ถึงอย่างไรพวกเขาก็ยังรอนางที่นี่กว่าครึ่งเดือน คงจะว่างเอามากๆ"เจ้าเข้าไปเถอะ เดี๋ยวข้าจะเฝ้าด้านนอกให้ ให้พวกเขาออกไปหมดแล้ว" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นเสียงต่ำฟู่จาวหนิงมองไปรอบๆ แล้วก็พบว่าไม่เห็นใครแล้วอันที่จริงนางอาบน้ำอยู่ด้านในก็มองไม่เห็นอยู่แล้ว แต่เซียวหลันยวนให้พวกเขาทั้งหมดถอยออกไป กระทั่งเสียงน้ำที่นางอาบพวกเขาก็ไม่ได้ยินอันที่จริงก็ไม่จำเป็นต้องขนาดนี้ แต่เขามีความคิดเช่นนี้ ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่พูดอะไรอีก รีบเข้าไปอาบน้ำเซียวหลันยวนคอยเฝ้าอยู่ไม่ห่างได้ยินเสียงน้ำรางๆ อารมณ์ก็ซับซ้อนขึ้นมาฟู่จาวหนิงไม่นานก็อาบเสร็จเดินออกมา "ข้าจะไปนอนก่อนนะ""ได้"นางเข้าไปในกระโจม พอทิ้งตัวลงนอนก็ได้กลิ่นของเซียวหลันยวนฟู่จาวหนิงเข้าใจขึ้นทันที นี่คือกระโจมที่เซียวหลันยวนนอน พวกเขาน่าจะยังไม่ได้เตรียมให้นางโดยเฉพาะกระมัง?ดูจากที่นี่แล้ว มีหมอนสองใบ นางนิ่งงันพรุ่งนี้ต้องรีบเก็บกวาดแล้วเดินทางนางเองก็เหนื่อยแล้วจริงๆ เพียงครู่เดียวก็หลับปุ๋ยไปผ่านไปพักหนึ่ง ชิงอีพวกเขาจึงกลับเข้ามา พวกของไป๋หู่เองก็ไปนอนแล้ว พวกของชิงอีก็ไปเตรียมอาหารค่ำกัน"ท่านอ๋อง ท่านจะเข้าไปพักผ่
"ข้าวเย็นทำเสร็จแล้ว รีบลุกขึ้นมากินเถอะ ข้าไปก่อนนะ" พูดจบคำนี้ เซียวหลันยวนก็ออกไปทันที"เซียวหลันยวน ท่านหยุดก่อน!" ฟู่จาวหนิงลุกขึ้นนั่งแต่เซียวหลันยวนกลับรีบฉากตัวออกไป เหมือนถูกผีวิ่งไล่อย่างไรอย่างนั้นโมโหจนฟู่จาวหนิงหยิบหมอนเล็กฟาดออกไปพวกของชิงอีก็มองเข้ามาพอดี และเห็นอ๋องเจวี้ยนหนีออกมาเหมือนกำลังวิ่งหนีอยู่อย่างไรอย่างนั้น จากนั้นก็มีหมอนลอยออกมา ตกมาอยู่บนพื้นด้านหลังเขาพวกเขาถลึงตาโตอ้าปากค้าง"ท่านอ๋อง นี่ท่าน?"เซียวหลันยวนแฉลบตัวผ่านไป เหลือบมองพวกเขาผาดหนึ่ง "หุบปาก"เขาหน้าขรึมเดินไปข้างๆ เดิมทีคิดจะออกไปแล้ว แต่ว่าคิดๆ แล้วก็วกกลับมา ไปหยิบชามใบหนึ่งไปตักแกงโสมไก่ป่าไปให้ฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงโมโหจนเข็ดฟันเซียวหลันยวนก่อนหน้านี้ไม่ใช่นิสัยแบบนี้นี่นา ก่อนหน้านี้เขามีอะไรก็พูดตรงๆ แล้วยังบอกอย่างเย็นชาว่าจะเก็บนางไว้รอฟู่หลินซื่อกลับมา จะคอยทำร้ายนางกระตุ้นนาง บีบบังคับนางผลลัพธ์ตอนนี้ทำไมเจอเรื่องแล้วจึงหนีกัน?ฟู่จาวหนิงโมโหอยู่พักหนึ่ง ไป๋หู่ก็เรียกนางออกมากินข้าว นางก็หัวฟัดหัวเหวี่ยงเก็บข้าวของแล้วเดินออกมา"พระชายา นี่คือน้ำแกงไก่ที่ท่านอ๋องนำม
หลังจากสกัดยาเสร็จ ฟู่จาวหนิงจึงไปหาเซียวหลันยวนด้วยตัวเอง เอายาลูกกลอนขวดนั้นให้กับเขายาลูกกลอนเหล่านั้นทำมาไม่ใหญ่นัก แต่สิบหกเม็ดก็เป็นขวดใหญ่อยู่ยาเหล่านี้ด้านนอกสกัดไม่ได้ มีส่วนผสมมากมายที่ต้องใช้เครื่องมือสกัดและเติมเข้าไป ดังนั้นยาลูกกลอนนี้จึงน่าจะมีแค่นางที่สกัดออกมาได้ยิ่งไปกว่านั้นอย่าเห็นว่าเป็นแค่เม็ดเล็กๆ แต่วัตถุดิบยาที่จำเป็นต้องใช้มีไม่น้อยเลยเซียวหลันยวนมองอยู่ตลอด นางมักจะใช้หญ้าสมุนไพรเป็นจำนวนมาก นำขึ้นไปบนรถม้าก่อน ต่อมาจึงทิ้งเศษยาถุงใหญ่ออกมาและไม่รู้ว่านางใช้อะไรในการทำยาเขาจะรู้ได้อย่างไรว่านางแค่นำมากลั่นกรองเท่านั้น?"ยาเหล่านั้นที่นำมาอาบ หลังจากกลับไปจะแยกเป็นห่อๆ ให้ท่าน ทุกวันให้คนต้มมา แล้วท่านก็คอยระวังด้วย อย่างน้อยสิบห้าวันแรกห้ามขาดช่วง"นางพูดเช่นนี้ รู้สึกเหมือนหลังจากกลับไปนางก็จะไม่อยู่ที่จวนอ๋องเจวี้ยนอย่างไรอย่างนั้นเซียวหลันยวนรับขวดยานั้น พยักหน้า"จริงด้วย" ฟู่จาวหนิงมองเขาผาดหนึ่ง "แผลเป็นพิษนี้ใบหน้าท่าน ตอนนี้ก้ไม่เหมาะจะใช้หน้ากากแล้ว ดังนั้น หลังจากกลับไปถ้าหากต้องพบกับผู้คน"ก็คิดเอาเองแล้วกัน"ข้าจะไม่ออกจากจวน" เ
จะจับฟู่จาวหนิง ก็ต้องดูว่านางสำคัญแค่ไหนในใจอ๋องเจวี้ยน"อ๋องเจวี้ยน เป็นห่วงฟู่จาวหนิงขนาดนั้นเลยหรือ?" ฮองเฮาถามคำถามนี้ออกมา"ช่วงนี้ จวนชินอ๋องเซียวก็วุ่นวายเสียจนไม่ติดต่อใครทั้งนั้น" นางกำนัลอาวุโสโค้งตัวเติมน้ำชาให้กับนาง เอ่ยขึ้นเสียงต่ำว่า "เพราะพระชายาอ๋องเจวี้ยนเดิมทีเป็นคู่หมั้นของรัฐทายาทเซียว ตอนนั้นเองก็กลายเป็นที่ขบขันไปทั้งเมืองเพราะไล่ตามรัฐทายาทเซียวเพคะ""อืม เรื่องนี้ข้าเองก็รู้อยู่"ตอนนั้นฮองเฮาเองก็หัวเราะเยาะฟู่จาวหนิงไปไม่น้อย เอาแต่วิ่งตามรัฐทายาทเซียวอย่างไร้ยางอาย แล้วยังคิดจะบีบให้รัฐทายาทเซียวอภิเษกด้วยอีก"นางกับรัฐทายาทเซียวอภิเษกกันวันนั้นยังไปขวางถนนแล้วขอถอนหมั้น แล้วหันไปออกเรือนกับอ๋องเจวี้ยนแทน ไม่รู้ว่ามีคนมากขนาดไหนที่อยากเห็นนางปล่อยไก่เรื่องที่ใหญ่กว่านี้ อยากเห็นว่านางที่หน้าด้านไร้ยางอายมุดเข้าไปในจวนอ๋องเจวี้ยนสภาพนั้น จะมีจุดจบน่าเวทนาแค่ไหน""แต่ก็คิดไม่ถึงเลย ว่ารอไปรอมา รอจนถึงตอนนี้กลับกลายเป็นจวนชินอ๋องเซียวเสียเองที่ปล่อยไก่ รัฐทายาทเซียวกับหลี่จื่อเหยาน่าเวทนายิ่งกว่า ได้ยินว่ารัฐทายาทเซียวเมื่อวานนี้ไปในห้องภรรยารอง ผลคือภรร
ในจวนอ๋องเจวี้ยนขนาดคนใช้คนหนึ่งก็ยังไล่กัดคนได้ ใครจะรู้ว่าพอเซียวหลันยวนกลับมาจะพูดอะไรกับเขาบ้าง"ท่านฮองเฮา หลักๆ คือดูจากร่องรอยต่างๆ แล้ว อ๋องเจวี้ยนน่าจะชอบฟู่จาวหนิงเข้าแล้วจริงๆ"ฮองเฮาใจสั่นกึก นางไม่อยากจะยอมรับจุดนี้ แต่ก็อดไม่ยอมรับไม่ได้"เซียวหลันยวนแต่ก่อนก็ดูเหมือนคนที่ใกล้จะออกบวชกลายเป็นเทพเซียน เข้าใกล้ไม่ได้เลย ไม่คิดจริงๆ ว่าเขาจะไปชอบกับหญิงสาวต่ำๆ คนหนึ่งแบบนี้"ฟู่จาวหนิงนี่เป็นภูตจิ้งจอกจริงๆ"ฮองเฮา เรื่องนั้น""ครั้งนี้จะต้องทำให้สำเร็จ" ฮองเฮาพอคิดถึงคนเหล่านั้นที่ตายไปจากการที่ภารกิจล้มเหลวในครั้งที่แล้ว ก็ปวดใจราวกับถูกควักออกมาทั้งก้อนอย่างไรอย่างนั้นฝึกฝนมาตั้งนานนม ทุ่มลงไปตั้งเท่าไร จ่ายเงินไปตั้งเท่าไร คาดหวังไปตั้งเท่าไร!เตรียมทหารแรมปีเพื่อจะใช้เพียงชั่วครู่ คิดจะใช้ในโอกาสที่เหมาะที่สุด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ได้รับผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แต่สุดท้ายดันพลังทลายไปทั้งหมด!ถูกสังหารทิ้งไม่เหลือ แม้แต่คนเดียว!ขนาดจดหมายกลับมาสักฉบับก็ยังไม่มี แล้วยังเป็นพวกนักสืบที่นางส่งออกไปภายหลังถึงพบด้วยอีกหลังจากได้รับข่าวนี้ ฮองเฮาก็อั
ฟู่จาวหนิงอยากจะบอกเขาว่าจะไปงานประชุมหมอใหญ่ แต่ก็รู้สึกว่าตอนนี้ยังไม่จำเป็นต้องพูด รอตอนจะไปแล้วค่อยบอก ตอนนี้พูดขึ้นมาจะกลายเป็นเหมือนนางพาเรื่องคุยกับเขาพวกเราตลอดทางนี้ก็ไม่ค่อยได้พูดคุยกันเท่าไรเซียวหลันยวนหลังจากถามไปสองคำพอเห็นนางไม่พูดอะไรอีก ก็ไม่รู้ว่าควรจะไปต่ออย่างไร"พอผ่านภูเขานี้ พวกเราสามารถพักที่เมืองชิงเหยาด้านล่างภูเขานี้สักคืนหนึ่งได้ พรุ่งนี้ค่อเดินทางต่อ""ได้"ฟู่จาวหนิงไม่มีความเห็นต่างพวกเขาเองก็เข้าเมืองกินอาหารร้อนๆ ป้อนอาหารให้ม้าแล้วให้ม้าได้พักผ่อนบ้างเหมือนกัน นอนบนเตียงดีดีสักคืนหนึ่งตอนที่พวกเขาผ่านเมืองชิงเหยาครั้งที่แล้วไม่ได้เข้ามาหยุดพัก ตอนนั้นทำเพื่อสะบัดพวกคนที่แอบตามมาเหล่านั้นออกพอถึงช่วงพลบค่ำ ขบวนก็เข้าไปในเมืองชิงเหยาที่นี่ถือว่าเป็นเมืองที่ค่อนข้างใหญ่อยู่ เพราะอยู่ที่ตีนเขาชิงเหยา รอบด้านมีทางให้ไปทั้งหมด ถือเป็นตำหน่งที่เชื่อมต่อได้ทุกทิศทาง ดังนั้นเหมืองชิงเหยาจึงค่อนข้างใหญ่ ยิ่งไปกว่านันยังคึกคักอีกด้วยพวกเขากำลังเข้าเมืองทันประตูเมืองปิดพอดีคนตั้งมากมาย รถม้าอีกหลายคัน ก็ยังดึงดูดสายตาผู้คนอยู่แต่พวกองครักษ์อย่า
ซื้อครั้งนี้ดูถือไม่ค่อยไหวพวกของไป๋หู่หิ้วของเต็มสองไม้สองมือนางหันหน้าไปอีกร้านหนึ่ง ผลคือมีคนเดินเข้ามาพอดี ทั้งสองฝ่ายเกือบจะชนกันถ้าไม่ใช่ฟู่จาวหนิงปฏิกิริยาฉับไว ฉากหลบอย่างรวดเร็ว คงได้ชนกับอีกฝ่ายไปแล้วแน่ๆ"ไม่มีตาเลยหรือ?"อีกฝ่ายตะคอกขึ้นมาอย่างหยาบคายฟู่จาวหนิงพอได้ยิน เสียงนี้คุ้นหูเหลือเกินพอเงยหน้ามองไป อีกฝ่ายก็มองเห็นนาง ทันใดนั้นก็ดีอกดีใจร้องขึ้นมา "ลูกพี่หนิง"ฟู่จาวหนิงกุมหน้าผากนี่มันดวงอะไรกัน?นางเพิ่งจะคิดถึงลู่ทงกับเจิ้งหยาง คิดไม่ถึงว่าจะมาเจอพวกเขาที่นี่เสียแล้ว"พวกเจ้าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่กัน?"ลู่ทงเบะปาก เกือบจะร้องไห้ออกมาแล้ว"ลูกพี่หนิง พวกเราหาท่านมาตั้งนาน ตอนนั้นได้ยินว่าท่านกับอ๋องเจวี้ยนออกจากเมืองหลวง พวกเราคิดจะติดตามไป คิดว่าระหว่างทางอาจจะช่วยอะไรได้บ้าง ผลคือตามไปไม่ทัน จนคลาดกับพวกท่านไป"ฟู่จาวหนิงหมดคำจะพูด แทบไม่กล้าที่จะเชื่อ"เจ้าอย่าบอกนะ ว่าพวกเจ้าออกจากเมืองหลวงมาสองเดือนกว่าแล้วยังไม่ได้กลับเข้าไป?""เดิมทีพวกเขาก็ตามมาด้วยกัน แต่เพราะหาพวกท่านไม่เจอมาตลอด พวกเขาเลยกลับกันไปก่อน ข้ากับเจิ้งหยางไม่ค่อยสบายใจ เลยอ
"คุณหนู ถ้าอย่างนั้นกลับโรงเตี๊ยมกันก่อนเถอะ" พวกของไป๋หูไม่ค่อยวางใจลู่ทงเอ่ยว่า "ลูกพี่หนิงยังซื้อของไม่จุใจเช่นนั้นพวกเราจะไปเป็นเพื่อนนางเอง ที่นี่พวกเราเดนิมาจนปรุนแล้ว ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ""ไม่เป็นไร พวกเจ้าเอาของกลับไปก่อนเถอะ หรือไม่ก็เจ้าให้พวกเขานำกลับไป เจ้าอยู่ที่นี่ก็ได้" ฟู่จาวหนิงพูดไป๋หู่นึกถึงฝีมือของนาง จากนั้นก็นึกถึงตอนที่ออกเดินทางทั้งไปและกลับ มีแต่ถนนหนทางบนภูเขา ไม่มีความคึกคักสัญจรแบบในเมืองให้นางได้เดินได้ชมเลย จะผ่อนคลายเสียหน่อยก็ยากลำบากจริงๆ นั่นล่ะเขาพยักหน้า นำสิ่งของส่งให้องครักษ์คนอื่น ให้พวกเขากลับโรงเตี๊ยมไปปก่อน ส่วนตนเองกับพวกลู่ทงเจิ้งหยางจะเดินเป็นเพื่อนกับฟู่จาวหนิงต่อ"ได้ยินว่าใกล้ๆ จวนนี้มีร้านขายขนมแปดสมบัติอยู่" ลู่ทงบอกกับฟู่จาวหนิง "เลื่องชื่ออย่างมาก ขนมแปดสมบัติที่ครัวหลวงทำก็ยังไม่อร่อยเท่าของพวกเขาเลย ยิ่งไปกว่านั้นผลไม้ที่พวกเขาใช้ก็ยังหอมหวานกว่า รสชาติสัมผัสก็ไม่เหมือนกัน มีคนไม่น้อยที่เดินทางไปซื้อโดยเฉพาะเลยด้วย""ขนมแปดสมบัติ? ปู่ของข้าน่าจะชอบนะ อยู่ที่ไหน ไปดูหน่อย"ฟู่จาวหนิงสนใจขึ้นมาอันที่จริงนางก็ยังไม่อยากจะ
แม้จะผ่านไปเกือบสิบแปดปีแล้ว แต่สามีภรรยาฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวก็ยังเป็นคนที่กาลเวลารักใคร่อยู่พวกเขาแม้จะอายุมากแล้ว หน้าตาก็ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นบ้าง แต่พอเทียบกับสมัยก่อนแล้ว ก็เปลี่ยนแปลงไปไม่เยอะมากมองหลายๆ ครั้งก็มองออกได้คนที่เซียวเหยียนจิ่งเตรียมไว้ยังมองออก ไม่ต้องพูดถึงเซี่ยซื่อเลยเซี่ยซื่อเคยเป็นครอบครัวของพวกเขาด้วยนะหลังจากนางจำได้แล้วยังสงสัยว่าตาตนเองฝาดไปหรือไม่ ยังสงสัยว่าตนเองคงตาลาย ดังนั้นเลยนวดตาทันที จากนั้นจึงมองพวกเขาอย่างละเอียดอีกครั้งไม่เปลี่ยน ยังคงเป็นสองคนนั้นเสิ่นเชี่ยวเองก็จำเซี่ยซื่อได้ แม้ว่านางจะรู้ตัวตนฐานะของตนเองแล้ว แต่ยังคงโพล่งออกมาว่า "พี่สะใภ้รอง!"เซี่ยซื่อคือภรรยาของผู้เฒ่ารองตระกูลหลินและเป็นคนเดียวในตระกูลหลินที่อ่อนโยนเป็นห่วงเสิ่นเชี่ยว ดังนั้นเสิ่นเชี่ยวพอเห็นนาง ดวงตาจึงแดงรื้นขึ้นมาคำว่าพี่สะใภ้รอง ก็ทำเอาเซี่ยซื่อใจสั่นระริกเช่นกันรีบวางตะกร้าที่หิ้วไว้ลงมา เดินตรงไปหานาง"ให้ตายเถอะ อา อาเล็กหรือ?"ไม่ ไม่ใช่อาเล็กชองนางแล้วสิ เซี่ยซื่อยืนอยู่หน้าเสิ่นเชี่ยว ถลึงตาโตอ้าปากค้าง"พี่สะใภ้รอง ข้าข้าเจอครอบครัวของข้าแ
ฟู่จาวหนิงสีหน้าขรึมลงเล็กน้อย "ดูท่า น่าจะมีคนไม่น้อยที่ยังไม่ลืมพวกเขา คอยจับตาดูจนถึงทุกวันนี้""ข้าเตรียมการเสร็จแล้ว รอบบ้านตระกูลฟู่วางองครักษ์ลับเอาไว้แล้ว วางใจเถอะ" เซียวหลันยวนพานางเข้ามา สองมือโอบข้างเอวนาง จ้องมองนาง "องค์จักรพรรดิน่าจะลงมือกับพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นพ่อลูกชินอ๋องเซียวยังคอยจับตาดูพวกเขาขนาดนี้ มันดูแปลกไปหน่อย""ตรวจสอบดูก็รู้ พวกเขาถ้าหากมีความคิดอะไร มีแผนอะไร มีเป้าหมายอะไร เดี๋ยวก็ได้รู้เอง"ฟู่จาวหนิงไม่ได้ใส่ใจนักเซียวหลันยวนพยักหน้าสายตาเขามองออกไปไกลๆ ถัดจากนี้ต้องดูว่าสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินจะรับมืออย่างไร เมืองหลวงยังมีคนที่มีเป้าหมายต่างๆ อยู่ และยังมีขั้วอำนาจที่ใช้วิธีการต่างๆ อยู่อีกด้วยเขาถึงแม้จะเชื่อว่าครั้งนั้นไม่ใช่เสิ่นเชี่ยวที่วางยาพิษ แต่ว่าพวกเขาตอนนั้นถูกใครบางคนหรือเรื่องบางอย่างหนีบเอาไว้ตรงกลาง ไม่มีทางดึงตัวออกมาอย่างหมดจดได้ พวกเขาเองก็เป็นคนในเหตุการณ์ตอนนี้พอมีความสัมพันธ์เช่นนี้กับเขา เซียวหลันยวนก็ยังพิจารณานาว่าพวกเขาจะแบกรับไหวไหม หลังจากนี้จะไม่ถ่วงแข้งขาฟู่จาวหนิงได้จริงไหม จะไม่ทำร้ายนางจริงไหมเซียวหลันยวนไม่ได้
"หนิงหนิง มีเรื่องอะไรถึงคุยกันนานสองนาน?"ในห้องขังมีเสียงเซียวหลันยวนดังออกมา"มาแล้ว"ฟู่จาวหนิงขานรับคำหนึ่ง เตรียมจะกลับห้องขังเซียวเหยียนจิ่งไม่อยากเชื่อ "เจ้าไม่ไปกับข้าจริงหรือ? เจ้าไม่สนใจพ่อแม่เจ้าหรือไรกัน?"ปฏิกิริยาของฟู่จาวหนิงเกินจากที่เขาคาดไว้เขาเดิมทีคิดว่าพอได้ยินว่าพ่อแม่ไม่เป็นไร แล้วยังกลับมาแล้ว ฟู่จาวหนิงอย่างน้อยต้องตาแดงรื้นบ้าง ไม่ก็ร้องไห้ออกมา รีบร้อนตามเขาออกไปอย่างตื่นเต้น เพื่อรีบไปพบพ่อแม่ของนาง"อ๋องเจวี้ยนถึงอย่างไรก็ยังต้องอยู่ในห้องขัง ไม่มีอะไรหรอก เจ้าจัดที่นี่จนดูอยู่สบายไปแล้ว แล้วเขาทำไมยังต้องให้เจ้ามาอยู่ด้วยกันอีก?""ข้ามาอยู่เอง เขาเป็นสามีข้า ข้าไม่อยู่กับเขาแล้วใครจะอยู่กัน?"ฟู่จาวหนิงหลังจากที่รู้เจตนาการมาของเขาก็ขี้เกียจจะคุยกับเขาแล้ว ผลักเขาออก แล้วเดินไปทางห้องขังเซียวเหยียนจิ่งนี่ก็จุ้นจ้านเสียจริง"เจ้าทำไมถึงต้องทำร้ายตัวเองแบบนี้" เซียวเหยียนจิ่งตะโกนใส่หลังนาง "เจ้าเข้าร่วมกับสมาคมหมอใหญ่แล้ว ถ้าเจ้ายินยอม มีคนตั้งมากมายที่ยินดีจะรักและเอ็นดูเจ้า ทำไมต้องมาอยู่ในคุกกับเขาแบบนี้ด้วย"เดิมทีหญิงสาวคนนี้ควรจะควรจะม
"ใช่ พ่อแม่ของเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นยังกลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว" เซียวเหยียนจิ่งจ้องมองฟู่จาวหนิง "เป็นอย่างไร เจ้าอยากรีบกลับบ้านไหม? ได้ยินว่าปู่ของเจ้ากับเด็กที่ชื่อเสี่ยวเฟยก็อยู่กันที่จวนอ๋องเจวี้ยนนี่? ถ้าเจ้าไม่กลับไป พ่อแม่ของเจ้าคงจะหาคนไม่เจอแน่"ฟู่จาวหนิงทำท่าทางตกตะลึงอย่างมาก"เจ้าไม่ได้โกหกข้าใช่ไหม? พวกเขากลับมาแล้วจริงหรือ?""ข้าจะโกหกเจ้าทำไมกัน? ไม่เชื่อข้าตอนนี้เจ้าก็ไปกับข้าสิ ข้าจะพาเจ้าไปหาพวกเขา"เซียวเหยียนจิ่งพูด มือเองก็คันยุบยิบ เขาอยากจะยื่นมือไปจูงนางเหลือเกิน จูงนางออกจากคุกใหญ่ถ้าเขาสามารถจูงมือนางออกไปได้ เซียวหลันยวนคงได้กระอักเลือดตายกระมัง?แต่เขาเพิ่งจะขยับ ฟู่จาวหนิงก็ถอยออกไปแล้วสองก้าว"พวกเขาถ้ากลับมาแล้วจริง เช่นนั้นก็ต้องกลับไปที่บ้านตระกูลฟู่ ที่บ้านตระกูลฟู่มีคนอยู่ พวกเขาจะหาคนไม่เจอได้อย่างไรกัน?""เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ?""เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าวิ่งแจ้นเข้ามาบอกข้าหรอกกระมัง? พวกเขาถ้ากลับมาแล้วจริง คนใช้บ้านตระกูลฟู่อีกเดี๋ยวก็คงเข้ามาบอกข้าเอง""เจ้าลืมอ๋องเจวี้ยนไปแล้วหรือ?""เขาก็อยู่ที่นี่ ลืมอะไรกัน?""ความ
ฟู่จาวหนิงอยู่ในคุกเองก็เบื่อหน่อยๆ แล้วนางเหลือบมองเซียวเหยียนจิ่งผาดหนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปด้าหน้าเซียวหลันยวน "ข้าออกไปฟังหน่อยได้ไหม?""ไปเถอะ" เซียวหลันยวนพยักหน้า"เอ๋ ไม่หึงแล้วหรือ?" ฟู่จาวหนิงร้องชิชะเซียวหลันยวนหัวเราะเสียงทุ้ม "อย่าไปไกลนักล่ะ ข้าได้ยินอยู่"ถึงอย่างไรนางก็เบื่อๆ ถ้าเซียวเหยียนจิ่งพูดเรื่องอะไรที่ทำให้นางฆ่าเวลาได้ เช่นนั้นเขาก็ควรจะใจกว้างหน่อยแต่ว่า พวกเขาเดินไปไกลมากไม่ได้ ต้องอยู่ในระยะที่เขาสามารถได้ยิน"รู้อยู่แล้วว่าท่านจะใจกว้างหลอกๆ"ฟู่จาวหนิงวางพู่กัน ปรบๆ มือ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องขัง"คิดจะพูดอะไร?"เซียวเหยียนจิ่งเดิมทีคิดจะให้เซียวหลันยวนหึงหวง ดังนั้นจึงไม่คิดจะเดินไปไกลนัก"มานี่หน่อย" เซียวเหยียนจิ่งเดินออกมาข้างๆ ไม่กี่ก้าว รู้สึกว่าระยะนี้เซียวหลันยวนน่าจะได้ยินเหมือนคนคุยกันแต่ไม่ได้ยินเนื้อหาด้านในเช่นนี้ก็พอดีฟู่จาวหนิงร้องเชอะในใจ น่าจะเข้าใจความคิดของเขาเพียงแต่เซียวเหยียนจิ่งก็ยังโง่อยู่ เขาคิดว่าระยะนี้เซียวหลันยวนไม่ได้ยินหรือไรกัน?นางเดินออกไปเซียวเหยียนจิ่งบอกกับผู้คุมข้างๆ คำหนึ่ง ให้เขาออกไปก่อนผู้คุม
ถ้าไม่ใช่ห้องขังรอบๆ ยังมีสภาพเดิมอยู่ เขาก็คงจะสงสัย ว่าฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนพักอยู่ในโรงเตี๊ยมอะไรกันคุกที่ไหนเขาจัดกันอบอุ่นแบบนี้บ้าง!"พระชายาอ๋องเจวี้ยน รบกวนออกมาหน่อย มีคนมาพบท่าน" ผู้คุมเปิดประตูยังต้องปรบมือเรียกคนม่านนั้นเลิกออก เซียวเหยียนจิ่งมองเข้าไปด้านใน และเห็นเซียวหลันยวนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ปูด้วยเบาะรองตัวหนึ่งพลิกเปิดอ่านหนังสือ บนโต๊ะข้างๆ ยังมีชาที่ร้อนกรุ่นอยู่อีกกาหนึ่งด้วยฟู่จาวหนิงยืนอยู่ข้างๆ เขา กำลังจรดพู่กันเขียนอักษรดูแล้วเหมือนกำลังใช้ชีวิตประจำวันอยู่เลย!เซียวหลันยวนมองออกมา สบเข้ากับสายตาของเซียวเหยียนจิ่งพอดีเซียวเหยียนจิ่งเดิมทีใจก็กระตุกวูบ เขาเกือบจะถอยหนีออกมาแล้ว แต่ตอนที่เห็นฟู่จาวหนิง ไฟริษยาก็ทำให้เขาลืมความกลัวไปไม่ได้เจอกันตั้งครึ่งค่อนปี ฟู่จาวหนิงกลับสวยขึ้นกว่าเดิมเสียอีกเธอเป็นสาวเต็มตัวแล้ว ความเขินอายแบบเด็กสาวก็หายไปใบหน้าเปล่งปลั่ง รูปร่างก็ได้สัดส่วน ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ผมบาง แต่มีส่วนโค้งเว้าที่สวยเด่นแค่ชดกระโปรงสีเหลืองเรียบง่าย เห็นแล้วก็ยังรู้สึกเย้ายวนเป็นพิเศษหลี่จื่อเหยาเทียบกับนางได้เสียที่ไหน!
หมากก้าวแรกของพวกชินอ๋องเซียวในตอนนั้นก็เสี่ยงเหมือนกัน ไปบอกเรื่องที่พวกเขารู้กับองค์จักรพรรดิ แม้จะช่วยจัดการพยานสองคนนั้นไปแล้ว แต่องค์จักรพรรดิก็อาจจะยังไม่ละเว้นพวกเขาอยู่ถึงอย่างไรปากของคนตายนี่ล่ะที่ปิดสนิทที่สุด"ท่านพ่อ ความสัมพันธ์ของพวกเรากับองค์จักรพรรดิ จะไปเทียบกับตระกูลฟู่ได้อย่างไร?"เซียวเหยียนจิ่งไม่เห็นด้วยท่านพ่อกับองค์จักรพรรดิเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พวกเขาล้วนสกุลเซียว ยิ่งไปกว่านั้นชินอ๋องเซียวก็ยังคุกคามองค์จักรพรรดิไม่ได้ จวนชินอ๋องเซียวเองก็ไม่ได้มีอำนาจสักเท่าไร ก็แค่อาศัยแต่พระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทไปเท่านั้นดังนั้นองค์จักรพรรดิจึงเชื่อในความจริงใจที่พวกเขาส่งไปให้ เชื่อว่าพวกเขาต้องการแค่จะได้รับการให้ความสำคัญและการปกป้องจากฝ่าบาทเท่านั้น"ตระกูลฟู่จะไปมีอะไร? ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องเห็นพวกตระกูลฟู่อยู่ในสายตาเลย ส่วนเซียวหลันยวนก็เป็นหนามในสายตาองค์จักรพรรดิอีก องค์จักรพรรดิคิดจะรับมือกับเซียวหลันยวน ตอนนี้เซียวหลันยวนเองก็มีจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดอยู่ นั่นก็คือฟู่จาวหนิง"พอพูดคำนี้ เซียวเหยียนจิ่งก็ดูไม่ค่อยสบายใจขึ้นมาที่ต้องให้เขายอมรับว่าเซียวหลันย
ก่อนหน้านี้ฟู่จิ้นเชินชื่อเสียงระบือเมืองหลวง และเคยขี่ม้าไปตามถนนสายยาว เคยเข้าไปในโรงสุราประชันโคลงกลอนกับผุ้อื่น เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์เหลือประมาณเพราะเขามีหน้าตาที่ไร้เทียมทาน คนที่ไปดูเขาโดยเฉพาะก็มีไม่น้อย ผ่านไปหลายปีเช่นนี้ คนที่ยังจดจำหน้าตาเขาได้ก็มีอยู่ไม่น้อยด้วยเช่นกันโดยเฉพาะแม้จะผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว เขาก็แทบไม่ได้ดูแก่ลงเลย มีแค่ความสุขุมที่มากขึ้น คนที่เคยเจอเขาในครั้งนั้น พอคิดว่าแค่เหลือบมองแล้วจำเขาได้ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไรกลับกันตัวฟู่หลินซื่อ คนที่พบเจอมีไม่มากนัก"ตอนนั้นคนที่ส่งข่าวให้พวกเราบอกว่า รอให้ฟู่หลินซื่อกลับเมืองหลวง จึงสามารถคิดหาวิธีให้เรื่องเมื่อสิบแปดปีก่อนเกิดขึ้นอีกครั้ง"ชินอ๋องเซียวกดเสียงต่ำ "สิบแปดปีก่อน เรื่องที่ฟู่หลินซื่อถูกใส่ร้ายว่าวางยาพิษเซียวหลันยวนสินะ ตอนนี้นางกลับมาแล้ว จะมีคนยืมมือของนางลงมือวางยาพิษกับเซียวหลันยวนอีกครั้งหรือ?"เซียวเหยียนจิ่งในใจมีความตื่นเต้นที่ยากจะพรรณนาออกมาเขาช่วงนี้เฝ้าคอยเรื่องนี้อยู่ตลอดก่อนหน้านี้เขาถอยห่างฟู่จาวหนิง อยากจะหนีนางไปให้ไกลๆ แต่ตอนนี้เขาเสียใจขึ้นมาเสียแล้วนับตั้งแต่
ผู้อาวุโสจี้อยู่ในรถม้าด้านหลัง เขาเองก็เลิกม่านขึ้นมองด้านนอก พอเห็นร้านรวงสองฟากฝั่งถนนแขวนไว้ด้วยโคมแดงก็ถอนหายใจ"จะปีใหม่อีกแล้ว"ชายหนุ่มอายุราวสามสิบปีอีกหนึ่งคนที่นั่งอยู่ในรถม้าก็มองออกไปด้านนอก พอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็มองไปทางผู้อาวุโสจี้ ถอนหายใจเอ่ยขึ้นว่า "ผู้อาวุโสจี้ นี่จะปีใหม่อยู่แล้ว เจ้าพันธมิตรเรียกท่านกลับไปรวมตัวที่สาขาหลัก ท่านทำไมจึงปฏิเสธล่ะ?"ผู้อาวุโสจี้ไม่ได้กลับสาขาหลักไปช่วงปีใหม่หลายปีแล้ว"ไม่อยากไป วุ่นวายเกิน" ผู้อาวุโสจี้ส่ายหัว ไม่สนใจอย่างเห็นได้ชัด"ผู้อาวุโสคนอื่นก็ล้วนอยู่ที่พันธมิตร แม้ว่าเวลาปกติจะไปที่นั่นที่นี่ แต่พอถึงช่วงไว้พระจันทร์กับปีใหม่ล้วนกลับไป ตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกันยังสามารถหารือเรื่องใหญ่ต่างๆ ในพันธมิตรได้ นอกจากนี้ทุกสิ้นปีฝ่ายบัญชีพันธมิตรโอสถก็จะตรวจสอบแบ่งปันเงิน ท่านไม่กลับไป เรื่องพวกนี้ก็ไม่รู้ว่าจัดการกันชัดเจนหรือไม่ชายคนนี้เพิ่งจะถูกย้ายมาเป็นผู้ดูแลพันธมิตรคนใหม่ของเมืองหลวง ซูเหอซูเหอเองก็ถือเป็นคนที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้อาวุโสจี้ เดิมทีด้วยอายุและประสบการณ์ของเขา ควรจะถูกจัดไปอยู่ประจำที่สาขาของพันธมิตรโอ