แต่ถ้านางมีเรื่องส่วนตัวอะไร ปกติจะเลี่ยงตัวนาง และพาสาวใช้อีกสองคนไปแทนเสี่ยวชิ่นเองก็ไม่ใช่คนโง่ รู้ว่าเพราะอะไรอวี๋อวี่เวยจึงไม่เชื่อใจนาง กลัวว่ามีเรื่องอะไรที่ให้นางรู้ แล้วจะเอาไปบอกเสิ่นเสวียน"แล้วเจ้ายินดีมาไหม? ถ้าเจ้าอยากจะไปอยู่ข้างกายแม่นางอวี๋ก็บอกตรงๆ ได้นะ ข้าทางนี้ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก"ฟู่จาวหนิงตอนนี้ยังไม่รู้ว่าอวี๋อวี่เวยอยู่ในบ้านตระกูลเสิ่นด้วยตัวตนฐานะอะไร นางเองก็ไม่ได้จะพักที่บ้านตระกูลเสิ่นนานเสียด้วย เดี๋ยวตอนที่นางต้องจากไป เสี่ยวชิ่นถ้าหากต้องกลับไปอยู่ข้างกายอวี๋อวี่เวยอีก ฟู่จาวหนิงก็กังวลว่านางคงไม่อยากไปทำแล้วเสี่ยวชิ่นรีบพูดออกมา "ยินดีเจ้าค่ะ นายท่านบอกว่าคุณหนูจาวหนิงเป็นเจ้านายที่ดีมาก ให้ข้าไม่ต้องกลัว"ฟู่จาวหนิงหัวเราะขึ้นมา"อืม ไม่ต้องกลัว"หลังจากนางเก็บกวาดเสร็จ เสี่ยวชิ่นก็รีบเปิดลิ้นชักเครื่องประดับหนึ่งบนโต๊ะ ด้านในใส่เครื่องประดับเอาไว้เต็ม ดูแล้วล้วนเป็นชุดที่ดูเรียบง่ายและเหมาะกับวัยหนุ่มสาวอย่างพวกปิ่นทองดอกลิลลี่ที่สลักไข่มุกหยกขาวไว้อะไรแบบนี้ เรียบง่ายแล้วยังดูมีเอกลักษณ์และยังมีถุงหอมด้ายทอง ประณีตแต่ไม่ได้ดูซับซ้อนมาก
เสี่ยวชิ่นตะลึงไปครู่หนึ่ง"เป็นข้าน้อยที่ไม่ได้บอกกับแม่นางชัดเจน ที่ข้าน้อยบอกว่าจะไปทำงานที่สวนสี่ซิน ไม่ใช่การไปทำเพียงชั่วคราว หลังจากนี้ข้าน้อยจะมาปรนนิบัติรับใช้คุณหนูจาวหนิงแล้ว"อันที่นางบอกไปชัดเจนแล้วแต่ต่อหน้าเจ้านาย นางเองก็แก้ตัวอะไรไม่ได้ ทำได้แค่บอกไปอีกรอบ"เพราะคุณหนูฟู่มาอาศัยพักบ้านตระกูลเสิ่นเพียงลำพังใช่ไหม?" อวี๋อวี่เวยพยายามทำให้สีหน้ากับอารมณ์ของตนเองสงบลงมาหน่อย "เช่นนั้นก็สมควรอยู่ พวกเราต้องปฏิบัติต่อแขกให้ดีสิ"นางมองไปทางฟู่จาวหนิงอีก ฉีกยิ้มออกมา ถามขึ้นว่า "ไม่ทราบว่าคุณหนูฟู่จะพักกี่วันหรือ? เจ้าน่าจะไม่รู้ ว่าเสี่ยวชิ่นอยู่ข้างกายข้ามาตลอด นางทำงานเก่ง เรื่องใหญ่เรื่องเล็กรอบตัวข้าล้วนขาดนางไม่ได้ พอนางไม่อยู่แบบนี้ ข้าก็สติไม่อยู่กับเนื้อตัวเหมือนกัน"ฟู่จาวหนิงอยากจะถอนหายใจเสียแล้วนางรู้สึกจริงๆ ว่าพูดกันแบบนี้มันเหนื่อย นางมีเวลาที่จะมาปะทะคารมกับอวี๋อวี่เวยที่นิสัยประหลาดแบบนี้เสียที่ไหน?นางจึงเอ่ยขึ้นตรงๆ "เช่นนั้นก็ขอโทษด้วย ตอนนี้ข้าต้องการเสี่ยวชิ่น ถ้ารบกวนก็ขออภัยด้วย"ประโยคเดียวจะทำให้อวี๋อวี่เวยโมโหหรือเปล่านางไม่รู้ แต่นางไม่
ไป๋หู่ปรากฏตัว"คุณหนูจาวหนิงบอกไปแล้ว ว่าอย่ามาวอแวอีก"ไป๋หู่สีหน้าไร้อารมณ์เหลือบมองอวี๋อวี่เวยผาดหนึ่ง รีบเดินตามฟู่จาวหนิงไป"คุณหนูจาวหนิง ข้ามาช้าไปเสียแล้ว จากการกำชับของท่าน ให้สืออีกับสือซานพักผ่อนกันก่อน พวกเขาจึงยังไม่ลุกขึ้นมา""อืม ไม่เป็นไร เจ้าเองก็พักผ่อนอีกหน่อยเถอะ ข้าจะไปที่สวนจิ้งชิว""ข้าส่งคุณหนูไปเอง"เสินหว่านกับอวี๋อวี่เวยพอได้ยินบทสนทนาของพวกเขาแล้วจากไป ก็ล้วนไม่อยากจะเชื่อ"ท่านแม่ ท่านดูสิ ยังพูดอีกว่าท่านลุงไม่ได้จะแต่งงานกับหญิงสาวคนนี้ ตอนนี้นางยังกำเริบเสิบสานเสียขนาดนี้แล้ว! เมื่อครู่นางเพิ่งจะผลักข้า! แล้วก็ ไป๋หู่คนนั้นเดิมทีก็ฟังแต่ท่านลุง ตอนนี้กลับมาตามหน้าตามหลังนางอยู่ได้ นี่ไม่ใช่เห็นนางเป็นนายหญิงไปแล้วหรือ?"อวี๋อวี่เวยพูดไปพูดมาก็สะอื้นไห้เสียแล้วเสินหว่านเพิ่งจะถูกฟู่จาวหนิงพูดไปแบบนั้น ในใจก็ไม่ค่อยสบายเท่าไรนางเป็นผู้อาวุโสกว่าไหม? ฟู่จาวหนิงดูแล้วน่าจะเด็กกว่านางยี่สิบกว่าปีได้ นี่กลับมาสั่งสอนว่านางสั่งสอนลูกสาวไม่ดีนางเองก็กำลังคิดในใจ ฟู่จาวหนิงคงไม่ได้คิดว่าเป็นสะใภ้รองของนางจริงๆ แล้วหรอกนะ ดังนั้นต่อหน้านางถึงได้มีท่
ไท่ไท่อาวุโสตื่นแล้ว แต่ยังไม่ได้ตื่นดีนัก แค่หนังตาขยับๆ เท่านั้น มือเองก็ยกขึ้นทำท่าเหมือนจะคว้าจับอะไร ปากอ้าพะงาบแต่ก็ยังพูดอะไรออกมาไม่ได้ท่านผู้เฒ่าเสิ่นถูกเสิ่นเสวียนดันให้ไปพักผ่อนบนเตียง ส่วนเสิ่นเสวียนมาคอยดูแลอยู่ทางนี้มือของไท่ไท่อาวุโสพอยื่นออกมาเขาก็คว้าจับมือของไท่ไท่อาวุโสทันที ขณะกำลังจะให้หลิวหั่วไปเชิญฟู่จาวหนิงมา ก้ได้ยินเสียงหลิวหั่วตะโกนเรียกฟู่จาวหนิงพอดี"จาวหนิงรีบมาเร็ว" เสิ่นเสวียนรีบเขยิบที่ให้ฟู่จาวหนิงรีบเดินเข้ามา รีบตรวจสอบอาการของไท่ไท่อาวุโสอย่างรวดเร็ว"เรียกนางให้ตื่นได้ พอตื่นแล้วให้นางกินอะไรเสียหน่อย จะดีกับนางมาก" ต่อให้เป็นแค่อาหารเหลวก็ยังดียิ่งไปกว่านั้น นางเห็นท่าทีของไท่ไท่อาวุโส ยังมีปฏิธานยอยากมีชีวิตอยู่ หนังตาเองก็ขยับอยู่เป็นระยะ เหมือนพยายามจะลืมตาขึ้นเช่นนี้นางก็สามารถช่วยได้แล้วฟู่จาวหนิงหยิบเข็มออกมา แทงเข้าไปยังจุดชีพจรกระตุ้นหลายจุดบนตัวไท่ไท่อาวุโสเพียงครู่เดียว ไท่ไท่อาวุโสก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น"ท่านแม่?" เสิ่นเสวียนร้องเรียกนางทันทีมุมปากไท่ไท่อาวุโส เหมือนพูดอะไรออกมา งึมงำๆ เสิ่นเสวียนได้ยินไม่ชัดฟู่จาวหนิงแน
นางพยักหน้าให้เสิ่นเสวียน "ไม่เป็นไร น่าจะแค่ยังตั้งตัวกลับมาไม่ทันแค่นั้น ปัญหาไม่ใหญ่ ตอนนี้ยังไม่ตื่นขึ้นดี ข้าคิดว่านางเพิ่งจะฝัน"ฝันเห็นเสิ่นเชี่ยวเสียแล้วยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นฝันที่เสิ่นเชี่ยวกลับมาแล้วเสียด้วย ดังนั้นตอนนี้ไท่ไท่อาวุโสจึงยังแยกความฝันกับความจริงไม่ออก"ผ่านไปไม่กี่วันก็คงจะดีขึ้น"เสิ่นเสวียนถอนหายใจ "เช่นนั้นก็ดี ไม่เช่นนั้นท่านผู้เฒ่าถึงเวลายังต้องมาปลอบนางอีก ร่างกายของเขาเองก็ยังไม่ค่อยสบายนัก"เกรงว่าจะปลอบไม่ไหวน่ะสิท่านผู้เฒ่าก่อนหน้านี้ถูกเขาบีบให้ไปพัก ปากบอกไม่เอาๆ ไม่ง่วงๆ ผลคือพอล้มตัวลงบนเตียง ก็หลับลึกไปทันทีเห็นๆ อยู่ว่าเหนื่อยจนไม่ไหวแล้ว ช่วงนี้วันวันเอาแต่คอยเฝ้าไท่ไท่อาวุโสเสิ่นเสวียนให้คนใช้ไปยกน้ำแกงข้าวเข้ามา ฟู่จาวหนิงป้อนไท่ไท่อาวุโสด้วยตนเองน้ำแกงข้าวเติมน้ำแกงไก่ไปชามหนึ่งถูกปลอบไปด้วยหลอกป้อนไปด้วย ไท่ไท่อาวุโสเองจึงหลับไปอีกครั้งครั้งนี้คือหลับไปจริงๆฟู่จาวหนิงฝังเข็มให้นางอีกหลายเข็ม แล้วยังฝังเข็มลดอาการปวดหัวของเขาลงอีกหลายเข็มด้วย"ไป ไปกินข้าวเถอะ เดิมทีข้าคิดจะให้นอนอีกสักหน่อย ถึงตอนค่ำแล้วค่อยเรียกเจ้า แต่ค
อวี๋อวี่เวยวุ่นอยู่ในครัวมาหนึ่งชั่วยามเสินหว่านพอรู้ว่านางคิดจะขอโทษฟู่จาวหนิงก็เลยเข้ามาช่วยรอจนอาหารวางขึ้นโต๊ะหมดแล้ว เสินหว่านก็มองกับข้าวทั้งโต๊ะนั้นอย่างประหลาดใจ "นี่มันอาหารที่ลุงของเจ้าชอบทั้งนั้นเลยไม่ใช่หรือ?"เสิ่นเสวียนเรื่องมากเรื่องรสชาติอยู่ คนในบ้านล้วนรู้กัน นางชิมไปชิมมาก็มีแต่รสชาติเหล่านั้นตอนนี้ที่วางอยู่บนโต๊ะล้วนสอดคล้องกับรสชาติที่เขาชอบทั้งสิ้น"ใช่เลย ถ้าข้าเชิญแต่ฟู่จาวหนิง นางก็น่าจะไม่ยอมมากระมัง? เช่นนั้นก็เชิญท่านลุงมาด้วยดีไหม?""แล้วกับข้าวพวกนี้ล่ะ?""ฟู่จาวหนิงในเมื่อมีความสัมพันธ์ดีกับท่านลุง ไม่แน่ว่ารสชาติก็น่าจะคล้ายคลึงกัน ข้าเองก็ไม่รู้จักนางไม่เข้าใจนาง ใครจะไปรู้ว่านางชอบกินอะไร?"อวี๋อวี่เวยค้านขึ้นมา "ดังนั้นเอารสชาติของท่านลุงมาตั้งต้นไม่ใช่ว่าดีที่สุดหรือ? ไม่แน่นางอาจจะชอบกินด้วยก็ได้""ข้าค้านเจ้าไม่ได้ เจ้าพูดมาก็ดูมีเหตุผล" เสินหว่านเองก็คัดค้านไม่ได้"ให้คนไปเชิญแม่นางฟู่แล้วหรือ?""ไปแล้ว"อวี๋อวี่เวยตอนที่กำลังรอตนเองจะกลับห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งตัวสักหน่อย ถูกควันรมจนกลิ่นติดตัวไปหมดแล้วตอนออกมาพอเสินหว่านเห็น
"พ่อครัวเลื่องชื่อ? ผู้อาวุโสตู้หรือ?""ผู้อาวุโสตู้? ท่านลุงเชิญเขามาได้หรือ?"อวี๋อวี่เวยริษยาขึ้นมาแล้ว ไฟริษยาแทบจะเผานางจนแดดิ้นตอนนั้นที่นางอายุสิบห้า เดิมทีก็ได้ยินคนอื่นยุยงมา และอยากจะเชิญพ่อครัวเลื่องชื่อคนนั้นมาทำอาหารจัดงานให้นาง เช่นนั้นนางคงได้ชื่อกระฉ่อนต้าชื่อแล้ว เหล่าแม่นางทั้งหมดคงได้อิจฉานางแน่แต่นางเพิ่งพูดกับเสิ่นเสวียนแค่ครึ่งประโยค เสิ่นเสวียนก็ตัดบทนางมาเรียบๆ เสียแล้ว บอกมาคำหนึ่ง ว่าตระกูลเสิ่นไม่ควรจะสร้างชื่อเสียง วันนั้นให้พ่อครัวทำอาหารให้สักสองอย่างก็พอแล้วผลลัพธ์ล่ะ?อวี๋อวี่เวยร้องเรียกเสี่ยวซิ่ง "ยกน้ำแกงฟักหยกขาวนี่ตามข้ามไปที่ศาลาเหมย!"ส่วนตัวนางก็วิ่งกระฟัดกระเฟียดตรงออกไปแล้วสาวใช้เสี่ยวซิ่งรีบยกชามใหญ่นั่นขึ้นมา แล้วตามไปเสินหว่านตกตะลึง "เสี่ยวเวย เจ้ากลับมาก่อน อย่าไปอาละวาด"ที่นี่บ้านตระกูลเสิ่นนะ ไม่ใช่บ้านตระกูลอวี๋เสียหน่อย อวี๋อวี่เวยไม่มีสิทธิ์เสียงพูดอะไรในบ้านตระกูลอวี๋ ในตระกูลเสิ่นยิ่งไม่ต้องคิดจะอาละวาดเลย นางไม่ใช่คนสกุลเสิ่นนะ!นางเองก็รีบตามเข้าไป กลัวว่าอวี๋อวี่เวยจะทำเรื่องเป็นเรื่องใหญ่ตอนที่อวี๋อวี่เวยไปถึง
คนที่ผู้อาวุโสตู้หา คือผู้เฒ่าฟู่ปู่ของฟู่จาวหนิง!"เขาเป็นพี่ชายของข้า ลูกพี่ลูกน้อง"ผู้อาวุโสตู้เองก็ไม่ได้ปิดบังอะไร พูดออกมากับพวกเขาอย่างชัดเจน"ตอนนั้นแม่ของข้าแต่งเข้าตระกูลตู้ บ้านตระกูลตู้เดิมทีเป็นตระกูลมั่งคั่งตระกูลหนึ่งที่อยู่ในเมืองชายแดนติดกับแคว้นเจาและต้าชื่อ แต่ต่อมาที่นั่นเจอกับภัยพิบัติ คนทั้งหมดล้วนหนีกันไป คนตระกูลตู้จึงเลือกมาเป็นดองญาติกับต้าชื่อ""เหล่าผู้อาวุโสตระกูลตู้ระหว่างที่หนีภัยตอนนั้นก็ทนกันไม่ไหว ทยอยกันจากไป คนหนุ่มสาวที่เหลืออยู่ไม่กี่คน พอบวกกับพวกหญิงสาว ก็เกรงว่าจะยืนอยู่ในต้าชื่อได้ไม่มั่นคง ลุงของข้าจึง.ยืนกรานที่จะรับพ่อข้าเข้าไปอยู่กับญาติของเขาที่เมืองต้าชื่อ ข้าจึงกลายเป็นคนต้าชื่อไป"ผู้อาวุโสตู้มองฟู่จาวหนิง รู้สึกว่าสนิทชิดเชื้อกันเสียเหลือเกิน"แต่พูดขึ้นมาข้าเองก็ถือว่ามีสายเลือดแคว้นเจาอยู่ไหม? ทว่าคนตระกูลตู้ทางนี้ก็ดีกับพวกเราอย่างมาก ดังนั้นจะเป็นแคว้นเจาหรือว่าต้าชื่อ ข้าก็ไม่สนใจหรอก ตอนนั้นแม่ของข้ากลัวว่าคนของบ้านตระกูลตู้จะสงสัยว่าพวกเขามีใจคิดออกห่าง จึงไม่กล้าเอ่ยถึงญาติที่แคว้นเจา""แคว้นเจาทางนั้นเองก็ไม่มีคนมาหา น