"เจ้าไปไม่ได้นะ ถ้าเจ้าไป ถึงตอนนั้นท่านผู้เฒ่าถามขึ้นมาข้าก็ไม่รู้จะตอบอย่างไรแล้ว!""แต่ว่าคุณหนูตอนที่ออกไปกำชับไว้ว่า ถ้ามีเรื่องอะไรต้องไปหานางให้ได้""พี่ทหารสองคนนั้นไม่ใช่บอกมาแล้วหรือ? ว่าคุณหนูสองสามวันนี้ขึ้นเขาไปหาสมุนไพร แล้วเจ้าจะไปหานางจากไหนกัน?"ฟู่จาวหนิงฟังออกว่าเสียงผู้ชายนี้คือเสียงของลุงจง ส่วนเสียงผู้หญิงอีกเสียงหนึ่งก็น่าจะเป็นป้าจงกระมังฮูหยินรองฟู่วันนั้นถูกนางขู่เอาไว้ ไม่มีทางไม่กล้าปล่อยป้าจงกลับมาแน่นอนนางพาม้าเดินเข้ามาทางประตูหลัง "ลุงจง ท่านกำลังจะไปหาข้าหรือ?"ลุงจงเงยหน้าขึ้นฉับพลัน พอเห็นนางก็ตื่นเต้นขึ้นมา "คุณหนูกลับมาแล้ว!"หญิงกลางคนที่ดูแล้วซื่อๆ มีความสามารถอีกคนหนึ่ง ก็น่าจะเป็นป้าจง คนรับใช้ที่ซื่อสัตย์ของตระกูลฟู่ก็เหลืออยู่แค่ไม่กี่คนนี่แล้ว"คุณหนู!"ป้าจงมองนาง รีบสาวเท้าเดินเข้ามาเบื้องหน้านาง จากนั้นก็กอดนางแน่น ร้องไห้จ้าออกมา"ข้าคิดว่าจะไม่ได้เห็นคุณหนูอีกแล้ว!"ฟู่จาวหนิงไม่ค่อยถูกใครกอดแน่นขนาดนี้ จึงตั้งตัวไม่ทันไปครู่หนึ่ง แต่ว่าบนตัวป้าจงมีกลิ่นที่เหมือนมีเหมือนไม่มีวูบหนึ่งทำให้นางได้สติกลับมา นางรีบผละตัวออกจากป้า
ฟู่จาวหนิงรู้สึกเกินคาดนางไม่รู้ชื่อของอ๋องเจวี้ยน แต่ท่านปู่กลับรู้สึกเหมือนรู้จักอ๋องเจวี้ยนเลย"ใช่แล้ว"พอนางตอบรับคำเดียวผู้เฒ่าฟู่ก็เหมือนถูกกระตุ้นครั้งใหญ่ รีบพูดอย่างร้อนรนว่า "ถอนหมั้น ไปถอนหมั้นกับเขาเสีย!"ฟู่จาวหนิงตกตะลึง "ท่านปู่ ไม่ใช่หมั้นหมาย ข้ากับเขาคารวะฟ้าดินเป็นสามีภรรยากันไปแล้ว แต่งงานกันแล้ว"แต่งงานกันไปแล้วแล้วจะถอนหมั้นอะไรกัน?ผู้เฒ่าฟู่ตาแดงขึ้นมา น้ำตารื้น "เช่นนั้นก็หย่าเสีย!""ท่านผู้เฒ่า?" พวกของเสี่ยวเถาก็ตกตะลึงไปแล้วมีปู่แท้ๆ ที่ไหนบ้างที่สั่งให้หลานสาวที่เพิ่งแต่งงานได้ไม่กี่วันไปหย่า?"จาวหนิง เจ้ากับเซียวหลันยวนหลับ...หลับนอนกันแล้วหรือยัง?" ผู้เฒ่าฟู่จับมือนางไว้แน่นฟู่จาวหนิงส่ายหน้าทันที"ยัง""เช่นนั้นก็ดี เช่นนั้นก็ดี! หย่า หย่ากับเขาเสีย ตอนนี้ยังทันเวลา" ผู้เฒ่าฟู่กระเสือกกระสนจะลุกขึ้น "ข้าจะเข้าวังไปขอพบจักรพรรดิ ให้เขาเป็นธุระเรื่องหย่าเสีย"ฟู่จาวหนิงมองปฏิกิริยาของเขาแล้วก็ยิ่งรู้สึกอยากรู้อยากเห็น หรือว่าตระกูลฟู่กับอ๋องเจวี้ยนเคยมีเรื่องบาดหมางกัน?แต่ที่นางรีบร้อนแต่งงานเดิมทีก็เพื่อจะไม่กระตุ้นจิตใจท่านปู่นะ แล้ว
"ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เสื้อผ้ากลับไปปะเสียหน่อยก็พอแล้ว"หมอหวังที่อยู่ข้างๆ มองผู้อาวุโสจี้ จากนั้นก็มองฟู่จาวหนิง เขาเหมือนพบกับความลับอะไรบางอย่างผู้อาวุโสจี้ก่อนหน้านี้ไปยังเขาจันทร์ลับฟ้า บอกว่ารับศิษย์มาคนหนึ่ง ดูภูมิอกภูมิใจมาก แต่ว่าตอนที่ฟู่จาวหนิงออกมาเขากลับเหมือนไม่รู้จักนาง ยังเรียกนางว่าแม่หนูอยู่เลย แต่เมื่อครู่เขาเรียกนางว่าอะไรนะ?ศิษย์!ฟู่จาวหนิงคนนี้คือศิษย์ที่ผู้อาวุโสจี้รับมา ผู้อาวุโสจี้จงใจไปสนับสนุนตัวนาง!แต่ว่าตอนนี้ความสนใจของเขาไม่ใช่อยู่ที่ความลับนั่น แต่เป็น..."พระชายาอ๋องเจวี้ยน วิธีการกดที่ท่านทำให้กับผู้เฒ่าฟู่เมื่อครู่ยอดเยี่ยมเสียเหลือเกิน!" เขารอให้ผู้อาวุโสจี้กับฟู่จาวหนิงพูดต่อไม่ไหวแล้ว รีบร้อนสอดคำพูดเข้ามา"ท่านนี้คือหมอหวัง จริงด้วย อาจารย์เชิญเขามาเพื่อตรวจดูอาการปู่ของเจ้า ให้เขาเข้าไปตรวจก่อนดีไหม?"ฟู่จาวหนิงเดิมทีคิดจะบอกว่าไม่ต้องแล้ว แต่พอคิดๆ ดู นางยังไม่รู้ว่าวิชาการแพทย์ของเหล่าหมอในแคว้นเจาเป็นอย่างไร ทำความเข้าใจสักหน่อยก็น่าจะดี จึงพยักหน้าให้"เช่นนั้นก็เชิญหมอหวังตรวจอาการให้ท่านปู่ข้างหน่อยเถิด ส่วนวิชาเมื่อครู่ของข้า
ฟู่จาวหนิงยุ่งเหยิงขึ้นมาทันทีนางอันที่จริงก่อนหน้าก็ไม่ได้สนใจเลย คิดแค่ว่าอ๋องเจวี้ยนดูแล้วอายุน้อยกว่าองค์จักรพรรดิอยู่พอควร แล้วทั้งสองคนยังดูคล้ายกันอีก ยิ่งไปกว่านั้นตอนที่องค์จักรพรรดิพูดกับอ๋องเจวี้ยนน้ำเสียงอะไรก็ดูเป็นความสนิทสนมใจดีของผู้อาวุโส (แน่นอนว่าเป็นไปได้ที่จะเสแสร้ง) นางจึงคิดว่าเขาเป็นพระโอรสคิดไม่ถึงเลย ว่าเขากลับเป็นเสด็จอาของพระโอรสแทนหรือว่านี่จึงเป็นสาเหตุที่เซียวเหยียนจิ่งไม่กล้ารุ่มร่ามกัน? สะกดไว้ด้วยตัวตนฐานะสินะ อ๋องเจวี้ยนสำหรับเซียวเหยียนจิ่งก็คือผู้อาวุโสนี่นา แม้ว่าพวกเขาจะอายุไล่เลี่ยกัน"เจ้าขนาดตัวตนฐานะก็ยังไม่รู้ ดังนั้นก็คงไม่รู้เรื่องตอนก่อนที่เขาจะสองขวบยังอยู่ที่นอกวังกระมัง ได้ยินว่าก่อนรับกลับเข้ามาในวัง ร่างกายของเขาอ่อนแออย่างมาก แล้วยังมีคนลือกันว่าพระโอรสนี่น่าจะเลี้ยงไม่รอด แล้วต่อมาเขายังโดนพิษเข้าไปอีกครั้งหนึ่งในวังด้วย""โดนพิษหรือ?""อืม เหมือนว่าตอนนั้นเขาก็อายุไม่กี่ขวบเอา ได้ยินว่าครั้งนั้นกลายเป็นเรื่องใหญ่โตเลย ตอนนั้นไท่ซ่างหวงโกรธมาก สั่งให้ตรวจสอบวังหลวงทั้งวัง ตอนนั้นในวังกำลังจัดงานเลี้ยงอะไรอยู่ และมีพวกขุนนาง
ผู้อาวุโสจี้สีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกขึ้นมา"เรื่องนั้น อาจารย์เป็นผู้อาวุโสในพันธมิตรโอส แต่ว่าพันธมิตรโอสถก็มีกฎเกณฑ์อยู่ คนด้วยกันเองซื้อวัตถุดิบยา สามารถลดราคาได้สองส่วน แต่เงินก็ยังต้องจ่ายอยู่"แล้วก็วัตถุดิบยาที่นางต้องการ ก็ไม่ถูกเลยฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะเอาเปรียบพันธมิตรโอสถขนาดนั้น และนางเองก็ไม่มีเงินมากเช่นกัน ดังนั้น คงต้องพึ่งพาตนเองเก็บยาสกัดยาค่อยๆ เลี้ยงตัวไปก่อน"ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวข้าจะไปหาเจ้าพันธมิตรดู เขาอาจจะรู้ถึงความสัมพันธ์ในอดีตของตระกูลฟู่กับอ๋องเจวี้ยน ช่วงนั้นพันธมิตรเองก็อยู่ในเมืองหลวงเช่นกัน" ผู้อาวุโสจี้เอ่ยขึ้น"ได้เลย เช่นนั้นก็รบกวนท่านอาจารย์แล้ว""ไม่ต้องเกรงใจ เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ?" ตาเฒ่าจี้ถลึงตาโตขึ้นฉับพลัน ตื่นเต้นขึ้นมา"ท่านอาจารย์ ไม่ใช่บอกว่าจะรับข้าเป็นศิษย์หรือ?" ฟู่จาวหนิงกระพริบตาปริบเมื่อครู่ที่ผู้อาวุโสจี้บอกว่าสามารถสร้างเหตุผลพื่อมาหลอกคนเรื่องที่นางจู่ๆ ก็เป็นวิชาแพทย์ นางรู้สึกหวั่นไหวมาก ยิ่งไปกว่านั้น นางก็อยากจะเรียนรู้เกี่ยวกับวัตถุดิบยาในแคว้นเจาจากผู้อาวุโสจี้ด้วยการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด นางเองก็จะหยิ่งทะนง
สิ่งที่ไท่ซ่างหวงเหลือไว้ให้อ๋องเจวี้ยนครั้งนั้น ตัวกุญแจกับสถานที่ล้วนส่งมอบให้กับคนสามคน ในมือพวกเขาทั้งสามคนล้วนมีสิ่งยืนยันอยู่คนละชิ้น มีเพียงทั้งสามคนมาอยู่พร้อมกันเท่านั้น นำเอาของทั้งสามอย่างออกมาจึงจะใช้ได้แต่ว่าสามคนนี้คือใคร กระทั่งองค์จักรพรรดิเองก็ยังไม่รู้องค์จักรพรรดิกับฮองเฮาก็คอยเลียบๆ เคียงๆ หาข่าวจากไทเฮาอยู่ แต่ผลลัพธ์คือไทเฮาเองก็ไม่รู้เหมือนกันนี่เป็นปมในใจปมหนึ่งขององค์จักรพรรดิเห็นๆ อยู่ว่าเขาต่างหากที่เป็นคนที่มีคุณสมบัติสืบทอดการปกครองมากที่สุด ตำแหน่งจักรพรรดิท้ายสุดก็ยังส่งมาให้เขา แต่ไท่ซ่างหวงกลับรู้สึกชอบไปทางอ๋องเจวี้ยนมากกว่าอย่างชัดเจนเสด็จแม่ของเขาต่างหากที่เป็นฮองเฮาลำดับหนึ่ง ไทเฮาคนปัจจุบันเข้าวังมาทีหลังด้วยซ้ำ แต่พอเข้าวังก็ไม่ต้องไปตบตีแย่งชิงกับนางสนมเลย ขึ้นแท่นนั่งบัลลังก์ไปเลยทันทีแล้วยังอ๋องเจวี้ยนที่เกิดออกมาภายนอกนั่นอีก ถ้าหากในบ้านปกติ ก็นับเขาว่าเป็นลูกนอกสมรสได้แล้ว ไท่ซ่างหวงแอบไปลูกที่นอกวัง รอจนสองขวบจึงรับกลับเข้ามา ด้านบนก็มีพระโอรสอยู่ตั้งหลายคนแล้ว แต่ก็ยังรักเจ้าคนที่มาทีหลังนี่อย่างกับสมบัติล้ำค่าองค์จักรพรรดิกั
"เช่นนั้นข้าจะรีบไปอุ่นข้าวก่อนแล้วกัน" ป้าจงเองก็รีบไปทำงานเช่นกันลุงจงป้อนม้าตัวนั้นแล้วเรียบร้อย กำลังกวาดลานบ้าน พอได้ยินว่าฟู่จาวหนิงตื่นแล้วก็ยิ้มขึ้นมา ไม่รู้เพระาอะไร ตอนที่ฟู่จาวหนิงนอนหลับยังไม่ตื่น จิตใจของพวกเขาทั้งหมดก็เหมือนจะทั้งตึงทั้งเครียดตอนนี้พอได้ยินว่านางตื่นแล้ว พวกเขาก็วางใจลงมาทันทีฟู่จาวหนิงหลังจากล้างหน้าล้างตา ป้าจงก็ยกกับข้าวเข้ามาแล้ว"ท่านปู่ตื่นมาแล้วพูดอะไรหรือไม่?""ท่านผู้เฒ่าหลังจากตื่นมา พวกเราก็บอกว่าท่านนอนหลับอยู่ในห้อง เขาก็ไม่พูดอะไรอีก น่าจะรอให้ท่านตื่นก่อนแล้วค่อยพูดกระมัง" เสี่ยวเถาเอ่ยขึ้น"ท่านผู้เฒ่าดูแล้วเหมือนกำลังวังชาจะดีขึ้น พอกินยาลูกกลอนที่คุณหนูให้มาไปสองครั้ง ตอนกลางวันก็กินข้าวได้ และนอนหลับไปแล้ว"พวกของป้าจงล้วนรู้สึกว่ายาลูกกลอนขวดเล็กที่ฟู่จาวหนิงส่งมาให้เมื่อวานนี้มีประสิทธิภาพดีมาก ยอดเยี่ยมมาก เพราะว่าเมื่อคืนกับวันนี้ผู้เฒ่าฟู่หลังจากกินลงไปสองครั้งก็กินข้าวได้แล้วก่อนหน้านี้เขากินอะไรไม่ลงเลย"่ข้าไปดูท่านปู่ก่อน""คุณหนู ท่านเมื่อวานกลับมายังไม่ได้กินอะไรเลย รีบกินข้าวเสียก่อนเถิด ท่านผู้เฒ่ายังนอนหลับอย
ฟู่จาวหนิงยืนขึ้นมา โมโหจนหน้าเขียว"ตระกูลเจียงยังมีร้านอยู่นี่ แล้วร้านล่ะ?""ร้าน"ป้าจงกับเสี่ยวเถาสบตากัน รู้สึกลำบากใจมาก"คุณหนู ท่านช่วงนี้ไม่ค่อยรู้เรื่องการทำธุรกิจ ฮูหยินรองฮูหยินสามก็เข้ามาหาท่านผู้เฒ่าอยู่ตลอด บอกว่าส่งร้านให้พวกนางดูแลเถอะ แล้วทุกปีจะแบ่งเงินส่งมาให้"ประหยัดคนแก่ป่วยกระเสาะกระแสอย่างท่านผู้เฒ่าไปคน แล้วก็ยังมีสาวน้อยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยอย่างฟู่จาวหนิงอีกคน ทำเอาร้านพังป่นปี้ไปจนหมดแล้ว"ท่านผู้เฒ่านำสัญญาของร้านส่งเป็นสินสอดให้คุณหนูแล้ว วันนั้นคุณหนูก็กอดอยู่บนเกี้ยวนี่ คุณหนูไม่รู้หรือ?"เสี่ยวเถามองฟู่จาวหนิงอย่างประหลาดกล่องสินสอด?ในหัวสมองฟู่จาวหนิงเหมือนมีภาพหลายภาพแล่นปรากฎขึ้น แต่ว่าหัวของนางก็เจ็บปวดขึ้นมานางตอนนี้เพิ่งคิดออกถึงปัญหาหนึ่ง คุณหนูฟู่ออกจากบ้านวันนั้น ขึ้นเกี้ยว แล้วตายในเกี้ยวอย่างไรกัน ความทรงจำสั้นๆ ช่วงนี้เหมือนจะไม่มีอยู่เลยความทรงจำสุดท้าย ก็คือนางนั่งอยู่หน้าโต๊ะแต่งหน้าในห้องนี้ หยิบผ้าคลุมแดงลงมาคลุมด้วยตนเอง จากนั้นหลังจากที่ตื่นมา นางก็ข้ามมิติมาแล้ว"ข้าวันนั้นออกไปขึ้นเกี้ยวด้วยตนเองเลยหรือ" ฟู่จาวห
ก่อนหน้านี้ทรมานหมอฟู่ไว้มาก สาวใช้นั่นยังบอกว่าหมอฟู่กับนายท่านเป็นอะไรอะไรกันอีก ป้าหนิวเห็นแล้วไม่สบอารมณ์องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ถูกนางเหลือบมองใส่แบบนี้จนอายไปเฉินเซียงกลับถลึงตามองแผ่นหลังป้าหนิวเจ้าคนชั้นต่ำ นังคนชั้นต่ำ กล้ามามององค์หญิงใหญ่พวกนางแบบนี้เรอะฟู่จิ้นเชินตอนนี้จึงหมุนตัวหันไปมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ถามขึ้นว่า "องค์หญิงใหญ่จะพบอ๋องเจวี้ยน เพราะอยากให้อ๋องเจวี้ยนพาท่านไปเมืองหลวงหรือ? ถ้าหากมีเป้าหมายนี้ เช่นนั้นข้าบอกท่านไว้ได้เลย ว่าท่านยังออกจากเมืองเจ้อไม่ได้"ฟู่จาวหนิงกับอันเหนียนผู้บริหารท้องถิ่นโหยวสามฝ่ายตกลงกันแล้ว ตอนนี้ประตูเมืองปิดอยู่ ใครอยากจะออกจากเมือง ต้องยื่นจดหมายออกจากเมืองมา ถ้าบนต้องมีผู้บริหารท้องถิ่นโหยวใต้เท้าอันและหมอฟู่สามคนลงนาม ขาดไปสักคนก็ไม่ได้ถ้าหากไม่มีจดหมายออกจากเมืองที่มีนามทั้งสาม ใครก็ออกไปไม่ได้ทั้งนั้นแล้วอาการป่วยอย่างองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ฟู่จาวหนิงไม่มีทางปล่อยนางออกไปแน่ไหนจะเรื่องที่นางจะตามอ๋องเจวี้ยนไปอีกฟู่จิ้นเชินตอนนี้รู้สึกว่าสมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก แค่คิดก็รู้แล้ว ฟู่จาวหนิงจะยอมให้อ๋องเ
ฟู่จาวหนิงถูกจูบจนเคลิ้มหลับไปอีกรอบเซียวหลันยวนได้ยินเสียงหายใจลึกของนางแล้วก็จนใจเขาเลือดพุ่งขึ้นมาแล้ว แต่นางกลับหลับไป ดูท่าในเมืองเจ้อระยะนี้นางคงจะเหนื่อยมากจริงๆเขาเองก็ไม่ได้ทรมานนาง กอดนางแล้วหลับไปองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเดิมทีกำลังรอว่าจะฝันอีกครั้ง ดีที่สุดคือได้ฝันเห็นลุงหวังพูดอะไรกับอ๋องเจวี้ยนว่ากล่องใบนั้นเปิดอย่างไรแต่เมื่อคืนนี้นางก็ฝันจริงๆ น่าเสียดายที่ฝันร้าย ในฝันตนเองอยู่ในตำหนักเพียงคนเดียว จะอย่างไรก็ออกไปไม่ได้ และไม่มีใครด้วย ทุกแห่งมีแต่แสงทึม ในความมือเหมือนมีเสียงอะไรที่น่ากลัว ทำให้นางรู้สึกกลัวมากหลังจากสะดุ้งตื่น องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็เหงื่อท่วมไปทั้งตัว"องค์หญิงใหญ่ ท่านฝันร้ายหรือ?" เฉินเซียงถูกนางทำสะดุ้งตื่นตาม รีบลุกขึ้นนั่งองค์หญิงใหญ่ไม่ค่อยฝันร้ายเท่าไร แต่บางครั้งก็จะฝันร้ายบ้างสักครั้ง แสดงว่าช่วงเวลานั้นจะผ่านไปได้ไม่ค่อยดีนักเฉินเซียงเครียดขึ้นมาแล้วพวกนางตอนนี้ผ่านความน่าเวทนามากมาแล้ว ไม่น่าแย่กว่านี้แล้ว ไม่เช่นนั้นนางคงทนรับไม่ไหวแล้วนางมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอย่างตึงเครียด หวังว่านางจะปฏิเสธแต่นางก็ยังผิดหวัง องค์หญิงใ
"รุ่นหลังของตระกูลปันมีกี่คนหรือ?""รุ่นหลังของตระกูลปันก็มีอยู่ไม่น้อยเลย พวกเขามีช่างที่มีฝีมือ ในตอนนั้นหลบหนีจากภัยพิบัติได้ เหลือรุ่นหลังเอาไว้ ตอนนี้คนที่มีอำนาจในตระกูลปันชื่อว่าปันมู่ พวกเขาไหว้วานขบวนพ่อค้าให้ส่งจดหมายเข้ามา บอกว่าคนเองก็อยู่ระหว่างทางมาแคว้นเจาแล้ว"ปันมู่เซียวหลันยวนจำชื่อนี้ไว้"แล้วเจ้าเป็นรุ่นหลังจากตระกูลไหนกัน?""ใต้ฝ่าพระบาท ข้าคือรุ่นหลังจากตระกูลเหมิ่ง ตอนนั้นปู่ข้าได้รับมอบหมายงานกะทันหัน ทิ้งสิ่งของเพื่อส่งมอบให้กับจักรพรรดิรุ่นใหม่ องค์หญิงใหญ่จากไปแล้ว แต่ยังทิ้งลูกหลานไว้ ก็คือฝ่าพระบาทนั่นเอง ข้าระลึกเสมอว่าต้องนำสิ่งของส่งให้ถึงมือท่าน"แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าใช่เขาหรือไม่ เขาได้รับสิ่งของที่จักรพรรดินีทิ้งไว้แล้วหรือยัง เขาส่งเครื่องพยากรณ์ออกไปสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้"เจ้าหมายถึงเครื่องพยากรณ์หรือเปล่า?""ใต้ฝ่าพระบาทรู้จริงๆ ด้วย ใช่แล้ว ของสิ่งนี้อยู่ในมือข้ามาหลายปีแล้ว ข้าปกป้องเอาไว้ไม่ค่อยปล่อยไปไหน ตอนนี้ก็ส่งให้กับมือใต้ฝ่าพระบาทได้เสียที ในที่สุดข้าก็ได้พักผ่อนเสียที..."ลุงหวังบอกถึงตำแหน่งที่ซ่อนเครื่องพยากรณ์เซียวหลันยวนฟังเ
ฟู่จาวหนิงเก็บเครื่องพยากรณ์กลับเข้าไปในมิติ แล้วก็ถูกเซียวหลันยวนกอดเข้าไปในผ้าห่มเขาคลุมผ้าห่มนางให้ดี จูบไปที่ปากนางเบาๆ เอ่ยขึ้นแผ่วเบาว่า "เจ้าก็นอนให้สบาย ข้าจะทำการอย่างระวัง""ได้"เซียวหลันยวนเป่าเปลวเทียน ออกประตูไปอย่างแผ่วเบา"ท่านอ๋อง?" ชิงอีออกมาจากมุมมืดรู้สึกเกินคาดหน่อยๆ ที่ท่านอ๋องจะออกไปตอนดึกขนาดนี้ คืนนี้ไม่ใช่ควรอยู่กับพระชายาหรอกหรือ?"ไป" เซียวหลันยวนกลับไม่อธิบายอะไรมากตอนมาถึงทางตาเฒ่าอู๋ ในคืนเงียบสงัดเช่นนี้ กลับได้ยินเสียงไอค่อกแค่กอยู่แค่กๆๆๆมีทั้งที่ดังขึ้นครั้งสองครั้ง และมีที่ดังขึ้นต่อเนื่องไม่หยุดมีทั้งที่ดังจนปอดแทบฉีก ทำเอาคนที่ไม่ไอฟังแล้วรู้สึกคันขึ้นมาที่คอเลย แทบจะไอตามไปด้วย"ท่านอ๋อง คนเหล่านี้ป่วยหนักมาก" ชิงอีเอ่ยขึ้นเสียงต่ำเขาเห็นว่าท่านอ๋องยังมาที่ตาเฒ่าอู๋ทางนี้ จึงรู้สึกกังวลขึ้นหน่อยๆ"อืม ดังนั้นหวังว่าจาวหนิงจะค้นคว้ายาที่สามารถสะกดอาการป่วยนี้ออกมาได้ ไม่ให้มันระบาดต่อไปอีก ไม่เช่นนั้นก็ไม่อยากจะคิด"เซียวหลันยวนถึงแม้จะปวดในที่ฟู่จาวหนิงอยู่ที่นี่ แต่เขาก็เข้าใจดี ตอนนี้เมืองเจ้อต้องการนางจริงๆไม่ใช่แค่เมืองเ
"ท่านเองก็ลองดูสิ" นางส่งคืนกลับให้เขาเขายังไม่ทันได้ดูเลยน กลับส่งให้นางดูก่อนเสียแล้วเซียวหลันยวนรับมา หยิบไปวางไว้ตรงหน้าในใจเขาเองก็สั่นสะเทือนเช่นกันนี่มันยอดเยี่ยมมาก"เครื่องพยากรณ์นี้ ในตงฉิงถือได้ว่าเป็นสมบัติเลยกระมัง?" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น"อืม" เซียวหลันยวนวางเครื่องพยากรณ์ลง พยักหน้า "ราชครูจะสืบทอดต่อให้เป็นรุ่นๆ ถ้าหากบนมือไม่มีเครื่องมือพยากรณ์ ราชครูก็จะไม่เป็นที่ยอมรับอย่างชอบธรรม ยิ่งไปกว่านั้น คนตงฉิงก็ยังเชื่อว่า ผลลัพธ์ที่ไม่ได้ออกมาจากการคาดการณ์ของเครื่องมือพยากรณ์ ล้วนไม่แม่นยำทั้งสิ้น""นั่นเท่ากับเป็นสิ่งที่เครื่องพยากรณ์สิบห้าปีใหม่คำนวณออกมาใช่ไหม? แล้วเก่ากว่านั้นล่ะ""ที่เก่ากว่านั้นจะถูกประทับตราเป็นของไม่ใช้งานแล้ว แล้วปิดผนึกไว้ในสุสานจักรพรรดิ"หรือก็คือ ขอแค่ไม่มีชิ้นใหม่ออกมา บนโลกนี้ก็จะมีแค่เครื่องพยากรณ์ที่กำลังใช้งานอยู่เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น"แล้วลุงหวังคนนั้น คงจะไม่ใช่รุ่นหลังของราชครูตงฉิงหรอกกระมัง?" ฟู่จาวหนิงถามขึ้นเซียวหลันยวนนิ่งงันไปพักหนึ่ง ตอบว่า "อันที่จริงก่อนหน้านี้ข้าก็คาดเดามาตลอด เจ้าอารามต่างหากที่น่าจะเป็น"ฟู่
"กล่องใบนี้ เป็นงานฝีมือของตระกูลปัน"แตกต่างกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นที่ได้กล่องมาแล้วศึกษาอยู่นานแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เซียวหลันยวนหมุนๆ ดูก็สรุปออกมา"ตระกูลปัน?""อืม" เซียวหลันยวนพูดไปด้วย มือเองก็คลำๆ ไปด้วย "หลานหรงไม่ใช่ว่าค้นข้อมูลเกี่ยวกับตงฉิงมาหรือ? ตอนนั้นลุงเสิ่นเองก็มอบหนังสือมาให้ ด้านบนมีการแนะนำตระกูลบางส่วนของตงฉิงไว้ ตระกูลปันก็อยู่ในนั้นด้วย""พูดเช่นนี้ ตระกูลปันก็เป็นช่างอย่างนั้นหรือ?"ฟู่จาวหนิงอดคิดถึงหลู่ปัน(นักประดิษฐ์เลื่องชื่อในประวัติศาสตร์จีน)ขึ้นมาไม่ได้ที่นี่ก็มีตระกูลปันด้วย ดูแล้วก็ลึกลับเอาการ"อืม เข้าใจแบบนี้ได้"เซียวหลันยวนตอนเพิ่งเริ่มยังดูช้าๆ อยู่ ลูบๆ คลำๆ แต่ไม่นานนักก็ดูรวดเร็วขึ้นมา กล่องไม้ที่ดูสมบูรณ์แบบนั่นไม่รู้เขาทำอีท่าไหน ตรงนี้กลับดึงได้ตรงนั้นกลับกดได้ขึ้นมาฟู่จาวหนิงมองเขาเล่นอยู่ครู่หนึ่ง ก็ไม่ได้ถามอะไร นั่งมองเขาเปิดกล่องใบนั้นอยู่ข้างๆนิ้วของเขามีข้อต่อชัดเจน เรียวสวย เล็บสะอาดเรียบร้อยราวกับเป็นงานศิลปะสองมือนี้ ไม่เอาไปเล่นเปียโนคือน่าเสียดายมากตอนที่ความคิดฟู่จาวหนิงเริ่มเตลิด ก็ได้ยินเสียงดังแกร๊ก กล่องเปิดออกแ
"ขโมยมาจากไหนกัน?" ฟู่จาวหนิงมองเขา"ห้องข้างฝั่งตะวันตก"พอเขาพูดเช่นนี้ ฟู่จาวหนิงก็เข้าใจขึ้นมาทันที สมองนางร้อยเรียงเรื่องราวออกมาอย่างรวดเร็วนางถามขึ้นอย่างตกตะลึง "องค์หญิงใหญ่ออกไปข้างนอกมาหรือ? ่นางหาชายชราคนนั้นเจอแล้วหรือ?"เซียวหลันยวนนับถือสมองของนางจริงๆ ที่คิดได้เร็วขนาดนี้"ใช่แล้ว เจ้าพูดถูกต้อง ข้าประเมินนางต่ำไป คิดไม่ถึงว่านางจะฝันเรื่องแบบนี้ได้จริงๆ"เซียวหลันยวนเองก็รู้สึกเกินคาดถึงแม้เขาจะให้คนจับตาดูองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไว้ แต่ก็เป็นแค่ความเคยชินที่ชอบให้เรื่องอยู่ในการควบคุมเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าจะได้มาเห็นฝันของนางเป็นจริงนางมีความสามารถเช่นนี้ ไม่แปลกที่หลายปีมานี้ก็ยังรักษาชื่อเสียงในเรื่องโชคไว้ได้ แล้วยังทำให้ฝ่าบาทต้าชื่อดึงนางไว้แน่นโดยไม่ยอมปล่อยมืออีกแล้วก็ไม่รู้ว่าจะฝันเห็นถึงอะไรบ้างด้วย"ท่านหมายความว่า นางหาชายชราคนนั้นเจอแล้ว?"ฟู่จาวหนิงพอคิดๆ ก็รู้สึกไม่ถูก "แล้วนางไปกล่อมชายชราให้ส่งของให้นางไม่ได้ ก็เลยเลือกขโมยมาอย่างนั้นหรือ?!"ถ้าหากเป็นเช่นนั้น ความทรงจำเกี่ยวกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นของนางก็คงต้องล้างใหม่เสียแล้วเรื่องแบบนี้ก็
คืนนี้ องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นน่าจะเพราะออกไปด้านนอกตากลมหนาวมา กลางดึกจึงจับไข้จนมึนงง แล้วก็ไอจนนอนไม่ได้แต่นางไม่รู้ ว่าตอนที่นางไอจนสลึมสลือ มีเงาดำร่างหนึ่งเข้ามาในห้องนางอย่างไร้ซุ่มเสียงเฉินเซียงที่นอนอยู่บนแคร่นิ่มข้างๆ พลิกตัวมา ในปากพึมพำอะไรคำสองคำ จากนั้นก็หลับไปอีกเงาดำชะงักไป รื้อค้นในห้องขึ้นมาน่าจะเพราะที่นี่ไม่ใช่สถานที่ขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่มีชั้นเก็บของอะไรไว้ซ่อนของได้มาก เพียงไม่นาน เขาก็หาของเจอวางอยู่ในลังที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นนำมาด้วยถึงแม้ลังจะใส่กลอนไว้ แต่พอเห็นกลอนนั่น เงาดำก็รู้ว่ากุญแจอยู่ที่ไหน จึงเด็ดปิ่นปักผมเล่มหนึ่งออกมาจากองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น พอบิดออกก็กลายเป็นกุญแจจริงๆคนในวังส่วนมากล้วนใช้วิธีการนี้กลอนถูกปลดออกทันที พอได้ของที่ห่อผ้าไว้ เงาดำก็จัดการลงกลอนลังอีกครั้ง นำปิ่นปักผมคืนกลับไป จากนั้นก็ออกประตูมาอย่างไร้ซุ่มเสียงเพียงไม่นาน ของชิ้นนี้ก็มาอยู่ตรงหน้าเซียวหลันยวน"ท่านอ๋อง อีกเดี๋ยวให้พระชายาดูดีไหม ของนี่อยู่ในมือลุงหวังคนนั้นแล้วยังย้ายไปอยู่ในมือองค์หญิงใหญ่อีก พวกเขาติดโรคมากันหมดแล้ว ทางที่ดีท่านอย่า
ฟู่จาวหนิงรู้ว่าตอนนี้ต่อให้จะรับประกันดีแค่ไหน เซียวหลันยวนก็ยังกังวลตนเองอยู่ดีก็เหมือนกับที่เขาไม่ยอมกลับเมืองหลวง นางก็รู้สึกกังวลว่าเขาจะติดโรคระบาดที่นี่"พรุ่งนี้ท่านกลับเมืองหลวงเถอะ เอาจริงๆ ท่านอยู่ที่นี่ข้าก็เป็นห่วงอยู่ตลอด แล้วท่านก็ตามข้ามาแบบนี้อีก""พรุ่งนี้จะดูสถานการณ์ ข้ารับปากเจ้า จะไม่คอยตามเจ้าแล้ว""ไม่ตามแล้วหรือ?""ใช่ แค่รู้ว่าทุกวันเจ้าผ่านไปอย่างไร ทำอะไรบ้าง ในใจข้าก็พอเข้าใจแล้ว จะไม่ตามอีก"แม้จะเป็นห่วง แต่ตอนนี้พอได้ติดตามมาวันหนึ่ง ได้รู้ว่านางใช้ชีวิตผ่านไปอย่างไร ก็ยังดีกว่าก่อนหน้านี้ที่ไม่รู้อะไรเลย ทำได้แค่คอยจินตนาการผ่านถ้อยคำบนจดหมายเขาจะมาถ่วงแข้งขานางไม่ได้ เพราะแม้แต่เขาก็รู้ ว่าเมืองเจ้อตอนนี้ขาดฟู่จาวหนิงไม่ได้"ถ้าอย่างนั้นท่านไปพักกับผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเถอะ ทางนั้นอย่างน้อยก็ไม่มีคนป่วย"ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าในโรงหมอก็ยังมีความเสี่ยงสูง"พรุ่งนี้ข้าไม่อยู่ที่โรงหมอ ข้าจะไปที่อื่นหน่อย"ฟู่จาวหนิงเห็นว่าเซียวหลันยวนมีแผนการของตนเองอยู่ จึงไม่ได้ถามอะไรเขามากขึ้น ถึงอย่างไรเขาปล่อยนางให้อยู่ที่นี่รักษาคนป่วยได้ ไม่ได้ดึงดันจะพ