"ก็บอกไปว่าวัตถุดิบยาเหล่านั้นต้องเก็บมา นี่เป็นกฎ เดี๋ยวข้าจะเข้าวังไปขอพบท่านฮองเฮา แจ้งกับนางเสียหน่อย พอรู้ว่าอ๋องเจวี้ยนชักกระบี่แทงรองขุนพลหลิว อย่าว่าแต่ฮองเฮาเลย คิดว่าจักรพรรดิก็ยังต้องเดือดดาล"หมอเทวดาหลี่ยิ้มเย็นชาขึ้นมาถึงอย่างไรโสมม่วงนั้นเขาก็ต้องการมัน! ต่อให้ถูกฮองเฮาเก็บไป ภายหลังตอนที่ฮองเฮาจะใช้ เขาก็ขโมยออกมาสักสองสามแผ่นก็ยังได้ยังมีวัตถุดิบยาอื่นอยู่อีกด้วย เอามาเติมในร้านยาส่วนตัวของตนเองคือดีที่สุดพวกเขาเองก็รีบเก็บของกลับเช่นกันในรถม้าจวนอ๋องเจวี้ยน ฟู่จาวหนิงก็ผ่อนลมหายใจลง ขยับเข้าไปริมตัวรถ"ท่านจะไม่ถามหน่อยหรือว่าจงเจี้ยนไปไหน?" นางเอ่ยถามอ๋องเจวี้ยนขึ้นมาเอง ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นลูกมือเขา"แล้วจงเจี้ยนไปที่ไหนแล้วหรือ?"อ๋องเจวี้ยนถามตามคำพูดนางขึ้นมาฟู่จาวหนิงยกมุมปากยิ้ม "ขอให้เขาช่วยแบกของน่ะ จะลงจากเขามาช้าหน่อย"อ๋องเจวี้ยนนิ่งไปพักหนึ่ง ถามขึ้นว่า "วัตถุดิบยาหรือ?"เอ๊ะ?ก็ยังถูกเขาเดาจนถูกอีก"อืม" ฟู่จาวหนิงในเมื่อยืมทหารของเขาแล้ว ก็ไม่คิดจะปิดบังอะไรเขา ถึงอย่างไรจงเจี้ยนพอกลับมาก็จะต้องไปรายงานกับเขาอย่างแน่นอน"แค่กๆ"อ๋องเ
พอเห็นว่าอ๋องเจวี้ยนจะล้มลงบนโต๊ะเล็ก ฟู่จาวหนิงก็ยื่นมือประคองเขาไว้ ลุกขึ้นไปนั่งข้างตัวเขา คว้าเอาหมอนเล็กใบหนึ่งมาให้เขาพิง"พระชายา ท่านอ๋องเป็นอะไรไป?" เสียงของชิงอีลอดเข้ามาอีกครั้ง"ใกล้จะตายแล้ว!"ฟู่จาวหนิงตอบกลับไปคำหนึ่ง พอกำลังเตรียมจะล้วงเอาเข็มกับยาสกัดออกมาจากในห้องเภสัช ชิงอีก็เลิกม่านรถขึ้นมาตรวจสอบอย่างร้อนรน นางตะคอกเสียงเย็นกลับทันที "อย่าเข้ามา! ยังจะให้ข้ารักษาคนอยู่ไหม?"ชิงอีมือแข็งทื่อไป งงงันจนไม่กล้าเลิกม่านรถต่ออีก"พระชายา ท่านตอนนี้เป็นพระชายาของพวกเราแล้ว ขอท่านช่วยชีวิตท่านอ๋องด้วย!""หุบปากเถอะ"ฟู่จาวหนิงตอนนี้เองก็เพิ่งจะพบว่าชิงอีเองก็พูดมากเหลือเกิน ตอนแรกที่เจอกันยังคิดว่าเป็นชายหนุ่มที่เคร่งขรึมเสียอีกชิงอีปิดปากสนิทลงอีกครั้งฟู่จาวหนิงหยิบยากระตุ้นหัวใจออกมา มองอ๋องเจวี้ยน กัดฟันแล้วปลดเข็มขัดเขาลงเลิกชุดคลุมของเขาขึ้น จัดการพลิกตัวคนมองเข็มขัดกางเกงเขา นางสร้างโครงจิตวิทยาขึ้นมา ก็แค่ไม่มองเขาเป็นสามีของนางในนาม มองเขาเป็นแค่คนป่วยก็เพียงพอแล้ว!พอคิดเช่นนี้ มือนางก็ดึง คลำหาตำแหน่ง ใช้สำลีเช็ดยาฆ่าเชื้อ เสียหน่อย จากนั้นก็แทงเข็ม
"เจ้าไปไม่ได้นะ ถ้าเจ้าไป ถึงตอนนั้นท่านผู้เฒ่าถามขึ้นมาข้าก็ไม่รู้จะตอบอย่างไรแล้ว!""แต่ว่าคุณหนูตอนที่ออกไปกำชับไว้ว่า ถ้ามีเรื่องอะไรต้องไปหานางให้ได้""พี่ทหารสองคนนั้นไม่ใช่บอกมาแล้วหรือ? ว่าคุณหนูสองสามวันนี้ขึ้นเขาไปหาสมุนไพร แล้วเจ้าจะไปหานางจากไหนกัน?"ฟู่จาวหนิงฟังออกว่าเสียงผู้ชายนี้คือเสียงของลุงจง ส่วนเสียงผู้หญิงอีกเสียงหนึ่งก็น่าจะเป็นป้าจงกระมังฮูหยินรองฟู่วันนั้นถูกนางขู่เอาไว้ ไม่มีทางไม่กล้าปล่อยป้าจงกลับมาแน่นอนนางพาม้าเดินเข้ามาทางประตูหลัง "ลุงจง ท่านกำลังจะไปหาข้าหรือ?"ลุงจงเงยหน้าขึ้นฉับพลัน พอเห็นนางก็ตื่นเต้นขึ้นมา "คุณหนูกลับมาแล้ว!"หญิงกลางคนที่ดูแล้วซื่อๆ มีความสามารถอีกคนหนึ่ง ก็น่าจะเป็นป้าจง คนรับใช้ที่ซื่อสัตย์ของตระกูลฟู่ก็เหลืออยู่แค่ไม่กี่คนนี่แล้ว"คุณหนู!"ป้าจงมองนาง รีบสาวเท้าเดินเข้ามาเบื้องหน้านาง จากนั้นก็กอดนางแน่น ร้องไห้จ้าออกมา"ข้าคิดว่าจะไม่ได้เห็นคุณหนูอีกแล้ว!"ฟู่จาวหนิงไม่ค่อยถูกใครกอดแน่นขนาดนี้ จึงตั้งตัวไม่ทันไปครู่หนึ่ง แต่ว่าบนตัวป้าจงมีกลิ่นที่เหมือนมีเหมือนไม่มีวูบหนึ่งทำให้นางได้สติกลับมา นางรีบผละตัวออกจากป้า
ฟู่จาวหนิงรู้สึกเกินคาดนางไม่รู้ชื่อของอ๋องเจวี้ยน แต่ท่านปู่กลับรู้สึกเหมือนรู้จักอ๋องเจวี้ยนเลย"ใช่แล้ว"พอนางตอบรับคำเดียวผู้เฒ่าฟู่ก็เหมือนถูกกระตุ้นครั้งใหญ่ รีบพูดอย่างร้อนรนว่า "ถอนหมั้น ไปถอนหมั้นกับเขาเสีย!"ฟู่จาวหนิงตกตะลึง "ท่านปู่ ไม่ใช่หมั้นหมาย ข้ากับเขาคารวะฟ้าดินเป็นสามีภรรยากันไปแล้ว แต่งงานกันแล้ว"แต่งงานกันไปแล้วแล้วจะถอนหมั้นอะไรกัน?ผู้เฒ่าฟู่ตาแดงขึ้นมา น้ำตารื้น "เช่นนั้นก็หย่าเสีย!""ท่านผู้เฒ่า?" พวกของเสี่ยวเถาก็ตกตะลึงไปแล้วมีปู่แท้ๆ ที่ไหนบ้างที่สั่งให้หลานสาวที่เพิ่งแต่งงานได้ไม่กี่วันไปหย่า?"จาวหนิง เจ้ากับเซียวหลันยวนหลับ...หลับนอนกันแล้วหรือยัง?" ผู้เฒ่าฟู่จับมือนางไว้แน่นฟู่จาวหนิงส่ายหน้าทันที"ยัง""เช่นนั้นก็ดี เช่นนั้นก็ดี! หย่า หย่ากับเขาเสีย ตอนนี้ยังทันเวลา" ผู้เฒ่าฟู่กระเสือกกระสนจะลุกขึ้น "ข้าจะเข้าวังไปขอพบจักรพรรดิ ให้เขาเป็นธุระเรื่องหย่าเสีย"ฟู่จาวหนิงมองปฏิกิริยาของเขาแล้วก็ยิ่งรู้สึกอยากรู้อยากเห็น หรือว่าตระกูลฟู่กับอ๋องเจวี้ยนเคยมีเรื่องบาดหมางกัน?แต่ที่นางรีบร้อนแต่งงานเดิมทีก็เพื่อจะไม่กระตุ้นจิตใจท่านปู่นะ แล้ว
"ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เสื้อผ้ากลับไปปะเสียหน่อยก็พอแล้ว"หมอหวังที่อยู่ข้างๆ มองผู้อาวุโสจี้ จากนั้นก็มองฟู่จาวหนิง เขาเหมือนพบกับความลับอะไรบางอย่างผู้อาวุโสจี้ก่อนหน้านี้ไปยังเขาจันทร์ลับฟ้า บอกว่ารับศิษย์มาคนหนึ่ง ดูภูมิอกภูมิใจมาก แต่ว่าตอนที่ฟู่จาวหนิงออกมาเขากลับเหมือนไม่รู้จักนาง ยังเรียกนางว่าแม่หนูอยู่เลย แต่เมื่อครู่เขาเรียกนางว่าอะไรนะ?ศิษย์!ฟู่จาวหนิงคนนี้คือศิษย์ที่ผู้อาวุโสจี้รับมา ผู้อาวุโสจี้จงใจไปสนับสนุนตัวนาง!แต่ว่าตอนนี้ความสนใจของเขาไม่ใช่อยู่ที่ความลับนั่น แต่เป็น..."พระชายาอ๋องเจวี้ยน วิธีการกดที่ท่านทำให้กับผู้เฒ่าฟู่เมื่อครู่ยอดเยี่ยมเสียเหลือเกิน!" เขารอให้ผู้อาวุโสจี้กับฟู่จาวหนิงพูดต่อไม่ไหวแล้ว รีบร้อนสอดคำพูดเข้ามา"ท่านนี้คือหมอหวัง จริงด้วย อาจารย์เชิญเขามาเพื่อตรวจดูอาการปู่ของเจ้า ให้เขาเข้าไปตรวจก่อนดีไหม?"ฟู่จาวหนิงเดิมทีคิดจะบอกว่าไม่ต้องแล้ว แต่พอคิดๆ ดู นางยังไม่รู้ว่าวิชาการแพทย์ของเหล่าหมอในแคว้นเจาเป็นอย่างไร ทำความเข้าใจสักหน่อยก็น่าจะดี จึงพยักหน้าให้"เช่นนั้นก็เชิญหมอหวังตรวจอาการให้ท่านปู่ข้างหน่อยเถิด ส่วนวิชาเมื่อครู่ของข้า
ฟู่จาวหนิงยุ่งเหยิงขึ้นมาทันทีนางอันที่จริงก่อนหน้าก็ไม่ได้สนใจเลย คิดแค่ว่าอ๋องเจวี้ยนดูแล้วอายุน้อยกว่าองค์จักรพรรดิอยู่พอควร แล้วทั้งสองคนยังดูคล้ายกันอีก ยิ่งไปกว่านั้นตอนที่องค์จักรพรรดิพูดกับอ๋องเจวี้ยนน้ำเสียงอะไรก็ดูเป็นความสนิทสนมใจดีของผู้อาวุโส (แน่นอนว่าเป็นไปได้ที่จะเสแสร้ง) นางจึงคิดว่าเขาเป็นพระโอรสคิดไม่ถึงเลย ว่าเขากลับเป็นเสด็จอาของพระโอรสแทนหรือว่านี่จึงเป็นสาเหตุที่เซียวเหยียนจิ่งไม่กล้ารุ่มร่ามกัน? สะกดไว้ด้วยตัวตนฐานะสินะ อ๋องเจวี้ยนสำหรับเซียวเหยียนจิ่งก็คือผู้อาวุโสนี่นา แม้ว่าพวกเขาจะอายุไล่เลี่ยกัน"เจ้าขนาดตัวตนฐานะก็ยังไม่รู้ ดังนั้นก็คงไม่รู้เรื่องตอนก่อนที่เขาจะสองขวบยังอยู่ที่นอกวังกระมัง ได้ยินว่าก่อนรับกลับเข้ามาในวัง ร่างกายของเขาอ่อนแออย่างมาก แล้วยังมีคนลือกันว่าพระโอรสนี่น่าจะเลี้ยงไม่รอด แล้วต่อมาเขายังโดนพิษเข้าไปอีกครั้งหนึ่งในวังด้วย""โดนพิษหรือ?""อืม เหมือนว่าตอนนั้นเขาก็อายุไม่กี่ขวบเอา ได้ยินว่าครั้งนั้นกลายเป็นเรื่องใหญ่โตเลย ตอนนั้นไท่ซ่างหวงโกรธมาก สั่งให้ตรวจสอบวังหลวงทั้งวัง ตอนนั้นในวังกำลังจัดงานเลี้ยงอะไรอยู่ และมีพวกขุนนาง
ผู้อาวุโสจี้สีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกขึ้นมา"เรื่องนั้น อาจารย์เป็นผู้อาวุโสในพันธมิตรโอส แต่ว่าพันธมิตรโอสถก็มีกฎเกณฑ์อยู่ คนด้วยกันเองซื้อวัตถุดิบยา สามารถลดราคาได้สองส่วน แต่เงินก็ยังต้องจ่ายอยู่"แล้วก็วัตถุดิบยาที่นางต้องการ ก็ไม่ถูกเลยฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะเอาเปรียบพันธมิตรโอสถขนาดนั้น และนางเองก็ไม่มีเงินมากเช่นกัน ดังนั้น คงต้องพึ่งพาตนเองเก็บยาสกัดยาค่อยๆ เลี้ยงตัวไปก่อน"ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวข้าจะไปหาเจ้าพันธมิตรดู เขาอาจจะรู้ถึงความสัมพันธ์ในอดีตของตระกูลฟู่กับอ๋องเจวี้ยน ช่วงนั้นพันธมิตรเองก็อยู่ในเมืองหลวงเช่นกัน" ผู้อาวุโสจี้เอ่ยขึ้น"ได้เลย เช่นนั้นก็รบกวนท่านอาจารย์แล้ว""ไม่ต้องเกรงใจ เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ?" ตาเฒ่าจี้ถลึงตาโตขึ้นฉับพลัน ตื่นเต้นขึ้นมา"ท่านอาจารย์ ไม่ใช่บอกว่าจะรับข้าเป็นศิษย์หรือ?" ฟู่จาวหนิงกระพริบตาปริบเมื่อครู่ที่ผู้อาวุโสจี้บอกว่าสามารถสร้างเหตุผลพื่อมาหลอกคนเรื่องที่นางจู่ๆ ก็เป็นวิชาแพทย์ นางรู้สึกหวั่นไหวมาก ยิ่งไปกว่านั้น นางก็อยากจะเรียนรู้เกี่ยวกับวัตถุดิบยาในแคว้นเจาจากผู้อาวุโสจี้ด้วยการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด นางเองก็จะหยิ่งทะนง
สิ่งที่ไท่ซ่างหวงเหลือไว้ให้อ๋องเจวี้ยนครั้งนั้น ตัวกุญแจกับสถานที่ล้วนส่งมอบให้กับคนสามคน ในมือพวกเขาทั้งสามคนล้วนมีสิ่งยืนยันอยู่คนละชิ้น มีเพียงทั้งสามคนมาอยู่พร้อมกันเท่านั้น นำเอาของทั้งสามอย่างออกมาจึงจะใช้ได้แต่ว่าสามคนนี้คือใคร กระทั่งองค์จักรพรรดิเองก็ยังไม่รู้องค์จักรพรรดิกับฮองเฮาก็คอยเลียบๆ เคียงๆ หาข่าวจากไทเฮาอยู่ แต่ผลลัพธ์คือไทเฮาเองก็ไม่รู้เหมือนกันนี่เป็นปมในใจปมหนึ่งขององค์จักรพรรดิเห็นๆ อยู่ว่าเขาต่างหากที่เป็นคนที่มีคุณสมบัติสืบทอดการปกครองมากที่สุด ตำแหน่งจักรพรรดิท้ายสุดก็ยังส่งมาให้เขา แต่ไท่ซ่างหวงกลับรู้สึกชอบไปทางอ๋องเจวี้ยนมากกว่าอย่างชัดเจนเสด็จแม่ของเขาต่างหากที่เป็นฮองเฮาลำดับหนึ่ง ไทเฮาคนปัจจุบันเข้าวังมาทีหลังด้วยซ้ำ แต่พอเข้าวังก็ไม่ต้องไปตบตีแย่งชิงกับนางสนมเลย ขึ้นแท่นนั่งบัลลังก์ไปเลยทันทีแล้วยังอ๋องเจวี้ยนที่เกิดออกมาภายนอกนั่นอีก ถ้าหากในบ้านปกติ ก็นับเขาว่าเป็นลูกนอกสมรสได้แล้ว ไท่ซ่างหวงแอบไปลูกที่นอกวัง รอจนสองขวบจึงรับกลับเข้ามา ด้านบนก็มีพระโอรสอยู่ตั้งหลายคนแล้ว แต่ก็ยังรักเจ้าคนที่มาทีหลังนี่อย่างกับสมบัติล้ำค่าองค์จักรพรรดิกั
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้
ทางที่ไปแท่นชมดาวค่อนข้างคดเคี้ยว สองข้างทางก็ปลูกต้นเหมยอยู่ไม่น้อย พอถูกแสงจันทร์ส่องกระทบ เงาทอดจากกิ่งไม้ก็นาบไปบนกำแพงขาว ราวกับเป็นภาพหมึกลายน้ำที่เย็นชาภาพหนึ่งรอบด้านนิ่งสงัดเอามากๆหากมีแค่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นคนเดียว นางรู้สึกว่าตนเองคงไม่กล้าเดินถนนเส้นนี้ แม้จะไม่ได้มืดครึ้มนัก แต่มันเงียบเกินไปคืนนี้มีแสงจันทร์ยังพอไหว ถ้าหากไม่มีแสงจันทร์ ที่นี่คงจะมืดมากนางกระทั่งเคยได้ยินฮูหยินเฉิงเล่าถึงแท่นชมดาวมาแล้ว ระหว่างทางที่มาเขาโยวชิง พวกนางว่างกันมาก ฮูหยินเฉิงจึงเล่าเรื่องที่เกี่ยวกับยอดเขาโยวชิงมามากมาย แล้วก็บังเอิญเสียจริง เรื่องของแท่นชมดาวเองก็เล่าให้นางฟังด้วยฮูหยินเฉิงพูดออกมาละเอียดกว่าเซียวหลันยวนเสียอีก ศิษย์คนนั้นไปแท่นชมดาวอย่างไร ทำอะไรบนนั้น แล้วพลัดตกลงไปได้อย่างไร ตกลงมาเป็นอย่างไรบ้าง เล่าออกมาอย่างละเอียดดังนั้นตอนนี้พอคิดถึงว่าต้องไปสถานที่นั้น องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นจึงรู้สึกหนาวสันหลังขึ้นมานางมองไปยังคู่สามีภรรยาที่เดินเคียงบ่าไหล่ตรงหน้า ฝีเท้าก็ไม่กล้าผ่อนช้าลง แต่รีบเดินตามไปแต่ว่าเซียวหลันยวนก็ไม่ให้นางตามมาใกล้นัก แต่พอนางเข้ามาใกล้หน่อย เ
กลางดึกทั้งยอดเขาโยวชิงถูกปกคลุมไปด้วยแสงจันทร์เย็นเยียบพอเดินออกมาเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นดาวถร่างเต็มฟ้า ส่องแสงระยิบระวับ ทั้งสว่างทั้งใหญ๋เพราะยอดเขาโยวชิงอยู่สูง เหมือนใกล้ชิดท้องฟ้ามากอย่างไรอย่างนั้น ดวงดาวเหล่านั้นก็ราวกับอยู่ตรงหน้า ยื่นมือไปเด็ดลงมาได้เลยแสงจันทร์สว่างไสว สายตาของพวกฟู่จาวหนิงเดิมทีก็ดีมากอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องถือตะเกียงก็มองเห็นทางได้ชัดเจนเซียวหลันยวนจูงมือฟู่จาวหนิงอารามโยวชิงเองก็เงียบมาก ในที่แบบนี้แค่แมลงร้องก็ยังได้ยินสายลมกลางคืนพัดเข้ามา ได้กลิ่นเครื่องหอมในอาราม เสียงฝีเท้าการเดินของพวกเขาดังขึ้นอย่างชัดเจนในกลางดึกนี้ฟู่จาวหนิงพอนึกถึงสิบกว่าปีก่อนเซียวหลันยวนพักอยู่ในสถานที่หนาวเย็นแบบนี้ ผ่านไปทีละวันทีละคืน ก็อดถามขึ้นมาไม่ได้ "แต่ก่อนตอนที่ท่านอยุ่ที่นี่ อยากจะลงเขากลับเมืองหลวงบ้างไหม?"สำหรับเด็กอายุสิบกว่าขวบคนหนึ่ง ความคึกคักทางโลกก็มีแรงดึงดูดมากอยู่กระมัง เขาเองก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นมาก่อน การออกจากในเมืองหลวงที่คึกคักมาอยู่ในสถานที่แบบนี้ ความรู้สึกมันแตกต่างกันมากเกินไปแล้วยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีใครมาอยู่คุยกับเขา เ
ถึงตอนนั้นถ้ามีใครไม่เจียมตัว เขาจะลงมือเอง ไม่มีเกรงใจ"ขอแค่ศิษย์น้องหญิงออกไปตรวจได้ วัตถุดิบยาทุกอย่างบนเขาชิงถง ศิษย์น้องเลือกขุดได้ตามสะดวกทุกเวลาเลย ขอแค่ศิษย์น้องหญิงต้องการ ส่งจดหมายหาข้าได้ ข้าจะจัดการส่งคนออกไปหาไปขุดวัตถุดิบยามาให้"ถังอู๋เจวี้ยนหยิบป้ายตราชิ้นหนึ่งออกมาจากในอก ยื่นส่งมาตรงหน้าฟู่จาวหนิง"ป้ายตรานี้เจ้าเก็บเอาไว้ เห็นป้ายตรานี้ก็เหมือนเจอข้า หลังจากนี้ถ้าเจอคนเขาชิงถงข้างนอก เจ้าก็หยิบป้ายตรานี้มาสั่งพวกเขาทำงานได้เลย"ถังอู๋เจวี้ยนก็จริงใจพอเหมือนกันเขาเองก็ไม่ได้ปิดบังอะไร พูดออกมาตรงๆว่านางกับลุงของเขามีความสัมพันธ์ศิษย์อาจารย์กัน ดังนั้นคนตระกูลถังจึงถือว่านางเป็นพวกเดียวกัน"ถ้าไปถึงเขาชิงถง เหล่าผู้อาวุโสก็คงจะมอบของขวัญต้อนรับเจ้า ถึงตอนนั้นเจ้าเก็บไว้ก็พอแล้ว อย่างเกรงใจกับพวกเขาเด็ดขาด" ถังอู๋เจวี้ยนบอกกับฟู่จาวหนิงผู้อาวุโสพวกนั้นของเขาชิงถง ของดีดีในมือมีอยู่ไม่น้อย แต่ละคนรวยล้นฟ้ากันทั้งนั้นเขาออกมาครั้งนี้ ก็เอาคำกำชับของพวกเขามาด้วย ผู้อาวุโสเหล่านั้นให้เขาคอยสังเกตนิสัยของฟู่จาวหนิงเดิมทีถังอู๋เจวี้ยนรู้สึกว่าตนเองอาจจะไม่ชอบฟู่
ฟู่จาวหนิงนิ่งงันไปครู่หนึ่งนางพบว่า คนเหล่านี้น่าจะเกี่ยวข้องกับนางอยู่บ้างไม่มากก็น้อยน่าจะเพราะแบบนี้ นางถึงได้มาถึงที่นี่?"ขอถามหน่อยนะ น้องชายท่านตอนนี้อายุเท่าไรแล้ว?" ความสนใจของนางยังคงอยู่บนตัวคนไข้"ยี่สิบพอดี" ถังอู๋เจวี้ยนชะงักไปครู่หนึ่ง จึงเอ่ยต่อว่า "ส่วนข้ายี่สิบสี่""ไม่ได้ถามเจ้า" เซียวหลันยวนตอบเขามาคำถังอู๋เจวี้ยนหัวเรา แต่รอยยิ้มนี้ดูขมขื่นหน่อยๆ"ถ้าหากพวกเจ้าเห็นน้องชายข้า จะต้องมองไม่ออกแน่ เขาเด็กกว่าข้าสี่ปี แต่ภายนอกดูแล้วเหมือนโตกว่าข้าสิบปีเลย ถ้าโรคนี้ไม่ได้รับการยับยั้งบรรเทาลง เขาคงจะแก่อย่างรวดเร็วต่อไปแน่"และเท่ากับเขาเดินเข้าหาความตายไวขึ้นคำนี้เขาทนพูดออกมาไม่ได้ แต่ฟู่จาวหนิงรู้ตอนนี้นางกำลังคิด เพื่อนออนไลน์ถังอู๋เจวี้ยนในอดีตจู่ๆ ก็หายตัวไปไม่ออนไลน์ จะเป็นเพราะแก่ชราลงอย่างรวดเร็วจนถึงบั้นปลายชีวิตหรือเปล่านะ?โรคแก่ชราอย่างรวดเร็ว แต่ก่อนนางก็เคยเข้าใจมาบ้าง และเคยมีการค้นคว้าไว้บ้าง แต่ถังอู๋เจวี้ยนสุดท้ายก็อยู่ไม่ถึงฟู่จาวหนิงตอนนั้นเองก็ขาดวัตถุดิบยาอยู่ไม่น้อยนางเตรียมใช้การผสานกันของจีนและตะวันตก แต่ในตัวยาของจีน มีวัต