คำพูดที่ติงหรานพูดกับเริ่นหมิ่นเซียง กดเสียงลงต่ำแล้วแต่ฟู่จาวหนิงก็หูดีเกิน ฟังครบทุกถ้อยคำไม่ขาดตกบกพร่องนางรู้สึกว่าโลกใบนี้เล็กจริงๆ ทำไมแค่มาร้านอาหารชิงเว่ยนี่ แค่อยากจะมาพบติงหรานกับอันชิง ก็ยังลากไปเกี่ยวข้องกับองค์หญิงหนานฉืออีก"ใช่ ท่านรู้ก็ดีแล้ว พ่อของข้าพูดไว้ ครั้งนี้ ฮองเฮารับสั่ง ว่าคนในเมืองหลวงที่พูดภาษาหนานฉือได้ล้วนให้เข้าวังไปร่วมงานเลี้ยง ถึงตอนนั้นแม่ข้าจะไปขอความดีความชอบต่อหน้าฮองเฮา ไม่แน่อาจจะขอให้ข้าขึ้นเป็นท่านหญิงคนหนึ่งด้วยก็ได้"เริ่นหมิ่นเซียงสมองร้อนวาบขึ้นมา นางจมอยู่กับความเป็นไปได้นี้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว รู้สึกว่าตนเองกำลังจะล่องลอย"ดังนั้นท่านก็คิดให้ดี ถือโอกาสตอนนี้ที่ข้ายังอยากแต่งงานกับท่าน ไม่พลาดโอกาสนี้ไป รอให้ข้าได้รับความดีความชอบ ถึงตอนนั้นมาคุกเข่าร้องไห้อ้อนวอนข้า ข้าก็จะไม่เหลียวมองท่านอีกเลย"ติงหรานโมโหจริงจังแล้ว"วางใจได้เลย ไม่มีทางมีวันนั้นแน่นอน ข้าทางนี้ก็จะบอกกับเจ้าให้ชัดเจนอีกครั้ง พวกเราก่อนหน้านี้ตอนที่ยังหมั้นกันก็เจอกันแค่ไม่กี่ครั้ง ข้าไม่ได้รู้สึกอะไรกับเจ้าเลย แค่อยากจะมีงานหมั้น หลังจากแต่งงานก็จะทำหน้าที่ส
"ที่แท้พวกเจ้าก็หวาดกลัวตัวตนฐานะนี้หรือ?ข้าเห็นพวกเจ้ากะเริบเสิบสานเสียขนาดนั้น ยังคิดว่าพวกเจ้าใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงเสียอีก"ฟู่จาวหนิงรู้สึกน่าขัน ออกแรงที่มือ สะบัดเริ่นหมิ่นเซียงออกไป"พระชายาอ๋องเจวี้ยนก่อนหน้านี้ก็ยืนอยู่ข้างกายอันชิงมาตลอด ตอนนั้นผู้ที่ช่วยอันชิงไว้ก็คือนาง" น้องสาวของหวางจ่างฝูตอนนี้เอ่ยเสียงต่ำกับพวกเขา"เจ้ารู้จักนางหรือ? แล้วทำไมไม่รีบบอก" เริ่นหมิ่นเซียงหน้าขาวซีดนางถอยไปหลายก้าวอ๋องเจวี้ยนนางก็ยังกลัวอยู่หลักๆ คือได้ยินว่าตระกูลเจ้า พวกโหวอาวุโสน้อยอี้ ล้วนถูกอ๋องเจวี้ยนจัดการไปหมดแล้วนางรู้สึกว่าอ๋องเจวี้ยนไม่ควรไปยุ่งด้วย"ข้าจำนางไม่ได้ แต่เคยได้ยินมา"พวกเขาสามคนล้วนถอยหลัง"ช้าก่อน"ฟู่จาวหนิงเรียกพวกเขาไว้"อาละวาดเสียขนาดนี้ก็จะไปแล้วหรือ? มานี่ มาขอโทษข้ากับอันชิงดีดีเสียก่อน""พวกเราออกไปก็พอแล้ว ทำไมต้องขอโทษด้วยกัน? ข้ายังไม่ได้ทำอะไรนางเสียหน่อย!" เริ่นหมิ่นเซียงค้านขึ้นมาด้วยสัญชาตญาณ"ไม่ได้ตี? แล้วที่เจ้าก่นด่าออกมาเมื่อครู่ล่ะ?""ก็แค่คำด่าเนื้อตัวไม่ได้สึกหรอเสียหน่อย!" เริ่นหมิ่นเซียงไม่ยอม"อย่างนั้นหรือ?"ฟู่จาวหนิ
"เริ่นหมิ่นเซียงเป็นคนชั่วร้ายไร้หัวจิตหัวใจ!""รู้จักแม่นางบื้อๆ จากตระกูลเริ่นไหม? กำเริบเสิบสานเสียเหลือเกิน ด่าคนตีคนไปทั่วแล้วยังไม่รู้จักขอโทษอีก!"คนพวกนั้นก่นด่าไปตามถนน เสียงดังลั่น เพียงครู่เดียวก็ดึงดูดคนไม่น้อยมีคนเริ่มถามขึ้นมา"เริ่นหมิ่นเซียงคนไหนน่ะ? แม่นางคนไหนกัน?""ใช่ใช่ใช่ เป็นแม่นางที่หน้าด้านแล้วก็กำเริบเสิบอย่างที่สุด""พวกเจ้ามาด่าแม่นางคนหนึ่งแบบนี้ไม่ค่อยดีกระมัง?""อืม พี่ชายคนนี้ก็พูดมีเหตุผล แต่ไม่มีทางเลือกนี่นา แม่นางเริ่นคนนี้เพิ่งจะด่าคนอื่นไปเสียๆ หายๆ แล้วยังไม่ยอมขอโทษ เอาแต่พูดว่าด่าไปไม่กี่คำเนื้อตัวก็ไม่สึกหรอเสียหน่อย ดังนั้น พวกเจ้าว่านี่ไม่ควรจะด่ากลับหรือ?""พี่ชาย ท่านว่านี่มันผิดปกติไหมล่ะ?"พี่ชายที่ดูซื่อตรงคนนั้น "...อืม ก็เหมือนจะไม่ผิดปกติจริงๆ?""ใช่ไหมล่ะ ไม่ผิดปกติตรงไหนเสียหน่อย?"คนชั้นบนได้ยินคำพูดพวกเขากันอย่างชัดเจนเริ่นหมิ่นเซียงแทบจะคลั่งไปแล้ว"พระชายาอ๋องเจวี้ยน ทำไมท่านจึงทำเช่นนี้?! ท่านทำเกินไปแล้วนะ!"ฟู่จาวหนิงผายมือออก ท่าทางดุวอนนิดๆ บางครั้งนางก็ไม่ได้มีคุณธรรมนักหรอกนะ "ก็เกินไปหน่อยจริงๆ""นี่ท่าน
"ขอรับ"คนใช้บ้านตระกูลโม่รีบตามออกไป"พวกเราขึ้นไปดูชั้นบนกัน เรียกบริกรมาถามเสียหน่อย บางทีพระชายาอ๋องเจวี้ยนอาจจะมีธุระอยู่ พวกเราก็อย่าเพิ่งเข้าไป"พวกนางมาถึงห้องหรู เรียกบริการมาถามๆ"นั่นเป็นธุระของแขก ข้าน้อยพูดมากไม่ได้" บริกรของร้านก็มีจรรยาบรรณอาชีพอยู่"พวกเราะจะไม่ถามมาก แค่จะถามว่าพระชายาอ๋องเจวี้ยนได้รับบาดเจ็บหรือถูกรังแกไหม?" ฮูหยินใหญ่โม่แค่อยากจะยืนยันจุดนี้"ไม่มี"พระชายาอ๋องเจวี้ยนเล่นงานพวกแม่นางเริ่นจนโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงออกไปแล้ว จะไปบาดเจ็บตรงไหนกัน?บริกรถูกเองก็ตกตะลึงกับวิธีการจัดการของพระชายาอ๋องเจวี้ยนเหมือนกัน"เช่นนั้นก็ดี"ฮูหยินใหญ่โม่เรียกพวกนางมา "พวกเราจะไม่รบกวนแล้วกัน มาๆๆ พวกเราสั่งกับข้าวกันก่อน"พระชายาอ๋องเจวี้ยนไม่เสียเปรียบไม่ถูกรังแกก็ดีแล้ว"เมื่อครู่พวกเราได้ยินคนพวกนั้นก่นด่าแม่นางเริ่น คงไม่ได้มาปะทะเข้ากับพระชายาอ๋องเจวี้ยนหรอกนะ?""แม่นางเริ่น? ข้าเองก็ได้ยิน เห็นว่าชื่อเริ่นหมิ่นเซียง"ฮูหยินที่นี่ มีคนหนึ่งเป็นลูกสาวของซื่อหลางกรมกลาโหม ออกเรือนกับน้องชายของขุนนางซื่อหลางกรมขุนนางเมืองหลวง"เริ่นหมิ่นเซียง?"ตระกูลโ
ต่อให้ไม่มีเรื่องของเริ่นหมิ่นเซียง ความคิดที่องค์จักรพรรดิอยากให้เรื่องนี้สำเร็จก็วางลงมาแล้วแค่ฮูหยินคนเริ่นคนเดียว ไม่ได้มีความสามารมากขนาดสามารถส่งผลกระทบกับสถานการณ์นี้ได้หรอกแต่หวางเก๋อเหล่าทางนั้นต้องระวังไว้หน่อยแล้วก็ เซียวหลันยวนเองก็น่าจะจัดการเรื่องนี้ด้วย"คุณชายติง ข้าอยากจะถามเสียหน่อย เรื่องงานมงคลของท่านกับเริ่นหมิ่นเซียง ถอนหมั้นกันอย่างหมดจดแล้วใช่ไหม? ท่านกับนางก่อนหน้านี้เคยมีเรื่องพัวพันกันหรือเปล่า?""ไม่มีอย่างแน่นอน" ติงหรานรีบโบกไม้โบกมือ "ข้ากับนางก่อนหน้านี้เจอกันแค่ไม่กี่ครั้ง และไม่เคยอยู่ด้วยกันตามลำพังด้วย""พระชายาอ๋องเจวี้ยน แม่นางอัน บ้านตระกูลติงของพวกเรากับบ้านตระกูลเริ่นตัดขาดกันเด็ดขาดแล้วจริงๆ" สะใภ้รองติงเองก็รีบพูดขึ้นมา "เรื่องนี้คนอื่นๆ จากตระกูลเริ่นก็ล้วนรู้กัน""เช่นนั้นก็ดี ข้าอาจจะให้คนไปตรวจสอบอย่างชัดเจน แล้วจะบอกกับพวกเท่านอีกครั้งหนึ่ง""ข้าไม่กลัวการตรวจสอบ พระชายาอ๋องเจวี้ยน ต้องรบกวนท่านแล้ว"ติงหรานมองฟู่จาวหนิงจริงจัง ท่าทางประมาณว่าเชิญท่านโปรดตรวจสอบให้ละเอียดสักหน่อย คืนความบริสุทธิ์ให้แก่ข้าด้วยยิ่งไปกว่านั้นเม
กลับมาถึงจวนอ๋องเจวี้ยน หงจั๋วตรงเข้ามารับ"พระชายา เมื่อครู่มีคนจากตระกูลโม่เข้ามา ถามว่าพรุ่งนี้ท่านมีเวลาว่างไหม ฮูหยินใหญ่โม่บอกมีสองพี่น้องร่างกายไม่ค่อยดีนัก ไม่ทราบว่าท่านจะมีเวลาให้พวกนางไหม"ฮูหยินใหญ่โม่?"มาที่จวนอ๋องหรือ?"ฟู่จาวหนิงรู้สึกไม่ค่อยสะดวกขึ้นมาด้วยสัญชาตญาณ "ท่านอ๋องของพวกเจ้าคงไม่ยินดีเท่าไรนักกระมัง? ส่งคนจดหมายตอบกลับไป บอกว่าให้พวกนางนัดเวลาเลย แล้วพรุ่งนี้ไปที่บ้านตระกูลฟู่เถอะ วันพรุ่งนี้ข้าจะไปฝังเข็มให้อันห่าว""เจ้าค่ะ"เรื่องนี้ลอยไปถึงในหูเซียวหลันยวนเป็นผู้ดูแลที่ได้ยิน แล้วมาบอกกับเขาตอนที่มารายงานเรื่องอาหารเย็น"ท่านอ๋อง พระชายาใส่ใจกับท่านมากเลยใช่ไหม? ท่านดูสิ นางยังคิดว่าท่านจะยินดีหรือไม่ยินดีด้วย"ความหมายเดิมของผู้ดูแลจงคือคิดจะทำให้เซียวหลันยวนรู้สึกดีใจขึ้นมาดูสิ พระชายาสนใจความรู้สึกท่านขนาดนี้เลยนะแต่ว่าเซียวหลันยวนหลังจากได้ยินกลับสีหน้าเคร่งขรึม "ไปถามนางว่าวันนี้จะกินข้าวเย็นที่ไหน""ขอรับ"ผู้ดูแลจงหลังจากถอยไปก็กลัดกลุ้มหน่อยๆ"ท่านอ๋องนี่อย่างไรกันนะ? ทำไมดูไม่ยินดีขึ้นมาเสียล่ะ"เซียวหลันยวนรู้สึกว่าอ่านหนังสือใ
ชิงอีพูดประโยคนี้จบ ก็ลูบเจอว่าใบหน้าตนเองเกลี้ยงเกลาโอ้ เหมือนจะแค่ช่วงนี้พักผ่อนไม่ค่อยดี ดังนั้นที่จึงมีตุ่มเล็กๆ ขึ้นมาก็เท่านั้นเขาเข้าใจขึ้นทันที ท่านอ๋องกำลังหยอกเขานี่"ทำไม มีผดแค่นิดเดียวก็ยังตกใจขนาดนี้ ข้าน่ะพังไปครึ่งหน้าแล้ว เจ้ายังมาบอกว่าไม่ต้องเครียดหรือ? เป็นชายชาตรีขนาดนี้แล้ว"เซียวหลันยวนมองประชดใส่เขาชิงอีทำหน้าเหยเกขึ้นทันที "ท่านอ๋อง ข้าน้อยไม่ได้หมายความเช่นนั้น""เอาล่ะ ออกไปเถอะ อย่ามาอยู่ขวางหูขวางตาข้าอีก" เซียวหลันยวนโบกไม้โบกมือ เหมือนไล่แมลงวันอย่างไรอย่างนั้นน่าโมโหเสียจริงอย่าคิดว่าเขาไม่รู้ แค่ตุ่มไม่กี่เม็ดใต้คางชิงอี เขาก็ยังแอบส่องกระจกเสียหลายครั้ง แล้วยังไปบอกกับผู้ดูแลจงอีก ว่าต้องเชิญพระชายามาจัดยาให้เขาไหม ดูว่าจะลบเจ้าตุ่มผดเล็กๆ นี้ออกไปได้หรือไม่ตนเองก็รักสวยรักงามขนาดนั้น แล้วยังมาพูดต่อหน้าเขาว่าเหมือนไม่ได้สนใจความงามภายนอกเลยแม้แต่นิดเดียวมันน่านักผู้เฒ่าฟู่ได้ยินว่าเซี่ยซื่อกับอันห่าวก็อยู่ในบ้านอย่างปกติสุขดี ไม่มีใครมารบกวน น่าจะเพราะรู้ว่าเขาอยู่ที่จวนอ๋อง และคิดว่าในบ้านตระกูลฟู่คงทิ้งพวกคนใช้ส่วนหนึ่งไว้ ไม่ได้ส
"อย่าเหนื่อยเกินไปนักนะ ขาหายดีแล้วหรือ?""ดีเหมือนเดิมแล้ว ตอนนี้เวลาเปลี่ยนวันก็ไม่รู้สึกปวดจี๊ดๆ อีกแล้ว พี่ใหญ่จงสอนวิธีก้าวเดินหนึ่งให้ข้าด้วย ร้ายกาจมากเลย"จงเจี้ยนเองก็เดินเข้ามา"พระชายา" กลับมาจวนอ๋องเจวี้ยนครั้งนี้ เขากลับมาเรียกนางว่าพระชายาแล้ว"เจ้าฟื้นฟูเป็นอย่างไรบ้าง?""ดีมากเลย พลังยุทธ์เองก็ฟื้นมาเจ็ดส่วนแล้ว" จงเจี้ยนรู้สึกพึงพอใจมาก เขาติดพิษขนาดนั้นแล้วยังรอดมาได้ ยิ่งไปกว่านั้นพระชายายังเคยบอกว่าถ้าเขายังบำรุงพักฟื้นต่อไป ร่างกายจะกลับมาดีเหมือนตอนแรกเลย ขอแค่ต้องการเวลาหน่อยต้องการเวลาไม่น่ากลัว"ข้าจะจับชีพจรให้เจ้า"ฟู่จาวหนิงจับชีพจรให้เขาอีก และพบว่าฟื้นฟูได้ดีมาก นางวางใจลงแล้ว"อีกไม่กี่วันข้าจะออกไปข้างนอก ข้าจะไปต้าชื่อ ถึงตอนนั้นจะปรับปรุงยาของเจ้าเสียหน่อย เจ้าอยู่ที่จวนอ๋องเจวี้ยน แล้วต้องกินยาตามเวลาด้วยนะ""พระชายา ข้าไปต้าชื่อกับท่านด้วยกันดีกว่า" จงเจี้ยนอ้อนวอนขึ้นทันที "แม้วิชายุทธ์ข้าจะฟื้นฟูแค่เจ็ดส่วน แต่แค่จะไล่ตามรับมือกับคู่ต่อสู้ก็ไม่ใช่ปัญหา"เขารู้สึกว่าท่านอ๋องอยู่ในเมืองหลวงน่าจะเจอกับเรื่องใหญ่อีกไม่น้อย องครักษ์ลับข้างกา