กลับมาถึงจวนอ๋องเจวี้ยน หงจั๋วตรงเข้ามารับ"พระชายา เมื่อครู่มีคนจากตระกูลโม่เข้ามา ถามว่าพรุ่งนี้ท่านมีเวลาว่างไหม ฮูหยินใหญ่โม่บอกมีสองพี่น้องร่างกายไม่ค่อยดีนัก ไม่ทราบว่าท่านจะมีเวลาให้พวกนางไหม"ฮูหยินใหญ่โม่?"มาที่จวนอ๋องหรือ?"ฟู่จาวหนิงรู้สึกไม่ค่อยสะดวกขึ้นมาด้วยสัญชาตญาณ "ท่านอ๋องของพวกเจ้าคงไม่ยินดีเท่าไรนักกระมัง? ส่งคนจดหมายตอบกลับไป บอกว่าให้พวกนางนัดเวลาเลย แล้วพรุ่งนี้ไปที่บ้านตระกูลฟู่เถอะ วันพรุ่งนี้ข้าจะไปฝังเข็มให้อันห่าว""เจ้าค่ะ"เรื่องนี้ลอยไปถึงในหูเซียวหลันยวนเป็นผู้ดูแลที่ได้ยิน แล้วมาบอกกับเขาตอนที่มารายงานเรื่องอาหารเย็น"ท่านอ๋อง พระชายาใส่ใจกับท่านมากเลยใช่ไหม? ท่านดูสิ นางยังคิดว่าท่านจะยินดีหรือไม่ยินดีด้วย"ความหมายเดิมของผู้ดูแลจงคือคิดจะทำให้เซียวหลันยวนรู้สึกดีใจขึ้นมาดูสิ พระชายาสนใจความรู้สึกท่านขนาดนี้เลยนะแต่ว่าเซียวหลันยวนหลังจากได้ยินกลับสีหน้าเคร่งขรึม "ไปถามนางว่าวันนี้จะกินข้าวเย็นที่ไหน""ขอรับ"ผู้ดูแลจงหลังจากถอยไปก็กลัดกลุ้มหน่อยๆ"ท่านอ๋องนี่อย่างไรกันนะ? ทำไมดูไม่ยินดีขึ้นมาเสียล่ะ"เซียวหลันยวนรู้สึกว่าอ่านหนังสือใ
ชิงอีพูดประโยคนี้จบ ก็ลูบเจอว่าใบหน้าตนเองเกลี้ยงเกลาโอ้ เหมือนจะแค่ช่วงนี้พักผ่อนไม่ค่อยดี ดังนั้นที่จึงมีตุ่มเล็กๆ ขึ้นมาก็เท่านั้นเขาเข้าใจขึ้นทันที ท่านอ๋องกำลังหยอกเขานี่"ทำไม มีผดแค่นิดเดียวก็ยังตกใจขนาดนี้ ข้าน่ะพังไปครึ่งหน้าแล้ว เจ้ายังมาบอกว่าไม่ต้องเครียดหรือ? เป็นชายชาตรีขนาดนี้แล้ว"เซียวหลันยวนมองประชดใส่เขาชิงอีทำหน้าเหยเกขึ้นทันที "ท่านอ๋อง ข้าน้อยไม่ได้หมายความเช่นนั้น""เอาล่ะ ออกไปเถอะ อย่ามาอยู่ขวางหูขวางตาข้าอีก" เซียวหลันยวนโบกไม้โบกมือ เหมือนไล่แมลงวันอย่างไรอย่างนั้นน่าโมโหเสียจริงอย่าคิดว่าเขาไม่รู้ แค่ตุ่มไม่กี่เม็ดใต้คางชิงอี เขาก็ยังแอบส่องกระจกเสียหลายครั้ง แล้วยังไปบอกกับผู้ดูแลจงอีก ว่าต้องเชิญพระชายามาจัดยาให้เขาไหม ดูว่าจะลบเจ้าตุ่มผดเล็กๆ นี้ออกไปได้หรือไม่ตนเองก็รักสวยรักงามขนาดนั้น แล้วยังมาพูดต่อหน้าเขาว่าเหมือนไม่ได้สนใจความงามภายนอกเลยแม้แต่นิดเดียวมันน่านักผู้เฒ่าฟู่ได้ยินว่าเซี่ยซื่อกับอันห่าวก็อยู่ในบ้านอย่างปกติสุขดี ไม่มีใครมารบกวน น่าจะเพราะรู้ว่าเขาอยู่ที่จวนอ๋อง และคิดว่าในบ้านตระกูลฟู่คงทิ้งพวกคนใช้ส่วนหนึ่งไว้ ไม่ได้ส
"อย่าเหนื่อยเกินไปนักนะ ขาหายดีแล้วหรือ?""ดีเหมือนเดิมแล้ว ตอนนี้เวลาเปลี่ยนวันก็ไม่รู้สึกปวดจี๊ดๆ อีกแล้ว พี่ใหญ่จงสอนวิธีก้าวเดินหนึ่งให้ข้าด้วย ร้ายกาจมากเลย"จงเจี้ยนเองก็เดินเข้ามา"พระชายา" กลับมาจวนอ๋องเจวี้ยนครั้งนี้ เขากลับมาเรียกนางว่าพระชายาแล้ว"เจ้าฟื้นฟูเป็นอย่างไรบ้าง?""ดีมากเลย พลังยุทธ์เองก็ฟื้นมาเจ็ดส่วนแล้ว" จงเจี้ยนรู้สึกพึงพอใจมาก เขาติดพิษขนาดนั้นแล้วยังรอดมาได้ ยิ่งไปกว่านั้นพระชายายังเคยบอกว่าถ้าเขายังบำรุงพักฟื้นต่อไป ร่างกายจะกลับมาดีเหมือนตอนแรกเลย ขอแค่ต้องการเวลาหน่อยต้องการเวลาไม่น่ากลัว"ข้าจะจับชีพจรให้เจ้า"ฟู่จาวหนิงจับชีพจรให้เขาอีก และพบว่าฟื้นฟูได้ดีมาก นางวางใจลงแล้ว"อีกไม่กี่วันข้าจะออกไปข้างนอก ข้าจะไปต้าชื่อ ถึงตอนนั้นจะปรับปรุงยาของเจ้าเสียหน่อย เจ้าอยู่ที่จวนอ๋องเจวี้ยน แล้วต้องกินยาตามเวลาด้วยนะ""พระชายา ข้าไปต้าชื่อกับท่านด้วยกันดีกว่า" จงเจี้ยนอ้อนวอนขึ้นทันที "แม้วิชายุทธ์ข้าจะฟื้นฟูแค่เจ็ดส่วน แต่แค่จะไล่ตามรับมือกับคู่ต่อสู้ก็ไม่ใช่ปัญหา"เขารู้สึกว่าท่านอ๋องอยู่ในเมืองหลวงน่าจะเจอกับเรื่องใหญ่อีกไม่น้อย องครักษ์ลับข้างกา
ฟู่จาวหนิงตอนไปกินข้าวที่เรือนหลัก ก็รู้สึกว่าเซียวหลันยวนตอนนี้ดูจะพิถีพิถันเกินไปตอนมาถึงห้องอาหารก็เห็นเขานั่งอยู่หน้าโต๊ะอาหารแล้ว ฝีเท้าก็หนักขึ้นมาเสียอย่างนั้น เดินตึงตึงตึงเข้ามาเซียวหลันยวนได้ยินเสียงฝีเท้าของนางนานแล้ว ตอนที่นางนั่งลงก็ตักน้ำแกงให้นาง วางไว้ตรงหน้านางเรียบร้อยฟู่จาวหนิงเดิมทีคิดจะพูดปะทะอะไรกับเขาหน่อย ผลคือพอเห็นอาหารน่ากินเต็มโต๊ะก็ลืมไปแล้วเรียบร้อย"ปลากระรอก? นี่มันเห็ดอะไรกัน? ดมแล้วถึงได้หอมประหลาดขนาดนี้"ตอนที่นางพูดสองคำนี้ เซียวหลันยวนก็คีบเนื้อปลา คีบเห็ดมาให้นางแล้ว"ปลาส่งมาจากหมู่บ้าน ปลาตกจากลำธารในเขาลึก เนื้อจึงหอมหวาน เจ้าลองชิมดู""เห็ดนี้ก็เก็บมาจากในภูเขา เจาจำผู้เฒ่ากู้ที่เก็บหินเดิมพันหินได้ไหม?"ฟู่จาวหนิงงงงันขึ้นมา "จำได้สิ"ผู้เฒ่ากู้ในหมู่บ้านที่ตระกูลฟางอยู่ทางนั้นสินะ นางตอนนั้นยังไปเดิมพันหินกันอยู่เลย ในบ้านยังเก็บหินหยาบมรกตเอาไว้อีกด้วย"ปลากับเห็ดเป็นเขาที่ส่งมาให้ ถือเป็นการเอาใจอย่างหนึ่งนั่นล่ะ เขาเตรียมจะมาเปิดร้านในเมือง บอกว่าของพวกนี้ส่งมาให้เจ้า" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้น"นี่คือการหาที่พึ่งล่วงหน้าหรือ?"
น่าจะเพราะคนของเผ่าเฮ่อเหลียนได้ยินความลับอะไรบางอย่างจากคนของลัทธิเทพทำลายล้าง แม้พวกเขาไม่อยากจะร่วมลัทธิเทพทำลายล้าง แต่ก็หวั่นไหวต่อความลับนั้นเสียแล้วกระทั่งต้องออกปฏิบัติการ"เผ่าเฮ่อเหลียนคุกคามแคว้นเจา องค์จักรพรรดิไม่มีทางยอมแน่""เช่นนั้นก็เจรจาไม่สำเร็จหรือ?""ขุนพลทางนี้ยังพูดเรื่องเฮ่อเหลียนเฟยต่อ คนในเมืองตอบโต้กลับมาว่า พวกเขาตรวจสอบชัดเจนแล้ว เฮ่อเหลียนเฟยไม่ใช่สายเลือดของราชาเฮ่อเหลียน ฮูหยินรองนำสายเลือดราชาออกไปมั่ว ลอบคบชู้กับคนอื่น ทรยศต่อราชาเฮ่อเหลียน ถูกราชาเฮ่อเหลียนสังหารด้วยมือตนเองไปแล้ว""พรวด! อะไรนะ?"ฟู่จาวหนิงพอได้ยินหน้าก็เปลี่ยนสี"ฮูหยินรอง ก็คือแม่ของเสี่ยวเฟย เสี่ยเฟยออกมาได้ไม่เท่าไร นางก็ถูก่ลดขั้นลงมาเป็นฮูหยินรอง มีคนขึ้นไปแทนที่แล้ว" เซียวหลันยวนตอบเรื่องนี้เขาเองก็ไม่คิดจะบอกกับเฮ่อเหลียนเฟย ก็เพราะยังคิดไม่ออกว่าจะบอกเขาอย่างไรไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นั่นก็เคนที่เรียกเขาว่าพี่เขยนะยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นน้องชายของฟู่จาวหนิงอีก"ข้าเองก็เพิ่งได้จดหมายเมื่อสองวันก่อน อันที่จริงก็เตรียมจะบอกกับเจ้าแล้ว""ดังนั้น แม่ของเสี่ยวเฟยก็ตายแล
ฟู่จาวเฟยพอฟังคำพูดของเซียวหลันยวนจบก็นิ่งงันไปนานเขานั่งอยู่ที่นั่น ก้มหน้าลงต่ำ มองมือของตนเองบนมือมีรอยแผลเป็นเล็กๆ อยู่รอยหนึ่งรอยแผลเป็นนั้นสมัยเขายังเด็กตอนที่ท่านพ่อไม่ยอมมาหาท่านแม่อยู่ตลอด จึงจงใจลวกมือของเขา ท่านพ่อจึงยอมมาดูเขา คืนนั้นเขาก็มาอยู่กับท่านแม่ ส่วนเขาถูกคนใช้พาออกไปต่อมาท่านแม่มาดูเขา กอดเขาขอโทษเขา บอกว่านางไม่มีทางเลือกนางบอกว่าความหวังยิ่งใหญ่ที่สุดของนางคือให้กำเนิดน้องชายคนหนึ่งกับเขาตอนนั้นฟู่จาวเฟยยังคิดว่านางอยากจะมีลูกเพิ่มอีกสองสามคน แต่ตอนนี้พอคิดขึ้นมาจึงเข้าใจ เพราะว่านางกลัวว่าวันหนึ่งเรื่องที่เขาไม่ใช่ลูกชายแท้ๆ ของราชาเฮ่อเหลียนแดงขึ้นมา เช่นนั้นนางก็จะไม่ได้รับการเอ็นดูแล้วนางอยากจะตั้งครรภ์สายเลือดของราชาเฮ่อเหลียนจริงๆ ขึ้นมาและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หลายปีมานี้นางก็ทำไม่สำเร็จเสียทีตอนนี้ก็ยังตายไปเพราะเรื่องนี้"ข้าให้คนคิดวิธีแฝงตัวเข้าไปในเมืองหูแล้ว จะเอาศพของนางออกมา ถึงตอนนั้นจะหาสถานที่ที่ฮวงจุ้ยดีดีนอกเมืองหูแล้วฝังนางให้ ตั้งป้ายหลุมศพ หลังจากนี้เจ้าก็กลับไปกราบไหว้หรือจะย้ายหลุมศพนางก็ได้ทั้งนั้น"เซียวหลันยวนมองฟ
"ดังนั้นถือโอกาสนี้ ถือว่าเจ้าตัดขาดความสัมพันธ์นี้กับเผ่าเฮ่อเหลียนเสีย หลังจากนี้เจ้าจะเป็นแค่ฟู่จาวเฟย ไม่ใช่เฮ่อเหลียนเฟยอีกแล้ว ญาติของเจ้าคือท่านปู่กับพี่สาว" เซียวหลันยวนพูดถึงตรงนี้ก็ชะงักไป แล้วเพิ่มต่อว่า "แล้วก็ยังมีพี่เขยด้วย มีพวกเราอยู่ เจ้าก็จะไม่โดดเดี่ยวอยู่คนเดียว แล้วจะกลัวอะไร? มีเรื่องอะไรก็มาบอกกับข้า""ขอบคุณพี่เขย"อืม เด็กดี เรียกเขาว่าพี่เขยมาหลายคำแล้ว บอกขอบคุณพี่เขยมาหลายรอบแล้วเซียวหลันยวนรู้สึกว่าเด็กคนนี้ใช้ได้อยู่หลังจากนี้ก็พาเขาออกไปบ่อยๆ ก็พอแล้ว มีเรื่องอะไรก็สอนเขา ชุบเลี้ยงเข้า?ฟู่จาวหนิงในเมื่อส่งเรื่องนี้ให้กับเซียวหลันยวน เช่นนั้นก็คือไม่คิดว่าจะมาคอยดูเขาเรื่องเกิดขึ้นไปแล้ว ทำได้แค่ให้ฟู่จาวเฟยไปจัดการทำความเข้าใจด้วยตนเองนางซ้อมชกมวย อาบน้ำ เตรียมจะไปอ่านตำราแพทย์ เซียวหลันยวนจึงเข้ามา"ท่านอ๋อง"หงจั๋วกับเฝิ่นซิงด้านนอกพอเห็นเซียวหลันยวนเข้ามาก็ยินดี รีบเข้าไปคารวะพร้อมกันทั้งสองกำลังจะเงยหน้า ก็ได้ยินเสียงต่ำของเซียวหลันยวน "ก้มหน้าไว้""เจ้าค่ะ" สาวใช้สองคนประหลาดใจหน่อยๆ แต่ท่านอ๋องพูดเช่นนี้แล้ว พวกนางเองก็ไม่กล้าเงยหน้
เซียวหลันยวนเม้มปาก"ท่านคืนนี้ถ้าไม่พูดให้ชัดเจน ก็เลิกคิดที่จะพักที่นี่ได้เลย"ฟู่จาวหนิงร้องเชอะ "ถึงแม้ที่นี่จะเป็นจวนอ๋องเจวี้ยน แต่ว่าเรือนเจียนเจียนี้ท่านขีดให้ข้าไว้แล้ว คนที่ใช้อำนาจได้ชั่วคราวก็คือข้า ท่านเห็นว่าที่นี่เป็นที่ไหนกัน นึกจะมาก็มาจะไปก็ไป?"มีสุนัขที่ไหนทำตัวแบบนี้บ้าง"ข้าก็หน้านี้ก็แค่รู้สึกว่าตนเองน่าเกลียดขนาดนี้แล้ว ถ้าคอยดึงเจ้าไว้ข้างกายก็คงไม่ดีเท่าไรนัก หลังจากนี้ถ้าหากคนข้างนอกเห็นใบหน้าของข้า ไม่รู้ว่าจะมีคำพูดไม่น่าฟังขนาดไหนทะลักกันเข้ามา"เซียวหลันยวนถอนหายใจ "ถึงตอนนั้นเจ้าที่เป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนก็คงจะต้องรับผลกระทบอย่างมาก พวกเขาจะพูดกันว่าเจ้าน่าเวทนาน่าสงสาร และจะหัวเราะเยาะเจ้า ที่มาแต่งงานกับสามีที่ใบหน้าเลวร้ายขนาดนี้"ฟู่จาวหนิงขมวดคิ้วนางคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะคิดเช่นนี้"ดังนั้นหลายวันก่อนหน้านี้ข้าก็เอาแต่คิดอยู่ตลอด ว่าจะเห็นแก่ตัวแบบนี้ได้ไหม หรือควรจะปล่อยให้เจ้าไปได้แล้ว?""ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ทำไมถึงเปลี่ยนความคิดแล้วล่ะ?" ฟู่จาวหนิงถามเซียวหลันยวนมองนาง นางที่นั่งอย่างดื้อรั้นอยู่หลังโต๊ะหนังสือ งดงามขึ้นเป็นพิเศษอย่างเห็นไ
อ๋องฉยงพอเห็นเซียวหลันยวนเข้ามา ใจก็ขรึมลงมาแล้ว ขณะเดียวกันก็ยังแอบเคืองกับองค์จักรพรรดิไม่ใช่บอกว่าจะขวางเซียวหลันยวนไว้หรือไรกัน? ไม่ใช่ว่ามีเรื่องที่จะขังเซียวหลันยวนไว้ได้สามวันหรือ?ทำไมยังไม่ทันถึงชั่วยาม เขาก็รีบกลับมาแล้วกัน?ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย!เซียวหลันยวนหันตัวกลับมาอ๋องฉยงรู้สึกใจสั่นวาบกับหน้ากากของเขาเจ้าเด็กที่เหมือนจะตายแหล่มิตายแหล่ตอนนั้น ดันโตขึ้นมาได้อย่างยากลำบาก แล้วยังดีมีท่วงท่าทรงพลังเสียด้วย"หลันยวน เมื่อครู่เจ้าหมายความว่าอย่างไร?" อ๋องฉยงเสียงขรึม ตัดสินใจลงมือก่อน "นี่เจ้ายิงธนูใส่ข้ารึ!""เจ้าไม่รู้หรือว่าหมายความว่าอะไร?"เซียวหลันยวนเสียงเย็นเยียบ "แน่นอนว่าสั่งสอนเจ้าน่ะสิ""เจ้า! เจ้าบังอาจ! ถ้าข้าเป็นอะไรไป บาดเจ็บหรือว่าตายไป เจ้าก็ไม่ต้องมีชีวิตอยู่แล้ว!""จะลองดูไหมล่ะ?" น้ำเสียงเซียวหลันยวนขรึมเย็นชา"ลองอะไร?""ลองว่าถ้าข้าสังหารเจ้าแล้ว จะยังมีชีวิตต่อไปได้ไหม"พอพูดจบ จิตสังหารบนตัวเขาก็พุ่งเข้ามาอย่างแรงกล้า แม้จะไม่มีลม ไม่มีการขยับ แต่อ๋องฉยงกับองครักษ์ข้างกายเขาก็ยังถอยออกไปก้าวหนึ่งพร้อมกันพวกเขาล้วนสัมผัสได้ถึงแรง
"บังอาจ! ทำไมจึงมาพูดกับอ๋องอย่างข้าเช่นนี้?!" องครักษ์ข้างกายอ๋องฉยงชักกระบี่ออกมาส่วนทางนี้ สืออีกับไป๋หู่ก็ชักกระบี่ทันที เดินขึ้นหน้ามาก้าวหนึ่งชั่วพริบตา ก็ชักกระบี่ง้างธนูกันแล้ว บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาอ๋องฉยงชะงักไป ยื่นมือไปกดกดด้ามกระบี่องครักษ์ลง หัวเราะเหอะๆ ขึ้น "เสียมารยาทกับผู้อาวุโสจี้ไม่ได้""ขอรับ!" องครักษ์ของเขาถอยลงไปทันทีผู้อาวุโสจี้ไม่ได้ผ่อนคลายลงแม้แต่น้อย กลับยิ่งดำกว่าเดิม"ข้าเองก็เป็นคนของราชวงศ์ เป็นครอบครัวเดียวกับอายวน จึงเป็นครอบครัวเดียวกันกับจาวหนิงด้วยเช่นกัน ผู้อาวุโสจี้ ความสัมพันธ์นี้ยังใกล้ชิดกว่าท่านเสียอีกนะ จริงไหม จาวหนิง?"อ๋องฉยงถาม ยังเขย่งเท้ายื่นหน้า อยากจะมองไปทางฟู่จาวหนิงที่ถูกคนบังเอาไว้อีกคนเหล่านี้ขวางหูขวางตาจริงๆ แต่ละจะมาขวางหน้าเขาไว้ทำไมกัน?เขามาเมืองหลวงได้ครึ่งปี เพราะสถานที่ไม่ถูกต้อง แล้วยังกลัวคนอื่นจะจับผิดอีก ก่อนหน้าที่นางจะได้เจรจาเงื่อนไขกับองค์จักรพรรดิ เขายังก่อเรื่องอะไรจนถูกไล่ออกจากเมืองหลวงไม่ได้ ดังนั้นครึ่งปีนี้เขาจึงชุบตัวใสสะอาด ไม่ได้ข้องเกี่ยวกับหญิงสาวคนไหนเลยแต่เดิมทีเขาก็อยู่ห่างจนคนสวย
ฟู่จาวหนิงไม่รู้เลยว่าองค์จักรพรรดิมีแผนร้ายอะไรขึ้นมาอีกแล้วนางกับผู้อาวุโสจี้อยู่ในเขาจันทร์ลับขุดสมุนไพรมาได้ไม่น้อยเลยตอนนี้กองหิมะยังไม่ละลาย แต่ยังดีที่พวกเขาสองปีก่อนเคยขุดมาแล้วครั้งหนึ่ง วัตถุดิบยาส่วนใหญ่จำได้แล้วว่าขึ้นอยู่ตรงไหน ผ่านการเติบโตมาสองปี จุดที่เคยถูกพวกเขาขุดไปก็งอกขึ้นมาใหม่กันแล้วสถานที่เหล่านั้นหลายจุดไม่มีหิมะทับถม นางพาพวกไป๋หูมาก็ล้วนได้ใช้งานทั้งสิ้นสิ่งที่ขุดขึ้นมาตอนนี้คือวัตถุดิบยาที่ทนอากาศหนาวได้ และยังมีบางส่วนที่ดูเหมือนพวกเปลือกไม้ด้วยในช่วงสองวันนี้ ผู้อาวุโสจี้เองก็ทำเวลารีบสอนให้กับนาง ให้นางได้รู้จักกับวัตถุดิบยาที่มากขึ้นไปอีกสองวันต่อมาพวกเขาก็กวาดเก็บจนเต็มที่แล้วลงจากเขา แต่ก็ได้เห็นอ๋องฉยงที่กำลังก่อกองไฟตั้งกระโจมอยู่อ๋องฉยงน่าจะได้ยินการเคลื่อนไหว จึงออกจากกระโจมมารอแล้วพอเห็นขบวนคนล้วนแบกตะกร้ายากันเต็ม ดวงตาเขาก็เปล่งประกายแล้วก็เห็นฟู่จาวหนิงที่อยู่ในกลุ่มนี้ต่อให้เข้าไปขุดยาในเขาถึงสองวัน นางก็ไม่ได้ดูซมซานแต่อย่างใด แค่เหลือบมองในกลุ่มคนนั้นก็เห็นนางได้ทันทีพระชายาอ๋องเจวี้ยนคนนี้ งดงามจนโดดเด่นจริงๆแล้วยังท
พระชายาเยว่ดูเหมือนอยากจะอาเจียน ถึงอย่างไรนางก็ยังเป็นสาวสะพรั่งสวยสด อายุขององค์จักรพรรดิมากกว่าพ่อนางเสียอีก แล้วตอนนี้ยังมีสภาพนี้อีกพริบตานี้เอง นางก็รู้สึกอยากจะรับปากแม่นมเยว่ขึ้นมา"พระชายาเยว่ ทำของว่างอะไรมาหรือ?" องค์จักรพรรดิยิ้มให้กับพระชายาเยว่ จนมีรอยย่นเพิ่มขึ้นมา "ข้าเองก็หิวแล้วเหมือนกัน"พระชายาเยว่กดอารมณ์นั่นลงไปก่อน ยกของว่างเข้ามา "องค์จักรพรรดิ ข้าทำขนมเป๋าฮื้อหัวไชเท้ามา เสวยตอนที่ร้อนๆ เถิด""ดีเลย ไม่ใช่ของหวาน กินแล้วกระเพาะไม่รู้สึกแย่"องค์จักรพรรดิพอใจมาก ช่วงนี้ท้องเขาก็ใหญ่ขึ้น เข็มขัดแทบจะคาดไม่ได้แล้ว กินแต่ของหวานคงไม่ดีนัก"องค์จักรพรรดิชอบก็เสวยให้เยอะหน่อย หม่อมฉันรินชาให้"พระชายาเยว่อยู่ดื่มกินเป็นเพื่อนกับฝ่าบาท สนทนาด้วยครู่หนึ่ง จึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปบนตัวอ๋องฉยงอย่างตั้งใจและไม่ตั้งใจ"อ๋องฉยงจะอยู่ในเมืองหลวงตลอดเลยหรือไม่? ฝ่าบาท หม่อมฉันค่อนข้างกังวล ว่าพระชายาอ๋องฉยงจะไล่ตามมาหรือไม่?""ไม่หรอก" องค์จักรพรรดิเอ่ยยืนยันขึ้นมา"หม่อมฉันได้ยินว่าพระชายาอ๋องฉยงกวดขันอ๋องฉยงเข้มงวดมาก นี่เพราะรักอ๋องฉยงหรือเปล่า?""รักอะไรกัน เป็
พระชายาเยว่รู้สึกว่า แม่นมเยว่อดทนอยู่ในวังมายี่สิบปี คงวางแผนงานใหญ่อะไรอยู่นางถึงแม้จะเคยเห็นฝีมือแม่นมเยว่มาบ้างแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกว่าแม่นมเยว่เองก็ไม่ได้มีฝีมือมากขนาดนั้น ถ้าหากนางร้ายกาจจริง จำเป็นต้องมาซุ่มอยู่ในวังหลวงยี่สิบปี แต่ก็ยังทำเรื่องไม่เสร็จแบบนี้หรือ?แม่นมเยว่น่าจะเป็นยอดฝืมือในการใช้ยา ยิ่งไปกว่านั้นยังยอดเยี่ยมในด้านการสกัดยาชนิดนั้น ยาที่ไม่ใช่เรื่องที่น่าภูมิใจเท่าไร ถึงอย่างไรก็ทำให้แค่ผู้ชายมีความสุขล่องลอยได้มากเท่านั้น ทำเรื่องใหญ่โตอะไรให้สำเร็จไม่ได้ตอนนี้ นางได้รับความโปรดปรานจากองค์จักรพรรดิแล้ว ยังต้องคอยฟังแม่นมเยว่อยู่อีกหรือ?แต่ถ้าแม่นมเยว่ก็มีวิธีการที่จะให้องค์จักรพรรดิรับมือกับอ๋องเจวี้ยนจริงล่ะ?จะว่าไป ยาชนิดนั้นของแม่นมเยว่ ถ้าหากใช้กับอ๋องเจวี้ยน ไม่รู้ว่าจะมีประสิทธิผลไหมชั่วขณะหนึ่ง พระชายาเยว่คิดไปร้อยแปดจากนั้นนางก็ไปที่ครัวเล็ก ลงมือทำของว่างขึ้นมาถาดหนึ่ง เปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งเนื้อแต่งตัวอย่างประณีต ยกของว่างเข้าไปในห้องหนังสือหลวงองค์จักรพรรดิเพิ่งฟังรายงานลับจบเขาให้คนจับตาดูคอยจับตาดูการเคลื่อนไหวของคนหลายคนในเมืองหลวง
"จุ๊ๆ เรื่องนี้..." พระชายาเยว่คิดๆ ยังไม่รู้จะจัดการอย่างไรก่อนดีชั่วคราว"เจ้ากลับไปอยู่ข้างๆ เฉินฮ่าวปิงก่อนแล้วกัน คอยจับตาดูนางไว้ มีเรื่องอะไรก็มาบอกกับข้า" พระชายาเยว่รู้สึกว่าตอนนี้ใช้งานชิวอวิ๋นไปก่อนแล้วกัน ถึงอย่างไรนางก็ไม่มีตัวเลือกอื่นแล้ว"่เจ้าค่ะ"รอจนชิวอวิ๋นออกไป พระชายาเยว่ก็เรียกคนเข้ามาคนคนนี้ดูแล้วปกติดี แต่ว่าการเดินเหินในวังนั้นไม่ถูกใครสังเกตหรือสนใจเลยเป็นแม่นมที่หน้าตาธรรมดาคนหนึ่ง"แม่นมเยว่ เมื่อครู่เจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม?"แม่นมเยว่คนนี้ก้มหน้าต่ำเล็กน้อย เอ่ยขึ้นน้ำเสียงราบเรียบ"ได้ยินแล้วพะย่ะค่ะ""เรื่องนี้ ควรจะเผยกับองค์จักรพรรดิไหม?""ได้พะย่ะค่ะ""แต่ถ้าองค์จักรพรรดิรู้ อาจจะกริ้วอย่างรุนแรงได้ อ๋องฉยงที่มีความคิดไม่ดีกับพระชายาอ๋องเจวี้ยน เรื่องนี้ถ้าลือออกไปจะไม่ดีกับราชวงศ์""เรื่องนี้มีประโยชน์กับการที่พวกเราจะสืบค้นระดับความอดทนของจักรพรรดิต่ออ๋องฉยงได้ว่าอยู่ที่ไหน เพราะอะไรอ๋องฉยงจึงยังอยู่ในเมืองหลวง เรื่องนี้ยังต้องตรวจสอบให้ชัดเจน""เนื้อหาการคุยกันของอ๋องฉยงกับองค์จักรพรรดิทำไมจึงเปิดเผยไม่ได้" พระชายาเยว่ถอนหายใจ"ดังนั้น
"อะไรนะ?!"พระชายาเยว่พอได้ยินประโยคนั้นของชิวอวิ๋น ทิ้งมารยาทอะไรไปเกือบหมดจนแทบกระโจนขึ้นมา"เจ้าอย่ามาพูดมั่วซั่วนะ! ถ้าให้คนอื่นได้ยินข้าเองก็ช่วยเจ้าไม่ได้!"อันที่จริงนางเองก็ไม่อยากได้ชิวอวิ๋นแล้ว ดูแล้วเหมือนทำเรื่องอะไรก็ไม่สำเร็จ ไร้ประโยชน์สิ้นดีแต่ว่าตอนนี้พอได้ยินชิวอวิ๋นพูดประโยคนี้ออกมา ก็ทำเอานางลืมเรื่องที่จะโยนชิวอวิ๋นทิ้งไปทันที"เป็นเรื่องจริง พระชายา เรื่องนี้ถ้าไม่ได้ยินเองกับหู ข้าน้อยจะกล้าแต่งขึ้นมาได้อย่างไรกัน?" ชิวอวิ๋นรีบพูด"อ๋องฉยงชอบพระชายาอ๋องเจวี้ยนรึ?""พะย่ะค่ะ ตอนที่ออกมาจากวังราชนิเวศน์ ข้าไปเจอที่หน้าประตูใหญ่"พระชายาเยว่คิดถึงใบหน้า รูปร่างของฟู่จาวหนิง ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เชื่อ"ได้ยินว่าอ๋องฉยงเป็นพวกชื่นชอบสาวงาม ไม่เช่นนั้นพระชายาอ๋องฉยงคงไม่คุมเขาไว้อย่างเข้มงวด ราวกับอยู่ในคุกแน่นอน"เพราะพอหย่อนยาน ไม่ทันระวังหน่อย อ๋องฉยงก็อาจจะไปหลับนอนกับสาวสวยคนไหนแล้วก็คอยเลี้ยงไว้ด้านนอกแต่พระชายาอ๋องฉยงเข้มงวดเสียขนาดนั้นแล้ว อ๋องฉยงก็ยังมีอวิ๋นจูกับเฉินฮ่าวปิงลูกนอกสมรสสองคนนี้ได้ที่โตแล้วมีอยู่สองคน แล้วที่ยังไม่โตล่ะ? อธิบายได้ว่าอ๋อง
"ข้าต้องการวัตถุดิบยาเหล่านี้เดิมทีก็จะให้นางส่งไปที่เมืองเจ้อ แล้วนางปฏิเสธเอง เดิมทีนี่เป็นความคิดของข้า! ท่านบอกว่าข้ารับมือไม่ไหว นางเองก็ไม่ใช่ว่าพึ่งพาคนอื่นหรือ ก็แค่เพราะนางแต่งงานกับอ๋องเจวี้ยนที่มีอำนาจ! ท่านให้นางเอาอ๋องเจวี้ยนให้ข้าสิ! ถ้าหากข้าเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยน ข้าเองยังทำได้ดีกว่านางเสียอีก!"ต่งฮ่วนจือถูกเสียงแหลมของนางแผดใส่จนปวดหูไปหมดแล้วเขามองอย่างตกตะลึงไปทางเฉินฮ่าวปิง ก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้มาก่อนว่านางเป็นคนแบบนี้"เจ้าคิดว่าที่ศิษย์น้องหญิงมีความสามารถขนาดนี้ เป็นเพราะแต่งงานกับอ๋องเจวี้ยนหรือไรกัน?""แล้วไม่ใช่หรือ? นางก็แค่พึ่งพาอ๋องเจวี้ยนเหมือนกัน ด้านหลังมีต้นไม้ใหญ่ให้พักพิงร่มเย็น! ถ้าหากไม่ใช่อ๋องเจวี้ยน ตอนนั้นที่นางถอนหมั้นกับรัฐทายาทเซียวไปก็คงจะเอาตัวไม่รอดแล้ว ต่อมานางจะได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์เรียนหมอจนเข้าพันธมิตรโอสถได้อย่างไรกัน?!"ต่งฮ่วนจือมองนางลึกๆ ส่ายหัวถอนหายใจ"บนโลกนี้ไม่มีรัฐทายาทเซียวอีกแล้ว"ขนาดรัฐทายาทเซียวไม่อยู่แล้ว ก็ยังไม่รู้หรือ?"ช่างเถอะ วันนี้เจ้าเป็นท่านหญิงไปแล้ว ข้าก็แค่ประชาชนธรรมดา ช่วยอะไรไม่ได้หรอก ขอตัวแค่นี้
พอเห็นสีหน้าเฉินฮ่าวปิง ใจของต่งฮ่วนจือก็เย็นลงมาทันทีทั้งที่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฟู่จาวหนิงแล้วแท้ๆ แต่ว่าตอนนี้ เฉินฮ่าวปิงก็ยังใช้ประโยชน์จากเขา คิดจะให้เขาขัดขวางศิษย์น้องหญิงต่อให้เป็นเรื่องที่เหลวไหลแบบนี้ นางก็ยังพูดออกมาโดยไม่หนักใจ แล้วขอให้เขาทำตามสิ่งที่นางต้องการต่งฮ่วนจือมองไปทางฮูหยินเฉิน เขายังดูคาดหวังอยู่ถึงอย่างไรฮูหยินเฉินก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว น่าจะรู้จักขอบเขตบ้างกระมัง?"เจ้าเองก็คิดแบบนี้หรือ? จะให้ข้าเก็บวัตถุดิบยาไว้จนกว่าฮ่าวปิงจะรวมเงินได้?"ฟังเอาเถอะ เขาพูดซ้ำออกมาอีกรอบหนึ่งก็ยังรู้สึว่าเป็นเรื่องไร้สาระเลยฮูหยินเฉินขมวดคิ้ว มองนางด้วยสายตาเศร้าๆแต่ก่อนพอเห็นสีหน้าเช่นนี้ของนาง ต่งฮ่วนจือก็จะรู้สึกปวดใจ อยากจะปกป้องนางขึ้นมา เขารู้ ว่านางเป็นผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง มีลูกสาวติดหนึ่งคน คอยหนีคนตามล่าอยู่ตลอด มันลำบากแค่ไหนถ้าหากเป็นไปได้ เขาเองก็อยากจะยืนบังลมบังฝนให้นาง เพราะแรกสุดเขารู้สึกชื่นชมนาง ชื่นชมความแข็งแกร่งและความรักของแม่จากตัวนางแต่สีหน้าต่อตัวเขาของฮูหยินเฉินตอนนี้ ต่งฮ่วนจือจู่ๆ ก็คิดขึ้นมาว่า อ๋องฉยงถึงอย่างไรก็หาพวกนางเจอแ