"นี่ข้าต้มมาให้เองเลยนะ"ฟู่จาวหนิงส่งชามมาบนมือเขาเซียวหลันยวนพอรับไป ชามเอียงนิดหน่อยจนเกือบจะเทราดลงมา"อ๊ะ ระวังหน่อย" ฟู่จาวหนิงรีบเข้ามารับ ก็เห็นว่ามือของเขาสั่นเล็กน้อย"ข้า" เซียวหลันยวนรู้สึกขายหน้า ขนาดชามข้าวต้มก็ยังถือไม่ไหว อ่อนแอจนไม่มีหน้าจะไปพบใสครแล้ว "ให้ชิงอีเข้ามาเถิด"พอเขาพูดก็คิดจะตะโกนเรียกชิงอีตอนนี้ยิ่งรู้สึกดูเหมือนอยู่ร่วมกันไม่ได้เข้าไปอีก พระชายาเพิ่งจะยกข้ามต้มเข้ามา ทำไมจะหนีอีกแล้วล่ะ?"ท่านอาเจียนจนย่ำแย่เลยสินะ ข้าผิดเองที่คิดไม่ถึง ให้ข้าป้อนท่านเถอะ"ฟู่จาวหนิงหยิบช้อนเริ่มป้อนให้เขาช้อนส่งเข้าไปที่ริมปาก เซียวหลันยวนชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ก็ยังกินลงไปฟู่จาวหนิงดูแลเขาเช่นนี้ เขาไม่อยากจะปล่อยให้นางออกไปเลยแต่ถัดจากนี้นางยังต้องไปต้าชื่ออีกนะ"หน้าของท่าน อีกเดี๋ยวตอนที่ท่านหลับข้าจะมาจัดการให้ หลังจากตื่นขึ้นมาก็อย่าไปแตะต้องเข้าล่ะ"พอได้ยินฟู่จาวหนิงพูดถึงหน้าของเขา เซียวหลันยวนใจก็ดิ่งลงไปอีก ความคิดที่อยากให้นางอยู่ข้างกายเมื่อครู่ถูกกดทับลงอีกทันทีตอนที่นางป้อนข้าวต้มให้เขาเช่นนี้ คงมองเห็นใบหน้าเขาได้ใกล้ๆ นางไม่รู้สึกรังเกี
อันชิงวันนี้ยังดูตึงเครียดหน่อยๆนางอยากให้ฟู่จาวหนิงไปด้วยกัน และเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะถามถึงเรื่องในเขาเมฆอรุณในตอนนั้น นางเองคงไม่รู้ว่าจะตอบกลับอย่างไรเหมือนกันต่อให้ตอนนี้นางจะวางเรื่องพับไปไว้ข้างๆ แล้วแต่นางก็พูดไม่เก่ง กลัวว่าถึงเวลาแล้วจะทำได้ไม่ดี ตอบกลับไม่ได้ เดี๋ยวตอนหลังต้องมากลุ้มใจอีกอารมณ์แบบนี้ นางไม่อยากจะเจอเลยแต่ถ้าพาฟู่จาวหนิงไปด้วยนางก็รู้สึกปลอดภัย ไม่ต้องกลัวเลยฟู่จาวหนิงขึ้นนั่งบนรถม้า ตอนที่อยู่ห่างจากร้านอาหารชิงเว่ยไม่ไกลก็มาเจอกับอันชิงอันชิงรออยู่ที่นั่นแล้ว"พี่หญิงจาวหนิง""ชิงชิงวันนี้สวยมากเลย"ฟู่จาวหนิงพิจารณาตัวอันชิงผาดหนึ่ง มีความรู้สึกเหมือนตรงหน้าสดใสขึ้นมาอันชิงสวมชุดกระโปรงเหลืองหงส์แนบเขียวอ่อน กระโปรงปักผีเสี้อชมพูอยู่หลายตัว รวมผมเปียงูคู่ที่ดูมีชีวิตชีวา มีดอกไม้ผ้าสีชมพูเสียบไว้ ดูราวกับมีชีวิตตอนนี้พอเทียบกับลักษณะสง่างามตามปกติก็ค่อนข้างแตกต่างกัน แต่ก็ดูเหมาะกับนางมากดูแล้วอ่อนช้อยน่ารักมาก แล้วยังดูมีพลังของวัยหนุ่มสาวด้วยพอสวมชุดเช่นนี้ออกมา ก็ปัดความกังวลข่าวลือต่างๆ ก่อนหน้านี้ออกไป จนทำให้คนรู้สึกได้ถึงความอา
น้ำเสียงน่าฟังฟู่จาวหนิงพูดไม่มีเสียงออกมาสี่คำกับอันชิงนางเองก็กดเสียงเอาไว้ น้ำเสียงน่าฟังของนางทางนี้เป็นการบวกคะแนนเพิ่มให้อย่างมากอืม เสียงของเซียวหลันยวนก็น่าฟังมาก โดยเฉพาะตอนที่เขาดูอบอุ่นแล้วก็ว่าง่าย น้ำเสียงนั่นกำลังพอดี ถ้าเพิ่มมาหน่อยก็จะเร็วไป น้อยไปหน่อยก็จะช้าไป ฟังแล้วรื่นหูเป็นพิเศษอันชิงมองออกถึงภาษาปากของนาง ดูเขินๆ หน่อยๆเพราะนางเองก็รู้สึกว่าเสียงของอีกฝ่ายน่าฟังเช่นกันนางลุกขึ้นยืนด้วยสัญชาตญาณ คารวะไปทางด้านนั้น"คารวะคุณชายติง"ทางนั้นเองก็มีการเคลื่อนไหวขึ้นมาเล็กน้อย ฟู่จาวหนิงสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายเหมือนลุกขึ้นยืนคารวะมาเช่นกัน จงอดขำขึ้นมาไม่ได้สองคนนี้น่าสนใจจริงๆยังไม่ทันจะเห็นหน้ากันเลย ก็คารวะให้กันอย่างจริงจังเสียแล้ว?นางฟังออก ทางนั้นก็เหมือนมีอยู่สองคน เพียงไม่นาน ติงหรานก็เอ่ยขึ้น "แม่นางอันโปรดให้อภัยด้วย ข้าเชิญอาสะใภ้มาเป็นเพื่อนเสียแล้ว ถ้าหากมีเรื่องอะไร จะได้ดีกับแม่นางอันหน่อย"หลังจากนั้นก็เป็นเสียงหญิงสาว ฟังแล้วน่าจะเป็นฮูหยินวัยกลางคน"แม่นางอัน ข้าคืออาสะใภ้รองของติงหราน พี่สะใภ้ข้าสุขภาพไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นจึงให้ข้ามา
อันชิงตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงกลับปฏิกิริยารวดเร็วติงหรานน่าจะคอยใส่ใจเรื่องราวของอันชิงมาโดยตลอด เรื่องนั้นที่โหวอาวุโสน้อยอี้ก่อเรื่องไว้ครั้งที่แล้วก็ทำเอาทั้งเมืองหลวงครึกโครมขึ้นมา เขาเองจึงได้ยินมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น ติงหรานก็น่าจะรู้เรื่องราว ผลลัพธ์ รู้ถึงบทบาทของนางในเรื่องนี้ รู้ถึงเรื่องที่นางทำ"คุณชายติงเกรงใจไปแล้ว ข้ากับอันชิงพอพบกันก็รู้สึกเหมือนเพื่อนเก่า นางตอนนี้เองก็เรียกข้าว่าพี่หญิงด้วย ไม่ต้องมากพิธี"ฟู่จาวหนิงพูดจบก็เหล่มองหยอกล้อไปทางติงหราน ติงหรานเองก็หน้าแดงระเรื่อ รู้สึกขวยเขินขึ้นมาเขาอยากจะขอบคุณฟู่จาวหนิงมาโดยตลอดแต่ตอนนี้พอถูกฟู่จาวหนิงพูดมาเช่นนี้ ติงหรานก็รู้สึกว่าตนเองถูกมองจนปรุโปร่ง จึงรู้สึกเขินขึ้นมาพอสมควรฟู่จาวหนิงไม่อยากให้ติงหรานเห็นว่าอันชิงเป็นสิ่งที่เขาครอบครอง ก่อนหน้าที่พวกเขาจะสานความสัมพันธ์จนสมบูรณ์ ก็ถือว่าเตือนขึ้นมาเสียหน่อยแน่นอน เขาเองก็ไม่ได้คิดมาก นี่ก็ถือเป็นเรื่องดี"นั่งลงพูดคุยกันเถอะ"พอเห็นติงหรานเอาแต่ยืน มือของนางก็ค่อยๆ กดต่ำติงหรานจึงนั่งลงฟู่จาวหนิงแอบถอนหายใจ นางเองก็ทำตัวสนิทสนมมากแล้ว พยายามกดความ
"แม่นางอันพอเห็นก็เป็นคนที่ดูกตัญญูและเอาใจใส่ จะต้องเป็นคนที่มือไม้คล่องแคล่วชำนิชำนาญเป็นแน่ แต่ว่าพี่ชายกับพี่สะใภ้ใหญ่ของข้าก็เคยบอกมาแล้ว ว่าถ้าติงหรานต้องแต่งงาน พวกเขาก็หวังว่าจะได้เห็นสามีภรรยารักใคร่กลมเกลียว เกื้อกูลกันและกัน มีชีวิตที่ดีและสุขสบายใจก็เพียงพอแล้ว""ข้าอยากจะถามหน่อย" อันชิงตอนนี้ก็รวบรวมความกล้าขึ้นแล้ว มองไปทางติงหราน "ท่าน ท่านหลังจากนี้จะรับภรรยามาอีกกี่คน? ตอนนี้ ตอนนี้มีสาวใช้ในห้องนอนหรือไม่กัน?"นี่เป็นสิ่งที่นางอยากจะถามมากพี่ชายบอกว่า ตนเองอยากจะรู้เรื่องอะไรก็ถามออกไปตรงๆเรื่องที่นางอยากรู้มากที่สุดก็คือเรื่องนี้ติงหรานมองนาง "ข้าจะไม่รับภรรยาอีก พ่อของข้าก็มีแต่แม่ของข้าคนเดียว พ่อของข้าพูดอยู่เสมอ ในบ้านให้ง่ายดายหน่อย ชีวิตก็จะสบายลง พวกเราทั้งบ้านมีความสุข ก็ไม่จำเป็นต้องรับคนมาอยู่ด้วยกันให้มากเรื่อง ดีแต่จะทำให้วุ่นวาย ข้าเองก็คิดเช่นนี้มาตลอด""แล้วข้าก็ไม่มีสาวใช้ในห้องนอนด้วย ก่อนหน้านี้แม่ข้าเคยจัดแจงเรื่องหมั้นหมายให้ข้า แต่ก็ถอนหมั้นไปด้วยเหตุผลบางอย่าง"สะใภ้รองติงมองพวกเขา เอ่ยขึ้นว่า "ติงหรานไม่ชอบพูดให้ร้ายคนอื่นน่ะ ให้ข้าพ
"เดิมทีมันก็ใช่! ข้าตอนนั้นบอกว่าจะพาแม่ของข้าไปใช้ชีวิตด้วยกัน พวกท่านก็ตอบรับแล้วนี่ ข้าบอกให้พ่อกับแม่เขาย้ายออกไป ทิ้งบ้านตระกูลติงไว้ให้พวกเราอยู่ พวกท่านก็รับปากแล้ว!"เริ่นหมิ่นเซียงจ้องติงหราน"นั่นเป็นเพราะบ้านตระกูลติงของพวกเราอยากให้ติงหรานแต่งงานอย่างราบรื่น พอคิดถึงความกตัญญูของท่านที่คิดจะพาแม่มาอยู่ด้วยกัน อันนี้ก็ยังเข้าใจได้ พวกท่านชอบบ้านตระกูลติง พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่ข้างยังคิดว่าพวกเขายังมีเรือนเล็กอยู่ สามารถย้ายออกไปได้ พวกเขายอมถอยให้ก้าวแล้วก้าวเล่า เพราะหวังว่าท่านกับติงหรานจะมีวันคืนที่ดีร่วมกัน"สะใภ้รองติงตอนนี้ใบหน้าโกรธเคืองขึ้นแล้วจริงๆนางคิดไม่ถึงเลยว่าเริ่นหมิ่นเซียงตอนนี้ยังมีหน้ากระโจนเข้ามาอีก ยิ่งไปกว่านั้นยังมาอาละวาดแบบนี้ อาละวาดต่อหน้าพระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรื่องหนึ่ง แต่ถ้ามาทำให้แม่นางอันโกรธจนออกไป พังงานดูตัวของติงหรานเข้าล่ะ นางอยากจะฉีกเริ่นหมิ่นเซียงเป็นชิ้นๆ จริงๆ"เดิมทีบ้านของพวกเราก็อยากให้พวกท่านได้มีชีวิตที่ดี แต่ใครจะรู้ว่าพูดกันไว้ดิบดี ท่านกลับเอาแต่จะถอนหมั้น ไม่เช่นนั้นจะแฉความลับข้อบกพร่องอะไรของติงหรานออกมา ติงหรานของพวก
"ข้าจะขอเตือนพวกท่าน! ติงหรานเป็นคู่หมั้นของข้า พวกเรายังไม่รีบไสหัวไปอีกหรือ? ไม่เคยเห็นใครหน้าไม่อายเท่านี้มาก่อน ถึงกับฝ่าฝืนคำแม่สื่อของพ่อแม่ แล้วแอบมาเจอกับผู้ชายส่วนตัวแบบนี้!""ท่านพูดจาเกรงใจกันด้วย"อันชิงเองก็โมโหจนลุกขึ้นยืนแล้วบอกว่านางหน้าไม่อาย นางทนได้ที่ไหน"นี่อันชิงใช่ไหม?" ชายหนุ่มที่ตามเริ่นหมิ่นเซียงมาเอ่ยปากขึ้น "น้องสาวของผู้ตรวจการอันน่ะ"เริ่นหมิ่นเซียงถลึงตาโตจ้องอันชิง"ที่แท้ท่านก็คืออันชิง? ที่ไม่ชัดเจนกับโหวอาวุโสน้อยอี้คนนั้นน่ะหรือ?""เริ่นหมิ่นเซียง!" ติงหรานตวาดด้วยความโกรธ "เจ้าจะมากเกินไปแล้ว! แม่นางอันไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย แต่เป็นเพราะเจ้าสกุลอี้นั่นมันไม่เอาไหน! ถ้าเจ้ายังกล้าลบหลู่นางอีกเพียงน้อย ข้าจะไม่เกรงใจเจ้าแล้วนะ!""ท่านไม่เกรงใจข้าแล้วหรือ? ติงหราน เดิมทีท่านก็มาลอบนัดพบกับอันชิงใช่ไหม? ไม่ใช่หญิงสาวคนนั้น ท่านจะแต่งงานกับอันชิงหรือ? ท่านบ้าไปแล้วใช่ไหม ท่านรู้ไหมว่านางชื่อเสียงเป็นอย่างไร" เริ่นหมิ่นเซียงเห็นเขาปกป้องอันชิงเช่นนี้ก็เข้าใจขึ้นมา"ชื่อเสียงของนางขาวบริสุทธิ์อย่างมาก! ไม่รู้ว่าดีกว่าเจ้าตั้งเท่าไร! เริ่นหมิ่นเซ
คำพูดที่ติงหรานพูดกับเริ่นหมิ่นเซียง กดเสียงลงต่ำแล้วแต่ฟู่จาวหนิงก็หูดีเกิน ฟังครบทุกถ้อยคำไม่ขาดตกบกพร่องนางรู้สึกว่าโลกใบนี้เล็กจริงๆ ทำไมแค่มาร้านอาหารชิงเว่ยนี่ แค่อยากจะมาพบติงหรานกับอันชิง ก็ยังลากไปเกี่ยวข้องกับองค์หญิงหนานฉืออีก"ใช่ ท่านรู้ก็ดีแล้ว พ่อของข้าพูดไว้ ครั้งนี้ ฮองเฮารับสั่ง ว่าคนในเมืองหลวงที่พูดภาษาหนานฉือได้ล้วนให้เข้าวังไปร่วมงานเลี้ยง ถึงตอนนั้นแม่ข้าจะไปขอความดีความชอบต่อหน้าฮองเฮา ไม่แน่อาจจะขอให้ข้าขึ้นเป็นท่านหญิงคนหนึ่งด้วยก็ได้"เริ่นหมิ่นเซียงสมองร้อนวาบขึ้นมา นางจมอยู่กับความเป็นไปได้นี้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว รู้สึกว่าตนเองกำลังจะล่องลอย"ดังนั้นท่านก็คิดให้ดี ถือโอกาสตอนนี้ที่ข้ายังอยากแต่งงานกับท่าน ไม่พลาดโอกาสนี้ไป รอให้ข้าได้รับความดีความชอบ ถึงตอนนั้นมาคุกเข่าร้องไห้อ้อนวอนข้า ข้าก็จะไม่เหลียวมองท่านอีกเลย"ติงหรานโมโหจริงจังแล้ว"วางใจได้เลย ไม่มีทางมีวันนั้นแน่นอน ข้าทางนี้ก็จะบอกกับเจ้าให้ชัดเจนอีกครั้ง พวกเราก่อนหน้านี้ตอนที่ยังหมั้นกันก็เจอกันแค่ไม่กี่ครั้ง ข้าไม่ได้รู้สึกอะไรกับเจ้าเลย แค่อยากจะมีงานหมั้น หลังจากแต่งงานก็จะทำหน้าที่ส
แม้จะผ่านไปเกือบสิบแปดปีแล้ว แต่สามีภรรยาฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวก็ยังเป็นคนที่กาลเวลารักใคร่อยู่พวกเขาแม้จะอายุมากแล้ว หน้าตาก็ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นบ้าง แต่พอเทียบกับสมัยก่อนแล้ว ก็เปลี่ยนแปลงไปไม่เยอะมากมองหลายๆ ครั้งก็มองออกได้คนที่เซียวเหยียนจิ่งเตรียมไว้ยังมองออก ไม่ต้องพูดถึงเซี่ยซื่อเลยเซี่ยซื่อเคยเป็นครอบครัวของพวกเขาด้วยนะหลังจากนางจำได้แล้วยังสงสัยว่าตาตนเองฝาดไปหรือไม่ ยังสงสัยว่าตนเองคงตาลาย ดังนั้นเลยนวดตาทันที จากนั้นจึงมองพวกเขาอย่างละเอียดอีกครั้งไม่เปลี่ยน ยังคงเป็นสองคนนั้นเสิ่นเชี่ยวเองก็จำเซี่ยซื่อได้ แม้ว่านางจะรู้ตัวตนฐานะของตนเองแล้ว แต่ยังคงโพล่งออกมาว่า "พี่สะใภ้รอง!"เซี่ยซื่อคือภรรยาของผู้เฒ่ารองตระกูลหลินและเป็นคนเดียวในตระกูลหลินที่อ่อนโยนเป็นห่วงเสิ่นเชี่ยว ดังนั้นเสิ่นเชี่ยวพอเห็นนาง ดวงตาจึงแดงรื้นขึ้นมาคำว่าพี่สะใภ้รอง ก็ทำเอาเซี่ยซื่อใจสั่นระริกเช่นกันรีบวางตะกร้าที่หิ้วไว้ลงมา เดินตรงไปหานาง"ให้ตายเถอะ อา อาเล็กหรือ?"ไม่ ไม่ใช่อาเล็กชองนางแล้วสิ เซี่ยซื่อยืนอยู่หน้าเสิ่นเชี่ยว ถลึงตาโตอ้าปากค้าง"พี่สะใภ้รอง ข้าข้าเจอครอบครัวของข้าแ
ฟู่จาวหนิงสีหน้าขรึมลงเล็กน้อย "ดูท่า น่าจะมีคนไม่น้อยที่ยังไม่ลืมพวกเขา คอยจับตาดูจนถึงทุกวันนี้""ข้าเตรียมการเสร็จแล้ว รอบบ้านตระกูลฟู่วางองครักษ์ลับเอาไว้แล้ว วางใจเถอะ" เซียวหลันยวนพานางเข้ามา สองมือโอบข้างเอวนาง จ้องมองนาง "องค์จักรพรรดิน่าจะลงมือกับพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นพ่อลูกชินอ๋องเซียวยังคอยจับตาดูพวกเขาขนาดนี้ มันดูแปลกไปหน่อย""ตรวจสอบดูก็รู้ พวกเขาถ้าหากมีความคิดอะไร มีแผนอะไร มีเป้าหมายอะไร เดี๋ยวก็ได้รู้เอง"ฟู่จาวหนิงไม่ได้ใส่ใจนักเซียวหลันยวนพยักหน้าสายตาเขามองออกไปไกลๆ ถัดจากนี้ต้องดูว่าสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินจะรับมืออย่างไร เมืองหลวงยังมีคนที่มีเป้าหมายต่างๆ อยู่ และยังมีขั้วอำนาจที่ใช้วิธีการต่างๆ อยู่อีกด้วยเขาถึงแม้จะเชื่อว่าครั้งนั้นไม่ใช่เสิ่นเชี่ยวที่วางยาพิษ แต่ว่าพวกเขาตอนนั้นถูกใครบางคนหรือเรื่องบางอย่างหนีบเอาไว้ตรงกลาง ไม่มีทางดึงตัวออกมาอย่างหมดจดได้ พวกเขาเองก็เป็นคนในเหตุการณ์ตอนนี้พอมีความสัมพันธ์เช่นนี้กับเขา เซียวหลันยวนก็ยังพิจารณานาว่าพวกเขาจะแบกรับไหวไหม หลังจากนี้จะไม่ถ่วงแข้งขาฟู่จาวหนิงได้จริงไหม จะไม่ทำร้ายนางจริงไหมเซียวหลันยวนไม่ได้
"หนิงหนิง มีเรื่องอะไรถึงคุยกันนานสองนาน?"ในห้องขังมีเสียงเซียวหลันยวนดังออกมา"มาแล้ว"ฟู่จาวหนิงขานรับคำหนึ่ง เตรียมจะกลับห้องขังเซียวเหยียนจิ่งไม่อยากเชื่อ "เจ้าไม่ไปกับข้าจริงหรือ? เจ้าไม่สนใจพ่อแม่เจ้าหรือไรกัน?"ปฏิกิริยาของฟู่จาวหนิงเกินจากที่เขาคาดไว้เขาเดิมทีคิดว่าพอได้ยินว่าพ่อแม่ไม่เป็นไร แล้วยังกลับมาแล้ว ฟู่จาวหนิงอย่างน้อยต้องตาแดงรื้นบ้าง ไม่ก็ร้องไห้ออกมา รีบร้อนตามเขาออกไปอย่างตื่นเต้น เพื่อรีบไปพบพ่อแม่ของนาง"อ๋องเจวี้ยนถึงอย่างไรก็ยังต้องอยู่ในห้องขัง ไม่มีอะไรหรอก เจ้าจัดที่นี่จนดูอยู่สบายไปแล้ว แล้วเขาทำไมยังต้องให้เจ้ามาอยู่ด้วยกันอีก?""ข้ามาอยู่เอง เขาเป็นสามีข้า ข้าไม่อยู่กับเขาแล้วใครจะอยู่กัน?"ฟู่จาวหนิงหลังจากที่รู้เจตนาการมาของเขาก็ขี้เกียจจะคุยกับเขาแล้ว ผลักเขาออก แล้วเดินไปทางห้องขังเซียวเหยียนจิ่งนี่ก็จุ้นจ้านเสียจริง"เจ้าทำไมถึงต้องทำร้ายตัวเองแบบนี้" เซียวเหยียนจิ่งตะโกนใส่หลังนาง "เจ้าเข้าร่วมกับสมาคมหมอใหญ่แล้ว ถ้าเจ้ายินยอม มีคนตั้งมากมายที่ยินดีจะรักและเอ็นดูเจ้า ทำไมต้องมาอยู่ในคุกกับเขาแบบนี้ด้วย"เดิมทีหญิงสาวคนนี้ควรจะควรจะม
"ใช่ พ่อแม่ของเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นยังกลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว" เซียวเหยียนจิ่งจ้องมองฟู่จาวหนิง "เป็นอย่างไร เจ้าอยากรีบกลับบ้านไหม? ได้ยินว่าปู่ของเจ้ากับเด็กที่ชื่อเสี่ยวเฟยก็อยู่กันที่จวนอ๋องเจวี้ยนนี่? ถ้าเจ้าไม่กลับไป พ่อแม่ของเจ้าคงจะหาคนไม่เจอแน่"ฟู่จาวหนิงทำท่าทางตกตะลึงอย่างมาก"เจ้าไม่ได้โกหกข้าใช่ไหม? พวกเขากลับมาแล้วจริงหรือ?""ข้าจะโกหกเจ้าทำไมกัน? ไม่เชื่อข้าตอนนี้เจ้าก็ไปกับข้าสิ ข้าจะพาเจ้าไปหาพวกเขา"เซียวเหยียนจิ่งพูด มือเองก็คันยุบยิบ เขาอยากจะยื่นมือไปจูงนางเหลือเกิน จูงนางออกจากคุกใหญ่ถ้าเขาสามารถจูงมือนางออกไปได้ เซียวหลันยวนคงได้กระอักเลือดตายกระมัง?แต่เขาเพิ่งจะขยับ ฟู่จาวหนิงก็ถอยออกไปแล้วสองก้าว"พวกเขาถ้ากลับมาแล้วจริง เช่นนั้นก็ต้องกลับไปที่บ้านตระกูลฟู่ ที่บ้านตระกูลฟู่มีคนอยู่ พวกเขาจะหาคนไม่เจอได้อย่างไรกัน?""เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ?""เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าวิ่งแจ้นเข้ามาบอกข้าหรอกกระมัง? พวกเขาถ้ากลับมาแล้วจริง คนใช้บ้านตระกูลฟู่อีกเดี๋ยวก็คงเข้ามาบอกข้าเอง""เจ้าลืมอ๋องเจวี้ยนไปแล้วหรือ?""เขาก็อยู่ที่นี่ ลืมอะไรกัน?""ความ
ฟู่จาวหนิงอยู่ในคุกเองก็เบื่อหน่อยๆ แล้วนางเหลือบมองเซียวเหยียนจิ่งผาดหนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปด้าหน้าเซียวหลันยวน "ข้าออกไปฟังหน่อยได้ไหม?""ไปเถอะ" เซียวหลันยวนพยักหน้า"เอ๋ ไม่หึงแล้วหรือ?" ฟู่จาวหนิงร้องชิชะเซียวหลันยวนหัวเราะเสียงทุ้ม "อย่าไปไกลนักล่ะ ข้าได้ยินอยู่"ถึงอย่างไรนางก็เบื่อๆ ถ้าเซียวเหยียนจิ่งพูดเรื่องอะไรที่ทำให้นางฆ่าเวลาได้ เช่นนั้นเขาก็ควรจะใจกว้างหน่อยแต่ว่า พวกเขาเดินไปไกลมากไม่ได้ ต้องอยู่ในระยะที่เขาสามารถได้ยิน"รู้อยู่แล้วว่าท่านจะใจกว้างหลอกๆ"ฟู่จาวหนิงวางพู่กัน ปรบๆ มือ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องขัง"คิดจะพูดอะไร?"เซียวเหยียนจิ่งเดิมทีคิดจะให้เซียวหลันยวนหึงหวง ดังนั้นจึงไม่คิดจะเดินไปไกลนัก"มานี่หน่อย" เซียวเหยียนจิ่งเดินออกมาข้างๆ ไม่กี่ก้าว รู้สึกว่าระยะนี้เซียวหลันยวนน่าจะได้ยินเหมือนคนคุยกันแต่ไม่ได้ยินเนื้อหาด้านในเช่นนี้ก็พอดีฟู่จาวหนิงร้องเชอะในใจ น่าจะเข้าใจความคิดของเขาเพียงแต่เซียวเหยียนจิ่งก็ยังโง่อยู่ เขาคิดว่าระยะนี้เซียวหลันยวนไม่ได้ยินหรือไรกัน?นางเดินออกไปเซียวเหยียนจิ่งบอกกับผู้คุมข้างๆ คำหนึ่ง ให้เขาออกไปก่อนผู้คุม
ถ้าไม่ใช่ห้องขังรอบๆ ยังมีสภาพเดิมอยู่ เขาก็คงจะสงสัย ว่าฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนพักอยู่ในโรงเตี๊ยมอะไรกันคุกที่ไหนเขาจัดกันอบอุ่นแบบนี้บ้าง!"พระชายาอ๋องเจวี้ยน รบกวนออกมาหน่อย มีคนมาพบท่าน" ผู้คุมเปิดประตูยังต้องปรบมือเรียกคนม่านนั้นเลิกออก เซียวเหยียนจิ่งมองเข้าไปด้านใน และเห็นเซียวหลันยวนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ปูด้วยเบาะรองตัวหนึ่งพลิกเปิดอ่านหนังสือ บนโต๊ะข้างๆ ยังมีชาที่ร้อนกรุ่นอยู่อีกกาหนึ่งด้วยฟู่จาวหนิงยืนอยู่ข้างๆ เขา กำลังจรดพู่กันเขียนอักษรดูแล้วเหมือนกำลังใช้ชีวิตประจำวันอยู่เลย!เซียวหลันยวนมองออกมา สบเข้ากับสายตาของเซียวเหยียนจิ่งพอดีเซียวเหยียนจิ่งเดิมทีใจก็กระตุกวูบ เขาเกือบจะถอยหนีออกมาแล้ว แต่ตอนที่เห็นฟู่จาวหนิง ไฟริษยาก็ทำให้เขาลืมความกลัวไปไม่ได้เจอกันตั้งครึ่งค่อนปี ฟู่จาวหนิงกลับสวยขึ้นกว่าเดิมเสียอีกเธอเป็นสาวเต็มตัวแล้ว ความเขินอายแบบเด็กสาวก็หายไปใบหน้าเปล่งปลั่ง รูปร่างก็ได้สัดส่วน ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ผมบาง แต่มีส่วนโค้งเว้าที่สวยเด่นแค่ชดกระโปรงสีเหลืองเรียบง่าย เห็นแล้วก็ยังรู้สึกเย้ายวนเป็นพิเศษหลี่จื่อเหยาเทียบกับนางได้เสียที่ไหน!
หมากก้าวแรกของพวกชินอ๋องเซียวในตอนนั้นก็เสี่ยงเหมือนกัน ไปบอกเรื่องที่พวกเขารู้กับองค์จักรพรรดิ แม้จะช่วยจัดการพยานสองคนนั้นไปแล้ว แต่องค์จักรพรรดิก็อาจจะยังไม่ละเว้นพวกเขาอยู่ถึงอย่างไรปากของคนตายนี่ล่ะที่ปิดสนิทที่สุด"ท่านพ่อ ความสัมพันธ์ของพวกเรากับองค์จักรพรรดิ จะไปเทียบกับตระกูลฟู่ได้อย่างไร?"เซียวเหยียนจิ่งไม่เห็นด้วยท่านพ่อกับองค์จักรพรรดิเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พวกเขาล้วนสกุลเซียว ยิ่งไปกว่านั้นชินอ๋องเซียวก็ยังคุกคามองค์จักรพรรดิไม่ได้ จวนชินอ๋องเซียวเองก็ไม่ได้มีอำนาจสักเท่าไร ก็แค่อาศัยแต่พระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทไปเท่านั้นดังนั้นองค์จักรพรรดิจึงเชื่อในความจริงใจที่พวกเขาส่งไปให้ เชื่อว่าพวกเขาต้องการแค่จะได้รับการให้ความสำคัญและการปกป้องจากฝ่าบาทเท่านั้น"ตระกูลฟู่จะไปมีอะไร? ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องเห็นพวกตระกูลฟู่อยู่ในสายตาเลย ส่วนเซียวหลันยวนก็เป็นหนามในสายตาองค์จักรพรรดิอีก องค์จักรพรรดิคิดจะรับมือกับเซียวหลันยวน ตอนนี้เซียวหลันยวนเองก็มีจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดอยู่ นั่นก็คือฟู่จาวหนิง"พอพูดคำนี้ เซียวเหยียนจิ่งก็ดูไม่ค่อยสบายใจขึ้นมาที่ต้องให้เขายอมรับว่าเซียวหลันย
ก่อนหน้านี้ฟู่จิ้นเชินชื่อเสียงระบือเมืองหลวง และเคยขี่ม้าไปตามถนนสายยาว เคยเข้าไปในโรงสุราประชันโคลงกลอนกับผุ้อื่น เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์เหลือประมาณเพราะเขามีหน้าตาที่ไร้เทียมทาน คนที่ไปดูเขาโดยเฉพาะก็มีไม่น้อย ผ่านไปหลายปีเช่นนี้ คนที่ยังจดจำหน้าตาเขาได้ก็มีอยู่ไม่น้อยด้วยเช่นกันโดยเฉพาะแม้จะผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว เขาก็แทบไม่ได้ดูแก่ลงเลย มีแค่ความสุขุมที่มากขึ้น คนที่เคยเจอเขาในครั้งนั้น พอคิดว่าแค่เหลือบมองแล้วจำเขาได้ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไรกลับกันตัวฟู่หลินซื่อ คนที่พบเจอมีไม่มากนัก"ตอนนั้นคนที่ส่งข่าวให้พวกเราบอกว่า รอให้ฟู่หลินซื่อกลับเมืองหลวง จึงสามารถคิดหาวิธีให้เรื่องเมื่อสิบแปดปีก่อนเกิดขึ้นอีกครั้ง"ชินอ๋องเซียวกดเสียงต่ำ "สิบแปดปีก่อน เรื่องที่ฟู่หลินซื่อถูกใส่ร้ายว่าวางยาพิษเซียวหลันยวนสินะ ตอนนี้นางกลับมาแล้ว จะมีคนยืมมือของนางลงมือวางยาพิษกับเซียวหลันยวนอีกครั้งหรือ?"เซียวเหยียนจิ่งในใจมีความตื่นเต้นที่ยากจะพรรณนาออกมาเขาช่วงนี้เฝ้าคอยเรื่องนี้อยู่ตลอดก่อนหน้านี้เขาถอยห่างฟู่จาวหนิง อยากจะหนีนางไปให้ไกลๆ แต่ตอนนี้เขาเสียใจขึ้นมาเสียแล้วนับตั้งแต่
ผู้อาวุโสจี้อยู่ในรถม้าด้านหลัง เขาเองก็เลิกม่านขึ้นมองด้านนอก พอเห็นร้านรวงสองฟากฝั่งถนนแขวนไว้ด้วยโคมแดงก็ถอนหายใจ"จะปีใหม่อีกแล้ว"ชายหนุ่มอายุราวสามสิบปีอีกหนึ่งคนที่นั่งอยู่ในรถม้าก็มองออกไปด้านนอก พอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็มองไปทางผู้อาวุโสจี้ ถอนหายใจเอ่ยขึ้นว่า "ผู้อาวุโสจี้ นี่จะปีใหม่อยู่แล้ว เจ้าพันธมิตรเรียกท่านกลับไปรวมตัวที่สาขาหลัก ท่านทำไมจึงปฏิเสธล่ะ?"ผู้อาวุโสจี้ไม่ได้กลับสาขาหลักไปช่วงปีใหม่หลายปีแล้ว"ไม่อยากไป วุ่นวายเกิน" ผู้อาวุโสจี้ส่ายหัว ไม่สนใจอย่างเห็นได้ชัด"ผู้อาวุโสคนอื่นก็ล้วนอยู่ที่พันธมิตร แม้ว่าเวลาปกติจะไปที่นั่นที่นี่ แต่พอถึงช่วงไว้พระจันทร์กับปีใหม่ล้วนกลับไป ตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกันยังสามารถหารือเรื่องใหญ่ต่างๆ ในพันธมิตรได้ นอกจากนี้ทุกสิ้นปีฝ่ายบัญชีพันธมิตรโอสถก็จะตรวจสอบแบ่งปันเงิน ท่านไม่กลับไป เรื่องพวกนี้ก็ไม่รู้ว่าจัดการกันชัดเจนหรือไม่ชายคนนี้เพิ่งจะถูกย้ายมาเป็นผู้ดูแลพันธมิตรคนใหม่ของเมืองหลวง ซูเหอซูเหอเองก็ถือเป็นคนที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้อาวุโสจี้ เดิมทีด้วยอายุและประสบการณ์ของเขา ควรจะถูกจัดไปอยู่ประจำที่สาขาของพันธมิตรโอ