. จงรักภักดี

    “หม่อมฉันจงรักและภักดีต่อพระองค์เพียงผู้เดียวเพคะ”กุ้ยเฟยส่งเสียงหวานอย่างออดอ้อน... แต่แล้วนางก็รู้สึกว่าท้องของนางบีบรัดเจ็บปวดมากขึ้นจนใบหน้าเหยเก มือที่เคยเกาะกุมลำแขนแกร่งของเขาก็เกร็งจิกเข้าไปในเนื้อโดยไม่รู้ตัว บนหน้าผากมีเหงื่อผุดพราย เนื้อตัวเย็นเฉียบฉับพลันฮ่องเต้ทรงรับรู้ได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง จึงก้มลงมองดูนางพลางตรัสถามว่า“กุ้ยเฟยเจ้าเป็นอะไร”“ฝะ... ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันเจ็บท้อง”นางส่งเสียงออกมาอย่างยากลำบาก ความเจ็บปวดทรมานมันเริ่มแผ่ซ่านไปทั่วทั้งตัวราวกับตกอยู่ในนรกขุมอเวจีเมื่อฮ่องเต้ทรงทอดพระเนตรมองดูส่วนล่างของสนมรักก็พบเลือดมากมายไหลออกมาย้อมกระโปรงของนางจนแดงฉาน พระองค์ถึงกับเบิกตาโพลง ริมฝีปากค้าง ภาพของนางซ้อนทับกับภาพของฮองเฮาตอนแท้งลูกไม่มีผิดเพี้ยนเมื่อเห็นใบหน้าถอดสีของฮ่องเต้ กุ้ยเฟยจึงก้มลงดูท้องของตนเอง ภาพเบื้องล่างที่เห็นทำให้นางกรีดร้องออกมาราวกับคนเสียสติ แล้วหมดสติไป“เร่งฝีเท้ากลับตำหนักไป่เหอ กงกงตามหมอหลวงมาเร็วเข้า !”ฮ่องเต้ทรงตวาดสั่งออกมาอย่างร้อนพระทัยณ ตำหนักไป่เหอภายในตำหนักของกุ้ยเฟย ร่างในแท่นบรรทมขยับไหวกายเพียงเล็กน้อย นางกำนัล

  • ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์   ตอนที่2. สิ้นคำ

    ริมฝีปากขาวซีดเอ่ยถามเสียงแหบแห้ง นางได้รับความเฉยเมยจากสามีมาร่วมเดือน พบหน้ากันอีกครั้งเขากลับจะเอาชีวิตของเธอและลูกน้อยเสียแล้ว“รับสั่งเรื่องใดงั้นรึ เจ้ารู้อยู่เต็มอกว่าตนทำผิดเรื่องใด ยังจะแสร้งตีหน้าใสซื่อบริสุทธิ์ คิดว่าเราหูหนวกตาบอดแล้วรึ”เฉินเฉิงฮ่องเต้เชิดพระพักตร์ขึ้น เอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว สองมือไพล่หลัง แผ่นหลังเหยียดตรง เรือนร่างสูงเด่นงามสง่าสมดั่งผู้อยู่บนบัลลังก์มังกร อยู่เหนือคนนับล้าน“หม่อมฉันไม่เคยทำผิดต่อพระองค์”แม้เสียงของฮองเฮาจะแผ่วเบา แต่คำนั้นหนักแน่น นับตั้งแต่นางอภิเษกกับประมุขของแผ่นดิน ทั้งจิตใจและร่างกายก็มอบไว้บนฝ่ามือเขาเพียงผู้เดียว เป็นเขาเองต่างหากที่มีสนมนางในนับร้อย แม้เจ็บซ้ำที่ต้องแบ่งปันสามีให้สตรีอื่น แต่นางก็ฝืนทนกล้ำกลืนความเจ็บซ้ำนั้นเอาไว้ เพราะตระหนักดีว่า สามีของนางเป็นฮ่องเต้มีชีวิตเพื่อแผ่นดิน มิได้มีไว้ให้นางครอบครองเพียงผู้เดียว“ไม่เคยทำผิดต่อข้างั้นรึ !”ฮ่องเต้ทรงสาวพระบาทตรงเข้าหาฮองเฮา มือแกร่งบีบไหล่นางทั้งสองข้างอย่างแรง จากนั้นก็ตะคอกใส่หน้าของนางว่า “แล้วบุรุษที่เจ้าซุกซ่อนเอาไว้ในคราบของขันทีในตำหนักของเจ้าคืออะไร แ

  • ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์   ตอนที่   1 ณ  ตำหนักเฉียนชิง

    ณ ตำหนักเฉียนชิงตำหนักที่ใหญ่ที่สุด และงดงามที่สุดในวังหลังเป็นที่ประทับของฮองเฮา ผู้มีอำนาจสูงสุดเหนือหมู่ 12 ตำหนักของสนมของฮ่องเต้เฉินเฉิง แห่งราชวงศ์เฉิน“ฮองเฮาเพคะ โอสถเพคะ”นางกำนัลข้างกายประคองถ้วยโอสถที่นางเคี่ยวเองกับมือตามคำสั่งของฮองเฮาวางลงตรงหน้าพระพักตร์ขาวซีดของผู้เป็นใหญ่ในตำหนักนี้เฟิ่งอี๋ฮองเฮา สตรีในวัยสามสิบปีมองถ้วยบรรจุโอสถสีดำมีควันสีขาวจาง ๆ ลอยกรุ่นอยู่เหนือผิวน้ำ กลิ่นของมันชวนคลื่นเหียนยิ่งนัก ไม่ทันไรนางก็จำยอมเบือนหน้าหนีแล้วร่างบางก็สั่นสะท้านคล้ายกับจะขย้อนข้าวต้มในตอนเช้ามา“อะ.. อ๊อก..”“ฮองเฮาเพคะ ให้ตามหมอหลวงหรือไม่”นางกำนัลข้างกายลูบแผ่นหลังให้นายเหนือหัว ในขณะที่นางกำนัลอีกผู้หนึ่งรีบนำบ้วนพระโอษฐ์มารองรับสิ่งที่ฮองเฮาสํารอกออกมาจากปาก“มะ.. ไม่ต้อง”เฟิ่งอี๋รีบยกมือห้าม แววตาสั่นระริก ใบหน้าขาวซีดนั้นยิ่งดูซูบลงไปอีก ตั้งแต่ทรงพระครรภ์หลายสัปดาห์ที่ผ่านมานี้นางมีอาการแพ้ท้องอย่างหนัก ทันทีที่ได้กลิ่นอาหารหรือยา นางก็จะอาเจียนออกมาจึงทำให้ร่างกายที่ผ่ายผอมอยู่แล้วผอมลงไปอีก“แต่....”นางกำนัลข้างกายสีหน้าไม่สู้ดีนักด้วยความกังวลใจ เมื่อต้นเดื

DMCA.com Protection Status