กลับมาถึงจวนอ๋องเจวี้ยน หงจั๋วตรงเข้ามารับ"พระชายา เมื่อครู่มีคนจากตระกูลโม่เข้ามา ถามว่าพรุ่งนี้ท่านมีเวลาว่างไหม ฮูหยินใหญ่โม่บอกมีสองพี่น้องร่างกายไม่ค่อยดีนัก ไม่ทราบว่าท่านจะมีเวลาให้พวกนางไหม"ฮูหยินใหญ่โม่?"มาที่จวนอ๋องหรือ?"ฟู่จาวหนิงรู้สึกไม่ค่อยสะดวกขึ้นมาด้วยสัญชาตญาณ "ท่านอ๋องของพวกเจ้าคงไม่ยินดีเท่าไรนักกระมัง? ส่งคนจดหมายตอบกลับไป บอกว่าให้พวกนางนัดเวลาเลย แล้วพรุ่งนี้ไปที่บ้านตระกูลฟู่เถอะ วันพรุ่งนี้ข้าจะไปฝังเข็มให้อันห่าว""เจ้าค่ะ"เรื่องนี้ลอยไปถึงในหูเซียวหลันยวนเป็นผู้ดูแลที่ได้ยิน แล้วมาบอกกับเขาตอนที่มารายงานเรื่องอาหารเย็น"ท่านอ๋อง พระชายาใส่ใจกับท่านมากเลยใช่ไหม? ท่านดูสิ นางยังคิดว่าท่านจะยินดีหรือไม่ยินดีด้วย"ความหมายเดิมของผู้ดูแลจงคือคิดจะทำให้เซียวหลันยวนรู้สึกดีใจขึ้นมาดูสิ พระชายาสนใจความรู้สึกท่านขนาดนี้เลยนะแต่ว่าเซียวหลันยวนหลังจากได้ยินกลับสีหน้าเคร่งขรึม "ไปถามนางว่าวันนี้จะกินข้าวเย็นที่ไหน""ขอรับ"ผู้ดูแลจงหลังจากถอยไปก็กลัดกลุ้มหน่อยๆ"ท่านอ๋องนี่อย่างไรกันนะ? ทำไมดูไม่ยินดีขึ้นมาเสียล่ะ"เซียวหลันยวนรู้สึกว่าอ่านหนังสือใ
ชิงอีพูดประโยคนี้จบ ก็ลูบเจอว่าใบหน้าตนเองเกลี้ยงเกลาโอ้ เหมือนจะแค่ช่วงนี้พักผ่อนไม่ค่อยดี ดังนั้นที่จึงมีตุ่มเล็กๆ ขึ้นมาก็เท่านั้นเขาเข้าใจขึ้นทันที ท่านอ๋องกำลังหยอกเขานี่"ทำไม มีผดแค่นิดเดียวก็ยังตกใจขนาดนี้ ข้าน่ะพังไปครึ่งหน้าแล้ว เจ้ายังมาบอกว่าไม่ต้องเครียดหรือ? เป็นชายชาตรีขนาดนี้แล้ว"เซียวหลันยวนมองประชดใส่เขาชิงอีทำหน้าเหยเกขึ้นทันที "ท่านอ๋อง ข้าน้อยไม่ได้หมายความเช่นนั้น""เอาล่ะ ออกไปเถอะ อย่ามาอยู่ขวางหูขวางตาข้าอีก" เซียวหลันยวนโบกไม้โบกมือ เหมือนไล่แมลงวันอย่างไรอย่างนั้นน่าโมโหเสียจริงอย่าคิดว่าเขาไม่รู้ แค่ตุ่มไม่กี่เม็ดใต้คางชิงอี เขาก็ยังแอบส่องกระจกเสียหลายครั้ง แล้วยังไปบอกกับผู้ดูแลจงอีก ว่าต้องเชิญพระชายามาจัดยาให้เขาไหม ดูว่าจะลบเจ้าตุ่มผดเล็กๆ นี้ออกไปได้หรือไม่ตนเองก็รักสวยรักงามขนาดนั้น แล้วยังมาพูดต่อหน้าเขาว่าเหมือนไม่ได้สนใจความงามภายนอกเลยแม้แต่นิดเดียวมันน่านักผู้เฒ่าฟู่ได้ยินว่าเซี่ยซื่อกับอันห่าวก็อยู่ในบ้านอย่างปกติสุขดี ไม่มีใครมารบกวน น่าจะเพราะรู้ว่าเขาอยู่ที่จวนอ๋อง และคิดว่าในบ้านตระกูลฟู่คงทิ้งพวกคนใช้ส่วนหนึ่งไว้ ไม่ได้ส
"อย่าเหนื่อยเกินไปนักนะ ขาหายดีแล้วหรือ?""ดีเหมือนเดิมแล้ว ตอนนี้เวลาเปลี่ยนวันก็ไม่รู้สึกปวดจี๊ดๆ อีกแล้ว พี่ใหญ่จงสอนวิธีก้าวเดินหนึ่งให้ข้าด้วย ร้ายกาจมากเลย"จงเจี้ยนเองก็เดินเข้ามา"พระชายา" กลับมาจวนอ๋องเจวี้ยนครั้งนี้ เขากลับมาเรียกนางว่าพระชายาแล้ว"เจ้าฟื้นฟูเป็นอย่างไรบ้าง?""ดีมากเลย พลังยุทธ์เองก็ฟื้นมาเจ็ดส่วนแล้ว" จงเจี้ยนรู้สึกพึงพอใจมาก เขาติดพิษขนาดนั้นแล้วยังรอดมาได้ ยิ่งไปกว่านั้นพระชายายังเคยบอกว่าถ้าเขายังบำรุงพักฟื้นต่อไป ร่างกายจะกลับมาดีเหมือนตอนแรกเลย ขอแค่ต้องการเวลาหน่อยต้องการเวลาไม่น่ากลัว"ข้าจะจับชีพจรให้เจ้า"ฟู่จาวหนิงจับชีพจรให้เขาอีก และพบว่าฟื้นฟูได้ดีมาก นางวางใจลงแล้ว"อีกไม่กี่วันข้าจะออกไปข้างนอก ข้าจะไปต้าชื่อ ถึงตอนนั้นจะปรับปรุงยาของเจ้าเสียหน่อย เจ้าอยู่ที่จวนอ๋องเจวี้ยน แล้วต้องกินยาตามเวลาด้วยนะ""พระชายา ข้าไปต้าชื่อกับท่านด้วยกันดีกว่า" จงเจี้ยนอ้อนวอนขึ้นทันที "แม้วิชายุทธ์ข้าจะฟื้นฟูแค่เจ็ดส่วน แต่แค่จะไล่ตามรับมือกับคู่ต่อสู้ก็ไม่ใช่ปัญหา"เขารู้สึกว่าท่านอ๋องอยู่ในเมืองหลวงน่าจะเจอกับเรื่องใหญ่อีกไม่น้อย องครักษ์ลับข้างกา
ฟู่จาวหนิงตอนไปกินข้าวที่เรือนหลัก ก็รู้สึกว่าเซียวหลันยวนตอนนี้ดูจะพิถีพิถันเกินไปตอนมาถึงห้องอาหารก็เห็นเขานั่งอยู่หน้าโต๊ะอาหารแล้ว ฝีเท้าก็หนักขึ้นมาเสียอย่างนั้น เดินตึงตึงตึงเข้ามาเซียวหลันยวนได้ยินเสียงฝีเท้าของนางนานแล้ว ตอนที่นางนั่งลงก็ตักน้ำแกงให้นาง วางไว้ตรงหน้านางเรียบร้อยฟู่จาวหนิงเดิมทีคิดจะพูดปะทะอะไรกับเขาหน่อย ผลคือพอเห็นอาหารน่ากินเต็มโต๊ะก็ลืมไปแล้วเรียบร้อย"ปลากระรอก? นี่มันเห็ดอะไรกัน? ดมแล้วถึงได้หอมประหลาดขนาดนี้"ตอนที่นางพูดสองคำนี้ เซียวหลันยวนก็คีบเนื้อปลา คีบเห็ดมาให้นางแล้ว"ปลาส่งมาจากหมู่บ้าน ปลาตกจากลำธารในเขาลึก เนื้อจึงหอมหวาน เจ้าลองชิมดู""เห็ดนี้ก็เก็บมาจากในภูเขา เจาจำผู้เฒ่ากู้ที่เก็บหินเดิมพันหินได้ไหม?"ฟู่จาวหนิงงงงันขึ้นมา "จำได้สิ"ผู้เฒ่ากู้ในหมู่บ้านที่ตระกูลฟางอยู่ทางนั้นสินะ นางตอนนั้นยังไปเดิมพันหินกันอยู่เลย ในบ้านยังเก็บหินหยาบมรกตเอาไว้อีกด้วย"ปลากับเห็ดเป็นเขาที่ส่งมาให้ ถือเป็นการเอาใจอย่างหนึ่งนั่นล่ะ เขาเตรียมจะมาเปิดร้านในเมือง บอกว่าของพวกนี้ส่งมาให้เจ้า" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้น"นี่คือการหาที่พึ่งล่วงหน้าหรือ?"
น่าจะเพราะคนของเผ่าเฮ่อเหลียนได้ยินความลับอะไรบางอย่างจากคนของลัทธิเทพทำลายล้าง แม้พวกเขาไม่อยากจะร่วมลัทธิเทพทำลายล้าง แต่ก็หวั่นไหวต่อความลับนั้นเสียแล้วกระทั่งต้องออกปฏิบัติการ"เผ่าเฮ่อเหลียนคุกคามแคว้นเจา องค์จักรพรรดิไม่มีทางยอมแน่""เช่นนั้นก็เจรจาไม่สำเร็จหรือ?""ขุนพลทางนี้ยังพูดเรื่องเฮ่อเหลียนเฟยต่อ คนในเมืองตอบโต้กลับมาว่า พวกเขาตรวจสอบชัดเจนแล้ว เฮ่อเหลียนเฟยไม่ใช่สายเลือดของราชาเฮ่อเหลียน ฮูหยินรองนำสายเลือดราชาออกไปมั่ว ลอบคบชู้กับคนอื่น ทรยศต่อราชาเฮ่อเหลียน ถูกราชาเฮ่อเหลียนสังหารด้วยมือตนเองไปแล้ว""พรวด! อะไรนะ?"ฟู่จาวหนิงพอได้ยินหน้าก็เปลี่ยนสี"ฮูหยินรอง ก็คือแม่ของเสี่ยวเฟย เสี่ยเฟยออกมาได้ไม่เท่าไร นางก็ถูก่ลดขั้นลงมาเป็นฮูหยินรอง มีคนขึ้นไปแทนที่แล้ว" เซียวหลันยวนตอบเรื่องนี้เขาเองก็ไม่คิดจะบอกกับเฮ่อเหลียนเฟย ก็เพราะยังคิดไม่ออกว่าจะบอกเขาอย่างไรไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นั่นก็เคนที่เรียกเขาว่าพี่เขยนะยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นน้องชายของฟู่จาวหนิงอีก"ข้าเองก็เพิ่งได้จดหมายเมื่อสองวันก่อน อันที่จริงก็เตรียมจะบอกกับเจ้าแล้ว""ดังนั้น แม่ของเสี่ยวเฟยก็ตายแล
ฟู่จาวเฟยพอฟังคำพูดของเซียวหลันยวนจบก็นิ่งงันไปนานเขานั่งอยู่ที่นั่น ก้มหน้าลงต่ำ มองมือของตนเองบนมือมีรอยแผลเป็นเล็กๆ อยู่รอยหนึ่งรอยแผลเป็นนั้นสมัยเขายังเด็กตอนที่ท่านพ่อไม่ยอมมาหาท่านแม่อยู่ตลอด จึงจงใจลวกมือของเขา ท่านพ่อจึงยอมมาดูเขา คืนนั้นเขาก็มาอยู่กับท่านแม่ ส่วนเขาถูกคนใช้พาออกไปต่อมาท่านแม่มาดูเขา กอดเขาขอโทษเขา บอกว่านางไม่มีทางเลือกนางบอกว่าความหวังยิ่งใหญ่ที่สุดของนางคือให้กำเนิดน้องชายคนหนึ่งกับเขาตอนนั้นฟู่จาวเฟยยังคิดว่านางอยากจะมีลูกเพิ่มอีกสองสามคน แต่ตอนนี้พอคิดขึ้นมาจึงเข้าใจ เพราะว่านางกลัวว่าวันหนึ่งเรื่องที่เขาไม่ใช่ลูกชายแท้ๆ ของราชาเฮ่อเหลียนแดงขึ้นมา เช่นนั้นนางก็จะไม่ได้รับการเอ็นดูแล้วนางอยากจะตั้งครรภ์สายเลือดของราชาเฮ่อเหลียนจริงๆ ขึ้นมาและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หลายปีมานี้นางก็ทำไม่สำเร็จเสียทีตอนนี้ก็ยังตายไปเพราะเรื่องนี้"ข้าให้คนคิดวิธีแฝงตัวเข้าไปในเมืองหูแล้ว จะเอาศพของนางออกมา ถึงตอนนั้นจะหาสถานที่ที่ฮวงจุ้ยดีดีนอกเมืองหูแล้วฝังนางให้ ตั้งป้ายหลุมศพ หลังจากนี้เจ้าก็กลับไปกราบไหว้หรือจะย้ายหลุมศพนางก็ได้ทั้งนั้น"เซียวหลันยวนมองฟ
"ดังนั้นถือโอกาสนี้ ถือว่าเจ้าตัดขาดความสัมพันธ์นี้กับเผ่าเฮ่อเหลียนเสีย หลังจากนี้เจ้าจะเป็นแค่ฟู่จาวเฟย ไม่ใช่เฮ่อเหลียนเฟยอีกแล้ว ญาติของเจ้าคือท่านปู่กับพี่สาว" เซียวหลันยวนพูดถึงตรงนี้ก็ชะงักไป แล้วเพิ่มต่อว่า "แล้วก็ยังมีพี่เขยด้วย มีพวกเราอยู่ เจ้าก็จะไม่โดดเดี่ยวอยู่คนเดียว แล้วจะกลัวอะไร? มีเรื่องอะไรก็มาบอกกับข้า""ขอบคุณพี่เขย"อืม เด็กดี เรียกเขาว่าพี่เขยมาหลายคำแล้ว บอกขอบคุณพี่เขยมาหลายรอบแล้วเซียวหลันยวนรู้สึกว่าเด็กคนนี้ใช้ได้อยู่หลังจากนี้ก็พาเขาออกไปบ่อยๆ ก็พอแล้ว มีเรื่องอะไรก็สอนเขา ชุบเลี้ยงเข้า?ฟู่จาวหนิงในเมื่อส่งเรื่องนี้ให้กับเซียวหลันยวน เช่นนั้นก็คือไม่คิดว่าจะมาคอยดูเขาเรื่องเกิดขึ้นไปแล้ว ทำได้แค่ให้ฟู่จาวเฟยไปจัดการทำความเข้าใจด้วยตนเองนางซ้อมชกมวย อาบน้ำ เตรียมจะไปอ่านตำราแพทย์ เซียวหลันยวนจึงเข้ามา"ท่านอ๋อง"หงจั๋วกับเฝิ่นซิงด้านนอกพอเห็นเซียวหลันยวนเข้ามาก็ยินดี รีบเข้าไปคารวะพร้อมกันทั้งสองกำลังจะเงยหน้า ก็ได้ยินเสียงต่ำของเซียวหลันยวน "ก้มหน้าไว้""เจ้าค่ะ" สาวใช้สองคนประหลาดใจหน่อยๆ แต่ท่านอ๋องพูดเช่นนี้แล้ว พวกนางเองก็ไม่กล้าเงยหน้
เซียวหลันยวนเม้มปาก"ท่านคืนนี้ถ้าไม่พูดให้ชัดเจน ก็เลิกคิดที่จะพักที่นี่ได้เลย"ฟู่จาวหนิงร้องเชอะ "ถึงแม้ที่นี่จะเป็นจวนอ๋องเจวี้ยน แต่ว่าเรือนเจียนเจียนี้ท่านขีดให้ข้าไว้แล้ว คนที่ใช้อำนาจได้ชั่วคราวก็คือข้า ท่านเห็นว่าที่นี่เป็นที่ไหนกัน นึกจะมาก็มาจะไปก็ไป?"มีสุนัขที่ไหนทำตัวแบบนี้บ้าง"ข้าก็หน้านี้ก็แค่รู้สึกว่าตนเองน่าเกลียดขนาดนี้แล้ว ถ้าคอยดึงเจ้าไว้ข้างกายก็คงไม่ดีเท่าไรนัก หลังจากนี้ถ้าหากคนข้างนอกเห็นใบหน้าของข้า ไม่รู้ว่าจะมีคำพูดไม่น่าฟังขนาดไหนทะลักกันเข้ามา"เซียวหลันยวนถอนหายใจ "ถึงตอนนั้นเจ้าที่เป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนก็คงจะต้องรับผลกระทบอย่างมาก พวกเขาจะพูดกันว่าเจ้าน่าเวทนาน่าสงสาร และจะหัวเราะเยาะเจ้า ที่มาแต่งงานกับสามีที่ใบหน้าเลวร้ายขนาดนี้"ฟู่จาวหนิงขมวดคิ้วนางคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะคิดเช่นนี้"ดังนั้นหลายวันก่อนหน้านี้ข้าก็เอาแต่คิดอยู่ตลอด ว่าจะเห็นแก่ตัวแบบนี้ได้ไหม หรือควรจะปล่อยให้เจ้าไปได้แล้ว?""ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ทำไมถึงเปลี่ยนความคิดแล้วล่ะ?" ฟู่จาวหนิงถามเซียวหลันยวนมองนาง นางที่นั่งอย่างดื้อรั้นอยู่หลังโต๊ะหนังสือ งดงามขึ้นเป็นพิเศษอย่างเห็นไ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ