อันชิงตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงกลับปฏิกิริยารวดเร็วติงหรานน่าจะคอยใส่ใจเรื่องราวของอันชิงมาโดยตลอด เรื่องนั้นที่โหวอาวุโสน้อยอี้ก่อเรื่องไว้ครั้งที่แล้วก็ทำเอาทั้งเมืองหลวงครึกโครมขึ้นมา เขาเองจึงได้ยินมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น ติงหรานก็น่าจะรู้เรื่องราว ผลลัพธ์ รู้ถึงบทบาทของนางในเรื่องนี้ รู้ถึงเรื่องที่นางทำ"คุณชายติงเกรงใจไปแล้ว ข้ากับอันชิงพอพบกันก็รู้สึกเหมือนเพื่อนเก่า นางตอนนี้เองก็เรียกข้าว่าพี่หญิงด้วย ไม่ต้องมากพิธี"ฟู่จาวหนิงพูดจบก็เหล่มองหยอกล้อไปทางติงหราน ติงหรานเองก็หน้าแดงระเรื่อ รู้สึกขวยเขินขึ้นมาเขาอยากจะขอบคุณฟู่จาวหนิงมาโดยตลอดแต่ตอนนี้พอถูกฟู่จาวหนิงพูดมาเช่นนี้ ติงหรานก็รู้สึกว่าตนเองถูกมองจนปรุโปร่ง จึงรู้สึกเขินขึ้นมาพอสมควรฟู่จาวหนิงไม่อยากให้ติงหรานเห็นว่าอันชิงเป็นสิ่งที่เขาครอบครอง ก่อนหน้าที่พวกเขาจะสานความสัมพันธ์จนสมบูรณ์ ก็ถือว่าเตือนขึ้นมาเสียหน่อยแน่นอน เขาเองก็ไม่ได้คิดมาก นี่ก็ถือเป็นเรื่องดี"นั่งลงพูดคุยกันเถอะ"พอเห็นติงหรานเอาแต่ยืน มือของนางก็ค่อยๆ กดต่ำติงหรานจึงนั่งลงฟู่จาวหนิงแอบถอนหายใจ นางเองก็ทำตัวสนิทสนมมากแล้ว พยายามกดความ
"แม่นางอันพอเห็นก็เป็นคนที่ดูกตัญญูและเอาใจใส่ จะต้องเป็นคนที่มือไม้คล่องแคล่วชำนิชำนาญเป็นแน่ แต่ว่าพี่ชายกับพี่สะใภ้ใหญ่ของข้าก็เคยบอกมาแล้ว ว่าถ้าติงหรานต้องแต่งงาน พวกเขาก็หวังว่าจะได้เห็นสามีภรรยารักใคร่กลมเกลียว เกื้อกูลกันและกัน มีชีวิตที่ดีและสุขสบายใจก็เพียงพอแล้ว""ข้าอยากจะถามหน่อย" อันชิงตอนนี้ก็รวบรวมความกล้าขึ้นแล้ว มองไปทางติงหราน "ท่าน ท่านหลังจากนี้จะรับภรรยามาอีกกี่คน? ตอนนี้ ตอนนี้มีสาวใช้ในห้องนอนหรือไม่กัน?"นี่เป็นสิ่งที่นางอยากจะถามมากพี่ชายบอกว่า ตนเองอยากจะรู้เรื่องอะไรก็ถามออกไปตรงๆเรื่องที่นางอยากรู้มากที่สุดก็คือเรื่องนี้ติงหรานมองนาง "ข้าจะไม่รับภรรยาอีก พ่อของข้าก็มีแต่แม่ของข้าคนเดียว พ่อของข้าพูดอยู่เสมอ ในบ้านให้ง่ายดายหน่อย ชีวิตก็จะสบายลง พวกเราทั้งบ้านมีความสุข ก็ไม่จำเป็นต้องรับคนมาอยู่ด้วยกันให้มากเรื่อง ดีแต่จะทำให้วุ่นวาย ข้าเองก็คิดเช่นนี้มาตลอด""แล้วข้าก็ไม่มีสาวใช้ในห้องนอนด้วย ก่อนหน้านี้แม่ข้าเคยจัดแจงเรื่องหมั้นหมายให้ข้า แต่ก็ถอนหมั้นไปด้วยเหตุผลบางอย่าง"สะใภ้รองติงมองพวกเขา เอ่ยขึ้นว่า "ติงหรานไม่ชอบพูดให้ร้ายคนอื่นน่ะ ให้ข้าพ
"เดิมทีมันก็ใช่! ข้าตอนนั้นบอกว่าจะพาแม่ของข้าไปใช้ชีวิตด้วยกัน พวกท่านก็ตอบรับแล้วนี่ ข้าบอกให้พ่อกับแม่เขาย้ายออกไป ทิ้งบ้านตระกูลติงไว้ให้พวกเราอยู่ พวกท่านก็รับปากแล้ว!"เริ่นหมิ่นเซียงจ้องติงหราน"นั่นเป็นเพราะบ้านตระกูลติงของพวกเราอยากให้ติงหรานแต่งงานอย่างราบรื่น พอคิดถึงความกตัญญูของท่านที่คิดจะพาแม่มาอยู่ด้วยกัน อันนี้ก็ยังเข้าใจได้ พวกท่านชอบบ้านตระกูลติง พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่ข้างยังคิดว่าพวกเขายังมีเรือนเล็กอยู่ สามารถย้ายออกไปได้ พวกเขายอมถอยให้ก้าวแล้วก้าวเล่า เพราะหวังว่าท่านกับติงหรานจะมีวันคืนที่ดีร่วมกัน"สะใภ้รองติงตอนนี้ใบหน้าโกรธเคืองขึ้นแล้วจริงๆนางคิดไม่ถึงเลยว่าเริ่นหมิ่นเซียงตอนนี้ยังมีหน้ากระโจนเข้ามาอีก ยิ่งไปกว่านั้นยังมาอาละวาดแบบนี้ อาละวาดต่อหน้าพระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรื่องหนึ่ง แต่ถ้ามาทำให้แม่นางอันโกรธจนออกไป พังงานดูตัวของติงหรานเข้าล่ะ นางอยากจะฉีกเริ่นหมิ่นเซียงเป็นชิ้นๆ จริงๆ"เดิมทีบ้านของพวกเราก็อยากให้พวกท่านได้มีชีวิตที่ดี แต่ใครจะรู้ว่าพูดกันไว้ดิบดี ท่านกลับเอาแต่จะถอนหมั้น ไม่เช่นนั้นจะแฉความลับข้อบกพร่องอะไรของติงหรานออกมา ติงหรานของพวก
"ข้าจะขอเตือนพวกท่าน! ติงหรานเป็นคู่หมั้นของข้า พวกเรายังไม่รีบไสหัวไปอีกหรือ? ไม่เคยเห็นใครหน้าไม่อายเท่านี้มาก่อน ถึงกับฝ่าฝืนคำแม่สื่อของพ่อแม่ แล้วแอบมาเจอกับผู้ชายส่วนตัวแบบนี้!""ท่านพูดจาเกรงใจกันด้วย"อันชิงเองก็โมโหจนลุกขึ้นยืนแล้วบอกว่านางหน้าไม่อาย นางทนได้ที่ไหน"นี่อันชิงใช่ไหม?" ชายหนุ่มที่ตามเริ่นหมิ่นเซียงมาเอ่ยปากขึ้น "น้องสาวของผู้ตรวจการอันน่ะ"เริ่นหมิ่นเซียงถลึงตาโตจ้องอันชิง"ที่แท้ท่านก็คืออันชิง? ที่ไม่ชัดเจนกับโหวอาวุโสน้อยอี้คนนั้นน่ะหรือ?""เริ่นหมิ่นเซียง!" ติงหรานตวาดด้วยความโกรธ "เจ้าจะมากเกินไปแล้ว! แม่นางอันไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย แต่เป็นเพราะเจ้าสกุลอี้นั่นมันไม่เอาไหน! ถ้าเจ้ายังกล้าลบหลู่นางอีกเพียงน้อย ข้าจะไม่เกรงใจเจ้าแล้วนะ!""ท่านไม่เกรงใจข้าแล้วหรือ? ติงหราน เดิมทีท่านก็มาลอบนัดพบกับอันชิงใช่ไหม? ไม่ใช่หญิงสาวคนนั้น ท่านจะแต่งงานกับอันชิงหรือ? ท่านบ้าไปแล้วใช่ไหม ท่านรู้ไหมว่านางชื่อเสียงเป็นอย่างไร" เริ่นหมิ่นเซียงเห็นเขาปกป้องอันชิงเช่นนี้ก็เข้าใจขึ้นมา"ชื่อเสียงของนางขาวบริสุทธิ์อย่างมาก! ไม่รู้ว่าดีกว่าเจ้าตั้งเท่าไร! เริ่นหมิ่นเซ
คำพูดที่ติงหรานพูดกับเริ่นหมิ่นเซียง กดเสียงลงต่ำแล้วแต่ฟู่จาวหนิงก็หูดีเกิน ฟังครบทุกถ้อยคำไม่ขาดตกบกพร่องนางรู้สึกว่าโลกใบนี้เล็กจริงๆ ทำไมแค่มาร้านอาหารชิงเว่ยนี่ แค่อยากจะมาพบติงหรานกับอันชิง ก็ยังลากไปเกี่ยวข้องกับองค์หญิงหนานฉืออีก"ใช่ ท่านรู้ก็ดีแล้ว พ่อของข้าพูดไว้ ครั้งนี้ ฮองเฮารับสั่ง ว่าคนในเมืองหลวงที่พูดภาษาหนานฉือได้ล้วนให้เข้าวังไปร่วมงานเลี้ยง ถึงตอนนั้นแม่ข้าจะไปขอความดีความชอบต่อหน้าฮองเฮา ไม่แน่อาจจะขอให้ข้าขึ้นเป็นท่านหญิงคนหนึ่งด้วยก็ได้"เริ่นหมิ่นเซียงสมองร้อนวาบขึ้นมา นางจมอยู่กับความเป็นไปได้นี้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว รู้สึกว่าตนเองกำลังจะล่องลอย"ดังนั้นท่านก็คิดให้ดี ถือโอกาสตอนนี้ที่ข้ายังอยากแต่งงานกับท่าน ไม่พลาดโอกาสนี้ไป รอให้ข้าได้รับความดีความชอบ ถึงตอนนั้นมาคุกเข่าร้องไห้อ้อนวอนข้า ข้าก็จะไม่เหลียวมองท่านอีกเลย"ติงหรานโมโหจริงจังแล้ว"วางใจได้เลย ไม่มีทางมีวันนั้นแน่นอน ข้าทางนี้ก็จะบอกกับเจ้าให้ชัดเจนอีกครั้ง พวกเราก่อนหน้านี้ตอนที่ยังหมั้นกันก็เจอกันแค่ไม่กี่ครั้ง ข้าไม่ได้รู้สึกอะไรกับเจ้าเลย แค่อยากจะมีงานหมั้น หลังจากแต่งงานก็จะทำหน้าที่ส
"ที่แท้พวกเจ้าก็หวาดกลัวตัวตนฐานะนี้หรือ?ข้าเห็นพวกเจ้ากะเริบเสิบสานเสียขนาดนั้น ยังคิดว่าพวกเจ้าใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงเสียอีก"ฟู่จาวหนิงรู้สึกน่าขัน ออกแรงที่มือ สะบัดเริ่นหมิ่นเซียงออกไป"พระชายาอ๋องเจวี้ยนก่อนหน้านี้ก็ยืนอยู่ข้างกายอันชิงมาตลอด ตอนนั้นผู้ที่ช่วยอันชิงไว้ก็คือนาง" น้องสาวของหวางจ่างฝูตอนนี้เอ่ยเสียงต่ำกับพวกเขา"เจ้ารู้จักนางหรือ? แล้วทำไมไม่รีบบอก" เริ่นหมิ่นเซียงหน้าขาวซีดนางถอยไปหลายก้าวอ๋องเจวี้ยนนางก็ยังกลัวอยู่หลักๆ คือได้ยินว่าตระกูลเจ้า พวกโหวอาวุโสน้อยอี้ ล้วนถูกอ๋องเจวี้ยนจัดการไปหมดแล้วนางรู้สึกว่าอ๋องเจวี้ยนไม่ควรไปยุ่งด้วย"ข้าจำนางไม่ได้ แต่เคยได้ยินมา"พวกเขาสามคนล้วนถอยหลัง"ช้าก่อน"ฟู่จาวหนิงเรียกพวกเขาไว้"อาละวาดเสียขนาดนี้ก็จะไปแล้วหรือ? มานี่ มาขอโทษข้ากับอันชิงดีดีเสียก่อน""พวกเราออกไปก็พอแล้ว ทำไมต้องขอโทษด้วยกัน? ข้ายังไม่ได้ทำอะไรนางเสียหน่อย!" เริ่นหมิ่นเซียงค้านขึ้นมาด้วยสัญชาตญาณ"ไม่ได้ตี? แล้วที่เจ้าก่นด่าออกมาเมื่อครู่ล่ะ?""ก็แค่คำด่าเนื้อตัวไม่ได้สึกหรอเสียหน่อย!" เริ่นหมิ่นเซียงไม่ยอม"อย่างนั้นหรือ?"ฟู่จาวหนิ
"เริ่นหมิ่นเซียงเป็นคนชั่วร้ายไร้หัวจิตหัวใจ!""รู้จักแม่นางบื้อๆ จากตระกูลเริ่นไหม? กำเริบเสิบสานเสียเหลือเกิน ด่าคนตีคนไปทั่วแล้วยังไม่รู้จักขอโทษอีก!"คนพวกนั้นก่นด่าไปตามถนน เสียงดังลั่น เพียงครู่เดียวก็ดึงดูดคนไม่น้อยมีคนเริ่มถามขึ้นมา"เริ่นหมิ่นเซียงคนไหนน่ะ? แม่นางคนไหนกัน?""ใช่ใช่ใช่ เป็นแม่นางที่หน้าด้านแล้วก็กำเริบเสิบอย่างที่สุด""พวกเจ้ามาด่าแม่นางคนหนึ่งแบบนี้ไม่ค่อยดีกระมัง?""อืม พี่ชายคนนี้ก็พูดมีเหตุผล แต่ไม่มีทางเลือกนี่นา แม่นางเริ่นคนนี้เพิ่งจะด่าคนอื่นไปเสียๆ หายๆ แล้วยังไม่ยอมขอโทษ เอาแต่พูดว่าด่าไปไม่กี่คำเนื้อตัวก็ไม่สึกหรอเสียหน่อย ดังนั้น พวกเจ้าว่านี่ไม่ควรจะด่ากลับหรือ?""พี่ชาย ท่านว่านี่มันผิดปกติไหมล่ะ?"พี่ชายที่ดูซื่อตรงคนนั้น "...อืม ก็เหมือนจะไม่ผิดปกติจริงๆ?""ใช่ไหมล่ะ ไม่ผิดปกติตรงไหนเสียหน่อย?"คนชั้นบนได้ยินคำพูดพวกเขากันอย่างชัดเจนเริ่นหมิ่นเซียงแทบจะคลั่งไปแล้ว"พระชายาอ๋องเจวี้ยน ทำไมท่านจึงทำเช่นนี้?! ท่านทำเกินไปแล้วนะ!"ฟู่จาวหนิงผายมือออก ท่าทางดุวอนนิดๆ บางครั้งนางก็ไม่ได้มีคุณธรรมนักหรอกนะ "ก็เกินไปหน่อยจริงๆ""นี่ท่าน
"ขอรับ"คนใช้บ้านตระกูลโม่รีบตามออกไป"พวกเราขึ้นไปดูชั้นบนกัน เรียกบริกรมาถามเสียหน่อย บางทีพระชายาอ๋องเจวี้ยนอาจจะมีธุระอยู่ พวกเราก็อย่าเพิ่งเข้าไป"พวกนางมาถึงห้องหรู เรียกบริการมาถามๆ"นั่นเป็นธุระของแขก ข้าน้อยพูดมากไม่ได้" บริกรของร้านก็มีจรรยาบรรณอาชีพอยู่"พวกเราะจะไม่ถามมาก แค่จะถามว่าพระชายาอ๋องเจวี้ยนได้รับบาดเจ็บหรือถูกรังแกไหม?" ฮูหยินใหญ่โม่แค่อยากจะยืนยันจุดนี้"ไม่มี"พระชายาอ๋องเจวี้ยนเล่นงานพวกแม่นางเริ่นจนโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงออกไปแล้ว จะไปบาดเจ็บตรงไหนกัน?บริกรถูกเองก็ตกตะลึงกับวิธีการจัดการของพระชายาอ๋องเจวี้ยนเหมือนกัน"เช่นนั้นก็ดี"ฮูหยินใหญ่โม่เรียกพวกนางมา "พวกเราจะไม่รบกวนแล้วกัน มาๆๆ พวกเราสั่งกับข้าวกันก่อน"พระชายาอ๋องเจวี้ยนไม่เสียเปรียบไม่ถูกรังแกก็ดีแล้ว"เมื่อครู่พวกเราได้ยินคนพวกนั้นก่นด่าแม่นางเริ่น คงไม่ได้มาปะทะเข้ากับพระชายาอ๋องเจวี้ยนหรอกนะ?""แม่นางเริ่น? ข้าเองก็ได้ยิน เห็นว่าชื่อเริ่นหมิ่นเซียง"ฮูหยินที่นี่ มีคนหนึ่งเป็นลูกสาวของซื่อหลางกรมกลาโหม ออกเรือนกับน้องชายของขุนนางซื่อหลางกรมขุนนางเมืองหลวง"เริ่นหมิ่นเซียง?"ตระกูลโ
อ๋องฉยงพอเห็นเซียวหลันยวนเข้ามา ใจก็ขรึมลงมาแล้ว ขณะเดียวกันก็ยังแอบเคืองกับองค์จักรพรรดิไม่ใช่บอกว่าจะขวางเซียวหลันยวนไว้หรือไรกัน? ไม่ใช่ว่ามีเรื่องที่จะขังเซียวหลันยวนไว้ได้สามวันหรือ?ทำไมยังไม่ทันถึงชั่วยาม เขาก็รีบกลับมาแล้วกัน?ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย!เซียวหลันยวนหันตัวกลับมาอ๋องฉยงรู้สึกใจสั่นวาบกับหน้ากากของเขาเจ้าเด็กที่เหมือนจะตายแหล่มิตายแหล่ตอนนั้น ดันโตขึ้นมาได้อย่างยากลำบาก แล้วยังดีมีท่วงท่าทรงพลังเสียด้วย"หลันยวน เมื่อครู่เจ้าหมายความว่าอย่างไร?" อ๋องฉยงเสียงขรึม ตัดสินใจลงมือก่อน "นี่เจ้ายิงธนูใส่ข้ารึ!""เจ้าไม่รู้หรือว่าหมายความว่าอะไร?"เซียวหลันยวนเสียงเย็นเยียบ "แน่นอนว่าสั่งสอนเจ้าน่ะสิ""เจ้า! เจ้าบังอาจ! ถ้าข้าเป็นอะไรไป บาดเจ็บหรือว่าตายไป เจ้าก็ไม่ต้องมีชีวิตอยู่แล้ว!""จะลองดูไหมล่ะ?" น้ำเสียงเซียวหลันยวนขรึมเย็นชา"ลองอะไร?""ลองว่าถ้าข้าสังหารเจ้าแล้ว จะยังมีชีวิตต่อไปได้ไหม"พอพูดจบ จิตสังหารบนตัวเขาก็พุ่งเข้ามาอย่างแรงกล้า แม้จะไม่มีลม ไม่มีการขยับ แต่อ๋องฉยงกับองครักษ์ข้างกายเขาก็ยังถอยออกไปก้าวหนึ่งพร้อมกันพวกเขาล้วนสัมผัสได้ถึงแรง
"บังอาจ! ทำไมจึงมาพูดกับอ๋องอย่างข้าเช่นนี้?!" องครักษ์ข้างกายอ๋องฉยงชักกระบี่ออกมาส่วนทางนี้ สืออีกับไป๋หู่ก็ชักกระบี่ทันที เดินขึ้นหน้ามาก้าวหนึ่งชั่วพริบตา ก็ชักกระบี่ง้างธนูกันแล้ว บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาอ๋องฉยงชะงักไป ยื่นมือไปกดกดด้ามกระบี่องครักษ์ลง หัวเราะเหอะๆ ขึ้น "เสียมารยาทกับผู้อาวุโสจี้ไม่ได้""ขอรับ!" องครักษ์ของเขาถอยลงไปทันทีผู้อาวุโสจี้ไม่ได้ผ่อนคลายลงแม้แต่น้อย กลับยิ่งดำกว่าเดิม"ข้าเองก็เป็นคนของราชวงศ์ เป็นครอบครัวเดียวกับอายวน จึงเป็นครอบครัวเดียวกันกับจาวหนิงด้วยเช่นกัน ผู้อาวุโสจี้ ความสัมพันธ์นี้ยังใกล้ชิดกว่าท่านเสียอีกนะ จริงไหม จาวหนิง?"อ๋องฉยงถาม ยังเขย่งเท้ายื่นหน้า อยากจะมองไปทางฟู่จาวหนิงที่ถูกคนบังเอาไว้อีกคนเหล่านี้ขวางหูขวางตาจริงๆ แต่ละจะมาขวางหน้าเขาไว้ทำไมกัน?เขามาเมืองหลวงได้ครึ่งปี เพราะสถานที่ไม่ถูกต้อง แล้วยังกลัวคนอื่นจะจับผิดอีก ก่อนหน้าที่นางจะได้เจรจาเงื่อนไขกับองค์จักรพรรดิ เขายังก่อเรื่องอะไรจนถูกไล่ออกจากเมืองหลวงไม่ได้ ดังนั้นครึ่งปีนี้เขาจึงชุบตัวใสสะอาด ไม่ได้ข้องเกี่ยวกับหญิงสาวคนไหนเลยแต่เดิมทีเขาก็อยู่ห่างจนคนสวย
ฟู่จาวหนิงไม่รู้เลยว่าองค์จักรพรรดิมีแผนร้ายอะไรขึ้นมาอีกแล้วนางกับผู้อาวุโสจี้อยู่ในเขาจันทร์ลับขุดสมุนไพรมาได้ไม่น้อยเลยตอนนี้กองหิมะยังไม่ละลาย แต่ยังดีที่พวกเขาสองปีก่อนเคยขุดมาแล้วครั้งหนึ่ง วัตถุดิบยาส่วนใหญ่จำได้แล้วว่าขึ้นอยู่ตรงไหน ผ่านการเติบโตมาสองปี จุดที่เคยถูกพวกเขาขุดไปก็งอกขึ้นมาใหม่กันแล้วสถานที่เหล่านั้นหลายจุดไม่มีหิมะทับถม นางพาพวกไป๋หูมาก็ล้วนได้ใช้งานทั้งสิ้นสิ่งที่ขุดขึ้นมาตอนนี้คือวัตถุดิบยาที่ทนอากาศหนาวได้ และยังมีบางส่วนที่ดูเหมือนพวกเปลือกไม้ด้วยในช่วงสองวันนี้ ผู้อาวุโสจี้เองก็ทำเวลารีบสอนให้กับนาง ให้นางได้รู้จักกับวัตถุดิบยาที่มากขึ้นไปอีกสองวันต่อมาพวกเขาก็กวาดเก็บจนเต็มที่แล้วลงจากเขา แต่ก็ได้เห็นอ๋องฉยงที่กำลังก่อกองไฟตั้งกระโจมอยู่อ๋องฉยงน่าจะได้ยินการเคลื่อนไหว จึงออกจากกระโจมมารอแล้วพอเห็นขบวนคนล้วนแบกตะกร้ายากันเต็ม ดวงตาเขาก็เปล่งประกายแล้วก็เห็นฟู่จาวหนิงที่อยู่ในกลุ่มนี้ต่อให้เข้าไปขุดยาในเขาถึงสองวัน นางก็ไม่ได้ดูซมซานแต่อย่างใด แค่เหลือบมองในกลุ่มคนนั้นก็เห็นนางได้ทันทีพระชายาอ๋องเจวี้ยนคนนี้ งดงามจนโดดเด่นจริงๆแล้วยังท
พระชายาเยว่ดูเหมือนอยากจะอาเจียน ถึงอย่างไรนางก็ยังเป็นสาวสะพรั่งสวยสด อายุขององค์จักรพรรดิมากกว่าพ่อนางเสียอีก แล้วตอนนี้ยังมีสภาพนี้อีกพริบตานี้เอง นางก็รู้สึกอยากจะรับปากแม่นมเยว่ขึ้นมา"พระชายาเยว่ ทำของว่างอะไรมาหรือ?" องค์จักรพรรดิยิ้มให้กับพระชายาเยว่ จนมีรอยย่นเพิ่มขึ้นมา "ข้าเองก็หิวแล้วเหมือนกัน"พระชายาเยว่กดอารมณ์นั่นลงไปก่อน ยกของว่างเข้ามา "องค์จักรพรรดิ ข้าทำขนมเป๋าฮื้อหัวไชเท้ามา เสวยตอนที่ร้อนๆ เถิด""ดีเลย ไม่ใช่ของหวาน กินแล้วกระเพาะไม่รู้สึกแย่"องค์จักรพรรดิพอใจมาก ช่วงนี้ท้องเขาก็ใหญ่ขึ้น เข็มขัดแทบจะคาดไม่ได้แล้ว กินแต่ของหวานคงไม่ดีนัก"องค์จักรพรรดิชอบก็เสวยให้เยอะหน่อย หม่อมฉันรินชาให้"พระชายาเยว่อยู่ดื่มกินเป็นเพื่อนกับฝ่าบาท สนทนาด้วยครู่หนึ่ง จึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปบนตัวอ๋องฉยงอย่างตั้งใจและไม่ตั้งใจ"อ๋องฉยงจะอยู่ในเมืองหลวงตลอดเลยหรือไม่? ฝ่าบาท หม่อมฉันค่อนข้างกังวล ว่าพระชายาอ๋องฉยงจะไล่ตามมาหรือไม่?""ไม่หรอก" องค์จักรพรรดิเอ่ยยืนยันขึ้นมา"หม่อมฉันได้ยินว่าพระชายาอ๋องฉยงกวดขันอ๋องฉยงเข้มงวดมาก นี่เพราะรักอ๋องฉยงหรือเปล่า?""รักอะไรกัน เป็
พระชายาเยว่รู้สึกว่า แม่นมเยว่อดทนอยู่ในวังมายี่สิบปี คงวางแผนงานใหญ่อะไรอยู่นางถึงแม้จะเคยเห็นฝีมือแม่นมเยว่มาบ้างแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกว่าแม่นมเยว่เองก็ไม่ได้มีฝีมือมากขนาดนั้น ถ้าหากนางร้ายกาจจริง จำเป็นต้องมาซุ่มอยู่ในวังหลวงยี่สิบปี แต่ก็ยังทำเรื่องไม่เสร็จแบบนี้หรือ?แม่นมเยว่น่าจะเป็นยอดฝืมือในการใช้ยา ยิ่งไปกว่านั้นยังยอดเยี่ยมในด้านการสกัดยาชนิดนั้น ยาที่ไม่ใช่เรื่องที่น่าภูมิใจเท่าไร ถึงอย่างไรก็ทำให้แค่ผู้ชายมีความสุขล่องลอยได้มากเท่านั้น ทำเรื่องใหญ่โตอะไรให้สำเร็จไม่ได้ตอนนี้ นางได้รับความโปรดปรานจากองค์จักรพรรดิแล้ว ยังต้องคอยฟังแม่นมเยว่อยู่อีกหรือ?แต่ถ้าแม่นมเยว่ก็มีวิธีการที่จะให้องค์จักรพรรดิรับมือกับอ๋องเจวี้ยนจริงล่ะ?จะว่าไป ยาชนิดนั้นของแม่นมเยว่ ถ้าหากใช้กับอ๋องเจวี้ยน ไม่รู้ว่าจะมีประสิทธิผลไหมชั่วขณะหนึ่ง พระชายาเยว่คิดไปร้อยแปดจากนั้นนางก็ไปที่ครัวเล็ก ลงมือทำของว่างขึ้นมาถาดหนึ่ง เปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งเนื้อแต่งตัวอย่างประณีต ยกของว่างเข้าไปในห้องหนังสือหลวงองค์จักรพรรดิเพิ่งฟังรายงานลับจบเขาให้คนจับตาดูคอยจับตาดูการเคลื่อนไหวของคนหลายคนในเมืองหลวง
"จุ๊ๆ เรื่องนี้..." พระชายาเยว่คิดๆ ยังไม่รู้จะจัดการอย่างไรก่อนดีชั่วคราว"เจ้ากลับไปอยู่ข้างๆ เฉินฮ่าวปิงก่อนแล้วกัน คอยจับตาดูนางไว้ มีเรื่องอะไรก็มาบอกกับข้า" พระชายาเยว่รู้สึกว่าตอนนี้ใช้งานชิวอวิ๋นไปก่อนแล้วกัน ถึงอย่างไรนางก็ไม่มีตัวเลือกอื่นแล้ว"่เจ้าค่ะ"รอจนชิวอวิ๋นออกไป พระชายาเยว่ก็เรียกคนเข้ามาคนคนนี้ดูแล้วปกติดี แต่ว่าการเดินเหินในวังนั้นไม่ถูกใครสังเกตหรือสนใจเลยเป็นแม่นมที่หน้าตาธรรมดาคนหนึ่ง"แม่นมเยว่ เมื่อครู่เจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม?"แม่นมเยว่คนนี้ก้มหน้าต่ำเล็กน้อย เอ่ยขึ้นน้ำเสียงราบเรียบ"ได้ยินแล้วพะย่ะค่ะ""เรื่องนี้ ควรจะเผยกับองค์จักรพรรดิไหม?""ได้พะย่ะค่ะ""แต่ถ้าองค์จักรพรรดิรู้ อาจจะกริ้วอย่างรุนแรงได้ อ๋องฉยงที่มีความคิดไม่ดีกับพระชายาอ๋องเจวี้ยน เรื่องนี้ถ้าลือออกไปจะไม่ดีกับราชวงศ์""เรื่องนี้มีประโยชน์กับการที่พวกเราจะสืบค้นระดับความอดทนของจักรพรรดิต่ออ๋องฉยงได้ว่าอยู่ที่ไหน เพราะอะไรอ๋องฉยงจึงยังอยู่ในเมืองหลวง เรื่องนี้ยังต้องตรวจสอบให้ชัดเจน""เนื้อหาการคุยกันของอ๋องฉยงกับองค์จักรพรรดิทำไมจึงเปิดเผยไม่ได้" พระชายาเยว่ถอนหายใจ"ดังนั้น
"อะไรนะ?!"พระชายาเยว่พอได้ยินประโยคนั้นของชิวอวิ๋น ทิ้งมารยาทอะไรไปเกือบหมดจนแทบกระโจนขึ้นมา"เจ้าอย่ามาพูดมั่วซั่วนะ! ถ้าให้คนอื่นได้ยินข้าเองก็ช่วยเจ้าไม่ได้!"อันที่จริงนางเองก็ไม่อยากได้ชิวอวิ๋นแล้ว ดูแล้วเหมือนทำเรื่องอะไรก็ไม่สำเร็จ ไร้ประโยชน์สิ้นดีแต่ว่าตอนนี้พอได้ยินชิวอวิ๋นพูดประโยคนี้ออกมา ก็ทำเอานางลืมเรื่องที่จะโยนชิวอวิ๋นทิ้งไปทันที"เป็นเรื่องจริง พระชายา เรื่องนี้ถ้าไม่ได้ยินเองกับหู ข้าน้อยจะกล้าแต่งขึ้นมาได้อย่างไรกัน?" ชิวอวิ๋นรีบพูด"อ๋องฉยงชอบพระชายาอ๋องเจวี้ยนรึ?""พะย่ะค่ะ ตอนที่ออกมาจากวังราชนิเวศน์ ข้าไปเจอที่หน้าประตูใหญ่"พระชายาเยว่คิดถึงใบหน้า รูปร่างของฟู่จาวหนิง ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เชื่อ"ได้ยินว่าอ๋องฉยงเป็นพวกชื่นชอบสาวงาม ไม่เช่นนั้นพระชายาอ๋องฉยงคงไม่คุมเขาไว้อย่างเข้มงวด ราวกับอยู่ในคุกแน่นอน"เพราะพอหย่อนยาน ไม่ทันระวังหน่อย อ๋องฉยงก็อาจจะไปหลับนอนกับสาวสวยคนไหนแล้วก็คอยเลี้ยงไว้ด้านนอกแต่พระชายาอ๋องฉยงเข้มงวดเสียขนาดนั้นแล้ว อ๋องฉยงก็ยังมีอวิ๋นจูกับเฉินฮ่าวปิงลูกนอกสมรสสองคนนี้ได้ที่โตแล้วมีอยู่สองคน แล้วที่ยังไม่โตล่ะ? อธิบายได้ว่าอ๋อง
"ข้าต้องการวัตถุดิบยาเหล่านี้เดิมทีก็จะให้นางส่งไปที่เมืองเจ้อ แล้วนางปฏิเสธเอง เดิมทีนี่เป็นความคิดของข้า! ท่านบอกว่าข้ารับมือไม่ไหว นางเองก็ไม่ใช่ว่าพึ่งพาคนอื่นหรือ ก็แค่เพราะนางแต่งงานกับอ๋องเจวี้ยนที่มีอำนาจ! ท่านให้นางเอาอ๋องเจวี้ยนให้ข้าสิ! ถ้าหากข้าเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยน ข้าเองยังทำได้ดีกว่านางเสียอีก!"ต่งฮ่วนจือถูกเสียงแหลมของนางแผดใส่จนปวดหูไปหมดแล้วเขามองอย่างตกตะลึงไปทางเฉินฮ่าวปิง ก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้มาก่อนว่านางเป็นคนแบบนี้"เจ้าคิดว่าที่ศิษย์น้องหญิงมีความสามารถขนาดนี้ เป็นเพราะแต่งงานกับอ๋องเจวี้ยนหรือไรกัน?""แล้วไม่ใช่หรือ? นางก็แค่พึ่งพาอ๋องเจวี้ยนเหมือนกัน ด้านหลังมีต้นไม้ใหญ่ให้พักพิงร่มเย็น! ถ้าหากไม่ใช่อ๋องเจวี้ยน ตอนนั้นที่นางถอนหมั้นกับรัฐทายาทเซียวไปก็คงจะเอาตัวไม่รอดแล้ว ต่อมานางจะได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์เรียนหมอจนเข้าพันธมิตรโอสถได้อย่างไรกัน?!"ต่งฮ่วนจือมองนางลึกๆ ส่ายหัวถอนหายใจ"บนโลกนี้ไม่มีรัฐทายาทเซียวอีกแล้ว"ขนาดรัฐทายาทเซียวไม่อยู่แล้ว ก็ยังไม่รู้หรือ?"ช่างเถอะ วันนี้เจ้าเป็นท่านหญิงไปแล้ว ข้าก็แค่ประชาชนธรรมดา ช่วยอะไรไม่ได้หรอก ขอตัวแค่นี้
พอเห็นสีหน้าเฉินฮ่าวปิง ใจของต่งฮ่วนจือก็เย็นลงมาทันทีทั้งที่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฟู่จาวหนิงแล้วแท้ๆ แต่ว่าตอนนี้ เฉินฮ่าวปิงก็ยังใช้ประโยชน์จากเขา คิดจะให้เขาขัดขวางศิษย์น้องหญิงต่อให้เป็นเรื่องที่เหลวไหลแบบนี้ นางก็ยังพูดออกมาโดยไม่หนักใจ แล้วขอให้เขาทำตามสิ่งที่นางต้องการต่งฮ่วนจือมองไปทางฮูหยินเฉิน เขายังดูคาดหวังอยู่ถึงอย่างไรฮูหยินเฉินก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว น่าจะรู้จักขอบเขตบ้างกระมัง?"เจ้าเองก็คิดแบบนี้หรือ? จะให้ข้าเก็บวัตถุดิบยาไว้จนกว่าฮ่าวปิงจะรวมเงินได้?"ฟังเอาเถอะ เขาพูดซ้ำออกมาอีกรอบหนึ่งก็ยังรู้สึว่าเป็นเรื่องไร้สาระเลยฮูหยินเฉินขมวดคิ้ว มองนางด้วยสายตาเศร้าๆแต่ก่อนพอเห็นสีหน้าเช่นนี้ของนาง ต่งฮ่วนจือก็จะรู้สึกปวดใจ อยากจะปกป้องนางขึ้นมา เขารู้ ว่านางเป็นผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง มีลูกสาวติดหนึ่งคน คอยหนีคนตามล่าอยู่ตลอด มันลำบากแค่ไหนถ้าหากเป็นไปได้ เขาเองก็อยากจะยืนบังลมบังฝนให้นาง เพราะแรกสุดเขารู้สึกชื่นชมนาง ชื่นชมความแข็งแกร่งและความรักของแม่จากตัวนางแต่สีหน้าต่อตัวเขาของฮูหยินเฉินตอนนี้ ต่งฮ่วนจือจู่ๆ ก็คิดขึ้นมาว่า อ๋องฉยงถึงอย่างไรก็หาพวกนางเจอแ